Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 330 โรงจํานํา

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 330 โรงจํานํา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 330 โรงจํานํา

เซียวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพึมพํา “ดูเหมือนว่าข้าจะต้องทิ้งมันเอาไว้ที่โรงรับจํา ข้าจําได้ว่าสมาคมการค้าจากตระกูลของเพิ่งเฟยเสวี่ยเปิดกิจการอยู่แห่งหนึ่งข้าเอามันไปทิ้งไว้ที่นั้นเป็นเช่นไร?”

“ฟู ฟิว!”

ด้วยการนึกคิด,บัลลังก์สีแดงลอยออกมาพร้อมกับเมฆาสีแดงที่แห่งนี้ยังคงอยู่ในแคว้นตงหมิงเรือสงครามสีเป็นมันเตะตาเกินไปเซี่ยวเฉินเกรงว่าจะมีคนที่จ่ามันได้,เขาเหลือเพียงบัลลังก์แดงให้ใช้

หุ่นรบเหราะเงินแบกหม้อมังกรฟินิกซ์และค่อยๆเดินขึ้นไปบนเมฆาสีแดง เมฆสีแดงนี้นุ่มนิ่มอย่างไม่น่าเชื่อ,แต่ก็แน่นแข็งไม่จําเป็นต้องกังวลว่าจะร่วงลงไป

ขณะที่เซียวเฉินนั่งลงบนบัลลังก์,เขาควบคุมบัลลังก์ให้บินสู่ท้องฟ้าเต็มก่าลัง,มุ่งหน้าสู่มหานครแห่งแคว้นตงหมิง

สองวันต่อมา, เซี่ยวเฉินลงจอดที่ด้านนอกเมืองตงหมิงอย่างเงียบๆ เขาเข้าไปในเมืองก่อนเพื่อหาซื้อกล่องขนาดใหญ่หลังจากที่เขาใส่หม้อมังกรฟินิกซ์ลงไปในกล่อง,เขาก็กลับเข้าเมืองอีกครั้ง

การนํากล่องขนาดใหญ่เข้ามาในเมืองในช่วงกลางค่ํากลางคืนแน่นอนว่าจะต้องดึงดูดความ สนใจของเฝ้า

อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้สําหรับคนธรรมดาที่จะมองเห็นความพิเศษของหม้อใบนี้ ดังนั้น,ไม่มีความจําเป็นต้องกังวลว่าทหารยามจะพบอะไรเขา

เซี่ยวเฉินเปิดกล่องและแสดงให้ทหารยามดูก่อนที่จะเข้าไปในเมืองได้สําเร็จ

เซี่ยวเฉินไม่ได้เร่งรีบที่จะไปยังโรงรับจํานํา อันดับแรก,เขาไปที่โรงเตี้ยมและเปิดห้องก่อนที่จะเข้าไปอาบน้ํา

เซี่ยวเฉินชําระล้างสิ่งสกปรกที่สะสมมากว่าหนึ่งเดือนก่อนที่จะนอนหลับ

ในวันต่อมา, เซียวเฉินได้ตําแหน่งของโรงรับจํานําตระกูลเฟิงมาจากบริกร จากนั้นเขาก็ออกไปพร้อมกล่องใบใหญ่ในตอนกลางคืน

ชื่อของโรงรับจํานําคือผู้นําชัย ซึ่งตอนนี้มันปิดอยาเพราะดึกมากแล้ว มีบันไดสีเขียวทอดออกมาจากหน้าประตูของร้าน

มีฟินิกซ์คู่ที่กําลังหมุนพันกันสลักอยู่บนประตูนี่เป็นเครื่องหมายของสมาคมการค้าตระกูลเฟิงที่แห่งใดก็ตามในทวีปเทียนหวี่ที่มีเครื่องหมายนี้เป็นทรัพย์สินของตระกูลเฟิง

เซียวเฉินค่อยๆเดินขึ้นไปตามบันไดและรู้สึกถึงกระแสพลังอันแข็งแกร่งหลายจุดกําลังจับจ้อ งมาที่เขา,ตรวจสอบทั่วทั้งร่างกายของเขา

เมืองตบหมิงเป็นหนึ่งในสี่มหานคร โรงรับจํานําของตระกูลเฟิงมีกิจการจํานวนมากอย่างแน่นอน

“เครั้ง! เครั้ง! เครั้ง!”

เซี่ยวเฉินเดินนิ่งสงบไปที่ประตูและและกดที่เคาะผระตูเบาๆขณะที่แบกกล่องไม้

“เป็นใครกัน? นี่มันดึกมากแล้ว เจ้ามีอะไรมาจํานําถึงกับไม่ยอมให้พวกเราได้หลับนอน?” ผู้ช่วยร้านเปิดประตูและตําหนพร้อมสายตากึ่งหลับกึ่งตื่น “โรงจํานําผู้นําชัยไม่ได้เปิดกิจการตอนกลางคืน หากเจ้าอยากจะจํานําหรือฝากของ,โปรดกลับมาในวันรุ่งขึ้น”

TL:โรงจํานําน่าจะรับฝากของด้วยครับ

เมื่อเขากล่าวจบ,เขาพยายามจะปิดประตูเซียวเฉินแบกกล่องไม้เอาไว้หนึ่งมือและมือออกข้างเอื้อมไปจับประตู เขายิ้มเบาๆและกล่าว “ไม่เว้นแม้กระทั่งธุรกิจใหญ่?”

ผู้ช่วยร้านกล่าว “ธุรกิจใหญ่? ใหญ่แค่ไหน?”

เซี่ยวเฉินยิ้มโดยไม่กล่าวอะไร เขาใช้แรงเล็กน้อยผลักประตูให้เปิด ผู้ช่วยคนนั้นไม่อาจต้านทานพลังและถูกผลักถอยไปอย่างรวดเร็ว;เห็นชัดว่าเขาอารมณ์เสียแล้ว

เซี่ยวเฉินไม่สนใจและทิ้งกล่องลงกับพื้น

น้ําหนักของหม้อมังกรฟินิกซ์ทําให้พื้นสั่นสะเทือน,ช่วยผู้ร้านคนนั้นตกตะลึง;เขาไม่คาดคิดว่ามันจะหนักถึงเพียงนี้

ผู้เยาว์คนนี้ยกของที่หนักเพียงนี้ได้ด้วยมือเดียวผู้ช่วยร้าน,ผู้ที่กําลังจะไล่เซียวเฉินออกไป,ดึงสีหน้าจริงจังขึ้นในทันทีความงัวเงียของเขาจางหายไปพร้อมกับกล่าวขึ้น “ผู้กล่าตัวน้อย,เจ้ามาที่นี่เพื่อจํานําหรือฝากสิ่งของ

“ฝากของ” เซี่ยวเฉินกล่างง่ายๆ “และซื้อของ”

ผู้ช่วยร้านยิ้มอย่างขมขื่น “น่าเสียดาย,นักประเมินของเรานอนหลับไปแล้ว มันไม่สะดวกที่จะปลกเขาขึ้นมาในเวลานี้”

เซี่ยวเฉินมองในห้องโถงผ่านๆจากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้พิงหลังลงกับกําแพง เขาหยิบเอาหินวิญญาณระดับกลางออกมาหนึ่งก้อนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้สะดวกหรือยัง?”

ในตอนที่ผู้ช่วยร้านเห็นหินวิญญาณระดับกลางที่วางอยู่บนโต๊ะ,ความละโมบวูบไหวในดวงตาของเขาทันทีภายในโรงจํานําของตระกูลเฟิง,แม้แต่ผู้ช่วยร้านก็มีดวงตาหลักแหลม

เป็นธรรมดา,ที่ผู้ช่วยร้านคนนี้จะรู้ว่ามันคืออะไรมันคือหินวิญญาณระดับกลางหากเอาไปแลกเปลี่ยนเป็นทอง,เขาสามารถใช้ชีวิตหรูหราไปได้จนวันตาย

ผู้ช่วยร้านถือหินวิญญาณระดับกลางเอาไว้และยิ้มขึ้น“แน่นอน! แน่นอน! ไม่มีปัญหาข้าจะเรียกนักประเมินมาเดี๋ยวนี้”

ขณะที่เขาเริ่มขยับ,เขาก็หยิบเอาหินวิญญาณระดับกลางไปแล้วมันมีแต่ได้กับได้ หากข้าไปปลุกนักประเมิน,ข้าก็ไม่กังวลที่จะถูกดุด่า

ขณะที่เซียวเฉินมองดูผู้ช่วยร้านเดินออกไป,เขารู้สึกเจ็บปวดในใจมีผู้คนมากเกินไปในตอนกลางวันเขาเป็นกังวลว่าข่าวมันจะกระจายออกไป การใช้หินวิญญาณระดับกลางหนึ่งก่อนช่วยอ่านวยความสะดวกก็ถือว่าคุ้มค่า
ในเวลาเพียงกาน้ําเดือด,มีเสียงฝีเท้าดังมาจากม่านด้านหลังของห้องโถง
ผู้ช่วยร้านคนก่อนหน้านี้นําทางผู้เฒ่าผู้หนึ่งเข้ามาผู้เฒ่าผู้นี้สวมชุดคลุมยาวสีเทา;การก้าวเดินของเขามั่นคง,สายตาเป็นประกายโลหิตและฉีของเขาเฟื่องฟเขาไม่รู้สึกถึงความชราแม้แต่น้อย

ผู้เฒ่าเดินมาถึงตรงหน้าของเซียวเฉินและคํานับมือเขายิ้มและกล่าว “แซ่อันต่ําต้อยของข้าคือหวงข้าเป็นหัวหน้านักประเมินของผู้นําชัยแห่งนี้ข้ายังไม่ทราบชื่ออันสูงส่งของผู้กล้าน้อยเลย”

ผู้ที่หยิบหินวิญญาณระดับกลางมาโยนเล่นได้นับว่าหายากขณะที่ผู้เฒ่ากล่าว,เขาตรวจตรองเซี่ยวเฉินอย่างละเอียดเขาอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางด้วยอายุเพียงเท่านี้แต่อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้นับว่าแปลกหรือหายากนัก

ผู้เยาว์ผู้นี้นับได้ว่ามีพรสวรรค์โดดเด่น แต่ก็หาคนเช่นนี้ได้ในทุกที่อย่างไรก็ตาม ผู้เฒ่าสัมผัสได้ถึงกระแสพลังอันตราย

ผู้เฒ่าผู้นี้ติดอยู่ที่จุดยอดของระดบขอบเขตกษัตรยยุทธขั้นต้นมานานแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม,เขาได้ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการประเมินโบราณวัตถุและชะลอการบ่มเพาะพลังของเขาลง

ผู้เยาว์ผู้นี้ซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง ผู้เฒ่าประเมินอยู่ในใจของเขา

เซี่ยวเผอินคํานับมือและยิ้มขึ้น “ข้าไม่กล้าเอ่ยอ้างว่ามีอันสูงส่ง;เรียกข้าเยู่เฉิน ข้าขออภัยที่รบกวนอาจารย์หวง,แต่ท่าช่วยดูของชิ้นนี้ให้ข้าได้หรือไม่,ข้าอยากจะฝากมันเอาไว้สักระยะหนึ่ง”

หลักการของโรงจํานําสําหรับการรับฝากของจะคิดตามมูลค่าของสิ่งที่ฝาก สําหรับการตรวจสอบมูลค่าของสิ่งของ,มันขึ้นอยู่กับการตัดสินและความรู้ของผู้ประเมิน

ตามจริง,จากการเอาหม้อมังกรฟินิกซ์มาฝาก,เซี่ยวเฉินก็อยากจะรู้ว่าเขาจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์บ้างหรอไม่

อาจารย์หวงพยักหน้าเล็กน้อย เซียวเฉินดีดนิ้วและยิงคลื่นพลังงานออกไปกล่องไม้ทั้งสี่ด้านเปิดออกในทันที,เผยให้เห็นหม้อมังกรฟินิกซ์

มังกรและนกฟินิกซ์ที่สลักอยู่บนหม้อช่างดูสดใส พวกมันเข้ากันกันและกันอย่างกระหาย หม้อ ใบนี้ปลดปล่อยกระบี่พลังที่เรียบง่ายและหนักอึ้ง

ในตอนที่หม้อมังกรฟินิกซ์ปรากฏต่อหน้าของอาจารย์หวง,เขานิ่งมุ่งไปในทันที สีหน้าของเขายิ่งกลายเป็นจริงจัง;กร้ามของมันตกลงมา เขากล่าวตะกุกตะกัก “หม้อ…มังกรฟินิกซ์,มันเป็นหม้อมังกรฟินิกซ์เลียนแบบหนึ่งในสามใบมัน…มัน…มาอยู่กับเจ้าได้อย่างไร?”

เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นผู้เฒ่าหน้าเปลี่ยนสี,เขาครุ่นคิดกับตัวเอง,ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องดีๆให้ได้ชม”

เซี่ยวเฉินลุกขึ้นและถาม “ผู้เฒ่ารู้จักหม้อใบนี้?”

อาจารย์หวงฟื้นคืนสติ:เขารู้ว่าเขาทําตัวเสียมารยาทไปเขายิ้มอย่างขออภัยและกล่าว“หม้อ มังกรฟีนิกซ์ต้นแบบได้หายสาบสูญไปนานแล้ว:มีเพียงของเลียนแบบสามใบที่หลงเหลืออยู่ในโลกใบนี้ตระกูลเฟิงได้ตามหาหม้อใบนี้มากกว่าหนึ่งพันปีข้าไม่คาดคิดว่ามันจะตกมาอยู่ในมือของน้องชายตัวน้อย”

ความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นในใจของเซียวเฉิน,เป็นไปได้ว่าตระกูลเพิ่งเข้าใจถึงวิธีการหลอมสมบัติลับ? หรือเขาจะมีทุกอย่างแล้วยกเว้นแต่หม้อมังกรฟีนิกซ์ใบนี้?

“ผู้กล้าเย่เฉิน,ข้าขออวดดีที่กล่าวถาม;ท่านจะข้าหม้อใบนี้หรอทไม่? หากท่านขาย,ตระกูลเฟิงจะจ่ายในราคาที่ท่านต้องการ” อาจารย์หวงหันมาและถามขึ้นเบาๆ

เซียวเฉินพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้หม้อใบนี้มา เป็นธรรมดา,ที่เขาจะไม่ขายมัน เขาส่ายหัวและถามขึ้น“ขออภัย:ข้าจะฝากมันเอาไว้เพียงเท่านั้น,ไม่มีการขายท่านผู้เฒ่ารู้อะไรเกี่ยวกับมัน?เล่าให้ผู้น้อยฟังได้หรือไม่?”

ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของอาจารย์หวง เขายิ้มอ่อนโยนและกล่าว “ข้าเพียงจําหม้อใบนี้ได้ ข้าจะไปรู้ความลับอะไรของมัน? ผู้กล้าน้อยเย่หวังกับข้าสูงเกินไป”

สายตาของเซียวเฉินเฉียบคมเขาสามารถมองเห็นท่าทางทั้งหมดของผู้เฒ่าและรู้ว่าผู้เฒ่าปฏิเสธที่จะเล่าให้เขาฟังดังนั้นเขาจึงไม่อาจไปใส่ใจ เขากล่าว “เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร, ในเมื่อท่านผู้เฒ่าไม่ยินดีจะเล่าให้ข้าฟัง บอกราคาข้ามาข้าตั้งใจจะฝากหม้อใบนี้เอาไว้เป็นเวลาหนึ่งปี”

อาจารย์หวงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าย “ห้าหมื่นหินวิญญาณระดับต่ํา,ท่านว่าเช่นไร? เกไม่เช่นนั้นยังมีอีกหนทางหนึ่งท่านสามารถให้ตระกูลเฟิงของพวกเรายมหม้อใบนี้,และท่านสามารถเรียกมันคืนได้ทุกเวลา”

“เช่นนี้,ไม่เพียงแต่พวกเราจะไม่เรียกราคาจากท่าน,แต่พวกเราจะจ่ายท่านหนึ่งแสนหินวิญญาณระดับต่าต่อหนึ่งปี”

เซียวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและเขาเขาได้ตัดสินใจ เขากล่าว “พวกเราทําเช่นนั้นก็ได้,แต่ข้าอยากจะพูดคุยเรื่องนี้กับนายน้อยหญิงของท่านก่อน”

เซี่ยวเฉินมีความคิดหนึ่งอยู่ในใจ แม้ว่าเขาจะมีหม้อมังกรฟินิกซ์และเปลวเพลิงจันทรา,แต่เขาไม่รู้ถึงวิธีหลอมสมบัติลับเขาอาจจะต้องเก็บมันเอาไว้เป็นเวลานานก่อนที่เขาจะได้เบาะแสอะไร

เขาอาจจะมอบมันให้กับเฟิงเฟยเสวี่ยแลกเปลี่ยนกับวิธีการหลอมสมบัติลับหลังจากนั้นเขาจะให้พวกเขาใช้หม้อมังกรฟินิกซ์ได้ระยะเวลาหนึ่งโดยไม่คิดค่าใช้

นี่นับได้ว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณให้กับเฟิงเฟยเสวี่ยมีสิ่งอื่นที่สําคัญกว่านั้น ตามจริง,เซี่ยวเฉินอยากจะพบกับนาง

เซี่ยวเฉินมีความรู้สึกว่า หลังจากที่เขากลับไปที่ศาลากระปสวรรค์, เขาจะออกไปจากอาณาจักรต้าฉันในเร็วๆนี้

เซี่ยวเฉินตอบรับข้อตกลงของเฟิงเฟยเสวีย,แต่เขาไม่เห็นนางเรียกหาเขาแต่อย่างใดกลับกัน,นางได้ส่งองค์หญิงหยิงเยวมาครั้งหนึ่ง แต่กระนั้น,เขาก็ไม่ได้คําอธิบายที่ชัดเจน

เซียวเฉินไม่รู้ว่าเมื่อใดที่เขาจะกลับมาหลังจากออกไปจากอาณาจักรต้าฉัน เขาน่าจะใช้โอกาสนี้ในการพูดคุยกับเฟิงเฟยเสวี่ยให้ชัดเจน

เมื่ออาจารย์หวงได้ยินคําของเซียวเฉิน,เขานิ่งอึ้งไปเล็กน้อยเขารู้สึกว่าเขาตกอยู่ในสถานการณ์ยากลําบากและกล่าว “เกี่ยวกับเรื่องนี้,ผู้กล้าน้อยเย่…ตระกูลเฟิงมีธุรกิจใหญ่โตโรงจํานําผู้นําชัยเป็นเพียงส่วนเล็กน้อย มันจะเป็นการเสียมารยาทที่ข้าจะเชิญแม่นางเพิ่งมาที่นี่นอกจากนั้นผู้เฒ่าผู้นี้มีสิทธิตัดสินใจในหม้อใบนี้”

แน่นอน,ร้านค้าของตระกูลเฟิงกระจายอยู่ทั่วทั้งทวีป แม้ว่าหม้อมังกรฟินิกซ์จะสําคัญ,แต่ไม่มีความจําเป็นที่จะเชิญเฟิงเฟยเสวี่ยมาเพราะเรื่องนี้ นอกจากนั้น,เฟิงเฟยเสวี่ยเดินทางไปทั่วทวีป เพื่อดําเนินการธุรกิจของตระกูลเฟิง

นอกเสียจากจะมีกําหนดการพิเศษ,มันจะเป็นการยากที่จะรู้ได้ว่านางอยู่ที่ไหน ด้วยตัวตนของอาจารหวง,มันจะเป็นการยากที่จะเชิญนางมา

อาจารย์หวงอธิบายถึงความยากทั้งหมดให้กับเซียวเฉินอย่างชัดเจน เซียวเฉินครุ่นคิดเกี่ยวกับมันและกล่าว “เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ไม่เป็นไร จะฝากหม้อมังกรฟินิกซ์เอาไว้ที่นี่หากท่านสามารถนัดหมายกับเฟิงเฟยเสวี่ย,เช่นนั้นข้าจะตกลงเกี่ยวกับการให้ตระกูลเฟิงยืมหม้อใบนี้”

เมื่ออาจารย์หวงได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาเปลี่ยน; หากรู้สึกเสียดายอย่างไม่น่าเชื่อ

ขณะที่อาจารย์หวงกําลังจะกล่าวอะไรเพื่อโน้มน้าวเขา,เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ รอยยิ้มกลับมาเติบเต็มใบหน้าของเขาอีกครั้งพร้อมกับเขาถามขึ้นอย่างคาดหวัง “ผู้กล้าน้อยเย่,ขอข้าถามได้หรือไม่,ท่านใช่เย่เฉินจากยอดเขาจึงหยุนแห่งศาลากระบี่สวรรค์ใช่หรือไม่?”

เซียวเฉินประหลาดใจเล็กน้อย เขาพยักหน้าและหยิบเอาเหรียญแสดงตนออกมายืนยันตัวตนของเขา เขาถาม “มีอะไร? หรืออาจารย์หวงจะจ่าข้าได้?”

อาจารย์หวงยิ้มและกล่าว “นายน้อยเย่, อย่าถามข้าเช่นนั้น หากท่านเชื่อข้าน้อย,ท่านสามารถทิ้งหม้อมังกรฟินิกซ์เอาไว้ที่นี่ได้ก่อน หากท่านกลับมาที่นี่ประมาณเที่ยงคืนของวันพรุ่งนี้ ท่านน่า จะสามารถพบแม่นางเฟิง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 330 โรงจํานํา

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 330 โรงจํานํา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 330 โรงจํานํา

เซียวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพึมพํา “ดูเหมือนว่าข้าจะต้องทิ้งมันเอาไว้ที่โรงรับจํา ข้าจําได้ว่าสมาคมการค้าจากตระกูลของเพิ่งเฟยเสวี่ยเปิดกิจการอยู่แห่งหนึ่งข้าเอามันไปทิ้งไว้ที่นั้นเป็นเช่นไร?”

“ฟู ฟิว!”

ด้วยการนึกคิด,บัลลังก์สีแดงลอยออกมาพร้อมกับเมฆาสีแดงที่แห่งนี้ยังคงอยู่ในแคว้นตงหมิงเรือสงครามสีเป็นมันเตะตาเกินไปเซี่ยวเฉินเกรงว่าจะมีคนที่จ่ามันได้,เขาเหลือเพียงบัลลังก์แดงให้ใช้

หุ่นรบเหราะเงินแบกหม้อมังกรฟินิกซ์และค่อยๆเดินขึ้นไปบนเมฆาสีแดง เมฆสีแดงนี้นุ่มนิ่มอย่างไม่น่าเชื่อ,แต่ก็แน่นแข็งไม่จําเป็นต้องกังวลว่าจะร่วงลงไป

ขณะที่เซียวเฉินนั่งลงบนบัลลังก์,เขาควบคุมบัลลังก์ให้บินสู่ท้องฟ้าเต็มก่าลัง,มุ่งหน้าสู่มหานครแห่งแคว้นตงหมิง

สองวันต่อมา, เซี่ยวเฉินลงจอดที่ด้านนอกเมืองตงหมิงอย่างเงียบๆ เขาเข้าไปในเมืองก่อนเพื่อหาซื้อกล่องขนาดใหญ่หลังจากที่เขาใส่หม้อมังกรฟินิกซ์ลงไปในกล่อง,เขาก็กลับเข้าเมืองอีกครั้ง

การนํากล่องขนาดใหญ่เข้ามาในเมืองในช่วงกลางค่ํากลางคืนแน่นอนว่าจะต้องดึงดูดความ สนใจของเฝ้า

อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้สําหรับคนธรรมดาที่จะมองเห็นความพิเศษของหม้อใบนี้ ดังนั้น,ไม่มีความจําเป็นต้องกังวลว่าทหารยามจะพบอะไรเขา

เซี่ยวเฉินเปิดกล่องและแสดงให้ทหารยามดูก่อนที่จะเข้าไปในเมืองได้สําเร็จ

เซี่ยวเฉินไม่ได้เร่งรีบที่จะไปยังโรงรับจํานํา อันดับแรก,เขาไปที่โรงเตี้ยมและเปิดห้องก่อนที่จะเข้าไปอาบน้ํา

เซี่ยวเฉินชําระล้างสิ่งสกปรกที่สะสมมากว่าหนึ่งเดือนก่อนที่จะนอนหลับ

ในวันต่อมา, เซียวเฉินได้ตําแหน่งของโรงรับจํานําตระกูลเฟิงมาจากบริกร จากนั้นเขาก็ออกไปพร้อมกล่องใบใหญ่ในตอนกลางคืน

ชื่อของโรงรับจํานําคือผู้นําชัย ซึ่งตอนนี้มันปิดอยาเพราะดึกมากแล้ว มีบันไดสีเขียวทอดออกมาจากหน้าประตูของร้าน

มีฟินิกซ์คู่ที่กําลังหมุนพันกันสลักอยู่บนประตูนี่เป็นเครื่องหมายของสมาคมการค้าตระกูลเฟิงที่แห่งใดก็ตามในทวีปเทียนหวี่ที่มีเครื่องหมายนี้เป็นทรัพย์สินของตระกูลเฟิง

เซียวเฉินค่อยๆเดินขึ้นไปตามบันไดและรู้สึกถึงกระแสพลังอันแข็งแกร่งหลายจุดกําลังจับจ้อ งมาที่เขา,ตรวจสอบทั่วทั้งร่างกายของเขา

เมืองตบหมิงเป็นหนึ่งในสี่มหานคร โรงรับจํานําของตระกูลเฟิงมีกิจการจํานวนมากอย่างแน่นอน

“เครั้ง! เครั้ง! เครั้ง!”

เซี่ยวเฉินเดินนิ่งสงบไปที่ประตูและและกดที่เคาะผระตูเบาๆขณะที่แบกกล่องไม้

“เป็นใครกัน? นี่มันดึกมากแล้ว เจ้ามีอะไรมาจํานําถึงกับไม่ยอมให้พวกเราได้หลับนอน?” ผู้ช่วยร้านเปิดประตูและตําหนพร้อมสายตากึ่งหลับกึ่งตื่น “โรงจํานําผู้นําชัยไม่ได้เปิดกิจการตอนกลางคืน หากเจ้าอยากจะจํานําหรือฝากของ,โปรดกลับมาในวันรุ่งขึ้น”

TL:โรงจํานําน่าจะรับฝากของด้วยครับ

เมื่อเขากล่าวจบ,เขาพยายามจะปิดประตูเซียวเฉินแบกกล่องไม้เอาไว้หนึ่งมือและมือออกข้างเอื้อมไปจับประตู เขายิ้มเบาๆและกล่าว “ไม่เว้นแม้กระทั่งธุรกิจใหญ่?”

ผู้ช่วยร้านกล่าว “ธุรกิจใหญ่? ใหญ่แค่ไหน?”

เซี่ยวเฉินยิ้มโดยไม่กล่าวอะไร เขาใช้แรงเล็กน้อยผลักประตูให้เปิด ผู้ช่วยคนนั้นไม่อาจต้านทานพลังและถูกผลักถอยไปอย่างรวดเร็ว;เห็นชัดว่าเขาอารมณ์เสียแล้ว

เซี่ยวเฉินไม่สนใจและทิ้งกล่องลงกับพื้น

น้ําหนักของหม้อมังกรฟินิกซ์ทําให้พื้นสั่นสะเทือน,ช่วยผู้ร้านคนนั้นตกตะลึง;เขาไม่คาดคิดว่ามันจะหนักถึงเพียงนี้

ผู้เยาว์คนนี้ยกของที่หนักเพียงนี้ได้ด้วยมือเดียวผู้ช่วยร้าน,ผู้ที่กําลังจะไล่เซียวเฉินออกไป,ดึงสีหน้าจริงจังขึ้นในทันทีความงัวเงียของเขาจางหายไปพร้อมกับกล่าวขึ้น “ผู้กล่าตัวน้อย,เจ้ามาที่นี่เพื่อจํานําหรือฝากสิ่งของ

“ฝากของ” เซี่ยวเฉินกล่างง่ายๆ “และซื้อของ”

ผู้ช่วยร้านยิ้มอย่างขมขื่น “น่าเสียดาย,นักประเมินของเรานอนหลับไปแล้ว มันไม่สะดวกที่จะปลกเขาขึ้นมาในเวลานี้”

เซี่ยวเฉินมองในห้องโถงผ่านๆจากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้พิงหลังลงกับกําแพง เขาหยิบเอาหินวิญญาณระดับกลางออกมาหนึ่งก้อนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้สะดวกหรือยัง?”

ในตอนที่ผู้ช่วยร้านเห็นหินวิญญาณระดับกลางที่วางอยู่บนโต๊ะ,ความละโมบวูบไหวในดวงตาของเขาทันทีภายในโรงจํานําของตระกูลเฟิง,แม้แต่ผู้ช่วยร้านก็มีดวงตาหลักแหลม

เป็นธรรมดา,ที่ผู้ช่วยร้านคนนี้จะรู้ว่ามันคืออะไรมันคือหินวิญญาณระดับกลางหากเอาไปแลกเปลี่ยนเป็นทอง,เขาสามารถใช้ชีวิตหรูหราไปได้จนวันตาย

ผู้ช่วยร้านถือหินวิญญาณระดับกลางเอาไว้และยิ้มขึ้น“แน่นอน! แน่นอน! ไม่มีปัญหาข้าจะเรียกนักประเมินมาเดี๋ยวนี้”

ขณะที่เขาเริ่มขยับ,เขาก็หยิบเอาหินวิญญาณระดับกลางไปแล้วมันมีแต่ได้กับได้ หากข้าไปปลุกนักประเมิน,ข้าก็ไม่กังวลที่จะถูกดุด่า

ขณะที่เซียวเฉินมองดูผู้ช่วยร้านเดินออกไป,เขารู้สึกเจ็บปวดในใจมีผู้คนมากเกินไปในตอนกลางวันเขาเป็นกังวลว่าข่าวมันจะกระจายออกไป การใช้หินวิญญาณระดับกลางหนึ่งก่อนช่วยอ่านวยความสะดวกก็ถือว่าคุ้มค่า
ในเวลาเพียงกาน้ําเดือด,มีเสียงฝีเท้าดังมาจากม่านด้านหลังของห้องโถง
ผู้ช่วยร้านคนก่อนหน้านี้นําทางผู้เฒ่าผู้หนึ่งเข้ามาผู้เฒ่าผู้นี้สวมชุดคลุมยาวสีเทา;การก้าวเดินของเขามั่นคง,สายตาเป็นประกายโลหิตและฉีของเขาเฟื่องฟเขาไม่รู้สึกถึงความชราแม้แต่น้อย

ผู้เฒ่าเดินมาถึงตรงหน้าของเซียวเฉินและคํานับมือเขายิ้มและกล่าว “แซ่อันต่ําต้อยของข้าคือหวงข้าเป็นหัวหน้านักประเมินของผู้นําชัยแห่งนี้ข้ายังไม่ทราบชื่ออันสูงส่งของผู้กล้าน้อยเลย”

ผู้ที่หยิบหินวิญญาณระดับกลางมาโยนเล่นได้นับว่าหายากขณะที่ผู้เฒ่ากล่าว,เขาตรวจตรองเซี่ยวเฉินอย่างละเอียดเขาอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางด้วยอายุเพียงเท่านี้แต่อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้นับว่าแปลกหรือหายากนัก

ผู้เยาว์ผู้นี้นับได้ว่ามีพรสวรรค์โดดเด่น แต่ก็หาคนเช่นนี้ได้ในทุกที่อย่างไรก็ตาม ผู้เฒ่าสัมผัสได้ถึงกระแสพลังอันตราย

ผู้เฒ่าผู้นี้ติดอยู่ที่จุดยอดของระดบขอบเขตกษัตรยยุทธขั้นต้นมานานแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม,เขาได้ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการประเมินโบราณวัตถุและชะลอการบ่มเพาะพลังของเขาลง

ผู้เยาว์ผู้นี้ซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง ผู้เฒ่าประเมินอยู่ในใจของเขา

เซี่ยวเผอินคํานับมือและยิ้มขึ้น “ข้าไม่กล้าเอ่ยอ้างว่ามีอันสูงส่ง;เรียกข้าเยู่เฉิน ข้าขออภัยที่รบกวนอาจารย์หวง,แต่ท่าช่วยดูของชิ้นนี้ให้ข้าได้หรือไม่,ข้าอยากจะฝากมันเอาไว้สักระยะหนึ่ง”

หลักการของโรงจํานําสําหรับการรับฝากของจะคิดตามมูลค่าของสิ่งที่ฝาก สําหรับการตรวจสอบมูลค่าของสิ่งของ,มันขึ้นอยู่กับการตัดสินและความรู้ของผู้ประเมิน

ตามจริง,จากการเอาหม้อมังกรฟินิกซ์มาฝาก,เซี่ยวเฉินก็อยากจะรู้ว่าเขาจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์บ้างหรอไม่

อาจารย์หวงพยักหน้าเล็กน้อย เซียวเฉินดีดนิ้วและยิงคลื่นพลังงานออกไปกล่องไม้ทั้งสี่ด้านเปิดออกในทันที,เผยให้เห็นหม้อมังกรฟินิกซ์

มังกรและนกฟินิกซ์ที่สลักอยู่บนหม้อช่างดูสดใส พวกมันเข้ากันกันและกันอย่างกระหาย หม้อ ใบนี้ปลดปล่อยกระบี่พลังที่เรียบง่ายและหนักอึ้ง

ในตอนที่หม้อมังกรฟินิกซ์ปรากฏต่อหน้าของอาจารย์หวง,เขานิ่งมุ่งไปในทันที สีหน้าของเขายิ่งกลายเป็นจริงจัง;กร้ามของมันตกลงมา เขากล่าวตะกุกตะกัก “หม้อ…มังกรฟินิกซ์,มันเป็นหม้อมังกรฟินิกซ์เลียนแบบหนึ่งในสามใบมัน…มัน…มาอยู่กับเจ้าได้อย่างไร?”

เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นผู้เฒ่าหน้าเปลี่ยนสี,เขาครุ่นคิดกับตัวเอง,ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องดีๆให้ได้ชม”

เซี่ยวเฉินลุกขึ้นและถาม “ผู้เฒ่ารู้จักหม้อใบนี้?”

อาจารย์หวงฟื้นคืนสติ:เขารู้ว่าเขาทําตัวเสียมารยาทไปเขายิ้มอย่างขออภัยและกล่าว“หม้อ มังกรฟีนิกซ์ต้นแบบได้หายสาบสูญไปนานแล้ว:มีเพียงของเลียนแบบสามใบที่หลงเหลืออยู่ในโลกใบนี้ตระกูลเฟิงได้ตามหาหม้อใบนี้มากกว่าหนึ่งพันปีข้าไม่คาดคิดว่ามันจะตกมาอยู่ในมือของน้องชายตัวน้อย”

ความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นในใจของเซียวเฉิน,เป็นไปได้ว่าตระกูลเพิ่งเข้าใจถึงวิธีการหลอมสมบัติลับ? หรือเขาจะมีทุกอย่างแล้วยกเว้นแต่หม้อมังกรฟีนิกซ์ใบนี้?

“ผู้กล้าเย่เฉิน,ข้าขออวดดีที่กล่าวถาม;ท่านจะข้าหม้อใบนี้หรอทไม่? หากท่านขาย,ตระกูลเฟิงจะจ่ายในราคาที่ท่านต้องการ” อาจารย์หวงหันมาและถามขึ้นเบาๆ

เซียวเฉินพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้หม้อใบนี้มา เป็นธรรมดา,ที่เขาจะไม่ขายมัน เขาส่ายหัวและถามขึ้น“ขออภัย:ข้าจะฝากมันเอาไว้เพียงเท่านั้น,ไม่มีการขายท่านผู้เฒ่ารู้อะไรเกี่ยวกับมัน?เล่าให้ผู้น้อยฟังได้หรือไม่?”

ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของอาจารย์หวง เขายิ้มอ่อนโยนและกล่าว “ข้าเพียงจําหม้อใบนี้ได้ ข้าจะไปรู้ความลับอะไรของมัน? ผู้กล้าน้อยเย่หวังกับข้าสูงเกินไป”

สายตาของเซียวเฉินเฉียบคมเขาสามารถมองเห็นท่าทางทั้งหมดของผู้เฒ่าและรู้ว่าผู้เฒ่าปฏิเสธที่จะเล่าให้เขาฟังดังนั้นเขาจึงไม่อาจไปใส่ใจ เขากล่าว “เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร, ในเมื่อท่านผู้เฒ่าไม่ยินดีจะเล่าให้ข้าฟัง บอกราคาข้ามาข้าตั้งใจจะฝากหม้อใบนี้เอาไว้เป็นเวลาหนึ่งปี”

อาจารย์หวงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าย “ห้าหมื่นหินวิญญาณระดับต่ํา,ท่านว่าเช่นไร? เกไม่เช่นนั้นยังมีอีกหนทางหนึ่งท่านสามารถให้ตระกูลเฟิงของพวกเรายมหม้อใบนี้,และท่านสามารถเรียกมันคืนได้ทุกเวลา”

“เช่นนี้,ไม่เพียงแต่พวกเราจะไม่เรียกราคาจากท่าน,แต่พวกเราจะจ่ายท่านหนึ่งแสนหินวิญญาณระดับต่าต่อหนึ่งปี”

เซียวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและเขาเขาได้ตัดสินใจ เขากล่าว “พวกเราทําเช่นนั้นก็ได้,แต่ข้าอยากจะพูดคุยเรื่องนี้กับนายน้อยหญิงของท่านก่อน”

เซี่ยวเฉินมีความคิดหนึ่งอยู่ในใจ แม้ว่าเขาจะมีหม้อมังกรฟินิกซ์และเปลวเพลิงจันทรา,แต่เขาไม่รู้ถึงวิธีหลอมสมบัติลับเขาอาจจะต้องเก็บมันเอาไว้เป็นเวลานานก่อนที่เขาจะได้เบาะแสอะไร

เขาอาจจะมอบมันให้กับเฟิงเฟยเสวี่ยแลกเปลี่ยนกับวิธีการหลอมสมบัติลับหลังจากนั้นเขาจะให้พวกเขาใช้หม้อมังกรฟินิกซ์ได้ระยะเวลาหนึ่งโดยไม่คิดค่าใช้

นี่นับได้ว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณให้กับเฟิงเฟยเสวี่ยมีสิ่งอื่นที่สําคัญกว่านั้น ตามจริง,เซี่ยวเฉินอยากจะพบกับนาง

เซี่ยวเฉินมีความรู้สึกว่า หลังจากที่เขากลับไปที่ศาลากระปสวรรค์, เขาจะออกไปจากอาณาจักรต้าฉันในเร็วๆนี้

เซี่ยวเฉินตอบรับข้อตกลงของเฟิงเฟยเสวีย,แต่เขาไม่เห็นนางเรียกหาเขาแต่อย่างใดกลับกัน,นางได้ส่งองค์หญิงหยิงเยวมาครั้งหนึ่ง แต่กระนั้น,เขาก็ไม่ได้คําอธิบายที่ชัดเจน

เซียวเฉินไม่รู้ว่าเมื่อใดที่เขาจะกลับมาหลังจากออกไปจากอาณาจักรต้าฉัน เขาน่าจะใช้โอกาสนี้ในการพูดคุยกับเฟิงเฟยเสวี่ยให้ชัดเจน

เมื่ออาจารย์หวงได้ยินคําของเซียวเฉิน,เขานิ่งอึ้งไปเล็กน้อยเขารู้สึกว่าเขาตกอยู่ในสถานการณ์ยากลําบากและกล่าว “เกี่ยวกับเรื่องนี้,ผู้กล้าน้อยเย่…ตระกูลเฟิงมีธุรกิจใหญ่โตโรงจํานําผู้นําชัยเป็นเพียงส่วนเล็กน้อย มันจะเป็นการเสียมารยาทที่ข้าจะเชิญแม่นางเพิ่งมาที่นี่นอกจากนั้นผู้เฒ่าผู้นี้มีสิทธิตัดสินใจในหม้อใบนี้”

แน่นอน,ร้านค้าของตระกูลเฟิงกระจายอยู่ทั่วทั้งทวีป แม้ว่าหม้อมังกรฟินิกซ์จะสําคัญ,แต่ไม่มีความจําเป็นที่จะเชิญเฟิงเฟยเสวี่ยมาเพราะเรื่องนี้ นอกจากนั้น,เฟิงเฟยเสวี่ยเดินทางไปทั่วทวีป เพื่อดําเนินการธุรกิจของตระกูลเฟิง

นอกเสียจากจะมีกําหนดการพิเศษ,มันจะเป็นการยากที่จะรู้ได้ว่านางอยู่ที่ไหน ด้วยตัวตนของอาจารหวง,มันจะเป็นการยากที่จะเชิญนางมา

อาจารย์หวงอธิบายถึงความยากทั้งหมดให้กับเซียวเฉินอย่างชัดเจน เซียวเฉินครุ่นคิดเกี่ยวกับมันและกล่าว “เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ไม่เป็นไร จะฝากหม้อมังกรฟินิกซ์เอาไว้ที่นี่หากท่านสามารถนัดหมายกับเฟิงเฟยเสวี่ย,เช่นนั้นข้าจะตกลงเกี่ยวกับการให้ตระกูลเฟิงยืมหม้อใบนี้”

เมื่ออาจารย์หวงได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาเปลี่ยน; หากรู้สึกเสียดายอย่างไม่น่าเชื่อ

ขณะที่อาจารย์หวงกําลังจะกล่าวอะไรเพื่อโน้มน้าวเขา,เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ รอยยิ้มกลับมาเติบเต็มใบหน้าของเขาอีกครั้งพร้อมกับเขาถามขึ้นอย่างคาดหวัง “ผู้กล้าน้อยเย่,ขอข้าถามได้หรือไม่,ท่านใช่เย่เฉินจากยอดเขาจึงหยุนแห่งศาลากระบี่สวรรค์ใช่หรือไม่?”

เซียวเฉินประหลาดใจเล็กน้อย เขาพยักหน้าและหยิบเอาเหรียญแสดงตนออกมายืนยันตัวตนของเขา เขาถาม “มีอะไร? หรืออาจารย์หวงจะจ่าข้าได้?”

อาจารย์หวงยิ้มและกล่าว “นายน้อยเย่, อย่าถามข้าเช่นนั้น หากท่านเชื่อข้าน้อย,ท่านสามารถทิ้งหม้อมังกรฟินิกซ์เอาไว้ที่นี่ได้ก่อน หากท่านกลับมาที่นี่ประมาณเที่ยงคืนของวันพรุ่งนี้ ท่านน่า จะสามารถพบแม่นางเฟิง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+