Immortal and Martial Dual Cultivation 113 ท่านหมูปะทะจีชางคง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 113 ท่านหมูปะทะจีชางคง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 113 ท่านหมูปะทะจีชางคง

 

“ข้ารวยแล้ว! ข้าเก็บชิ้นส่วนกระดูกราชันย์สัตว์อสูรมาได้” ผู้บ่มเพาะพลังคนนั้นตะโกนขึ้นอย่างมีความสุข ผู้คนรอบๆหันมามองเป็นตาเดียวโดยทันที

 

หลังจากผู้คนรอบๆหันมามอง,ก็พูดขึ้น “นี้มันสุดยอด,มันเป็นกระดูกของราชันย์สัตว์อสูรที่อย่างน้อยต้องอยู่ระดับ 8 แรงกดดันวิญญาณช่างมหาศาล! ข้ายืนห่างออกมาหลายเมตรยังสัมผัสถึงมันได้ ขนาดนี้เป็นแค่ชิ้นส่วนเล็กๆ”

 

“ฟุ่ว!ฟิ่ว”

 

ก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าของนักบ่มเพาะพลังที่เก็บกระดูกสัตว์อสูรจะได้จางหายไป,เขาก็ถูกฟันเป็นสองซีก คนที่ลงมือฉกกระดูกสัตว์อสูรและหนีไปอย่างรวดเร็ว

 

คนที่เห็นเหตุการณ์จะปล่อยไปเช่นนี้ได้อย่างไร? พวกเขาไล่ตามคนคนนั้นไปติดๆ ในพริบตามันก็กลายเป็นสนามรบขนาดย่อม

 

ท้ายที่สุด,มีระดับขอบเขตนักบุญเดินผ่านมาฉกเอากระดูกสัตว์อสูรไปก่อนที่จะสังหารคนไปมากกว่าสิบคน หลังจากนั้น,ไม่มีใครกล้าเข้าไปท้าทายอีก

 

เจ้าหมูส่ายหัวไปมากพร้อมกับถอนหายใจ “ต้องโง่ขนาดไหนถึงตะโกนป่าวๆบอกทุกคน? สมบัติอยู่กับข้า!มาเอาไปเร็ว!”

 

เซียวเฉินรู้สึกหน่ายใจก่อนที่เขาจะเจอกับทางเข้าหุบเขาราชันย์สัตว์อสูร,รังสีฆ่าฟันในหุบเขาก็หนาแน่นขนาดนี้ ครั้งที่พวกเขาเข้าไปในซากโบราณ,มันจะเลวร้ายถึงเพียงใด?

 

ก่อนที่พวกเขาทั้งสามจะได้เดินหน้าต่อ,พวกเขาก็พบเข้ากับตระกูลจี พวกเขากำลังชำแหละซากราชันย์สัตว์อสูรที่พวกเขาเพิ่งฆ่าไป

 

เจ้าหมูกล่าวขึ้นมาอย่างตกใจ “พวกเขาฆ่าราชันย์สัตว์อสูรได้จริงๆ ตระกูลจีรวยเละแล้วงานนี้ แค่โลหิตเพียงอย่างเดียวก็ขายได้เป็นล้าน ราคาของแก่นกลางวิญญาณสูงยิ่งกว่านั้นอีก”

 

เซียวเฉินไม่ได้แปลกใจอะไรมากมาย,ก่อนที่จะเข้ามาในหุบเขา,เขาก็จดจ่อสัมผัสวิญญาณไปที่พวกตระกูลจีแล้ว เขาเห็นหมดว่าพวกเขาฆ่าราชันย์สัตว์อสูรลงได้เช่นไร

 

ซึ่ง,ดาบสุดดาบของจีชางคงที่ลอยขึ้นในเหนือฟากฟ้าสร้างความประทับใจให้กับเซียวเฉิน ทักษะต่อสู้นั้นอย่างน้อยต้องถึงระดับปฐพี

 

“เปลี่ยนเส้นทางกันเถอะ,ตระกูลเจียงอยู่ข้างหน้า ข้าไม่สะดวกที่จะเข้าไปใกล้” เซียวเฉินพูดกับเจ้าหมูเมื่อเขาเห็นเจียงหมิงเหิงอยู่กลางฝูงคนข้างหน้า

 

เจ้าหมูรู้สึกว่าน่าเสียดาย “ข้าหวังว่าถ้าเป็นไปได้อยากจะไปแลกเปลี่ยนสิ่งของกับพวกเขา…ช่างมันเถอะ,ไปกัน”

 

พวกเขาทั้งสามเปลี่ยนเส้นทางและเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ทันใดนั้น,แสงสว่างรุ่งโรจน์ระเบิดขึ้นเหนือท้องฟ้า,มีดาวตกร่วงลงมาจากท้องฟ้า มันตกลงเสียงดังต่อหน้าของพวกเขาทั้งสาม

 

ฝุ่นดินนับไม่ถ้วนถูกตบลอยขึ้นมา หลังจากที่หมอกควันจางหายไป,จีชางคงปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขาทั้งสาม ผมยาวสีดำของเขาปลิวไหวไปกับสายลม,และท้องฟ้าแจ่มจรัสสะท้อนผ่านดวงตาของเขา เขาใช้กระแสพลังอันแข็งแกร่งกดดันพวกเขาทั้งสามพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ

 

ทั้งสามคนรู้สึกกดดันและต้องก้าวถอยหลังอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาต่างดูงงงวยที่จู่ๆจีชางคงก็ปรากฎตัวขึ้นมา

 

ใบหน้าของจีชางคงเนียนใสราวกับผิวหยก,ใบหน้าช่างดูหล่อเหลา เขายืนมือออกมาชี้นิ้วไปที่เซียวเฉิน,พูดขึ้นอย่างไม่แยแส “เจ้าอยู่ก่อน ที่เหลือไสหัวไปได้”

 

เสียงของเขาไม่ได้ดังอะไรพูดขึ้นอย่างไม่ช้าไม่เร็ว ไร้ซึ่งรังสีฆ่าฟันเจือปน อย่างไรก็ตาม,เสียงของเขาเต็มไปด้วยพลัง,คนคนนั้นจักต้องทำตามอย่างไร้ซึ่งคำถาม

 

“ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ!”

 

ด้านหลัง,เจียงหมิงเหิงนำกลุ่มผู้บ่มเพาะพลังระดับขอบเขตปรมจารย์ของตระกูลเจียงตรงเข้ามา เขายืนอยู่ข้างจีชางรงและพูดขึ้น “ลูกพี่,ให้เจ้าหมูนั้นอยู่ต่อด้วย”

 

“หุ!”

 

จินต้าเป่าหัวเราะเย็นช้า ฝูงคนได้ยินเพียงเสียงลมไหลผ่าน ทันใดนั้น,เจ้าหมูก็จับตัวเจียงหมิงเหิวไว้ด้วยมือของเขา ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตาเดียว ฝูงคนต่างคิดว่าเจียงหมิงเหิงวิ่งเข้าไปมาเองด้วยซ้ำ

 

“แปะ!”

 

จินต้าเป่าดึงคอเสื้อของเจียงหมิงเหิงด้วยมือซ้ายและยกเขาลอยขึ้น จากนั้นเขาก็ยกมือขวาขึ้นตบไปที่หน้าด้วยพัดสีทองในมือ

 

“แม้ว่าท่านผู้นี้จะอ้วน,แต่ใช่ว่าใครจะมาเรียกเช่นนั้นได้ตามใจ,โดยเฉพาะคนอย่างเจ้า”

 

“แปะ! แปะ!”

 

หลังจากเจ้าหมูพูดจบ,ก็ลงมือตบเจียงหมิงเหิงอย่างรุนแรกอีกสองที แก้มของเจียงหมิงเหิงบวมแดงขึ้น,มีเลือดซิบไหลออกมาจากมุมปากของเขา

 

“ไอ้หมู! รีบปล่อยข้าซะ,หรือไม่ข้าจะทำให้ชีวิตของเจ้าเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย ข้าจะ…อ้า..”

 

ก่อนที่เจียงหมิงเหิงจะพูดได้จบประโยค,เจ้าหมูทุ่มเข้าลงพื้นอย่างรุนแรง ขาอวบอ้วนของเขาย่ำลงบนใบหน้าอย่างไร้ความปราณี

 

มองดูจีชางคงหยุดคนของเขาเอาไว้ ผู้บ่มเพาะพลังจากรอบด้านพุ่งเข้ามา เมื่อพวกเขาเห็นเจ้าหมูโบกสะบัดนิ้วกลาง,พวกเขาต่างตกตะลึงในใจ

 

“เจ้าหมูมันแจกกล้วย,ช่างโหดเหี้ยมอำมหิต ไม่ไว้หน้าจีชางคงและเหยียบหน้าลูกพี่ลูกน้องของเขา”

 

“ฮ่าฮ่า,เจ้าเจียงหมิงเหิงมันเป็นใคร? ขนาดเยียงเชียงหยุ่นจากเขตซี่เขอยังถูกเขาจับไถขนมาแล้ว ไม่มีอะไรที่เขาไม่กล้า”

 

“ดูเหมือนข่าวลือจะเป็นจริง ข้าสงสัยว่าเจียงหมิงเหอจะถูกจับไถขนเช่นเดียวกันหรือไม่ หากมันเกิดขึ้น,คงเป็นเรื่องขำขันน่าดู”

 

คำพวกนั้นลอยผ่านหูเจ้าหมู เจ้าหมูรู้สึกตกต่ำ,เขาไม่สามารถทนฟังชื่อเสียงเลวร้ายพวกนี้ได้จนอยากจะฆ่าตัวตาย เขาอยากจะลบข่าวลือพวกนี้ให้หายไป ถึงอย่างนั้น,เห็นชัดว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลา

 

“เจ้าเห็นสีหน้าเจ้าหมูไหม ดูเหมือนเขาจะยอมรับมัน ให้ตายเถอะ! ช่างโหดร้าย”

 

“เจ้ายังกล้าเรียกเขาว่าหมู เจ้าไม่ได้ยินหรือไร? เขาจะจับถอนขนทุกคนที่กล้าเรียกเขาว่าหมู เจ้าจบแล้ว,เขาคงได้ยินที่เจ้าพูดออกมาซะเสียงดัง เจ้าไปคิดหาทางรอดให้เร็วเสียดีกว่า”

 

“ให้ตายเถอะ,ข้าหุบปากดีกว่า หากข้าพูดไปเรื่อย,จะถูกจับถอนขนเข้าสักวัน”

 

เมื่อเซียวเฉินและซู่เสี่ยวเสี่ยวได้ยินเกี่ยวกับเจ้าหมู,พวกเขาทั้งสองถอยหนีออกไปสามก้าวอย่างไม่รู้ตัว,ทิ้งระยะห่างระหว่างของพวกเขากับเจ้าหมู จินต้าเป่ามีคดีติดตัว,เขาไม่อาจรักษาท่าทีโหดร้ายแบบเมื่อครู่ได้อีกต่อไป เขาพูดขึ้นอย่างขมขื่น “พวกเจ้าเชื่อในตัวข้าสักหน่อยไหม?”

 

“จินต้าเป่า,ปล่อยตัวลูกข้าซะ พวกเราไม่มีเรื่องบาดหมางต่อกัน ข้าจะไม่ดึงดันเรียกเอาเขตการค้าทางตะวันออกคืน,และข้าจะไม่ทำอะไรให้เป็นเรื่องยากสำหรับเจ้า” ผู้นำตระกูลเจียงเรางรีบตรงเข้ามาและพูดด้วยเสียงอันดังเมื่อเขาเห็นจินต้าเป่ากำลังเหยียบย่ำเจียงหมิงเหิง

 

เมื่อเจียงหมิงเหิงได้ยินเสียงของเจียงหมิงชุ่น,เขาก็ตื่นเต้น เขาดิ้นไปมาใต้เท้าของเจ้าหมูก่อนที่จะเปิดปากขึ้นมาได้และสูดหายใจเข้าลึก เขาตะโกนออกไป “ท่านพ่อ,ช่วยข้าด้วย! เจ้าหมูนี่มันโรคจิต เยี่ยงเชียงหยุ่นโดน…”

 

เจ้าหมูรู้สึกเดือดเมื่อได้ยินคำของเจียงหมิงเหิง เตะเจียงหมิงเหิงลอยขึ้นไปบนอากาศและใช้ฝ่ามือตบเขาหมดสติ

 

เจียงหมิงชุ่นรู้สึกกระวนกระวายอย่างมากและพุ่งตรงเข้ามา เจ้าหมูคว้าคอของเจียงหมิงเหิงและเหลือบไปมองที่เจียงหมิงชุ่นอย่างไร้ความปราณี เจียงหมิงชุ่นรู้สึกได้ถึงเจตนาฆ่าในสายตาของเขาและรีบหยุดเท้าลง

 

“บูม!”

 

จีชางคง,ผู้ที่นิ่งเงียบมาตลอด,ทันใดนั้นก็ลงมือ ร่างมนุษย์สีดำปรากฎตัวขึ้นด้านหน้าของเจ้าหมู ร่างนั้นใช้นิ้วแทนมีดแทงไปที่ดวงตาของเจ้าหมู

 

“ฮ่ะ!”

 

จินต้าเป่ากางพับสีทองในมือและร่างสีทองก็ปรากฎขึ้นด้านหลังของเขา ร่างนั้นแต่งตัวเหมือนบัณฑิตและถือพัดสีทองไว้ในมือเช่นกัน

 

ในทันที่บัณฑิตนั้นปรากฎตัวขึ้น,อำนาจของมหาปราชญ์โบราณก็แผ่ขยายไป ผู้บ่มเพาะพลังโดยรอบสัมผัสได้ถึงกระแสพลังอันเที่ยงธรรม

 

“บูม!”

 

บัณฑิตผู้นั้นสะบัดมือเบาๆและพัดในมือก็กางออก มันส่งคลื่นพลังงานออกมาและร่างสีดำที่อยู่ด้านหน้าเจ้าหมูทันใดนั้นก็ลอยถอยกลับไปและเกิดระเบิด,กลายเป็นเงาโลหิต

 

“นั้นมันอาวุธของมหาปราชญ์โบราณ พอคิดว่าเงาของมหาปราชญ์โบราณยังคงสิงสถิตอยู่ในนั้น ช่างน่ากลัวเหลือเกิน”

 

“ประทับร่างดวงดาวของจีชางคงถูกเป่าหายไปด้วยคลื่นเบาบางจากพัด!”

 

สีหน้าของจีชางคงไม่เปลี่ยนแปลง,เขาแค่รู้สึกตกใจเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดว่าเจ้าหมูหยาบช้านี้จะมีสมบัติประหลาด จากมุมมองของเขา,มันเป็นไปได้ว่าเครื่องประดับที่ตกแต่งอยู่บนตัวเขาก็เป็นสมบัติแปลกๆเช่นกัน

 

เจ้าหมูยกตัวเจียงหมิงเหิงขึ้นพาดบ่าและพูดกับจีชางคง “ข้าไม่ได้สนใจเรื่องบาดหมางระหว่างเจ้ากับเซียวเฉิน หลังจากกลับออกไปจากหุบเขาราชันย์สัตว์อสูร,ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะทำอะไร อย่างไรก็ตาม,ในหุบเขาราชันย์สัตว์อสูร,เขาคือสหายของข้า”

 

“ข้าจะเอาตัวเจียงหมิงเหิงไปก่อนในตอนนี้ หลังจากพวกเราออกจากหุบเขาราชันย์สัตว์อสูร,ข้าจะคืนเขาให้เจ้า” หลังจากที่จินต้าเป่าพูดจบ,เขาก็นำเซียวเฉินและซู่เสี่ยวเสี่ยวไปอีกทาง

 

เมื่อเจียงหมิงชุ่นและตนอื่นๆเห็นเซียวเฉินที่เดินจากไป,พวกเขาต่างโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก ถึงอย่างนั้น,ก็ไม่มีอะไรที่พวกเขาอาจทำได้ หากพวกเขายังดึงดันโจมตีเขา,เจียงหมิงเหิงคงถูกฆ่าโดยทันที

 

“เจ้าหมูนี้ช่างเผด็จการ,เขาไม่กลัวแม้กระทั่งจีชางคง”

 

“เป็นโชคไม่ดีของตระกูลเจียงแล้ว ลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขาตกในอยู่ในเงื้อมือของเจ้าหมู ไปมีเรื่องกับใครไม่มี,ดันไปมีเรื่องกับเจ้าหมูนี่”

 

“เงียบ!เจ้าหมูยังอยู่ใกล้ๆ,เบาเสียงของเจ้าหน่อย”

 

เมื่อพวกเขามาถึงที่เงียบๆในหุบเขาราชันย์สัตว์อสูร,จินต้าเป่าโยนเจียงหมิงเหิงลงกับพื้นและเริ่มลูบจับไปทั่วร่างของเขา เซียวเฉินกับซู่เสี่ยวเสี่ยวนึกถึงข่าวลือที่ได้ยินมาก่อนหน้าก็พากันถอยหนี

 

หลังจากนั้นครู่ใหญ่,เจ้าหมูก็เปิดปากด่า “ไอ้ยาจก,เขาไม่พกอะไรมาเลย”

 

มองดูเซียวเฉินและซู่เสี่ยวเสี่ยวที่ถอยไปด้านข้าง,เจ้าหมูรีบยกตัวเจียงหมิงเหิงขึ้นและไล่ตามพวกเขาไป เขาอธิบาย “พวกเจ้าอย่ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้นได้ไหม? มันเป็นเพียงข่าวลือ”

 

เซียวเฉินยิ้มบางๆ “ข้ารู้,มันเป็นเพียงความแตกต่างทางสติปัญญาระหว่างเจ้ากับคนพวกนั้น พวกเขาแค่เข้าไม่ถึงเจ้าเท่านั้นเอง”

 

“เป็นเช่นนั้น!” เจ้าหมูพูดอย่างเป็นสุข,แต่อีกครู่หนึ่งต่อมา,เขารู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ “ทำไมข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังล้อเลียนข้า?”

 

เซียวเฉินอังหูฟังอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้น “หยุดไร้สาระได้แล้ว,ข้าได้ยินเสียงต่อสู้กัน มันจะต้องเป็นหนึ่งในตระกูลชั้นสูงกำลังฆ่าราชันย์สัตว์อสูร ลองไปดูกันว่าพวกเราจะฉกฉวยอะไรได้บ้างหรือไม่”

 

เจ้าหมูมองไปทางที่เซียวเฉินชี้และเอียงหูฟังเช่นกัน “ทำไมข้าไม่เห็นได้ยินอะไร? ช่างมัน,ข้าเชื่อเจ้า แต่ว่าเถอะ,จะเอายังไงกับคนที่ข้าแบกอยู่?”

 

เซียวเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะวางแหวนห้วงจักรวาลลงบนตัวของเจียงหมิงเหิง เพียงเซียวเฉินนึกคิด,ร่างของเจียงหมิงเหิงก็ถูกนำไปเก็บไว้ในแหวนห้วงจักรวาล

 

จินต้าเป่าและซู่เสี่ยวเสี่ยวตกตะลึงในสิ่งที่เห็น เจ้าหมูถามด้วยความประหลาดใจ “แหวนห้วงอวกาศนั้นมันอะไร? มันเก็บร่างมนุษย์ตัวเป็นๆเอาไว้ได้เช่นไร?”

 

เซียวเฉินไม่ได้อธิบายอะไรนอกจาก “คิดซะว่ามันคือสมบัติลับชิ้นนึง”

 

เซียวเฉินเดินนำทางไป,มีการต่อสู้ให้เห็นไปตลอดทาง พอมีคนเจอชิ้นส่วนกระดูกราชันย์สัตว์อสูร,ตรงนั้นจะต้องมีการตบตีแย่งชิงเกิดขึ้น

 

เจ้าหมูพูดขึ้นอย่างน้อยใจ “ทุกคนต่างได้หยิบฉวยกระดูกราชันย์สัตว์อสูรแต่ทำไมข้าไม่ได้มาสักชิ้น?”

 

เซียวเฉินยิ้มแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไร เขาขยายสัมผัสวิญญาณออกมาตลอดทางและสังเกตเห็นว่าเจ้าหมูเดินเหยียบมันมาสามชิ้นแล้วแต่เขาไม่ได้สังเกต

 

“ปัง! ปัง!”

 

ในที่สุดทั้งสามก็เห็นต้นตอของเสียงสู้รบ ขุนนางกุยยี่,หยิงเซียว,นำกำลังนักรบเกราะทองเข้าต่อสู้กับราชันย์สิงโตทองคำขนาดที่ตัวเท่าภูเขาลูกเล็กๆ

 

เซียวเฉินนึกถึงสิงโตทองคำเด็กที่เขาเจอในชายขอบป่าอำมหิต เพียงแค่แก่นกลางวิญญาณของสิงโตเด็กก็มีพลังวิญญาณมากพอที่จะยกระดับขอบเขตของเซียวเฉินขึ้นไปถึงหนึ่งขั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด