Immortal and Martial Dual Cultivation 214 บรรลุถึงสภาวะ

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 214 บรรลุถึงสภาวะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 214 บรรลุถึงสภาวะ

 

เซี่ยวเฉินพยักหน้าและดึงเสี่ยวไปที่หมดสติเข้ามาในอ้อมอกของเขา เขาถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวไป?”

 

หลิวสุยเฟิงอธิบาย “มันอยากจะเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่งเพื่อช่วยเจ้าเมื่อครู่ พี่สาวของข้าทําให้มันหมดสติ”

ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูรหรือผู้บ่มเพาะพลัง,หากพวกเขาเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่ง,มันจะทิ้งผลกระทบแฝงเอาไว้ โดยเฉพาะสําหรับเสี่ยวไป

 

“ใช่แล้ว พี่น้องเย่ เป็นการดีที่สุดหากจะให้เสี่ยวไปดื่มน้อยลงในอนาคต” หลิวสุยฟังกล่าวอย่างเคร่งขรึม เขานึกถึงตอนที่ถูกเสียวไปไล่กวด

เซี่ยวเฉินรู้สึกสงสัยพร้อมกับถามขึ้น “ทําไม?”

 

“มันออกจะอธิบายยากเล็กน้อย มันซับซ้อนนิดหน่อย แท้จริงแล้ว มัน…” หลิวสุยเฟิงล้ําอึ้งอยู่นานสองนาน แท้จริงแล้วเขาขายหน้าเกินกว่าที่จะพูกเกี่ยวกับเรื่องที่เสี่ยวไปไล่กวดเขาไปทั่ว

ในช่วงดึก,ดวงจันทร์ลอยสูงท่ามกลางหมู่ดาวบนท้องฟ้า

 

เซี่ยวเฉินยืนอยู่ในลานส่วนตัวของเขา เขาถือกระบี่เงาจันทร์ไว้ในมือขวา และลูบนิ้วมือข้างซ้ายของเขาไปดาบคมกระบี่

 

เรืองแสงคมกระบี่สีขาวหิมะกลายเป็นรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น ขณะที่เซี่ยวเฉินลูบไล้ไปตามคมกระบี่,พลังปราณของเขาหมุนเวียนและไหลเข้าไปในกระบี่อย่างต่อเนื่อง

 

ในวินาทีถัดมา

กระบี่ฉีเฉียบคมยิงออกมาจากคมกระบี่อย่างต่อเนื่อง,บินไปโดยรอบอย่างโกลาหลในอากาศ กระบี่ฉีนี้แตกต่างจากกระบี่ฉีของนักบ่มเพาะพลังทั่วไป

กระบี่ฉีเฉียบคมนี้บรรลุไปด้วยพลังงานสายฟ้าร่องรอยสายฟ้า เคลื่อนตัวไปพร้อมกับกระบี่ฉี เติมเต็มไปบนท้องฟ้าเหนือลานบ้าน

เซี่ยวเฉินดึงนิ้วของเขากลับและกระบี่ฉีในอากาศก็จางหายไปในทันที สายฟ้าแตกตัวอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน

แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะไม่บนนลุฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมัน หลังจากกลับออกมาจากมิติมืดมิดนั้น,เขาดูเหมือนจะบรรลุสภาวะอื่นที่เขาไม่รู้จัก

 

สภาวะนี้ทําให้เขาสามารถปล่อยกระบี่ฉีที่บรรจุสายฟ้าออกมาได้ ขณะที่เขายังอยู่เพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ พลังของกระบี่นี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าของระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้นเสียอีก นอกจากนั้น,ศักยภาพของมันยังไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมาเต็มที่

เซี่ยวเฉินฟื้นคืนความคิดกลับมาและมองไปยังกระบี่เงาจันทร์สีขาวหิมะ เขาลังเลอย่างหนักหน่วงเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้ เข้าใจถึงกระบี่เล่มนี้แม้แต่นิดเดียว

มิติมืดแห่งนั้นแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก เซี่ยวเฉินได้ฟังมา จากหลิวหรูเยวที่หลังว่ามันคือพื้นที่แห่งจิตที่ก่อเกิดขึ้นมาจาก เจตนารมณ์กระบี่โบราณ

มันสามารถดึงเจตนารมณ์กระบี่ที่ซ่อนอยู่ลึกในจิตใจของเขาออกมาได้ หลังจากที่เซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้นเขางุนงงยิ่งกว่าเดิม

เจตนารมณ์กระบี่ของกระบี่เงาจันทร์คือเด็กสาวประหลาดนางหนึ่ง แม้ว่าเขาจะไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของนางได้ชัดเจน,เขาแน่ใจว่านั้นไม่ใช่อ่วเจียว

 

ในเช้าวันต่อมา,แสงอาทิตย์ลอดผ่านหน้าต่างและฉายลงบนใบหน้าของเซี่ยวเฉิน เซี่ยวเฉินฟื้นขึ้นจากการบ่มเพาะพลังและลืมตาขึ้น เมื่อเขาเดินออกไปจากลานบ้าน,เขาก็เห็นหลิวสุยเฟิง

 

“สุยเฟิง,ขออภัยที่ทําให้เจ้ารอ” เซี่ยวเฉินทักทายเขา

 

หลิวสุยเฟิงยิ้มอ่อนโยน “ไม่เป็นไร,ข้าก็เพิ่งมาถึงไม่ได้รอนานอะไร ไปกันเถอะ, ข้าจะพาเจ้าไปที่ห้องสมุด

พวกเขาทั้งสองพูดคุยกันขณะที่เดินไปยังจุดยอดสุดของยอดเขา ระหว่างทาง,เสี่ยวไปปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่า มันกระโดดไปที่ไหล่ของเซี่ยวเฉินพร้อมกับเสียง โซว” กําลังจ้องมองไปที่หลิวสุยเฟิง

 

“เกิดอะไรขึ้น?” เซี่ยวเฉินถามขึ้นหลังจากที่เห็นสีหน้าหวาดกลัวของหลิวสุยเฟิง

 

หลิวสุยเฟิงยิ้มอย่างเลิ่กลั่ก “ไม่มีอะไรไปกันต่อเถอะ ใช่แล้วเจ้ามีแต้มสะสมมากน้อยเท่าไหร? ที่กษะต่อสู้ประเภทไหนที่เจ้าต้องการจะไปแลกเปลี่ยน?”

 

เซี่ยวเฉินตัดสินใจได้นานแล้วว่าเขาจะเลือกทักษะประเภทอะไร เขาไม่ได้ต้องการทักษะบ่มเพาะพลังเป็นการชั่วคราว แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ระดับไหน,แต่ด้วยความรวดเร็วในการบ่มเพาะพลังของเซี่ยวเฉิน,เขารู้ว่ามันเพียงพอที่เขาจะใช้บ่มเพาะพลังไปอีกนาน

 

เซี่ยวเฉินไม่ได้ต้องการทักษะหมัดหรือทักษะเคลื่อไหวเช่นกัน มันดูไม่เหมือนว่ายอดเขาฉิงหยุนจะมีที่กษะที่ยอดเยี่ยมไปกว่าหมัดพยัคฆ์มังกรหรือมังกรฟ้าเมฆาทะยาน,ดังนั้นไม่จําเป็นต้องไปใส่ใจ

 

สิ่งเดียวที่เซี่ยวเฉินขาดแคลนก็คือทักษะกระบี่ดีๆสักเล่ม ทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันได้ถูกปรับแต่งโดยเซี่ยวเฉิน,เปลี่ยนให้มันกลายเป็นที่กษะระดับปฐพีขั้นต่ํา อย่างไรก็ตาม,มันดุดันจนเกินไป,ไม่เหลือทางไว้ให้ถอยกลับ

หากเขาเผชิญหน้ากับศัตรูสักหนึ่งหรือสองคน,มันไม่มีปัญหา ถึงกระนั้น,หากเขาต่อสู้กับกลุ่มศัตรูที่มีระดับพลังใกล้เคียงกับเขา,มันเป็นการยากที่จะรับมือ เขาสามารถทําได้เพียงใช้รูปแบบแปรลักษณ์,และปรับใช้ไปตามสถานการณ์

 

อย่างไรก็ตาม,จนกว่าต้นกําเนิดปัญญายุทธจะสามารถทะลวงระดับขึ้นไปได้ ทักษะต่อสู้ที่เลียนแบบมา)มีพลังแตกต่างจากทักษะต่อสู้ที่เซี่ยวเฉินฝึกฝนอย่างใหญ่หลวง

 

ดังนั้นเซี่ยวเฉินจึงต้องการทักษะกระบี่อย่างเร่งด่วน ยิ่งดังเป็นระดับปฐพีหรือสูงกว่าขึ้นไป ระดับเหลืองและลึกล้ํามันไร้ประโยชน์,เสียเวลาของเขาไปเปล่าๆ

 

อย่างไรก็ตาม เซี่ยวเฉินไม่รู้ว่าจะมีทักษะระดับปฐพี่หรือสูงกว่าอยู่หรือไม่ คิดได้ดังนั้นเขาถึงถามขึ้น “มีทักษะกระบี่ระดับปฐพีหรือสูงกว่าหรือไม่ที่ห้องสมุดของยอดเขานิ่งหยุน? ข้ามีหนึ่งพันแต้มสะสม,มันจะเพียงพอหรือไม่?”

รอยยิ้มภาคภูมิใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันหล่อเหลาของหลิวสุยเฟิง “หากเจ้าอยู่ที่ยอดเขาอื่น,มันจะยุ่งยากที่เจ้าจะได้รับทักษะระดับปฐพีมาสักเล่ม นอกจากนั้น,มันต้องใช้แต้มสะสมจํานวนมาก ทําให้ไม่มีตัวเลือกมากนัก

“ถึงกระนั้น มันไม่ใช่ปัญหาที่ยอดเขาฉิงหยุน ยอดเขาฉิงหยุน เคยเป็นยอดเขาอันดับหนึ่งแห่งศาลากระบี่สวรรค์ มันมีทักษะต่อสู้มากที่สุดเมื่อเทียบกันในทั้งเจ็ดยอดเขา มีมากกว่า 15 ทักษะ ระดับปฐพีเป็นรองเพียงห้องสมุดของโถงหลักเท่านั้น”

 

ภายใต้เงื่อนไขที่ยังไม่มีทักษะต่อสู้ระดับสวรรค์ปรากฏขึ้นมา,ทักษะต่อสู้ระดับปฐพีคือทักษะต่อสู้ที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ในทวีปเทียนหวู่แห่งนี้ หากตระกูลหนึ่งได้ครอบครองทักษะต่อสู้ระดับปฐพี,มันเพียงพอที่จะทําให้พวกเขารุ่งเรืองไปนับหลายร้อยปี

 

ศาลากระบี่สวรรค์สมกับที่คงอยู่มานับหมื่นปี เพียงยอดเขาเดียวก็ครอบครองถึง 15 ทักษะต่อสู้ระดับปฐพี,ช่างเป็นข่าวที่น่าตกตะลึง

“ข้ามีเพียงหนึ่งพันแต้มสะสม,มันจะเพียงพอหรือไม่?” เซี่ยวเฉินถามอย่างเป็นกังวล ถึงอย่างไรนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เขาแลกเปลี่ยนที่กษะต่อสู้ด้วยแต้มสะสม,เขาไม่รู้ถึงมูลค่าของแต้มสะสม

 

หลิวสุยเฟิงรู้สึกหน่ายใจพร้อมกับพูดขึ้น “อย่าได้ใช้น้ําเสียงเช่นนี้กล่าวเช่นนั้น เจ้าหมายความว่าไง ข้ามีแค่หนึ่งพันแต้มสะสม? เจ้ากล่าวราวกับว่าหนึ่งพันแต้มสะสมมันไม่ได้มีค่าไปมากกว่าอากาศธาตุ ข้ายังหาได้ไม่ถึง 500 แต้มภายในครึ่งปี เป็นเจ้ากล่าวเช่นนั้นมันทําให้ข้าหมั่นไส้”

 

เซี่ยวเฉินยิ้ม “ข้าไม่รู้นี่ แค่บอกข้ามาว่ามันเพียงพอ”

 

“ข้ามั่นใจให้หัวเป็นประกันว่า,พอ! มันก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะซื้อมันมาจริงๆ มันเป็นเพียงการยืมฉบับสําเนา มันพอซะยิ่งกว่าพอ ไม่มีอะไรให้กังวล” หลิวสุยเฟิงกล่าวอย่างจริงจัง

 

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้น,เขาก็ผ่อนคลายลง ดูเหมือนว่าเขาพอจะรู้กําลังซื้อของแต้มสะสมแล้ว ใครจะรู้? เขาอาจจะสามารถหยิบยืมตําราทักษะต่อสู้ระดับปฐพีขั้นสูงมาได้

พวกเขาทั้งสองเดินมุ่งหน้าไปที่ยอกเขาต่อไป แม้ว่าถนนบนภูเขาจะขรุขระ,แต่ด้วยการบ่มเพาะพลังของพวกเขามันราวกับว่ากําลังเดินไปบนพื้นราบเรียบ ฝีเท้าของพวกเขารวดเร็วเป็นอย่างมาก และในไม่ช้า,พวกเขาก็มองเห็นกลุ่มศาลาสูงตระหง่าน

 

อย่างไรก็ตามเถึงมันจะปรากฎเหมือนใกล้,มันก็ใช้เวลาอีกพักหนึ่งก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ตอนที่พวกเขาอยู่ห่าางไม่ไกลนัก,หลิวสุยเฟิง,ผู้ที่เดินนําอยู่ข้างหน้า,ทันใดนั้นก็หยุดเท้าลง เขาถามเซี่ยวเฉิน “พี่น้องเย่ เจ้าคิดเช่นไรกับพี่สาวของข้า?”

 

คําถามนี่มาพร้อมหมัดฮุก เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยิน,เขานิ่งอึ้งไป,ทําให้เขาหยุดเท้าลงในทันที เสี่ยวไป.ผู้ที่อยู่บนไหล่ของเขาเกือบจะล้มหัวทิ่มลงไป มันจ้องมองอย่างเดือดดาลไปที่หลิวสุยเฟิง

 

หลิวสุยเฟิงเมินเสี่ยวไป,ผู้ที่กําลังขู่ฟอด เขายิ้มและถามขึ้นอีกครั้ง “เจ้าคิดเช่นไร? เจ้ารู้สึกอย่างไรกับพี่สาวของข้า?”

เซี่ยวเฉินค่อยๆกล่าวออกมา “นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าหมายถึงในรูปแบบไหน คําถามของเจ้ามันกว้างเกินไป”

 

หลิวสุยเฟิงยิ้มพร้อมกับถามต่อ “เช่นนั้นข้าจะถามให้เจาะจง เจ้าคิดว่าาพี่สาวของข้างดงามหรือไม่?”

“สง่าและงดงามยากที่จะหามาเปรียบ” เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไปตามตรง

 

หลิวสุยเฟิงหัวเราะเสียงดังและถามต่อ “เจ้าคิดเช่นไรกับความสามารถวิชายุทธของพี่สาวข้า?”

“โดดเด่นและมากพรสวรรค์!”

 

“เช่นนั้นพี่สาวของข้าดีกับเจ้าหรือไม่? นางลงเวลาไปมากมาย เพื่อเตรียมพร้อมค่ายกลกระบี่สัมบูรณ์โบราณให้เจ้าเมื่อวาน นอกจากนั้น ยังไม่ใช่เรื่องเดียวที่นางทําเพื่อเจ้าจากที่ผ่านมา”

 

“อ่า….ข้าไม่มีอะไรให้สาธยาย”

 

รอยยิ้มของหลิวสุยเฟิงฉีกกว้างขึ้น เขาพูดขึ้น “เช่นนั้นหญิงสาวเช่นนี้จะต้องถูกไล่ตามจากบุรุษมากมาย นางจัดได้ว่าเป็นแร่หายาก เจ้าเห็นด้วยหรือไม่?”

เซี่ยวเฉินพยักหน้าต่อ “อืม,แน่นอน!”

 

“เช่นนั้นข้าจะจับคู่เจ้ากับพี่สาวของข้าเป็นเช่นไร?”

 

เซี่ยวเฉินหยุดหายใจไปชั่วขณะ:เขาคิดว่าเขาได้ยินผิดไป นางสงสัยถึงได้ถามขึ้น “เจ้าว่าอะไรนะ? เจ้าพูดซ้ําอีกทีได้หรือไม่?”

 

หลิวสุยเฟิงหัวเราะเสียงดัง “ได้ยินไม่ชัดพอ? เช่นนั้นข้าจะสะกดให้ฟังช้าๆ มาเป็นน้องเขยของข้าเป็นเช่นไร? ชัดนะ…”

 

“ฟู่ฟิ่ว!”

 

เสี่ยวไป.ผู้ที่กําลังนั่งอยู่บนไหล่ของเซี่ยวเฉิน,พุ่งกระโดดตรงไปที่หลิวสุยเฟิงในทันที มันข่วนไปที่หัวของหลิวสุยเฟิงด้วยกรงเล็บสีขาวหิมะของมัน

หลิวสุยเฟิงไม่ทันได้ตั้งตัว เขาปัดป้องไปที่หัวของเขาพร้อมกับกล่าวอย่างกระวนกระวาย “หยุดได้แล้ว ข้าเพิ่งจัดผมมาเมื่อเช้า โอ๊ยเจ็บนะเห้ย..โอ๊ย…”

 

ท้ายที่สุด ยิ่งหลิวสุยเฟิงพยายามจะเอาเสี่ยวไปออกไปจากตัวเขาเท่าไหร่.มันก็ยิ่งเคลื่อนไหวเร็วขึ้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไล่ตามมันทัน ระหว่างที่กําลังวุ่นวาย,เขาเสียการทรงตัวและล้มลงไป

เซี่ยวเฉินติดอยู่ที่คําถามของหลิวสุยเฟิง เมื่อเขาได้ยินเสียงร้องของหลิวสุยเฟิง เขาก็คืนสติกลับมา อย่างไรก็ตาม,มันสายเกินกว่าที่จะเข้าไปช่วย;หลิวสุยเฟิงก็ได้กลิ้งไปไกลแล้ว

 

แม้ว่าถนนบนยอดเขาจะขรุขระ,แต่มันก็ไม่ได้ชันมาก ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งของหลิวสุยเฟิง,เขาไม่ได้รับบาดแผลอะไรเป็นพิเศษ เซี่ยวเฉินหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับหันหน้าเดินต่อไป

 

เซี่ยวเฉินเดินไปไม่ไกลนักเมื่อมีสายลมเร็ววูบผ่านเขาไป;หลิวสุยเฟิงพุ่งขึ้นมาดักหน้าของเซี่ยวเฉิน ใบหน้าของเขาขาวซีดพร้อมกับดึงเสี่ยวไปออกจากผมของ

 

“พี่ใหญ่เย่ ได้โปรดเอาเจ้าตัวน้อยนี่กลับไป ข้ากําลังจะตายอยู่แล้ว”

 

เสี่ยวไปกําลังนั่งอยู่บนหัวของหลิวสุยเฟิง มีรอยยิ้มนุ่มอยู่บนใบหน้าของมันพร้อมกับตบลงไปบนหัวของหลิวสุยเฟิงด้วยฝ่ามือของมันเป็นครั้งคราว ดวงตาสดใสของมันมองไปที่เซี่ยวเฉินอย่างใสซื่อ

เจ้าตัวน้อยนี่ได้ทําเรื่องไม่ดี แต่มันยังคงทําหน้าชื่อตาใส เป็นผลให้ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะโกรธมันลง เซี่ยวเฉินทําได้เพียงหยิบมันออกมาและวางลงบนพื้นถนน

 

หลิวสุยเฟิงในที่สุดก็โล่งอก เขาจัดทรงผมยาวสีดําของเขาและพูดคุยต่อกับเซี่ยวเฉิน “ พี่น้องเย่ คิดเช่นไรกับเรื่องที่ข้าพูดไปเมื่อครู่? ตอบคําถามของข้ามาเร็ว”

 

“อย่าได้ลังเล ไม่ใช่เจ้าว่าพี่สาวของข้าสาวงามไปทุกมุมมอง? ทําไมเจ้ายังจะลังเลอยู่อีก? เจ้าชอบนางหรือไม่? เพียงกล่าวออกมาแล้วข้าจะช่วยเจ้าให้ตาย!”

เงาสีขาวลอยไปที่หลิวสุยเฟิงอีกครั้ง ครั้งนี้ หลิวสุยเฟิงได้เตรียมรับมือและหลบออกไปด้านข้าง

 

เซี่ยวเฉินเห็นว่าเสี่ยวไปยังเข้ามาปวน ดังนั้นเขาจึงจับมันใส่ไว้ ในหยกวิญญาณสีเลือดเป็นการชั่วคราว จากนั้นเขาก็กล่าวกับหลิวสุยเฟิง “ข้าชอบนาง แต่ไม่ใช่แบบรักไคล้ นอกจากนั้น,ตัวข้ายังอ่อนแอ ถึงแม้ว่าข้าอาจจะมีคนที่ชอบอยู่,ข้าคงไม่อาจปกป้องนางได้ ข้าทําได้เพียงจดจ่อไปกับการบ่มเพาะพลังในตอนนี้ พี่น้องหลิว,อย่าได้หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 214 บรรลุถึงสภาวะ

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 214 บรรลุถึงสภาวะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 214 บรรลุถึงสภาวะ

 

เซี่ยวเฉินพยักหน้าและดึงเสี่ยวไปที่หมดสติเข้ามาในอ้อมอกของเขา เขาถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวไป?”

 

หลิวสุยเฟิงอธิบาย “มันอยากจะเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่งเพื่อช่วยเจ้าเมื่อครู่ พี่สาวของข้าทําให้มันหมดสติ”

ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูรหรือผู้บ่มเพาะพลัง,หากพวกเขาเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่ง,มันจะทิ้งผลกระทบแฝงเอาไว้ โดยเฉพาะสําหรับเสี่ยวไป

 

“ใช่แล้ว พี่น้องเย่ เป็นการดีที่สุดหากจะให้เสี่ยวไปดื่มน้อยลงในอนาคต” หลิวสุยฟังกล่าวอย่างเคร่งขรึม เขานึกถึงตอนที่ถูกเสียวไปไล่กวด

เซี่ยวเฉินรู้สึกสงสัยพร้อมกับถามขึ้น “ทําไม?”

 

“มันออกจะอธิบายยากเล็กน้อย มันซับซ้อนนิดหน่อย แท้จริงแล้ว มัน…” หลิวสุยเฟิงล้ําอึ้งอยู่นานสองนาน แท้จริงแล้วเขาขายหน้าเกินกว่าที่จะพูกเกี่ยวกับเรื่องที่เสี่ยวไปไล่กวดเขาไปทั่ว

ในช่วงดึก,ดวงจันทร์ลอยสูงท่ามกลางหมู่ดาวบนท้องฟ้า

 

เซี่ยวเฉินยืนอยู่ในลานส่วนตัวของเขา เขาถือกระบี่เงาจันทร์ไว้ในมือขวา และลูบนิ้วมือข้างซ้ายของเขาไปดาบคมกระบี่

 

เรืองแสงคมกระบี่สีขาวหิมะกลายเป็นรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น ขณะที่เซี่ยวเฉินลูบไล้ไปตามคมกระบี่,พลังปราณของเขาหมุนเวียนและไหลเข้าไปในกระบี่อย่างต่อเนื่อง

 

ในวินาทีถัดมา

กระบี่ฉีเฉียบคมยิงออกมาจากคมกระบี่อย่างต่อเนื่อง,บินไปโดยรอบอย่างโกลาหลในอากาศ กระบี่ฉีนี้แตกต่างจากกระบี่ฉีของนักบ่มเพาะพลังทั่วไป

กระบี่ฉีเฉียบคมนี้บรรลุไปด้วยพลังงานสายฟ้าร่องรอยสายฟ้า เคลื่อนตัวไปพร้อมกับกระบี่ฉี เติมเต็มไปบนท้องฟ้าเหนือลานบ้าน

เซี่ยวเฉินดึงนิ้วของเขากลับและกระบี่ฉีในอากาศก็จางหายไปในทันที สายฟ้าแตกตัวอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน

แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะไม่บนนลุฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมัน หลังจากกลับออกมาจากมิติมืดมิดนั้น,เขาดูเหมือนจะบรรลุสภาวะอื่นที่เขาไม่รู้จัก

 

สภาวะนี้ทําให้เขาสามารถปล่อยกระบี่ฉีที่บรรจุสายฟ้าออกมาได้ ขณะที่เขายังอยู่เพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ พลังของกระบี่นี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าของระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้นเสียอีก นอกจากนั้น,ศักยภาพของมันยังไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมาเต็มที่

เซี่ยวเฉินฟื้นคืนความคิดกลับมาและมองไปยังกระบี่เงาจันทร์สีขาวหิมะ เขาลังเลอย่างหนักหน่วงเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้ เข้าใจถึงกระบี่เล่มนี้แม้แต่นิดเดียว

มิติมืดแห่งนั้นแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก เซี่ยวเฉินได้ฟังมา จากหลิวหรูเยวที่หลังว่ามันคือพื้นที่แห่งจิตที่ก่อเกิดขึ้นมาจาก เจตนารมณ์กระบี่โบราณ

มันสามารถดึงเจตนารมณ์กระบี่ที่ซ่อนอยู่ลึกในจิตใจของเขาออกมาได้ หลังจากที่เซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้นเขางุนงงยิ่งกว่าเดิม

เจตนารมณ์กระบี่ของกระบี่เงาจันทร์คือเด็กสาวประหลาดนางหนึ่ง แม้ว่าเขาจะไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของนางได้ชัดเจน,เขาแน่ใจว่านั้นไม่ใช่อ่วเจียว

 

ในเช้าวันต่อมา,แสงอาทิตย์ลอดผ่านหน้าต่างและฉายลงบนใบหน้าของเซี่ยวเฉิน เซี่ยวเฉินฟื้นขึ้นจากการบ่มเพาะพลังและลืมตาขึ้น เมื่อเขาเดินออกไปจากลานบ้าน,เขาก็เห็นหลิวสุยเฟิง

 

“สุยเฟิง,ขออภัยที่ทําให้เจ้ารอ” เซี่ยวเฉินทักทายเขา

 

หลิวสุยเฟิงยิ้มอ่อนโยน “ไม่เป็นไร,ข้าก็เพิ่งมาถึงไม่ได้รอนานอะไร ไปกันเถอะ, ข้าจะพาเจ้าไปที่ห้องสมุด

พวกเขาทั้งสองพูดคุยกันขณะที่เดินไปยังจุดยอดสุดของยอดเขา ระหว่างทาง,เสี่ยวไปปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่า มันกระโดดไปที่ไหล่ของเซี่ยวเฉินพร้อมกับเสียง โซว” กําลังจ้องมองไปที่หลิวสุยเฟิง

 

“เกิดอะไรขึ้น?” เซี่ยวเฉินถามขึ้นหลังจากที่เห็นสีหน้าหวาดกลัวของหลิวสุยเฟิง

 

หลิวสุยเฟิงยิ้มอย่างเลิ่กลั่ก “ไม่มีอะไรไปกันต่อเถอะ ใช่แล้วเจ้ามีแต้มสะสมมากน้อยเท่าไหร? ที่กษะต่อสู้ประเภทไหนที่เจ้าต้องการจะไปแลกเปลี่ยน?”

 

เซี่ยวเฉินตัดสินใจได้นานแล้วว่าเขาจะเลือกทักษะประเภทอะไร เขาไม่ได้ต้องการทักษะบ่มเพาะพลังเป็นการชั่วคราว แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ระดับไหน,แต่ด้วยความรวดเร็วในการบ่มเพาะพลังของเซี่ยวเฉิน,เขารู้ว่ามันเพียงพอที่เขาจะใช้บ่มเพาะพลังไปอีกนาน

 

เซี่ยวเฉินไม่ได้ต้องการทักษะหมัดหรือทักษะเคลื่อไหวเช่นกัน มันดูไม่เหมือนว่ายอดเขาฉิงหยุนจะมีที่กษะที่ยอดเยี่ยมไปกว่าหมัดพยัคฆ์มังกรหรือมังกรฟ้าเมฆาทะยาน,ดังนั้นไม่จําเป็นต้องไปใส่ใจ

 

สิ่งเดียวที่เซี่ยวเฉินขาดแคลนก็คือทักษะกระบี่ดีๆสักเล่ม ทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันได้ถูกปรับแต่งโดยเซี่ยวเฉิน,เปลี่ยนให้มันกลายเป็นที่กษะระดับปฐพีขั้นต่ํา อย่างไรก็ตาม,มันดุดันจนเกินไป,ไม่เหลือทางไว้ให้ถอยกลับ

หากเขาเผชิญหน้ากับศัตรูสักหนึ่งหรือสองคน,มันไม่มีปัญหา ถึงกระนั้น,หากเขาต่อสู้กับกลุ่มศัตรูที่มีระดับพลังใกล้เคียงกับเขา,มันเป็นการยากที่จะรับมือ เขาสามารถทําได้เพียงใช้รูปแบบแปรลักษณ์,และปรับใช้ไปตามสถานการณ์

 

อย่างไรก็ตาม,จนกว่าต้นกําเนิดปัญญายุทธจะสามารถทะลวงระดับขึ้นไปได้ ทักษะต่อสู้ที่เลียนแบบมา)มีพลังแตกต่างจากทักษะต่อสู้ที่เซี่ยวเฉินฝึกฝนอย่างใหญ่หลวง

 

ดังนั้นเซี่ยวเฉินจึงต้องการทักษะกระบี่อย่างเร่งด่วน ยิ่งดังเป็นระดับปฐพีหรือสูงกว่าขึ้นไป ระดับเหลืองและลึกล้ํามันไร้ประโยชน์,เสียเวลาของเขาไปเปล่าๆ

 

อย่างไรก็ตาม เซี่ยวเฉินไม่รู้ว่าจะมีทักษะระดับปฐพี่หรือสูงกว่าอยู่หรือไม่ คิดได้ดังนั้นเขาถึงถามขึ้น “มีทักษะกระบี่ระดับปฐพีหรือสูงกว่าหรือไม่ที่ห้องสมุดของยอดเขานิ่งหยุน? ข้ามีหนึ่งพันแต้มสะสม,มันจะเพียงพอหรือไม่?”

รอยยิ้มภาคภูมิใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันหล่อเหลาของหลิวสุยเฟิง “หากเจ้าอยู่ที่ยอดเขาอื่น,มันจะยุ่งยากที่เจ้าจะได้รับทักษะระดับปฐพีมาสักเล่ม นอกจากนั้น,มันต้องใช้แต้มสะสมจํานวนมาก ทําให้ไม่มีตัวเลือกมากนัก

“ถึงกระนั้น มันไม่ใช่ปัญหาที่ยอดเขาฉิงหยุน ยอดเขาฉิงหยุน เคยเป็นยอดเขาอันดับหนึ่งแห่งศาลากระบี่สวรรค์ มันมีทักษะต่อสู้มากที่สุดเมื่อเทียบกันในทั้งเจ็ดยอดเขา มีมากกว่า 15 ทักษะ ระดับปฐพีเป็นรองเพียงห้องสมุดของโถงหลักเท่านั้น”

 

ภายใต้เงื่อนไขที่ยังไม่มีทักษะต่อสู้ระดับสวรรค์ปรากฏขึ้นมา,ทักษะต่อสู้ระดับปฐพีคือทักษะต่อสู้ที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ในทวีปเทียนหวู่แห่งนี้ หากตระกูลหนึ่งได้ครอบครองทักษะต่อสู้ระดับปฐพี,มันเพียงพอที่จะทําให้พวกเขารุ่งเรืองไปนับหลายร้อยปี

 

ศาลากระบี่สวรรค์สมกับที่คงอยู่มานับหมื่นปี เพียงยอดเขาเดียวก็ครอบครองถึง 15 ทักษะต่อสู้ระดับปฐพี,ช่างเป็นข่าวที่น่าตกตะลึง

“ข้ามีเพียงหนึ่งพันแต้มสะสม,มันจะเพียงพอหรือไม่?” เซี่ยวเฉินถามอย่างเป็นกังวล ถึงอย่างไรนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เขาแลกเปลี่ยนที่กษะต่อสู้ด้วยแต้มสะสม,เขาไม่รู้ถึงมูลค่าของแต้มสะสม

 

หลิวสุยเฟิงรู้สึกหน่ายใจพร้อมกับพูดขึ้น “อย่าได้ใช้น้ําเสียงเช่นนี้กล่าวเช่นนั้น เจ้าหมายความว่าไง ข้ามีแค่หนึ่งพันแต้มสะสม? เจ้ากล่าวราวกับว่าหนึ่งพันแต้มสะสมมันไม่ได้มีค่าไปมากกว่าอากาศธาตุ ข้ายังหาได้ไม่ถึง 500 แต้มภายในครึ่งปี เป็นเจ้ากล่าวเช่นนั้นมันทําให้ข้าหมั่นไส้”

 

เซี่ยวเฉินยิ้ม “ข้าไม่รู้นี่ แค่บอกข้ามาว่ามันเพียงพอ”

 

“ข้ามั่นใจให้หัวเป็นประกันว่า,พอ! มันก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะซื้อมันมาจริงๆ มันเป็นเพียงการยืมฉบับสําเนา มันพอซะยิ่งกว่าพอ ไม่มีอะไรให้กังวล” หลิวสุยเฟิงกล่าวอย่างจริงจัง

 

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้น,เขาก็ผ่อนคลายลง ดูเหมือนว่าเขาพอจะรู้กําลังซื้อของแต้มสะสมแล้ว ใครจะรู้? เขาอาจจะสามารถหยิบยืมตําราทักษะต่อสู้ระดับปฐพีขั้นสูงมาได้

พวกเขาทั้งสองเดินมุ่งหน้าไปที่ยอกเขาต่อไป แม้ว่าถนนบนภูเขาจะขรุขระ,แต่ด้วยการบ่มเพาะพลังของพวกเขามันราวกับว่ากําลังเดินไปบนพื้นราบเรียบ ฝีเท้าของพวกเขารวดเร็วเป็นอย่างมาก และในไม่ช้า,พวกเขาก็มองเห็นกลุ่มศาลาสูงตระหง่าน

 

อย่างไรก็ตามเถึงมันจะปรากฎเหมือนใกล้,มันก็ใช้เวลาอีกพักหนึ่งก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ตอนที่พวกเขาอยู่ห่าางไม่ไกลนัก,หลิวสุยเฟิง,ผู้ที่เดินนําอยู่ข้างหน้า,ทันใดนั้นก็หยุดเท้าลง เขาถามเซี่ยวเฉิน “พี่น้องเย่ เจ้าคิดเช่นไรกับพี่สาวของข้า?”

 

คําถามนี่มาพร้อมหมัดฮุก เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยิน,เขานิ่งอึ้งไป,ทําให้เขาหยุดเท้าลงในทันที เสี่ยวไป.ผู้ที่อยู่บนไหล่ของเขาเกือบจะล้มหัวทิ่มลงไป มันจ้องมองอย่างเดือดดาลไปที่หลิวสุยเฟิง

 

หลิวสุยเฟิงเมินเสี่ยวไป,ผู้ที่กําลังขู่ฟอด เขายิ้มและถามขึ้นอีกครั้ง “เจ้าคิดเช่นไร? เจ้ารู้สึกอย่างไรกับพี่สาวของข้า?”

เซี่ยวเฉินค่อยๆกล่าวออกมา “นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าหมายถึงในรูปแบบไหน คําถามของเจ้ามันกว้างเกินไป”

 

หลิวสุยเฟิงยิ้มพร้อมกับถามต่อ “เช่นนั้นข้าจะถามให้เจาะจง เจ้าคิดว่าาพี่สาวของข้างดงามหรือไม่?”

“สง่าและงดงามยากที่จะหามาเปรียบ” เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไปตามตรง

 

หลิวสุยเฟิงหัวเราะเสียงดังและถามต่อ “เจ้าคิดเช่นไรกับความสามารถวิชายุทธของพี่สาวข้า?”

“โดดเด่นและมากพรสวรรค์!”

 

“เช่นนั้นพี่สาวของข้าดีกับเจ้าหรือไม่? นางลงเวลาไปมากมาย เพื่อเตรียมพร้อมค่ายกลกระบี่สัมบูรณ์โบราณให้เจ้าเมื่อวาน นอกจากนั้น ยังไม่ใช่เรื่องเดียวที่นางทําเพื่อเจ้าจากที่ผ่านมา”

 

“อ่า….ข้าไม่มีอะไรให้สาธยาย”

 

รอยยิ้มของหลิวสุยเฟิงฉีกกว้างขึ้น เขาพูดขึ้น “เช่นนั้นหญิงสาวเช่นนี้จะต้องถูกไล่ตามจากบุรุษมากมาย นางจัดได้ว่าเป็นแร่หายาก เจ้าเห็นด้วยหรือไม่?”

เซี่ยวเฉินพยักหน้าต่อ “อืม,แน่นอน!”

 

“เช่นนั้นข้าจะจับคู่เจ้ากับพี่สาวของข้าเป็นเช่นไร?”

 

เซี่ยวเฉินหยุดหายใจไปชั่วขณะ:เขาคิดว่าเขาได้ยินผิดไป นางสงสัยถึงได้ถามขึ้น “เจ้าว่าอะไรนะ? เจ้าพูดซ้ําอีกทีได้หรือไม่?”

 

หลิวสุยเฟิงหัวเราะเสียงดัง “ได้ยินไม่ชัดพอ? เช่นนั้นข้าจะสะกดให้ฟังช้าๆ มาเป็นน้องเขยของข้าเป็นเช่นไร? ชัดนะ…”

 

“ฟู่ฟิ่ว!”

 

เสี่ยวไป.ผู้ที่กําลังนั่งอยู่บนไหล่ของเซี่ยวเฉิน,พุ่งกระโดดตรงไปที่หลิวสุยเฟิงในทันที มันข่วนไปที่หัวของหลิวสุยเฟิงด้วยกรงเล็บสีขาวหิมะของมัน

หลิวสุยเฟิงไม่ทันได้ตั้งตัว เขาปัดป้องไปที่หัวของเขาพร้อมกับกล่าวอย่างกระวนกระวาย “หยุดได้แล้ว ข้าเพิ่งจัดผมมาเมื่อเช้า โอ๊ยเจ็บนะเห้ย..โอ๊ย…”

 

ท้ายที่สุด ยิ่งหลิวสุยเฟิงพยายามจะเอาเสี่ยวไปออกไปจากตัวเขาเท่าไหร่.มันก็ยิ่งเคลื่อนไหวเร็วขึ้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไล่ตามมันทัน ระหว่างที่กําลังวุ่นวาย,เขาเสียการทรงตัวและล้มลงไป

เซี่ยวเฉินติดอยู่ที่คําถามของหลิวสุยเฟิง เมื่อเขาได้ยินเสียงร้องของหลิวสุยเฟิง เขาก็คืนสติกลับมา อย่างไรก็ตาม,มันสายเกินกว่าที่จะเข้าไปช่วย;หลิวสุยเฟิงก็ได้กลิ้งไปไกลแล้ว

 

แม้ว่าถนนบนยอดเขาจะขรุขระ,แต่มันก็ไม่ได้ชันมาก ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งของหลิวสุยเฟิง,เขาไม่ได้รับบาดแผลอะไรเป็นพิเศษ เซี่ยวเฉินหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับหันหน้าเดินต่อไป

 

เซี่ยวเฉินเดินไปไม่ไกลนักเมื่อมีสายลมเร็ววูบผ่านเขาไป;หลิวสุยเฟิงพุ่งขึ้นมาดักหน้าของเซี่ยวเฉิน ใบหน้าของเขาขาวซีดพร้อมกับดึงเสี่ยวไปออกจากผมของ

 

“พี่ใหญ่เย่ ได้โปรดเอาเจ้าตัวน้อยนี่กลับไป ข้ากําลังจะตายอยู่แล้ว”

 

เสี่ยวไปกําลังนั่งอยู่บนหัวของหลิวสุยเฟิง มีรอยยิ้มนุ่มอยู่บนใบหน้าของมันพร้อมกับตบลงไปบนหัวของหลิวสุยเฟิงด้วยฝ่ามือของมันเป็นครั้งคราว ดวงตาสดใสของมันมองไปที่เซี่ยวเฉินอย่างใสซื่อ

เจ้าตัวน้อยนี่ได้ทําเรื่องไม่ดี แต่มันยังคงทําหน้าชื่อตาใส เป็นผลให้ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะโกรธมันลง เซี่ยวเฉินทําได้เพียงหยิบมันออกมาและวางลงบนพื้นถนน

 

หลิวสุยเฟิงในที่สุดก็โล่งอก เขาจัดทรงผมยาวสีดําของเขาและพูดคุยต่อกับเซี่ยวเฉิน “ พี่น้องเย่ คิดเช่นไรกับเรื่องที่ข้าพูดไปเมื่อครู่? ตอบคําถามของข้ามาเร็ว”

 

“อย่าได้ลังเล ไม่ใช่เจ้าว่าพี่สาวของข้าสาวงามไปทุกมุมมอง? ทําไมเจ้ายังจะลังเลอยู่อีก? เจ้าชอบนางหรือไม่? เพียงกล่าวออกมาแล้วข้าจะช่วยเจ้าให้ตาย!”

เงาสีขาวลอยไปที่หลิวสุยเฟิงอีกครั้ง ครั้งนี้ หลิวสุยเฟิงได้เตรียมรับมือและหลบออกไปด้านข้าง

 

เซี่ยวเฉินเห็นว่าเสี่ยวไปยังเข้ามาปวน ดังนั้นเขาจึงจับมันใส่ไว้ ในหยกวิญญาณสีเลือดเป็นการชั่วคราว จากนั้นเขาก็กล่าวกับหลิวสุยเฟิง “ข้าชอบนาง แต่ไม่ใช่แบบรักไคล้ นอกจากนั้น,ตัวข้ายังอ่อนแอ ถึงแม้ว่าข้าอาจจะมีคนที่ชอบอยู่,ข้าคงไม่อาจปกป้องนางได้ ข้าทําได้เพียงจดจ่อไปกับการบ่มเพาะพลังในตอนนี้ พี่น้องหลิว,อย่าได้หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+