Immortal and Martial Dual Cultivation 193 วิกฤตขั้นสุด

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 193 วิกฤตขั้นสุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 193 วิกฤตขั้นสุด

 

พึ่งพาเพียงความแข็งแกร่งทางร่างกายของพวกมัน,ซากศพกลายพันธุ์ก็ได้เปรียบมือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์อย่างเห็นได้ชัดขณะที่เวลาถูกยืดออกไปอีก,ความได้เปรียบยิ่งขยายตัวมากขึ้น

 

“กรงเล็บเหยี่ยวเดียวดาย!”

 

มือขวาของซากศพร่างหนึ่งทันใดนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นนิ้วทั้งห้าของมันคมกริบราวกับของสัตว์อสูรเกิดเป็นคลื่นเสียงและกรงเล็บก็ได้แทงเข้าไปในมือกระบี่

คนหนึ่ง

 

มือกระบี่คนนั้นเผยสีหน้าเจ็บปวด มีความมุ่งมั่นใจสายตาของเขาพร้อมกับเขาใช้กระบี่สูบโลหิตในมือสับลงไปที่คอของซากศพกลายพันธุ์

 

ใบหน้าที่เที่ยวแห้งของซากศพมีรอยยิ้มประหลาดปรากฏขึ้นมันจับกระบี่สูบโลหิตไว้ด้วยกรงเล็บขวาและข่วนไปที่หัวใจของมือกระบี่ด้วยอีกกรงเล็บหนึ่ง

 

“ฟู ฟิว!”

 

กระบี่สูบโลหิตยกขึ้นเรืองแสงสีดําออกมากระโจมตีครั้งสุดท้ายแทงทะลุร่างของซากศพกลายพันธุ์สูบร่างของมันจนเดือดแห้ง

 

ฉากที่คล้ายกันสามารถเห็นได้จากอีกที่หนึ่งบางคราก็มีมือกระบี่ตกตายถึงอย่างไร ก่อนที่เขาจะตาย,มือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ก็จะพาซากศพกลายพันธุ์ลงไปนอนกับพวกเขาด้วย

 

การต่อสู้ที่ดุเดือด มีหลากหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นมันนองไปด้วยเลือดมันเป็นการยากที่จะทนดู

 

มู่ซินหยา ผู้ที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ํา,มองดูการดูสู้ตรงหน้าพร้อมกับหมุนลูกศรในมือนางเล่นนางพูดด้วยเสียงต่ํา “ข้ากําลังจะลงมือ:คุ้มกันข้า”

 

สองยอดราชันซากศพ.ผู้ที่บ่มเพาะพลังเส้นทางแห่งซากศพ,ก้าวขึ้นหน้ามาเมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนั้นพวกเขาตามมู่ซินหยาไป,มุ่งหน้าไปอีกด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว

 

มือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์อยากที่จะสกัดพวกเขา อย่างไรก็ตายก่อนที่พวหเขาจะได้เข้าใกล้พวกเขาก็ถูกซัดลอยด้วยฝ่ามือจากสองยอดราชันซากศพ สายลมจาก ฝ่ามือแบกพลังมหาศาล,ส่งมือกระบี่ลอยออกไปไกล

 

สิบระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธของศาลากระบี่สวรรค์มองดูฉากนี้อย่างเยือกเย็นจากระยะไกลพวกเขามองดูมู่ซินหยาที่นํายอดราชันซากศพสองคนและได้เข้าไปใกล้ค่ายกลเก้ากระบี่ผนึกมาร

 

มู่ซินหยารู้สึกไม่ดีภายในใจ, ทําไมมันดูง่ายดายกว่าที่ข้าคาดคิดเอาไว้? การป้องกันของศาลากระบีสวรรค์ไม่ควรอ่อนแอถึงเพียงนี้

 

ช่างมัน;ตราบใดที่ข้าสามารถปลดปล่อยบรรพบุรุษอสูรมารออกมาได้ด้วยความแข็งแกร่งระดับปราชญ์ยุทธของบรรพบุรุษอสูรมาร,จะไม่มีใครภายในศาลากระบี่ สวรรค์สามารถหยุดเขาได้ ถึงเวลานั้น,กลอุบายใดก็ไร้ประโยชน์เมื่อเผชิญหน้ากับพลังเด็ดขาด:มันจะไร้ประโยชน์ทั้งหมด

 

“ไป! ลูกศรปราบปีศาจ!”

 

สิ่งที่เรียกว่า “อาวุธต้องห้าม” หมายถึงสมบัติลับที่สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว,บ้างก็อาจจะได้ถึงสองหรือสามครั้งช่างตีเหล็กจากยุคโบราณได้หลอมมันขึ้นมา เป็นเพ ราะจํานวนการใช้ที่จํากัด,พลังของมันยากที่จะหาเปรียบ เทียบบ่อยครั้งที่พวกมันได้สั่นสะเทือนขั้วอํานาจต่างๆ

 

ขณะที่มู่ซินหยากไลงหมุนลูกศรสีดําเล่น,มันได้ปล่อยแสงสีดําระยิบระยับออกมาลูกศรได้ปลดปล่อยกลิ่นอายอันตราย

 

สายลมแรงได้เปาวนรอบตัวของมู่ซินหยา,ครอบคลุมนางและสองยอดราชันซากศพเอาไว้สายลมระเบิดไปทั่วทิศทางจากตัวของนาง

 

ซากศพกลายพันธุ์และมือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ถูกซัดลอยออกไปด้วยสายลมรุนแรงในทันทีทุกสิ่งอย่างในรัศมีร้อยเมตรถูกปัดกวาดออกไป,เหลือเพียงพื้นที่ว่าง เปล่า

 

“โซว!”

 

มีเสียงอะไรบางอย่างทะลุทะลวงผ่านอากาศมันมาพร้อมกับแสงวูบผ่าน:ลูกศรได้ซัดเข้าที่หินที่ผนึกราชันมารอสูนเอาไว้และก่อให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหินก้อนมหึมาแตกเป็เสี่ยงและกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยนับไม่ถ้วน

 

“ยิ้ม”

 

ในทันทีที่หินผนึกมารอสูรแตกร้าว,ทั่วทั้งถ้ําใต้ดินสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องแม้แต่เซียวเฉิน,ที่อยู่ไกลออกไปยังได้รับผลกระทบแรงสั่นสะเทือนทําให้เขาตัวเสไปเช่นกัน

 

“ร้องคําราม!”

 

เสียงคํารามดังออกมาจากภายในหินผนึกมาระมันช่างฟังดูเก่าแก่ทันใดนั้น,กรงเล็บสัตว์อสูรขนาดมหึมายืดออก มาและทุบลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง

 

มันทุบกวาดซากศพและมือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ผู้ที่หนีออกไปไม่ทันกลายเป็นชิ้นเนื้อ

 

“ปัง!” พื้นดินสั่นสะเทือนอีกครั้ง กรงเล็บสัตว์อสูรขนาดใหญ่อีกอันโผล่ออกมาและทุบลงไปที่พื้นซากศพและมือกระบี่อีกกองหนึ่งตกตายกลายเป็นเศษเนื้อ

 

เมื่อระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธทั้งสิบที่กําลังซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเห็นราชันมารอสูรกําลังจะออกมาเสีหน้าของพวกเขาเริ่มเปลี่ยนเย่เหวินกล่าว “ราชะนมารอสูรกําลังจะออกมาได้เวลาไปแจ้งให้กับท่านเจ้ายอดเขาทั้งเจ็ดและผู้อาวุโสระ

ดับสูง”

 

อีกเก้าคนที่เหลือพยักหน้าและพวกเขาทั้งหมดโบกสะบัดมือของพวกเขาเส้นสายสีหยกถูกยิงออกมาจากแขนของพวกเขาเส้นสายหยกเรืองแสงออกมาพร้อมกับจัด ระเบียบตัวเองกลายเป็นค่ายกลแปลกประหลาดในอากาศ

 

อักขระยันต์ลึกลับเริ่มปรากฏขึ้นบนพวกมัน,ทีละตัวๆพวกมันกลายไปเป็นจุดแสงสว่างพวกมันสว่างรุ่งโรจน์อย่างที่สุด

 

เซียวเฉินไม่ได้สนใจมันมากนักด้วยสัมผัสวิญญาณของเขากลับกันเขากําลังมองดูหินผนึกมารอย่างหวาดกลัวเขาเห็นราชันมารอสูรที่ทรงพลังกําลังบินออกมาจากภายใต้อย่างช้าๆ

 

ในจังหวะนั้นเอง,ราชันมารอสูรลุกขึ้นมายืนได้อย่างเต็มตัวมันคือหมาป่ายักษ์ที่สูงกว่าห้าสิบเมตรขนสีขาวของมันปรากฏสว่างขึ้นภายในถ้ําที่มืดมิด

 

เขี้ยวขนาดใหญ่ คมกริบเยื่นออกมาให้เห็นเรื่อง วาววับด้วยแสงเย็นเฉียบมีสีแดงเลือนลางภายในดวง ตาของมันเมื่อราชันมารอสูรที่ไร้เทียมทานปลดปล่อยกระแสพลังของมันออกมาเมือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์และซากศพที่ได้ตกตายไปนานแล้วเริ่มสั่นเทิ้ม พวกเขาต้องนอนคว่ํา ลงกับพื้นอย่างช่วยไม่ได้มันรู้สึกราวกับมีพลังมหาศาลกดทับลงมาที่ไหล่ของพวกเขามันเกินกว่าที่พวกเขาจะฝันลุกขึ้นได้

 

“คําราม!” ราชันมารอสูรร้องคํารามอย่างเกรี้ยวกราด,ดังกึกก้องไปไม่รู้จบในอากาศมันแสบไปถึงแก้วหู,ทําให้ถึงกับมันงงไปชั่วขณะ

 

ราชันมารอสูรจับไปที่ห่วงโซ่วิญญาณด้วยกรงเล็บ,อาวุธจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ปักติดอยู่กับพื้นสั่นสะเทือนอย่างช่วยไม่ได้ในที่สุดมันก็ไม่อาจต่อต้านราชันมารอสูรและถูกดึงขึ้นมาพวกมันถูกสะบัดลอยไปไกล

 

“ฟู ฟิวเ”

 

กรงเล็บขนาดใหญ่จับไปที่มือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ราวกับกําลังจับหนูมือกระบี่พยายามต่อสู้ดิ้นรนแต่ก็ไม่เป็นผล

 

“ฟู ฟิว!” กรงเล็บมือขนาดยักษ์กําแน่นขึ้น,ป็นกระดูกทั้งหมดภายในร่างกายของมือกระบี่ผู้นั้นเขามีเลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดและก็ตกตายลง ราชันมารอสูรโยนร่างไร้วิญญาณนั้นขึ้นไปในอากาศและฉีกกระชากขณะที่มันกําลังร่วงหล่นลงมาที่พื้น เกิดเป็นเลือดฝนโปรยลงมา

 

หมาป่าร่างยักษ์เปิดปากของมัน,และเลือดโลหิตก็ถูกดูดกลืนเข้าไป“ปัง” มันชกเข้าที่กําแพง,และทั่วทั้งถ้ําต้องสั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้ง

 

ดินหินร่วงหล่นลงมาจากเพดานอย่างต่อเนื่องพร้อมกับกํา แพงถ้ําที่สั่นไหวนี่คือพลังที่ไร้เทียมทานของราชันมารอสูรด้วยการชกธรรมดา,มันสามารถขยับภูเขาเคลื่อนแผ่นดิน

 

ชายชุดดําจากนิกายซากศะเลื่อนไหลที่อยู่ห่างออกไปเผยท่าทางตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อเขาเห็นถึงพลังของราชันมารอสูร “มันเป็นเวลากว่าหนึ่งร้อยปีมาแล้วในที่สุดพวกเราก็มีความหวัง!ด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้จะไม่มีใครในศาลากระบี่สวรรค์สามารถหยุดพวกเราได้”

 

“มันถูกกําหนดไว้แล้วว่านิกายซากศพเลื่อนไหลของข้าจะต้องรุ่งโรจน์ขึ้นมาในยุคนี้!”

 

ร่างอันงดงามของมู่ซินหยาคุกเข่าลงด้วยความเคารพนางกล่าวด้วยเสียงนุ่มลึก“เผ่าหมาปาสวรรค์,ผู้สืบทอดลําดับที่ 180 คารวะมหาบรรพบุรุษ

 

“มันก็หนึ่งร้อยปีผ่านมาแล้ว… หนึ่งร้อยปีที่แสนยาวนาน….ในที่สุดราชันผู้นี้ก็หวนกลับมาฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!!ข้าจักเอาเลือดโลหิตของศาลากระบี่สวรรค์มาล้างไฟแค้น ที่จองจําข้ามาถึงหนึ่งร้อยปี”ราชันมารอสูรผู้ไร้เทียมทานหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง,เขาก็หยุดลง เขากล่าวกับมู่ซินหยาที่อยู่ตรงพื้น “ลุกขึ้น,ลูกหลานของข้า ข้าสัมผัสได้ถึงสายเลือดอันบริสุทธิ์ของหมาปาสวรรค์ข้าจะมอบความรุ่งโรจน์ที่ไม่อาจข้ามผ่านได้กับเจ้า”

 

มู่ซินหยาลุกขึ้นและกล่าวขึ้น “ที่สามารถปลดปล่อยมหาบรรพบุรุษเป็นความรุ่งโรจน์ของข้าแล้วเผ่าพันธุ์หมาปาสวรรค์ในตอนนี้อยู่ในแดนรกร้างสภาพแวดล้อมอันต ราย,และพวกเขาต่างขาดแคลนอดอยากเพื่อที่จะขึ้นเป็นแสงนําทาง,ข้าขอความกรุณามหาบรรพบุรุษให้ออกไปจากที่แห่งนี้โดยเร็ว”

 

ราชันมารอสูรสูดจมูก “ไม่ใช่ปัญหา ข้าฟื้นคืนพลังมาได้ประมาณห้าในสิบส่วนแล้วไม่มีใครสามารถหยุดข้าไม่ให้ออกไปจากศาลากระบี่สวรรค์เมื่อหากฉกเอาต้นกําเนิด เส้นโลหิตวิญญาณและกลายเป็นจักรพรรดิมารอสูร,ทั่วทั้งพิภพจะต้องสยบลงแทบเท้าของพวกเราเผ่าหมาป่าสวรรค์” 

 

เพียงแค่ห้าในสิบส่วนความแข็งแกร่งของเขาก็มากมายถึงเพียงนี้แล้ว หากเขาสามารถฟื้นคืนพลังกลับมาได้ทั้งหมด,เขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด?เซียวเฉินสงสัยอย่าง หวาดกลัว

 

“ฟ!”

 

มีเงาลอยมายังเซี่ยวเฉินอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาได้ยินเสียงลม,เซี่ยวเฉินรู้สึกว่าหน้าอกของเขารัดแน่นขึ้นเขารีบใช้ออกมังกรฟ้าเมฆาทะยานและถอยกลับอย่างรวดเร็ว

 

อย่างไรก็ตาม,ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังจะลงจอดได้อย่างมั่นคง,กรงเล็บที่เที่ยวแห้งพุ่งออกมาจากพื้นดินและจับขาขวาของเขาเอาไว้กรงเล็บนั้นเหวี่ยงเขาด้วยพลังที่ไม่อาจต้าน

 

เซียวเฉินลอยไปราวกับกระสอบทราย,ชนเข้ากับกําแพงอย่างรุนแรงจากนั้นเขาก็ตกลงมาบนพื้นอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงปัง

 

“ข้าไม่คาดคิดว่ามดปลวกเยี่ยงเจ้าจะสามารถหลบหนีออกมาจากซากศะปรับแต่งนับร้อยตัว”

 

เซี่ยวเฉินดิ้นรนที่จะลุกขึ้นยืน,เขาสามารถเห็นรูปร่างหน้าตาของคนคนนั้นได้อย่างชัดเจนเขาพบว่านั้นคือยอดราชัน ซากศพที่รู้คาถาดําดินเขากําลังสวมเสื้อคลุมยาวสีทเองและขล

 

ความแข็งแกร่งของยอดราชันซากศพนั้นลึกล้ําเขามีความแข็งแกร่งของระดับขอบเขตกษัตริย์เป็นอย่างน้อยเปรียบเทียบกับเซี่ยวเฉินที่อยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ,เขาแข็งแกร่งกว่าเป็นอย่างมากเซียวเฉินไม่แม้แต่จะมีโอกาสได้วิ่งหนี

 

“ปัง!”

 

ขณะที่เซียวเฉินกําลังครุ่นคิด,มือแข็งกร้านสีดําของยอดราชันซากศพก็ได้ลอยเข้ามาหาเขาแล้วนี่เป็นเพียงแค่หมัดที่ชกออกมาอย่างธรรมดาไม่มีลูกเล่นอะไรมันแบกพลังมหา ศาลและถูกชกออกตรงมาทางใบหน้าเซียวเฉิน

 

นี่เป็นเพียงหมัดที่ชกออกมาแสนธรรมดาที่พึ่งพาเพียงกําลังกายมันไม่ใช่ทักษะต่อสู้ ถึงอย่างนั้นเมื่อยอดราชันซากศพชกออกมามันเต็มไปด้วยพลัง,พุ่งทะลุผ่านอากาศมา

 

ก่อนที่เซียวเฉินจะมีเวลาได้คิด, หมัดสีดําก็ได้มาถึงตรงหน้าของเขาแล้ว เซี่ยวเฉินกําหมัดขวาของเขาไว้แน่ นและปล่อยออกไป

 

“ปัง!”

 

กําปั้นทั้งสองปะทะกันพวกเขาทั้งสองพึ่งพาเพียงกําลังกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น พลังมหาศาลก่อให้เกิดละลอกคลื่นระเบิดไหลไปในอากาศเป็นเวลานาน

 

ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้มากกว่าของเซียวเฉินไปไกลโขกําปั้นนี้ทําให้เขาตัวลอยออกไปราวกับกระสอบทรายและกระแทกเข้ากับกําแพงด้านหลังของเขาอีกครั้ง

 

พลังจากกําปั้นของซากศพทําให้ภายในของเซี่ยวเฉินสั่นสะเทือนเลือดไหลรินออกมาจากริมฝีปากของเขามันเห็นชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บภายใน

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เชี่ยวเฉินตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเมื่อประชันกันเรื่องพลังกายเขาได้ฝึกฝนร่างกายของเขามาเป็นเวลากว่าสิบปีตั้งแต่ยังเยาว์หลังจากนั้น,บุปผาเจ็ดสียังได้รุงเลือดเนื้อของเขาอาจกล่าวได้ว่าเขาได้ชุบกายเกิดใหม่,ตัวตนเก่าของเขาถูกลอกคราบออกไป

 

หมัดของเซียวเฉินมีกําลังมากกว่า1500 กิโลกรัมมันง่ายดายสําหรับเขาที่จะผ่าแยกหินก้อนใหญ่

 

อย่างไรก็ตาม,ยอดราชันซากศพมีร่างกายที่ปรับแต่งขัดเกลามาเป็นพิเศษเขาได้เปลี่ยนร่างกายให้เป็นซากศพหลังจากการบ่มเพาะพลังมามากกว่าหนึ่งร้อยปี,กําปั้นของ เขาอย่างน้อยต้องแบกพลังมามากกว่า 5000 กิโลกรัม

 

แรงห้าพันกิโลกรัมปะทะแรงหนึ่งพันห้ากิโลกรัม,มันเห็นชัดถึงความแตกต่าง

 

ยอดราชันซากศพมองดูเซียวเฉินที่ดิ้นรนลุกขึ้นยืน เกิดความประหลาดใจในดวงตาของเขา แม้ว่านี่จะเป็นเพียงการออกหมัดชกธรรมดา,แต่พลังของมันสามารถทําให้ แขนของระดับขอบเขตนักบุญแหลกสลายไปอย่างง่ายดายคู่ต่อสู้ของเขาเป็นเพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธกําปั้นนี้ควรจะทําให้หัวใจและหัวใจของเขาแหลกสลายไปแล้ว 

 

“ฟ!”

 

ยอดราชันซากศพเคลื่อนที่วูบไหวและคว้าคอของเซี่ยวเฉินด้วยกรงเล็บของเขา,ยกตัวของเซียวเฉินลอยขึ้นอย่างง่ายดาย เขาวางอีกมือหนึ่งของเขาลงบนหน้าอกของเซี่ยวเฉิน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 193 วิกฤตขั้นสุด

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 193 วิกฤตขั้นสุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 193 วิกฤตขั้นสุด

 

พึ่งพาเพียงความแข็งแกร่งทางร่างกายของพวกมัน,ซากศพกลายพันธุ์ก็ได้เปรียบมือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์อย่างเห็นได้ชัดขณะที่เวลาถูกยืดออกไปอีก,ความได้เปรียบยิ่งขยายตัวมากขึ้น

 

“กรงเล็บเหยี่ยวเดียวดาย!”

 

มือขวาของซากศพร่างหนึ่งทันใดนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นนิ้วทั้งห้าของมันคมกริบราวกับของสัตว์อสูรเกิดเป็นคลื่นเสียงและกรงเล็บก็ได้แทงเข้าไปในมือกระบี่

คนหนึ่ง

 

มือกระบี่คนนั้นเผยสีหน้าเจ็บปวด มีความมุ่งมั่นใจสายตาของเขาพร้อมกับเขาใช้กระบี่สูบโลหิตในมือสับลงไปที่คอของซากศพกลายพันธุ์

 

ใบหน้าที่เที่ยวแห้งของซากศพมีรอยยิ้มประหลาดปรากฏขึ้นมันจับกระบี่สูบโลหิตไว้ด้วยกรงเล็บขวาและข่วนไปที่หัวใจของมือกระบี่ด้วยอีกกรงเล็บหนึ่ง

 

“ฟู ฟิว!”

 

กระบี่สูบโลหิตยกขึ้นเรืองแสงสีดําออกมากระโจมตีครั้งสุดท้ายแทงทะลุร่างของซากศพกลายพันธุ์สูบร่างของมันจนเดือดแห้ง

 

ฉากที่คล้ายกันสามารถเห็นได้จากอีกที่หนึ่งบางคราก็มีมือกระบี่ตกตายถึงอย่างไร ก่อนที่เขาจะตาย,มือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ก็จะพาซากศพกลายพันธุ์ลงไปนอนกับพวกเขาด้วย

 

การต่อสู้ที่ดุเดือด มีหลากหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นมันนองไปด้วยเลือดมันเป็นการยากที่จะทนดู

 

มู่ซินหยา ผู้ที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ํา,มองดูการดูสู้ตรงหน้าพร้อมกับหมุนลูกศรในมือนางเล่นนางพูดด้วยเสียงต่ํา “ข้ากําลังจะลงมือ:คุ้มกันข้า”

 

สองยอดราชันซากศพ.ผู้ที่บ่มเพาะพลังเส้นทางแห่งซากศพ,ก้าวขึ้นหน้ามาเมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนั้นพวกเขาตามมู่ซินหยาไป,มุ่งหน้าไปอีกด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว

 

มือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์อยากที่จะสกัดพวกเขา อย่างไรก็ตายก่อนที่พวหเขาจะได้เข้าใกล้พวกเขาก็ถูกซัดลอยด้วยฝ่ามือจากสองยอดราชันซากศพ สายลมจาก ฝ่ามือแบกพลังมหาศาล,ส่งมือกระบี่ลอยออกไปไกล

 

สิบระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธของศาลากระบี่สวรรค์มองดูฉากนี้อย่างเยือกเย็นจากระยะไกลพวกเขามองดูมู่ซินหยาที่นํายอดราชันซากศพสองคนและได้เข้าไปใกล้ค่ายกลเก้ากระบี่ผนึกมาร

 

มู่ซินหยารู้สึกไม่ดีภายในใจ, ทําไมมันดูง่ายดายกว่าที่ข้าคาดคิดเอาไว้? การป้องกันของศาลากระบีสวรรค์ไม่ควรอ่อนแอถึงเพียงนี้

 

ช่างมัน;ตราบใดที่ข้าสามารถปลดปล่อยบรรพบุรุษอสูรมารออกมาได้ด้วยความแข็งแกร่งระดับปราชญ์ยุทธของบรรพบุรุษอสูรมาร,จะไม่มีใครภายในศาลากระบี่ สวรรค์สามารถหยุดเขาได้ ถึงเวลานั้น,กลอุบายใดก็ไร้ประโยชน์เมื่อเผชิญหน้ากับพลังเด็ดขาด:มันจะไร้ประโยชน์ทั้งหมด

 

“ไป! ลูกศรปราบปีศาจ!”

 

สิ่งที่เรียกว่า “อาวุธต้องห้าม” หมายถึงสมบัติลับที่สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว,บ้างก็อาจจะได้ถึงสองหรือสามครั้งช่างตีเหล็กจากยุคโบราณได้หลอมมันขึ้นมา เป็นเพ ราะจํานวนการใช้ที่จํากัด,พลังของมันยากที่จะหาเปรียบ เทียบบ่อยครั้งที่พวกมันได้สั่นสะเทือนขั้วอํานาจต่างๆ

 

ขณะที่มู่ซินหยากไลงหมุนลูกศรสีดําเล่น,มันได้ปล่อยแสงสีดําระยิบระยับออกมาลูกศรได้ปลดปล่อยกลิ่นอายอันตราย

 

สายลมแรงได้เปาวนรอบตัวของมู่ซินหยา,ครอบคลุมนางและสองยอดราชันซากศพเอาไว้สายลมระเบิดไปทั่วทิศทางจากตัวของนาง

 

ซากศพกลายพันธุ์และมือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ถูกซัดลอยออกไปด้วยสายลมรุนแรงในทันทีทุกสิ่งอย่างในรัศมีร้อยเมตรถูกปัดกวาดออกไป,เหลือเพียงพื้นที่ว่าง เปล่า

 

“โซว!”

 

มีเสียงอะไรบางอย่างทะลุทะลวงผ่านอากาศมันมาพร้อมกับแสงวูบผ่าน:ลูกศรได้ซัดเข้าที่หินที่ผนึกราชันมารอสูนเอาไว้และก่อให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหินก้อนมหึมาแตกเป็เสี่ยงและกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยนับไม่ถ้วน

 

“ยิ้ม”

 

ในทันทีที่หินผนึกมารอสูรแตกร้าว,ทั่วทั้งถ้ําใต้ดินสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องแม้แต่เซียวเฉิน,ที่อยู่ไกลออกไปยังได้รับผลกระทบแรงสั่นสะเทือนทําให้เขาตัวเสไปเช่นกัน

 

“ร้องคําราม!”

 

เสียงคํารามดังออกมาจากภายในหินผนึกมาระมันช่างฟังดูเก่าแก่ทันใดนั้น,กรงเล็บสัตว์อสูรขนาดมหึมายืดออก มาและทุบลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง

 

มันทุบกวาดซากศพและมือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ผู้ที่หนีออกไปไม่ทันกลายเป็นชิ้นเนื้อ

 

“ปัง!” พื้นดินสั่นสะเทือนอีกครั้ง กรงเล็บสัตว์อสูรขนาดใหญ่อีกอันโผล่ออกมาและทุบลงไปที่พื้นซากศพและมือกระบี่อีกกองหนึ่งตกตายกลายเป็นเศษเนื้อ

 

เมื่อระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธทั้งสิบที่กําลังซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเห็นราชันมารอสูรกําลังจะออกมาเสีหน้าของพวกเขาเริ่มเปลี่ยนเย่เหวินกล่าว “ราชะนมารอสูรกําลังจะออกมาได้เวลาไปแจ้งให้กับท่านเจ้ายอดเขาทั้งเจ็ดและผู้อาวุโสระ

ดับสูง”

 

อีกเก้าคนที่เหลือพยักหน้าและพวกเขาทั้งหมดโบกสะบัดมือของพวกเขาเส้นสายสีหยกถูกยิงออกมาจากแขนของพวกเขาเส้นสายหยกเรืองแสงออกมาพร้อมกับจัด ระเบียบตัวเองกลายเป็นค่ายกลแปลกประหลาดในอากาศ

 

อักขระยันต์ลึกลับเริ่มปรากฏขึ้นบนพวกมัน,ทีละตัวๆพวกมันกลายไปเป็นจุดแสงสว่างพวกมันสว่างรุ่งโรจน์อย่างที่สุด

 

เซียวเฉินไม่ได้สนใจมันมากนักด้วยสัมผัสวิญญาณของเขากลับกันเขากําลังมองดูหินผนึกมารอย่างหวาดกลัวเขาเห็นราชันมารอสูรที่ทรงพลังกําลังบินออกมาจากภายใต้อย่างช้าๆ

 

ในจังหวะนั้นเอง,ราชันมารอสูรลุกขึ้นมายืนได้อย่างเต็มตัวมันคือหมาป่ายักษ์ที่สูงกว่าห้าสิบเมตรขนสีขาวของมันปรากฏสว่างขึ้นภายในถ้ําที่มืดมิด

 

เขี้ยวขนาดใหญ่ คมกริบเยื่นออกมาให้เห็นเรื่อง วาววับด้วยแสงเย็นเฉียบมีสีแดงเลือนลางภายในดวง ตาของมันเมื่อราชันมารอสูรที่ไร้เทียมทานปลดปล่อยกระแสพลังของมันออกมาเมือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์และซากศพที่ได้ตกตายไปนานแล้วเริ่มสั่นเทิ้ม พวกเขาต้องนอนคว่ํา ลงกับพื้นอย่างช่วยไม่ได้มันรู้สึกราวกับมีพลังมหาศาลกดทับลงมาที่ไหล่ของพวกเขามันเกินกว่าที่พวกเขาจะฝันลุกขึ้นได้

 

“คําราม!” ราชันมารอสูรร้องคํารามอย่างเกรี้ยวกราด,ดังกึกก้องไปไม่รู้จบในอากาศมันแสบไปถึงแก้วหู,ทําให้ถึงกับมันงงไปชั่วขณะ

 

ราชันมารอสูรจับไปที่ห่วงโซ่วิญญาณด้วยกรงเล็บ,อาวุธจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ปักติดอยู่กับพื้นสั่นสะเทือนอย่างช่วยไม่ได้ในที่สุดมันก็ไม่อาจต่อต้านราชันมารอสูรและถูกดึงขึ้นมาพวกมันถูกสะบัดลอยไปไกล

 

“ฟู ฟิวเ”

 

กรงเล็บขนาดใหญ่จับไปที่มือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ราวกับกําลังจับหนูมือกระบี่พยายามต่อสู้ดิ้นรนแต่ก็ไม่เป็นผล

 

“ฟู ฟิว!” กรงเล็บมือขนาดยักษ์กําแน่นขึ้น,ป็นกระดูกทั้งหมดภายในร่างกายของมือกระบี่ผู้นั้นเขามีเลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดและก็ตกตายลง ราชันมารอสูรโยนร่างไร้วิญญาณนั้นขึ้นไปในอากาศและฉีกกระชากขณะที่มันกําลังร่วงหล่นลงมาที่พื้น เกิดเป็นเลือดฝนโปรยลงมา

 

หมาป่าร่างยักษ์เปิดปากของมัน,และเลือดโลหิตก็ถูกดูดกลืนเข้าไป“ปัง” มันชกเข้าที่กําแพง,และทั่วทั้งถ้ําต้องสั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้ง

 

ดินหินร่วงหล่นลงมาจากเพดานอย่างต่อเนื่องพร้อมกับกํา แพงถ้ําที่สั่นไหวนี่คือพลังที่ไร้เทียมทานของราชันมารอสูรด้วยการชกธรรมดา,มันสามารถขยับภูเขาเคลื่อนแผ่นดิน

 

ชายชุดดําจากนิกายซากศะเลื่อนไหลที่อยู่ห่างออกไปเผยท่าทางตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อเขาเห็นถึงพลังของราชันมารอสูร “มันเป็นเวลากว่าหนึ่งร้อยปีมาแล้วในที่สุดพวกเราก็มีความหวัง!ด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้จะไม่มีใครในศาลากระบี่สวรรค์สามารถหยุดพวกเราได้”

 

“มันถูกกําหนดไว้แล้วว่านิกายซากศพเลื่อนไหลของข้าจะต้องรุ่งโรจน์ขึ้นมาในยุคนี้!”

 

ร่างอันงดงามของมู่ซินหยาคุกเข่าลงด้วยความเคารพนางกล่าวด้วยเสียงนุ่มลึก“เผ่าหมาปาสวรรค์,ผู้สืบทอดลําดับที่ 180 คารวะมหาบรรพบุรุษ

 

“มันก็หนึ่งร้อยปีผ่านมาแล้ว… หนึ่งร้อยปีที่แสนยาวนาน….ในที่สุดราชันผู้นี้ก็หวนกลับมาฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!!ข้าจักเอาเลือดโลหิตของศาลากระบี่สวรรค์มาล้างไฟแค้น ที่จองจําข้ามาถึงหนึ่งร้อยปี”ราชันมารอสูรผู้ไร้เทียมทานหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง,เขาก็หยุดลง เขากล่าวกับมู่ซินหยาที่อยู่ตรงพื้น “ลุกขึ้น,ลูกหลานของข้า ข้าสัมผัสได้ถึงสายเลือดอันบริสุทธิ์ของหมาปาสวรรค์ข้าจะมอบความรุ่งโรจน์ที่ไม่อาจข้ามผ่านได้กับเจ้า”

 

มู่ซินหยาลุกขึ้นและกล่าวขึ้น “ที่สามารถปลดปล่อยมหาบรรพบุรุษเป็นความรุ่งโรจน์ของข้าแล้วเผ่าพันธุ์หมาปาสวรรค์ในตอนนี้อยู่ในแดนรกร้างสภาพแวดล้อมอันต ราย,และพวกเขาต่างขาดแคลนอดอยากเพื่อที่จะขึ้นเป็นแสงนําทาง,ข้าขอความกรุณามหาบรรพบุรุษให้ออกไปจากที่แห่งนี้โดยเร็ว”

 

ราชันมารอสูรสูดจมูก “ไม่ใช่ปัญหา ข้าฟื้นคืนพลังมาได้ประมาณห้าในสิบส่วนแล้วไม่มีใครสามารถหยุดข้าไม่ให้ออกไปจากศาลากระบี่สวรรค์เมื่อหากฉกเอาต้นกําเนิด เส้นโลหิตวิญญาณและกลายเป็นจักรพรรดิมารอสูร,ทั่วทั้งพิภพจะต้องสยบลงแทบเท้าของพวกเราเผ่าหมาป่าสวรรค์” 

 

เพียงแค่ห้าในสิบส่วนความแข็งแกร่งของเขาก็มากมายถึงเพียงนี้แล้ว หากเขาสามารถฟื้นคืนพลังกลับมาได้ทั้งหมด,เขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด?เซียวเฉินสงสัยอย่าง หวาดกลัว

 

“ฟ!”

 

มีเงาลอยมายังเซี่ยวเฉินอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาได้ยินเสียงลม,เซี่ยวเฉินรู้สึกว่าหน้าอกของเขารัดแน่นขึ้นเขารีบใช้ออกมังกรฟ้าเมฆาทะยานและถอยกลับอย่างรวดเร็ว

 

อย่างไรก็ตาม,ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังจะลงจอดได้อย่างมั่นคง,กรงเล็บที่เที่ยวแห้งพุ่งออกมาจากพื้นดินและจับขาขวาของเขาเอาไว้กรงเล็บนั้นเหวี่ยงเขาด้วยพลังที่ไม่อาจต้าน

 

เซียวเฉินลอยไปราวกับกระสอบทราย,ชนเข้ากับกําแพงอย่างรุนแรงจากนั้นเขาก็ตกลงมาบนพื้นอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงปัง

 

“ข้าไม่คาดคิดว่ามดปลวกเยี่ยงเจ้าจะสามารถหลบหนีออกมาจากซากศะปรับแต่งนับร้อยตัว”

 

เซี่ยวเฉินดิ้นรนที่จะลุกขึ้นยืน,เขาสามารถเห็นรูปร่างหน้าตาของคนคนนั้นได้อย่างชัดเจนเขาพบว่านั้นคือยอดราชัน ซากศพที่รู้คาถาดําดินเขากําลังสวมเสื้อคลุมยาวสีทเองและขล

 

ความแข็งแกร่งของยอดราชันซากศพนั้นลึกล้ําเขามีความแข็งแกร่งของระดับขอบเขตกษัตริย์เป็นอย่างน้อยเปรียบเทียบกับเซี่ยวเฉินที่อยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ,เขาแข็งแกร่งกว่าเป็นอย่างมากเซียวเฉินไม่แม้แต่จะมีโอกาสได้วิ่งหนี

 

“ปัง!”

 

ขณะที่เซียวเฉินกําลังครุ่นคิด,มือแข็งกร้านสีดําของยอดราชันซากศพก็ได้ลอยเข้ามาหาเขาแล้วนี่เป็นเพียงแค่หมัดที่ชกออกมาอย่างธรรมดาไม่มีลูกเล่นอะไรมันแบกพลังมหา ศาลและถูกชกออกตรงมาทางใบหน้าเซียวเฉิน

 

นี่เป็นเพียงหมัดที่ชกออกมาแสนธรรมดาที่พึ่งพาเพียงกําลังกายมันไม่ใช่ทักษะต่อสู้ ถึงอย่างนั้นเมื่อยอดราชันซากศพชกออกมามันเต็มไปด้วยพลัง,พุ่งทะลุผ่านอากาศมา

 

ก่อนที่เซียวเฉินจะมีเวลาได้คิด, หมัดสีดําก็ได้มาถึงตรงหน้าของเขาแล้ว เซี่ยวเฉินกําหมัดขวาของเขาไว้แน่ นและปล่อยออกไป

 

“ปัง!”

 

กําปั้นทั้งสองปะทะกันพวกเขาทั้งสองพึ่งพาเพียงกําลังกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น พลังมหาศาลก่อให้เกิดละลอกคลื่นระเบิดไหลไปในอากาศเป็นเวลานาน

 

ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้มากกว่าของเซียวเฉินไปไกลโขกําปั้นนี้ทําให้เขาตัวลอยออกไปราวกับกระสอบทรายและกระแทกเข้ากับกําแพงด้านหลังของเขาอีกครั้ง

 

พลังจากกําปั้นของซากศพทําให้ภายในของเซี่ยวเฉินสั่นสะเทือนเลือดไหลรินออกมาจากริมฝีปากของเขามันเห็นชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บภายใน

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เชี่ยวเฉินตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเมื่อประชันกันเรื่องพลังกายเขาได้ฝึกฝนร่างกายของเขามาเป็นเวลากว่าสิบปีตั้งแต่ยังเยาว์หลังจากนั้น,บุปผาเจ็ดสียังได้รุงเลือดเนื้อของเขาอาจกล่าวได้ว่าเขาได้ชุบกายเกิดใหม่,ตัวตนเก่าของเขาถูกลอกคราบออกไป

 

หมัดของเซียวเฉินมีกําลังมากกว่า1500 กิโลกรัมมันง่ายดายสําหรับเขาที่จะผ่าแยกหินก้อนใหญ่

 

อย่างไรก็ตาม,ยอดราชันซากศพมีร่างกายที่ปรับแต่งขัดเกลามาเป็นพิเศษเขาได้เปลี่ยนร่างกายให้เป็นซากศพหลังจากการบ่มเพาะพลังมามากกว่าหนึ่งร้อยปี,กําปั้นของ เขาอย่างน้อยต้องแบกพลังมามากกว่า 5000 กิโลกรัม

 

แรงห้าพันกิโลกรัมปะทะแรงหนึ่งพันห้ากิโลกรัม,มันเห็นชัดถึงความแตกต่าง

 

ยอดราชันซากศพมองดูเซียวเฉินที่ดิ้นรนลุกขึ้นยืน เกิดความประหลาดใจในดวงตาของเขา แม้ว่านี่จะเป็นเพียงการออกหมัดชกธรรมดา,แต่พลังของมันสามารถทําให้ แขนของระดับขอบเขตนักบุญแหลกสลายไปอย่างง่ายดายคู่ต่อสู้ของเขาเป็นเพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธกําปั้นนี้ควรจะทําให้หัวใจและหัวใจของเขาแหลกสลายไปแล้ว 

 

“ฟ!”

 

ยอดราชันซากศพเคลื่อนที่วูบไหวและคว้าคอของเซี่ยวเฉินด้วยกรงเล็บของเขา,ยกตัวของเซียวเฉินลอยขึ้นอย่างง่ายดาย เขาวางอีกมือหนึ่งของเขาลงบนหน้าอกของเซี่ยวเฉิน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+