Immortal and Martial Dual Cultivation 231 คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิ

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 231 คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation

ตอนที่ 231 คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิ

“บูม!”

 

ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังครุ่นคิด,มีดอกไม้ไฟรุ่งโรจน์พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอันมืดมิดของเทือกเขาหลิงหยุน ดอกไม้ไฟแพรวพราวทะยานขึ้นสูงถึงหมื่นเมตรภายในพริบตา

 

ดอกไม้ไฟแตกตัวและกลายไปเป็นภาพร่างของบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งจักรพรรดิกระบี่ มันควบรวมอยู่บนท้องฟ้ายามค่ําคืนจากมัน ก็แตกตัวในนาทีต่อมาเปลี่ยนไปเป็นละอองแสงนับพันที่ดูราวกับอุกกาบาต,บินลอยออกไปทั่วสารทิศ

บ้างก็ลอยไปได้พันเมตร,และร่วงหล่นบ้างก็ไม่ได้แตกตัว แม้จะลอยไปไกลหลายหมื่นเมตร ทันใดนั้นเอง สัญญาณนี้ก็กระจายออกไปทั่วทั้งอาณาจักรต้าฉัน

 

“คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิ!” เซี่ยวกล่าวอย่างตกตะลึงและหยุดความคิดพร้อมกับจ้องมองไปยังดอกไม้ไฟที่กําลังแตกตัวบนท้องฟ้า

 

มันเป็นคําสั่งเรียกชุมนุมระดับสองของศาลากระบี่สวรรค์ มันเป็นรองเพียงคําสั่งชุมนุมกระบี่สวรรค์ที่เรียกใช้ออกมาต่อเมื่อนิกายมีหายนะถึงขั้นล่มสลาย คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิที่ลั่นออกไปครอบคลุมทั่วทั้งอาณาจักรต้าฉิน

 

สานุศิษย์ทั้งหมดที่พกเหรียญแสดงตนของศาลากระบี่สวรรค์,ไม่ว่าจะอยู่ในที่แห่งใดก็ตามหรือหากพวกเขาอยู่ระหว่างการฝึกฝน, พวกเขาจะได้รับสัญญาณนี้และมุ่งตรงกลับมาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้

 

ในรอบพันปีที่ผ่านมา,ศาลากระบี่สวรรค์ได้เรียกใช้คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิเพียงสองครั้ง แม้แต่ระหว่างภัยพิบัติเมื่อยี่สิบปีก่อน,ศาลากระบี่สวรรค์ก็ไม่ได้เรียกใช้คําสั่งชุมนุมใดๆ

เกิดอะไรขึ้นกันแน่ศาลากระบี่สวรรค์ถึงได้เรียกใช้คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิ? ผู้คนนับไม่ถ้วนภายในอาณาจักรต้าฉินต่างครุ่นคิดถึงคําถามเดียวกับเซี่ยวเฉิน

 

ในช่วงเช้าของวันต่อมา,หลิวสุยเฟิงและเซี่ยวเฉินชีวิหคสีเขียวมุ่งหน้าไปยังลานฝึกฝนของฐานส่องสวรรค์เพื่อเข้าร่วมการทดสอบ ในครั้งนี้,หลิวสุยเฟิงไม่ได้ไปผิดทาง;พวกเขามุ่งหน้ามาถึงลานฝึกฝนได้ภายในหนึ่งชั่วโมง

เดิมที่, พวกเขาคิดว่าพวกเขามาก่อนเวลาแล้ว ใครจะรู้ว่าอีกสิบแปดคนที่ผ่านการทดสอบด่านที่สองได้มารวมตัวกันยืนอยู่อยู่พักนึงแล้ว? ไม่เพียงแค่นั้นผู้ชมบนที่นั่งคนดูก็แน่นขนัดเช่นกัน

 

มองผ่านๆ สามารถมองเห็นกลุ่มคนหนาแน่นไปทั่วทุกที่ นับหยาบๆอย่างน้อยที่สุดก็สามถึงสี่พันคนสานุศิษย์ชั้นในส่วนใหญ่ของศาลากระบี่สวรรค์มารวมตัวกันที่นี้

นอกจากสานุศิษย์ชั้นใน,ยังมีสานุศิษย์แก่นกลางอีกกลุ่มใหญ่ รวมถึงผู้สืบทอดที่แท้จริง พวกเขานั่งอยู่บนศาลาที่จัดอยู่เหนือขึ้นไปอีกรูบรรยากาศดูยิ่งใหญ่

เซี่ยวเฉินสับสนเขาหันไปถามหลิวสุยเฟิงด้วยเสียงค่อย “เกิดอะไรขึ้น? ทําไมคนถึงมากันเยอะขนาด? นี่มันมากกว่าสองเท่าจากครั้งก่อนเสียอีก”

 

หลิวสุยเฟิงตอบกลับด้วยเสียงค่อยเช่นกัน “เจ้าเห็นคําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิเมื่อวานหรือไม่?”

 

เซี่ยวเฉินพยักหน้า “ข้าเห็นแล้ว อย่างไรก็ตามคําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิเกี่ยวอะไรกับการทดสอบในวันนี้?”

 

แน่นอนว่าคําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิเป็นเรื่องใหญ่ ในมุมมองที่ศาลากระบี่สวรรค์เป็นหนึ่งในนิกายชั้นแนวหน้าของอาณาจักรต้า ฉิน มันจัดว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ศาลากระบี่สวรรค์เรียกใช้คําสั่งชุมนุมก ระบี่จักรพรรดิออกมา

 

อย่างไรก็ตาม,แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการทดสอบศิษย์แก่นกลาง? ด่านปฐมบทจบลงไปเรียบร้อยแล้วและในวันนี้มีเพียงด่านสนามประลอง ในความคิดเห็นของเซี่ยวเฉิน,มันไม่น่าจะมีปัญหาที่จะคว้าอันดับหนึ่งจากทั้งสิบเก้าคนที่เหลือ

 

แม้ว่าเขาจะสนุกที่ได้ประมือกับจางเลี่ยและมู่เหิง,แต่เซี่ยวเฉินก็ไม่ได้ทุ่มสุดตัว ในการดวลเดี่ยว,เขามั่นใจว่าจะจบการประลองลงได้ภายในสิบกระบวณท่า

 

ด้วยผลการประลองที่น่าจะตายตัวแน่แล้วเป็นธรรมดาที่จะไม่มีใครมาสนใจเข้าชม อย่างไรก็ตาม,ไม่เพียงผู้ชมจะลดน้อยถอยลง แต่ยังเพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อสามวันก่อนอย่างเห็นได้ชัด

 

หลิวสุยเฟิงทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้ “ใช่แล้ว เจ้าฝึกฝนอยู่ตลอดสามวันที่ผ่านมา ดังนั้นเจ้าคงไม่รู้ว่าเกิดอพไรขึ้นบ้างข้างนอก เจ้าจะเข้าใจเองหลังจากข้าเล่าให้ฟัง”

 

“ในวันที่สองหลังจากการทดสอบจบลง,ฐานส่องสวรรค์ได้ประกาศออกมาล่วงหน้า โถงหลักจะเรียกรวมสานุศิษย์แก่นกลางที่ฝึกฝนอยู่ภายนอกกลับมาทั้งหมด ในวันนี้,พวกเขาจะมีการประลองจัดอันดับเพื่อเลือกศิษย์แก่นกลางที่แข็งแกร่งที่เก้าสิบคน ดังนั้น มันเป็นเหตุผลหลักที่ดึงดูดผู้คนเข้ามาในวันนี้”

 

เกิดอะไรขึ้นพวกเขาถึงได้เรียกรวมสานุศิษย์แก่นกลางทั้งหมดกลับมา? เซี่ยวเฉินสงสัย, รู้สึกงุนงง อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้เป็นกังวละมันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะเร่งมุ่งหน้ากลับมาภายในหนึ่งคืน

ทุกเมืองใหญ่ภายในอาณาจักรต้าฉิน,มีสถานีขนส่งที่บินตรงเข้ามาที่ศาลากระบี่สวรรค์ ตราบใดที่พวกเขาจ่ายหินวิญญาณเป็นจํานวนมาก,พวกเขาจะสามารถกลับมาที่ศาลากระบี่สวรรค์ได้ภายในครึ่งวัน

ที่เซี่ยวเฉินยังคิดไม่ตกก็คือทําไมการทดสอบศิษย์แก่นกลางถึงได้ จัดขึ้นมาในวันเดียวกับการประลองจัดอันดับสานุศิษย์แก่นกลาง

 

เซี่ยวเฉินถาม “ประกาศนั้นบอกหรือไม่ว่าทําไมพวกเขาถึงคัดเลือกศิษย์แก่นกลางเก้าสิบคน?”

 

หลิวสุยเฟิงส่ายหัวและกล่าวขึ้น “มันไม่ได้บอก นี่จะต้องเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่มาก มิฉะนั้น,พวกเขาคงไม่เรียกใช้คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิเพื่อเรียกพวกเขากลับอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ ผู้ที่ไม่เร่งกลับมาภายในวันที่ได้รับคําสั่งจะได้รับโทษหนัก”

 

ขณะที่พวกเขากําลังพูดคุย,มีจุดสีดําหลายจุดปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือลานฝึกฝน ขณะที่จุดสีดําเข้ามาใกล้ฝูงชนพบว่าจุดสีดํามากมายพวกนั้นคือสัตว์อสูรวิญญาณปีกที่กําลังบินเข้ามาอย่างดุดัน

 

สัตว์อสูรวิญญาณเร่งลดระดับลงมาและวนเวียนอยู่เหนือขึ้นไปประมาณหนึ่งร้อยเมตร จากนั้นผู้บ่มเพาะพลังกระโดดลงมาจากพวกมัน และลดจอดบนพื้นอย่างแรงโดยปราศจากการบาดเจ็บ

หลังจากที่พวกเขาลงถึงพื้น,คนพวกนี้ก็มุ่งหน้าไปยังศาลาที่เตรียมไว้สําหรับสานุศิษย์แก่นกลางโดยเฉพาะ สานุศิษย์แก่นกลางที่ไม่ได้ออกไปฝึกฝนภายนอกศาลากระบี่สวรรค์ได้นั่งรออยู่ในนั้นเรียบร้อยแล้ว

 

“นั่นคืออันดับที่สิบแปดบนตารางเมฆาวายุ,หลินหยุนแห่งยอดเขาเชียนด้วน เขาบ่มเพาะทักษะสุริยันเพลิงพิสุทธิ์ ทักษะกระบี่ของเขากดข่มอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากไม่พบเห็นเขามากว่าครึ่งปี ความแข็งแกร่งของเขาดูเหมือนจะเพิ่มขึ้น เขาตอนนี้อยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด”

 

“อันดับสิบหยุนเข่อซิงแห่งยอดเขาสตรีหยก,ข้าสงสัยว่านางบ่มเพาะพลังดริยอ่อนละมุนไปถึงขั้นไหนแล้ว?”

 

“อันดับสองเย่หลิงเฟิงแห่งยอดเขาเทียนเยว่ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน เขาไม่ได้กลับมาที่นี่นับปีได้แล้ว ตอนนี้เขาอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลาง

 

“ข้าสงสัยว่าอันดับหนึ่งมู่หลงชงจะมาด้วยหรือไม่? เขาอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดไปเรียน้อยแล้วเมื่อปีก่อน ข้าสงสัยว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นถึงเพียงใด?”

 

หลังจากนั้น ยังมีคนอยู่จํานวนมากกระโดดลงมาจากสัตว์อสูรวิญญาณ ผู้ชมจําคนเหล่านี้ได้ในทันทีพวกเขาล้วนเป็นสานุศิษย์แก่นกลางที่ครองอันดับหนึ่งร้อย ทุกครั้งที่มีคนเผยเผยตัวออกมา,จะมีเสียงอุทานดังขึ้น

 

ทั้งยี่สิบคนบนลานฝึกฝนทั้งหมดให้ความสนใจไปที่คนกลุ่มนี้ เซี่ยวเฉินเหลียวมองดูและพบว่าคนกลุ่มนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก กระแสพลังของพวกเขาแข็งแกร่งอย่างไม่มีใครเทียบ

พวกเขาส่วนใหญ่อยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้น มีบางคนที่ขึ้นไปถึงระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่าสานุศิษย์แก่นกลางทั้งเก้าสิบคนจะถูกคัดเลือกโดยคนจากร้อยอันดับแรกของเมฆาล่องลอย

 

คนในสิบอันดับแรกก็แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ อันดับแรกจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด? เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง

“ฟู่ ฟิ้ว!”

ทันใดนั้น,มีคลื่นเสียงดังมาจากท้องฟ้า จุดสีดําใกล้เข้ามาในท้องฟ้า:ความรวดเร็วของมันใกล้เคียงกับความเร็วเสียง ขณะมันเคลื่นที่ไปในอากาศ,แรงเสียดเทียนสร้างกําแพงเสียงขึ้นมา,ดังสนั่นไปทั่วทั้งลานฝึกฝน

“ปัง!”

 

ขณะที่บุคคลดังกล่าวอยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งพันเมตร,คลื่นเสียงโซนิคบูมดังก้องในอากาศหลังจากนั้นเขาก็ลงจอดบนพื้น

 

คนผู้นี้สวมชุดคลุมยาวสีขาวจันทร์ รูปร่างหน้าตาของเขายอดเยี่ยม เขาถือกระบี่อยู่ในมือขวา,สงวนกระแสพลังของเขาเอาไว้ ตัวเขามีเสน่ห์บางอย่างพร้อมกับเขาค่อยๆเดินตรงไปที่ศาลา

 

“นั้นมู่หลงชง! มู่หลงชงกลับมาแล้ว! นั้นมันเป็นทักษะเหาะเหิน ข้าจับเดาความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว” ฝูงชนบนที่นั่งผู้ชมทั้งหมดต่างร้องออกมา สานุศิษย์หญิงจํานวนมากขวยเขิน ดวงตาของพวกนางเปล่งประกาย,และหัวใจที่เต้นโครมคราม

 

เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นคนผู้นี้ใบหน้านิ่งสงบของเขาอดไม่ได้ที่จะแสดงอารมณ์หนักอึ้งออกมา

 

แม้ว่าสิบศิษย์อันดับแรกที่เซี่ยวเฉินเห้ฯก่อนหน้านี้จะแข็งแกร่ง,หากพวกเขาประมือกัน,เซี่ยวเฉินมั่นใจว่ามีโอกาสชนะครึ่งครึ่ง

หากเซี่ยวเฉินทุ่มทุกอยู่ที่เขามีแม้แต่อันดับสองเย่หลิงเฟิง,เซี่ยวเฉินมั่นใจว่าเขาจะมีโอกาสชนะหกในสิบส่วน มีเพียงคนผู้นั้นที่เขาไม่อาจเอาชนะได้

 

กับสานุศิษย์รุ่นเยาว์เซี่ยวเฉินเคยพบความรู้สึกเช่นนี้เพียงครั้งเดียว ครั้งแรกที่เขาเจอหลิวหรูเยว่ เป็นไปได้ว่าคนผู้นี้จะเทียบได้กับหลิวหรูเยวตอนที่เขาพบนางตอนแรก?

 

อย่างไรก็ตามเขาเทียบไม่ได้กับหลิวหรูเยวในปัจจุบันอย่างแน่นอน หลิวหรูเยวในตอนนี้เข้าใกล้ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธแล้ว อีกเพียงก้าวเล็กก็จะไปถึงระดับขอบเขตที่ผู้บ่มเพาะพลังรุ่นเยาว์ทั้งหลายใฝ่ฝันถึง นางไร้คู่ต่อสู้ในระดับขอบเขตพลังเดียวกัน

 

แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะมองไม่เห็นถึงระดับพลังของคนผู้นี้,แต่ดูจากกระแสพลังของเขา,สามารถเดาได้ว่าเขาน่าอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง,และยังเหลืออีกยาวไกลกว่าจะถึงขั้นสูงสุด

 

“มู่หลงชง.เขามาจากยอดเขาใด? ทําไมข้าไม่เคยได้ยินใครพูดถึง?” เซี่ยวเฉินถามขึ้นอย่างใคร่รู้

 

เมื่อหลิวสุยเฟิงได้ยินเช่นนั้น เขามีสีหน้าอึดอัดไม่สบายใจ เขากล่าว “เขาเป็นอิสระ,เขาไม่ขึ้นตรงกับยอดเขาใด”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นสีหน้าของหลิวสุยเฟิง,เขาเดาได้ว่ามันเป็นสิ่งที่หลิวสุยเฟิงไม่อยากกล่าวถึง เขาถามขึ้น “เป็นอิสระ? หมายความเช่นไร?”

 

หลังจากเข้าสู่นิกายศาลากระบี่สวรรค์ชั้นใน,สิ่งแนกที่พวกเขาต้องเลือกก็คือยอดเขา หลังจากนั้นถึงจะทําเหรียญแสดงตนขึ้นมา และกลายเป็นศิษย์ชั้นในจะมีคนที่ไม่ขึ้นกับยอดเขาใดได้เช่นไร?

หากเขาไม่ขึ้นกับยอดเขาใดเช่นนั้นเขาเข้ามาทําอะไรในศาลากระบี่สวรรค์? หรือจะเป็นเพราะพลังงานจิตวิญญาณที่หนาแน่นในเทือกเขาหลิงหยุน? จะมีคนที่แปลกประหลาดถึงเพียงนั้น?

ที่เขาเข้ามาในศาลากระบี่สวรรค์,โดยปกติเขาน่าจะให้ความสําคัญกับทักษะบ่มเพาะและทักษะต่อสู้ของแต่ละยอดเขาเป็นอันดับแรก พลังงานจิตวิญญาณที่หนาแน่นควรจะเป็นอันดับสอง

 

หลิวสุยเฟิงหยุดไปชั่วครู่เราวกับว่าเขากําลังติดสินใจบางอย่าง จอกนั้นเขาก็ถอนหายใจและกล่าวขึ้น “ความจริงมู่หลงชงคือศิษย์ ยอดเขาฉิงหยุนของพวกเขาเรา หวังหลง,ผู้ที่พวกเขาพบในห้องสมุด,ก็เคยเป็นศิษย์ยอดเขาฉิงหยุน”

 

เซี่ยวเฉินค่อนข้างประหลาดใจ เขาไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องเช่นนี้อยู่เบื้องหลัง เขาอดไม่ได้ที่จะเหล่มองมู่หลงชงอีกสองสามครั้ง ผู้ที่กําลังเดินไปยังศาลา

 

หลังจากที่สานุศิษย์แก่นกลางทั้งหมดมากันครบ,หัวหน้าผู้คุมสอบก็ค่อยๆเผยตัวเองบนลานฝึกฝน เขามองไปที่เซี่ยวเฉินและคนอื่นที่อยู่ด้านหลังก่อนที่จะกล่าว “พวกเจ้าแต่ละคนจะเข้าปนะลองสิบห้าครั้ง ชัยชนะแต่ละครั้งจะนับเป็นหนึ่งแต้ม พ่ายแพ้ไม่ได้รับแต้ม ผู้ที่ได้แต้มสูงที่สุดจะเป้ฯที่หนึ่งในการทดสอบศิษย์แก่นกลางครั้งนี้ เขาจะได้รับรางวัลหินวิญญาณระดับต่ําหนึ่งพันก้อนและอาวุธวิญญาณระดับปฐพีขั้นต่ํา”

“อีกเก้าอันดับจะได้รางวัลอย่างเดียวกันคือหินวิญญาณระดับต่ําห้าร่อยก้อนและอาวุธวิญญาณระดับลึกล้ําขั้นสูง ขณะเดียวกัน, อันดับของสิบอันดับแรกในโถงจัดอันดับจะถูกเลื่อนขึ้นไปอีกหนึ่งร้อยอันดับ

รางวัลในครั้งนี้มากกว่าการทดสอบปีก่อนถึงห้าเท่า แต่เซี่ยวเฉินไม่ได้ไปสนใจ ไม่ว่าจะเป็นหินวิญญาณหรืออาวุธวิญญาณ,เขาไม่ได้ต้องการอะไรนัก

สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้คือเม็ดยาเสริมกายระดับ 6 กับสูงกว่าหรือสมบัติลับที่สามารถเสริมร่างกายของเขาได้ นอกเหนือจากนั้น,เขาต้องการทักษะบ่มเพาะพลังที่เน้นไปทางการฝึกฝนร่างกายเป็นพิเศษ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 231 คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิ

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 231 คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation

ตอนที่ 231 คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิ

“บูม!”

 

ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังครุ่นคิด,มีดอกไม้ไฟรุ่งโรจน์พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอันมืดมิดของเทือกเขาหลิงหยุน ดอกไม้ไฟแพรวพราวทะยานขึ้นสูงถึงหมื่นเมตรภายในพริบตา

 

ดอกไม้ไฟแตกตัวและกลายไปเป็นภาพร่างของบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งจักรพรรดิกระบี่ มันควบรวมอยู่บนท้องฟ้ายามค่ําคืนจากมัน ก็แตกตัวในนาทีต่อมาเปลี่ยนไปเป็นละอองแสงนับพันที่ดูราวกับอุกกาบาต,บินลอยออกไปทั่วสารทิศ

บ้างก็ลอยไปได้พันเมตร,และร่วงหล่นบ้างก็ไม่ได้แตกตัว แม้จะลอยไปไกลหลายหมื่นเมตร ทันใดนั้นเอง สัญญาณนี้ก็กระจายออกไปทั่วทั้งอาณาจักรต้าฉัน

 

“คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิ!” เซี่ยวกล่าวอย่างตกตะลึงและหยุดความคิดพร้อมกับจ้องมองไปยังดอกไม้ไฟที่กําลังแตกตัวบนท้องฟ้า

 

มันเป็นคําสั่งเรียกชุมนุมระดับสองของศาลากระบี่สวรรค์ มันเป็นรองเพียงคําสั่งชุมนุมกระบี่สวรรค์ที่เรียกใช้ออกมาต่อเมื่อนิกายมีหายนะถึงขั้นล่มสลาย คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิที่ลั่นออกไปครอบคลุมทั่วทั้งอาณาจักรต้าฉิน

 

สานุศิษย์ทั้งหมดที่พกเหรียญแสดงตนของศาลากระบี่สวรรค์,ไม่ว่าจะอยู่ในที่แห่งใดก็ตามหรือหากพวกเขาอยู่ระหว่างการฝึกฝน, พวกเขาจะได้รับสัญญาณนี้และมุ่งตรงกลับมาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้

 

ในรอบพันปีที่ผ่านมา,ศาลากระบี่สวรรค์ได้เรียกใช้คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิเพียงสองครั้ง แม้แต่ระหว่างภัยพิบัติเมื่อยี่สิบปีก่อน,ศาลากระบี่สวรรค์ก็ไม่ได้เรียกใช้คําสั่งชุมนุมใดๆ

เกิดอะไรขึ้นกันแน่ศาลากระบี่สวรรค์ถึงได้เรียกใช้คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิ? ผู้คนนับไม่ถ้วนภายในอาณาจักรต้าฉินต่างครุ่นคิดถึงคําถามเดียวกับเซี่ยวเฉิน

 

ในช่วงเช้าของวันต่อมา,หลิวสุยเฟิงและเซี่ยวเฉินชีวิหคสีเขียวมุ่งหน้าไปยังลานฝึกฝนของฐานส่องสวรรค์เพื่อเข้าร่วมการทดสอบ ในครั้งนี้,หลิวสุยเฟิงไม่ได้ไปผิดทาง;พวกเขามุ่งหน้ามาถึงลานฝึกฝนได้ภายในหนึ่งชั่วโมง

เดิมที่, พวกเขาคิดว่าพวกเขามาก่อนเวลาแล้ว ใครจะรู้ว่าอีกสิบแปดคนที่ผ่านการทดสอบด่านที่สองได้มารวมตัวกันยืนอยู่อยู่พักนึงแล้ว? ไม่เพียงแค่นั้นผู้ชมบนที่นั่งคนดูก็แน่นขนัดเช่นกัน

 

มองผ่านๆ สามารถมองเห็นกลุ่มคนหนาแน่นไปทั่วทุกที่ นับหยาบๆอย่างน้อยที่สุดก็สามถึงสี่พันคนสานุศิษย์ชั้นในส่วนใหญ่ของศาลากระบี่สวรรค์มารวมตัวกันที่นี้

นอกจากสานุศิษย์ชั้นใน,ยังมีสานุศิษย์แก่นกลางอีกกลุ่มใหญ่ รวมถึงผู้สืบทอดที่แท้จริง พวกเขานั่งอยู่บนศาลาที่จัดอยู่เหนือขึ้นไปอีกรูบรรยากาศดูยิ่งใหญ่

เซี่ยวเฉินสับสนเขาหันไปถามหลิวสุยเฟิงด้วยเสียงค่อย “เกิดอะไรขึ้น? ทําไมคนถึงมากันเยอะขนาด? นี่มันมากกว่าสองเท่าจากครั้งก่อนเสียอีก”

 

หลิวสุยเฟิงตอบกลับด้วยเสียงค่อยเช่นกัน “เจ้าเห็นคําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิเมื่อวานหรือไม่?”

 

เซี่ยวเฉินพยักหน้า “ข้าเห็นแล้ว อย่างไรก็ตามคําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิเกี่ยวอะไรกับการทดสอบในวันนี้?”

 

แน่นอนว่าคําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิเป็นเรื่องใหญ่ ในมุมมองที่ศาลากระบี่สวรรค์เป็นหนึ่งในนิกายชั้นแนวหน้าของอาณาจักรต้า ฉิน มันจัดว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ศาลากระบี่สวรรค์เรียกใช้คําสั่งชุมนุมก ระบี่จักรพรรดิออกมา

 

อย่างไรก็ตาม,แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการทดสอบศิษย์แก่นกลาง? ด่านปฐมบทจบลงไปเรียบร้อยแล้วและในวันนี้มีเพียงด่านสนามประลอง ในความคิดเห็นของเซี่ยวเฉิน,มันไม่น่าจะมีปัญหาที่จะคว้าอันดับหนึ่งจากทั้งสิบเก้าคนที่เหลือ

 

แม้ว่าเขาจะสนุกที่ได้ประมือกับจางเลี่ยและมู่เหิง,แต่เซี่ยวเฉินก็ไม่ได้ทุ่มสุดตัว ในการดวลเดี่ยว,เขามั่นใจว่าจะจบการประลองลงได้ภายในสิบกระบวณท่า

 

ด้วยผลการประลองที่น่าจะตายตัวแน่แล้วเป็นธรรมดาที่จะไม่มีใครมาสนใจเข้าชม อย่างไรก็ตาม,ไม่เพียงผู้ชมจะลดน้อยถอยลง แต่ยังเพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อสามวันก่อนอย่างเห็นได้ชัด

 

หลิวสุยเฟิงทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้ “ใช่แล้ว เจ้าฝึกฝนอยู่ตลอดสามวันที่ผ่านมา ดังนั้นเจ้าคงไม่รู้ว่าเกิดอพไรขึ้นบ้างข้างนอก เจ้าจะเข้าใจเองหลังจากข้าเล่าให้ฟัง”

 

“ในวันที่สองหลังจากการทดสอบจบลง,ฐานส่องสวรรค์ได้ประกาศออกมาล่วงหน้า โถงหลักจะเรียกรวมสานุศิษย์แก่นกลางที่ฝึกฝนอยู่ภายนอกกลับมาทั้งหมด ในวันนี้,พวกเขาจะมีการประลองจัดอันดับเพื่อเลือกศิษย์แก่นกลางที่แข็งแกร่งที่เก้าสิบคน ดังนั้น มันเป็นเหตุผลหลักที่ดึงดูดผู้คนเข้ามาในวันนี้”

 

เกิดอะไรขึ้นพวกเขาถึงได้เรียกรวมสานุศิษย์แก่นกลางทั้งหมดกลับมา? เซี่ยวเฉินสงสัย, รู้สึกงุนงง อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้เป็นกังวละมันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะเร่งมุ่งหน้ากลับมาภายในหนึ่งคืน

ทุกเมืองใหญ่ภายในอาณาจักรต้าฉิน,มีสถานีขนส่งที่บินตรงเข้ามาที่ศาลากระบี่สวรรค์ ตราบใดที่พวกเขาจ่ายหินวิญญาณเป็นจํานวนมาก,พวกเขาจะสามารถกลับมาที่ศาลากระบี่สวรรค์ได้ภายในครึ่งวัน

ที่เซี่ยวเฉินยังคิดไม่ตกก็คือทําไมการทดสอบศิษย์แก่นกลางถึงได้ จัดขึ้นมาในวันเดียวกับการประลองจัดอันดับสานุศิษย์แก่นกลาง

 

เซี่ยวเฉินถาม “ประกาศนั้นบอกหรือไม่ว่าทําไมพวกเขาถึงคัดเลือกศิษย์แก่นกลางเก้าสิบคน?”

 

หลิวสุยเฟิงส่ายหัวและกล่าวขึ้น “มันไม่ได้บอก นี่จะต้องเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่มาก มิฉะนั้น,พวกเขาคงไม่เรียกใช้คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิเพื่อเรียกพวกเขากลับอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ ผู้ที่ไม่เร่งกลับมาภายในวันที่ได้รับคําสั่งจะได้รับโทษหนัก”

 

ขณะที่พวกเขากําลังพูดคุย,มีจุดสีดําหลายจุดปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือลานฝึกฝน ขณะที่จุดสีดําเข้ามาใกล้ฝูงชนพบว่าจุดสีดํามากมายพวกนั้นคือสัตว์อสูรวิญญาณปีกที่กําลังบินเข้ามาอย่างดุดัน

 

สัตว์อสูรวิญญาณเร่งลดระดับลงมาและวนเวียนอยู่เหนือขึ้นไปประมาณหนึ่งร้อยเมตร จากนั้นผู้บ่มเพาะพลังกระโดดลงมาจากพวกมัน และลดจอดบนพื้นอย่างแรงโดยปราศจากการบาดเจ็บ

หลังจากที่พวกเขาลงถึงพื้น,คนพวกนี้ก็มุ่งหน้าไปยังศาลาที่เตรียมไว้สําหรับสานุศิษย์แก่นกลางโดยเฉพาะ สานุศิษย์แก่นกลางที่ไม่ได้ออกไปฝึกฝนภายนอกศาลากระบี่สวรรค์ได้นั่งรออยู่ในนั้นเรียบร้อยแล้ว

 

“นั่นคืออันดับที่สิบแปดบนตารางเมฆาวายุ,หลินหยุนแห่งยอดเขาเชียนด้วน เขาบ่มเพาะทักษะสุริยันเพลิงพิสุทธิ์ ทักษะกระบี่ของเขากดข่มอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากไม่พบเห็นเขามากว่าครึ่งปี ความแข็งแกร่งของเขาดูเหมือนจะเพิ่มขึ้น เขาตอนนี้อยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด”

 

“อันดับสิบหยุนเข่อซิงแห่งยอดเขาสตรีหยก,ข้าสงสัยว่านางบ่มเพาะพลังดริยอ่อนละมุนไปถึงขั้นไหนแล้ว?”

 

“อันดับสองเย่หลิงเฟิงแห่งยอดเขาเทียนเยว่ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน เขาไม่ได้กลับมาที่นี่นับปีได้แล้ว ตอนนี้เขาอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลาง

 

“ข้าสงสัยว่าอันดับหนึ่งมู่หลงชงจะมาด้วยหรือไม่? เขาอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดไปเรียน้อยแล้วเมื่อปีก่อน ข้าสงสัยว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นถึงเพียงใด?”

 

หลังจากนั้น ยังมีคนอยู่จํานวนมากกระโดดลงมาจากสัตว์อสูรวิญญาณ ผู้ชมจําคนเหล่านี้ได้ในทันทีพวกเขาล้วนเป็นสานุศิษย์แก่นกลางที่ครองอันดับหนึ่งร้อย ทุกครั้งที่มีคนเผยเผยตัวออกมา,จะมีเสียงอุทานดังขึ้น

 

ทั้งยี่สิบคนบนลานฝึกฝนทั้งหมดให้ความสนใจไปที่คนกลุ่มนี้ เซี่ยวเฉินเหลียวมองดูและพบว่าคนกลุ่มนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก กระแสพลังของพวกเขาแข็งแกร่งอย่างไม่มีใครเทียบ

พวกเขาส่วนใหญ่อยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้น มีบางคนที่ขึ้นไปถึงระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่าสานุศิษย์แก่นกลางทั้งเก้าสิบคนจะถูกคัดเลือกโดยคนจากร้อยอันดับแรกของเมฆาล่องลอย

 

คนในสิบอันดับแรกก็แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ อันดับแรกจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด? เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง

“ฟู่ ฟิ้ว!”

ทันใดนั้น,มีคลื่นเสียงดังมาจากท้องฟ้า จุดสีดําใกล้เข้ามาในท้องฟ้า:ความรวดเร็วของมันใกล้เคียงกับความเร็วเสียง ขณะมันเคลื่นที่ไปในอากาศ,แรงเสียดเทียนสร้างกําแพงเสียงขึ้นมา,ดังสนั่นไปทั่วทั้งลานฝึกฝน

“ปัง!”

 

ขณะที่บุคคลดังกล่าวอยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งพันเมตร,คลื่นเสียงโซนิคบูมดังก้องในอากาศหลังจากนั้นเขาก็ลงจอดบนพื้น

 

คนผู้นี้สวมชุดคลุมยาวสีขาวจันทร์ รูปร่างหน้าตาของเขายอดเยี่ยม เขาถือกระบี่อยู่ในมือขวา,สงวนกระแสพลังของเขาเอาไว้ ตัวเขามีเสน่ห์บางอย่างพร้อมกับเขาค่อยๆเดินตรงไปที่ศาลา

 

“นั้นมู่หลงชง! มู่หลงชงกลับมาแล้ว! นั้นมันเป็นทักษะเหาะเหิน ข้าจับเดาความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว” ฝูงชนบนที่นั่งผู้ชมทั้งหมดต่างร้องออกมา สานุศิษย์หญิงจํานวนมากขวยเขิน ดวงตาของพวกนางเปล่งประกาย,และหัวใจที่เต้นโครมคราม

 

เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นคนผู้นี้ใบหน้านิ่งสงบของเขาอดไม่ได้ที่จะแสดงอารมณ์หนักอึ้งออกมา

 

แม้ว่าสิบศิษย์อันดับแรกที่เซี่ยวเฉินเห้ฯก่อนหน้านี้จะแข็งแกร่ง,หากพวกเขาประมือกัน,เซี่ยวเฉินมั่นใจว่ามีโอกาสชนะครึ่งครึ่ง

หากเซี่ยวเฉินทุ่มทุกอยู่ที่เขามีแม้แต่อันดับสองเย่หลิงเฟิง,เซี่ยวเฉินมั่นใจว่าเขาจะมีโอกาสชนะหกในสิบส่วน มีเพียงคนผู้นั้นที่เขาไม่อาจเอาชนะได้

 

กับสานุศิษย์รุ่นเยาว์เซี่ยวเฉินเคยพบความรู้สึกเช่นนี้เพียงครั้งเดียว ครั้งแรกที่เขาเจอหลิวหรูเยว่ เป็นไปได้ว่าคนผู้นี้จะเทียบได้กับหลิวหรูเยวตอนที่เขาพบนางตอนแรก?

 

อย่างไรก็ตามเขาเทียบไม่ได้กับหลิวหรูเยวในปัจจุบันอย่างแน่นอน หลิวหรูเยวในตอนนี้เข้าใกล้ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธแล้ว อีกเพียงก้าวเล็กก็จะไปถึงระดับขอบเขตที่ผู้บ่มเพาะพลังรุ่นเยาว์ทั้งหลายใฝ่ฝันถึง นางไร้คู่ต่อสู้ในระดับขอบเขตพลังเดียวกัน

 

แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะมองไม่เห็นถึงระดับพลังของคนผู้นี้,แต่ดูจากกระแสพลังของเขา,สามารถเดาได้ว่าเขาน่าอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง,และยังเหลืออีกยาวไกลกว่าจะถึงขั้นสูงสุด

 

“มู่หลงชง.เขามาจากยอดเขาใด? ทําไมข้าไม่เคยได้ยินใครพูดถึง?” เซี่ยวเฉินถามขึ้นอย่างใคร่รู้

 

เมื่อหลิวสุยเฟิงได้ยินเช่นนั้น เขามีสีหน้าอึดอัดไม่สบายใจ เขากล่าว “เขาเป็นอิสระ,เขาไม่ขึ้นตรงกับยอดเขาใด”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นสีหน้าของหลิวสุยเฟิง,เขาเดาได้ว่ามันเป็นสิ่งที่หลิวสุยเฟิงไม่อยากกล่าวถึง เขาถามขึ้น “เป็นอิสระ? หมายความเช่นไร?”

 

หลังจากเข้าสู่นิกายศาลากระบี่สวรรค์ชั้นใน,สิ่งแนกที่พวกเขาต้องเลือกก็คือยอดเขา หลังจากนั้นถึงจะทําเหรียญแสดงตนขึ้นมา และกลายเป็นศิษย์ชั้นในจะมีคนที่ไม่ขึ้นกับยอดเขาใดได้เช่นไร?

หากเขาไม่ขึ้นกับยอดเขาใดเช่นนั้นเขาเข้ามาทําอะไรในศาลากระบี่สวรรค์? หรือจะเป็นเพราะพลังงานจิตวิญญาณที่หนาแน่นในเทือกเขาหลิงหยุน? จะมีคนที่แปลกประหลาดถึงเพียงนั้น?

ที่เขาเข้ามาในศาลากระบี่สวรรค์,โดยปกติเขาน่าจะให้ความสําคัญกับทักษะบ่มเพาะและทักษะต่อสู้ของแต่ละยอดเขาเป็นอันดับแรก พลังงานจิตวิญญาณที่หนาแน่นควรจะเป็นอันดับสอง

 

หลิวสุยเฟิงหยุดไปชั่วครู่เราวกับว่าเขากําลังติดสินใจบางอย่าง จอกนั้นเขาก็ถอนหายใจและกล่าวขึ้น “ความจริงมู่หลงชงคือศิษย์ ยอดเขาฉิงหยุนของพวกเขาเรา หวังหลง,ผู้ที่พวกเขาพบในห้องสมุด,ก็เคยเป็นศิษย์ยอดเขาฉิงหยุน”

 

เซี่ยวเฉินค่อนข้างประหลาดใจ เขาไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องเช่นนี้อยู่เบื้องหลัง เขาอดไม่ได้ที่จะเหล่มองมู่หลงชงอีกสองสามครั้ง ผู้ที่กําลังเดินไปยังศาลา

 

หลังจากที่สานุศิษย์แก่นกลางทั้งหมดมากันครบ,หัวหน้าผู้คุมสอบก็ค่อยๆเผยตัวเองบนลานฝึกฝน เขามองไปที่เซี่ยวเฉินและคนอื่นที่อยู่ด้านหลังก่อนที่จะกล่าว “พวกเจ้าแต่ละคนจะเข้าปนะลองสิบห้าครั้ง ชัยชนะแต่ละครั้งจะนับเป็นหนึ่งแต้ม พ่ายแพ้ไม่ได้รับแต้ม ผู้ที่ได้แต้มสูงที่สุดจะเป้ฯที่หนึ่งในการทดสอบศิษย์แก่นกลางครั้งนี้ เขาจะได้รับรางวัลหินวิญญาณระดับต่ําหนึ่งพันก้อนและอาวุธวิญญาณระดับปฐพีขั้นต่ํา”

“อีกเก้าอันดับจะได้รางวัลอย่างเดียวกันคือหินวิญญาณระดับต่ําห้าร่อยก้อนและอาวุธวิญญาณระดับลึกล้ําขั้นสูง ขณะเดียวกัน, อันดับของสิบอันดับแรกในโถงจัดอันดับจะถูกเลื่อนขึ้นไปอีกหนึ่งร้อยอันดับ

รางวัลในครั้งนี้มากกว่าการทดสอบปีก่อนถึงห้าเท่า แต่เซี่ยวเฉินไม่ได้ไปสนใจ ไม่ว่าจะเป็นหินวิญญาณหรืออาวุธวิญญาณ,เขาไม่ได้ต้องการอะไรนัก

สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้คือเม็ดยาเสริมกายระดับ 6 กับสูงกว่าหรือสมบัติลับที่สามารถเสริมร่างกายของเขาได้ นอกเหนือจากนั้น,เขาต้องการทักษะบ่มเพาะพลังที่เน้นไปทางการฝึกฝนร่างกายเป็นพิเศษ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+