Immortal and Martial Dual Cultivation 143 สังหารโดยปราศจากความเมตตา

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 143 สังหารโดยปราศจากความเมตตา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่ 143 สังหารโดยปราศจากความเมตตา

 

เมื่อทั้งหกคนเห็นเซี่ยวเฉินเข้ามาใกล้ พวกเขาทั้งหมดก็กลายเป็นระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก พวกเขากลั้นหายใจทันใดนั้นความเงียบสงัดก็เข้ามาทันที

 

จางถูจับชิ้นส่วนเหล็กปริศนาเอาไว้ในมือ เขาเหงื่อออกเยอะมาก เขาอดไม่ได้ที่จะตําหนิตนเองในใจ เพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญยุทธ์ระดับสูง ไม่จําเป็นที่จะต้องกังวลมากนัก

 

เขาค่อยๆใจเย็นลงขณะมองไปที่เซี่ยวเฉินที่กําลังใกล้เข้ามา เขาอดไม่ได้ที่จะนับถอยหลังในใจช้าๆ สิบ… เก้า แปด…

 

“ลุย!”

 

เมื่อเขานับถอยหลังเสร็จ เขาขว้างชิ้นส่วนโลหะในมือเขาออกไปทันที ชิ้นส่วนโลหะขยายใหญ่ขึ้นในทันที เพิ่มขนาดจนกลายมาเป็นภูเขาขนาดเล็กทันที และตกลงไปที่ตําแหน่งของเซี่ยวเฉิน

 

เกิดเสียงปะทะดังเมื่อมันตกลงมา พื้นดินสั่นสะเทือนและต้นไม้ใกล้เคียงโค่นล้มลง

 

“ไม่นะ!” จางถูอุทาน ทันใดที่ชิ้นส่วนโลหะที่ออกไปจากมือเขา เกิดประกายสายฟ้าและเซี่ยวเฉินก็หายไปทันที

 

“อ้า!”

 

มีเสียงร้องน่าสังเวชดังขึ้น มันน่ากลัวเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินในป่าอันเงียบสงบ

 

ร่างกายของหลิวเฉินถูกผ่าเป็นสองส่วน และล่วงลงมาจากต้นไม้ เซี่ยวเฉินยืนอยู่บนต้นไม้มองดูชิ้นส่วนโลหะที่อยู่บนพื้น เขารู้สึกประหลาดใจ

 

โชคดีที่เซี่ยวเฉินสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของพวกเขาที่คิดจะฆ่าเซี่ยวเฉิน มิเช่นนั้น ถ้าเขาปล่อยการป้องกันลง เซี่ยวเฉินคงจะตกลงสู่กับดัก ด้วยแรงกดดันมหาศาลกดทับลงมาที่เขา แม้แต่ขอบเขตนักบุญก็คงรู้สึกไม่ดีเช่นกัน

 

จางถูลงไปยืนที่พื้นอย่างรวดเร็ว และหยิบชิ้นส่วนโลหะขึ้นมา เขาต้องการจะขว้างมันอีกครั้ง แต่เซี่ยวเฉินไม่มอบโอกาสให้เขาทําเช่นนั้น เซี่ยวเฉินกระโดดขึ้นไปในอากาศ และพุ่งออกจากยอดของต้นไม้; เขากลายเป็นมังกรฟ้าที่กําลังคําราม

 

ประกายแสงอันหนาวเหน็บ; เมื่อเซี่ยวเฉินลงมาอยู่เบื้องหน้าจางถู เขาไม่ลังเลที่จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ใช้การฟาดฟันกระบี่

 

กระบี่สร้างสายลมกรรโชกขึ้น แต่กระบี่กลับรวดเร็วยิ่งกว่าลม กําลังมุ่งไปทางจางถู จางถูยอมแพ้ที่จะโยนชิ้นส่วนโลหะออกไปและถอยกลับ

 

เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นเขาถอย มุมปากของเขาขดกลายเป็นรอยยิ้ม มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นจากเบื้องหลังขณะที่สายฟ้าพุ่งทะลุลงไปที่พื้น และเคลื่อนไหวผ่านเท้าของเซี่ยวเฉินก่อนที่จะรวมตัวกันอยู่ที่กระบี่เงาจันทร์

 

ทันใดนั้น ประกายแสงสีม่วงก็ปรากฏ เซี่ยวเฉินไม่แม้แต่จะปลดปล่อยพลังของแก่นกลางปิศาจที่อยู่ในกระบี่เงาจันทร์ อย่างไรก็ตาม ประกายแสงสายฟ้ายังคงวูบไหวไปมา

 

เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างดุดัน และคมของกระบี่ก็พุ่งออกไปเป็นเส้นแสงยาวสีม่วง

 

ในเส้นแสงสายฟ้ามีประกายสายฟ้าเปรี้ยะประออกมานับไม่ถ้วน มันดูแปลกประหลาดมากแต่ก็งดงาม

 

จางถูรู้ว่าเขาหลบเส้นแสงสายฟ้านี้ไม่พ้น เขาใช้พลังปราณในร่างกายทั้งหมดสร้างโล่ห์ปราณขึ้นมาโดยหวังว่ามันจะปะทะกันซึ่งหน้า

 

อย่างไรก็ตาม ทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันถูกเซี่ยวเฉินพัฒนาจนมีพลังอํานาจมากกว่าเก่าแล้ว แม้จางถูจะใช้พลังปราณทั้งหมดเพื่อสร้างโล่ห์มันก็ยังไม่เพียงพอ

 

“เปรี้ยง!”

 

โล่ปราณที่อยู่เบื้องหน้าจางถูถูกทําลายแยกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที แสงสีม่วงตัดผ่านเสื้อผ้าของเขา และสร้างรอยแตกยาวบนเกาะศึกที่ระดับเหลืองที่เขากําลังสวมอยู่ จากนั้นก็ทิ้งรอยแผลเหวอะขนาดใหญ่บนหน้าอกของเขาส่งผลให้เลือดพุ่งกระฉุดออกมา

 

แสงไฟฟ้าอันน่าหวาดกลัวไหลเข้าไปในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว ทําลายเส้นปราณของเขา ไม่ทันไร พลังปราณในร่างกายของจางถูก็กลายเป็นวุ่นวาย; เขาสูญ เสียการควบคุมร่างกายชั่วคราว

 

“สายฟ้าผ่าสวรรค์!” เซี่ยวเฉินคํารามขณะที่ร่างกายของเขาพุ่งขึ้นไป กระบี่ถูกแทงไปทางหน้าอกของจางถูด้วยท่าร่างที่เขาใช้ทักษะหลบเลี่ยงไม่ได้

 

“ม่ายยยยย!” จางถูเผยให้เห็นความหวาดกลัวและความสิ้นหวังเป็นอย่างมาก ทันใดนั้น ช่วงเวลาเริ่มต้นชีวิตฉายเบื้องหน้าเขา

 

เขานึกถึงความกระตือรือร้น และความตื่นเต้นที่เขามีเมื่อมาถึงเมืองกระบี่เป็นครั้งแรก เขานึกถึงคําสาบานที่เขาทําไว้ เมื่อเขาเข้าสู่นิกายชั้นนอกของศาลากระบี่สวรรค์ เขาจะกลายเป็นผู้ใช้กระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดในสักวันหนึ่ง

 

อย่างไรก็ตาม ความคิดของเขาแตกเป็นเสียงๆเมื่อเผชิญความเป็นจริงที่โหดร้าย มีหลายคนที่มีพรสวรรค์เทียบเท่ากับ เขาระดับการบ่มเพาะของพวกเขาอยู่สูงกว่าเขาเนื่องจากการใช้ทรัพยากรณ์ของตระกูล

 

หลังจากหนึ่งหรือสองปี ความหวังที่จะเข้าสู่นิกายชั้นในกลายเป็นห่างไกลและคลุมเครือ ไม่มีใครทราบตั้งแต่เมื่อไร เขาลืมเลือนคําสาบานของตนและตกลงสู่สภาวะอันเลวทราม

 

ทันใดนั้น เขาตระหนักถึงมันด้วยท่าทางที่ท้อแท้ เขากำลังจะตายในไม่ช้า นี่คือการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเขา และเขาก็ไม่แม้แต่จะได้ชักดาบออกมาเลยแม้แต่น้อย เขาคิดเพียงว่าจะใช้วิธีการอันน่ารังเกียจจัดการกับผู้เชี่ยวชาญยุทธระดับสูง

 

เขาพยายามอย่างมากเพื่อควบคุมมือขวาของตน ต้องการจะชักกระบี่ที่อยู่ที่เอวออกมา อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เขาได้สัมผัสมันในมือ กระบี่เงาจันทร์ได้แทงทะลุร่างกายของ เขาพร้อมกับเซี่ยวเฉิน มีเสียงดังปังและร่างของเขาก็ระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

 

กระบี่ของจางถตกลงบนพื้น เขาไม่แม้แต่ชักวาดมันได้ก่อนที่จะสิ้นใจ เซี่ยวเฉินหันไปรอบๆ และจับชิ้นส่วนโลหะที่ตกลงมาด้วยมืออย่างรวดเร็ว

 

สี่คนที่เหลืออยู่เบื้องหลังเขากลายเป็นไร้ชีวิตชีวาเมื่อเห็น เซี่ยวเฉินจัดการคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มพวกเขา จางถูถูกจัดการในทันที พวกเขาหนีไปทันที

 

“หัตถ์จับมังกร!”

 

เซี่ยวเฉินคําราม และฝ่ามือสีดําขนาดใหญ่ก็ตกลงมาจากฟากฟ้า มันกระแทกไปที่คนทั้งสี่ลงบนพื้นด้วยเสียงดัง ปัง เซี่ยวเฉินใช้หัตถ์จับมังกรอีกครั้งโดยปราศจากการเคลื่อนไหวจากตําแหน่งเดิม คราวนี้ เขาใช้มือขวาเพื่อควบคุมฝามือสีดําขนาดใหญ่ให้ก่อตัวเป็นหมัด!

 

“ตู้ม!”

 

ผู้บ่มเพาะที่กําลังดิ้นรนจะยืนขึ้นทันใดนั้นถูกทุบอย่างแรงด้วยหมัดสีดํา เขาร้องออกมาอย่างสังเวชก่อนถูกบดขยี้เป็นเนื้อเยื่อ!

 

“ตุ้ม! ตู้ม! ตู้ม!”

 

เกิดเสียงระเบิดอีกสามครั้ง กําปั้นสีดําถูกทุบลงมาอย่างต่อเนื่องด้วยพลังอันรุนแรงและอํานาจที่ยิ่งใหญ่

 

พื้นดินสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง ต้นไม้ที่ตั้งตรงอยู่ด้านข้างกลายเป็นเอนเอียง หลังจากผ่านไปนาน การสั่นไหวก็หยุดลง

 

เซี่ยวเฉินยืนตัวตรงในขณะที่มีออยู่ด้านหลัง เขามองศพทั้งห้าอย่างเย็นชาก่อนที่จะค้นร่างของพวกมันและจากบริเวณนี้ไปอย่างรวดเร็ว

 

ที่แห่งนั้นได้ดึงดูดความสนใจมากเกินไป มีผู้บ่มเพาะมากมายถูกดึงดูดความสนใจโดยมัน และพวกเขาก็เริ่มมุ่งหน้าไปทางนั้นกันแล้ว เซี่ยวเฉินไม่กล้าอืดอาดนานเกินไป

 

ไม่นานหลังจากเซี่ยวเฉินจากไป ศิษย์ชั้นนอกของศาลากระบี่สวรรค์ก็ได้มาถึง เขากําลังแบกกระบี่หนา, และมีแผลเป็นแนวนอนยาวบนใบหน้าของเขา

 

แผลเป็นนั้นทําให้วัยรุ่นธรรมดาผู้หนึ่งและใบหน้าอันอ่อนโยนดูชั่วร้ายเป็นอย่างมาก เมื่อเขาเห็นศพที่อยู่บนพื้น เขาไม่ตกใจจนเกินไป

 

ร่างกายของจางถูระเบิดเป็นชิ้นๆแล้ว มันดูน่าขยะแขยงมาก เลือดย้อมพื้นจนเป็นสีแดงฉานมันเป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจสอบตัวตนของศพ

 

หลังจากมองไปรอบๆสักพัก เขาพบเหรียญเหล็กสีดํา ด้านหน้าของเหรียญมีชื่อจางถูเขียนไว้ ส่วนด้านหลังมีคําว่า “นิกายชั้นนอกของศาลากระบีสวรรค์” ถูกสลักเอาไว้

 

“จางถูถูกใครบางคนสังหารภายในหุบเขาสายลมอสูร?” ชายที่มีแผลเป็นกล่าวอย่างเชื่องช้า; ดวงตาเขาเผยให้เห็นความตกใจ ลึกๆภายในดวงตานั้น มันมีร่องรอยความโศกเศร้าอันรุนแรง

 

“พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!”

 

มีเสียงฝีเท้าพุ่งเข้ามา ศิษย์ชั้นนอกของศาลากระบี่สวรรค์จํานวนมากได้ยินเสียงดังและพุ่งเข้ามา เมื่อพวกเขาเห็นวิธีการโหดร้ายที่อยู่บนร่างที่ถูกฆ่าบนพื้น พวกเขา ทั้งหมดก็ตกใจ

 

“นี่มันหลิวเฉินและกลุ่มของเขา นี่คือเหรียญโลหะของพวกเขา” ไม่ทันไรพวกเขาก็พบเหรียญแสดงตนของพวกเขา

 

ในฐานะที่พวกเขาเป็นศิษย์ชั้นนอก เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะรู้จักกลุ่มของหลิวเฉิน พวกเขาทั้งหมดรู้สึกหวาดกลัวเมื่อเห็นว่าทั้งกลุ่มตายอย่างน่าสังเวชเช่นไร

 

ศิษย์ชั้นนอกผู้หนึ่งที่สวมชุดคลุมถักเดินเข้ามาหาชายรอย แผลเป็นและมองไปที่เหรียญโลหะในมือของเขาด้วยความตกตะลึง

 

หลังจากนั้นเขาก็ยิ้ม “ข้าไม่คาดคิดเลยว่าจางถูเองก็ตายเช่นกัน ข้าคิดว่าเขาจะต้องพยายามหนีหลู่หมิงเฟย เจ้าเป็นหนึ่งในคนที่สังหารพวกเขา? จางถูเป็นคู่แข่งคนสําคัญสําหรับการเข้าสู่งนิกายชั้นใน”

 

เขามองไปที่ชายที่มีแผลเป็นและมองอย่างเย้ยหยัน ราวกับว่าเขากําลังดูถูกชายคนนั้นอย่างชัดเจน

 

“จางถูตายแล้วจริงๆ เขาเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของคู่แข่งที่จะเข้าสู่นิกายชั้นใน ความตายของเขาช่างน่าเสียดาย

 

“ข้าไม่ทราบว่าใครเป็นคนทําการสังหารศิษย์ชั้นนอกของ ศาลากระบี่สวรรค์ทั้งหกภายใต้จมูกของศาลากระบี่สวรรค์ ช่างกล้าหาญยิ่งนัก! เห็นได้ชัดว่าเขากําลังดูถูกศาลากระบี่สวรรค์”

 

“เป็นที่ชัดเจนว่าบุคคลผู้นี้มีการบ่มเพาะที่สูงกว่าจางถูเป็นอย่างมาก จางถูผู้นี้จะต้องเตะไปโดนหิน หลังจากรังแกคนจํานวนมาก ในที่สุดเขาก็ถูกรังแกกลับ”

 

เมื่อกลุ่มลูกศิษย์ที่เร่งเข้ามาได้ยินชื่อของจางถู พวกเขาทั้งหมดพูดคุยกันน้ำลายแตกซ่าน บางคนส่ายหัวและถอนหายใจ และบางคนก็แอบมีความสุข: ด้วยเหตุนี้จะมีคู่แข่งน้อยลงหนึ่งคนสําหรับการสอบสิ้นปี

 

การปฏิบัติต่อศิษย์ชั้นในของศาลากระบี่สวรรค์นั้นดีกว่า ศิษย์ชั้นนอกเป็นอย่างมาก เพียงแค่เรื่องหินวิญญาณเพียงอย่างเดียว พวกเขาได้รับเป็นสิบเท่าของศิษย์ชั้นนอกแล้ว

 

นอกจากนี้ พวกเขายังได้รับโอกาสถูกชี้แนะโดยขอบเขตกษัตริย์ พวกเขามีทักษะต่อสู้ระดับสูงทุกประเภท และยาโอสถให้เลือกสรร เทือกเขาเต็มไปด้วยพลังงานจิตวิญญาณเป็นจํานวนที่มากกว่าเมืองกระบี่นับไม่ถ้วน

 

อย่างไรก็ตาม มีเพียงสิบตําแหน่งเท่านั้นสําหรับศิษย์ชั้นนอกที่จะเข้าสู่นิกายชั้นใน เรื่องนี้ส่งผลให้การแข่งขันในนิกายชั้นนอกรุนแรงเป็นอย่างมาก สําหรับผู้บ่มเพาะส่วน ใหญ่ที่นี่ พวกเขามีความสุขเมื่อได้ยินข่าวที่จางถูตายแล้ว

 

หลู่หมิงเฟยยืนขึ้นและกําเหรียญโลหะอย่างแน่นหนา เขาหันไปหาวัยรุ่นชุดคลุมถักและกล่าวอย่างเย็นชา “เอี้ยนเทียนเจิ้ง ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าจะไม่ถูกจับคู่ประลองกับข้าในการแข่งขั้นสิ้นปีนี้ มิเช่นนั้น ข้าจะสังหารเจ้าซะ”

 

หลังจากพูดจบ เขาจากไปทันทีด้วยการเดินก้าวยาวกว้างๆ เอี้ยนเทียนเจิ้งหัวเราะเยาะเย้ยขณะที่มองเขาจากไป “เขามันก็แค่คนธรรมดา คิดว่าเขาสามารถแข่งขันกับข้า? ไม่มีทางซะล่ะ”

 

ในอีกซีกหนึ่งของป่า เซี่ยวเฉินสร้างรูปแบบลวงตาขนาดเล็กอย่างสบายใจ จากนั้นเขาก็ตรวจสอบชิ้นส่วนโลหะที่อยู่ในมืออย่างระวัง

 

ชิ้นส่วนโลหะขยายตัวได้ตามคําสั่ง กลายเป็นขนาดเท่าภูเขาขนาดเล็กได้ในทันที มันคล้ายกับตํานานในชีวิตก่อนของ เขาที่ไหนที่ถูกต้าอวีป่าโคลนออกไป ทันใดนั้นมันจะขยายใหญ่ขึ้นและหยุดน้ำท่วม

 

“นี่เป็นสมบัติลับรูปแบบหนึ่ง?” เซี่ยวเฉินกล่าวขณะที่มองไปที่ชิ้นส่วนโลหะด้วยความสงสัย อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาตรวจสอบมันด้วยสัมผัสวิญญาณ เซี่ยวเฉินไม่สามารถพบเต๋าหรือค่ายกลที่อยู่ภายใน

 

ไม่มีหลักฐานที่ยืนยันว่ามันคืออาวุธลับ เพียงแค่ในขณะที่เซี่ยวเฉินยอมแพ้ที่จะคิด ทันใดนั้นเขาจําได้ว่ามันเป็นวัสดุล้ำค่าเป็นอย่างมากที่จดอยู่ในบทสรุปของการบ่มเพาะพลัง

 

เหล็กดวงดารา!

 

นี่เป็นสมบัติที่เกิดจากธรรมชาติ ตามตํานาน, มันมีต้นกําเนิดมาจากชิ้นส่วนอุกกาบาต หลังจากที่มันถูกหลอม มันจะให้ผลอันน่าอัศจรรย์ทุกรูปแบบ

 

บางคนสามารถเรียกเพลิงไร้ที่สิ้นสุด น้ำแข็งหนาวเหน็บ กระแสลมรุนแรง บางคนสามารถสร้างดินแดนขนาดเล็ก และบางคนถึงขนาดสามารถอัญเชิญสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกมันช่างประหลาดเป็นอย่างยิ่ง

 

หินดวงดารามีตัวตนอยู่ในจักรวาลมากว่าหลายแสนปี ในช่วงเวลาที่ยาวนานเช่นนี้ มันได้ดูดซับพลังจิตวิญญาณโกลาหลทั้งหมดในจักรวาล และรัศมีแปลกประหลาดทุกชนิด มันไม่น่าแปลกใจเลยที่จะให้ผลที่แปลกประหลาด

 

“นี่จะต้องเป็นชิ้นส่วนเหล็กดวงดาราอย่างแน่นอน!” เซี่ยวเฉินกล่าวด้วยความยินดีอย่างยิ่ง เขามั่นใจเนื่องจากมันถูกเขียนไว้ในบทสรุปของการบ่มเพาะพลัง แม้ว่ามันจะมีคําอธิบายเพียงสั้นๆ แต่มันก็เป็นสิ่งที่มีอยู่จริงๆ

 

แม้ว่าผลลัพธ์จากบทสรุปของการบ่มเพาะพลังจะไม่เหมือนกันทั้งหมด แต่มันก็มีสิ่งหนึ่งที่มีประโยชน์แน่นอนคือ การซ่อมแซมอาวุธศักดิ์สิทธิ์และสมบัติลับทุกประเภท มันสามารถซ่อมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดหรือสมบัติลับระดับจักรพรรดิได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 143 สังหารโดยปราศจากความเมตตา

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 143 สังหารโดยปราศจากความเมตตา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่ 143 สังหารโดยปราศจากความเมตตา

 

เมื่อทั้งหกคนเห็นเซี่ยวเฉินเข้ามาใกล้ พวกเขาทั้งหมดก็กลายเป็นระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก พวกเขากลั้นหายใจทันใดนั้นความเงียบสงัดก็เข้ามาทันที

 

จางถูจับชิ้นส่วนเหล็กปริศนาเอาไว้ในมือ เขาเหงื่อออกเยอะมาก เขาอดไม่ได้ที่จะตําหนิตนเองในใจ เพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญยุทธ์ระดับสูง ไม่จําเป็นที่จะต้องกังวลมากนัก

 

เขาค่อยๆใจเย็นลงขณะมองไปที่เซี่ยวเฉินที่กําลังใกล้เข้ามา เขาอดไม่ได้ที่จะนับถอยหลังในใจช้าๆ สิบ… เก้า แปด…

 

“ลุย!”

 

เมื่อเขานับถอยหลังเสร็จ เขาขว้างชิ้นส่วนโลหะในมือเขาออกไปทันที ชิ้นส่วนโลหะขยายใหญ่ขึ้นในทันที เพิ่มขนาดจนกลายมาเป็นภูเขาขนาดเล็กทันที และตกลงไปที่ตําแหน่งของเซี่ยวเฉิน

 

เกิดเสียงปะทะดังเมื่อมันตกลงมา พื้นดินสั่นสะเทือนและต้นไม้ใกล้เคียงโค่นล้มลง

 

“ไม่นะ!” จางถูอุทาน ทันใดที่ชิ้นส่วนโลหะที่ออกไปจากมือเขา เกิดประกายสายฟ้าและเซี่ยวเฉินก็หายไปทันที

 

“อ้า!”

 

มีเสียงร้องน่าสังเวชดังขึ้น มันน่ากลัวเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินในป่าอันเงียบสงบ

 

ร่างกายของหลิวเฉินถูกผ่าเป็นสองส่วน และล่วงลงมาจากต้นไม้ เซี่ยวเฉินยืนอยู่บนต้นไม้มองดูชิ้นส่วนโลหะที่อยู่บนพื้น เขารู้สึกประหลาดใจ

 

โชคดีที่เซี่ยวเฉินสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของพวกเขาที่คิดจะฆ่าเซี่ยวเฉิน มิเช่นนั้น ถ้าเขาปล่อยการป้องกันลง เซี่ยวเฉินคงจะตกลงสู่กับดัก ด้วยแรงกดดันมหาศาลกดทับลงมาที่เขา แม้แต่ขอบเขตนักบุญก็คงรู้สึกไม่ดีเช่นกัน

 

จางถูลงไปยืนที่พื้นอย่างรวดเร็ว และหยิบชิ้นส่วนโลหะขึ้นมา เขาต้องการจะขว้างมันอีกครั้ง แต่เซี่ยวเฉินไม่มอบโอกาสให้เขาทําเช่นนั้น เซี่ยวเฉินกระโดดขึ้นไปในอากาศ และพุ่งออกจากยอดของต้นไม้; เขากลายเป็นมังกรฟ้าที่กําลังคําราม

 

ประกายแสงอันหนาวเหน็บ; เมื่อเซี่ยวเฉินลงมาอยู่เบื้องหน้าจางถู เขาไม่ลังเลที่จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ใช้การฟาดฟันกระบี่

 

กระบี่สร้างสายลมกรรโชกขึ้น แต่กระบี่กลับรวดเร็วยิ่งกว่าลม กําลังมุ่งไปทางจางถู จางถูยอมแพ้ที่จะโยนชิ้นส่วนโลหะออกไปและถอยกลับ

 

เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นเขาถอย มุมปากของเขาขดกลายเป็นรอยยิ้ม มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นจากเบื้องหลังขณะที่สายฟ้าพุ่งทะลุลงไปที่พื้น และเคลื่อนไหวผ่านเท้าของเซี่ยวเฉินก่อนที่จะรวมตัวกันอยู่ที่กระบี่เงาจันทร์

 

ทันใดนั้น ประกายแสงสีม่วงก็ปรากฏ เซี่ยวเฉินไม่แม้แต่จะปลดปล่อยพลังของแก่นกลางปิศาจที่อยู่ในกระบี่เงาจันทร์ อย่างไรก็ตาม ประกายแสงสายฟ้ายังคงวูบไหวไปมา

 

เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างดุดัน และคมของกระบี่ก็พุ่งออกไปเป็นเส้นแสงยาวสีม่วง

 

ในเส้นแสงสายฟ้ามีประกายสายฟ้าเปรี้ยะประออกมานับไม่ถ้วน มันดูแปลกประหลาดมากแต่ก็งดงาม

 

จางถูรู้ว่าเขาหลบเส้นแสงสายฟ้านี้ไม่พ้น เขาใช้พลังปราณในร่างกายทั้งหมดสร้างโล่ห์ปราณขึ้นมาโดยหวังว่ามันจะปะทะกันซึ่งหน้า

 

อย่างไรก็ตาม ทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันถูกเซี่ยวเฉินพัฒนาจนมีพลังอํานาจมากกว่าเก่าแล้ว แม้จางถูจะใช้พลังปราณทั้งหมดเพื่อสร้างโล่ห์มันก็ยังไม่เพียงพอ

 

“เปรี้ยง!”

 

โล่ปราณที่อยู่เบื้องหน้าจางถูถูกทําลายแยกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที แสงสีม่วงตัดผ่านเสื้อผ้าของเขา และสร้างรอยแตกยาวบนเกาะศึกที่ระดับเหลืองที่เขากําลังสวมอยู่ จากนั้นก็ทิ้งรอยแผลเหวอะขนาดใหญ่บนหน้าอกของเขาส่งผลให้เลือดพุ่งกระฉุดออกมา

 

แสงไฟฟ้าอันน่าหวาดกลัวไหลเข้าไปในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว ทําลายเส้นปราณของเขา ไม่ทันไร พลังปราณในร่างกายของจางถูก็กลายเป็นวุ่นวาย; เขาสูญ เสียการควบคุมร่างกายชั่วคราว

 

“สายฟ้าผ่าสวรรค์!” เซี่ยวเฉินคํารามขณะที่ร่างกายของเขาพุ่งขึ้นไป กระบี่ถูกแทงไปทางหน้าอกของจางถูด้วยท่าร่างที่เขาใช้ทักษะหลบเลี่ยงไม่ได้

 

“ม่ายยยยย!” จางถูเผยให้เห็นความหวาดกลัวและความสิ้นหวังเป็นอย่างมาก ทันใดนั้น ช่วงเวลาเริ่มต้นชีวิตฉายเบื้องหน้าเขา

 

เขานึกถึงความกระตือรือร้น และความตื่นเต้นที่เขามีเมื่อมาถึงเมืองกระบี่เป็นครั้งแรก เขานึกถึงคําสาบานที่เขาทําไว้ เมื่อเขาเข้าสู่นิกายชั้นนอกของศาลากระบี่สวรรค์ เขาจะกลายเป็นผู้ใช้กระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดในสักวันหนึ่ง

 

อย่างไรก็ตาม ความคิดของเขาแตกเป็นเสียงๆเมื่อเผชิญความเป็นจริงที่โหดร้าย มีหลายคนที่มีพรสวรรค์เทียบเท่ากับ เขาระดับการบ่มเพาะของพวกเขาอยู่สูงกว่าเขาเนื่องจากการใช้ทรัพยากรณ์ของตระกูล

 

หลังจากหนึ่งหรือสองปี ความหวังที่จะเข้าสู่นิกายชั้นในกลายเป็นห่างไกลและคลุมเครือ ไม่มีใครทราบตั้งแต่เมื่อไร เขาลืมเลือนคําสาบานของตนและตกลงสู่สภาวะอันเลวทราม

 

ทันใดนั้น เขาตระหนักถึงมันด้วยท่าทางที่ท้อแท้ เขากำลังจะตายในไม่ช้า นี่คือการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเขา และเขาก็ไม่แม้แต่จะได้ชักดาบออกมาเลยแม้แต่น้อย เขาคิดเพียงว่าจะใช้วิธีการอันน่ารังเกียจจัดการกับผู้เชี่ยวชาญยุทธระดับสูง

 

เขาพยายามอย่างมากเพื่อควบคุมมือขวาของตน ต้องการจะชักกระบี่ที่อยู่ที่เอวออกมา อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เขาได้สัมผัสมันในมือ กระบี่เงาจันทร์ได้แทงทะลุร่างกายของ เขาพร้อมกับเซี่ยวเฉิน มีเสียงดังปังและร่างของเขาก็ระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

 

กระบี่ของจางถตกลงบนพื้น เขาไม่แม้แต่ชักวาดมันได้ก่อนที่จะสิ้นใจ เซี่ยวเฉินหันไปรอบๆ และจับชิ้นส่วนโลหะที่ตกลงมาด้วยมืออย่างรวดเร็ว

 

สี่คนที่เหลืออยู่เบื้องหลังเขากลายเป็นไร้ชีวิตชีวาเมื่อเห็น เซี่ยวเฉินจัดการคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มพวกเขา จางถูถูกจัดการในทันที พวกเขาหนีไปทันที

 

“หัตถ์จับมังกร!”

 

เซี่ยวเฉินคําราม และฝ่ามือสีดําขนาดใหญ่ก็ตกลงมาจากฟากฟ้า มันกระแทกไปที่คนทั้งสี่ลงบนพื้นด้วยเสียงดัง ปัง เซี่ยวเฉินใช้หัตถ์จับมังกรอีกครั้งโดยปราศจากการเคลื่อนไหวจากตําแหน่งเดิม คราวนี้ เขาใช้มือขวาเพื่อควบคุมฝามือสีดําขนาดใหญ่ให้ก่อตัวเป็นหมัด!

 

“ตู้ม!”

 

ผู้บ่มเพาะที่กําลังดิ้นรนจะยืนขึ้นทันใดนั้นถูกทุบอย่างแรงด้วยหมัดสีดํา เขาร้องออกมาอย่างสังเวชก่อนถูกบดขยี้เป็นเนื้อเยื่อ!

 

“ตุ้ม! ตู้ม! ตู้ม!”

 

เกิดเสียงระเบิดอีกสามครั้ง กําปั้นสีดําถูกทุบลงมาอย่างต่อเนื่องด้วยพลังอันรุนแรงและอํานาจที่ยิ่งใหญ่

 

พื้นดินสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง ต้นไม้ที่ตั้งตรงอยู่ด้านข้างกลายเป็นเอนเอียง หลังจากผ่านไปนาน การสั่นไหวก็หยุดลง

 

เซี่ยวเฉินยืนตัวตรงในขณะที่มีออยู่ด้านหลัง เขามองศพทั้งห้าอย่างเย็นชาก่อนที่จะค้นร่างของพวกมันและจากบริเวณนี้ไปอย่างรวดเร็ว

 

ที่แห่งนั้นได้ดึงดูดความสนใจมากเกินไป มีผู้บ่มเพาะมากมายถูกดึงดูดความสนใจโดยมัน และพวกเขาก็เริ่มมุ่งหน้าไปทางนั้นกันแล้ว เซี่ยวเฉินไม่กล้าอืดอาดนานเกินไป

 

ไม่นานหลังจากเซี่ยวเฉินจากไป ศิษย์ชั้นนอกของศาลากระบี่สวรรค์ก็ได้มาถึง เขากําลังแบกกระบี่หนา, และมีแผลเป็นแนวนอนยาวบนใบหน้าของเขา

 

แผลเป็นนั้นทําให้วัยรุ่นธรรมดาผู้หนึ่งและใบหน้าอันอ่อนโยนดูชั่วร้ายเป็นอย่างมาก เมื่อเขาเห็นศพที่อยู่บนพื้น เขาไม่ตกใจจนเกินไป

 

ร่างกายของจางถูระเบิดเป็นชิ้นๆแล้ว มันดูน่าขยะแขยงมาก เลือดย้อมพื้นจนเป็นสีแดงฉานมันเป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจสอบตัวตนของศพ

 

หลังจากมองไปรอบๆสักพัก เขาพบเหรียญเหล็กสีดํา ด้านหน้าของเหรียญมีชื่อจางถูเขียนไว้ ส่วนด้านหลังมีคําว่า “นิกายชั้นนอกของศาลากระบีสวรรค์” ถูกสลักเอาไว้

 

“จางถูถูกใครบางคนสังหารภายในหุบเขาสายลมอสูร?” ชายที่มีแผลเป็นกล่าวอย่างเชื่องช้า; ดวงตาเขาเผยให้เห็นความตกใจ ลึกๆภายในดวงตานั้น มันมีร่องรอยความโศกเศร้าอันรุนแรง

 

“พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!”

 

มีเสียงฝีเท้าพุ่งเข้ามา ศิษย์ชั้นนอกของศาลากระบี่สวรรค์จํานวนมากได้ยินเสียงดังและพุ่งเข้ามา เมื่อพวกเขาเห็นวิธีการโหดร้ายที่อยู่บนร่างที่ถูกฆ่าบนพื้น พวกเขา ทั้งหมดก็ตกใจ

 

“นี่มันหลิวเฉินและกลุ่มของเขา นี่คือเหรียญโลหะของพวกเขา” ไม่ทันไรพวกเขาก็พบเหรียญแสดงตนของพวกเขา

 

ในฐานะที่พวกเขาเป็นศิษย์ชั้นนอก เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะรู้จักกลุ่มของหลิวเฉิน พวกเขาทั้งหมดรู้สึกหวาดกลัวเมื่อเห็นว่าทั้งกลุ่มตายอย่างน่าสังเวชเช่นไร

 

ศิษย์ชั้นนอกผู้หนึ่งที่สวมชุดคลุมถักเดินเข้ามาหาชายรอย แผลเป็นและมองไปที่เหรียญโลหะในมือของเขาด้วยความตกตะลึง

 

หลังจากนั้นเขาก็ยิ้ม “ข้าไม่คาดคิดเลยว่าจางถูเองก็ตายเช่นกัน ข้าคิดว่าเขาจะต้องพยายามหนีหลู่หมิงเฟย เจ้าเป็นหนึ่งในคนที่สังหารพวกเขา? จางถูเป็นคู่แข่งคนสําคัญสําหรับการเข้าสู่งนิกายชั้นใน”

 

เขามองไปที่ชายที่มีแผลเป็นและมองอย่างเย้ยหยัน ราวกับว่าเขากําลังดูถูกชายคนนั้นอย่างชัดเจน

 

“จางถูตายแล้วจริงๆ เขาเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของคู่แข่งที่จะเข้าสู่นิกายชั้นใน ความตายของเขาช่างน่าเสียดาย

 

“ข้าไม่ทราบว่าใครเป็นคนทําการสังหารศิษย์ชั้นนอกของ ศาลากระบี่สวรรค์ทั้งหกภายใต้จมูกของศาลากระบี่สวรรค์ ช่างกล้าหาญยิ่งนัก! เห็นได้ชัดว่าเขากําลังดูถูกศาลากระบี่สวรรค์”

 

“เป็นที่ชัดเจนว่าบุคคลผู้นี้มีการบ่มเพาะที่สูงกว่าจางถูเป็นอย่างมาก จางถูผู้นี้จะต้องเตะไปโดนหิน หลังจากรังแกคนจํานวนมาก ในที่สุดเขาก็ถูกรังแกกลับ”

 

เมื่อกลุ่มลูกศิษย์ที่เร่งเข้ามาได้ยินชื่อของจางถู พวกเขาทั้งหมดพูดคุยกันน้ำลายแตกซ่าน บางคนส่ายหัวและถอนหายใจ และบางคนก็แอบมีความสุข: ด้วยเหตุนี้จะมีคู่แข่งน้อยลงหนึ่งคนสําหรับการสอบสิ้นปี

 

การปฏิบัติต่อศิษย์ชั้นในของศาลากระบี่สวรรค์นั้นดีกว่า ศิษย์ชั้นนอกเป็นอย่างมาก เพียงแค่เรื่องหินวิญญาณเพียงอย่างเดียว พวกเขาได้รับเป็นสิบเท่าของศิษย์ชั้นนอกแล้ว

 

นอกจากนี้ พวกเขายังได้รับโอกาสถูกชี้แนะโดยขอบเขตกษัตริย์ พวกเขามีทักษะต่อสู้ระดับสูงทุกประเภท และยาโอสถให้เลือกสรร เทือกเขาเต็มไปด้วยพลังงานจิตวิญญาณเป็นจํานวนที่มากกว่าเมืองกระบี่นับไม่ถ้วน

 

อย่างไรก็ตาม มีเพียงสิบตําแหน่งเท่านั้นสําหรับศิษย์ชั้นนอกที่จะเข้าสู่นิกายชั้นใน เรื่องนี้ส่งผลให้การแข่งขันในนิกายชั้นนอกรุนแรงเป็นอย่างมาก สําหรับผู้บ่มเพาะส่วน ใหญ่ที่นี่ พวกเขามีความสุขเมื่อได้ยินข่าวที่จางถูตายแล้ว

 

หลู่หมิงเฟยยืนขึ้นและกําเหรียญโลหะอย่างแน่นหนา เขาหันไปหาวัยรุ่นชุดคลุมถักและกล่าวอย่างเย็นชา “เอี้ยนเทียนเจิ้ง ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าจะไม่ถูกจับคู่ประลองกับข้าในการแข่งขั้นสิ้นปีนี้ มิเช่นนั้น ข้าจะสังหารเจ้าซะ”

 

หลังจากพูดจบ เขาจากไปทันทีด้วยการเดินก้าวยาวกว้างๆ เอี้ยนเทียนเจิ้งหัวเราะเยาะเย้ยขณะที่มองเขาจากไป “เขามันก็แค่คนธรรมดา คิดว่าเขาสามารถแข่งขันกับข้า? ไม่มีทางซะล่ะ”

 

ในอีกซีกหนึ่งของป่า เซี่ยวเฉินสร้างรูปแบบลวงตาขนาดเล็กอย่างสบายใจ จากนั้นเขาก็ตรวจสอบชิ้นส่วนโลหะที่อยู่ในมืออย่างระวัง

 

ชิ้นส่วนโลหะขยายตัวได้ตามคําสั่ง กลายเป็นขนาดเท่าภูเขาขนาดเล็กได้ในทันที มันคล้ายกับตํานานในชีวิตก่อนของ เขาที่ไหนที่ถูกต้าอวีป่าโคลนออกไป ทันใดนั้นมันจะขยายใหญ่ขึ้นและหยุดน้ำท่วม

 

“นี่เป็นสมบัติลับรูปแบบหนึ่ง?” เซี่ยวเฉินกล่าวขณะที่มองไปที่ชิ้นส่วนโลหะด้วยความสงสัย อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาตรวจสอบมันด้วยสัมผัสวิญญาณ เซี่ยวเฉินไม่สามารถพบเต๋าหรือค่ายกลที่อยู่ภายใน

 

ไม่มีหลักฐานที่ยืนยันว่ามันคืออาวุธลับ เพียงแค่ในขณะที่เซี่ยวเฉินยอมแพ้ที่จะคิด ทันใดนั้นเขาจําได้ว่ามันเป็นวัสดุล้ำค่าเป็นอย่างมากที่จดอยู่ในบทสรุปของการบ่มเพาะพลัง

 

เหล็กดวงดารา!

 

นี่เป็นสมบัติที่เกิดจากธรรมชาติ ตามตํานาน, มันมีต้นกําเนิดมาจากชิ้นส่วนอุกกาบาต หลังจากที่มันถูกหลอม มันจะให้ผลอันน่าอัศจรรย์ทุกรูปแบบ

 

บางคนสามารถเรียกเพลิงไร้ที่สิ้นสุด น้ำแข็งหนาวเหน็บ กระแสลมรุนแรง บางคนสามารถสร้างดินแดนขนาดเล็ก และบางคนถึงขนาดสามารถอัญเชิญสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกมันช่างประหลาดเป็นอย่างยิ่ง

 

หินดวงดารามีตัวตนอยู่ในจักรวาลมากว่าหลายแสนปี ในช่วงเวลาที่ยาวนานเช่นนี้ มันได้ดูดซับพลังจิตวิญญาณโกลาหลทั้งหมดในจักรวาล และรัศมีแปลกประหลาดทุกชนิด มันไม่น่าแปลกใจเลยที่จะให้ผลที่แปลกประหลาด

 

“นี่จะต้องเป็นชิ้นส่วนเหล็กดวงดาราอย่างแน่นอน!” เซี่ยวเฉินกล่าวด้วยความยินดีอย่างยิ่ง เขามั่นใจเนื่องจากมันถูกเขียนไว้ในบทสรุปของการบ่มเพาะพลัง แม้ว่ามันจะมีคําอธิบายเพียงสั้นๆ แต่มันก็เป็นสิ่งที่มีอยู่จริงๆ

 

แม้ว่าผลลัพธ์จากบทสรุปของการบ่มเพาะพลังจะไม่เหมือนกันทั้งหมด แต่มันก็มีสิ่งหนึ่งที่มีประโยชน์แน่นอนคือ การซ่อมแซมอาวุธศักดิ์สิทธิ์และสมบัติลับทุกประเภท มันสามารถซ่อมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดหรือสมบัติลับระดับจักรพรรดิได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+