Immortal and Martial Dual Cultivation 305 ส่วนที่หลงเหลือของสาขานิกายหลี่เพลิง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 305 ส่วนที่หลงเหลือของสาขานิกายหลี่เพลิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 305 ส่วนที่หลงเหลือของสาขานิกายห ลี่เพลิง

ทันใดนั้น,สายตาของเซียวเฉินไปสะดุดอยู่ที่สัญญาฉบับหนึ่ง สัญญาภารกิจระดับดําอันนี้เห็นชัดว่าแตกต่างจากอะนอ่าน

ด้านหลังของหัวกระดาษ มีการเพิ่มดาวสีดํามาห้าดวง ห้าดาวแสดงถึงความยากของภารกิจภายในภารกิจระดับดํานี่เป็นเป็นความยากสูงที่
สุด

ภารกิจที่ยากที่สุดที่เชี่ยวเฉินทํามาในตลอดสองเดือนก็คือสามดวง ภารกิจนั้นต้องให้เซี่ยวเฉินใช้ความแข็งแกร่งถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ก่อนที่ จะทําได้สําเร็จอย่างยากลําบาก

อย่างไรก็ตาม,รางวัลจากภารกิจห้าดาวนี้มหาศาลยิ่ง มันคือสามพันหินวิญญาณระดับกลาง

ที่สะดุดตาของเซี่ยวเฉินก็คือชื่อของผู้ออกภารกิจนี้ มันคือตัวนมู่ฉิงแห่งตระกูลด้วนมู่จากแคว้นตงหมิง!

รายละเอียดของภารกิจก็อธิบายได้ไม่ชัดเจนมันกล่าวไว้เพียงเป็นภารกิจคุ้มกันและต้องการผู้บ่มเพาะพลังที่ระดัขอบเขตต่ํากว่ากษัตริย์ยุทธเท่านั้น

ในตอนที่เซียวเฉินเห็นภารกิจนี้เขาไม่ลังเลที่จะหยิบมา
ไม่ว่าจะเป็นรางวัลหรือผู้ออกภารกิจเซียวเฉินสนใจเป็นอย่างยิ่งด้วยความแข็งแกร่งของตระ กูลต้วนมู่,พวกเขาถึงกับต้องส่งคําขอมาที่ศาลากระบี่สวรรค์ ภารกิจคุ้มกันนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

นอกจากนั้น เงื่อนไขของภารกิจนี้ก็น่าสนใจผู้ที่รับภารกิจจะต้องอยู่ระดับขอบเขตที่ต่ํากว่ากษัตริย์ยุทธ

เซี่ยวเฉินไขความซับซ้อนนี้ได้อย่างรวดเร็วจุดหมายมันจะต้องมีม่านพลังที่ปิดกั้นไม่ให้ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธหรือสูงกว่าเข้าไป

“น่าสนใจ ภารกิจนี้อาจจะมีอะไรให้ประหลาดใจอย่างคาดไม่ถึง”เซียวเฉินจัดเรียงภารกิจอย่างเหมาะสมและยิ้มขึ้นเขากล่าว“ข้าควรพักผ่อน เสียก่อนในวันนี้และเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น”

แคว้นตงหมิง,เมืองหลวงของเขตซีสู่ย,ตระกูลต้วนมู่ลานหลัก

สําหรับหนึ่งในสองตระกูลชั้นสูงแห่งแคว้นตงหมิง,ตระกูลต้วนม่มีพื้นที่กว่าหลายหมื่นตารางกิโลเมตรมีศาลาและลานจํานวนมากมายมหาศาล

ในตอนนี้,หญิงสาวภูเขาน้ําแข็งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ในห้องโถงหลักสายตาของนางเย็นยะเยือกอย่างไม่น่าเชื่อ;เพียงเหลียวตามองก็เย็นไปถึง กระดูก ผู้นี้คือราชินีแห่งตระกูลต้วนมู่ –ตัวนมู่ฉิง

บางครั้ง,จะมีข้ารับใช้เร่งเข้ามา คนเหล่านี้ไม่กล้าแม้แต่จะเหล่ตามองไปที่ต้วนมู่ฉิงในตอนที่พวกเขาเข้ามาถึง,พวกเขาคุกเข่าลงกับพื้นในทันที
“เรียนท่านหญิง,จีชางคงแห่งตระกูลจากแคว้นหนานหลิงได้มาถึงแล้วเขากําลังรออยู่ที่ ลานด้านหน้า”

“ฮวาหยุนเฟยแห่งตระกูลฮวาจากแคว้นตงหมิงได้มาถึงแล้วเขากําลังรออยู่ที่ลานหน้า”

“ฉ่ฉาวอวิ่น,ศิษย์อันดับหนึ่งแห่งนิกายดาบเงาหมอกได้มาถึงแล้ว เขากําลังรออยู่ที่ลานหน้าเช่นกัน”

“มู่เยี่ยนเสวี่ย,ศิษย์อันดับสองแห่งพระราชวังจิตวิญญาณค่ําคืนได้มาถึงแล้ว นางกําลังรออยู่ที่ลานหน้า”

“หยิงเสี่ยว,ขุนนางกุยยีแห่งตระกูลราชวงศ์ได้มาถึงแล้วเขากําลังรออยู่ที่ลานหน้า”มีทั้งหมดสิบคนเข้ามารายงานก่อนที่จะหยุดลง 4 แต่ละชื่อที่ถูกรายงานคือชื่อของผู้มีอิทธิพลในอาณาจักรต้าฉินพวกเขาเป็นเหล่ารุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นวันนี้พวกเขาทั้งหมดมารวมตัวกันที่ตระกูลชั้นสูงด้วนมู่

หากคนนอกรับรู้ถึงสถานการณ์เช่นนี้,เขาจะต้องตกตะลึงหนักเขาต้องสงสัยว่ากําลังจะเกิดอะไรขึ้น?ตระกูลต้วนมู่รวบรวมอัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้งหมด ภายในอาณาจักรต้าฉิน

ตัวนมู่ฉิงค่อยๆยืนขึ้นและถาม “นอกจากมู่เฉิงเสวี่ย,ผู้ที่กําลังปิดประตูฝึกฝน;มีใครอีกที่ยังมาไม่ถึง?”

หญิงกลางคนที่อยู่ด้านข้างของห้องโถงกล่าว“นอกจากเขาแล้ว มีเพียงมู่หลงชังแห่งศาลากระบี่สวรรค์นอกจากนั้น,ข้าได้ยินมาว่าศาลากระบี่สวรรค์ทําคําเชิญของพวกเราเป็นาวภารกิจ และจ่ายมันออกไป,ราวกับไม่มีอะไร”

ตัวนมู่ฉิงสีหน้าไม่เปลี่ยน นางกล่าวอย่างไม่แยแส “ไม่ต้องไปสนใจมู่หลงชงได้ออกจากศาลากระบี่สวรรค์ไปแล้วพวกเขาจะต้องไม่อาจส่งใครที่เหมาะสมมาได้พวกเขาเหมือนจะส่งใครสักคนมาพอเป็นพิธี

หลังจากที่ต้วนมู่ฉิงกล่าวจบ,นางพากลุ่มสตรีมมีขอบเขตพลังสูงและมุ่งหน้าไปที่ลานด้านหน้า

ก่อนที่ด้วนมู่ฉิงจะมาถึงลานหน้า,นางรู้สึกถึงกระแสพลังอันแข็งแกร่งหลายจุดกําลุงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า,ไม่เปิดทางให้กันและกันพวกมันเข้าร่วมการทํานั่นที่มองไม่เห็นท้องฟ้าถึงกับเผลี้ยน

เหล่าผู้คนที่ได้มาถึงทั้งหมดล้วนเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นเป็นปกติ, ที่พวกเขาจะไม่ยอมให้คนอื่นมากดข่มพวกเขาปลดปล่อยกระแสพลัง ออกมาอย่างจงใจ

ผู้คนนับพันนั่งอยู่ในลานหน้า,แยกออกเป็นคนละมุม คนจากแคว้นตงหมิงนั่งอยู่มุมหนึ่ง;คนจากแคว้นหนานหลิงก็นั่งอยู่มุมหนึ่ง,เช่นเดียวกับคน จากแคว้นซีเหอท้ายที่สุด,เหล่าคนจากราชวงศ์ก็เลือกอยู่อีกมุมหนึ่ง

จากคนนับพัน ผู้ที่มีขอบเขตพลังต่ําที่สุดคือระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง แน่นอน,มีหลายคนที่บรรลุถึงสภาวะพวกเขาสามารถสังหารระดับขอบเขตกษัตริย์ทั่วไปได้อย่างง่ายดาย

มันช่างเงียบเชียบในลานหน้า อย่างไรก็ตามมีความขัดแย้งซ่อนเร้นอยู่ภายในความเงียบสงบนี้ เหล่าทายาทตระกูลชั้นสูงต่างประเมินฝ่ายตรง ข้าม”

ก๊ก! คึก! ก๊ก!”

เสียงฝีเท้าดังก้องมันคือตัวนมู่ฉิงที่กําบังเดินเข้ามาสตรีที่อยู่ด้านข้างของนางเผยรอยยิ้มและกล่าวด้วยเสียงนุ่ม “ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติตระกูลต้วนมู่และตอบรับคําเชิญในครั้งนี้”

ผู้เยาว์ในชุดคลุมยาวสีม่วง,ที่นั่งอยู่สุดทางใต้ของลานหน้า,หัวเราะคิกออกมาสองครั้งเขากล่าว “ฮ่าฮ่า,ข้าไม่ได้ให้เกียรติตระกูลต้วนมู่ข้ามาที่นี่เพื่อแสวงหาโชค”

“ไม่ต้องมากความ! ตัวนมู่ฉิง,บอกพวกเรามาว่าเกิดอะไรขึ้นกับส่วนที่เหลือของนิกายหลี่เพลิงบอกพวกเรามาให้ชัดเจน:ข้าเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ที่ นี้ต่างมาเพื่อแสวงหาโชคกันทั้งนั้น”

ผู้ที่กล่าวออกมาคือซุนเหว่ย เขาเป็นทายาทของตระกูลซุน,หนึ่งในสองตระกูลชั้นสูงแห่งแคว้นหนานหลิงเขาค่อนข้างแข็งแกร่งแต่ชื่อเสียง ของมู่หลงชงและจีชางคงกลบชื่อของเขา ดังนั้น มีน้อยคนที่จะรู้จักเขา

จากที่ซุนเหว่ยกล่าวมา,ไม่น่าประหลาดใจที่ตัวนมู่ฉิงสามารถรวบรวมผู้โดดเด่นเหล่านี้จากอาณาจักรต้าฉันดังนั้นนี่จึงเป็นการหลอกล่อมาด้วยการแสวงหาโชค

หากในสถานการณ์ที่ว่าอัจฉริยะเหล่านี้ออกวิ่งมาจากจุดเริ่มต้นเส้นเดียวกัน,จํานวนการเผชิญ โชคของพวกเขาจึงมีผลต่อระยะทางที่พวกเขาจะก้าวต่อไปได้ไกลแค่ไหน,ว่าพวกเขาจะสามารถโดดเด่นเหนือผู้อื่นได้หรือไม่

พวกเขาหลายคนเคยมีประสบการณ์ในการเผชิญโชค ผลประโยชน์ที่พวกเขาได้รับไม่อาจที่จีมเลือน มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่มา แสดงตัวในวันนี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่อยากมาก็ตาม

ตามเรื่องเล่า,นิกายหลี่เพลิงคือนิกายสุดท้ายที่รู้วิธีการสร้างสมบัติลับที่สมบูรณ์หลังจากที่ราชวงศ์เทียนหวี่ได้ล่มสลายไปจากนั้นมันก็จางหาย ไปอย่างลึกลับตามกาลเวลา

ไม่ต้องพูดถึงการค้นพบวิธีการหลอมสมบัติลับ,เพียงแค่ค้นพบสมบัติลับระดับสูงสองสามนก็จะเร่งความแข็งแกร่งของพวกเขาขึ้นมาได้ อย่างมาก

นอกจากนั้น พวกเขาอาจจะค้นพบทักษะต่อสู้เฉพาะของนิกายหลี่เพลิง นี่จะเพิ่มรวามแข็งแกร่งของพวกเขาขึ้นมหาศาลหนึ่งหมื่นปีก่อน,ตัวตนของนกายหลี่เพลิงยิ่งใหญ่กว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ทักษะต่อสู้ของนิกายจะต้องไม่ ธรรมดา

ตัวนมู่ฉิงมองดูซุนเหว่ยอย่างเย็นชา,แช่แข็งเขาในทันทีจากนั้น,นางก็กล่าวอย่างไม่แยแส “ในตอนที่ทุกคนมากันครบ,ข้าจะพูดถึงเรื่องนี้
เอง”

นี่ทําให้ซุนเหว่ยยุ่งเหยิง เขารีบหมุนเวียนพลังปราณของเขาและขับไอเย็นออกจากหัวใจของเขา

จีชางคง,ผู้ที่อยู่ไม่ไกลออกไป,กล่าวขึ้น “ใครกันที่ยังมาไม่ถึง?มู่หลงชงแห่งศาลากระบี่สวรรค์?”

ข้ารับใช้วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบและกล่าว “รายงานท่านหญิง,ตัวแทนจากศาลากระบี่สวรรค์ได้มาถึงแล้ว”

ตัวนมู่ฉิงกล่าวด้วยเสียงนุ่ม “เชิญเขาเข้ามา

หลังจากที่มาถึงบ้านตระกูลต้วนมู่,เซี่ยวเฉินยื่นสัญญาภารกิจของเขาในไม่ช้า,เขาก็ถูกนําเข้าไปในบ้านจากระยะไกล,เซี่ยวเฉินสามารถสัมผัสได้ถึงกระแสพลังที่กําลังปะทะกันในลานหน้า

ขณะที่เซียวเฉินรอคอย,เขาส่งสัมผัสวิญญาณของเขาออกไปเป็นคลื่นทุกคนที่อยู่ในลานหน้าปรากฏขึ้นในใจของเขาในทันที

เซี่ยวเฉินถอนสัมผัสวิญญาณของเขากลับมาและยิ้มขึ้น “ขุนนางกุยยี่ จีชางคง,ฮวาหยุนเฟย,ต้วนมู่ฉิง,ฉ่ฉาวอวิน,มู่เยียนเสวี่ย…คนคุ้นหน้าคุ้นตาทั้งนั้น”

นอกจากคนพวกนี้แล้ว,เซี่ยวเฉินยังประหลาดใจที่เห็นหุ่นเซ่อซินอยู่ที่นี่ นอกจากพวกเขา เขาไม่คุ้นหน้ากับคนอื่นอีกอย่างไรก็ตามจากชุดเครื่องแบบของพวกเขา เขาสามารถเดาได้ว่าพวกเขาเป็นใครหากไม่ใช่จากสามนิกายใหญ่,พวกเขาต้องมาจากตระกูลชั้นสูง ที่คนที่นี่,อย่างน้อยที่สุด,อยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง

เซี่ยวเฉินรวบรวมความคิดและยิ้ม ค่อยๆไปที่ ละขั้น ข้าจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ข้าสามารถใช้โอกาสนี้ในการทําความเข้าในความแข็ง แกร่งของพวกเขา

โดยไม่ได้รอนานมากนัก,ผู้ที่นําเซียวเฉินเข้ามาก็ส่งต่อคําพูดจากตัวนมาฉิง “นายน้อยเย่,ท่านหญิงหนึ่งเชิญท่านเข้าไป”

เซียวเฉินพยักหน้าและสงบอารมณ์ของเขา จากนั้นเขาก็ค่อยๆเดินเข้าไป “ซิ่ว!”

ในจังหวะที่เชี่ยวเฉินก้าวเข้ามา,เขารู้สึกได้ถึงสายตานับไม่ถ้วนยิงตรงมาจากเขา บ้างก็เหยียดหยัน,บ้างก็ดูถูก,บ้างก็เหยียดหยาม

เซียวเฉินรักษาสีหน้านิ่งสงบและมองไปที่ใบหน้าของทุกคนเขาไม่พบความแปลกประหลาดใจบนใบหน้าของจีชางคงและคนที่เหลือ,ดังนั้น เขาจึงโล่งอก

อย่างไรก็ตาม,การตอบสนองของฉ่ฉาวอวินค่อนข้างจะทําให้เขาประหลาดใจ ฉ่ฉาวอวิน เหลียวมองมาที่เขาและเมินเฉยไปจากนั้นเขาก็หลับตาและพักผ่อน

ในตอนที่เซียวเฉินรู้สึกถึงสายตาของหยุนเข่อซิน,เขาพยักหน้าเล็กน้อย เขาพบว่าขอบเขตพลัง ของนางได้ทะลวงขึ้นสู่ระดับขอบเขตนักบุญนสูงในช่วงเวลาอันสั้น

มันดูเหมือนว่าหยุนเข่อซินจะเข้าใจถึงทักษะมังกรสัญจรอย่างถ่องแท้แล้ว

ทันใดนั้น จากภายในฝูงชน, ซุนเหว่ยหัวเราะออกมาเสียงดังเขาชี้ไปที่เชี่ยวเฉินและกล่าว “น่าขันด้วนมู่ฉิง,เจ้าทําให้พวกเราต้องรอคอยอยู่นานเพื่อขยะชิ้นนี้ ?เขาอยู่เพียงระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางเขาจะต่อสู้เพื่อเผชิญโชคกับพวกเราได้อย่างไร?”

ตัวนมู่ฉิงประหลาดใจอยู่เล็กน้อยเช่นกันนางไม่คาดคิดว่าศาลากระปสวรรค์จะไร้การใส่ใจถึงเพียงนี้ถึงแม้มู่หลงชงจะไม่มาก็ไม่น่าจะยากเย็นที่พวกเขาจะส่งระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดมาสักคน

“ในศาลากระบี่สวรรค์,นอกเสียจากมู่หลงชง,จะมีคู่ต่อสู้คนใดที่คู่ควรได้อีก? มาทางไหนกลับไปทางนั้นซะ”มีเพียงสานุศิษย์ตระกูลราชวงศ์ผู้หนึ่งที่ล้อเลียน

ฮวาหยุนเฟยจากเขตตงหมิงหัวเราะก็หัวเราะขึ้นเย็นชา“แค่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางถึงแม้ว่าเขาจะเข้าไป,เขาก็เพียงเข้าไปตายต้วนมู่ฉิง,เจ้าไม่อาจเชิญชวนบุคคลเช่นนี้, ใช่หรือไม่?”

เรื่องที่เซียวเฉินล้มม่หลงชงลงได้ยังรู้กันเพียงแค่บางกลุ่มในแคว้นซีเหอ ข่าวยังไม่ได้ขยายออกไปในวงกว้าง

จากคนที่อยู่ที่นี่,นอกจากชื่อเฟิงจากตระกูลชื่อ,มู่เยียนเสวี่ย,หยุนเข่อซิน,และอีกสองสามคน,ไม่มีใครอื่นที่รู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเซียวเฉิน

อย่างไรก็ตาม ในตอนที่พวกเขาเห็นคนอื่นดูถูกเซียวเฉิน,พวกเขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรพวกเขาเพียงนิ่งเงียบและมองดูสถานการณ์

ซุนเหว่ยเผยสีหน้าโหดเหี้ยมและกล่าวด้วยเสียงต่ํา“เจ้ายังไม่ไสหัวไป? เช่นนั้นอย่าได้กล่าวโทษข้าที่ลงมือ!”

สายลมรุนแรงพัดผ่านที่ลานหน้า,ทําให้กองใบไม้บินขึ้นไปในอากาศ ซุนเหว่ยกระโดดขึ้นไปและเคลื่อนผ่านใบไม้นับไม่ถ้วนที่กําลังร่วงหล่น,ส่งกําปั้นตรงไปที่เชี่ยวเฉิน

เซี่ยวเฉินรักษาสีหน้านิ่งสงบยิ่ง หัวใจของเขาไร้ทุกข์ไร้สุขเขามองดูซุนเหว่ยกําลังบินเข้ามาทางเข้าด้วยความรวดเร็วและโบกมือเล็กน้อย

พลังงานจิตวิญญาณธาตุสายฟ้าทั้งหมดในอากาศเข้ามารวมตัวกับกลายเป็นลูกบอลเพลิงสีม่วงลุกโชติช่วงมันปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าและยิ่งตรงไปที่ซุนเหว่ย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 305 ส่วนที่หลงเหลือของสาขานิกายหลี่เพลิง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 305 ส่วนที่หลงเหลือของสาขานิกายหลี่เพลิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 305 ส่วนที่หลงเหลือของสาขานิกายห ลี่เพลิง

ทันใดนั้น,สายตาของเซียวเฉินไปสะดุดอยู่ที่สัญญาฉบับหนึ่ง สัญญาภารกิจระดับดําอันนี้เห็นชัดว่าแตกต่างจากอะนอ่าน

ด้านหลังของหัวกระดาษ มีการเพิ่มดาวสีดํามาห้าดวง ห้าดาวแสดงถึงความยากของภารกิจภายในภารกิจระดับดํานี่เป็นเป็นความยากสูงที่
สุด

ภารกิจที่ยากที่สุดที่เชี่ยวเฉินทํามาในตลอดสองเดือนก็คือสามดวง ภารกิจนั้นต้องให้เซี่ยวเฉินใช้ความแข็งแกร่งถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ก่อนที่ จะทําได้สําเร็จอย่างยากลําบาก

อย่างไรก็ตาม,รางวัลจากภารกิจห้าดาวนี้มหาศาลยิ่ง มันคือสามพันหินวิญญาณระดับกลาง

ที่สะดุดตาของเซี่ยวเฉินก็คือชื่อของผู้ออกภารกิจนี้ มันคือตัวนมู่ฉิงแห่งตระกูลด้วนมู่จากแคว้นตงหมิง!

รายละเอียดของภารกิจก็อธิบายได้ไม่ชัดเจนมันกล่าวไว้เพียงเป็นภารกิจคุ้มกันและต้องการผู้บ่มเพาะพลังที่ระดัขอบเขตต่ํากว่ากษัตริย์ยุทธเท่านั้น

ในตอนที่เซียวเฉินเห็นภารกิจนี้เขาไม่ลังเลที่จะหยิบมา
ไม่ว่าจะเป็นรางวัลหรือผู้ออกภารกิจเซียวเฉินสนใจเป็นอย่างยิ่งด้วยความแข็งแกร่งของตระ กูลต้วนมู่,พวกเขาถึงกับต้องส่งคําขอมาที่ศาลากระบี่สวรรค์ ภารกิจคุ้มกันนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

นอกจากนั้น เงื่อนไขของภารกิจนี้ก็น่าสนใจผู้ที่รับภารกิจจะต้องอยู่ระดับขอบเขตที่ต่ํากว่ากษัตริย์ยุทธ

เซี่ยวเฉินไขความซับซ้อนนี้ได้อย่างรวดเร็วจุดหมายมันจะต้องมีม่านพลังที่ปิดกั้นไม่ให้ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธหรือสูงกว่าเข้าไป

“น่าสนใจ ภารกิจนี้อาจจะมีอะไรให้ประหลาดใจอย่างคาดไม่ถึง”เซียวเฉินจัดเรียงภารกิจอย่างเหมาะสมและยิ้มขึ้นเขากล่าว“ข้าควรพักผ่อน เสียก่อนในวันนี้และเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น”

แคว้นตงหมิง,เมืองหลวงของเขตซีสู่ย,ตระกูลต้วนมู่ลานหลัก

สําหรับหนึ่งในสองตระกูลชั้นสูงแห่งแคว้นตงหมิง,ตระกูลต้วนม่มีพื้นที่กว่าหลายหมื่นตารางกิโลเมตรมีศาลาและลานจํานวนมากมายมหาศาล

ในตอนนี้,หญิงสาวภูเขาน้ําแข็งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ในห้องโถงหลักสายตาของนางเย็นยะเยือกอย่างไม่น่าเชื่อ;เพียงเหลียวตามองก็เย็นไปถึง กระดูก ผู้นี้คือราชินีแห่งตระกูลต้วนมู่ –ตัวนมู่ฉิง

บางครั้ง,จะมีข้ารับใช้เร่งเข้ามา คนเหล่านี้ไม่กล้าแม้แต่จะเหล่ตามองไปที่ต้วนมู่ฉิงในตอนที่พวกเขาเข้ามาถึง,พวกเขาคุกเข่าลงกับพื้นในทันที
“เรียนท่านหญิง,จีชางคงแห่งตระกูลจากแคว้นหนานหลิงได้มาถึงแล้วเขากําลังรออยู่ที่ ลานด้านหน้า”

“ฮวาหยุนเฟยแห่งตระกูลฮวาจากแคว้นตงหมิงได้มาถึงแล้วเขากําลังรออยู่ที่ลานหน้า”

“ฉ่ฉาวอวิ่น,ศิษย์อันดับหนึ่งแห่งนิกายดาบเงาหมอกได้มาถึงแล้ว เขากําลังรออยู่ที่ลานหน้าเช่นกัน”

“มู่เยี่ยนเสวี่ย,ศิษย์อันดับสองแห่งพระราชวังจิตวิญญาณค่ําคืนได้มาถึงแล้ว นางกําลังรออยู่ที่ลานหน้า”

“หยิงเสี่ยว,ขุนนางกุยยีแห่งตระกูลราชวงศ์ได้มาถึงแล้วเขากําลังรออยู่ที่ลานหน้า”มีทั้งหมดสิบคนเข้ามารายงานก่อนที่จะหยุดลง 4 แต่ละชื่อที่ถูกรายงานคือชื่อของผู้มีอิทธิพลในอาณาจักรต้าฉินพวกเขาเป็นเหล่ารุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นวันนี้พวกเขาทั้งหมดมารวมตัวกันที่ตระกูลชั้นสูงด้วนมู่

หากคนนอกรับรู้ถึงสถานการณ์เช่นนี้,เขาจะต้องตกตะลึงหนักเขาต้องสงสัยว่ากําลังจะเกิดอะไรขึ้น?ตระกูลต้วนมู่รวบรวมอัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้งหมด ภายในอาณาจักรต้าฉิน

ตัวนมู่ฉิงค่อยๆยืนขึ้นและถาม “นอกจากมู่เฉิงเสวี่ย,ผู้ที่กําลังปิดประตูฝึกฝน;มีใครอีกที่ยังมาไม่ถึง?”

หญิงกลางคนที่อยู่ด้านข้างของห้องโถงกล่าว“นอกจากเขาแล้ว มีเพียงมู่หลงชังแห่งศาลากระบี่สวรรค์นอกจากนั้น,ข้าได้ยินมาว่าศาลากระบี่สวรรค์ทําคําเชิญของพวกเราเป็นาวภารกิจ และจ่ายมันออกไป,ราวกับไม่มีอะไร”

ตัวนมู่ฉิงสีหน้าไม่เปลี่ยน นางกล่าวอย่างไม่แยแส “ไม่ต้องไปสนใจมู่หลงชงได้ออกจากศาลากระบี่สวรรค์ไปแล้วพวกเขาจะต้องไม่อาจส่งใครที่เหมาะสมมาได้พวกเขาเหมือนจะส่งใครสักคนมาพอเป็นพิธี

หลังจากที่ต้วนมู่ฉิงกล่าวจบ,นางพากลุ่มสตรีมมีขอบเขตพลังสูงและมุ่งหน้าไปที่ลานด้านหน้า

ก่อนที่ด้วนมู่ฉิงจะมาถึงลานหน้า,นางรู้สึกถึงกระแสพลังอันแข็งแกร่งหลายจุดกําลุงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า,ไม่เปิดทางให้กันและกันพวกมันเข้าร่วมการทํานั่นที่มองไม่เห็นท้องฟ้าถึงกับเผลี้ยน

เหล่าผู้คนที่ได้มาถึงทั้งหมดล้วนเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นเป็นปกติ, ที่พวกเขาจะไม่ยอมให้คนอื่นมากดข่มพวกเขาปลดปล่อยกระแสพลัง ออกมาอย่างจงใจ

ผู้คนนับพันนั่งอยู่ในลานหน้า,แยกออกเป็นคนละมุม คนจากแคว้นตงหมิงนั่งอยู่มุมหนึ่ง;คนจากแคว้นหนานหลิงก็นั่งอยู่มุมหนึ่ง,เช่นเดียวกับคน จากแคว้นซีเหอท้ายที่สุด,เหล่าคนจากราชวงศ์ก็เลือกอยู่อีกมุมหนึ่ง

จากคนนับพัน ผู้ที่มีขอบเขตพลังต่ําที่สุดคือระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง แน่นอน,มีหลายคนที่บรรลุถึงสภาวะพวกเขาสามารถสังหารระดับขอบเขตกษัตริย์ทั่วไปได้อย่างง่ายดาย

มันช่างเงียบเชียบในลานหน้า อย่างไรก็ตามมีความขัดแย้งซ่อนเร้นอยู่ภายในความเงียบสงบนี้ เหล่าทายาทตระกูลชั้นสูงต่างประเมินฝ่ายตรง ข้าม”

ก๊ก! คึก! ก๊ก!”

เสียงฝีเท้าดังก้องมันคือตัวนมู่ฉิงที่กําบังเดินเข้ามาสตรีที่อยู่ด้านข้างของนางเผยรอยยิ้มและกล่าวด้วยเสียงนุ่ม “ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติตระกูลต้วนมู่และตอบรับคําเชิญในครั้งนี้”

ผู้เยาว์ในชุดคลุมยาวสีม่วง,ที่นั่งอยู่สุดทางใต้ของลานหน้า,หัวเราะคิกออกมาสองครั้งเขากล่าว “ฮ่าฮ่า,ข้าไม่ได้ให้เกียรติตระกูลต้วนมู่ข้ามาที่นี่เพื่อแสวงหาโชค”

“ไม่ต้องมากความ! ตัวนมู่ฉิง,บอกพวกเรามาว่าเกิดอะไรขึ้นกับส่วนที่เหลือของนิกายหลี่เพลิงบอกพวกเรามาให้ชัดเจน:ข้าเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ที่ นี้ต่างมาเพื่อแสวงหาโชคกันทั้งนั้น”

ผู้ที่กล่าวออกมาคือซุนเหว่ย เขาเป็นทายาทของตระกูลซุน,หนึ่งในสองตระกูลชั้นสูงแห่งแคว้นหนานหลิงเขาค่อนข้างแข็งแกร่งแต่ชื่อเสียง ของมู่หลงชงและจีชางคงกลบชื่อของเขา ดังนั้น มีน้อยคนที่จะรู้จักเขา

จากที่ซุนเหว่ยกล่าวมา,ไม่น่าประหลาดใจที่ตัวนมู่ฉิงสามารถรวบรวมผู้โดดเด่นเหล่านี้จากอาณาจักรต้าฉันดังนั้นนี่จึงเป็นการหลอกล่อมาด้วยการแสวงหาโชค

หากในสถานการณ์ที่ว่าอัจฉริยะเหล่านี้ออกวิ่งมาจากจุดเริ่มต้นเส้นเดียวกัน,จํานวนการเผชิญ โชคของพวกเขาจึงมีผลต่อระยะทางที่พวกเขาจะก้าวต่อไปได้ไกลแค่ไหน,ว่าพวกเขาจะสามารถโดดเด่นเหนือผู้อื่นได้หรือไม่

พวกเขาหลายคนเคยมีประสบการณ์ในการเผชิญโชค ผลประโยชน์ที่พวกเขาได้รับไม่อาจที่จีมเลือน มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่มา แสดงตัวในวันนี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่อยากมาก็ตาม

ตามเรื่องเล่า,นิกายหลี่เพลิงคือนิกายสุดท้ายที่รู้วิธีการสร้างสมบัติลับที่สมบูรณ์หลังจากที่ราชวงศ์เทียนหวี่ได้ล่มสลายไปจากนั้นมันก็จางหาย ไปอย่างลึกลับตามกาลเวลา

ไม่ต้องพูดถึงการค้นพบวิธีการหลอมสมบัติลับ,เพียงแค่ค้นพบสมบัติลับระดับสูงสองสามนก็จะเร่งความแข็งแกร่งของพวกเขาขึ้นมาได้ อย่างมาก

นอกจากนั้น พวกเขาอาจจะค้นพบทักษะต่อสู้เฉพาะของนิกายหลี่เพลิง นี่จะเพิ่มรวามแข็งแกร่งของพวกเขาขึ้นมหาศาลหนึ่งหมื่นปีก่อน,ตัวตนของนกายหลี่เพลิงยิ่งใหญ่กว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ทักษะต่อสู้ของนิกายจะต้องไม่ ธรรมดา

ตัวนมู่ฉิงมองดูซุนเหว่ยอย่างเย็นชา,แช่แข็งเขาในทันทีจากนั้น,นางก็กล่าวอย่างไม่แยแส “ในตอนที่ทุกคนมากันครบ,ข้าจะพูดถึงเรื่องนี้
เอง”

นี่ทําให้ซุนเหว่ยยุ่งเหยิง เขารีบหมุนเวียนพลังปราณของเขาและขับไอเย็นออกจากหัวใจของเขา

จีชางคง,ผู้ที่อยู่ไม่ไกลออกไป,กล่าวขึ้น “ใครกันที่ยังมาไม่ถึง?มู่หลงชงแห่งศาลากระบี่สวรรค์?”

ข้ารับใช้วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบและกล่าว “รายงานท่านหญิง,ตัวแทนจากศาลากระบี่สวรรค์ได้มาถึงแล้ว”

ตัวนมู่ฉิงกล่าวด้วยเสียงนุ่ม “เชิญเขาเข้ามา

หลังจากที่มาถึงบ้านตระกูลต้วนมู่,เซี่ยวเฉินยื่นสัญญาภารกิจของเขาในไม่ช้า,เขาก็ถูกนําเข้าไปในบ้านจากระยะไกล,เซี่ยวเฉินสามารถสัมผัสได้ถึงกระแสพลังที่กําลังปะทะกันในลานหน้า

ขณะที่เซียวเฉินรอคอย,เขาส่งสัมผัสวิญญาณของเขาออกไปเป็นคลื่นทุกคนที่อยู่ในลานหน้าปรากฏขึ้นในใจของเขาในทันที

เซี่ยวเฉินถอนสัมผัสวิญญาณของเขากลับมาและยิ้มขึ้น “ขุนนางกุยยี่ จีชางคง,ฮวาหยุนเฟย,ต้วนมู่ฉิง,ฉ่ฉาวอวิน,มู่เยียนเสวี่ย…คนคุ้นหน้าคุ้นตาทั้งนั้น”

นอกจากคนพวกนี้แล้ว,เซี่ยวเฉินยังประหลาดใจที่เห็นหุ่นเซ่อซินอยู่ที่นี่ นอกจากพวกเขา เขาไม่คุ้นหน้ากับคนอื่นอีกอย่างไรก็ตามจากชุดเครื่องแบบของพวกเขา เขาสามารถเดาได้ว่าพวกเขาเป็นใครหากไม่ใช่จากสามนิกายใหญ่,พวกเขาต้องมาจากตระกูลชั้นสูง ที่คนที่นี่,อย่างน้อยที่สุด,อยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง

เซี่ยวเฉินรวบรวมความคิดและยิ้ม ค่อยๆไปที่ ละขั้น ข้าจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ข้าสามารถใช้โอกาสนี้ในการทําความเข้าในความแข็ง แกร่งของพวกเขา

โดยไม่ได้รอนานมากนัก,ผู้ที่นําเซียวเฉินเข้ามาก็ส่งต่อคําพูดจากตัวนมาฉิง “นายน้อยเย่,ท่านหญิงหนึ่งเชิญท่านเข้าไป”

เซียวเฉินพยักหน้าและสงบอารมณ์ของเขา จากนั้นเขาก็ค่อยๆเดินเข้าไป “ซิ่ว!”

ในจังหวะที่เชี่ยวเฉินก้าวเข้ามา,เขารู้สึกได้ถึงสายตานับไม่ถ้วนยิงตรงมาจากเขา บ้างก็เหยียดหยัน,บ้างก็ดูถูก,บ้างก็เหยียดหยาม

เซียวเฉินรักษาสีหน้านิ่งสงบและมองไปที่ใบหน้าของทุกคนเขาไม่พบความแปลกประหลาดใจบนใบหน้าของจีชางคงและคนที่เหลือ,ดังนั้น เขาจึงโล่งอก

อย่างไรก็ตาม,การตอบสนองของฉ่ฉาวอวินค่อนข้างจะทําให้เขาประหลาดใจ ฉ่ฉาวอวิน เหลียวมองมาที่เขาและเมินเฉยไปจากนั้นเขาก็หลับตาและพักผ่อน

ในตอนที่เซียวเฉินรู้สึกถึงสายตาของหยุนเข่อซิน,เขาพยักหน้าเล็กน้อย เขาพบว่าขอบเขตพลัง ของนางได้ทะลวงขึ้นสู่ระดับขอบเขตนักบุญนสูงในช่วงเวลาอันสั้น

มันดูเหมือนว่าหยุนเข่อซินจะเข้าใจถึงทักษะมังกรสัญจรอย่างถ่องแท้แล้ว

ทันใดนั้น จากภายในฝูงชน, ซุนเหว่ยหัวเราะออกมาเสียงดังเขาชี้ไปที่เชี่ยวเฉินและกล่าว “น่าขันด้วนมู่ฉิง,เจ้าทําให้พวกเราต้องรอคอยอยู่นานเพื่อขยะชิ้นนี้ ?เขาอยู่เพียงระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางเขาจะต่อสู้เพื่อเผชิญโชคกับพวกเราได้อย่างไร?”

ตัวนมู่ฉิงประหลาดใจอยู่เล็กน้อยเช่นกันนางไม่คาดคิดว่าศาลากระปสวรรค์จะไร้การใส่ใจถึงเพียงนี้ถึงแม้มู่หลงชงจะไม่มาก็ไม่น่าจะยากเย็นที่พวกเขาจะส่งระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดมาสักคน

“ในศาลากระบี่สวรรค์,นอกเสียจากมู่หลงชง,จะมีคู่ต่อสู้คนใดที่คู่ควรได้อีก? มาทางไหนกลับไปทางนั้นซะ”มีเพียงสานุศิษย์ตระกูลราชวงศ์ผู้หนึ่งที่ล้อเลียน

ฮวาหยุนเฟยจากเขตตงหมิงหัวเราะก็หัวเราะขึ้นเย็นชา“แค่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางถึงแม้ว่าเขาจะเข้าไป,เขาก็เพียงเข้าไปตายต้วนมู่ฉิง,เจ้าไม่อาจเชิญชวนบุคคลเช่นนี้, ใช่หรือไม่?”

เรื่องที่เซียวเฉินล้มม่หลงชงลงได้ยังรู้กันเพียงแค่บางกลุ่มในแคว้นซีเหอ ข่าวยังไม่ได้ขยายออกไปในวงกว้าง

จากคนที่อยู่ที่นี่,นอกจากชื่อเฟิงจากตระกูลชื่อ,มู่เยียนเสวี่ย,หยุนเข่อซิน,และอีกสองสามคน,ไม่มีใครอื่นที่รู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเซียวเฉิน

อย่างไรก็ตาม ในตอนที่พวกเขาเห็นคนอื่นดูถูกเซียวเฉิน,พวกเขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรพวกเขาเพียงนิ่งเงียบและมองดูสถานการณ์

ซุนเหว่ยเผยสีหน้าโหดเหี้ยมและกล่าวด้วยเสียงต่ํา“เจ้ายังไม่ไสหัวไป? เช่นนั้นอย่าได้กล่าวโทษข้าที่ลงมือ!”

สายลมรุนแรงพัดผ่านที่ลานหน้า,ทําให้กองใบไม้บินขึ้นไปในอากาศ ซุนเหว่ยกระโดดขึ้นไปและเคลื่อนผ่านใบไม้นับไม่ถ้วนที่กําลังร่วงหล่น,ส่งกําปั้นตรงไปที่เชี่ยวเฉิน

เซี่ยวเฉินรักษาสีหน้านิ่งสงบยิ่ง หัวใจของเขาไร้ทุกข์ไร้สุขเขามองดูซุนเหว่ยกําลังบินเข้ามาทางเข้าด้วยความรวดเร็วและโบกมือเล็กน้อย

พลังงานจิตวิญญาณธาตุสายฟ้าทั้งหมดในอากาศเข้ามารวมตัวกับกลายเป็นลูกบอลเพลิงสีม่วงลุกโชติช่วงมันปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าและยิ่งตรงไปที่ซุนเหว่ย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+