Immortal and Martial Dual Cultivation 232 สนามประลอง,การต่อสู้จัดอันดับ

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 232 สนามประลองการต่อสู้จัดอันดับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation

ตอนที่ 232 สนามประลอง,การต่อสู้จัดอันดับ

 

เวทีสําหรับการประลองจัดอยู่ตรงกลางของลานฝึกฝน มันไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นมากนัก;คนส่วนใหญ่ที่พบว่ามีเซี่ยวเฉินเป็นคู่ต่อสู้เลือกที่จะยอมแพ้จากสิบสามในสิบห้ารอบประลอง,เซี่ยวเฉินชนะโดยยังไม่ทันได้สู้

 

มีเพียงมู่เหิงกับจางเลี่ยเลือกที่จะต่อสู้ ช่างน่าเสียดาย, พวกเขาไม่อาจล้มเซี่ยวเฉินลงได้แม้ว่าจะร่วมมือกันเมื่อสามวันก่อน ในการต่อสู้ตัวต่อตัว,เซี่ยวเฉินใช้ความแข็งแกร่งเพียงหกในสิบส่วน,และเขาก็จบการต่อสู้ลงได้ภายในห้าสิบกระบวณท่า

ในการต่อสู้สิบห้ารอบ,เซี่ยวเฉินชนะขาดลอย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครจะได้อันดับหนึ่งไปครองสําหรับอันดับที่สอง,จะต้องตัด สินกันระหว่างมู่เหิงกับจางเลี่ย

 

ความแข็งแกร่งของพวกเขาทัดเทียมกันหลังจากที่ประมือกันมาเป็นเวลานาน,พวกเขาก็ยังตัดสินแพ้ชนะไม่ได้ ท้ายที่สุด,มู่เพิ่งพึ่งพาความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาและชนะการต่อสู้ครั้งนี้ไป,ล้มจางเลี่ยคว้าเอาอันดับสองมาครอง

 

การต่อสู้ทั้งหมดจบลงประมาณช่วงบ่ายของวัน;สานุศิษย์แก่นของของปีนี้ในที่สุดก็ถูกคัดเลือกเรียบร้อย หลิวสุยเฟิงคว้าเอาอันดับสิบมาอย่างฉิวเฉียด:ความปรารถนาของเขาก็เป็นจริงในที่สุด

 

“ไปพักผ่อนซะ หลังจากที่การต่อสู้จัดอันดับของสานุศิษย์แก่นกลางสิ้นสุดลง,พวกเจ้าจะต้องประลองครั้งสุดท้ายกับศิษย์แก่นกลางที่ได้สิบอันดับสุดท้าย” หัวหน้าผู้คุมสอบแจ้งทุกคน

แต่เดิม,เซี่ยวเฉินคิดจะออกไปทันทีหลังจากที่รับรางวัลเรียบร้อยแล้วเมื่อเขาได้ยินคําของหัวหน้าผู้คุมสอบ,เขาหยุดเท้าลง มันก็ไม่เลวเก็ดีที่จะได้เห็นว่าสานุศิษย์แก่นกลางสิบอันดับแรกในรายชื่อเมฆาล่องลอยจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด

 

หัวหน้าผู้คุมสอบได้จัดที่นั่งของเซียวเฉินและสานุศิษย์แก่นกลางหน้าใหม่,แยกพวกเขาออกมาจากสานุศิษย์ชั้นใน

 

หลังจากนั้น,สานุศิษย์แก่นกลางทั้งห้าร้อยคนก็เดินออกมาอารมณ์ของผู้คนในตอนนี้ถูกจุดติด มันคล้ายกับบรรยากาศของสงครามจัดอันดับในตอนสิ้นปี

 

อย่างไรก็ตาม,ความเป็นจริง,หากมองอีกมุมหนึ่ง,การต่อสู้ฉับพลันเช่นนี้ก็อาจจะจัดได้ว่าเป็นสงครามจัดอันดับตอนสิ้นปีได้กลายๆ สานุศิษย์แก่นกลางหนึ่งร้อยอันดับแรกโดยพื้นฐานแล้วก็นับได้ว่าเป็นสานุศิษย์หนึ่งร้อยอันดับแรกของศาลากระบี่สวรรค์

 

จริงที่ต่างออกไปจากสงครามจัดอันดับสิ้นปีก็คือจํานวนผู้เข้าร่วมที่น้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด คุณภาพการแข่งขันสูงดังนั้นความดุเดือดค่อนข้างรุนแรง

 

“เย่เฉิน,ข้ารู้สึกว่า,ด้วยความแข็งแกร่วของเจ้า,หากเจ้าเข้าร่วมการต่อสู้จัดอันดับของสานุศิษย์แก่นกลางในครั้งนี้ เจ้าสามารถขึ้นไปติดสิบอันดับแรกได้” มู่เหิง ผู้ที่อยู่ด้านข้าง,ทันใดนั้นก็แสดงความคิดเห็นขึ้น

 

จางเลี่ยไม่พอใจเล็กน้อยเขากล่าวขึ้น “เจ้าต้องล้อเล่นเป็นแน่ระดับการบ่มเพาะพลังของสิบอันดับต้นอย่างน้อยก็อยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้น”

 

“จากระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธไปสู่ระดับขอบเขตนักบุญคืออุปสรรคชิ้นแรกของนักบ่มเพาะพลังทุกคน แม้จะมีผู้ที่ฉายแววหน่อยแต่ความแข็งแกร่งมันต่างกันราวฟ้ากับปฐพี พวกเขาสามารถดึงพลังปราณออกมาโจมตีได้ นอกจากนั้น พลังโจมตีของพวกเขายังแข็งแกร่งอีกหลายเท่า

แน่นอนว่ามีความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงระหว่างระดับปรมาจารย์ยุทธกับนักบุญะจางเลี่ยไม่ได้กล่าวผิดหากระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูงสุดล้มระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้นหรือแม้กระทั่งขั้นกลางลงได้ มันยังไม่น่าแปลกใจเกินไปนัก

อย่างไรก็ตาม,ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงสุดที่อยากจะล้มผู้ที่เพิ่งก้าวขึ้นสู่ระดับขอบเขตนักบุญ,กล่าวได้ว่ายาก แม้ว่าทวีปเทียนหวี่จะกว้างใหญ่,อัจฉริยะเช่นนั้นนับร้อยปีถึงจะได้เห็นสักคน

 

หรือไม่, พวกเขาต้องมีจิตวิญญาณยุทธสืบทอดที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดหรือทักษะบ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้เป็นอย่างมากเช่นนั้นพวกเขาถึงจะทําสําเร็จ

 

ด้วยความแข็งแกร่งของเซี่ยวเฉิน,ในความคิดเห็นของจางเลี่ยเขาสามารถที่จะล้มระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้นทั่วไปได้อย่างไรก็ ตาม,ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในสานุศิษย์แก่นกลางสิบอันดับแรกอย่างน้อยที่สุดก็อยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นต่ํา นอกจากนั้น,พวหเขายังมีประสบการณ์กว่าหนึ่งร้อยสนามก่อนที่จะสามารถขึ้นไปสู่สิบอันดับแรก

ระดับมันสูงกว่าขอบเขตนักบุญทั่วไปที่อยู่นอกเทือกเขาทักปะบ่มเพาะพลังของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าระดับขอบเขตนักบุญทั่วไปเป็นอย่างมาก

 

เซี่ยวเฉินไม่โอนเอียงที่พวกเขาถกเถียงกัน ไม่มีสาระที่จะมาพูดคุยเกี่ยวกับมัน จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อประมือกันจริงๆ มีเพียงประมือกันเท่านั้นที่จะพิสูจน์ได้

มู่เพิ่งมองไปที่จางเลี่ยและกล่าว “สามวันก่อนในตอนที่พวกเราร่วมมือกัน,พวกเราทําให้เซี่ยวดึงมาใช้พลังทั้งหมดหกในสิบส่วนหากเขาต่อสู้โดยไม่มีอ้อมมือ,เขาจะทัดเทียมได้กับระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลาง”

 

ใช้พลังเพียงหกในสิบส่วน? จางเลี่ยไม่อยากจะเชื่อเมื่อเขาร่วมมือกันมู่เหิง,พวกเขาก็ทักเทียมได้กับระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางแล้ว

หากเซียวเฉินสามารถจัดการกับพวกเขาได้โดยใช้พลังเพียงหกในสิบส่วน, นั้นหมายความว่าระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางไม่ใช่คู่มือของเขา?

 

มันเป็นไปไม่ได้เ เซี่ยวเฉินเป็นเพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงสุด เขาจะต่อสู้ได้อย่างทัดเทียมได้เช่นไร? จางเลี่ยส่ายหัว,ตัดสินใจที่จะไม่พูดถามอะไรอีก

 

มีสิบสนามประลองบนลานฝึกฝน กฎของการประลองเหมือนกับเมื่อก่อนหน้านี้สะสมแต้ม เก้าสิบอันดับแรกตัดสินกันที่แต้มสะสม

 

ความแข็งแกร่งของสานุศิษย์แก่นกลางไม่อาจประเมินได้,คนส่วนใหญ่มีชุดไพ่ตายของตัวเอง นอกจากนั้นในฐานะที่เป็นผู้ใช้ กระบี่เช่นกันเซี่ยวเฉินพบว่ามันไม่ได้น่าเบื่อหลังจากดูการประลอง จบไปทีละคู่ๆ เขาคิดเสียว่าได้เปิดหูเปิดตา

อย่างไรก็ตาม ถึงมันจะน่าตื่นตา,แต่ก็ยังไม่น่าตื่นใจ มองดูการประลองที่เหมือนไม่จบไม่สิ้นท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ร้อนแรงก็ทําให้คนเบื่อได้

 

“หยุนเข่อซินแห่งยอดเขาสตรีหยกกําลังจะออกมาแล้วนางติดอันดับหนึ่งในสิบรายชื่อเมฆาล่องลอยทักษะกระบี่ทํานองสวรรค์ของนางไม่อาจป้องกันได้ข้าสงสัยว่าใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของนาง?”

 

“นางพบกับอันดับที่สิบแปดหยานเฟิง เขามันโหดเหี้ยม,แต่เขาก็ไม่ใช่คู่มือของหยุนเข่อซิน”

 

“หลังจากนั่งดูมาเป็นเวลานาน ในที่สุดก็มีคนที่ติดอันดับสิบออกมาข้ากําลังเบื่ออยู่พอดี”

“ข้าก็ด้วย หากไม่ใช่เพราะสิบอันดับต้น,ข้าไม่มา”

ผู้ชมที่กําลังเริ่มเบื่อหน่ายกลายเป็นตื่นตัวขึ้นมาหลังจากที่เห็นหยุนเข่อซิน สามารถได้ยินเสียงพูดคุยถึงการประลองที่กําลังจะเริ่มขึ้น

 

เซี่ยวเฉินมองไปที่หญิงสาวที่ค่อยๆเดินไปยังสนามประลองหยุนเขาอซินแต่งชุดสีขาว นางจัดได้ว่าไม่ได้สวยมากนักแต่ยังคงชวนน่ามอง,นางดูเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ

นางอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้น ระดับการบ่มเพาะพลังของนางต่ําที่สุดในสิบอันดับ ทักษะกระบี่ทํานองสวรรค์จะต้องมีอะไรพิเศษมิฉะนั้น,นางไม่น่าจะขึ้นมาติดอันดับหนึ่งในสิบได้,เซี่ยวเฉินวิเคราะห์ในใจของเขา

 

ทันใดนั้น,เชี่ยวเฉินก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหันไปทางหลิวสุยเฟงด้านข้างของเขาและถามขึ้น “ทําไมข้าไม่เห็นฉ่ซินอวิ่น? นางก็เป็นศิษย์แก่นกลางเช่นกันใช่หรือไม่?”

เมื่อฉ่ซินอวิ่นถูกยกขึ้นมาพูด,รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลิวสุยเฟิงในทันที เขาอธิบาย “สถานะศิษย์แก่นกลางของฉ่ซินอวินได้รับมาในฐานะนักปรุงยาของนาง สานุศิษย์ส่วนใหญ่ของยอดเขาสตรีหยกก็เป็นเช่นนั้น;พวกนางได้รับสถานะศิษย์แก่นกลางมาด้ว ยวิธีอื่น”

 

“มีเพียงเล็กน้อยที่พึ่งความสามารถในการต่อสู้เพื่อกลายเป็นศิษย์แก่นกลางอย่างหยุนเข่อซิน”

เป็นเช่นนั้น ศาลากระบี่สวรรค์ก็มีเหตุผล นักปรุงยามีส่วนรวมในนิกายเป็นอย่างมาก,พวกเขาถูกนับว่าเป็นบุคลากรหา ยาก

 

“เจ้าดูเหมือนจะคุ้นเคยกับสานุศิษย์ยอดเขาสตรีหยกเจ้าคิดว่าหยุนเข่อซินจะใช้กี่กระบวณท่าในการล้มคู่ต่อสู้ของนาง?” เซี่ยวเฉินยิ้มๆ

หลิวสุยเฟิงหะวเราะเลิกลักและกล่าว “หยุนเข่อซินใช้เวลาส่วนใหญ่ออกไปฝึกฝนภายนอก ภารกิจนิกายที่นางรับก็เป็นสถานที่ห่างไกลข้าเคยพูดคุยกับนางเพียงสองสามครั้ง”

 

ขณะที่พวกเขากําลังพูดคุยกัน,หยุนเข่อซินและหยานเฟิงก็ก้าวขี้นมาบนสนามประลอง ภายใต้การแนะนําของผู้ตัดสิน, พวกเขายืนอยู่คนละมุม ฝูงชนก็หยุดพูดคุย

“ศิษย์พี่หยุน,ขอเสียมารยาทแล้ว!” หลังจากคํานับกัน,หยานเฟีงกล่าวหยาบๆก่อนที่จะชักระบี่ของเขาออกมา กระบี่ฉีปรากฏขึ้นในทันทีและทะลวงผ่านอากาศ, บินตรงไปที่หยุนเข่อซิน

 

หยุนเข่อซินไม่ใช่คู่ต่อสู้ทั่วไป ดังนั้น,หยานเฟิงไม่อ้อมมือเขาส่งกระบี่ฉีออกไปหลายเล่มด้วยพลังทั้งหมดของเขา เขาส่งพวกมันบินออกไปหลายมุม:ตัวเขาออกก็พุ่งออกไปด้วยเช่นกัน

 

มีแสงสีขาววูบไหวและหยุนเข่อซินลอยกลับหลังไปไกล,ราวกับว่านางรอขนนกบางเบา ร่างของนางอ่อนช้อยมันราวกับว่าร่างของ นางไร้ซึ่งกระดูกนางหลบเลี่ยงกระบี่ฉีที่พุ่งเข้ามาได้อย่างง่ายดาย

หยานเฟิงยิ้มขึ้นบางเบาพร้อมกับปรากฏตัวขึ้นในจุดที่หยุนเข่อซินลงถึงพื้น “ข้าคาดเดาไว้แล้วว่าเจ้าจะต้องลงมาตรงนี้นี่คือกระบวณท่าสังหารที่แท้จริงของข้า! ฟันไขว้หลายมิติ!”

 

หยานเฟิงสะบัดข้อมือและคบกระบี่ฉีรูปกากบาทก็ลอยผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็ว รอยแตกปรากฏขึ้นทั่วทุกที่ที่กระบี่ฉีกากบาทวาดผ่านไป,แสดงถึงพลังของกระบวณท่านี้

 

การโจมตีนี้ช่างแม่นยํามันลงไปตรงที่หยุนเข่อซินลงจอดอย่างประจวบเหมาะ นางอยากจะเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศ,แต่มันก็ยากลําบากอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้ว่านาวจะหลบได้,แต่นางก็จะตกลงสู่ตําแหน่งเสียเปรียบ

 

อย่างไรก็ตาม, หยุนเข่อซินมีสีหน้านิ่งสงบ ทันใดนั้นนางก็ทิ้งตัวลงแนวดิ่ง,ราวกับใบไม้ตกลงสู่พื้นที่ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นแท่ง โลหะในทันทีมันแปลกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ

 

เมื่อใช้ความเร็วตกลงพื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างกระทันหัน,ทันทีที่หยุนเข่อซินลงถึงพื้น,นางกดเท้าดีดตัวออกจากพื้นก่อนที่กระบี่ฉีกากบาทจะมาโดนนางเคลื่อนไหวไปหลายสิบเมตร,หลบการโจมตีของหยานเฟิงได้อย่างง่ายดาย

 

“ทักษะเคลื่อนไหวยอดเยี่ยม เคลื่อนไหวเหมือนกับนกนางแอ่นในพริบตา,บางเบาราวกับขนนก,และจาก นั้นก็หนักแน่น, หนักแน่นราวกับหินผานอกจากนั้น,นางยังเปลี่ยน ไปมาระหว่างสองสภาวะได้ในทันที”เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นฉากนี้เขาอด ไม่ได้ที่จะกล่าวชมนาง

 

หลิวสุยเฟิงกล่าว “นี่เป็นหนึ่งในทักษะเคลื่อนไหวระดับปฐพี่ที่หากยากของศลากระบี่สวรรค์ ทักษะเมฆาอัสนีคําราม มีเพียงผู้สีบทอดที่แท้จริงกับผู้มีพรสวรรค์เป็นพิเศษเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะได้ ฝึกฝนมันอย่างไรก็ตามเพื่อที่จะสําเร็จมันให้ได้มันต้องการใช้ ความสามารถในการเข้าใจที่สูงมาก”

 

เมื่อหยางเฟิงเห็นหยุนเข่อซินหลบเลี่ยงแผนที่เขาวางเอาไว้อย่างพิถีพิถัน,เขาเผยให้เห็นความผิดหวังเล็กน้อย เขาตะโกนและร่างของเขาก็ทิ้งภาพติดไว้ในอากาศ,ฟันลงไปที่หยุนเข่อซินด้วยกระบี่ของเขา

“แคร้ง!”

 

ในครั้งนี้ หยุนเข่อซินไม่เลือกที่จะหลบเลี่ยง,นางไม่แม้แต่ที่จะชักกระบี่ออกมาจากฝัก,กวาดมันขึ้นไปโดยตรง เมื่อกระบี่ลงมากระทบเข้ากับมัน,มันส่งเสียงที่ไพเราะออกมา หยุนเขาอซินตั้งรับไว้ได้โดยไม่ถูกดันกลับหลัง

 

หยานเฟิงเผยสีหน้าเดือดาลเมื่อเขาเห็นว่าหยุนเข่อซินไม่แม้แต่จะชักกระบี่ออกมา เขากล่าว “ศิษย์พี่หยุน,หลังจากไม่ได้เจอเจ้ามาครึ่งปี,ข้าไม่แม้แต่จะมีคุณสมบัติพอที่จะให้เจ้าชักกระบี่ออกมา?”

 

หยุนเข่อซินกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “อย่าวอกแวก หากนี้เป็นการต่อสู้ถึงตายเจ้าตายไปเรียบร้อยแล้ว!”

 

หยุนเข่อซุนที่ดูไม่แยแสทําให้หยานเฟิงเดือด เขาตะโกนและอกระบี่เอาไว้ด้วยสองมือ กระบี่แสงยาวสองเมตรถูกจุดขึ้นมาบนคมกระบี่,กดดันหยุนเข่อซินไม่หยุดหย่อน

“ชิ! ชิ!”

 

หยุนเข่อซินไม่สามารถต้านทานพลังกดดันมหาศาลนี้ได้ ผ่านไปครู่หนึ่ง,ร่างของนางก็ถูกดันไปที่ขอบสนาม หากนางตกลงไป,นางจะแพ้ในรอบนี้

 

“เจ้ายังจะเก็บกระบุไว้ในฝักหรือไม่? เช่นนั้นก็ร่วงไปซะ!”หยานเฟิงตะโกนและเร่งกระแสพลังของเขาขึ้นสูงสุดในทันที เขาซัดหยุนเข่อซินลอยกลับหลังไป

เหมือนก่อนหน้าเสีหน้าของหยุนเข่อซินไม่ได้ตื่นตระหนกนางจับด้ามกระบี่ของนางด้วยมือขวาและค่อยๆชักกระบี่ออกมาเล็กน้อย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 232 สนามประลอง,การต่อสู้จัดอันดับ

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 232 สนามประลองการต่อสู้จัดอันดับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation

ตอนที่ 232 สนามประลอง,การต่อสู้จัดอันดับ

 

เวทีสําหรับการประลองจัดอยู่ตรงกลางของลานฝึกฝน มันไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นมากนัก;คนส่วนใหญ่ที่พบว่ามีเซี่ยวเฉินเป็นคู่ต่อสู้เลือกที่จะยอมแพ้จากสิบสามในสิบห้ารอบประลอง,เซี่ยวเฉินชนะโดยยังไม่ทันได้สู้

 

มีเพียงมู่เหิงกับจางเลี่ยเลือกที่จะต่อสู้ ช่างน่าเสียดาย, พวกเขาไม่อาจล้มเซี่ยวเฉินลงได้แม้ว่าจะร่วมมือกันเมื่อสามวันก่อน ในการต่อสู้ตัวต่อตัว,เซี่ยวเฉินใช้ความแข็งแกร่งเพียงหกในสิบส่วน,และเขาก็จบการต่อสู้ลงได้ภายในห้าสิบกระบวณท่า

ในการต่อสู้สิบห้ารอบ,เซี่ยวเฉินชนะขาดลอย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครจะได้อันดับหนึ่งไปครองสําหรับอันดับที่สอง,จะต้องตัด สินกันระหว่างมู่เหิงกับจางเลี่ย

 

ความแข็งแกร่งของพวกเขาทัดเทียมกันหลังจากที่ประมือกันมาเป็นเวลานาน,พวกเขาก็ยังตัดสินแพ้ชนะไม่ได้ ท้ายที่สุด,มู่เพิ่งพึ่งพาความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาและชนะการต่อสู้ครั้งนี้ไป,ล้มจางเลี่ยคว้าเอาอันดับสองมาครอง

 

การต่อสู้ทั้งหมดจบลงประมาณช่วงบ่ายของวัน;สานุศิษย์แก่นของของปีนี้ในที่สุดก็ถูกคัดเลือกเรียบร้อย หลิวสุยเฟิงคว้าเอาอันดับสิบมาอย่างฉิวเฉียด:ความปรารถนาของเขาก็เป็นจริงในที่สุด

 

“ไปพักผ่อนซะ หลังจากที่การต่อสู้จัดอันดับของสานุศิษย์แก่นกลางสิ้นสุดลง,พวกเจ้าจะต้องประลองครั้งสุดท้ายกับศิษย์แก่นกลางที่ได้สิบอันดับสุดท้าย” หัวหน้าผู้คุมสอบแจ้งทุกคน

แต่เดิม,เซี่ยวเฉินคิดจะออกไปทันทีหลังจากที่รับรางวัลเรียบร้อยแล้วเมื่อเขาได้ยินคําของหัวหน้าผู้คุมสอบ,เขาหยุดเท้าลง มันก็ไม่เลวเก็ดีที่จะได้เห็นว่าสานุศิษย์แก่นกลางสิบอันดับแรกในรายชื่อเมฆาล่องลอยจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด

 

หัวหน้าผู้คุมสอบได้จัดที่นั่งของเซียวเฉินและสานุศิษย์แก่นกลางหน้าใหม่,แยกพวกเขาออกมาจากสานุศิษย์ชั้นใน

 

หลังจากนั้น,สานุศิษย์แก่นกลางทั้งห้าร้อยคนก็เดินออกมาอารมณ์ของผู้คนในตอนนี้ถูกจุดติด มันคล้ายกับบรรยากาศของสงครามจัดอันดับในตอนสิ้นปี

 

อย่างไรก็ตาม,ความเป็นจริง,หากมองอีกมุมหนึ่ง,การต่อสู้ฉับพลันเช่นนี้ก็อาจจะจัดได้ว่าเป็นสงครามจัดอันดับตอนสิ้นปีได้กลายๆ สานุศิษย์แก่นกลางหนึ่งร้อยอันดับแรกโดยพื้นฐานแล้วก็นับได้ว่าเป็นสานุศิษย์หนึ่งร้อยอันดับแรกของศาลากระบี่สวรรค์

 

จริงที่ต่างออกไปจากสงครามจัดอันดับสิ้นปีก็คือจํานวนผู้เข้าร่วมที่น้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด คุณภาพการแข่งขันสูงดังนั้นความดุเดือดค่อนข้างรุนแรง

 

“เย่เฉิน,ข้ารู้สึกว่า,ด้วยความแข็งแกร่วของเจ้า,หากเจ้าเข้าร่วมการต่อสู้จัดอันดับของสานุศิษย์แก่นกลางในครั้งนี้ เจ้าสามารถขึ้นไปติดสิบอันดับแรกได้” มู่เหิง ผู้ที่อยู่ด้านข้าง,ทันใดนั้นก็แสดงความคิดเห็นขึ้น

 

จางเลี่ยไม่พอใจเล็กน้อยเขากล่าวขึ้น “เจ้าต้องล้อเล่นเป็นแน่ระดับการบ่มเพาะพลังของสิบอันดับต้นอย่างน้อยก็อยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้น”

 

“จากระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธไปสู่ระดับขอบเขตนักบุญคืออุปสรรคชิ้นแรกของนักบ่มเพาะพลังทุกคน แม้จะมีผู้ที่ฉายแววหน่อยแต่ความแข็งแกร่งมันต่างกันราวฟ้ากับปฐพี พวกเขาสามารถดึงพลังปราณออกมาโจมตีได้ นอกจากนั้น พลังโจมตีของพวกเขายังแข็งแกร่งอีกหลายเท่า

แน่นอนว่ามีความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงระหว่างระดับปรมาจารย์ยุทธกับนักบุญะจางเลี่ยไม่ได้กล่าวผิดหากระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูงสุดล้มระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้นหรือแม้กระทั่งขั้นกลางลงได้ มันยังไม่น่าแปลกใจเกินไปนัก

อย่างไรก็ตาม,ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงสุดที่อยากจะล้มผู้ที่เพิ่งก้าวขึ้นสู่ระดับขอบเขตนักบุญ,กล่าวได้ว่ายาก แม้ว่าทวีปเทียนหวี่จะกว้างใหญ่,อัจฉริยะเช่นนั้นนับร้อยปีถึงจะได้เห็นสักคน

 

หรือไม่, พวกเขาต้องมีจิตวิญญาณยุทธสืบทอดที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดหรือทักษะบ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้เป็นอย่างมากเช่นนั้นพวกเขาถึงจะทําสําเร็จ

 

ด้วยความแข็งแกร่งของเซี่ยวเฉิน,ในความคิดเห็นของจางเลี่ยเขาสามารถที่จะล้มระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้นทั่วไปได้อย่างไรก็ ตาม,ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในสานุศิษย์แก่นกลางสิบอันดับแรกอย่างน้อยที่สุดก็อยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นต่ํา นอกจากนั้น,พวหเขายังมีประสบการณ์กว่าหนึ่งร้อยสนามก่อนที่จะสามารถขึ้นไปสู่สิบอันดับแรก

ระดับมันสูงกว่าขอบเขตนักบุญทั่วไปที่อยู่นอกเทือกเขาทักปะบ่มเพาะพลังของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าระดับขอบเขตนักบุญทั่วไปเป็นอย่างมาก

 

เซี่ยวเฉินไม่โอนเอียงที่พวกเขาถกเถียงกัน ไม่มีสาระที่จะมาพูดคุยเกี่ยวกับมัน จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อประมือกันจริงๆ มีเพียงประมือกันเท่านั้นที่จะพิสูจน์ได้

มู่เพิ่งมองไปที่จางเลี่ยและกล่าว “สามวันก่อนในตอนที่พวกเราร่วมมือกัน,พวกเราทําให้เซี่ยวดึงมาใช้พลังทั้งหมดหกในสิบส่วนหากเขาต่อสู้โดยไม่มีอ้อมมือ,เขาจะทัดเทียมได้กับระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลาง”

 

ใช้พลังเพียงหกในสิบส่วน? จางเลี่ยไม่อยากจะเชื่อเมื่อเขาร่วมมือกันมู่เหิง,พวกเขาก็ทักเทียมได้กับระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางแล้ว

หากเซียวเฉินสามารถจัดการกับพวกเขาได้โดยใช้พลังเพียงหกในสิบส่วน, นั้นหมายความว่าระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางไม่ใช่คู่มือของเขา?

 

มันเป็นไปไม่ได้เ เซี่ยวเฉินเป็นเพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงสุด เขาจะต่อสู้ได้อย่างทัดเทียมได้เช่นไร? จางเลี่ยส่ายหัว,ตัดสินใจที่จะไม่พูดถามอะไรอีก

 

มีสิบสนามประลองบนลานฝึกฝน กฎของการประลองเหมือนกับเมื่อก่อนหน้านี้สะสมแต้ม เก้าสิบอันดับแรกตัดสินกันที่แต้มสะสม

 

ความแข็งแกร่งของสานุศิษย์แก่นกลางไม่อาจประเมินได้,คนส่วนใหญ่มีชุดไพ่ตายของตัวเอง นอกจากนั้นในฐานะที่เป็นผู้ใช้ กระบี่เช่นกันเซี่ยวเฉินพบว่ามันไม่ได้น่าเบื่อหลังจากดูการประลอง จบไปทีละคู่ๆ เขาคิดเสียว่าได้เปิดหูเปิดตา

อย่างไรก็ตาม ถึงมันจะน่าตื่นตา,แต่ก็ยังไม่น่าตื่นใจ มองดูการประลองที่เหมือนไม่จบไม่สิ้นท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ร้อนแรงก็ทําให้คนเบื่อได้

 

“หยุนเข่อซินแห่งยอดเขาสตรีหยกกําลังจะออกมาแล้วนางติดอันดับหนึ่งในสิบรายชื่อเมฆาล่องลอยทักษะกระบี่ทํานองสวรรค์ของนางไม่อาจป้องกันได้ข้าสงสัยว่าใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของนาง?”

 

“นางพบกับอันดับที่สิบแปดหยานเฟิง เขามันโหดเหี้ยม,แต่เขาก็ไม่ใช่คู่มือของหยุนเข่อซิน”

 

“หลังจากนั่งดูมาเป็นเวลานาน ในที่สุดก็มีคนที่ติดอันดับสิบออกมาข้ากําลังเบื่ออยู่พอดี”

“ข้าก็ด้วย หากไม่ใช่เพราะสิบอันดับต้น,ข้าไม่มา”

ผู้ชมที่กําลังเริ่มเบื่อหน่ายกลายเป็นตื่นตัวขึ้นมาหลังจากที่เห็นหยุนเข่อซิน สามารถได้ยินเสียงพูดคุยถึงการประลองที่กําลังจะเริ่มขึ้น

 

เซี่ยวเฉินมองไปที่หญิงสาวที่ค่อยๆเดินไปยังสนามประลองหยุนเขาอซินแต่งชุดสีขาว นางจัดได้ว่าไม่ได้สวยมากนักแต่ยังคงชวนน่ามอง,นางดูเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ

นางอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้น ระดับการบ่มเพาะพลังของนางต่ําที่สุดในสิบอันดับ ทักษะกระบี่ทํานองสวรรค์จะต้องมีอะไรพิเศษมิฉะนั้น,นางไม่น่าจะขึ้นมาติดอันดับหนึ่งในสิบได้,เซี่ยวเฉินวิเคราะห์ในใจของเขา

 

ทันใดนั้น,เชี่ยวเฉินก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหันไปทางหลิวสุยเฟงด้านข้างของเขาและถามขึ้น “ทําไมข้าไม่เห็นฉ่ซินอวิ่น? นางก็เป็นศิษย์แก่นกลางเช่นกันใช่หรือไม่?”

เมื่อฉ่ซินอวิ่นถูกยกขึ้นมาพูด,รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลิวสุยเฟิงในทันที เขาอธิบาย “สถานะศิษย์แก่นกลางของฉ่ซินอวินได้รับมาในฐานะนักปรุงยาของนาง สานุศิษย์ส่วนใหญ่ของยอดเขาสตรีหยกก็เป็นเช่นนั้น;พวกนางได้รับสถานะศิษย์แก่นกลางมาด้ว ยวิธีอื่น”

 

“มีเพียงเล็กน้อยที่พึ่งความสามารถในการต่อสู้เพื่อกลายเป็นศิษย์แก่นกลางอย่างหยุนเข่อซิน”

เป็นเช่นนั้น ศาลากระบี่สวรรค์ก็มีเหตุผล นักปรุงยามีส่วนรวมในนิกายเป็นอย่างมาก,พวกเขาถูกนับว่าเป็นบุคลากรหา ยาก

 

“เจ้าดูเหมือนจะคุ้นเคยกับสานุศิษย์ยอดเขาสตรีหยกเจ้าคิดว่าหยุนเข่อซินจะใช้กี่กระบวณท่าในการล้มคู่ต่อสู้ของนาง?” เซี่ยวเฉินยิ้มๆ

หลิวสุยเฟิงหะวเราะเลิกลักและกล่าว “หยุนเข่อซินใช้เวลาส่วนใหญ่ออกไปฝึกฝนภายนอก ภารกิจนิกายที่นางรับก็เป็นสถานที่ห่างไกลข้าเคยพูดคุยกับนางเพียงสองสามครั้ง”

 

ขณะที่พวกเขากําลังพูดคุยกัน,หยุนเข่อซินและหยานเฟิงก็ก้าวขี้นมาบนสนามประลอง ภายใต้การแนะนําของผู้ตัดสิน, พวกเขายืนอยู่คนละมุม ฝูงชนก็หยุดพูดคุย

“ศิษย์พี่หยุน,ขอเสียมารยาทแล้ว!” หลังจากคํานับกัน,หยานเฟีงกล่าวหยาบๆก่อนที่จะชักระบี่ของเขาออกมา กระบี่ฉีปรากฏขึ้นในทันทีและทะลวงผ่านอากาศ, บินตรงไปที่หยุนเข่อซิน

 

หยุนเข่อซินไม่ใช่คู่ต่อสู้ทั่วไป ดังนั้น,หยานเฟิงไม่อ้อมมือเขาส่งกระบี่ฉีออกไปหลายเล่มด้วยพลังทั้งหมดของเขา เขาส่งพวกมันบินออกไปหลายมุม:ตัวเขาออกก็พุ่งออกไปด้วยเช่นกัน

 

มีแสงสีขาววูบไหวและหยุนเข่อซินลอยกลับหลังไปไกล,ราวกับว่านางรอขนนกบางเบา ร่างของนางอ่อนช้อยมันราวกับว่าร่างของ นางไร้ซึ่งกระดูกนางหลบเลี่ยงกระบี่ฉีที่พุ่งเข้ามาได้อย่างง่ายดาย

หยานเฟิงยิ้มขึ้นบางเบาพร้อมกับปรากฏตัวขึ้นในจุดที่หยุนเข่อซินลงถึงพื้น “ข้าคาดเดาไว้แล้วว่าเจ้าจะต้องลงมาตรงนี้นี่คือกระบวณท่าสังหารที่แท้จริงของข้า! ฟันไขว้หลายมิติ!”

 

หยานเฟิงสะบัดข้อมือและคบกระบี่ฉีรูปกากบาทก็ลอยผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็ว รอยแตกปรากฏขึ้นทั่วทุกที่ที่กระบี่ฉีกากบาทวาดผ่านไป,แสดงถึงพลังของกระบวณท่านี้

 

การโจมตีนี้ช่างแม่นยํามันลงไปตรงที่หยุนเข่อซินลงจอดอย่างประจวบเหมาะ นางอยากจะเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศ,แต่มันก็ยากลําบากอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้ว่านาวจะหลบได้,แต่นางก็จะตกลงสู่ตําแหน่งเสียเปรียบ

 

อย่างไรก็ตาม, หยุนเข่อซินมีสีหน้านิ่งสงบ ทันใดนั้นนางก็ทิ้งตัวลงแนวดิ่ง,ราวกับใบไม้ตกลงสู่พื้นที่ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นแท่ง โลหะในทันทีมันแปลกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ

 

เมื่อใช้ความเร็วตกลงพื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างกระทันหัน,ทันทีที่หยุนเข่อซินลงถึงพื้น,นางกดเท้าดีดตัวออกจากพื้นก่อนที่กระบี่ฉีกากบาทจะมาโดนนางเคลื่อนไหวไปหลายสิบเมตร,หลบการโจมตีของหยานเฟิงได้อย่างง่ายดาย

 

“ทักษะเคลื่อนไหวยอดเยี่ยม เคลื่อนไหวเหมือนกับนกนางแอ่นในพริบตา,บางเบาราวกับขนนก,และจาก นั้นก็หนักแน่น, หนักแน่นราวกับหินผานอกจากนั้น,นางยังเปลี่ยน ไปมาระหว่างสองสภาวะได้ในทันที”เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นฉากนี้เขาอด ไม่ได้ที่จะกล่าวชมนาง

 

หลิวสุยเฟิงกล่าว “นี่เป็นหนึ่งในทักษะเคลื่อนไหวระดับปฐพี่ที่หากยากของศลากระบี่สวรรค์ ทักษะเมฆาอัสนีคําราม มีเพียงผู้สีบทอดที่แท้จริงกับผู้มีพรสวรรค์เป็นพิเศษเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะได้ ฝึกฝนมันอย่างไรก็ตามเพื่อที่จะสําเร็จมันให้ได้มันต้องการใช้ ความสามารถในการเข้าใจที่สูงมาก”

 

เมื่อหยางเฟิงเห็นหยุนเข่อซินหลบเลี่ยงแผนที่เขาวางเอาไว้อย่างพิถีพิถัน,เขาเผยให้เห็นความผิดหวังเล็กน้อย เขาตะโกนและร่างของเขาก็ทิ้งภาพติดไว้ในอากาศ,ฟันลงไปที่หยุนเข่อซินด้วยกระบี่ของเขา

“แคร้ง!”

 

ในครั้งนี้ หยุนเข่อซินไม่เลือกที่จะหลบเลี่ยง,นางไม่แม้แต่ที่จะชักกระบี่ออกมาจากฝัก,กวาดมันขึ้นไปโดยตรง เมื่อกระบี่ลงมากระทบเข้ากับมัน,มันส่งเสียงที่ไพเราะออกมา หยุนเขาอซินตั้งรับไว้ได้โดยไม่ถูกดันกลับหลัง

 

หยานเฟิงเผยสีหน้าเดือดาลเมื่อเขาเห็นว่าหยุนเข่อซินไม่แม้แต่จะชักกระบี่ออกมา เขากล่าว “ศิษย์พี่หยุน,หลังจากไม่ได้เจอเจ้ามาครึ่งปี,ข้าไม่แม้แต่จะมีคุณสมบัติพอที่จะให้เจ้าชักกระบี่ออกมา?”

 

หยุนเข่อซินกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “อย่าวอกแวก หากนี้เป็นการต่อสู้ถึงตายเจ้าตายไปเรียบร้อยแล้ว!”

 

หยุนเข่อซุนที่ดูไม่แยแสทําให้หยานเฟิงเดือด เขาตะโกนและอกระบี่เอาไว้ด้วยสองมือ กระบี่แสงยาวสองเมตรถูกจุดขึ้นมาบนคมกระบี่,กดดันหยุนเข่อซินไม่หยุดหย่อน

“ชิ! ชิ!”

 

หยุนเข่อซินไม่สามารถต้านทานพลังกดดันมหาศาลนี้ได้ ผ่านไปครู่หนึ่ง,ร่างของนางก็ถูกดันไปที่ขอบสนาม หากนางตกลงไป,นางจะแพ้ในรอบนี้

 

“เจ้ายังจะเก็บกระบุไว้ในฝักหรือไม่? เช่นนั้นก็ร่วงไปซะ!”หยานเฟิงตะโกนและเร่งกระแสพลังของเขาขึ้นสูงสุดในทันที เขาซัดหยุนเข่อซินลอยกลับหลังไป

เหมือนก่อนหน้าเสีหน้าของหยุนเข่อซินไม่ได้ตื่นตระหนกนางจับด้ามกระบี่ของนางด้วยมือขวาและค่อยๆชักกระบี่ออกมาเล็กน้อย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+