Immortal and Martial Dual Cultivation 208 การจัดอันดับศิษย์ชั้นใน

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 208 การจัดอันดับศิษย์ชั้นใน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 208 การจัดอันดับศิษย์ชั้นใน

 

ข้าได้ยินมาว่าศิษย์แก่นกลางอันดับสองแห่งยอดเขาว่า นเหริน,กระบี่เร็วหลินเฟิง,กล่าว่าตราบใดที่เซี่ยวเฉินยังอยู่ เขาจะมาตัดสินกับเซี่ยวเฉิน

 

“ข้าเห็นศิษย์ยอดเขาว่านเหรินออกไปสองสามคนเมื่อ ครู,พวกเขาจะต้องไปแจ้งหลินเฟิง มันน่าจะมีการแสดงดีๆ ให้ชมเร็วๆนี้”

 

แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะได้ยิน,เขาก็ไม่ได้ไปใส่ใจนัก ตราบใดที่ไม่มีผู้อาวุโสลงมาเคลื่อนไหว:เขามั่นใจว่าสามารถรับมือกับศิษย์แก่นกลางของศาลากระบี่สวรรค์ได้

 

เป็นสิ่งที่เรียกว่า “สิ่งกีดขวาง” ที่จะมาเพิ่มประสบการณ์การต่อสู้ให้กับเซี่ยวเฉิน สําหรับชายชราผู้นี้,เซี่ยวเฉินไม่คาดคิดว่าเขาจะปกปิดสถานะของเขาไว้เช่นนี้ เขาดูต่างจากปกติโดยสิ้นเชิง

 

ใบหน้าของชายชราดูราวกับบ่อน้ําโบราณ,ไม่มีละลอกคลื่น หลังจากที่พวกเขามาถึงที่ห้องโถงใหญ่เขาก็กล่าวขึ้นอย่างเฉยเมย “พวกเรามาถึงแล้ว ที่นี่คือโถงจัดอันดับ เขาสามารถมองหาอันดับของตัวเจ้าได้ที่นี่”

 

ห้องโถงแห่งนี้ค่อนข้างใหญ่และที่ตรงกลางมีกระดานไม้อายุสิบบาน แต่ละกระดานมีกลุ่มคนยืนมุงอยู่ด้านหน้า พวกเขาบ้างก็ส่ายหัวถอนหายใจหรือบ้างก็มองดูตื่นเต้นสีหน้าแตกต่างกันไป

 

ชายชรานําทางเซี่ยวเฉินถึงถึงกระดานไม้บานสุดท้าย เมื่อกลุ่มคนมองเห็นชายชราผู้นี้,พวกเขาเปิดทางโดยทันที เซี่ยวเฉินสังเกตเห็นว่าผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดรอบกระดานไม้บานนี้มีสีหน้าดูไม่ดีนัก

 

“ศาลากระบี่สวรรค์มีสานุศิษย์ทั้งหมด 5,000 คน ตัวเลขนี้เป็นจํานวนตายตัว สานุศิษย์ทั้ง 5,000 มีการจัดลําดับรายชื่อบนกระดานแผ่นนี้คือสานุศิษย์ชั้นใน 500 ลําดับสุดท้าย หลังจากสงครามจัดอันดับในตอนสิ้นปี,สานุศิษย์ 500 คนนี้จะถูกถอนชื่ออกจากสถานะศิษย์ชั้นใน” ชายชราอธิบายให้เซี่ยวเฉินฟัง

 

เป็นเช่นนี้นี่เอง มิน่าทําไมสานุศิษย์ที่รวมตัวกันที่กระดานไม้บานนี้ถึงได้ดูเศร้าสลดนัก มันเป็นเพราะระบบการจัดลําดับของศาลากระบีสวรรค์ พวกเขาจะถอนชื่อสถานะศิษย์ชั้นใน 500 คนในทุกปี

 

เซี่ยวเฉินมองไปที่กระดานไม้ กระดานไม้มีทั้งหมดสิบแถวและแต่ละแถวมีเหรียญไม้ห้าสิบอัน แต่ละเหรียญเป็นตัวแทนของสานุศิษย์แต่ละคน

 

บนเหรียญไม้,มีชื่อของเหล่าสานุศิษย์ ,ระดับขอบเขตพลัง,ยอดเขา และข้อมูลพื้นฐานอื่นๆ เซี่ยวเฉินกวาดตามองอยู่ครู่ก่อนที่จะมองเห็นเหรียญไม้ของเขา

 

เหรียญไม้ของเซี่ยวเฉินอยู่ในตําแหน่งโดดเด่นเป็นสง่า ท้ายสุดของแถวที่สิบ นั่นหมายความว่าสานุศิษย์ทั้ง 5,000 คน,เขาอันดับต่ําสุด คําว่ายอดเขาฉิงหยุน,เย่เฉิน,ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต่ําเขียนอยู่บนเหรียญ

 

ผู้อาวุโสระดับสูงของโถงคุณความชอบดึงเหรียญของเซี่ยวเฉินออกมาและเหรียญไม้ทั่วทั้งกระดานก็ขยับในทันที เหรียญทั้งหมดบนกระดานไม้ขยับถอยหลังไปหนึ่งช่อง

 

ชายชราเก็บเอาเหรียญไม้ของเซี่ยวเฉินและเดินไปที่กระดานไม้บานอื่น,วางไว้ที่ตําแหน่งสุดท้ายของแถวสุดท้าย

 

ลําดับของเซี่ยวเฉินเพิ่มขึ้นมา 500 อันดับในครั้งเดียว ฝูงชนกลายเป็นแตกตื่น พวกเขาไม่เคยเห็นใครขึ้นมาทีเดียว 500 อันดับมาก่อน

 

“ไม่ยุติธรรม,ข้าทํางานอย่างหนักเพื่อภารกิจนิกายและสะสมความแข็งแกร่งของข้า กระนั้นเข้าก็เพิ่มขึ้นมาเพียงสิบอันดับภายในเดือนนี้ ทําไมเขาถึงได้กระโดดไปทีเดียว 500 อันดับ”

 

“ใช่แล้ว ข้าใช้เวลาหลายเดือนฝึกฝนอย่างขมขื่นแต่ข้าสา มารถขึ้นไปได้เพียงสิบอันดับเท่านั้น ข้าเคยเลื่อนอันดับที่ เดียวมากสุดก็สิบอันดับ เขาเลื่อนไปทีเดียว 500 อันดับได้อ ย่างไร?”

 

สีหน้าของชายชราไม่เปลี่ยนแปลง เขาค่อยหันกลับมามองดูที่ฝูงชน ทุกคนหยุดพูดพล่อยและกลายเป็นเงียบสงัดในทันที

 

“หากเจ้าอยู่ 500 อันดับสุดท้ายและสามารถสําเร็จภารกิจระดับสูงได้พร้อมกับปารประเมินที่ยอดเยี่ยมในภารกิจแรกของเจ้า,เจ้าสามารถเลื่อนได้ที่เดียว 500 อันดับ”

 

ฝูงชนในที่สุดก็นึกขึ้นได้โถงจัดอันดับมีกฏอยู่เช่นกัน อย่างไรก็ตาม มันเป็นไม่ได้สําหรับพวกเขาที่จะรับภารกิจระดับสูง สิ่งที่พวกเขาพบเจอมีเพียงอันตราย มันเป็นเรื่องยากมากที่จะได้รับการประเมินยอดเยี่ยม

 

ดังนั้นเป็นเวลานานมาแล้วไม่มีใครภายในศาลากระบี่สวรรค์เลื่อนอันดับด้วยวิธีนี้ เป็นเหตุว่าทําไมฝูงชนถึงขุ่นเคือง

 

เซี่ยวเฉินไม่ได้สนใจเลยสักนิด สําหรับเขา,ศาลากระบี่สวรรค์เป็นเพียงทางผ่าน หลังจากที่เขาร่ําเรียนฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมัน,เขาจะจากไปในทันที เขาไม่มีความคิดที่จะอยู่ยาว

 

ทวีปเทียนหวี่มีขนาดกว้างใหญ่และเซี่ยวเฉินได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับทวีปมานานแล้ว บางที,ศาลากระบี่สวรรค์ที่แข็งแกร่งภายในอาณาจักรต้าฉัน อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของทั้งทวีปหรือแม้กระทั้งของทั้งโลก

 

ด้านนอกของทวีปเทียนหวี่ยังคงเป็นมหาสมุทรที่ไร้ขอบเขต มันบ่งบอกว่ามีเกาะมากมายนับไม่ถ้วนตรงข้ามมหาสมุทรอันไร้อขอบเขต ยังมีผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งมากมายที่นั้น คิดได้เช่นนี้ ศาลากระบี่สวรรค์เปรียบเทียบไม่ได้ นั้นเป็นเหตุว่าทําไมเซี่ยวเฉินไม่ได้สนใจสถานะศิษย์ชั้นในของเขามากนัก

 

“ใช่ๆ,ข้ายังมีเรื่องที่ต้องไปทํา เจ้าค่อยๆเรียนรู้กฏอื่นๆไป” ชายชราพูดอย่างเฉยเมย

 

ก่อนที่เขาจะจากไป เขามองเซี่ยวเฉินอย่างลึกซึ้งและพูดขึ้น “ข้าจะขอทิ้งคําสุดท้ายเอาไว้ อย่าได้ลับคมกระบี่จนเกินไป, อย่ากัดมากเกินกว่าจะเคี้ยวไหว,หรืออย่าตั้งเป้าสูงจนเกินไป ศาลากระบี่สวรรค์ที่คงอยู่มาได้เป็นเวลานานแสนนาน มันไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เจ้าคิด”

 

“สิ่งนี้ที่เรียกว่า “อัจฉริยะ ,อยู่ที่นี่มีไม่น้อย อย่าปักใจของเจ้าไว้บนฟ้า ปักหลัก,และขัดเกลา มองดูที่ขุนเขานี้อย่างละเอียด,มันยิ่งใหญ่กว่าที่เจ้าจินตนาการเอาไว้”

 

เซี่ยวเฉินเผยสีหน้าตกตะลึงอย่างสุดขีด ชายชราผู้นี้เพียงให้คําเตือนง่ายๆแก่เขา แต่มันเหมือนกับว่าเขาสามารถมองทะลุความคิดของเขาได้

 

คําของชายชราทําให้เซี่ยวเฉินคิด อย่าปักใจเจ้าไว้บนท้องฟ้า ปักหลัก,และขัดเกลาเขากําลังว่าข้าหยิ่งผยองเกินไป?

 

ไม่สําคัญ,มามองดูสถานการณ์ก่อน เนื่องจากเซี่ยวเฉินเข้ามาอยู่ที่นี่แล้วเขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะจากไปในทันที ทุกการเดินทางเริ่มที่ก้าวแรก

 

เซี่ยวเฉินเดินไปที่กระดานบานแรก,สานุศิษย์ชั้นใน 500 อันดับแรกในศาลากระบี่สวรรค์จัดเรียงกันอยู่ที่นี่ กระดานไม้ดูเหมือนกับกระดานบานอื่น มีทั้งหมดสิบแถวแถวละห้าสิบคน อย่างไรก็ตาม,ที่ด้านหลังของกระดานมันต่างออกไป มีชั้นสีทองคําทาอยู่ด้านหลัง ดูเหมือนเพื่อจะให้เป็นเกียรติแก่พวกเขา

 

อย่างไรก็ตาม, 500 อันดับแรกก็สมควรได้รับเกียรตินี้ เมื่อผู้นั้นเห็นชื่อของพวกเขาเขียนอยู่,พวกเขาจะรู้สึกภูมิใจ

 

การเอาตัวรอด,มันเป็นกลไกการแข่งขันที่ดีมาก มันเป็นวิธีที่ดีในการรักษาผู้มีฝีมือเอาไว้ เซี่ยวเฉินชื่นชมระบบการจัด อันดับนี่เล็กน้อย

 

มองขึ้นไป,ชื่อของผู้ที่อยู่บนสูงสุดสิบอันดับแรกเป็นสีแดงก่ำ,ราวกับเลือด พวกเขาโดดเด่นเป็นสง่า สิ่งที่ทําให้เซี่ยวเฉินประหลาดใจก็คือทั้งสิบคนไม่ได้เป็นศิษย์แก่นกลางของศาลากระบี่สวรรค์

 

เซี่ยวเฉินไม่รู้ว่าพวกเขามาจากยอดเขาหรือระดับขอบเขตพลังอะไร ข้อมูลมีเพียงแค่ชื่อ พวกเขาไม่ถูกระบุตัวตน มันดูลึกลับ

 

เป็นไปได้ว่าสานุศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในศาลากระบี่สวรรค์ไม่ใช่ผู้สืบทอดที่แท้จริง? เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง เขามองลงมาเรื่อยๆอย่างละเอียดและพบชื่อของผู้สืบทอดที่แท้จริงหลังจากอันดับที่ห้าสิบ

 

ผู้สืบทอดที่แท้จริงของยอดเขาว่านเหริน,หวังฉินเอี้ยน เขาคือระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้น แม้แต่ในผู้สืบทอดที่แท้จริงทั้งหมดเขาก็ถูกจัดอันดับไว้ที่ห้าสิบ เมื่อเขาครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน เซี่ยวเฉินก็ตัดสินใจที่จะหาอันดับของผู้ที่ถูกเรียกว่า “กระบี่เร็วหลินเฟิง”

 

เซี่ยวเฉินมองหาต่อไปและในที่สุดก็พบชื่อของหลินเฟิงอยู่ในแถวที่สาม ศิษย์แก่นกลางยอดเขาว่านเหริน,ระดับขอบเขตนักบุญขันสูง อันดับสองแห่งยอดเขาว่านเหรินอยู่เพียงอันดับประมาณหนึ่งร้อย

 

การจัดอันดับบนกระดานบนมันเป็นอย่างไร? ทําไมรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง? เซี่ยวเฉินเริ่มสงสัย

 

“เย่เฉิน!” บ้างคนด้านหลังเซี่ยวเฉินเรียกชื่อของเขาออกมาขณะที่เขากําลังครุ่นคิด เมื่อเขาหันกลับไป,เขาพบว่านั้นคือม่าเฉิน,หนึ่งในผู้ที่เข้าไปทําภารกิจนิกายในเหมืองวิญญาณเช่นเดียวกับเขา

 

เมื่อม่าเฉินเห็นเซี่ยวเฉินหันมา, เขาเดินตรงเข้ามาอย่างเป็นสุข เขาพูดขึ้น “เป็นเจ้าจริงๆ! ศิษย์น้องเยู่เฉิน,ข้าไม่ได้เห็นเจ้ามากว่าหนึ่งเดือน ข้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นเขา,เขารู้สึกผิดเล็กน้อย เขาอธิบายว่าทําไมถึงต้องทําให้เขาหมดสติในวันนั้นและไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างไร

 

ม่าเฉินโบกมือและพูดขึ้น “ไม่ต้องไปพูดถึง,ข้าเข้าใจสถานการณ์ ว่าก็ว่าเถอะ,เจ้ามีคนหนุนหลังแข็งแกร่งเพียงใด ท่านเจ้าศาลาน้อยถึงกับส่งคนลงไปตามหาเจ้า”

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกแปลกประหลาด เขาถามขึ้น “เจ้าก็รู้ถึงเรื่องนี้? มีใครรู้เกี่ยวกับมันอีกบ้าง?”

 

ม่าเฉินสายหัว “ไม่น่าจะมีใครอีก ข้าโผล่ตัวเองออกมาประมาณครึ่งเดือนก่อน ข้าไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในเหมืองวิญญาณ ข้าหลบอยู่คนเดียวเป็นเวลานาน

 

ทั้งสองพูดคุยกันต่อครู่หนึ่งและเซี่ยวเฉินเข้าใจขึ้นเล็กน้อยว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เขาจากไป เรื่องที่เกิดขึ้นในเหมืองวิญญาณได้ไม่แพร่งพรายออกไป ทุกอย่างในศาลากระบี่สวรรค์ดําเนินไปอย่างปกติ

 

ไม่มีคนนอกที่รู้ว่าหนึ่งเดือนก่อน มีเรื่องร้ายแรงได้เกิดขึ้น ที่ใต้เท้าของพวกเขาที่มันอาจจะนําพาให้ศาลากระบี่สวรรค์ล่มสลาย

 

ทันใดนั้นเซี่ยวเฉินก็นึกขึ้นได้,ม่าเฉินได้อยู่ที่ศาลากระบี่สวรรค์มาเป็นเวลานานกว่าเขา เขาจะต้องรู้ว่ามีอะไรเกี่ยวกับการจัดอันดับ ดังนั้นเซี่ยวเฉินจึงถามในสิ่งที่สงสัย

 

ม่าเฉินหัวเราะอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะตอบ “เป็นเรื่องปกติมาก ผู้สืบทอดที่แท้จริงของแต่ละยอดเขาใหญ่ทั้งเจ็ดจะถูกสืบทอดผ่านทางสายเลือดของท่านเจ้ายอดเขา ไม่มีอะไรเกี่ยวกับพรสวรรค์ บางที ความแข็งแกร่งของผู้สืบทอดที่แท้จริงอ่อนแอยิ่งกว่าศิษย์ชั้นในทั่วไปเสียอีก”

 

เซี่ยวเฉินกล่าวอย่างตกตะลึง “ผู้คนสามารถยอมรับที่พวกเขาขึ้นมาเป็นท่านเจ้ายอดเขา?”

 

หากท่านเข้ายอดเขาอ่อนแอยิ่งกว่าผู้อาวุโสหลัก,เซี่ยวเฉินพบว่ามันยากที่จะจินตนาการว่าคนผู้นั้นจะบริหารจัดการยอดเขาได้เช่นไร

 

“ไม่ยอมรับ ถึงอย่างไรก็ตามเรื่องแบบนั้นก็เกิดขึ้นได้ยาก นอกจากนั้น,ทุกยอดเขามีวิธีการสืบทอดของตัวเอง ท่านเจ้ายอดเขาคนก่อนสามารถส่งต่อระดับขอบเขตพลังของพวกเขาให้กับผู้สืบทอดก่อนที่จะตายลง” ม่าเฉินอธิบายต่อ

 

“สําหรับสิบอันดับแรก, พวกเขาเป็นสิบคนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง พวกเขามักจะฝึกฝนอยู่ข้างนอกและนานที่จะกลับเข้ามา เช่นนั้นเป็นธรรมดาที่ผู้คนจะไม่รู้ถึงระดับขอบเขตพลังของพวกเขา ข้าเคยเห็นพวกเขาตอนสงครามจัดอันดับของปีก่อน”

 

ทั้งสิบคนนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก,สมกับชื่อเสียงของ พวกเขาหลายคนในหมู่พวกเขาสามารถจู่โตมผู้ที่มีระดับขอบเขตสูงกว่าพวกเขาไปสองสามขั้น นอกจากนั้น,วิธีการบ่มเพาะพลังของพวกเขายังแตกต่างไปจากศิษย์ชันในทั่วไป พวกเขาทั้งหมดไปอยู่กันที่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์”

 

นั้นคือเหตุผลที่ชายชราผู้นั้นกล่าวกับเซี่ยวเฉินว่าศาลากระบี่สวรรค์ไม่เคยขาดแคลนอัจฉริยะ หากยี่สิบอันดับแรก เป็นเหมือนอย่างที่ม่าเฉินเล่าให้เขาฟัง,เช่นนั้นคําพูดของชายชราก็ไม่ได้เกินจริง

 

ผู้ใดจะสามารถเป็นอัจฉริยะได้มากกว่าผู้ที่สามาถข้ามขอบเขตระดับพลังและเอาชนะคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้?

 

หลังจากที่ม่าเฉินตอบคําถามของเซี่ยวเฉิน,เขาอธิบายต่อถึงการเปลี่ยนแปลงอันดับ นอกจากทําการฝึกในและภารกิจ,ยังสามารถท้าสู้ผู้ที่อมีอันดับอยู่ในแถวเดียวกัน

 

กล่าวได้ว่า พวกเขาสามารถท้าทายศิษย์ชั้นในที่อันดับสูงกว่าได้ 49 อันดับ ทุกคนมีสิทธิ์ในการท้ายทายหนึ่งคนทุกหนึ่งเดือน ผู้ที่ถูกท้าทายสามารถปฏิเสธได้

 

อย่างไรก็ตามในวันที่ 15 ของทุกเดือน,หากมีคนมาท้าทายต้องยอมรับ มิฉะนั้น จะถูกตัดสินว่าแพ้

 

แน่นอน ที่สําคัญที่สุดปีละครั้งก็คือสงครามจัดอันดับสิ้นปี ในช่วงเวลานั้น,ทั่วทั้งศาลากระบี่สวรรค์จะเกิดสงครามครั้งใหญ่ในหมู่สานุศิษย์ชั้นใน

 

คะแนนทั้งหมดที่เก็บได้ในสงครามเป็นปัจจัยสําคัญในการจัดอันดับ อันดับดั้งเดิมก็สําคัญเช่นกัน;เหมือนกับคะแนนที่เก็บเกี่ยวมาได้ อย่างไรก็ตาม,หากอันดับของผู้นั้นต่ําจนเกินไป,มันจะไร้ประโยชน์ในท้ายที่สุด

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 208 การจัดอันดับศิษย์ชั้นใน

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 208 การจัดอันดับศิษย์ชั้นใน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 208 การจัดอันดับศิษย์ชั้นใน

 

ข้าได้ยินมาว่าศิษย์แก่นกลางอันดับสองแห่งยอดเขาว่า นเหริน,กระบี่เร็วหลินเฟิง,กล่าว่าตราบใดที่เซี่ยวเฉินยังอยู่ เขาจะมาตัดสินกับเซี่ยวเฉิน

 

“ข้าเห็นศิษย์ยอดเขาว่านเหรินออกไปสองสามคนเมื่อ ครู,พวกเขาจะต้องไปแจ้งหลินเฟิง มันน่าจะมีการแสดงดีๆ ให้ชมเร็วๆนี้”

 

แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะได้ยิน,เขาก็ไม่ได้ไปใส่ใจนัก ตราบใดที่ไม่มีผู้อาวุโสลงมาเคลื่อนไหว:เขามั่นใจว่าสามารถรับมือกับศิษย์แก่นกลางของศาลากระบี่สวรรค์ได้

 

เป็นสิ่งที่เรียกว่า “สิ่งกีดขวาง” ที่จะมาเพิ่มประสบการณ์การต่อสู้ให้กับเซี่ยวเฉิน สําหรับชายชราผู้นี้,เซี่ยวเฉินไม่คาดคิดว่าเขาจะปกปิดสถานะของเขาไว้เช่นนี้ เขาดูต่างจากปกติโดยสิ้นเชิง

 

ใบหน้าของชายชราดูราวกับบ่อน้ําโบราณ,ไม่มีละลอกคลื่น หลังจากที่พวกเขามาถึงที่ห้องโถงใหญ่เขาก็กล่าวขึ้นอย่างเฉยเมย “พวกเรามาถึงแล้ว ที่นี่คือโถงจัดอันดับ เขาสามารถมองหาอันดับของตัวเจ้าได้ที่นี่”

 

ห้องโถงแห่งนี้ค่อนข้างใหญ่และที่ตรงกลางมีกระดานไม้อายุสิบบาน แต่ละกระดานมีกลุ่มคนยืนมุงอยู่ด้านหน้า พวกเขาบ้างก็ส่ายหัวถอนหายใจหรือบ้างก็มองดูตื่นเต้นสีหน้าแตกต่างกันไป

 

ชายชรานําทางเซี่ยวเฉินถึงถึงกระดานไม้บานสุดท้าย เมื่อกลุ่มคนมองเห็นชายชราผู้นี้,พวกเขาเปิดทางโดยทันที เซี่ยวเฉินสังเกตเห็นว่าผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดรอบกระดานไม้บานนี้มีสีหน้าดูไม่ดีนัก

 

“ศาลากระบี่สวรรค์มีสานุศิษย์ทั้งหมด 5,000 คน ตัวเลขนี้เป็นจํานวนตายตัว สานุศิษย์ทั้ง 5,000 มีการจัดลําดับรายชื่อบนกระดานแผ่นนี้คือสานุศิษย์ชั้นใน 500 ลําดับสุดท้าย หลังจากสงครามจัดอันดับในตอนสิ้นปี,สานุศิษย์ 500 คนนี้จะถูกถอนชื่ออกจากสถานะศิษย์ชั้นใน” ชายชราอธิบายให้เซี่ยวเฉินฟัง

 

เป็นเช่นนี้นี่เอง มิน่าทําไมสานุศิษย์ที่รวมตัวกันที่กระดานไม้บานนี้ถึงได้ดูเศร้าสลดนัก มันเป็นเพราะระบบการจัดลําดับของศาลากระบีสวรรค์ พวกเขาจะถอนชื่อสถานะศิษย์ชั้นใน 500 คนในทุกปี

 

เซี่ยวเฉินมองไปที่กระดานไม้ กระดานไม้มีทั้งหมดสิบแถวและแต่ละแถวมีเหรียญไม้ห้าสิบอัน แต่ละเหรียญเป็นตัวแทนของสานุศิษย์แต่ละคน

 

บนเหรียญไม้,มีชื่อของเหล่าสานุศิษย์ ,ระดับขอบเขตพลัง,ยอดเขา และข้อมูลพื้นฐานอื่นๆ เซี่ยวเฉินกวาดตามองอยู่ครู่ก่อนที่จะมองเห็นเหรียญไม้ของเขา

 

เหรียญไม้ของเซี่ยวเฉินอยู่ในตําแหน่งโดดเด่นเป็นสง่า ท้ายสุดของแถวที่สิบ นั่นหมายความว่าสานุศิษย์ทั้ง 5,000 คน,เขาอันดับต่ําสุด คําว่ายอดเขาฉิงหยุน,เย่เฉิน,ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต่ําเขียนอยู่บนเหรียญ

 

ผู้อาวุโสระดับสูงของโถงคุณความชอบดึงเหรียญของเซี่ยวเฉินออกมาและเหรียญไม้ทั่วทั้งกระดานก็ขยับในทันที เหรียญทั้งหมดบนกระดานไม้ขยับถอยหลังไปหนึ่งช่อง

 

ชายชราเก็บเอาเหรียญไม้ของเซี่ยวเฉินและเดินไปที่กระดานไม้บานอื่น,วางไว้ที่ตําแหน่งสุดท้ายของแถวสุดท้าย

 

ลําดับของเซี่ยวเฉินเพิ่มขึ้นมา 500 อันดับในครั้งเดียว ฝูงชนกลายเป็นแตกตื่น พวกเขาไม่เคยเห็นใครขึ้นมาทีเดียว 500 อันดับมาก่อน

 

“ไม่ยุติธรรม,ข้าทํางานอย่างหนักเพื่อภารกิจนิกายและสะสมความแข็งแกร่งของข้า กระนั้นเข้าก็เพิ่มขึ้นมาเพียงสิบอันดับภายในเดือนนี้ ทําไมเขาถึงได้กระโดดไปทีเดียว 500 อันดับ”

 

“ใช่แล้ว ข้าใช้เวลาหลายเดือนฝึกฝนอย่างขมขื่นแต่ข้าสา มารถขึ้นไปได้เพียงสิบอันดับเท่านั้น ข้าเคยเลื่อนอันดับที่ เดียวมากสุดก็สิบอันดับ เขาเลื่อนไปทีเดียว 500 อันดับได้อ ย่างไร?”

 

สีหน้าของชายชราไม่เปลี่ยนแปลง เขาค่อยหันกลับมามองดูที่ฝูงชน ทุกคนหยุดพูดพล่อยและกลายเป็นเงียบสงัดในทันที

 

“หากเจ้าอยู่ 500 อันดับสุดท้ายและสามารถสําเร็จภารกิจระดับสูงได้พร้อมกับปารประเมินที่ยอดเยี่ยมในภารกิจแรกของเจ้า,เจ้าสามารถเลื่อนได้ที่เดียว 500 อันดับ”

 

ฝูงชนในที่สุดก็นึกขึ้นได้โถงจัดอันดับมีกฏอยู่เช่นกัน อย่างไรก็ตาม มันเป็นไม่ได้สําหรับพวกเขาที่จะรับภารกิจระดับสูง สิ่งที่พวกเขาพบเจอมีเพียงอันตราย มันเป็นเรื่องยากมากที่จะได้รับการประเมินยอดเยี่ยม

 

ดังนั้นเป็นเวลานานมาแล้วไม่มีใครภายในศาลากระบี่สวรรค์เลื่อนอันดับด้วยวิธีนี้ เป็นเหตุว่าทําไมฝูงชนถึงขุ่นเคือง

 

เซี่ยวเฉินไม่ได้สนใจเลยสักนิด สําหรับเขา,ศาลากระบี่สวรรค์เป็นเพียงทางผ่าน หลังจากที่เขาร่ําเรียนฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมัน,เขาจะจากไปในทันที เขาไม่มีความคิดที่จะอยู่ยาว

 

ทวีปเทียนหวี่มีขนาดกว้างใหญ่และเซี่ยวเฉินได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับทวีปมานานแล้ว บางที,ศาลากระบี่สวรรค์ที่แข็งแกร่งภายในอาณาจักรต้าฉัน อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของทั้งทวีปหรือแม้กระทั้งของทั้งโลก

 

ด้านนอกของทวีปเทียนหวี่ยังคงเป็นมหาสมุทรที่ไร้ขอบเขต มันบ่งบอกว่ามีเกาะมากมายนับไม่ถ้วนตรงข้ามมหาสมุทรอันไร้อขอบเขต ยังมีผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งมากมายที่นั้น คิดได้เช่นนี้ ศาลากระบี่สวรรค์เปรียบเทียบไม่ได้ นั้นเป็นเหตุว่าทําไมเซี่ยวเฉินไม่ได้สนใจสถานะศิษย์ชั้นในของเขามากนัก

 

“ใช่ๆ,ข้ายังมีเรื่องที่ต้องไปทํา เจ้าค่อยๆเรียนรู้กฏอื่นๆไป” ชายชราพูดอย่างเฉยเมย

 

ก่อนที่เขาจะจากไป เขามองเซี่ยวเฉินอย่างลึกซึ้งและพูดขึ้น “ข้าจะขอทิ้งคําสุดท้ายเอาไว้ อย่าได้ลับคมกระบี่จนเกินไป, อย่ากัดมากเกินกว่าจะเคี้ยวไหว,หรืออย่าตั้งเป้าสูงจนเกินไป ศาลากระบี่สวรรค์ที่คงอยู่มาได้เป็นเวลานานแสนนาน มันไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เจ้าคิด”

 

“สิ่งนี้ที่เรียกว่า “อัจฉริยะ ,อยู่ที่นี่มีไม่น้อย อย่าปักใจของเจ้าไว้บนฟ้า ปักหลัก,และขัดเกลา มองดูที่ขุนเขานี้อย่างละเอียด,มันยิ่งใหญ่กว่าที่เจ้าจินตนาการเอาไว้”

 

เซี่ยวเฉินเผยสีหน้าตกตะลึงอย่างสุดขีด ชายชราผู้นี้เพียงให้คําเตือนง่ายๆแก่เขา แต่มันเหมือนกับว่าเขาสามารถมองทะลุความคิดของเขาได้

 

คําของชายชราทําให้เซี่ยวเฉินคิด อย่าปักใจเจ้าไว้บนท้องฟ้า ปักหลัก,และขัดเกลาเขากําลังว่าข้าหยิ่งผยองเกินไป?

 

ไม่สําคัญ,มามองดูสถานการณ์ก่อน เนื่องจากเซี่ยวเฉินเข้ามาอยู่ที่นี่แล้วเขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะจากไปในทันที ทุกการเดินทางเริ่มที่ก้าวแรก

 

เซี่ยวเฉินเดินไปที่กระดานบานแรก,สานุศิษย์ชั้นใน 500 อันดับแรกในศาลากระบี่สวรรค์จัดเรียงกันอยู่ที่นี่ กระดานไม้ดูเหมือนกับกระดานบานอื่น มีทั้งหมดสิบแถวแถวละห้าสิบคน อย่างไรก็ตาม,ที่ด้านหลังของกระดานมันต่างออกไป มีชั้นสีทองคําทาอยู่ด้านหลัง ดูเหมือนเพื่อจะให้เป็นเกียรติแก่พวกเขา

 

อย่างไรก็ตาม, 500 อันดับแรกก็สมควรได้รับเกียรตินี้ เมื่อผู้นั้นเห็นชื่อของพวกเขาเขียนอยู่,พวกเขาจะรู้สึกภูมิใจ

 

การเอาตัวรอด,มันเป็นกลไกการแข่งขันที่ดีมาก มันเป็นวิธีที่ดีในการรักษาผู้มีฝีมือเอาไว้ เซี่ยวเฉินชื่นชมระบบการจัด อันดับนี่เล็กน้อย

 

มองขึ้นไป,ชื่อของผู้ที่อยู่บนสูงสุดสิบอันดับแรกเป็นสีแดงก่ำ,ราวกับเลือด พวกเขาโดดเด่นเป็นสง่า สิ่งที่ทําให้เซี่ยวเฉินประหลาดใจก็คือทั้งสิบคนไม่ได้เป็นศิษย์แก่นกลางของศาลากระบี่สวรรค์

 

เซี่ยวเฉินไม่รู้ว่าพวกเขามาจากยอดเขาหรือระดับขอบเขตพลังอะไร ข้อมูลมีเพียงแค่ชื่อ พวกเขาไม่ถูกระบุตัวตน มันดูลึกลับ

 

เป็นไปได้ว่าสานุศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในศาลากระบี่สวรรค์ไม่ใช่ผู้สืบทอดที่แท้จริง? เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง เขามองลงมาเรื่อยๆอย่างละเอียดและพบชื่อของผู้สืบทอดที่แท้จริงหลังจากอันดับที่ห้าสิบ

 

ผู้สืบทอดที่แท้จริงของยอดเขาว่านเหริน,หวังฉินเอี้ยน เขาคือระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้น แม้แต่ในผู้สืบทอดที่แท้จริงทั้งหมดเขาก็ถูกจัดอันดับไว้ที่ห้าสิบ เมื่อเขาครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน เซี่ยวเฉินก็ตัดสินใจที่จะหาอันดับของผู้ที่ถูกเรียกว่า “กระบี่เร็วหลินเฟิง”

 

เซี่ยวเฉินมองหาต่อไปและในที่สุดก็พบชื่อของหลินเฟิงอยู่ในแถวที่สาม ศิษย์แก่นกลางยอดเขาว่านเหริน,ระดับขอบเขตนักบุญขันสูง อันดับสองแห่งยอดเขาว่านเหรินอยู่เพียงอันดับประมาณหนึ่งร้อย

 

การจัดอันดับบนกระดานบนมันเป็นอย่างไร? ทําไมรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง? เซี่ยวเฉินเริ่มสงสัย

 

“เย่เฉิน!” บ้างคนด้านหลังเซี่ยวเฉินเรียกชื่อของเขาออกมาขณะที่เขากําลังครุ่นคิด เมื่อเขาหันกลับไป,เขาพบว่านั้นคือม่าเฉิน,หนึ่งในผู้ที่เข้าไปทําภารกิจนิกายในเหมืองวิญญาณเช่นเดียวกับเขา

 

เมื่อม่าเฉินเห็นเซี่ยวเฉินหันมา, เขาเดินตรงเข้ามาอย่างเป็นสุข เขาพูดขึ้น “เป็นเจ้าจริงๆ! ศิษย์น้องเยู่เฉิน,ข้าไม่ได้เห็นเจ้ามากว่าหนึ่งเดือน ข้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นเขา,เขารู้สึกผิดเล็กน้อย เขาอธิบายว่าทําไมถึงต้องทําให้เขาหมดสติในวันนั้นและไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างไร

 

ม่าเฉินโบกมือและพูดขึ้น “ไม่ต้องไปพูดถึง,ข้าเข้าใจสถานการณ์ ว่าก็ว่าเถอะ,เจ้ามีคนหนุนหลังแข็งแกร่งเพียงใด ท่านเจ้าศาลาน้อยถึงกับส่งคนลงไปตามหาเจ้า”

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกแปลกประหลาด เขาถามขึ้น “เจ้าก็รู้ถึงเรื่องนี้? มีใครรู้เกี่ยวกับมันอีกบ้าง?”

 

ม่าเฉินสายหัว “ไม่น่าจะมีใครอีก ข้าโผล่ตัวเองออกมาประมาณครึ่งเดือนก่อน ข้าไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในเหมืองวิญญาณ ข้าหลบอยู่คนเดียวเป็นเวลานาน

 

ทั้งสองพูดคุยกันต่อครู่หนึ่งและเซี่ยวเฉินเข้าใจขึ้นเล็กน้อยว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เขาจากไป เรื่องที่เกิดขึ้นในเหมืองวิญญาณได้ไม่แพร่งพรายออกไป ทุกอย่างในศาลากระบี่สวรรค์ดําเนินไปอย่างปกติ

 

ไม่มีคนนอกที่รู้ว่าหนึ่งเดือนก่อน มีเรื่องร้ายแรงได้เกิดขึ้น ที่ใต้เท้าของพวกเขาที่มันอาจจะนําพาให้ศาลากระบี่สวรรค์ล่มสลาย

 

ทันใดนั้นเซี่ยวเฉินก็นึกขึ้นได้,ม่าเฉินได้อยู่ที่ศาลากระบี่สวรรค์มาเป็นเวลานานกว่าเขา เขาจะต้องรู้ว่ามีอะไรเกี่ยวกับการจัดอันดับ ดังนั้นเซี่ยวเฉินจึงถามในสิ่งที่สงสัย

 

ม่าเฉินหัวเราะอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะตอบ “เป็นเรื่องปกติมาก ผู้สืบทอดที่แท้จริงของแต่ละยอดเขาใหญ่ทั้งเจ็ดจะถูกสืบทอดผ่านทางสายเลือดของท่านเจ้ายอดเขา ไม่มีอะไรเกี่ยวกับพรสวรรค์ บางที ความแข็งแกร่งของผู้สืบทอดที่แท้จริงอ่อนแอยิ่งกว่าศิษย์ชั้นในทั่วไปเสียอีก”

 

เซี่ยวเฉินกล่าวอย่างตกตะลึง “ผู้คนสามารถยอมรับที่พวกเขาขึ้นมาเป็นท่านเจ้ายอดเขา?”

 

หากท่านเข้ายอดเขาอ่อนแอยิ่งกว่าผู้อาวุโสหลัก,เซี่ยวเฉินพบว่ามันยากที่จะจินตนาการว่าคนผู้นั้นจะบริหารจัดการยอดเขาได้เช่นไร

 

“ไม่ยอมรับ ถึงอย่างไรก็ตามเรื่องแบบนั้นก็เกิดขึ้นได้ยาก นอกจากนั้น,ทุกยอดเขามีวิธีการสืบทอดของตัวเอง ท่านเจ้ายอดเขาคนก่อนสามารถส่งต่อระดับขอบเขตพลังของพวกเขาให้กับผู้สืบทอดก่อนที่จะตายลง” ม่าเฉินอธิบายต่อ

 

“สําหรับสิบอันดับแรก, พวกเขาเป็นสิบคนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง พวกเขามักจะฝึกฝนอยู่ข้างนอกและนานที่จะกลับเข้ามา เช่นนั้นเป็นธรรมดาที่ผู้คนจะไม่รู้ถึงระดับขอบเขตพลังของพวกเขา ข้าเคยเห็นพวกเขาตอนสงครามจัดอันดับของปีก่อน”

 

ทั้งสิบคนนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก,สมกับชื่อเสียงของ พวกเขาหลายคนในหมู่พวกเขาสามารถจู่โตมผู้ที่มีระดับขอบเขตสูงกว่าพวกเขาไปสองสามขั้น นอกจากนั้น,วิธีการบ่มเพาะพลังของพวกเขายังแตกต่างไปจากศิษย์ชันในทั่วไป พวกเขาทั้งหมดไปอยู่กันที่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์”

 

นั้นคือเหตุผลที่ชายชราผู้นั้นกล่าวกับเซี่ยวเฉินว่าศาลากระบี่สวรรค์ไม่เคยขาดแคลนอัจฉริยะ หากยี่สิบอันดับแรก เป็นเหมือนอย่างที่ม่าเฉินเล่าให้เขาฟัง,เช่นนั้นคําพูดของชายชราก็ไม่ได้เกินจริง

 

ผู้ใดจะสามารถเป็นอัจฉริยะได้มากกว่าผู้ที่สามาถข้ามขอบเขตระดับพลังและเอาชนะคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้?

 

หลังจากที่ม่าเฉินตอบคําถามของเซี่ยวเฉิน,เขาอธิบายต่อถึงการเปลี่ยนแปลงอันดับ นอกจากทําการฝึกในและภารกิจ,ยังสามารถท้าสู้ผู้ที่อมีอันดับอยู่ในแถวเดียวกัน

 

กล่าวได้ว่า พวกเขาสามารถท้าทายศิษย์ชั้นในที่อันดับสูงกว่าได้ 49 อันดับ ทุกคนมีสิทธิ์ในการท้ายทายหนึ่งคนทุกหนึ่งเดือน ผู้ที่ถูกท้าทายสามารถปฏิเสธได้

 

อย่างไรก็ตามในวันที่ 15 ของทุกเดือน,หากมีคนมาท้าทายต้องยอมรับ มิฉะนั้น จะถูกตัดสินว่าแพ้

 

แน่นอน ที่สําคัญที่สุดปีละครั้งก็คือสงครามจัดอันดับสิ้นปี ในช่วงเวลานั้น,ทั่วทั้งศาลากระบี่สวรรค์จะเกิดสงครามครั้งใหญ่ในหมู่สานุศิษย์ชั้นใน

 

คะแนนทั้งหมดที่เก็บได้ในสงครามเป็นปัจจัยสําคัญในการจัดอันดับ อันดับดั้งเดิมก็สําคัญเช่นกัน;เหมือนกับคะแนนที่เก็บเกี่ยวมาได้ อย่างไรก็ตาม,หากอันดับของผู้นั้นต่ําจนเกินไป,มันจะไร้ประโยชน์ในท้ายที่สุด

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+