Immortal and Martial Dual Cultivation 179 ไม้ศักดิ์สิทธิ์

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 179 ไม้ศักดิ์สิทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 179 ไม้ศักดิ์สิทธิ์

 

กิ่งนี้จะต้องถูกหักมาจากต้นฟูซังพันธุ์ที่ด้อยกว่า ถึงกระนั้น มันก็ยังมีมูลค่าสูง เป็นเพราะมันเป็นต้นไม้ประเภทที่มีสติปัญญา:พวกมันเข้าใจถึงการบ่มเพาะพลัง

 

TL:ขอเปลี่ยนต้นชบาเป็นต้นฟูซังนะครับ คํานี้ทับไปเลยดีกว่า

 

หากมันเป็นต้นไม้เก่าแก่,มันอาจจะแข็งแกร่งกว่านักบ่มเพาะพลังทั่วไป ตามตํานาน,ต้นชบานี้มีความแข็งแกร่งถึงระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธ

 

มันเป็นของดีถึงเพียงนี้ ทําไมถึงไม่มีคนซื้อมัน? เซี่ยวเฉินเต็มไปด้วยความงุนงง หรือว่าราคาของมันจะสูงเกินไป?

 

“กิ่งนี้หักมาจากต้นหวี่ท่งอายุนับหนึ่งพันปี ข้าต้องการผลแดงอ่อน ข้าจะไม่ขายแต่จะแลกเปลี่ยนมันเท่านั้น หากไม่มีใครเสนอ, ข้าจะเก็บมันไว้ใช้เอง”

 

ต้นหวี่ท่ง,เปลือกของมันเป็นสีเขียวเหมือนหยก,ใบของมันเหมือนกับดอกไม้,มันสวย,สง่า,งดงาม,และบริสุทธิ์พลังงานจิตวิญญาณของมันราวกับกลั้นลงมาจากสวรรค์ตามตํานาน,เมื่อพวกมันผลัดใบ,ใบของมันจะกลายเป็นใบทองคําเปลว ว่ากันว่านกฟินิกซ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งยุคโบราณจะไม่เกาะอยู่บนต้นไม้ใดยกเว้นแต่มันจะเป็นต้นหวี่ท่ง

 

แม้ว่ามันจะเทียบไม่ได้กับต้นฟูซัง,มันก็ยังเป็นต้นไม้วิญญาณที่มีชื่อเสียง หากว่ามันอยู่มานับพันปีจริง,มูลค่าของมันก็พอเทียบเท่ากันได้

 

ไม่เพียงแต่มันจะสามารถนํามาใช้สกัดเม็ดยาได้,ผู้ที่ซึบซับพลังงานจิตวิญญาณของมัน,มันสามารถยกระดับการบ่มเพาะพลังของเขาได้ หากนํามันมาสร้างเป็นเครื่องประดับสวมใส่ มันจะทําให้ผู้สวมใส่สงบลง,ส่งผลให้พวกเขาสําเร็จการบ่มเพาะพลังได้มากขึ้น

 

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินว่าคนผู้นี้อยากจะแลกมันกับผลอ่อนแดง,ความคิดก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงพร้อมกับควานหาสิ่งของในแหวนห้วงจักรวาลของเขา ผ่านไปครู่หนึ่ง,เขาก็พบของที่เขาค้นหาวางหลบอยู่ตรงมุม

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกเป็นสุขในใจ ตั้งแต่ที่เขาพบมันที่ตีนเขาชีเจี่ยว,เขาก็ไม่เรยได้ใช้มัน จนเขาเกือบจะลืมไปแล้ว เขาไม่คาดคิดว่าจะได้หยิบมาใช้ในตอนนี้

 

“ข้าเสนอ 80 หินวิญญาณ เพียงพอที่จะซื้อมันหรือไม่?” มีคนเดินขึ้นมาและถามอย่างกระตือรือล้น

 

80 หินวิญญาณเพื่อซื้อกิ่งหวี่ท่งวิญญาณนับว่าราคาสูงมากแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม,ศิษย์ยอดเขาเปยเฉินคนนั้นส่ายหัวและพูดขึ้น “ไม่มีทาง,ข้าต้องการผลอ่อนแดงอย่างเร่งด่วนสําหรับการฝึกฝนของข้า ผลอ่อนแดงที่ยอดเขาสตรีหยกยังไม่สุกงอมดี ดังนั้นข้าจึงทําได้เพียงลองเสี่ยงโชคดี หากมันไม่มี,ข้าก็จะเก็บไม้วิญญาณหภู่ท่งนี้ไว้ใช้เอง”

พอคิดเกี่ยวกับมัน,เขาเป็นศิษย์แก่นกลางของยอดเขาเป่ยเฉิน,เขาย่อมไม่ขาดแคลนหินวิญญาณค่าสนับสนุนของศิษย์ แก่นกลางสูงกว่าศิษย์ชั้นในทั่วไปอย่างมาก เพิ่มด้วยภารกิจที่พวกเขาทําสําเร็จ,พวกเขามีหินวิญญาณเพียงพอให้ใช้

 

คนผู้นั้นรู้สึกไม่ยอมรับแต่ก็ทําได้เพียงส่ายหัวและเดินจากไป ผู้คนที่อยู่โดยรอบเริ่มจากไปเช่นกัน แม้ว่าสมุนไพรวิญญาณอย่างผลอ่อนแดงจะไม่ใช่ของหายากนัก แต่มันใช้เวลากว่าสิบปีถึงจะสุกงอมเต็มที่ ผู้นั้นจะต้องโชคดีถึงจะได้มาสักผลหนึ่ง

 

มองดูฝูงชนเริ่มจางหายไป,ศิษย์ยอดเขาเป่ยเฉินผู้ที่ตั้งแผงลอยเผยสีหน้าผิดหวัง เขาลุกขึ้นเตรียมตัวเก็บของกลับ

 

เซี่ยวเฉินรีบตรงเข้ามาในทันที “รอก่อน,ข้ามีผลอ่อนแดง ข้าสงสัยว่าเราจะทําการแลกเปลี่ยนกันได้หรือไม่?”

 

เมื่อศิษย์ยอดเขาเป่ยเฉินได้ยินดังนั้น,เขาก็เป็นสุขขึ้นมาเขาพูดขึ้น “หากมันเป็นผลอ่อนแดงที่สุกงอม,ข้ายินดีที่จะเพิ่มหินวิญญาณให้อีกเล็กน้อย หากมันยังไม่สุกดีเจ้าต้องเพิ่มหินวิญญาณให้ข้า”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้นเขาก็ยิ้มขึ้น เขาหยิบเอาผลอ่อนแดงที่อยู่ในแหวนห้วงจักรวาลออกมายืนตรงไป ผลอ่อนแดงที่มีกลิ่นหอมหวาน, พลังงานจิตวิญญาณที่หนาแน่นที่จู่โจมไปที่จมูก ผิวที่ใสราวกับกระจกของมันดูเหมือนมีแสงไฟอยู่ภายใต้

 

“ผลอ่อนแดงที่สุกงอมแล้ว! มันสุกงอมแล้วจริงๆ!” คนผู้นั้นมีสีหน้าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก “ชื่อของข้าคือฟางหนิง ขอบใจเจ้ามากสําหรับผลอ่อนแดง ข้าจะให้เจ้าเพิ่มอีกสิบหินวิญญาณ”

 

ฟางหนิงรู้สึกเป็นสุขอย่างเหลือเชื่อ เขาได้ติดอยู่ที่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงสุดมาเป็นเวลานานแล้ว นั้นเป็นเพราะเขาไม่สามารถทะลวงความก้าวหน้าของทักษะบ่มเพาะพลังธาตุไฟของเขาขึ้นไปได้ ตอนนี้เข้าได้ผลอ่อนแดงมาเขามีความหวังที่จะทะลวงขึ้นสู่ระดับขอบเขตนักบุญ

 

เซี่ยวเฉินไม่คาดคิดว่าเขาจะได้เพิ่มอีกสิบหินวิญญาณ เซี่ยวเฉินรับเอาหินวิญญาณและไม้วิญญาณหภู่ท่งที่ฟางหนิงให้เขามา เขาเผยสีหน้าเป็นสุข

 

เซี่ยวเฉินกําลังมองหาไม้วิญญาณเช่นนี้อยู่พอดี อย่างไรก็ตาม,เขาก็มักจะจบลงด้วยไม่ได้อะไรแน่นอน นั้นเป็นข้อพิสูจน์ว่าไม้วิญญาณส่งผลต่อคาถาสละชีพอย่างมาก แม้แต่เขาของสัตว์อสูรที่เต็มไปด้วยพลังงานจิตวิญญาณหนาแน่นก็ไม่อาจทดแทนได้

 

หลังจากรับผลอ่อนแดงไป,ฟางหนิงเก็บแผงลอยและจากไปทันที เขาเร่งรีบที่จะออกไปจากตลาด

 

เซี่ยวเฉินหยุดเขาไว้และพูดขึ้น “พี่ชายฟาง,เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าพบต้นหวี่ท่งนี้ที่ไหน?”

 

ฟางหยิงหยุดลงและส่ายหัว เขากล่าวอย่างจริงใจ “น้องชาย,เป็นการดีกว่าที่เข้าจะไม่รู้ ที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยอันตราย ข้าได้ไปที่แห่งนั้นพร้อมกับอาจาร์ของข้าและต้นไม้นั้นได้กลายเป็นมีจิตวิญญาณเรียบร้อยแล้ว มันยากที่จะรับมือ”

 

หลังจากที่ฟางหนิงพูดจบ,เขาก็จากไปด้วยไม่หันกลับมามอง ไม่ว่าเซี่ยวเฉินจะเรียกเท่าไหร เขาก็ไม่หยุดเท้าลง

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาแหงนขึ้นไปมองบนท้องฟ้า,ตอนนี้มันเป็นสีแดงระเรื่อที่ทิศตะวันตก พระอาทิตย์ตกย้อมท้องฟ้าให้เป็นสีแดง,มันเริ่มค่ำมืดแล้ว

 

มันก็ยังคงเร็วเกินไปดังนั้นเซี่ยวเฉินจึงตัดสินใจเดินสํารวจร้านค้าที่ตั้งขึ้นโดยศาลากระบี่สวรรค์เพื่อมองหาของดีๆ

 

ประมาณ 200 เมตรด้านหลังของเซี่ยวเฉิน,มีร่างที่จ้องมองมาทางเขาอย่างมุ่งร้าย คนผู้นี้คือคนที่อยากได้เขาของพยัคฆ์เขาเงินเมื่อก่อนหน้านี้

 

“ทําให้ข้าไม่อาจทําภารกิจของอาจารย์ได้สําเร็จ…ข้าสงสัยว่าเจ้าจะมีภูมิหลังเช่นไร เจ้าถึงกล้าฉกของที่ข้าต้องการไป”

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองเขาจึงขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไป เมื่อเขาเห็นร่างของผู้ที่กําลังลอบตามเขามา,เขาก็ยิ้มขึ้นและเดินต่อไป,ไม่ได้ไปใส่ใจ

 

มีคนอยู่เล็กน้อยในร้านค้าทางการ ห่างไกลจากคนที่พลุ่งพล่านในตลาดแผงลอยเสรี เซี่ยวเฉินมองกวาดอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่พบอะไรที่เขาสนใจ

 

ของที่วางขายที่นี่ราคาสูงลิ่ว พวกเขาเก็บตุนสิ่งของเช่น,สมุนไพร,เม็ดยา,ทักษะต่อสู้,หรือทักษะบ่มเพาะพลัง คนอื่นอาจจะมีความสนใจพวกมันแต่ไม่ใช่กับเซี่ยวเฉิน

 

เซี่ยวเฉินมีรากปัญญายุทธ:เขาสามารถลอกเลียนทักษะอะไรก็ได้ภายใต้แสงอาทิตย์นี้ หากว่ามันไม่ใช่ทักษะต่อสู้ที่หากยาอย่างแท้จริง,เขาก็ไม่ได้สนใจ สําหรับเม็ดยาและสมุนไพร,เขาอาจจะต้องการมันในตอนที่เขาบ่มเพาะพลังแต่มันไม่ใช่สําหรับตอนนี้

 

เขาเพียงแค่ซื้อเม็ดยาขับพิษคุณภาพสูงสองสามเม็ดเอาไว้เผื่อในตอนที่เขาต้องใช้ นอกจากนั้นเขาก็ไม่ได้ซื้ออะไรอีก เขาจากไปอย่างผิดหวัง

 

ดวงตะวันกําลังจะลับแสงในไม่ช้า เซี่ยวเฉินตั้งใจจะหาพื้นที่เงียบสงบเพื่อค้างคืน มันเป็นเพียงแค่คืนเดียว

 

เขาไม่ได้คิดอะไรมากนัก

 

ในตอนที่เขากําลังจะออกจากตลาด,มีร่างพุ่งตรงมาที่เขาอย่างรวดเร็ว,เจตนาจะหยุดเขาไว้ก่อนที่จะออกจากตลาด

 

เซี่ยวเฉินยิ้มขึ้นบางเบาและจับสัมผัสวิญญาณของเขาไปที่ร่างนั้น มีมือยักษ์สีดําปรากฏขึ้นมาจากรวามว่างเปล่าและก็กําเป็นหมัด,จับตัวของคนคนนั้นไว้อย่างแน่นหนา

 

เซี่ยวเฉินโบกมืออย่างสบายๆและคนคนนั้นก็ถูกโยนลอยขึ้นไปในอากาศ เขาลอยเป็นเส้นโค้งขนาดใหญ่และตกลงที่พื้นเสียงดังปัง มือยักษ์สีดํากับมือเป็นหมัดและร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า มันโจมตีใส่เขาอย่างต่อเนื่อง,ทําให้คนคนนั้นกระอักเลือดออกมาและสลบไปก่อนที่มันจะหยุดลง

 

ตั้งแต่ต้นจนจบ,เซี่ยวเฉินไม่ได้หันกลับไปมอง เขาถอนมือกลับและจากไปอย่างรวดเร็ว เป็นแค่คนชั่วอ่อนปวกเปียกยังกล้าที่จะมาขวางทางเขา ช่างบ้าบอ!

 

ภายในฐานส่องสวรรค์,ใต้ต้นไม้สูงที่ดูราวกับว่ามันได้ยืนค้ำท้องฟ้าเอาไว้,เซี่ยวเฉินมองขึ้นไปที่ใบไม้ที่หนาแน่น เขาเผยสีหน้าพึงพอใจ,เขาจะพักค้างคืนที่นี่

 

เขาผลักเท้าดีดตัวขึ้นจากพื้นและกระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้ เขาจัดทางท่าให้สบายและนอนลง เซี่ยวเฉินหยิบเอามีดแกะสลักและเขี้ยวของเสือเขี้ยวดาบออกมา,และจากนั้นเขาก็เตรียมลงมือแกะสลัก

 

เซี่ยวเฉินไม่รู้ว่าเสือเขี้ยวดาบหน้าตาเป็นเช่นไรเพราะเขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน เขาจึงไม่อาจสลักมันขึ้นมาใช้กับคาถาสละชีพได้ หากเขาใช้มันสลักเป็นราชันสิงโตทองคํา,วัสดุมันจะไม่ถูกต้อง

 

นอกจากนั้น,ขนาดของราชันสิงโตทองคํามันใหญ่โตเกินไป หากเขาฝืนใช้เขี้ยวอันนี้สลักขึ้นมาเป็นราชันสิงโตทองคํา,มันอาจจะเกิดข้อพกพร่องมันจะไม่คุ้มค่า

 

เมื่อคิดเกี่ยวกับมัน,เซี่ยวเฉินวัดขนาดของเขาสัตว์อสูร ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะแกะสลักลิงน้ำแข็งระดับ 5 แม้ว่าระดับของลิงน้ำแข็งจะไม่สูงมากนัก มันก็ง่ายที่จะควบคุมพลังปราณที่เผาผลาญน้อยลงไป

 

TL:ตรงนี้ไม่รู้ว่าหมายถึงเขาของพยัคฆ์เงาเงินจากตอนก่อนหรือเปล่า เพราะ eng ตรงนี้ใช้เสือเขี้ยวดาบแถมยังใช้คําว่าเขี้ยวบางเขาบ้าง ไม่รู้ว่าหมายถึงตัวไหนกันแน่แต่ผมคิดว่าเป็นเขาของพยัคฆ์เขาเงินจากตอนก่อนครับ ไว้ถ้าเจออะไรอีกเดียวมาแก้ไขครับ

 

ลิงน้ำแข็งมีความแข็งแกร่งเพียงระดับขอบเขตนักบุญ อย่างไรก็ตาม,หากมีพวกมันจํานวนมาก,กําลังต่อสู้ของพวกมันก็เพิ่มขึ้นสูง หลังจากที่เขาตัดสินใจได้เขาก็ไม่ลังเล เขาเอนตัวลงบนลําต้นของต้นไม้และลงมือแกะสลัก

 

“โซว! โซว!”

 

เซี่ยวเฉินแทรกพลังปราณลงไปในมีดแกะสลัก เศษน้อยร่วงลงมาจากเขาสัตว์อสูรสีขาวอย่างรวดเร็ว เขานึกถึงรูปร่างของลิงน้ำแข็งพร้อมกับมือของเขาที่ขยับไปอย่างลื่นไหล

 

ฝีมือการแกะสลักของเซี่ยวเฉินเกือบจะไปถึงระดับสมบูรณ์ ผ่านไปครู่หนึ่งเลิงน้ำแข็งตัวเล็กที่ประณีตและสมจริงก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา

 

ใบหน้าของเขายิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกับเก็บรูปสลักลงไปในแหวนห้วงจักรวาลของเขา หลังจากนั้นเขาก็แกะสลักต่อไป ในตอนที่แกะสลักได้เสร็จสมบูรณ์ห้าตัว,มันก็มืดค่ำเรียบร้อยแล้ว:ความมืดได้ปกคลุมท้องฟ้าอย่างสมบูรณ์

 

เซี่ยวเฉินหยิบเอาไม้วิญญาณหภู่ท่งออกมาตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนที่เขาจะเก็บกลับไปอย่างระมัดระวัง นี่เป็นสิ่งที่เขาได้มาอย่างไม่ต้องพยายามนัก เซี่ยวเฉินไม่อยากให้มันเสียเปล่า,มันอาจจะมีประโยชน์ในอานาคต

 

เซี่ยวเฉินนั่งขัดสมาธิและเข้าสู่สภาวะบ่มเพาะพลัง ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์หมุนเวียนไปในร่างของเขาอย่างช้าๆ พลังงานจิตวิญญาณหนาแน่นโดยรอบซึบซับเข้ามาในร่างของเขา

 

ความหนานแน่นของพลังงานจิตวิญญาณภายในเทือกเขาหลิงหยุนช่างน่าดึงดูด,เซี่ยวเฉินถอนหายใจกับตัวเอง ไม่ต้องสงสัยว่าทําไมถึงมีคนไม่ยินยอมที่จะออกไป,บ่มเพาะพลังที่นี่ มันเทียบเท่าได้กับบ่มเพาะพลังอยู่ด้านล่างเทือกเขาถึงสามปี

 

พลังงานจิตวิญญาณหมุนเวียนในร่างของเขาหนึ่ง รอบใหญ่ในที่สุด,พวกมันก็เทลงไปในบริเวณจุดตันเที่ยนที่จิตวิญญาณยุทธของเขาสถิตอยู่ ภายในพื้นที่แปลกประหลาดนั้น

 

มันเทตกลงมาราวกับฝนที่สาดลงแม่น้ำที่เชี่ยวกราก

 

ในตอนที่เขายังเป็นจอมยุทธฝึกหัด,ต้นกําเนิดพลังปราณของเขาคือเมฆขาวสองสามก้อน ในตอนที่เขากลายเป็นระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธ,มันกลายเป็นสระน้ำใส ในตอนนี้เขาเป็นระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ,มันกลายไปเป็นแม่น้ำเชี่ยวกราก

 

ในทุกครั้งที่เขาเชื่อนระกับการบ่มเพาะพลัง, พลังงานจิตวิญญาณหนานแน่นจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวมันช่างน่าสะพรึง เซี่ยวเฉินรู้สึกตกตะลึงและเป็นสุขทุกครั้ง

 

ภายในขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ,ไม่มีใครแข่งกับเขาได้ในเรื่องของปริมาณพลังปราณ นอกจากนั้น พลังปราณของเขายังบริสุทธิ์กว่าของนักบ่มเพาะพลังทั่วไป,มันแข็งแกร่งกว่า

 

สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่ายินดีอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะลองค้นหาเกี่ยวกับมัน มันก็ยังคงไม่รู้ว่าอะไรทําให้เป็นเช่นนี้

 

สิ่งที่เขาแน่ใจได้คือมันไม่ใช่ผลมาจากทักษะบ่มเพาะพลังอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์มันเป็นเพียงแค่ทักษะบ่มเพาะพลัง ตามบทสรุปของตําราบ่มเพาะพลัง,มันจะไม่เกิดปรากฏการณ์แบบนั้นขึ้น

 

หากต้องการค้นหาเหตุผลจริงๆ เขาคงต้องเริ่มจากเจ้ามังกรฟ้าที่กําลังแหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำ อย่างไรก็ตาม,การสืบทอดมังกรฟ้าได้ถูกตัดขาดจากตระกูลเซียวไปเป็นเวลานานมากแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะหาข้อมูลของจุดสิ้นสุดนั้น

 

บางทีเฟิงเฟยเสวีย.ผู้ที่อยู่ในเมืองหลวง,อาจจะรู้ได้ว่าทําไม อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินไม่มีความตั้งใจที่จะไปที่แห่งนั้นในตอนนี้ เนื่องจากเขาไม่สามารถเข้าใจได้ เขาจึงไม่อาจเสียเวลาไปคิดเกี่ยวกับมันอีกต่อไป เซี่ยวเฉินปรับความคิดของเขาและเข้าสู่สภาวะบ่มเพาะพลังอีกครั้ง

 

เมื่อแสงแรกของยามเช้าส่องทะลุหมู่ไม้และฉายลงบนใบหน้าของเซี่ยวเฉิน,เขาลืมตาขึ้นทันที เขาสูดหายใจเข้ายาว:การบ่มเพาะพลังตลอดทั้งคืนได้ยกระดับจิตใจของเขาขึ้นถึงขีดสุด

 

พลังงานของเม็ดยาหวนคืนโลหิตได้ซับซับเข้าร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์ อาการบาดเจ็บที่เขาได้รับมาจากเมื่อวานได้ฟื้นฟูจนหายสนิท พลังกายของเขาได้กลับสู่สถานะสูงสุดเช่นกัน

 

“ฟุ่วฟิ่ว!”

 

ทันใดนั้น,เหรียญไม้ที่เอวของเซี่ยวเฉินก็เริ่มสั่นไหวไม่หยุด มันบินออกมาพร้อมกับเสียง “แว้ง” เซี่ยวเฉินเข้าใจได้ว่ามันหมายถึงอะไร คนของโถงคุณความชอบได้ส่งสัญญาณให้เขามันได้เวลาไปแล้ว

 

“ปัง”

 

ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังจะลงไป,ร่างเล็กกระทัดรัดได้กระโดดลงมาจากยอดต้นไม้ใหญ่ คนผู้นั้นเหยียดตัวและมองกลับมาที่เซี่ยวเฉิน,ส่งยิ้มให้กับเขา หลังจากนั้น,คนผู้นั้นก็จากไปอย่างรวดเร็ว

 

เซี่ยวเฉินไม่คาดคิดว่าจะมีคนที่ซึ้งกเหมือนกับเขาและขึ้นมาอยู่บนต้นไม้ต้นเดียวกันทั้งคืน เขาดุด่าตัวเองที่ประมาทเลินเล่อ หากคนผู้นั้นมีเจตนาร้าย,เขาคงตกอยู่ในอันตราย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 179 ไม้ศักดิ์สิทธิ์

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 179 ไม้ศักดิ์สิทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 179 ไม้ศักดิ์สิทธิ์

 

กิ่งนี้จะต้องถูกหักมาจากต้นฟูซังพันธุ์ที่ด้อยกว่า ถึงกระนั้น มันก็ยังมีมูลค่าสูง เป็นเพราะมันเป็นต้นไม้ประเภทที่มีสติปัญญา:พวกมันเข้าใจถึงการบ่มเพาะพลัง

 

TL:ขอเปลี่ยนต้นชบาเป็นต้นฟูซังนะครับ คํานี้ทับไปเลยดีกว่า

 

หากมันเป็นต้นไม้เก่าแก่,มันอาจจะแข็งแกร่งกว่านักบ่มเพาะพลังทั่วไป ตามตํานาน,ต้นชบานี้มีความแข็งแกร่งถึงระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธ

 

มันเป็นของดีถึงเพียงนี้ ทําไมถึงไม่มีคนซื้อมัน? เซี่ยวเฉินเต็มไปด้วยความงุนงง หรือว่าราคาของมันจะสูงเกินไป?

 

“กิ่งนี้หักมาจากต้นหวี่ท่งอายุนับหนึ่งพันปี ข้าต้องการผลแดงอ่อน ข้าจะไม่ขายแต่จะแลกเปลี่ยนมันเท่านั้น หากไม่มีใครเสนอ, ข้าจะเก็บมันไว้ใช้เอง”

 

ต้นหวี่ท่ง,เปลือกของมันเป็นสีเขียวเหมือนหยก,ใบของมันเหมือนกับดอกไม้,มันสวย,สง่า,งดงาม,และบริสุทธิ์พลังงานจิตวิญญาณของมันราวกับกลั้นลงมาจากสวรรค์ตามตํานาน,เมื่อพวกมันผลัดใบ,ใบของมันจะกลายเป็นใบทองคําเปลว ว่ากันว่านกฟินิกซ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งยุคโบราณจะไม่เกาะอยู่บนต้นไม้ใดยกเว้นแต่มันจะเป็นต้นหวี่ท่ง

 

แม้ว่ามันจะเทียบไม่ได้กับต้นฟูซัง,มันก็ยังเป็นต้นไม้วิญญาณที่มีชื่อเสียง หากว่ามันอยู่มานับพันปีจริง,มูลค่าของมันก็พอเทียบเท่ากันได้

 

ไม่เพียงแต่มันจะสามารถนํามาใช้สกัดเม็ดยาได้,ผู้ที่ซึบซับพลังงานจิตวิญญาณของมัน,มันสามารถยกระดับการบ่มเพาะพลังของเขาได้ หากนํามันมาสร้างเป็นเครื่องประดับสวมใส่ มันจะทําให้ผู้สวมใส่สงบลง,ส่งผลให้พวกเขาสําเร็จการบ่มเพาะพลังได้มากขึ้น

 

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินว่าคนผู้นี้อยากจะแลกมันกับผลอ่อนแดง,ความคิดก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงพร้อมกับควานหาสิ่งของในแหวนห้วงจักรวาลของเขา ผ่านไปครู่หนึ่ง,เขาก็พบของที่เขาค้นหาวางหลบอยู่ตรงมุม

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกเป็นสุขในใจ ตั้งแต่ที่เขาพบมันที่ตีนเขาชีเจี่ยว,เขาก็ไม่เรยได้ใช้มัน จนเขาเกือบจะลืมไปแล้ว เขาไม่คาดคิดว่าจะได้หยิบมาใช้ในตอนนี้

 

“ข้าเสนอ 80 หินวิญญาณ เพียงพอที่จะซื้อมันหรือไม่?” มีคนเดินขึ้นมาและถามอย่างกระตือรือล้น

 

80 หินวิญญาณเพื่อซื้อกิ่งหวี่ท่งวิญญาณนับว่าราคาสูงมากแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม,ศิษย์ยอดเขาเปยเฉินคนนั้นส่ายหัวและพูดขึ้น “ไม่มีทาง,ข้าต้องการผลอ่อนแดงอย่างเร่งด่วนสําหรับการฝึกฝนของข้า ผลอ่อนแดงที่ยอดเขาสตรีหยกยังไม่สุกงอมดี ดังนั้นข้าจึงทําได้เพียงลองเสี่ยงโชคดี หากมันไม่มี,ข้าก็จะเก็บไม้วิญญาณหภู่ท่งนี้ไว้ใช้เอง”

พอคิดเกี่ยวกับมัน,เขาเป็นศิษย์แก่นกลางของยอดเขาเป่ยเฉิน,เขาย่อมไม่ขาดแคลนหินวิญญาณค่าสนับสนุนของศิษย์ แก่นกลางสูงกว่าศิษย์ชั้นในทั่วไปอย่างมาก เพิ่มด้วยภารกิจที่พวกเขาทําสําเร็จ,พวกเขามีหินวิญญาณเพียงพอให้ใช้

 

คนผู้นั้นรู้สึกไม่ยอมรับแต่ก็ทําได้เพียงส่ายหัวและเดินจากไป ผู้คนที่อยู่โดยรอบเริ่มจากไปเช่นกัน แม้ว่าสมุนไพรวิญญาณอย่างผลอ่อนแดงจะไม่ใช่ของหายากนัก แต่มันใช้เวลากว่าสิบปีถึงจะสุกงอมเต็มที่ ผู้นั้นจะต้องโชคดีถึงจะได้มาสักผลหนึ่ง

 

มองดูฝูงชนเริ่มจางหายไป,ศิษย์ยอดเขาเป่ยเฉินผู้ที่ตั้งแผงลอยเผยสีหน้าผิดหวัง เขาลุกขึ้นเตรียมตัวเก็บของกลับ

 

เซี่ยวเฉินรีบตรงเข้ามาในทันที “รอก่อน,ข้ามีผลอ่อนแดง ข้าสงสัยว่าเราจะทําการแลกเปลี่ยนกันได้หรือไม่?”

 

เมื่อศิษย์ยอดเขาเป่ยเฉินได้ยินดังนั้น,เขาก็เป็นสุขขึ้นมาเขาพูดขึ้น “หากมันเป็นผลอ่อนแดงที่สุกงอม,ข้ายินดีที่จะเพิ่มหินวิญญาณให้อีกเล็กน้อย หากมันยังไม่สุกดีเจ้าต้องเพิ่มหินวิญญาณให้ข้า”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้นเขาก็ยิ้มขึ้น เขาหยิบเอาผลอ่อนแดงที่อยู่ในแหวนห้วงจักรวาลออกมายืนตรงไป ผลอ่อนแดงที่มีกลิ่นหอมหวาน, พลังงานจิตวิญญาณที่หนาแน่นที่จู่โจมไปที่จมูก ผิวที่ใสราวกับกระจกของมันดูเหมือนมีแสงไฟอยู่ภายใต้

 

“ผลอ่อนแดงที่สุกงอมแล้ว! มันสุกงอมแล้วจริงๆ!” คนผู้นั้นมีสีหน้าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก “ชื่อของข้าคือฟางหนิง ขอบใจเจ้ามากสําหรับผลอ่อนแดง ข้าจะให้เจ้าเพิ่มอีกสิบหินวิญญาณ”

 

ฟางหนิงรู้สึกเป็นสุขอย่างเหลือเชื่อ เขาได้ติดอยู่ที่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงสุดมาเป็นเวลานานแล้ว นั้นเป็นเพราะเขาไม่สามารถทะลวงความก้าวหน้าของทักษะบ่มเพาะพลังธาตุไฟของเขาขึ้นไปได้ ตอนนี้เข้าได้ผลอ่อนแดงมาเขามีความหวังที่จะทะลวงขึ้นสู่ระดับขอบเขตนักบุญ

 

เซี่ยวเฉินไม่คาดคิดว่าเขาจะได้เพิ่มอีกสิบหินวิญญาณ เซี่ยวเฉินรับเอาหินวิญญาณและไม้วิญญาณหภู่ท่งที่ฟางหนิงให้เขามา เขาเผยสีหน้าเป็นสุข

 

เซี่ยวเฉินกําลังมองหาไม้วิญญาณเช่นนี้อยู่พอดี อย่างไรก็ตาม,เขาก็มักจะจบลงด้วยไม่ได้อะไรแน่นอน นั้นเป็นข้อพิสูจน์ว่าไม้วิญญาณส่งผลต่อคาถาสละชีพอย่างมาก แม้แต่เขาของสัตว์อสูรที่เต็มไปด้วยพลังงานจิตวิญญาณหนาแน่นก็ไม่อาจทดแทนได้

 

หลังจากรับผลอ่อนแดงไป,ฟางหนิงเก็บแผงลอยและจากไปทันที เขาเร่งรีบที่จะออกไปจากตลาด

 

เซี่ยวเฉินหยุดเขาไว้และพูดขึ้น “พี่ชายฟาง,เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าพบต้นหวี่ท่งนี้ที่ไหน?”

 

ฟางหยิงหยุดลงและส่ายหัว เขากล่าวอย่างจริงใจ “น้องชาย,เป็นการดีกว่าที่เข้าจะไม่รู้ ที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยอันตราย ข้าได้ไปที่แห่งนั้นพร้อมกับอาจาร์ของข้าและต้นไม้นั้นได้กลายเป็นมีจิตวิญญาณเรียบร้อยแล้ว มันยากที่จะรับมือ”

 

หลังจากที่ฟางหนิงพูดจบ,เขาก็จากไปด้วยไม่หันกลับมามอง ไม่ว่าเซี่ยวเฉินจะเรียกเท่าไหร เขาก็ไม่หยุดเท้าลง

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาแหงนขึ้นไปมองบนท้องฟ้า,ตอนนี้มันเป็นสีแดงระเรื่อที่ทิศตะวันตก พระอาทิตย์ตกย้อมท้องฟ้าให้เป็นสีแดง,มันเริ่มค่ำมืดแล้ว

 

มันก็ยังคงเร็วเกินไปดังนั้นเซี่ยวเฉินจึงตัดสินใจเดินสํารวจร้านค้าที่ตั้งขึ้นโดยศาลากระบี่สวรรค์เพื่อมองหาของดีๆ

 

ประมาณ 200 เมตรด้านหลังของเซี่ยวเฉิน,มีร่างที่จ้องมองมาทางเขาอย่างมุ่งร้าย คนผู้นี้คือคนที่อยากได้เขาของพยัคฆ์เขาเงินเมื่อก่อนหน้านี้

 

“ทําให้ข้าไม่อาจทําภารกิจของอาจารย์ได้สําเร็จ…ข้าสงสัยว่าเจ้าจะมีภูมิหลังเช่นไร เจ้าถึงกล้าฉกของที่ข้าต้องการไป”

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองเขาจึงขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไป เมื่อเขาเห็นร่างของผู้ที่กําลังลอบตามเขามา,เขาก็ยิ้มขึ้นและเดินต่อไป,ไม่ได้ไปใส่ใจ

 

มีคนอยู่เล็กน้อยในร้านค้าทางการ ห่างไกลจากคนที่พลุ่งพล่านในตลาดแผงลอยเสรี เซี่ยวเฉินมองกวาดอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่พบอะไรที่เขาสนใจ

 

ของที่วางขายที่นี่ราคาสูงลิ่ว พวกเขาเก็บตุนสิ่งของเช่น,สมุนไพร,เม็ดยา,ทักษะต่อสู้,หรือทักษะบ่มเพาะพลัง คนอื่นอาจจะมีความสนใจพวกมันแต่ไม่ใช่กับเซี่ยวเฉิน

 

เซี่ยวเฉินมีรากปัญญายุทธ:เขาสามารถลอกเลียนทักษะอะไรก็ได้ภายใต้แสงอาทิตย์นี้ หากว่ามันไม่ใช่ทักษะต่อสู้ที่หากยาอย่างแท้จริง,เขาก็ไม่ได้สนใจ สําหรับเม็ดยาและสมุนไพร,เขาอาจจะต้องการมันในตอนที่เขาบ่มเพาะพลังแต่มันไม่ใช่สําหรับตอนนี้

 

เขาเพียงแค่ซื้อเม็ดยาขับพิษคุณภาพสูงสองสามเม็ดเอาไว้เผื่อในตอนที่เขาต้องใช้ นอกจากนั้นเขาก็ไม่ได้ซื้ออะไรอีก เขาจากไปอย่างผิดหวัง

 

ดวงตะวันกําลังจะลับแสงในไม่ช้า เซี่ยวเฉินตั้งใจจะหาพื้นที่เงียบสงบเพื่อค้างคืน มันเป็นเพียงแค่คืนเดียว

 

เขาไม่ได้คิดอะไรมากนัก

 

ในตอนที่เขากําลังจะออกจากตลาด,มีร่างพุ่งตรงมาที่เขาอย่างรวดเร็ว,เจตนาจะหยุดเขาไว้ก่อนที่จะออกจากตลาด

 

เซี่ยวเฉินยิ้มขึ้นบางเบาและจับสัมผัสวิญญาณของเขาไปที่ร่างนั้น มีมือยักษ์สีดําปรากฏขึ้นมาจากรวามว่างเปล่าและก็กําเป็นหมัด,จับตัวของคนคนนั้นไว้อย่างแน่นหนา

 

เซี่ยวเฉินโบกมืออย่างสบายๆและคนคนนั้นก็ถูกโยนลอยขึ้นไปในอากาศ เขาลอยเป็นเส้นโค้งขนาดใหญ่และตกลงที่พื้นเสียงดังปัง มือยักษ์สีดํากับมือเป็นหมัดและร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า มันโจมตีใส่เขาอย่างต่อเนื่อง,ทําให้คนคนนั้นกระอักเลือดออกมาและสลบไปก่อนที่มันจะหยุดลง

 

ตั้งแต่ต้นจนจบ,เซี่ยวเฉินไม่ได้หันกลับไปมอง เขาถอนมือกลับและจากไปอย่างรวดเร็ว เป็นแค่คนชั่วอ่อนปวกเปียกยังกล้าที่จะมาขวางทางเขา ช่างบ้าบอ!

 

ภายในฐานส่องสวรรค์,ใต้ต้นไม้สูงที่ดูราวกับว่ามันได้ยืนค้ำท้องฟ้าเอาไว้,เซี่ยวเฉินมองขึ้นไปที่ใบไม้ที่หนาแน่น เขาเผยสีหน้าพึงพอใจ,เขาจะพักค้างคืนที่นี่

 

เขาผลักเท้าดีดตัวขึ้นจากพื้นและกระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้ เขาจัดทางท่าให้สบายและนอนลง เซี่ยวเฉินหยิบเอามีดแกะสลักและเขี้ยวของเสือเขี้ยวดาบออกมา,และจากนั้นเขาก็เตรียมลงมือแกะสลัก

 

เซี่ยวเฉินไม่รู้ว่าเสือเขี้ยวดาบหน้าตาเป็นเช่นไรเพราะเขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน เขาจึงไม่อาจสลักมันขึ้นมาใช้กับคาถาสละชีพได้ หากเขาใช้มันสลักเป็นราชันสิงโตทองคํา,วัสดุมันจะไม่ถูกต้อง

 

นอกจากนั้น,ขนาดของราชันสิงโตทองคํามันใหญ่โตเกินไป หากเขาฝืนใช้เขี้ยวอันนี้สลักขึ้นมาเป็นราชันสิงโตทองคํา,มันอาจจะเกิดข้อพกพร่องมันจะไม่คุ้มค่า

 

เมื่อคิดเกี่ยวกับมัน,เซี่ยวเฉินวัดขนาดของเขาสัตว์อสูร ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะแกะสลักลิงน้ำแข็งระดับ 5 แม้ว่าระดับของลิงน้ำแข็งจะไม่สูงมากนัก มันก็ง่ายที่จะควบคุมพลังปราณที่เผาผลาญน้อยลงไป

 

TL:ตรงนี้ไม่รู้ว่าหมายถึงเขาของพยัคฆ์เงาเงินจากตอนก่อนหรือเปล่า เพราะ eng ตรงนี้ใช้เสือเขี้ยวดาบแถมยังใช้คําว่าเขี้ยวบางเขาบ้าง ไม่รู้ว่าหมายถึงตัวไหนกันแน่แต่ผมคิดว่าเป็นเขาของพยัคฆ์เขาเงินจากตอนก่อนครับ ไว้ถ้าเจออะไรอีกเดียวมาแก้ไขครับ

 

ลิงน้ำแข็งมีความแข็งแกร่งเพียงระดับขอบเขตนักบุญ อย่างไรก็ตาม,หากมีพวกมันจํานวนมาก,กําลังต่อสู้ของพวกมันก็เพิ่มขึ้นสูง หลังจากที่เขาตัดสินใจได้เขาก็ไม่ลังเล เขาเอนตัวลงบนลําต้นของต้นไม้และลงมือแกะสลัก

 

“โซว! โซว!”

 

เซี่ยวเฉินแทรกพลังปราณลงไปในมีดแกะสลัก เศษน้อยร่วงลงมาจากเขาสัตว์อสูรสีขาวอย่างรวดเร็ว เขานึกถึงรูปร่างของลิงน้ำแข็งพร้อมกับมือของเขาที่ขยับไปอย่างลื่นไหล

 

ฝีมือการแกะสลักของเซี่ยวเฉินเกือบจะไปถึงระดับสมบูรณ์ ผ่านไปครู่หนึ่งเลิงน้ำแข็งตัวเล็กที่ประณีตและสมจริงก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา

 

ใบหน้าของเขายิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกับเก็บรูปสลักลงไปในแหวนห้วงจักรวาลของเขา หลังจากนั้นเขาก็แกะสลักต่อไป ในตอนที่แกะสลักได้เสร็จสมบูรณ์ห้าตัว,มันก็มืดค่ำเรียบร้อยแล้ว:ความมืดได้ปกคลุมท้องฟ้าอย่างสมบูรณ์

 

เซี่ยวเฉินหยิบเอาไม้วิญญาณหภู่ท่งออกมาตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนที่เขาจะเก็บกลับไปอย่างระมัดระวัง นี่เป็นสิ่งที่เขาได้มาอย่างไม่ต้องพยายามนัก เซี่ยวเฉินไม่อยากให้มันเสียเปล่า,มันอาจจะมีประโยชน์ในอานาคต

 

เซี่ยวเฉินนั่งขัดสมาธิและเข้าสู่สภาวะบ่มเพาะพลัง ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์หมุนเวียนไปในร่างของเขาอย่างช้าๆ พลังงานจิตวิญญาณหนาแน่นโดยรอบซึบซับเข้ามาในร่างของเขา

 

ความหนานแน่นของพลังงานจิตวิญญาณภายในเทือกเขาหลิงหยุนช่างน่าดึงดูด,เซี่ยวเฉินถอนหายใจกับตัวเอง ไม่ต้องสงสัยว่าทําไมถึงมีคนไม่ยินยอมที่จะออกไป,บ่มเพาะพลังที่นี่ มันเทียบเท่าได้กับบ่มเพาะพลังอยู่ด้านล่างเทือกเขาถึงสามปี

 

พลังงานจิตวิญญาณหมุนเวียนในร่างของเขาหนึ่ง รอบใหญ่ในที่สุด,พวกมันก็เทลงไปในบริเวณจุดตันเที่ยนที่จิตวิญญาณยุทธของเขาสถิตอยู่ ภายในพื้นที่แปลกประหลาดนั้น

 

มันเทตกลงมาราวกับฝนที่สาดลงแม่น้ำที่เชี่ยวกราก

 

ในตอนที่เขายังเป็นจอมยุทธฝึกหัด,ต้นกําเนิดพลังปราณของเขาคือเมฆขาวสองสามก้อน ในตอนที่เขากลายเป็นระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธ,มันกลายเป็นสระน้ำใส ในตอนนี้เขาเป็นระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ,มันกลายไปเป็นแม่น้ำเชี่ยวกราก

 

ในทุกครั้งที่เขาเชื่อนระกับการบ่มเพาะพลัง, พลังงานจิตวิญญาณหนานแน่นจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวมันช่างน่าสะพรึง เซี่ยวเฉินรู้สึกตกตะลึงและเป็นสุขทุกครั้ง

 

ภายในขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ,ไม่มีใครแข่งกับเขาได้ในเรื่องของปริมาณพลังปราณ นอกจากนั้น พลังปราณของเขายังบริสุทธิ์กว่าของนักบ่มเพาะพลังทั่วไป,มันแข็งแกร่งกว่า

 

สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่ายินดีอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะลองค้นหาเกี่ยวกับมัน มันก็ยังคงไม่รู้ว่าอะไรทําให้เป็นเช่นนี้

 

สิ่งที่เขาแน่ใจได้คือมันไม่ใช่ผลมาจากทักษะบ่มเพาะพลังอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์มันเป็นเพียงแค่ทักษะบ่มเพาะพลัง ตามบทสรุปของตําราบ่มเพาะพลัง,มันจะไม่เกิดปรากฏการณ์แบบนั้นขึ้น

 

หากต้องการค้นหาเหตุผลจริงๆ เขาคงต้องเริ่มจากเจ้ามังกรฟ้าที่กําลังแหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำ อย่างไรก็ตาม,การสืบทอดมังกรฟ้าได้ถูกตัดขาดจากตระกูลเซียวไปเป็นเวลานานมากแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะหาข้อมูลของจุดสิ้นสุดนั้น

 

บางทีเฟิงเฟยเสวีย.ผู้ที่อยู่ในเมืองหลวง,อาจจะรู้ได้ว่าทําไม อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินไม่มีความตั้งใจที่จะไปที่แห่งนั้นในตอนนี้ เนื่องจากเขาไม่สามารถเข้าใจได้ เขาจึงไม่อาจเสียเวลาไปคิดเกี่ยวกับมันอีกต่อไป เซี่ยวเฉินปรับความคิดของเขาและเข้าสู่สภาวะบ่มเพาะพลังอีกครั้ง

 

เมื่อแสงแรกของยามเช้าส่องทะลุหมู่ไม้และฉายลงบนใบหน้าของเซี่ยวเฉิน,เขาลืมตาขึ้นทันที เขาสูดหายใจเข้ายาว:การบ่มเพาะพลังตลอดทั้งคืนได้ยกระดับจิตใจของเขาขึ้นถึงขีดสุด

 

พลังงานของเม็ดยาหวนคืนโลหิตได้ซับซับเข้าร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์ อาการบาดเจ็บที่เขาได้รับมาจากเมื่อวานได้ฟื้นฟูจนหายสนิท พลังกายของเขาได้กลับสู่สถานะสูงสุดเช่นกัน

 

“ฟุ่วฟิ่ว!”

 

ทันใดนั้น,เหรียญไม้ที่เอวของเซี่ยวเฉินก็เริ่มสั่นไหวไม่หยุด มันบินออกมาพร้อมกับเสียง “แว้ง” เซี่ยวเฉินเข้าใจได้ว่ามันหมายถึงอะไร คนของโถงคุณความชอบได้ส่งสัญญาณให้เขามันได้เวลาไปแล้ว

 

“ปัง”

 

ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังจะลงไป,ร่างเล็กกระทัดรัดได้กระโดดลงมาจากยอดต้นไม้ใหญ่ คนผู้นั้นเหยียดตัวและมองกลับมาที่เซี่ยวเฉิน,ส่งยิ้มให้กับเขา หลังจากนั้น,คนผู้นั้นก็จากไปอย่างรวดเร็ว

 

เซี่ยวเฉินไม่คาดคิดว่าจะมีคนที่ซึ้งกเหมือนกับเขาและขึ้นมาอยู่บนต้นไม้ต้นเดียวกันทั้งคืน เขาดุด่าตัวเองที่ประมาทเลินเล่อ หากคนผู้นั้นมีเจตนาร้าย,เขาคงตกอยู่ในอันตราย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+