Immortal and Martial Dual Cultivation 121 แม่นาปีศาจ,พลังฉีปีศาจไหลหลาก

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 121 แม่นาปีศาจพลังฉีปีศาจไหลหลาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 121 แม่นาปีศาจ,พลังฉีปีศาจไหลหลาก

“ฮ่ะ!”

ควันสีดําทันใดนั้นก็ลอยขึ้นและทะลุเข้าไปในร่างของระดับขอบเขตปรมจารย์ผู้หนึ่งของตระกูลเจียง ระดับขอบเขตปรมจารย์คนนั้นไม่ทันได้ตั้งรับและปล่อยให้ควันสีดําเข้าไปในร่าง!

“อ้า!”

ระดับขอบเขตปรมจารย์คนนั้นร้องออกมาอย่างน่าสังเวชผิวของเขากลายเป็นสีดําขณะที่ร่างของเขาลงไปนอนชักดิ้นอยู่บนพื้น,ตาของเขาเหลือกขึ้นราวกับปีศาจ

“ปัง!” เจียงหมิงรุ่นตัดสินใจชักกระบี่ของเขาออกมาฟันร่างระดับขอบเขตปรมจารย์คนนั้นขาดเป็นสองท่อนร่างทั้งสองซีกดิ้นไปมาพยายามกลับมารวมกันอีกครั้ง ตวนมู่ฉิงส่งเสาน้ําแข็งไปที่มันก่อนที่มันจะหยุดนิ่งลง

“นี้มันพลังฉีปีศาจหมอกควันที่ลอยอยู่เหนือแม่น้ำทั้งหมดนั้นคือพลังฉีปีศาจ นี่คือแม่นปีศาจที่แท้จริง” เจียงหมิงรุ่นมองไปยังแม่น้ําและกล่าวขึ้นอย่างหวาดกลัว, “หลังจากที่มีชีวิตอยู่มาแสนนาน,ข้ายังไม่เคยเห็นพลังฉีปีศาจมากมายเช่นนี้มาก่อน”

พลังฉีปีศาจ? เหล่าผู้บ่มเพาะพลังจากตระกูลชั้นสูงต่างพากันสุดหายใจเข้าลึก, พวกเขาทั้งหมดต่างตกตะลึงพวกเขาส่วนใหญ่เคยเข้ารับการทดสอบในพื้นที่อสูรปีศาจมาก่อนพวกเขามีความเข้าใจเกี่ยวกับพลังฉีปีศา จมาบ้างแต่พวกเขาไม่เคยเข้าไปสํารวจส่วนกลางของนที่ทดสอบมาก่อน ดังนั้น, พวกเขาไม่เคยเห็นพลังฉีปีศาจกับตาของตัวเองมาก่อน

หากหมอกควันสีดําทั้งหมดนี้คือพลังฉีปีศาจ,ที่ไหลไปยังที่ใดก็ไม่อาจทราบเมื่อมันไหลไปรวมกันขึ้นมามันจะน่ากลัวเป็นอย่างมากแม้แต่สถานที่ต้องห้ามทั้งเจ็ดของทวีปเทียนบู่ก็ไม่อาจเทียบกับมันได้

ขุนนางกุยยี่พึมพํากับตัวเองอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่จะพูดขึ้น “เรื่องมันเริ่มจะซับซ้อนกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ มีพลังฉีปีศาจมากมายเช่นนี้ มันจะต้องมีรอยแยกที่นําไปสู่โลกปีศาจที่ยังไม่ ถูกปิดผนึกพวกเราควรรายงานไปยังสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มิฉะนั้น,มันอาจจะกลายเป็นหายนะอันใหญ่หลวง

ฮวาหยุ่นเฟยสายหัว, “ข้าคิดว่าไม่จําเป็น ที่นี่เป็นที่พํานักสุดท้ายของมหาปราชญ์โบราณ มันจะไปมีรอยแยกขนาดใหญ่ได้เยี่ยงไร? แม่น้ําสายนี้มีมาตั้งแต่ยุคโบราณ และข้าคิดว่ารอยแยกมันไม่ได้มีขนาดใหญ่โตอะไรเพียงแต่มันผ่านมาเป็นเวลาจนเกิดการสะสมกลายเป็นจํานวนมาก”

จีชางคงพูดด้วยท่าทางผิดปกติ “ข้าเห็นด้วยกับฮวาหยุ่นเฟยหากมันเป็นช่องรอยแยกขนาดใหญ่,สามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องตรวจพบมันไปนานแล้ว มีข่าวลือว่าแต่ละดิน แดนศักดิ์สิทธิ์จะมีสมบัติกระจกเอาไว้สังเกตการณ์ช่องรอยแยกตอนนี้,พวกเขาก็ยังไม่ตรวจพบที่นี่”

เพียงชั่วครู่,ทุกคนก็เริ่มถกเถียงกันว่าแม่น้ําปิศาจสายนี้เป็นผลมาจากช่องรอยแยกขนาดใหญ่หรือไม่ผู้บ่มเพาะพลังสูงอายุจะเอนเอียงไปทางความคิดเห็นของขุนนางกุยยี่, พวกผู้บ่มเพาะพลังที่อายุอ่อนกว่าเห็นชัดว่ายินดีจะเข้าไปเสี่ยงดูและไม่อยากกลับออกไปโดยง่าย

“ซี!ชี!ชี!ชี!”

ขณะที่ทุกคนต่างถกเกถียงกัน,ที่พื้นผิวของน้ำสีดําสาดกระเซ็นขึ้นมา ค้างคาวที่ห่อหุ้มไปด้วยหมอกควันสีดํากระโดดขึ้นมาจากแม่น้ําและลอยตรงมาที่ฝูงชน

“ระดับขอบเขตปรมจารย์ทุกคนถอยหลังไปพลังฉีปีศาจบนตัวอสูรปีศาจพวกนี้มันหนาแน่นเกินไป” จีชางคงคิ้วขมวดพร้อมกับตะโกนออกมา

“ฟุว!”

ระดับขอบเขตปรมจารย์คนหนึ่งถอยกลับช้าเกินไปและถูกอสูรปีศาจค้าวคาวกัดเข้า เขาถูกครอบงําในพื้นที่และส่งกระแสพลังสีดําออกมาเขาหันไปหาคนที่อยู่ด้านข้าง,พยายามไล่สังหารพวกเขา

ขุนนางกุยยี่ยกหอกยาวของเขาขึ้นและแทงทะลุร่างของระดับขอบเขตปรมจารย์ที่ถูกครอบงําและระเบิดร่างของเขากลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

“พวกเจ้าจดจ่อไปที่การสังหารอสูรปีศาจ

ข้าจะจัดการผู้ที่ถูกครอบงําลงมือให้เร็วหากยิ่งพวกเขาถูกครอบงําเป็นระยะเวลานาน, พวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างน่ากลัว”

“ดวงดาวดาบร่ายรํากระบวณท่าที่หนึ่งเรียกขานดาราแสง” สายธารดวงดาวปรากฏขึ้นเบื้องหลังของจีชางคงมีจุดแสงดาวกําลังปรากฏขึ้นบนดาบของเขาเมื่อเหล่าค้าง คาวเข้ามาสัมผัสกับจุดพวกนั้น,พวกมันต่างร่างระเบิดกลายเป็นชิ้นในทันที

เหล่าผู้คนจากตระกูลชั้นสูงต่างเริ่มถูกครอบงําอย่างเนื่อง เมื่อมันเกิดขึ้น,ขุนนางกุยยี่และผู้ใต้บังคับบัญชาจะเข้ามาสั งหารพวกเขาทิ้งในทันทีไม่มีใครแสดงความเมตตาหลังจากนั้นเป็นเวลานาน,ซากศพอสูรปีศาจนับไม่ถ้วนกองสุมอยู่บน

ทันใดนั้นการต่อสู้ก็จบลงในเวลาไม่นานนักอย่างไรก็ตาม, ทุกคนต่างตกใจแทบกลายเป็นบ้า,ราวกับผ่านมหาสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

ทันใดนั้น,ตวนมู่ฉิงก็พูดขึ้น “แม้ว่าพลังฉีปีศาจบนตัวของอสูรปีศาจจะหนาแน่น,มันก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนักข้าเชื่อว่าดูเหมือนช่องรอยแยกมันไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก”

แน่นอน,หากมีช่องรอยแยกขนาดใหญ่ พวกอสูรปีศาจที่พวกเขาพบ,ถ้าดูจากปริมาณพลังฉีปีศาจที่พวกเขาเจอ, อย่างน้อยมันควรจะเป็นอสูปีศาจระดับ 6 พวกมันจะต้องไม่อ่อนแอเหมือนกับค้างคาวพวกนี้

ทุกคนต่างเห็นด้วยกับความคิดของตวนมู่ฉิง หลังจากที่พวกเขานับจํานวนคนที่ตาย,พวกเขาก็เดินทางต่อไปช่างน่าประหลาด,ไม่มีอสูรปีศาจออกมาอีก

หลังจากเดินตามแม่น้ำสีดํามานานกว่าสี่ชั่วโมงก็ถูกขวางไว้ด้วยตีนภูเขา แม่น้ําไหลผ่านลอดใต้ภูเขาไปไหลไปยังสถานที่ที่ไม่อาจรู้

“ดูนั้น,มองไปที่อีกฟากหนึ่ง,มันดูเหมือนจะมีแท่นหินตั้งอยู่” นักบ่มเพาะพลังผู้หนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปอีกด้านหนึ่งขณะที่ทุกคนกําลังท้อแท้ที่ไม่สามารถหาทางไปต่อได้

จีชางคงมองไปยังจุดที่เขาชี้มันมีแท่นหินอยู่จริงๆ แท่นหินนี้ดูไม่สูงมากมีทางขึ้นไปรอบด้านของแท่นหิน ที่ยอดของแท่นหิน,มีบางอย่างกําลังส่องแสงเรืองอ่อนๆออกมา

“โลงศพของมหาปราชญ์จะต้องตั้งอยู่ตรงนั้น ข้ารู้สึกได้ถึงพลังฉีอันเที่ยงธรรมของมหาปราชญ์” ฮวาหยุ่นเฟยอุทานอย่างดีอกดีใจ

ทุกคนต่างพูดคุยกันถึงวิธีที่จะข้ามแม่น้ำไป แม้กว้างเพียงสิบเมตร แต่ก็ไม่ใช่ระยะทางที่ทุกคนจะกระโดดข้ามไปโดยง่าย นอกจากนั้น,แม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญก็ไม่กล้าไปแตะต้องพลังฉีปีศาจที่อยู่บนผิวน้ำ

ในที่สุด,หกระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลฮวาก็รวมกันและส่งสายธารศักดิ์สิทธิ์ไปที่แม่น้ําปิศาจ มันชําระล้างพื้น ผิวของแม่น้ำในจังหวะนั้น,ระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลตวนมู่ลงมือแช่แข็งแม่น้ําเกิดเป็นทางเดินอย่างรวดเร็ว

ทุกคนเดินไปบนน้ำแข็งและพุ่งตรงไปที่ฝั่งตรงข้ามมุ่งตรง ไปที่แท่นหิน มองไปที่แท่นหินดูเหมือนจะดูไม่ไกลนัก ทั้งกลุ่มก็เดินกว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนที่จะมาถึงฐานของแท่นหิน

เมื่อพวกเขามาถึงแท่นหินที่พวกเขาเห็นว่ามันไม่ได้สูงมากนัก,พวกเขาพบว่ามันไม่ใช่ แท่นหินนี้สูงมากกว่าหนึ่งพันเมตร พวกเขามองขึ้นไปไม่เห็นยอดของแท่นหินมันราวกับว่าเป็นเส้นทางที่ขึ้นไปสู่สวรรค์

“ใช่,มันจะต้องเป็นที่นี้ นี่เป็นดินแดนเล็กๆที่มหาปราชญ์สร้างขึ้น” ชายชราพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นพร้อมกับจ้องมองไปที่แท่นหินที่ดูราวกับขยายยาวขึ้นไปถึงฟ้า

เมื่อผู้คนได้ยินดังนั้น,พวกเขาต่างตกตะลึงในใจ พวกเขามองไปที่แท่นหินสูงนับพันเมตรและทันใดนั้นก็เข้าใจ หากมันไม่ใช่เพียงดินแดนเล็กๆ,แท่นหินนี้คงต้องสูงทะลุภูเขา

ขึ้นไปอีก

ฮวาหยุ่นเฟยเผยสีหน้าอารมณ์ดีและถามขึ้น “จะมัวรีรออะไร? ไปกัน!” หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็เดินนาและตรงไปที่แท่นหินที่ราวกับจะนาพาขึ้นไปถึงสวรรค์

“ปุ! ปุ! ปุ!”

เหล่าสานุศิษย์จากตระกูลชั้นสูงทั้งหลายไม่รีรอให้ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง พวกเขาเดินตามไปอย่างรวดเร็วและเมื่อพวกเขา เดินขึ้นไปได้สิบก้าว,พวกเขาต่างรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ พวกเขารู้สึกว่าแต่ละก้าวของพวกเขามันหนักขึ้นเรื่อยๆ ทุกฝีเท้าก้าวขึ้นไปอย่างยากลําบาก

จีชางคงหยุดลงและหลับตาสัมผัสถึงทุกสิ่งอย่างละเอียด เมื่อเขายกเท้าขึ้นไม่มีอะไรมากรีกขวาง,แต่เมื่อเขาวางเท้าลงบนแท่นหิน,เขารู้สึกได้ทันทีว่าพลังงานในร่างของเขาจางหายไป

หลังจากนั้นครูใหญ่, จีชางคงลืมตาและพูดขึ้น “มีบางอย่างผิดปกติที่นี่,ทุกก้าวที่เราย่างไปจะเผาผลาญพลังปราณ ในตอนแรก,พวกเราแทบจะไม่รู้สึกอะไร แต่หลังจากนั้นมันจะเห็นได้ชัดขึ้น

เมื่อทุกคนได้ยินคําข้างเขา,พวกเขาหยุดฝีเท้าลง หลังจากที่สัมผัสถึงมันอย่างละเอียด,พวกเขาทั้งหมดต่างมีสีหน้าตกตะลึง พวกเขามองไปยังหนทางที่ทอดยาวไม่จบสิ้น อีกยาวไกลกว่าพวกเขาจะขึ้นไปถึงยอด

ฮวาหยุ่นเฟยพูดขึ้น “นี่เป็นอุปสรรคด่านสุดท้ายแล้ว,พวกเราจะยอมแพ้เช่นนี้ไม่ได้อย่างเลวร้ายที่สุด, พวกเราก็แค่เดินกลับออกไปหลังจากหมดสิ้นพลังปราณ”

จีชางคงเผยรอยยิ้มขมๆ “นั้นแหละคือปัญหา…ลองเดินกลับหลังมาเพียงแค่ก้าวเดียว”

เมื่อระดับขอบเขตปรมจารย์คนหนึ่งได้ยินเช่นนั้นเขาก็ลองก้าวถอยหลังมา ในจังหวะที่เท้าเขาแตะพื้น,เขารู้สึกได้ถึงพลังปราณจํานวนมหาศาลของเขาถูกสูบกลืนเขาตื่นตระหนกและอยากจะเผ่นออกไปจากที่นี้ในทันที เขาสูดหายใจเข้าลึกและกระโดดลงมา

เป็นฉากสยดสยองต่อหน้าของทุกคนที่อยู่ที่นี่, พวกเขาเห็นร่างของผู้บ่มเพาะพลังคนนั้นซูบลีบลงอย่างช้าๆ ในที่สุดเมื่อเขาลงถึงพื้นเขากลายเป็นโครงกระดูกสีขาวเนื้อหนังทั้งหมดหายไป

“เกิดอะไรขึ้น? ทําไมอํานาจสูบกลืนพลังชีวิตช่างมหาศาล? หรือนี่มันจะเป็นแท่นหินปีศาจ?” ระดับขอบเขตปรมจารย์ตระกูลเจียงคนหนึ่งถามออกมาขณะที่ทั่วทั้งร่างของเขาสันเพิ่มด้วยความหวาดกลัวสุดขีด

ใบหน้าของเหล่าสานุศิษย์ตระกูลชั้นสูงต่างซีดขาว พอคิดว่าแท่นหินตรงนี้มันช่างน่ากลัวหรือนี่จะเป็นหนทางสู่สวรรค์ในตํานาน? ก็ไม่ผิดนัก,ก้าวขึ้นสวรรค์ไปอย่างง่ายดายแต่กลับลงมาช่างยาเย็น

จีชางคงคิ้วขมวด “ระดับขอบเขตปรมจารย์คนใดที่ไม่มีจิตวิญญาณตยุทธที่สืบทอดให้กลับลงไป ห้ามกระโดด,เจ้าจะมีวิตอยู่ได้ไม่ถึงพื้น”

ในไม่ช้า,ระดับขอบเขตปรมจารย์ทุกคนค่อยๆกลับลงไปอย่างช้าๆ แม้มันจะเป็นเพียงสิบก้าว,มันราวกับผ่านการเดิน ทางกว่าพันเมตร

“ปัง!” ระดับขอบเขตปรมจารย์ผู้หนึ่งก้าวไปถึงขั้นที่สาม นับจากด้านล่างและไม่อาจทนได้อีกต่อไป เกิดเสียงปังดังขึ้น และเขาก็กลายไปเป็นกองกระดูกสีขาว

ผู้ที่อยู่ด้านข้างต่างถูกครอบงําไปด้วยความหวดกลัว บางคนไม่อาจทนได้ก่อนที่จะกระโดดลงไปเมื่อเขาเห็นว่าเหลืออีกเพียงสองขั้น ท้ายที่สุด,พวกเขาก็ตัวระเบิดตายกลายเป็น

เมื่อระดับขอบเขตปรมจารย์ทั้งหมดก้าวมาถึงข้างล่าง,พวกเขาต่างถอนหายใจออกมาพวกเขารีบนั่งลงที่พื้นและเร่งฟื้นคืนพลังปราณของพวกเขา

นอกจากเหล่าผู้สืบทอดของตระกูลชั้นสูง,มีเพียงระดับขอบเขตนักบุญที่ยังคงยืนอยู่บนแท่นหินขุนนางกุยยีมองไปที่ยอดของแท่นหินและพึมพํา “ต้องไปอีกอย่างน้อยหนึ่งพันก้าว แม้ว่าพวกเราจะขึ้นไปถึง,พวกเราจะกลับลงมาได้เช่นไร?”

ความคิดนี้ฝังลงในใจของทุกคนราวกับหมุดยักษ์ เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่สามารถมองข้ามไปได้จนถึงตอนนี้,พวกเขายังไม่ได้ใช้พลังปราณไปมากมายอย่างไรก็ตาม,มันจะใช้พลังปราณมากกว่าเดิมเพื่อกลับลงมา เงาแห่งความตายวนเวียนอยู่ในใจของทุกคน

จีชางคงพูดขึ้นอย่างสุขุม “หนึ่งพันปีก่อน,หลังจากที่จักรพรรดิอัสนีหายตัวไปเก็ไม่มีระดับขอบเขตจักรพรรดปรากฏตัวออกมาอีก ไม่ต้องพูดถึงระดับขอบเขตมหาปราชญ์”

“ตอนนี้โอกาสที่ยิ่งใหญ่มาวางอยู่ตรงหน้าพวกเราแล้ว แม้ว่าโอกาสรอดกลับไปจะมีไม่มากนักมันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ จักรพรรดิทุกคนในอดีตไม่ได้บรรลุความสําเร็จของพวกเขาด้วยการก้าวเดินที่เรียบง่าย”

หลังจากที่จีชางคงพูดจบ,เขาก็ขึ้นนําและมุ่งหน้าขึ้นไปคนที่เหลืออยู่ต่างเป็นผู้มีพรสวรรค์อัจฉริยะ

พวกเขาไม่ยอมถูกทิ้งไว้เบื้องหลังเป็นแท่นหินให้ผู้อื่นเหยียบขึ้นไป พวกเขาไม่มีความลังเลพร้อมกับตามขึ้นไปทันที

ตลอดทาง,ทั้งกลุ่มเห็นกองกระดูกสีขาวนับไม่ถ้วนบนแท่นหิน ยิ่งพวกเขาขึ้นไปสูงเท่าไหร,พวกเขาก็พบเจอมาขึ้นเท่านั้น ทั้งกลุ่มไม่สามารถหลบเลี่ยงและทําได้เพียงเหยียบย่ำไปบนกองกระดูกเดินหน้าต่อไป

ขณะที่พวกเขามุ่งหน้าต่อไป, กองกระดูกสีม่วงเริ่มปรากฏขึ้นให้เห็นทั้งกลุ่มต่างอุทานด้วยความตกใจ “นั้นมันผู้เชี่ยวชาญระดับขอบเขตจักรพรรดิ มีผู้เชี่ยวชาญมากมายเท่าไหรมาตกตายลงที่นี้? แม้แต่ระดับขอบเขตจักรพรรดิไม่อาจหลีกหนีไปจากชะตาแห่งความตาย?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 121 แม่นาปีศาจ,พลังฉีปีศาจไหลหลาก

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 121 แม่นาปีศาจพลังฉีปีศาจไหลหลาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 121 แม่นาปีศาจ,พลังฉีปีศาจไหลหลาก

“ฮ่ะ!”

ควันสีดําทันใดนั้นก็ลอยขึ้นและทะลุเข้าไปในร่างของระดับขอบเขตปรมจารย์ผู้หนึ่งของตระกูลเจียง ระดับขอบเขตปรมจารย์คนนั้นไม่ทันได้ตั้งรับและปล่อยให้ควันสีดําเข้าไปในร่าง!

“อ้า!”

ระดับขอบเขตปรมจารย์คนนั้นร้องออกมาอย่างน่าสังเวชผิวของเขากลายเป็นสีดําขณะที่ร่างของเขาลงไปนอนชักดิ้นอยู่บนพื้น,ตาของเขาเหลือกขึ้นราวกับปีศาจ

“ปัง!” เจียงหมิงรุ่นตัดสินใจชักกระบี่ของเขาออกมาฟันร่างระดับขอบเขตปรมจารย์คนนั้นขาดเป็นสองท่อนร่างทั้งสองซีกดิ้นไปมาพยายามกลับมารวมกันอีกครั้ง ตวนมู่ฉิงส่งเสาน้ําแข็งไปที่มันก่อนที่มันจะหยุดนิ่งลง

“นี้มันพลังฉีปีศาจหมอกควันที่ลอยอยู่เหนือแม่น้ำทั้งหมดนั้นคือพลังฉีปีศาจ นี่คือแม่นปีศาจที่แท้จริง” เจียงหมิงรุ่นมองไปยังแม่น้ําและกล่าวขึ้นอย่างหวาดกลัว, “หลังจากที่มีชีวิตอยู่มาแสนนาน,ข้ายังไม่เคยเห็นพลังฉีปีศาจมากมายเช่นนี้มาก่อน”

พลังฉีปีศาจ? เหล่าผู้บ่มเพาะพลังจากตระกูลชั้นสูงต่างพากันสุดหายใจเข้าลึก, พวกเขาทั้งหมดต่างตกตะลึงพวกเขาส่วนใหญ่เคยเข้ารับการทดสอบในพื้นที่อสูรปีศาจมาก่อนพวกเขามีความเข้าใจเกี่ยวกับพลังฉีปีศา จมาบ้างแต่พวกเขาไม่เคยเข้าไปสํารวจส่วนกลางของนที่ทดสอบมาก่อน ดังนั้น, พวกเขาไม่เคยเห็นพลังฉีปีศาจกับตาของตัวเองมาก่อน

หากหมอกควันสีดําทั้งหมดนี้คือพลังฉีปีศาจ,ที่ไหลไปยังที่ใดก็ไม่อาจทราบเมื่อมันไหลไปรวมกันขึ้นมามันจะน่ากลัวเป็นอย่างมากแม้แต่สถานที่ต้องห้ามทั้งเจ็ดของทวีปเทียนบู่ก็ไม่อาจเทียบกับมันได้

ขุนนางกุยยี่พึมพํากับตัวเองอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่จะพูดขึ้น “เรื่องมันเริ่มจะซับซ้อนกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ มีพลังฉีปีศาจมากมายเช่นนี้ มันจะต้องมีรอยแยกที่นําไปสู่โลกปีศาจที่ยังไม่ ถูกปิดผนึกพวกเราควรรายงานไปยังสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มิฉะนั้น,มันอาจจะกลายเป็นหายนะอันใหญ่หลวง

ฮวาหยุ่นเฟยสายหัว, “ข้าคิดว่าไม่จําเป็น ที่นี่เป็นที่พํานักสุดท้ายของมหาปราชญ์โบราณ มันจะไปมีรอยแยกขนาดใหญ่ได้เยี่ยงไร? แม่น้ําสายนี้มีมาตั้งแต่ยุคโบราณ และข้าคิดว่ารอยแยกมันไม่ได้มีขนาดใหญ่โตอะไรเพียงแต่มันผ่านมาเป็นเวลาจนเกิดการสะสมกลายเป็นจํานวนมาก”

จีชางคงพูดด้วยท่าทางผิดปกติ “ข้าเห็นด้วยกับฮวาหยุ่นเฟยหากมันเป็นช่องรอยแยกขนาดใหญ่,สามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องตรวจพบมันไปนานแล้ว มีข่าวลือว่าแต่ละดิน แดนศักดิ์สิทธิ์จะมีสมบัติกระจกเอาไว้สังเกตการณ์ช่องรอยแยกตอนนี้,พวกเขาก็ยังไม่ตรวจพบที่นี่”

เพียงชั่วครู่,ทุกคนก็เริ่มถกเถียงกันว่าแม่น้ําปิศาจสายนี้เป็นผลมาจากช่องรอยแยกขนาดใหญ่หรือไม่ผู้บ่มเพาะพลังสูงอายุจะเอนเอียงไปทางความคิดเห็นของขุนนางกุยยี่, พวกผู้บ่มเพาะพลังที่อายุอ่อนกว่าเห็นชัดว่ายินดีจะเข้าไปเสี่ยงดูและไม่อยากกลับออกไปโดยง่าย

“ซี!ชี!ชี!ชี!”

ขณะที่ทุกคนต่างถกเกถียงกัน,ที่พื้นผิวของน้ำสีดําสาดกระเซ็นขึ้นมา ค้างคาวที่ห่อหุ้มไปด้วยหมอกควันสีดํากระโดดขึ้นมาจากแม่น้ําและลอยตรงมาที่ฝูงชน

“ระดับขอบเขตปรมจารย์ทุกคนถอยหลังไปพลังฉีปีศาจบนตัวอสูรปีศาจพวกนี้มันหนาแน่นเกินไป” จีชางคงคิ้วขมวดพร้อมกับตะโกนออกมา

“ฟุว!”

ระดับขอบเขตปรมจารย์คนหนึ่งถอยกลับช้าเกินไปและถูกอสูรปีศาจค้าวคาวกัดเข้า เขาถูกครอบงําในพื้นที่และส่งกระแสพลังสีดําออกมาเขาหันไปหาคนที่อยู่ด้านข้าง,พยายามไล่สังหารพวกเขา

ขุนนางกุยยี่ยกหอกยาวของเขาขึ้นและแทงทะลุร่างของระดับขอบเขตปรมจารย์ที่ถูกครอบงําและระเบิดร่างของเขากลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

“พวกเจ้าจดจ่อไปที่การสังหารอสูรปีศาจ

ข้าจะจัดการผู้ที่ถูกครอบงําลงมือให้เร็วหากยิ่งพวกเขาถูกครอบงําเป็นระยะเวลานาน, พวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างน่ากลัว”

“ดวงดาวดาบร่ายรํากระบวณท่าที่หนึ่งเรียกขานดาราแสง” สายธารดวงดาวปรากฏขึ้นเบื้องหลังของจีชางคงมีจุดแสงดาวกําลังปรากฏขึ้นบนดาบของเขาเมื่อเหล่าค้าง คาวเข้ามาสัมผัสกับจุดพวกนั้น,พวกมันต่างร่างระเบิดกลายเป็นชิ้นในทันที

เหล่าผู้คนจากตระกูลชั้นสูงต่างเริ่มถูกครอบงําอย่างเนื่อง เมื่อมันเกิดขึ้น,ขุนนางกุยยี่และผู้ใต้บังคับบัญชาจะเข้ามาสั งหารพวกเขาทิ้งในทันทีไม่มีใครแสดงความเมตตาหลังจากนั้นเป็นเวลานาน,ซากศพอสูรปีศาจนับไม่ถ้วนกองสุมอยู่บน

ทันใดนั้นการต่อสู้ก็จบลงในเวลาไม่นานนักอย่างไรก็ตาม, ทุกคนต่างตกใจแทบกลายเป็นบ้า,ราวกับผ่านมหาสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

ทันใดนั้น,ตวนมู่ฉิงก็พูดขึ้น “แม้ว่าพลังฉีปีศาจบนตัวของอสูรปีศาจจะหนาแน่น,มันก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนักข้าเชื่อว่าดูเหมือนช่องรอยแยกมันไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก”

แน่นอน,หากมีช่องรอยแยกขนาดใหญ่ พวกอสูรปีศาจที่พวกเขาพบ,ถ้าดูจากปริมาณพลังฉีปีศาจที่พวกเขาเจอ, อย่างน้อยมันควรจะเป็นอสูปีศาจระดับ 6 พวกมันจะต้องไม่อ่อนแอเหมือนกับค้างคาวพวกนี้

ทุกคนต่างเห็นด้วยกับความคิดของตวนมู่ฉิง หลังจากที่พวกเขานับจํานวนคนที่ตาย,พวกเขาก็เดินทางต่อไปช่างน่าประหลาด,ไม่มีอสูรปีศาจออกมาอีก

หลังจากเดินตามแม่น้ำสีดํามานานกว่าสี่ชั่วโมงก็ถูกขวางไว้ด้วยตีนภูเขา แม่น้ําไหลผ่านลอดใต้ภูเขาไปไหลไปยังสถานที่ที่ไม่อาจรู้

“ดูนั้น,มองไปที่อีกฟากหนึ่ง,มันดูเหมือนจะมีแท่นหินตั้งอยู่” นักบ่มเพาะพลังผู้หนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปอีกด้านหนึ่งขณะที่ทุกคนกําลังท้อแท้ที่ไม่สามารถหาทางไปต่อได้

จีชางคงมองไปยังจุดที่เขาชี้มันมีแท่นหินอยู่จริงๆ แท่นหินนี้ดูไม่สูงมากมีทางขึ้นไปรอบด้านของแท่นหิน ที่ยอดของแท่นหิน,มีบางอย่างกําลังส่องแสงเรืองอ่อนๆออกมา

“โลงศพของมหาปราชญ์จะต้องตั้งอยู่ตรงนั้น ข้ารู้สึกได้ถึงพลังฉีอันเที่ยงธรรมของมหาปราชญ์” ฮวาหยุ่นเฟยอุทานอย่างดีอกดีใจ

ทุกคนต่างพูดคุยกันถึงวิธีที่จะข้ามแม่น้ำไป แม้กว้างเพียงสิบเมตร แต่ก็ไม่ใช่ระยะทางที่ทุกคนจะกระโดดข้ามไปโดยง่าย นอกจากนั้น,แม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญก็ไม่กล้าไปแตะต้องพลังฉีปีศาจที่อยู่บนผิวน้ำ

ในที่สุด,หกระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลฮวาก็รวมกันและส่งสายธารศักดิ์สิทธิ์ไปที่แม่น้ําปิศาจ มันชําระล้างพื้น ผิวของแม่น้ำในจังหวะนั้น,ระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลตวนมู่ลงมือแช่แข็งแม่น้ําเกิดเป็นทางเดินอย่างรวดเร็ว

ทุกคนเดินไปบนน้ำแข็งและพุ่งตรงไปที่ฝั่งตรงข้ามมุ่งตรง ไปที่แท่นหิน มองไปที่แท่นหินดูเหมือนจะดูไม่ไกลนัก ทั้งกลุ่มก็เดินกว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนที่จะมาถึงฐานของแท่นหิน

เมื่อพวกเขามาถึงแท่นหินที่พวกเขาเห็นว่ามันไม่ได้สูงมากนัก,พวกเขาพบว่ามันไม่ใช่ แท่นหินนี้สูงมากกว่าหนึ่งพันเมตร พวกเขามองขึ้นไปไม่เห็นยอดของแท่นหินมันราวกับว่าเป็นเส้นทางที่ขึ้นไปสู่สวรรค์

“ใช่,มันจะต้องเป็นที่นี้ นี่เป็นดินแดนเล็กๆที่มหาปราชญ์สร้างขึ้น” ชายชราพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นพร้อมกับจ้องมองไปที่แท่นหินที่ดูราวกับขยายยาวขึ้นไปถึงฟ้า

เมื่อผู้คนได้ยินดังนั้น,พวกเขาต่างตกตะลึงในใจ พวกเขามองไปที่แท่นหินสูงนับพันเมตรและทันใดนั้นก็เข้าใจ หากมันไม่ใช่เพียงดินแดนเล็กๆ,แท่นหินนี้คงต้องสูงทะลุภูเขา

ขึ้นไปอีก

ฮวาหยุ่นเฟยเผยสีหน้าอารมณ์ดีและถามขึ้น “จะมัวรีรออะไร? ไปกัน!” หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็เดินนาและตรงไปที่แท่นหินที่ราวกับจะนาพาขึ้นไปถึงสวรรค์

“ปุ! ปุ! ปุ!”

เหล่าสานุศิษย์จากตระกูลชั้นสูงทั้งหลายไม่รีรอให้ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง พวกเขาเดินตามไปอย่างรวดเร็วและเมื่อพวกเขา เดินขึ้นไปได้สิบก้าว,พวกเขาต่างรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ พวกเขารู้สึกว่าแต่ละก้าวของพวกเขามันหนักขึ้นเรื่อยๆ ทุกฝีเท้าก้าวขึ้นไปอย่างยากลําบาก

จีชางคงหยุดลงและหลับตาสัมผัสถึงทุกสิ่งอย่างละเอียด เมื่อเขายกเท้าขึ้นไม่มีอะไรมากรีกขวาง,แต่เมื่อเขาวางเท้าลงบนแท่นหิน,เขารู้สึกได้ทันทีว่าพลังงานในร่างของเขาจางหายไป

หลังจากนั้นครูใหญ่, จีชางคงลืมตาและพูดขึ้น “มีบางอย่างผิดปกติที่นี่,ทุกก้าวที่เราย่างไปจะเผาผลาญพลังปราณ ในตอนแรก,พวกเราแทบจะไม่รู้สึกอะไร แต่หลังจากนั้นมันจะเห็นได้ชัดขึ้น

เมื่อทุกคนได้ยินคําข้างเขา,พวกเขาหยุดฝีเท้าลง หลังจากที่สัมผัสถึงมันอย่างละเอียด,พวกเขาทั้งหมดต่างมีสีหน้าตกตะลึง พวกเขามองไปยังหนทางที่ทอดยาวไม่จบสิ้น อีกยาวไกลกว่าพวกเขาจะขึ้นไปถึงยอด

ฮวาหยุ่นเฟยพูดขึ้น “นี่เป็นอุปสรรคด่านสุดท้ายแล้ว,พวกเราจะยอมแพ้เช่นนี้ไม่ได้อย่างเลวร้ายที่สุด, พวกเราก็แค่เดินกลับออกไปหลังจากหมดสิ้นพลังปราณ”

จีชางคงเผยรอยยิ้มขมๆ “นั้นแหละคือปัญหา…ลองเดินกลับหลังมาเพียงแค่ก้าวเดียว”

เมื่อระดับขอบเขตปรมจารย์คนหนึ่งได้ยินเช่นนั้นเขาก็ลองก้าวถอยหลังมา ในจังหวะที่เท้าเขาแตะพื้น,เขารู้สึกได้ถึงพลังปราณจํานวนมหาศาลของเขาถูกสูบกลืนเขาตื่นตระหนกและอยากจะเผ่นออกไปจากที่นี้ในทันที เขาสูดหายใจเข้าลึกและกระโดดลงมา

เป็นฉากสยดสยองต่อหน้าของทุกคนที่อยู่ที่นี่, พวกเขาเห็นร่างของผู้บ่มเพาะพลังคนนั้นซูบลีบลงอย่างช้าๆ ในที่สุดเมื่อเขาลงถึงพื้นเขากลายเป็นโครงกระดูกสีขาวเนื้อหนังทั้งหมดหายไป

“เกิดอะไรขึ้น? ทําไมอํานาจสูบกลืนพลังชีวิตช่างมหาศาล? หรือนี่มันจะเป็นแท่นหินปีศาจ?” ระดับขอบเขตปรมจารย์ตระกูลเจียงคนหนึ่งถามออกมาขณะที่ทั่วทั้งร่างของเขาสันเพิ่มด้วยความหวาดกลัวสุดขีด

ใบหน้าของเหล่าสานุศิษย์ตระกูลชั้นสูงต่างซีดขาว พอคิดว่าแท่นหินตรงนี้มันช่างน่ากลัวหรือนี่จะเป็นหนทางสู่สวรรค์ในตํานาน? ก็ไม่ผิดนัก,ก้าวขึ้นสวรรค์ไปอย่างง่ายดายแต่กลับลงมาช่างยาเย็น

จีชางคงคิ้วขมวด “ระดับขอบเขตปรมจารย์คนใดที่ไม่มีจิตวิญญาณตยุทธที่สืบทอดให้กลับลงไป ห้ามกระโดด,เจ้าจะมีวิตอยู่ได้ไม่ถึงพื้น”

ในไม่ช้า,ระดับขอบเขตปรมจารย์ทุกคนค่อยๆกลับลงไปอย่างช้าๆ แม้มันจะเป็นเพียงสิบก้าว,มันราวกับผ่านการเดิน ทางกว่าพันเมตร

“ปัง!” ระดับขอบเขตปรมจารย์ผู้หนึ่งก้าวไปถึงขั้นที่สาม นับจากด้านล่างและไม่อาจทนได้อีกต่อไป เกิดเสียงปังดังขึ้น และเขาก็กลายไปเป็นกองกระดูกสีขาว

ผู้ที่อยู่ด้านข้างต่างถูกครอบงําไปด้วยความหวดกลัว บางคนไม่อาจทนได้ก่อนที่จะกระโดดลงไปเมื่อเขาเห็นว่าเหลืออีกเพียงสองขั้น ท้ายที่สุด,พวกเขาก็ตัวระเบิดตายกลายเป็น

เมื่อระดับขอบเขตปรมจารย์ทั้งหมดก้าวมาถึงข้างล่าง,พวกเขาต่างถอนหายใจออกมาพวกเขารีบนั่งลงที่พื้นและเร่งฟื้นคืนพลังปราณของพวกเขา

นอกจากเหล่าผู้สืบทอดของตระกูลชั้นสูง,มีเพียงระดับขอบเขตนักบุญที่ยังคงยืนอยู่บนแท่นหินขุนนางกุยยีมองไปที่ยอดของแท่นหินและพึมพํา “ต้องไปอีกอย่างน้อยหนึ่งพันก้าว แม้ว่าพวกเราจะขึ้นไปถึง,พวกเราจะกลับลงมาได้เช่นไร?”

ความคิดนี้ฝังลงในใจของทุกคนราวกับหมุดยักษ์ เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่สามารถมองข้ามไปได้จนถึงตอนนี้,พวกเขายังไม่ได้ใช้พลังปราณไปมากมายอย่างไรก็ตาม,มันจะใช้พลังปราณมากกว่าเดิมเพื่อกลับลงมา เงาแห่งความตายวนเวียนอยู่ในใจของทุกคน

จีชางคงพูดขึ้นอย่างสุขุม “หนึ่งพันปีก่อน,หลังจากที่จักรพรรดิอัสนีหายตัวไปเก็ไม่มีระดับขอบเขตจักรพรรดปรากฏตัวออกมาอีก ไม่ต้องพูดถึงระดับขอบเขตมหาปราชญ์”

“ตอนนี้โอกาสที่ยิ่งใหญ่มาวางอยู่ตรงหน้าพวกเราแล้ว แม้ว่าโอกาสรอดกลับไปจะมีไม่มากนักมันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ จักรพรรดิทุกคนในอดีตไม่ได้บรรลุความสําเร็จของพวกเขาด้วยการก้าวเดินที่เรียบง่าย”

หลังจากที่จีชางคงพูดจบ,เขาก็ขึ้นนําและมุ่งหน้าขึ้นไปคนที่เหลืออยู่ต่างเป็นผู้มีพรสวรรค์อัจฉริยะ

พวกเขาไม่ยอมถูกทิ้งไว้เบื้องหลังเป็นแท่นหินให้ผู้อื่นเหยียบขึ้นไป พวกเขาไม่มีความลังเลพร้อมกับตามขึ้นไปทันที

ตลอดทาง,ทั้งกลุ่มเห็นกองกระดูกสีขาวนับไม่ถ้วนบนแท่นหิน ยิ่งพวกเขาขึ้นไปสูงเท่าไหร,พวกเขาก็พบเจอมาขึ้นเท่านั้น ทั้งกลุ่มไม่สามารถหลบเลี่ยงและทําได้เพียงเหยียบย่ำไปบนกองกระดูกเดินหน้าต่อไป

ขณะที่พวกเขามุ่งหน้าต่อไป, กองกระดูกสีม่วงเริ่มปรากฏขึ้นให้เห็นทั้งกลุ่มต่างอุทานด้วยความตกใจ “นั้นมันผู้เชี่ยวชาญระดับขอบเขตจักรพรรดิ มีผู้เชี่ยวชาญมากมายเท่าไหรมาตกตายลงที่นี้? แม้แต่ระดับขอบเขตจักรพรรดิไม่อาจหลีกหนีไปจากชะตาแห่งความตาย?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+