Immortal and Martial Dual Cultivation 211 ฟังเสียงของดาบ,ควบคุมดาบ

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 211 ฟังเสียงของดาบควบคุมดาบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 211 ฟังเสียงของดาบ,ควบคุมดาบ

 

สังหาร!

 

เซี่ยวเฉินกระทืบเท้าอย่างรุนแรงและพื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือน เขาไขว้แขนทั้งสองข้าง ทันใดนั้น,มังกรและพยัคฆ์รวมเข้ากับร่างของเซี่ยวเฉิน

 

แสงเรืองสีทองลอยออกมาจากร่างของเซี่ยวเฉิน มังกรและพยัคฆ์เคลื่อนตัวไปรอบตัวของเขาอย่างต่อเนื่อง

 

กระแสพลังของเซี่ยวเฉินถูกสงวนเอาไว้ เริ่มสะสมพลังงานอันน่าหวาดกลัว เซี่ยวเฉินรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อของเขากําลังโป่งพอง มันราวกับว่าพลังมหาศาลพร้อมที่จะปะทุออกมาได้ตลอดเวลา

 

อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดพลังงานนี้ก็ไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมา มันค่อยๆจางหายไปสู่ความว่างเปล่า มันเป็นสภาวะที่น่าอัศจรรย์,เซี่ยวเฉินได้รู้แล้วว่าทําไมเขาจึงไม่สําเร็จพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อน

 

นี่เป็นเพราะหมัดพยัคฆ์มังกรใช้สลักร่างพยัคฆ์มังกรเป็นรากฐาน หากเขาไม่ล่มเพาะให้จนถึงชั้นที่สี่ มังกรคํารามคลุมนภา,ทะยานทะลุท้องฟ้า มันจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะ หลอมรวมพลังแห่งมังกรที่แท้จริง เพื่อที่จะรักษาความเสถียรเอาไว้,พลังของพยัคฆ์ร้ายจําต้องลดต่ําลงยิ่งกว่านี้ ดังนั้น, พยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนจะไม่สามารถบรรลุระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมได้อย่างแท้จริง

 

“ชั่ว!”

 

หลังจากที่เซี่ยวเฉินใช้ออกพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อน,สภาวะอัศจรรย์นั้นก็ลบหายไปในทันที คิดได้แต่คิดกับตัวเองว่าช่างน่าเสียดาย หากว่าเขาสามารถขึ้นไปถึงชั้นที่สี่ของสลักร่างพยัคฆ์มังกร,มันเป็นไปได้ที่เขาจะสามารถเข้าใจ หมัดพยัคฆ์มังกรทั้งหมดได้ในอึดใจเนื่องจากว่าเขาอยู่ในสภาวะอัศจรรย์นั้น

 

แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะไม่ได้อยู่ในสภาวะนั้นอีกต่อไป,ความสามารถในการเข้าใจที่เพิ่มขึ้นจากดอกดาวเรืองแสงไหลไม่ได้จางหายไป มันจะคงอยู่ตลอดกาล,ทําประโยชน์ให้กับเขาอย่างไม่รู้จบ

 

เซี่ยวเฉินหยิบดอกดาวเรืองแสงไหลออกมาอีกหนึ่งกลีบ และปล่อยเสี่ยวไป๋ออกมาจากหยกวิญญาณสีเลือด ในตอนนี้ เสี่ยวไป๋มีสติครบถ้วน ดูเหมือนเสี่ยวไป๋จะกําลังเดือดปุดๆมันโทษเสี่ยวเฉินที่ขังมันเอาไว้

 

เซี่ยวเฉินถือกลับดอกดาวเรืองแสงไหลและอยากจะป้อนมันให้กับเสี่ยวไป๋ ใครจะรู้ว่าเจ้าเด็กเหลือขอนี่จะเมินเซี่ยวเฉินสนิท ราวกับว่ามันโกรธเซี่ยวเฉิน

 

“หยุดคิดเล็กคิดน้อยได้แล้ว ข้าเอาของดีๆมาให้เจ้า หลังจากเจ้ากินมันเข้าไป,ข้าจะไม่ขังเจ้าไว้โดยไม่มีเหตุผลอีก” เซี่ยวเฉินกําลังหลอกล่อเสี่ยวไป๋ด้วยรอยยิ้มราวกับว่าเขาเป็นหมาป่าจากเรื่องหนูน้อยหมวกแดง

 

เสี่ยวไป๋นอนลงกับพื้น,ทําเป็นไม่ได้ยินเสี่ยวเฉิน มันไม่ขยับเขยื่อนแม้แต่น้อย

 

เซี่ยวเฉินหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ เขาทําอะไรกับเจ้าเด็กน้อยนี้ไม่ได้ พญางูแดงได้ปกป้องดอกดาวเรืองแสงไหลนี่มาเป็นเวลาหลายร้อยปี มันไม่ใช่สิ่งที่ใครต่อใครจะได้มาครอบครอง

 

ยอดเยี่ยม,มันเมินข้าโดยสมบูรณ์ ดอกดาวเรืองแสงไหลมันมีผลกับสัตว์อสูรวิญญาณมากกว่าเมื่อเทียบมนุษย์ เมื่อเป็นเช่นนั้น มันเป็นไปได้ที่จะทําให้สัตว์อสูรวิญญาณเปลี่ยนรูปของมัน

 

ดังนั้นต้องเอาดอกดาวเรืองแสงไหลนี้ให้เสี่ยวไป๋ให้ได้ มิฉะนั้น,มันก็น่าเสียดายเกินไป เซี่ยวเฉินเดินไปหามันและเรียกออกมาสองสามครั้ง เจ้าเด็กน้อยนี่นอนบนพื้นทําเป็นแกล้งตาย,เมินเฉยเขา

 

เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นดังนั้น ก็เหลือเพียงมาตราการสุดท้าย เขาหยิบเอาขวดเหล้าจากศาลาหลับไหลออกมาจากแหวนห้วงจักรวาล จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงกับพื้น,เปิดฝาขวดออก,แกว่งไปมา กลิ่นเหล้าหมักหอมหวนไหลออกมาในทันที

 

“ฟวบ!”

 

เซี่ยวเฉินเห็นเพียงเงาสีขาววูบผ่านตาของเขามันดูราวกับปีศาจขาว มันเป็นการยากที่จะมองเห็น,การเคลื่อนไหวแปลกประหลาดพร้อมกับตรงเข้าไปที่ขวดเหล้าในมือของเซี่ยวเฉิน

 

คดี,เซี่ยวเฉินได้เตรียมรับมือไว้แล้ว เขาสลับขวดเหล้าไปที่อีกมือนึ่งอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้น, เสี่ยวไป๋คงจะฉกเอาขวดเหล้าไปได้

 

“เจ้ามันติดเหล้าจริงจัง กินกลีบดอกไม้นี่ก่อนแล้วจากนั้น ข้าจะให้เจ้าดื่มเหล้าขวดนี้ มิฉะนั้นก็ลืมไปได้เลย” เซี่ยวเฉินกล่าวพร้อมกับลูบหัวเสี่ยวไป๋

 

เสี่ยวไป๋มองไปที่ใบหน้าของเซี่ยวเฉินอย่างเศร้าสลด ดวงตาของมันขุ่นมัว มองดูน่าสงสารยิ่ง มันยืนขึ้นด้วยเท้าหลัง และกรงเล็บสีขาวของมันพยายามจะคว้าขวดเหล้าในมือของเซี่ยวเฉิน

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกสงสารและใจอ่อน “เอาล่ะ,ข้ากลัวเจ้าแล้ว เจ้ามันเสียนิสัยจริงๆ ข้าไม่อาจดุด่าหรือทุบตีเจ้าและข้าให้เจ้าแต่สิ่งดีๆ”

 

เสี่ยวไป๋ซดไปอึกใหญ่ ใบหน้าเล็กๆของมันแดงระรื่นเล็กน้อย จากนั้นมันก็กินกลีบดอกดาวเรืองแสง ไหลในมือของเซี่ยวเฉิน

 

มันมองหน้าเซี่ยวเฉินก่อนที่จะวิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว เซี่ยวเฉินเผยรอยยิ้มพร้อมกับขยายสัมผัสวิญญาณของเขาตามมันไป เมื่อเขาพบว่ามันไม่ได้ไปไกลนคกเขาก็โล่งใจ

 

หลังจากที่เขาออกจากเมืองม่อเหอ เสี่ยวไป๋ก็ได้ติดตามเขามา มีบางครั้งที่เขาประสบอันตรายแต่เสี่ยวไป๋ก็ช่วยเขาเอาไว้ทุกครั้ง

 

เซี่ยวเฉินลืมความคิดที่จะขังเสี่ยวไป๋เอาไว้ ในสายตาของเขาตอนนี้ เสี่ยวไป๋ไม่ใช่เพียงสัตว์เลี้ยง แต่เป็นสหายที่ดีที่สุดของเขา

 

แม้ว่าหลังจากที่เสี่ยวไป๋บ่มเพาะพลังเก้าร่างมายาสวรรค์ แปรลักษณ์,มันเติบโตอย่างรวดเร็วและพลังในการต่อสู้เพิ่มขึ้นเทียบเท่ากับระดับขอบเขตนักบุญ,เซี่ยวเฉินก็ไม่เคยที่จะให้มันเข้ามาช่วยเขาต่อสู้

 

มีบางครั้งที่เสี่ยวไป๋อยากจะออกมาช่วยเขาต่อสู้ อย่างไรก็ตาม,เขาก็ยังมันเอาไว้ในหยกวิญญาณสีเลือด, ไม่ยอมให้มันออกมา

 

ตราบใดที่เสี่ยวไป๋ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานได้เช่นนั้นก็ดีแล้ว หากว่ามันได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้หรือเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น, จากนั้นจะมานั่งเสียใจก็สายไปแล้ว

 

ในช่วงเช้าของวันต่อมา แสงแรงของวันจากทิศตะวันออกส่องผ่านหน้าต่างมาหน้ามาฉายลงบนใบหน้าของเซี่ยวเฉิน

 

เซี่ยวเฉินลืมตาขึ้นและหาวออกมาทอดยาว เขาค่อยๆลุกขึ้นและยืดเส้นยืดสาย เขาได้ใช้เวลากลางคืนบ่มเพาะพลัง และตอนนี้กําลังกระชุ่มกระชวย วิญญาณ,ฉีและจิตใจถูกเติมเต็ม,เขาพร้อมแล้วสําหรับวันใหม่

 

หลังจากที่เซี่ยวเฉินล้างหน้าล้างตา,เขาตรงไปที่พื้นที่ประลองของยอดเขาฉิงหยุน หลิวหรูเยว่ได้สัญญากับเขาว่า จะสอนฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมัน

 

ในที่สุดเขาก็จะได้เริ่มจุดหมายที่เขามายังศาลากระบี่สวร รค์แห่งนี้ หัวใจของเขาอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความมุ่งห วัง,และฝีเท้าของเขาก็เร่งเพิ่มขึ้น

 

“ฟู่”

 

ขณะที่เขาเดินออกมาจากประตูของลานบ้าน,มีเงาสีขาวพุ่งเข้ามา ผิวร่างที่มันวาวสะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกายอ่อนๆ,กระโจนขึ้นมาบนไหล่ของเซี่ยวเฉิน

 

ร่างตัวน้อยของเสี่ยวไป๋เป็นเรื่องง่ายที่เซี่ยวเฉินจะสังเกตไม่เห็น,น้ําหนักของมันไม่ได้กดลงมาบนไหล่ของเซี่ยวเฉินแม้แต่น้อย

 

ไม่อาจทราบได้ว่าดอกดาวเรืองแสงไหลได้เปลี่ยนเสี่ยวไป๋ไปเช่นไรบ้าง เซี่ยวเฉินสงสัย เขาอดไม่ได้ที่จะดึงเสี่ยวไป๋ที่อยู่บนไหล่ของเขามาในอ้อมอกและตรวจสอบดู

 

ประกายแสงปัญญาวูบไหวในดวงตาของเสี่ยวไป๋ เมื่อเซี่ยวเฉินจ้องหน้ามองตากับมัน,มันรู้สึกว่ามันมีพลังงานจิตวิญญาณมากกว่าแต่ก่อน มีความขวยเขินในส่วนลึกของดวงตาของมัน

 

ขวยเขิน? ข้าอาจจะมองผิดไป มันไม่สมเหตุสมผลที่จะมีอารมณ์ของมนุษย์ปรากฏขึ้นในดวงตาของเสี่ยวไป๋

 

เซี่ยวเฉินสงบนิ่งและมองดูอีกที ความขวยเขินนั้นได้หายไปแล้ว เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบา,เขาจะต้องดูผิดไปอย่างแน่นอน

 

เซี่ยวเฉินวางเสี่ยวไป๋กลับไปบนไหล่ของเขา สิบนาทีต่อมา,เขาได้มาถึงพื้นที่ประลองของยอดเขาฉิงหยุน

 

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่หลิวหรูเยว่ได้มาถึงเรียบร้อยแล้วและกําลังแนะนําหลิวสุยเฟิงถึงทักษะต่อสู้ใบหน้าของนางแสดงออกถึงความเคร่งขรึม,และมีความผิดหวังเล็กน้อยในดวงตาของนาง

 

“เจ้าสอบตกการทอดสอบศิษย์แก่นกลางเมื่อปีที่แล้ว อายุกระดูกของเจ้ามีอายุ 19 ปีแล้ว หากเข้าสอบตกอีกครั้ง,เจ้าจะไม่อาจเป็นศิษย์แก่นกลางได้ตลอดกาล ห้ามไปที่ยอดเขาสตรีหยกอีกนับแต่นี้ ข้าต้องขอให้เจ้าพักงานของเจ้า” หลิวหรูเยว่กล่าวด้วยสีหน้ามืดมัว

 

หลิวสุยเฟิงใบหน้าขมขึ้นพร้อมกับพูดขึ้น “เอาจริงจัง? ข้าได้นัดหมายกับแม่นางซินอวิ๋นที่จะไปทําภารกิจนิกายด้วยกัน”

 

“ปั๊ก!” หลิวหรูเยว่เคาะมือของนางลงบนหน้าผากของหลิวสุยเฟิงอย่างแรง “เจ้ามันใช้ไม่ได้ ฉู่ซินอวิ๋นได้เข้าเป็นศิษย์ แก่นกลางของยอดเขาสตรีหยกนานมาแล้ว,นางอาจจะได้เป็นถึงผู้สืบทอดที่แท้จริง แล้วดูที่เจ้าทําอยู่ทุกวัน,ไม่ต่างอะไรไปจากชิ้นขยะ”

 

“ในทวีปเทียนหวู่แห่งนี้ เจ้าจะปกป้องคนที่เจ้ารักได้เช่นไรหากไร้ซึ่งพลัง? ความแข็งแกร่งของเจ้ายังเทียบไม่ได้กับแม่นางคนนั้น แต่เจ้ายังหน้าด้านไล่ตามนาง ข้าละอายใจกับเจ้าจริงๆ”

หลิวสุยเฟิงลูบหัวของเขาและกล่าวขึ้น “พี่สาว,ท่านกล่าวเช่นนั้นไม่ได้ มิฉะนั้น,หญิงสาวที่แข็งแกร่งและดุร้ายเช่นเจ้าก็ขายไม่ออกกันพอดี”

 

“เจ้าอยากจะโดนทุบอีก?”

 

หลิวสุยเฟิวหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว เขายังพูดต่อ “ฮ่าฮ่า,พี่สาว,ข้าไม่ได้กล่าวผิด มองดูทั่วอาณาจักรต้าฉิน จะมีชายใดสักคนที่ล้มเจ้าลง? คงต้องไปงมมาจากก้นสมุทร!”

 

“เจ้ายังกล้าเถียง! เจ้าจะต้องอยู่บนยอดเขาฉิงหยุนจนกว่าจะถึงสิ้นเดือน” หลิวหรูเยว่กล่าวพร้อมกับจ้องมองไปที่หลิวสุยเฟิงอย่างเกรี้ยวโกรธ เมื่อนางได้ยินเสียงฝีเท้าของเซี่ยวเฉิน,นางก็ไม่ไปวอแวกับหลิวสุยเฟิงอีกต่อไป

 

หลิวหรูเยวมองไปที่เสี่ยวไป๋.ผู้ที่อยู่บนไหล่ของเซี่ยวเฉิน,และดวงตาของนางก็เบิกขึ้น นางรับเดินเข้ามาและกล่าวด้วยน้ําเสียงประหลาดใจ “เจ้าเด็กน้อยนี้…ทําไมพลังจิตวิญญาณของมันถึงได้ดูมากกว่าเมื่อวาน?”

 

เสี่ยวไป๋ดูเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่หลิวหรูเยว่กล่าว มันเผยสีหน้าเป็นสุขและหยิบตาสองสามครั้งให้นาง

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง,มันร้องอย่างดีอกดีใจและกระโดดลงมา มันจับไปที่ขาของเซี่ยวเฉินด้วยอุ้งมือของมันและเขย่าอย่างต่อเนื่อง

 

เซี่ยวเฉินรู้ว่ามันหมายความเช่นไรและเขาก็หยิบเอาขวดเหล้าออกมาจากแหวนห้วงจักรวาล เสี่ยวไป๋รับไปในทันที และวิ่งไปที่ด้านข้างอย่างตื่นเต้น

 

มีรอยยิ้มอบอุ่นที่นานที่จะปรากฏบนใบหน้าของหลิวหรูเยว่ “เจ้าเด็กน้อยนี่มันจะไม่เป็นปัญหาหากว่ามันดื่มเยอะเกินไป?”

 

เซี่ยวเฉินพูดอย่างติดตลก “ปล่อยมันไปเดื่มสักเล็กน้อยมันไม่เป็นไร ตราบใดที่มันไม่อิ่มจนเมามายเป็นใช้ได้”

 

หลิวหรูเยว่หุบยิ้ม นางได้ลืมเกี่ยวกับเรื่องที่ตั้งใจจะทําในวันนี้ นางพูดขึ้น “มากับข้า”

 

เซี่ยวเฉินรู้ว่าหลิวหรูเยว่กําลังจะสอนเขา เขารู้สึกตื่นเต้น และรีบตามนางไปทันที หลิวหรูเยว่น้ําเซี่ยวเฉินไปยังชั้นอาวุธที่เต็มไปด้วยกระบี่ทุกประเภท

 

หลิวหรูเยว่ชักกระบี่เล็กของนางออกมาและทั่วทั้งชั้นอายุก็เริ่มสั่นสะเทือน จากนั้น,กระบี่ทุกเล่มบนชั้นอาวุธก็ถูกชักออกมาและลอยไปในอากาศ

 

“แคร้ง! แคร้ง!”

 

หลิวหรูเยวตะโกนและกระบี่ทักเล่มปักลงไปบนพื้นลึกสองนิ้วและเรียงอย่างเป็นระเบียบ;พวกมันรายล้อมอยู่รอบตัวของทั้งสองคน

 

เมื่อเซี่ยวเฉินนับดู.มันมีทั้งหมดอย่างน้อย 500 เล่ม เซี่ยวเฉินตกตะลึง นี้มันเป็นทักษะพิเศษ หากเขาสามารถควบคุมอาวุธของคู่ต่อสู้ได้ในการต่อสู้ เขาก็ชนะไปครึ่งก้าวแล้วก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มเสียอีก หลังจากที่เสียอาวุธไป,พวกเขาจะเสียกําลังต่อสู้ไปอย่างชัดเจนยกเว้นแต่พวกเขาจะใช้ทักษะหมัดหรือขา

 

หลิวหรูเยว่ยืนอยู่ตรงข้ามกับเซี่ยวเฉิน,มีความอ่อนโยนบนใบหน้าของนางพร้อมกับเก็บกระบี่ของนางเข้าฝึก นางพูดขึ้น “ฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมันสามารถแบ่งออกได้เป็นสี่สภาวะ จากต่ําไปสูง:ฟังเสียงของดาบ,ควบคุมดาบ,ใจดาบ,และสื่อสารกับดาบ”

 

“สภาวะที่ข้าบรรลุคือควบคุมดาบ ทักษะที่ข้าได้แสดงไป เมื่อครู่สามารถทําได้หลังจากที่ขึ้นสู่ควบคุมดาบระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม”

 

เซี่ยวเฉินฟังอย่างตั้งใจ เมื่อหลิวหรูเยว่หยุดลง,เขาก็ถามขึ้น

 

ตามจริง,นานมาแล้ว, ข้าสงสัยเกี่ยวกับการเสียงของดาบ และสื่อสารกับมัน ทําไมถึงเรียกว่าฟังเสียงของดาบ และสื่อสารกับมันไม่ใช่ฟังเสียงของกระบี่และสื่อสารกับมัน? ทําไมชื่อของมันถึงเป็นดาบ?”

 

หลิวหรูเยว่อธิบาย “กระบี่ไม่เคยมีอยู่ในตอนแรกเริ่ม นานมาแล้ว,มีเพียงอาวุธเดียวก็คือดาบ เป็นดาบทุกประเภท หลังจากนั้น,กระบี่ก็ได้ถูกสร้างขึ้นโดยมีดาบเป็นพื้นฐาน

 

“ฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมันเป็นสภาวะที่แรกเริ่มมาจากดาบ สถาวะนี้โชคดีที่ใช้กับกระบีได้เช่นกัน เนื่องจากมันถูกตั้งชื่อไว้นานมาแล้ว ก็ไม่มีใครใส่ใจจะไปเปลี่ยนมัน”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 211 ฟังเสียงของดาบ,ควบคุมดาบ

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 211 ฟังเสียงของดาบควบคุมดาบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 211 ฟังเสียงของดาบ,ควบคุมดาบ

 

สังหาร!

 

เซี่ยวเฉินกระทืบเท้าอย่างรุนแรงและพื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือน เขาไขว้แขนทั้งสองข้าง ทันใดนั้น,มังกรและพยัคฆ์รวมเข้ากับร่างของเซี่ยวเฉิน

 

แสงเรืองสีทองลอยออกมาจากร่างของเซี่ยวเฉิน มังกรและพยัคฆ์เคลื่อนตัวไปรอบตัวของเขาอย่างต่อเนื่อง

 

กระแสพลังของเซี่ยวเฉินถูกสงวนเอาไว้ เริ่มสะสมพลังงานอันน่าหวาดกลัว เซี่ยวเฉินรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อของเขากําลังโป่งพอง มันราวกับว่าพลังมหาศาลพร้อมที่จะปะทุออกมาได้ตลอดเวลา

 

อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดพลังงานนี้ก็ไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมา มันค่อยๆจางหายไปสู่ความว่างเปล่า มันเป็นสภาวะที่น่าอัศจรรย์,เซี่ยวเฉินได้รู้แล้วว่าทําไมเขาจึงไม่สําเร็จพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อน

 

นี่เป็นเพราะหมัดพยัคฆ์มังกรใช้สลักร่างพยัคฆ์มังกรเป็นรากฐาน หากเขาไม่ล่มเพาะให้จนถึงชั้นที่สี่ มังกรคํารามคลุมนภา,ทะยานทะลุท้องฟ้า มันจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะ หลอมรวมพลังแห่งมังกรที่แท้จริง เพื่อที่จะรักษาความเสถียรเอาไว้,พลังของพยัคฆ์ร้ายจําต้องลดต่ําลงยิ่งกว่านี้ ดังนั้น, พยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนจะไม่สามารถบรรลุระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมได้อย่างแท้จริง

 

“ชั่ว!”

 

หลังจากที่เซี่ยวเฉินใช้ออกพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อน,สภาวะอัศจรรย์นั้นก็ลบหายไปในทันที คิดได้แต่คิดกับตัวเองว่าช่างน่าเสียดาย หากว่าเขาสามารถขึ้นไปถึงชั้นที่สี่ของสลักร่างพยัคฆ์มังกร,มันเป็นไปได้ที่เขาจะสามารถเข้าใจ หมัดพยัคฆ์มังกรทั้งหมดได้ในอึดใจเนื่องจากว่าเขาอยู่ในสภาวะอัศจรรย์นั้น

 

แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะไม่ได้อยู่ในสภาวะนั้นอีกต่อไป,ความสามารถในการเข้าใจที่เพิ่มขึ้นจากดอกดาวเรืองแสงไหลไม่ได้จางหายไป มันจะคงอยู่ตลอดกาล,ทําประโยชน์ให้กับเขาอย่างไม่รู้จบ

 

เซี่ยวเฉินหยิบดอกดาวเรืองแสงไหลออกมาอีกหนึ่งกลีบ และปล่อยเสี่ยวไป๋ออกมาจากหยกวิญญาณสีเลือด ในตอนนี้ เสี่ยวไป๋มีสติครบถ้วน ดูเหมือนเสี่ยวไป๋จะกําลังเดือดปุดๆมันโทษเสี่ยวเฉินที่ขังมันเอาไว้

 

เซี่ยวเฉินถือกลับดอกดาวเรืองแสงไหลและอยากจะป้อนมันให้กับเสี่ยวไป๋ ใครจะรู้ว่าเจ้าเด็กเหลือขอนี่จะเมินเซี่ยวเฉินสนิท ราวกับว่ามันโกรธเซี่ยวเฉิน

 

“หยุดคิดเล็กคิดน้อยได้แล้ว ข้าเอาของดีๆมาให้เจ้า หลังจากเจ้ากินมันเข้าไป,ข้าจะไม่ขังเจ้าไว้โดยไม่มีเหตุผลอีก” เซี่ยวเฉินกําลังหลอกล่อเสี่ยวไป๋ด้วยรอยยิ้มราวกับว่าเขาเป็นหมาป่าจากเรื่องหนูน้อยหมวกแดง

 

เสี่ยวไป๋นอนลงกับพื้น,ทําเป็นไม่ได้ยินเสี่ยวเฉิน มันไม่ขยับเขยื่อนแม้แต่น้อย

 

เซี่ยวเฉินหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ เขาทําอะไรกับเจ้าเด็กน้อยนี้ไม่ได้ พญางูแดงได้ปกป้องดอกดาวเรืองแสงไหลนี่มาเป็นเวลาหลายร้อยปี มันไม่ใช่สิ่งที่ใครต่อใครจะได้มาครอบครอง

 

ยอดเยี่ยม,มันเมินข้าโดยสมบูรณ์ ดอกดาวเรืองแสงไหลมันมีผลกับสัตว์อสูรวิญญาณมากกว่าเมื่อเทียบมนุษย์ เมื่อเป็นเช่นนั้น มันเป็นไปได้ที่จะทําให้สัตว์อสูรวิญญาณเปลี่ยนรูปของมัน

 

ดังนั้นต้องเอาดอกดาวเรืองแสงไหลนี้ให้เสี่ยวไป๋ให้ได้ มิฉะนั้น,มันก็น่าเสียดายเกินไป เซี่ยวเฉินเดินไปหามันและเรียกออกมาสองสามครั้ง เจ้าเด็กน้อยนี่นอนบนพื้นทําเป็นแกล้งตาย,เมินเฉยเขา

 

เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นดังนั้น ก็เหลือเพียงมาตราการสุดท้าย เขาหยิบเอาขวดเหล้าจากศาลาหลับไหลออกมาจากแหวนห้วงจักรวาล จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงกับพื้น,เปิดฝาขวดออก,แกว่งไปมา กลิ่นเหล้าหมักหอมหวนไหลออกมาในทันที

 

“ฟวบ!”

 

เซี่ยวเฉินเห็นเพียงเงาสีขาววูบผ่านตาของเขามันดูราวกับปีศาจขาว มันเป็นการยากที่จะมองเห็น,การเคลื่อนไหวแปลกประหลาดพร้อมกับตรงเข้าไปที่ขวดเหล้าในมือของเซี่ยวเฉิน

 

คดี,เซี่ยวเฉินได้เตรียมรับมือไว้แล้ว เขาสลับขวดเหล้าไปที่อีกมือนึ่งอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้น, เสี่ยวไป๋คงจะฉกเอาขวดเหล้าไปได้

 

“เจ้ามันติดเหล้าจริงจัง กินกลีบดอกไม้นี่ก่อนแล้วจากนั้น ข้าจะให้เจ้าดื่มเหล้าขวดนี้ มิฉะนั้นก็ลืมไปได้เลย” เซี่ยวเฉินกล่าวพร้อมกับลูบหัวเสี่ยวไป๋

 

เสี่ยวไป๋มองไปที่ใบหน้าของเซี่ยวเฉินอย่างเศร้าสลด ดวงตาของมันขุ่นมัว มองดูน่าสงสารยิ่ง มันยืนขึ้นด้วยเท้าหลัง และกรงเล็บสีขาวของมันพยายามจะคว้าขวดเหล้าในมือของเซี่ยวเฉิน

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกสงสารและใจอ่อน “เอาล่ะ,ข้ากลัวเจ้าแล้ว เจ้ามันเสียนิสัยจริงๆ ข้าไม่อาจดุด่าหรือทุบตีเจ้าและข้าให้เจ้าแต่สิ่งดีๆ”

 

เสี่ยวไป๋ซดไปอึกใหญ่ ใบหน้าเล็กๆของมันแดงระรื่นเล็กน้อย จากนั้นมันก็กินกลีบดอกดาวเรืองแสง ไหลในมือของเซี่ยวเฉิน

 

มันมองหน้าเซี่ยวเฉินก่อนที่จะวิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว เซี่ยวเฉินเผยรอยยิ้มพร้อมกับขยายสัมผัสวิญญาณของเขาตามมันไป เมื่อเขาพบว่ามันไม่ได้ไปไกลนคกเขาก็โล่งใจ

 

หลังจากที่เขาออกจากเมืองม่อเหอ เสี่ยวไป๋ก็ได้ติดตามเขามา มีบางครั้งที่เขาประสบอันตรายแต่เสี่ยวไป๋ก็ช่วยเขาเอาไว้ทุกครั้ง

 

เซี่ยวเฉินลืมความคิดที่จะขังเสี่ยวไป๋เอาไว้ ในสายตาของเขาตอนนี้ เสี่ยวไป๋ไม่ใช่เพียงสัตว์เลี้ยง แต่เป็นสหายที่ดีที่สุดของเขา

 

แม้ว่าหลังจากที่เสี่ยวไป๋บ่มเพาะพลังเก้าร่างมายาสวรรค์ แปรลักษณ์,มันเติบโตอย่างรวดเร็วและพลังในการต่อสู้เพิ่มขึ้นเทียบเท่ากับระดับขอบเขตนักบุญ,เซี่ยวเฉินก็ไม่เคยที่จะให้มันเข้ามาช่วยเขาต่อสู้

 

มีบางครั้งที่เสี่ยวไป๋อยากจะออกมาช่วยเขาต่อสู้ อย่างไรก็ตาม,เขาก็ยังมันเอาไว้ในหยกวิญญาณสีเลือด, ไม่ยอมให้มันออกมา

 

ตราบใดที่เสี่ยวไป๋ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานได้เช่นนั้นก็ดีแล้ว หากว่ามันได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้หรือเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น, จากนั้นจะมานั่งเสียใจก็สายไปแล้ว

 

ในช่วงเช้าของวันต่อมา แสงแรงของวันจากทิศตะวันออกส่องผ่านหน้าต่างมาหน้ามาฉายลงบนใบหน้าของเซี่ยวเฉิน

 

เซี่ยวเฉินลืมตาขึ้นและหาวออกมาทอดยาว เขาค่อยๆลุกขึ้นและยืดเส้นยืดสาย เขาได้ใช้เวลากลางคืนบ่มเพาะพลัง และตอนนี้กําลังกระชุ่มกระชวย วิญญาณ,ฉีและจิตใจถูกเติมเต็ม,เขาพร้อมแล้วสําหรับวันใหม่

 

หลังจากที่เซี่ยวเฉินล้างหน้าล้างตา,เขาตรงไปที่พื้นที่ประลองของยอดเขาฉิงหยุน หลิวหรูเยว่ได้สัญญากับเขาว่า จะสอนฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมัน

 

ในที่สุดเขาก็จะได้เริ่มจุดหมายที่เขามายังศาลากระบี่สวร รค์แห่งนี้ หัวใจของเขาอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความมุ่งห วัง,และฝีเท้าของเขาก็เร่งเพิ่มขึ้น

 

“ฟู่”

 

ขณะที่เขาเดินออกมาจากประตูของลานบ้าน,มีเงาสีขาวพุ่งเข้ามา ผิวร่างที่มันวาวสะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกายอ่อนๆ,กระโจนขึ้นมาบนไหล่ของเซี่ยวเฉิน

 

ร่างตัวน้อยของเสี่ยวไป๋เป็นเรื่องง่ายที่เซี่ยวเฉินจะสังเกตไม่เห็น,น้ําหนักของมันไม่ได้กดลงมาบนไหล่ของเซี่ยวเฉินแม้แต่น้อย

 

ไม่อาจทราบได้ว่าดอกดาวเรืองแสงไหลได้เปลี่ยนเสี่ยวไป๋ไปเช่นไรบ้าง เซี่ยวเฉินสงสัย เขาอดไม่ได้ที่จะดึงเสี่ยวไป๋ที่อยู่บนไหล่ของเขามาในอ้อมอกและตรวจสอบดู

 

ประกายแสงปัญญาวูบไหวในดวงตาของเสี่ยวไป๋ เมื่อเซี่ยวเฉินจ้องหน้ามองตากับมัน,มันรู้สึกว่ามันมีพลังงานจิตวิญญาณมากกว่าแต่ก่อน มีความขวยเขินในส่วนลึกของดวงตาของมัน

 

ขวยเขิน? ข้าอาจจะมองผิดไป มันไม่สมเหตุสมผลที่จะมีอารมณ์ของมนุษย์ปรากฏขึ้นในดวงตาของเสี่ยวไป๋

 

เซี่ยวเฉินสงบนิ่งและมองดูอีกที ความขวยเขินนั้นได้หายไปแล้ว เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบา,เขาจะต้องดูผิดไปอย่างแน่นอน

 

เซี่ยวเฉินวางเสี่ยวไป๋กลับไปบนไหล่ของเขา สิบนาทีต่อมา,เขาได้มาถึงพื้นที่ประลองของยอดเขาฉิงหยุน

 

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่หลิวหรูเยว่ได้มาถึงเรียบร้อยแล้วและกําลังแนะนําหลิวสุยเฟิงถึงทักษะต่อสู้ใบหน้าของนางแสดงออกถึงความเคร่งขรึม,และมีความผิดหวังเล็กน้อยในดวงตาของนาง

 

“เจ้าสอบตกการทอดสอบศิษย์แก่นกลางเมื่อปีที่แล้ว อายุกระดูกของเจ้ามีอายุ 19 ปีแล้ว หากเข้าสอบตกอีกครั้ง,เจ้าจะไม่อาจเป็นศิษย์แก่นกลางได้ตลอดกาล ห้ามไปที่ยอดเขาสตรีหยกอีกนับแต่นี้ ข้าต้องขอให้เจ้าพักงานของเจ้า” หลิวหรูเยว่กล่าวด้วยสีหน้ามืดมัว

 

หลิวสุยเฟิงใบหน้าขมขึ้นพร้อมกับพูดขึ้น “เอาจริงจัง? ข้าได้นัดหมายกับแม่นางซินอวิ๋นที่จะไปทําภารกิจนิกายด้วยกัน”

 

“ปั๊ก!” หลิวหรูเยว่เคาะมือของนางลงบนหน้าผากของหลิวสุยเฟิงอย่างแรง “เจ้ามันใช้ไม่ได้ ฉู่ซินอวิ๋นได้เข้าเป็นศิษย์ แก่นกลางของยอดเขาสตรีหยกนานมาแล้ว,นางอาจจะได้เป็นถึงผู้สืบทอดที่แท้จริง แล้วดูที่เจ้าทําอยู่ทุกวัน,ไม่ต่างอะไรไปจากชิ้นขยะ”

 

“ในทวีปเทียนหวู่แห่งนี้ เจ้าจะปกป้องคนที่เจ้ารักได้เช่นไรหากไร้ซึ่งพลัง? ความแข็งแกร่งของเจ้ายังเทียบไม่ได้กับแม่นางคนนั้น แต่เจ้ายังหน้าด้านไล่ตามนาง ข้าละอายใจกับเจ้าจริงๆ”

หลิวสุยเฟิงลูบหัวของเขาและกล่าวขึ้น “พี่สาว,ท่านกล่าวเช่นนั้นไม่ได้ มิฉะนั้น,หญิงสาวที่แข็งแกร่งและดุร้ายเช่นเจ้าก็ขายไม่ออกกันพอดี”

 

“เจ้าอยากจะโดนทุบอีก?”

 

หลิวสุยเฟิวหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว เขายังพูดต่อ “ฮ่าฮ่า,พี่สาว,ข้าไม่ได้กล่าวผิด มองดูทั่วอาณาจักรต้าฉิน จะมีชายใดสักคนที่ล้มเจ้าลง? คงต้องไปงมมาจากก้นสมุทร!”

 

“เจ้ายังกล้าเถียง! เจ้าจะต้องอยู่บนยอดเขาฉิงหยุนจนกว่าจะถึงสิ้นเดือน” หลิวหรูเยว่กล่าวพร้อมกับจ้องมองไปที่หลิวสุยเฟิงอย่างเกรี้ยวโกรธ เมื่อนางได้ยินเสียงฝีเท้าของเซี่ยวเฉิน,นางก็ไม่ไปวอแวกับหลิวสุยเฟิงอีกต่อไป

 

หลิวหรูเยวมองไปที่เสี่ยวไป๋.ผู้ที่อยู่บนไหล่ของเซี่ยวเฉิน,และดวงตาของนางก็เบิกขึ้น นางรับเดินเข้ามาและกล่าวด้วยน้ําเสียงประหลาดใจ “เจ้าเด็กน้อยนี้…ทําไมพลังจิตวิญญาณของมันถึงได้ดูมากกว่าเมื่อวาน?”

 

เสี่ยวไป๋ดูเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่หลิวหรูเยว่กล่าว มันเผยสีหน้าเป็นสุขและหยิบตาสองสามครั้งให้นาง

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง,มันร้องอย่างดีอกดีใจและกระโดดลงมา มันจับไปที่ขาของเซี่ยวเฉินด้วยอุ้งมือของมันและเขย่าอย่างต่อเนื่อง

 

เซี่ยวเฉินรู้ว่ามันหมายความเช่นไรและเขาก็หยิบเอาขวดเหล้าออกมาจากแหวนห้วงจักรวาล เสี่ยวไป๋รับไปในทันที และวิ่งไปที่ด้านข้างอย่างตื่นเต้น

 

มีรอยยิ้มอบอุ่นที่นานที่จะปรากฏบนใบหน้าของหลิวหรูเยว่ “เจ้าเด็กน้อยนี่มันจะไม่เป็นปัญหาหากว่ามันดื่มเยอะเกินไป?”

 

เซี่ยวเฉินพูดอย่างติดตลก “ปล่อยมันไปเดื่มสักเล็กน้อยมันไม่เป็นไร ตราบใดที่มันไม่อิ่มจนเมามายเป็นใช้ได้”

 

หลิวหรูเยว่หุบยิ้ม นางได้ลืมเกี่ยวกับเรื่องที่ตั้งใจจะทําในวันนี้ นางพูดขึ้น “มากับข้า”

 

เซี่ยวเฉินรู้ว่าหลิวหรูเยว่กําลังจะสอนเขา เขารู้สึกตื่นเต้น และรีบตามนางไปทันที หลิวหรูเยว่น้ําเซี่ยวเฉินไปยังชั้นอาวุธที่เต็มไปด้วยกระบี่ทุกประเภท

 

หลิวหรูเยว่ชักกระบี่เล็กของนางออกมาและทั่วทั้งชั้นอายุก็เริ่มสั่นสะเทือน จากนั้น,กระบี่ทุกเล่มบนชั้นอาวุธก็ถูกชักออกมาและลอยไปในอากาศ

 

“แคร้ง! แคร้ง!”

 

หลิวหรูเยวตะโกนและกระบี่ทักเล่มปักลงไปบนพื้นลึกสองนิ้วและเรียงอย่างเป็นระเบียบ;พวกมันรายล้อมอยู่รอบตัวของทั้งสองคน

 

เมื่อเซี่ยวเฉินนับดู.มันมีทั้งหมดอย่างน้อย 500 เล่ม เซี่ยวเฉินตกตะลึง นี้มันเป็นทักษะพิเศษ หากเขาสามารถควบคุมอาวุธของคู่ต่อสู้ได้ในการต่อสู้ เขาก็ชนะไปครึ่งก้าวแล้วก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มเสียอีก หลังจากที่เสียอาวุธไป,พวกเขาจะเสียกําลังต่อสู้ไปอย่างชัดเจนยกเว้นแต่พวกเขาจะใช้ทักษะหมัดหรือขา

 

หลิวหรูเยว่ยืนอยู่ตรงข้ามกับเซี่ยวเฉิน,มีความอ่อนโยนบนใบหน้าของนางพร้อมกับเก็บกระบี่ของนางเข้าฝึก นางพูดขึ้น “ฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมันสามารถแบ่งออกได้เป็นสี่สภาวะ จากต่ําไปสูง:ฟังเสียงของดาบ,ควบคุมดาบ,ใจดาบ,และสื่อสารกับดาบ”

 

“สภาวะที่ข้าบรรลุคือควบคุมดาบ ทักษะที่ข้าได้แสดงไป เมื่อครู่สามารถทําได้หลังจากที่ขึ้นสู่ควบคุมดาบระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม”

 

เซี่ยวเฉินฟังอย่างตั้งใจ เมื่อหลิวหรูเยว่หยุดลง,เขาก็ถามขึ้น

 

ตามจริง,นานมาแล้ว, ข้าสงสัยเกี่ยวกับการเสียงของดาบ และสื่อสารกับมัน ทําไมถึงเรียกว่าฟังเสียงของดาบ และสื่อสารกับมันไม่ใช่ฟังเสียงของกระบี่และสื่อสารกับมัน? ทําไมชื่อของมันถึงเป็นดาบ?”

 

หลิวหรูเยว่อธิบาย “กระบี่ไม่เคยมีอยู่ในตอนแรกเริ่ม นานมาแล้ว,มีเพียงอาวุธเดียวก็คือดาบ เป็นดาบทุกประเภท หลังจากนั้น,กระบี่ก็ได้ถูกสร้างขึ้นโดยมีดาบเป็นพื้นฐาน

 

“ฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมันเป็นสภาวะที่แรกเริ่มมาจากดาบ สถาวะนี้โชคดีที่ใช้กับกระบีได้เช่นกัน เนื่องจากมันถูกตั้งชื่อไว้นานมาแล้ว ก็ไม่มีใครใส่ใจจะไปเปลี่ยนมัน”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+