Immortal and Martial Dual Cultivation 115 พลังอำนาจของอาวุธศักดิ์สิทธิ์

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 115 พลังอำนาจของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 115 พลังอำนาจของอาวุธศักดิ์สิทธิ์

“อัสนีหลบเลี่ยง!”

สายฟ้าวูบผ่าน,และเซียวเฉินก็ปรากฎตัวขึ้นที่ด้านข้างของฉู่เฉาหยุ่น ชักกระบี่ฟัน,คมกระบี่ส่องประกายพร้อมกับตรงไปที่หน้าอกของฉู่เฉาหยุ่น

“ปัง!”

ฉู่เฉาหยุ่นหันตัวหลบเล็กน้อยและใช้นิ้วแทนดาบ แสงเรืองออกมาจากนิ้วของเขาพร้อมกับใช้มันรับกระบี่ของเซียวเฉิน,ส่งเสียงสะท้อนออกมา

หลังจากกระบวณท่าแรกของทักษะกระบี่สายฟ้าฟาดถูกปิดกั้น,ก็ไม่มีทางที่กระบวณท่าที่เหลือจะตามมา เซียวเฉินเปลี่ยนกระบวณท่าอย่างรวดเร็ว เขาตะโกนออกมาเบาๆ “สยายปีกร่ายรำ!”

“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!”

เซียวเฉินเปลี่ยนตำแหน่งไปมากลางอากาศอย่างรวดเร็ว,ส่งกระบี่แสงจำนวนนับไม่ถ้วนตรงเข้าใส่ฉู่เฉาหยุ่น ฉู่เฉาหยุนยืนอยู่บนพื้นไม่เคลื่อนไหวและใช้นิ้วของเขาแทนดาบ,สร้างดาบแสงจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นมาทันที

สยายปีกนั้นแต่เดิมทีก็มีต้นกำเนิดมาจากนิกายดาบเงาหมอก ฉู่เฉาหยุ่นคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี แม้ว่าเขาจะตกใจที่เซียวเฉินใช้กระบวณท่านี้ออกมาก,เขาก็ไม่ได้แตกตื่นแต่อย่างใด

แม้ว่าดาบแสงของเขาจะยิงออกมาทีหลัง แต่มันร่ายรำไปตามสายลมและบังคับให้เซียวเฉินต้องเปลี่ยนจากลุกเป็นรับ ดาบแสงร่ายรำไปรอบๆและกลืนกระบี่แสงหายไป

ทั้งสองแลกเปลี่ยนกันมากกว่าหนึ่งพันกระบวณท่า ผลาญพลังปราณไปเป็นจำนวนมาก หลังจากสิ้นสุดกระบวณท่า,เซียวเฉินถอยกลับหลังไป เขาปลดปล่อยศิลปะมังกรฟเาเมฆาโผทะยานและกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า

“สยายปีก,จันทราโชติช่วง!”

ปรากฎการณ์ลึกลับปรากฎขึ้นเหนือน่านฟ้า ท้องฟ้าค่ำคืนอันไร้ขอบเขตบดบังแสงอาทิตย์ จันทร์เต็มดวงค่อยๆลอยขึ้นมาจากเส้นขอบฟ้า,ส่องเรืองนวลอ่อนออกมา

ฉู่เฉาหยุ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย,เขาตกตะลึงพร้อมกับครุ่นคิด,มันน่าตกใจแล้วที่เขาสามารถใช้สยายปีกร่ายรำของนิกายของเราได้ เขาสามารถใช้จันทราโชติช่วงได้เช่นกัน?

ฉู่เฉาหยุ่นเผยสีหน้างุนงง เขารู้ซึ้งถึงพลังของจันทราโชติช่วงดี ครั้งหนึ่ง,นักบุญดาบผู้นั้นพึ่งกระบวณท่านี้เข้าห่ำหั่นเอาชนะจักรพรรดิ

แต่ถึงอย่างนั้น,เขาก็ยังคงมีสีหน้าผ่อนคลาย เซียวเฉินนั้นยังไม่ได้เข้าใจถึงแก่นแท้ของกระบวณท่านี้,พบข้อบกพร่องของปรากฎการณ์ลึกลับ

“กำลังเล่นเป็นผู้เชี่ยวชาญมากวิชา?” ฉู่เฉาหยุ่นยิ้มบางๆ

“แครง!”

ในค่ำคืนอันมืดมิด,ทันใดนั้นแสงสีทองก็เบ่งบานออกมา ดาบที่แบกเอาไว้ที่หลังของฉู่เฉาหยุ่นถูกดึงออกมาหนึ่งนิ้ว ในเสี้ยววินาทีต่อมา,แสงสีทองสว่างถูกปลดปล่อย เรืองแสงสีทองอันไร้ขอบเขตส่องแสงออกมาจากคมดาบที่ถูกดึงออกมาเพียงนิ้ว

“อาวุธศักดิ์สิทธิ์! อาวุธที่หลังของเขาเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์!”  เซียวเฉินตกตะลึงเมื่อเขามองไปที่เรืองแสงแหลมคม ถึงอย่านั้น,ตอนนี้ปรากฎการณ์ลึกลับได้ถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว,เขาไม่อาจถอนหลังกลับได้,ทำได้เพียงเดินหน้าต่อไป

ฉู่เฉาหยุ่นยืนมือไพล่หลังและจ้องมองไปหาเซียวเฉินอย่างไม่แยแส เขาสูดหายใจเย็นชาและดาบของเขาก็กลับเข้าไปในฝัก ประกายแสงที่พลุ่งพล่านกระจายออกไปโดยรอบ,กลายเป็นเงาดาบไร้ที่สิ้นสุด

ค่ำคืนที่ปกคลุมผืนฟ้าราวกับบานกระจกแก้วที่มีรอยแตก หลังจากนั้นไม่นาน,มีเสียงแก้วแตกกราวดังไพเราะออกมา,ฉากยามค่ำคืนถูกลบหายไป จันทร์เต็มดวงที่ยังลอยขึ้นมาไม่สุดเปลี่ยนกลายเป็นเงาเลือนลางก่อนที่จะจางหายไป

แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาอีกครั้ง หลังจากที่ปรากฎการณ์ลึกลับถูกทำลาย,เซียวเฉินก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก สีหน้าของเขาซีดขาวอย่างไม่น่าเชื่อ เขาโซเซไปมาและเกือบที่จะล้มลงไปกองกับพื้น

ปรากฎการณ์ลึกลับถูกสวนกลับหรือกระบวณท่าดาบถูกตีขัด,จะมีผลทำให้ภายในของผู้บ่มเพาะพลังได้รับความเสียหาย ในตอนที่ปรากฎการณ์ลึกลับของจางเหอถูกทำลาย,เขาก็ถูกเซียวเฉินทำให้พิการ

ฉู่เฉาหยุ่นกระโดดมาเบาๆและเดินช้าๆตรงมาที่เซียวเฉิน เขาพูดขึ้น “ข้ารู้ว่าเจ้ายังมีไพ่ตายเก็บซ่อนเอาไว้อีก ถึงอย่างนั้น,ข้าก็ไม่มีเจตนาที่จะฆ่าเจ้า,อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ ข้าก็หวังว่าเจ้าจะหยุดทำอะไรโง่ๆ อย่าบังคับให้ข้าต้องใช้กระบวณท่าที่ข้าใช้กับฮวาหยุ่นเฟย”

“โลกนี้มันกว้างใหญ่,มีอะไรให้ค้นหาอีกมากมาย เจ้าสามารถดื่มด่ำไปกับการท่องพิภพกว้างได้ตราบเท่าที่ยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ผู้ที่หัวเราะเป็นคนสุดท้ายคือผู้กล้าที่แท้จริง”

หลังจากที่ฉู่เฉาหยุ่นพูดจบ,มีแสงดาบปรากฎขึ้นใต้เท้าของเขา เขาขี่แสงดาบนั้นเหาะเหินหายไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

เซียวเฉินกินเม็ดยาหวนคืนโลหิตและเม็ดยาหวนคืนพลังฉีเข้าไปก่อนที่จะมองไปที่ร่างของฉู่เฉาหยุ่นที่กำลังหายลับไป เซียวเฉินยิ้มขมขื่น,นี้เป็นครั้งแรกที่เขาแพ้อย่างหมดรูปเช่นนี้ คู่ต่อสู้ของเขายังใช้ไม่ถึงหนึ่งกระบวณท่า,เขาใช้เพียงครึ่งกระบวณท่าก็ล้มเซียวเฉินได้แล้ว

เซียวเฉินนั่งลงท่าขัดสมาธิและหมุนเวียนทักษะบ่มเพาะพลังอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ไปช้าๆ,ดูดซับพลังของยาในร่างของเขา หลังจากนั้นครู่ใหญ่,เมื่อฤทธิ์ยากระจายแทรกซึมไปทุกส่วนของร่างกายของเขา,อาการบาดเจ็บของเขาก็เกือบขะหายเป็นปกติ

เซียวเฉินไม่มีลังเลและมุ่งหน้ากลับไป แม้ว่าชิ้นส่วนที่ล้ำค่าที่สุดของราชันย์สิงโตทองคำจะถูกฉวยเอาไป,ส่วนที่เหลือของมันก็ยังมีราคา โดยเฉพาะเขาบนหัวของสิงโตที่คงอยู่มานานกว่าหนึ่งร้อยปี

ฮวาหยุ่นเฟย,ผู้ที่อยู่ไกลออกไปกำลังมุ่งหน้ามาที่ซากโบราณ,ทันใดนั้นเขาก็เห็นเซียวเฉินที่กำลังวิ่งไปอย่างรวดเร็ว เขาคิ้วขมวดและพูดขึ้นมาอย่างตกใจ “ไม่ได้เจอเขาเพียงไม่นาน,เขาก้าวขึ้นสู่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูงเรียบร้อยแล้ว อันตรายเกินกว่าที่จะปล่อยให้เขามีชีวิตต่อไป”

“เจ้าสองคน! ไปพาคนคนนั้นกลับมา ข้าจะรออยู่ที่ซากโบราณ” ฮวาหยุ่นเฟยกล่าวกับระดับขอบเขตปรมจารย์ขั้นสูงสุดสองคนข้างหลังของเขา เขารู้สึกว่าช่างโชคไม่ดี,เขาต้องไปสำรวจซากโบราณและไม่อาจลงมือด้วยตัวเองได้”

“รับคำสั่ง!” ทั้งสองคนรับคำสั่งและพุ่งตรงไปยังทิศทางของเซียวเฉิน

เซียวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณออกมาตลอดเวลาที่อยู่ในหุบเขาราชันย์สัตว์อสูร ในทันทีที่เขาเห็นฮวาหยุ่นเฟย,เขาก็วางแผนจะสะกดรอยตามไป ถึงอย่างนั้น,เขาไม่คาดคิดว่าเขาจะถูกพบจัวเข้าก่อนที่จะได้ลงมือเสียอีก

มองดูระดับขอบเขตปรมจารย์สองคนที่ตามหลังเขามา,มุมปากของเซียวเฉินยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา ศิลปะมังกรฟ้าเมฆาโผทะยานถูกรีดพลังจนถึงขีดสุดและทันใดนั้นความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เขาทิ้งห่างจากสองคนนั้นในทันที

“เขาอยู่ที่ไหน? เขาไปทางไหน? ข้าแน่ใจว่าเห็นเขามุ่งมาทางนี้”

“เขาจะต้องซ่อนตัวอยู่,แยกย้ายกันตามหา!” เซียวเฉินหายไปจากสายตาของพวกเขาในทันที,พวกเขาไม่อาจทำอะไรได้นอกจากตกตะลึง

ลูกศรพุ่งมาราวกับสายวายุอันแข็งแกร่ง ก่อนที่หนึ่งในระดับขอบเขตปรมจารย์สองคนนั้นจะได้ตอบโต้,ลูกศะปราณแสงเจาะทะลุหัวใจของเขาจากด้านหลัง,สังหารเขาลงในทันที

เมื่อระดับขอบเขตปรมจารย์อีกคนเห็นเซียวเฉินปรากฎตัวขึ้นมาจากด้านหลังของเขา,เขาก็ตกใจ เมื่อเขาเห็นธนูล่าวิญญาณและลูกศรปราณแสงที่อยู่ในมือของเขา,เขาหันหลังเผ่นหนีทันทีโดยไม่เหลียวกลับมามอง

เซียวเฉินมองไปยังทิศทางที่คนคนนั้นหนีไป

แต่ก็ไม่ได้ออกไล่ตาม เขาดึงลูกศรปราณแสงที่ปักอยู่ตรงพื้นขึ้นมาก่อนที่จะไปค้นร่างไร้วิญญาณของระดับขอบเขตปรมจารย์คนนั้น

ฐานะของระดับขอบเขตปรมจารย์คนนี้ไม่ได้ยากจน เซียวเฉินพบตั๋วเงิน 2000 เหรียญทอง,เม็ดยาระดับ 4 – เม็ดยาบำรุงกายา ,และตำราทักษะต่อสู่ระดับลึกล้ำ – วายุฟาดฟัน

เซียวเฉินยิ้มอย่างพอใจ,อารมณ์ขุ่นเคืองของเขาได้รับการเยียวยา ระดับขอบเขตปรมจารย์ผู้นี้ไม่น่ามาตกตายเช่นนี้ เขาถูกเซียวเฉินใช้ธนูล่าวิญญาณและลูกศรปราณแสงลอบโจมตีจากด้านหลัง หากพวกเขามาสู้กันซึ่งๆหน้า,เซียวเฉินอาจน้องใช้ถึง 500 กระบวณท่าถึงจะล้มคนคนนี้ได้

เซียวเฉินเปิดตำราทักษะดู,วายุฟาดฟัน,ทักษะต่อสู้สายกระบี่ ตราบที่มันเป็นทักษะต่อสู้ระดับลึกล้ำ,ต้องมีประสิทธิภาพสูงอยู่แล้ว ในบางตระกูล,มันอาจจะเป็นถึงสมบัติประจำตระกูลเลยทีเดียว

มีเพียงตระกูลชั้นสูง,เช่นตระกูลฮวา,ที่ให้ข้าบริวารมีทักษะระดับลึกล้ำติดตัวเดินไปเดินมา นี่เป็นสิ่งที่เหล่าตระกูลเล็กๆไม่อาจจินตนาการถึงได้

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง,เซียวเฉินกลับไปตรงจุดที่ราชันย์สิงโตทองคำถูกสังหาร อย่างไรก็ตาม,เขาพบว่าเจ้าหมูนั้นช่างลงมือนวดเร็ว เขาชำแหละทุกสิ่งออกมาจากราชันย์สิงโตทองคำ,ทิ้งไว้เพียงโครงกระดูกสีทอง

เมื่อจินต้าเป่าเห็นเซียวเฉินกลับมา,เขาก็ส่งเขาสิงโตสีทองมาให้ เขาพูดขึ้น “ข้าเอาเลือดและหนังของสัตว์อสูรทองคำศักดิ์สิทธิ์ แม่นางซู่เสี่ยวเสี่ยวอยากได้โครงกระดูก เขาสิงโตนี่สำหรับเจ้า”

“ข้าลืมบอกเจ้าไป,ฉู่เฉาหยุ่นมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ในขอบเขตพลังระดับเดียวกัน,เขาไร้คู่ต่อสู้ แม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญยังถูกเขาตบคว่ำมาแล้ว ข้าบอกเจ้าอย่าได้ไล่ตามไป,เจ้าไม่ได้ยิน?”

เซียวเฉินยิ้มบางๆพร้อมกับรับเอาเขาสิงโตทองคำมา เขามองไปที่โครงกระดูกสีทองขนาดมหึมาและพูดขึ้น “เจ้าจะขนมันกลับไปได้เช่นไร? ถึงแม้ว่าเจ้าจะใช้เรือมาขน,เจ้าก็ยังต้องคิดหนักว่าจะเอามันขึ้นไปวางได้ท่าไหน”

เจ้าหมูยิ้ม “เจ้าไม่ต้องไปเป็นกังวล,แม่นางเสี่ยวเสี่ยวมีวิธีทางของนาง”

ซู่เสี่ยวเสี่ยวยิ้มรับรู้ แม้ว่าเซียวเฉินจะสงสัยว่าซู่เสี่ยวเสี่ยวจะเอาโครงกระดูกไปทำอะไร,เขาก็ไม่ได้ถามนาง

หลังจากแบ่งของกันเสร็จสิ้น,จินต้าเป่าก็อยู่ในอารมณ์ดี เขาพูดขึ้นอย่างโอ้อวด “ตามมา,ท่านหมูผู้นี้จะพาเจ้าไปล่าสมบัติในซากโบราณ”

ตรงทางเข้าของซากโบราณ,ฮวาหยุ่นเฟยเห็นระดับขอบเขตปรมจารย์วิ่งหางจุกตูดกลับมา เขาเดือดดาลขึ้นทันที “ข้าไม่เคยเห็นใครไร้ค่าเช่นเจ้ามาก่อน ระดับขอบเขตปรมจารย์ขั้นสูงสุดถูกระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธทุบกลับมา”

ฮวาหยุ่นเฟยครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่จะพูดขึ้นเสียงมืดมน “ระดับขอบเขตปรมจารย์ทั้งห้ารออยู่ที่นี่ หากเจ้าจัดการกับเข้าหมอนั้นไม่ได้,เจ้าลืมทางกลับตระกูลฮวาไปได้เลย”

ในครั้งนี้,เขาพาระดับขอบเขตนักบุญหกคนและระดับขอบเขตปรมจารย์มาอีกหกคน ระดับขอบเขตนักบุญเป็นกำลังหลักของเขา กำลังเช่นนี้เทียบได้ว่าอ่อนแอที่สุดในหมู่ตระกูลชั้นสูงด้วยกัน

ด้วยความที่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในซากโบราณ,ฮวาหยุ่นเฟยไม่กล้าทิ้งระดับขอบเขตนักบุญไว้แม้แต่คนเดียว ทิ้งระดับขอบเขตปรมจารย์ห้าคนไว้เป็นทั้งหมดที่เขาทำได้

ใช้ระดับขอบเขตปรมจารย์ขั้นสูงสุดห้าคนรับมือเซียวเฉินคนเดียว,ที่เป็นเพียงระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูง,กล่าวได้ว่าฮวาหยุ่นเฟยตีค่าเซียวเฉินไว้สูงมากแล้ว

ภายใต้การนำทางของเจ้าหมู,พวกเขาทั้งสามมุ่งตรงไปที่ทางเข้าของซากโบราณ ตลอดทาง,เซียวเฉินแกะสลักเขาสิงโตทองคำที่เจ้าหมูให้มา

ซู่เสี่ยวเสี่ยวกับจินต้าเป่าสงสัยอย่างมากในการกระทำของเซียวเฉิน จินต้าเป่าเเทบไม่อาจห้ามปากให้ถามออกไปได้ เอาเขาทองคำนี้มาใช้แกะสลักมันช่างสิ้นเปลือง

เซียวเฉินได้แต่ยิ้มและไม่ได้อธิบายอะไร มีอันตรายมากมายในซากโบราณ การต่อสู้กับฉู่เฉาหยุ่นเมื่อครู่ทำให้เซียวเฉินคิดหนัก เขาต้องหาอะไรมาใช้เป็นไพ่ตาย

ช่างโชคไม่ดี,เซียวเฉินฝืนใช้ทักษะระดับสวรรค์ – มังกรฟ้าหวนกลับออกไปแล้วถึงสองครั้ง หากเขาฝืนใช้ออกมาอีกครั้ง,คงหนีไม่พ้นตัวแตกตาย หรือไม่,เขาสามารถเก็บมันไว้ใช้เป็นไพ่ตายใบสุดท้าย

สิ่งเดียวที่เขาสามารถพึ่งได้ในตอนนี้ก็คือคาถาสละชีพ เซียวเฉินจดจ่อไปกับการแกะรูปสลัก เขานึกถึงทุกรายละเอียดของราชันย์สิงโตทองคำ

“พวกเรามาถึงแล้ว” เจ้าหมูหยุดเท้าและตามองไปที่ช่องสูงกว่าสิบเมตรที่ด้านข้างของภูเขา ด้านล่างของช่องนั้น,เต็มไปด้วยเศษอิฐเศษหิน

ไม่มีใครสามารถมองผ่านเข้าไปภายในช่องอันมืดมิดได้ มีสายลมหนาวเย็นพัดผ่านออกมา,ทำให้ทุกคนต่างขนหัวตั้ง มันเป็นสายลมที่หนาวจับไปถึงใจ

เซียวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณของเขาเข้าไปในรูแต่เขาพบกับม่านพลังปิดกั้นสัมผัสวิญญาณของเขาเอาไว้ เป็นสถานการณ์เดียวกับที่เขาเผชิญตอนที่อยู่ในป่าทมิฬ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 115 พลังอำนาจของอาวุธศักดิ์สิทธิ์

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 115 พลังอำนาจของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 115 พลังอำนาจของอาวุธศักดิ์สิทธิ์

“อัสนีหลบเลี่ยง!”

สายฟ้าวูบผ่าน,และเซียวเฉินก็ปรากฎตัวขึ้นที่ด้านข้างของฉู่เฉาหยุ่น ชักกระบี่ฟัน,คมกระบี่ส่องประกายพร้อมกับตรงไปที่หน้าอกของฉู่เฉาหยุ่น

“ปัง!”

ฉู่เฉาหยุ่นหันตัวหลบเล็กน้อยและใช้นิ้วแทนดาบ แสงเรืองออกมาจากนิ้วของเขาพร้อมกับใช้มันรับกระบี่ของเซียวเฉิน,ส่งเสียงสะท้อนออกมา

หลังจากกระบวณท่าแรกของทักษะกระบี่สายฟ้าฟาดถูกปิดกั้น,ก็ไม่มีทางที่กระบวณท่าที่เหลือจะตามมา เซียวเฉินเปลี่ยนกระบวณท่าอย่างรวดเร็ว เขาตะโกนออกมาเบาๆ “สยายปีกร่ายรำ!”

“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!”

เซียวเฉินเปลี่ยนตำแหน่งไปมากลางอากาศอย่างรวดเร็ว,ส่งกระบี่แสงจำนวนนับไม่ถ้วนตรงเข้าใส่ฉู่เฉาหยุ่น ฉู่เฉาหยุนยืนอยู่บนพื้นไม่เคลื่อนไหวและใช้นิ้วของเขาแทนดาบ,สร้างดาบแสงจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นมาทันที

สยายปีกนั้นแต่เดิมทีก็มีต้นกำเนิดมาจากนิกายดาบเงาหมอก ฉู่เฉาหยุ่นคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี แม้ว่าเขาจะตกใจที่เซียวเฉินใช้กระบวณท่านี้ออกมาก,เขาก็ไม่ได้แตกตื่นแต่อย่างใด

แม้ว่าดาบแสงของเขาจะยิงออกมาทีหลัง แต่มันร่ายรำไปตามสายลมและบังคับให้เซียวเฉินต้องเปลี่ยนจากลุกเป็นรับ ดาบแสงร่ายรำไปรอบๆและกลืนกระบี่แสงหายไป

ทั้งสองแลกเปลี่ยนกันมากกว่าหนึ่งพันกระบวณท่า ผลาญพลังปราณไปเป็นจำนวนมาก หลังจากสิ้นสุดกระบวณท่า,เซียวเฉินถอยกลับหลังไป เขาปลดปล่อยศิลปะมังกรฟเาเมฆาโผทะยานและกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า

“สยายปีก,จันทราโชติช่วง!”

ปรากฎการณ์ลึกลับปรากฎขึ้นเหนือน่านฟ้า ท้องฟ้าค่ำคืนอันไร้ขอบเขตบดบังแสงอาทิตย์ จันทร์เต็มดวงค่อยๆลอยขึ้นมาจากเส้นขอบฟ้า,ส่องเรืองนวลอ่อนออกมา

ฉู่เฉาหยุ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย,เขาตกตะลึงพร้อมกับครุ่นคิด,มันน่าตกใจแล้วที่เขาสามารถใช้สยายปีกร่ายรำของนิกายของเราได้ เขาสามารถใช้จันทราโชติช่วงได้เช่นกัน?

ฉู่เฉาหยุ่นเผยสีหน้างุนงง เขารู้ซึ้งถึงพลังของจันทราโชติช่วงดี ครั้งหนึ่ง,นักบุญดาบผู้นั้นพึ่งกระบวณท่านี้เข้าห่ำหั่นเอาชนะจักรพรรดิ

แต่ถึงอย่างนั้น,เขาก็ยังคงมีสีหน้าผ่อนคลาย เซียวเฉินนั้นยังไม่ได้เข้าใจถึงแก่นแท้ของกระบวณท่านี้,พบข้อบกพร่องของปรากฎการณ์ลึกลับ

“กำลังเล่นเป็นผู้เชี่ยวชาญมากวิชา?” ฉู่เฉาหยุ่นยิ้มบางๆ

“แครง!”

ในค่ำคืนอันมืดมิด,ทันใดนั้นแสงสีทองก็เบ่งบานออกมา ดาบที่แบกเอาไว้ที่หลังของฉู่เฉาหยุ่นถูกดึงออกมาหนึ่งนิ้ว ในเสี้ยววินาทีต่อมา,แสงสีทองสว่างถูกปลดปล่อย เรืองแสงสีทองอันไร้ขอบเขตส่องแสงออกมาจากคมดาบที่ถูกดึงออกมาเพียงนิ้ว

“อาวุธศักดิ์สิทธิ์! อาวุธที่หลังของเขาเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์!”  เซียวเฉินตกตะลึงเมื่อเขามองไปที่เรืองแสงแหลมคม ถึงอย่านั้น,ตอนนี้ปรากฎการณ์ลึกลับได้ถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว,เขาไม่อาจถอนหลังกลับได้,ทำได้เพียงเดินหน้าต่อไป

ฉู่เฉาหยุ่นยืนมือไพล่หลังและจ้องมองไปหาเซียวเฉินอย่างไม่แยแส เขาสูดหายใจเย็นชาและดาบของเขาก็กลับเข้าไปในฝัก ประกายแสงที่พลุ่งพล่านกระจายออกไปโดยรอบ,กลายเป็นเงาดาบไร้ที่สิ้นสุด

ค่ำคืนที่ปกคลุมผืนฟ้าราวกับบานกระจกแก้วที่มีรอยแตก หลังจากนั้นไม่นาน,มีเสียงแก้วแตกกราวดังไพเราะออกมา,ฉากยามค่ำคืนถูกลบหายไป จันทร์เต็มดวงที่ยังลอยขึ้นมาไม่สุดเปลี่ยนกลายเป็นเงาเลือนลางก่อนที่จะจางหายไป

แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาอีกครั้ง หลังจากที่ปรากฎการณ์ลึกลับถูกทำลาย,เซียวเฉินก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก สีหน้าของเขาซีดขาวอย่างไม่น่าเชื่อ เขาโซเซไปมาและเกือบที่จะล้มลงไปกองกับพื้น

ปรากฎการณ์ลึกลับถูกสวนกลับหรือกระบวณท่าดาบถูกตีขัด,จะมีผลทำให้ภายในของผู้บ่มเพาะพลังได้รับความเสียหาย ในตอนที่ปรากฎการณ์ลึกลับของจางเหอถูกทำลาย,เขาก็ถูกเซียวเฉินทำให้พิการ

ฉู่เฉาหยุ่นกระโดดมาเบาๆและเดินช้าๆตรงมาที่เซียวเฉิน เขาพูดขึ้น “ข้ารู้ว่าเจ้ายังมีไพ่ตายเก็บซ่อนเอาไว้อีก ถึงอย่างนั้น,ข้าก็ไม่มีเจตนาที่จะฆ่าเจ้า,อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ ข้าก็หวังว่าเจ้าจะหยุดทำอะไรโง่ๆ อย่าบังคับให้ข้าต้องใช้กระบวณท่าที่ข้าใช้กับฮวาหยุ่นเฟย”

“โลกนี้มันกว้างใหญ่,มีอะไรให้ค้นหาอีกมากมาย เจ้าสามารถดื่มด่ำไปกับการท่องพิภพกว้างได้ตราบเท่าที่ยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ผู้ที่หัวเราะเป็นคนสุดท้ายคือผู้กล้าที่แท้จริง”

หลังจากที่ฉู่เฉาหยุ่นพูดจบ,มีแสงดาบปรากฎขึ้นใต้เท้าของเขา เขาขี่แสงดาบนั้นเหาะเหินหายไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

เซียวเฉินกินเม็ดยาหวนคืนโลหิตและเม็ดยาหวนคืนพลังฉีเข้าไปก่อนที่จะมองไปที่ร่างของฉู่เฉาหยุ่นที่กำลังหายลับไป เซียวเฉินยิ้มขมขื่น,นี้เป็นครั้งแรกที่เขาแพ้อย่างหมดรูปเช่นนี้ คู่ต่อสู้ของเขายังใช้ไม่ถึงหนึ่งกระบวณท่า,เขาใช้เพียงครึ่งกระบวณท่าก็ล้มเซียวเฉินได้แล้ว

เซียวเฉินนั่งลงท่าขัดสมาธิและหมุนเวียนทักษะบ่มเพาะพลังอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ไปช้าๆ,ดูดซับพลังของยาในร่างของเขา หลังจากนั้นครู่ใหญ่,เมื่อฤทธิ์ยากระจายแทรกซึมไปทุกส่วนของร่างกายของเขา,อาการบาดเจ็บของเขาก็เกือบขะหายเป็นปกติ

เซียวเฉินไม่มีลังเลและมุ่งหน้ากลับไป แม้ว่าชิ้นส่วนที่ล้ำค่าที่สุดของราชันย์สิงโตทองคำจะถูกฉวยเอาไป,ส่วนที่เหลือของมันก็ยังมีราคา โดยเฉพาะเขาบนหัวของสิงโตที่คงอยู่มานานกว่าหนึ่งร้อยปี

ฮวาหยุ่นเฟย,ผู้ที่อยู่ไกลออกไปกำลังมุ่งหน้ามาที่ซากโบราณ,ทันใดนั้นเขาก็เห็นเซียวเฉินที่กำลังวิ่งไปอย่างรวดเร็ว เขาคิ้วขมวดและพูดขึ้นมาอย่างตกใจ “ไม่ได้เจอเขาเพียงไม่นาน,เขาก้าวขึ้นสู่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูงเรียบร้อยแล้ว อันตรายเกินกว่าที่จะปล่อยให้เขามีชีวิตต่อไป”

“เจ้าสองคน! ไปพาคนคนนั้นกลับมา ข้าจะรออยู่ที่ซากโบราณ” ฮวาหยุ่นเฟยกล่าวกับระดับขอบเขตปรมจารย์ขั้นสูงสุดสองคนข้างหลังของเขา เขารู้สึกว่าช่างโชคไม่ดี,เขาต้องไปสำรวจซากโบราณและไม่อาจลงมือด้วยตัวเองได้”

“รับคำสั่ง!” ทั้งสองคนรับคำสั่งและพุ่งตรงไปยังทิศทางของเซียวเฉิน

เซียวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณออกมาตลอดเวลาที่อยู่ในหุบเขาราชันย์สัตว์อสูร ในทันทีที่เขาเห็นฮวาหยุ่นเฟย,เขาก็วางแผนจะสะกดรอยตามไป ถึงอย่างนั้น,เขาไม่คาดคิดว่าเขาจะถูกพบจัวเข้าก่อนที่จะได้ลงมือเสียอีก

มองดูระดับขอบเขตปรมจารย์สองคนที่ตามหลังเขามา,มุมปากของเซียวเฉินยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา ศิลปะมังกรฟ้าเมฆาโผทะยานถูกรีดพลังจนถึงขีดสุดและทันใดนั้นความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เขาทิ้งห่างจากสองคนนั้นในทันที

“เขาอยู่ที่ไหน? เขาไปทางไหน? ข้าแน่ใจว่าเห็นเขามุ่งมาทางนี้”

“เขาจะต้องซ่อนตัวอยู่,แยกย้ายกันตามหา!” เซียวเฉินหายไปจากสายตาของพวกเขาในทันที,พวกเขาไม่อาจทำอะไรได้นอกจากตกตะลึง

ลูกศรพุ่งมาราวกับสายวายุอันแข็งแกร่ง ก่อนที่หนึ่งในระดับขอบเขตปรมจารย์สองคนนั้นจะได้ตอบโต้,ลูกศะปราณแสงเจาะทะลุหัวใจของเขาจากด้านหลัง,สังหารเขาลงในทันที

เมื่อระดับขอบเขตปรมจารย์อีกคนเห็นเซียวเฉินปรากฎตัวขึ้นมาจากด้านหลังของเขา,เขาก็ตกใจ เมื่อเขาเห็นธนูล่าวิญญาณและลูกศรปราณแสงที่อยู่ในมือของเขา,เขาหันหลังเผ่นหนีทันทีโดยไม่เหลียวกลับมามอง

เซียวเฉินมองไปยังทิศทางที่คนคนนั้นหนีไป

แต่ก็ไม่ได้ออกไล่ตาม เขาดึงลูกศรปราณแสงที่ปักอยู่ตรงพื้นขึ้นมาก่อนที่จะไปค้นร่างไร้วิญญาณของระดับขอบเขตปรมจารย์คนนั้น

ฐานะของระดับขอบเขตปรมจารย์คนนี้ไม่ได้ยากจน เซียวเฉินพบตั๋วเงิน 2000 เหรียญทอง,เม็ดยาระดับ 4 – เม็ดยาบำรุงกายา ,และตำราทักษะต่อสู่ระดับลึกล้ำ – วายุฟาดฟัน

เซียวเฉินยิ้มอย่างพอใจ,อารมณ์ขุ่นเคืองของเขาได้รับการเยียวยา ระดับขอบเขตปรมจารย์ผู้นี้ไม่น่ามาตกตายเช่นนี้ เขาถูกเซียวเฉินใช้ธนูล่าวิญญาณและลูกศรปราณแสงลอบโจมตีจากด้านหลัง หากพวกเขามาสู้กันซึ่งๆหน้า,เซียวเฉินอาจน้องใช้ถึง 500 กระบวณท่าถึงจะล้มคนคนนี้ได้

เซียวเฉินเปิดตำราทักษะดู,วายุฟาดฟัน,ทักษะต่อสู้สายกระบี่ ตราบที่มันเป็นทักษะต่อสู้ระดับลึกล้ำ,ต้องมีประสิทธิภาพสูงอยู่แล้ว ในบางตระกูล,มันอาจจะเป็นถึงสมบัติประจำตระกูลเลยทีเดียว

มีเพียงตระกูลชั้นสูง,เช่นตระกูลฮวา,ที่ให้ข้าบริวารมีทักษะระดับลึกล้ำติดตัวเดินไปเดินมา นี่เป็นสิ่งที่เหล่าตระกูลเล็กๆไม่อาจจินตนาการถึงได้

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง,เซียวเฉินกลับไปตรงจุดที่ราชันย์สิงโตทองคำถูกสังหาร อย่างไรก็ตาม,เขาพบว่าเจ้าหมูนั้นช่างลงมือนวดเร็ว เขาชำแหละทุกสิ่งออกมาจากราชันย์สิงโตทองคำ,ทิ้งไว้เพียงโครงกระดูกสีทอง

เมื่อจินต้าเป่าเห็นเซียวเฉินกลับมา,เขาก็ส่งเขาสิงโตสีทองมาให้ เขาพูดขึ้น “ข้าเอาเลือดและหนังของสัตว์อสูรทองคำศักดิ์สิทธิ์ แม่นางซู่เสี่ยวเสี่ยวอยากได้โครงกระดูก เขาสิงโตนี่สำหรับเจ้า”

“ข้าลืมบอกเจ้าไป,ฉู่เฉาหยุ่นมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ในขอบเขตพลังระดับเดียวกัน,เขาไร้คู่ต่อสู้ แม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญยังถูกเขาตบคว่ำมาแล้ว ข้าบอกเจ้าอย่าได้ไล่ตามไป,เจ้าไม่ได้ยิน?”

เซียวเฉินยิ้มบางๆพร้อมกับรับเอาเขาสิงโตทองคำมา เขามองไปที่โครงกระดูกสีทองขนาดมหึมาและพูดขึ้น “เจ้าจะขนมันกลับไปได้เช่นไร? ถึงแม้ว่าเจ้าจะใช้เรือมาขน,เจ้าก็ยังต้องคิดหนักว่าจะเอามันขึ้นไปวางได้ท่าไหน”

เจ้าหมูยิ้ม “เจ้าไม่ต้องไปเป็นกังวล,แม่นางเสี่ยวเสี่ยวมีวิธีทางของนาง”

ซู่เสี่ยวเสี่ยวยิ้มรับรู้ แม้ว่าเซียวเฉินจะสงสัยว่าซู่เสี่ยวเสี่ยวจะเอาโครงกระดูกไปทำอะไร,เขาก็ไม่ได้ถามนาง

หลังจากแบ่งของกันเสร็จสิ้น,จินต้าเป่าก็อยู่ในอารมณ์ดี เขาพูดขึ้นอย่างโอ้อวด “ตามมา,ท่านหมูผู้นี้จะพาเจ้าไปล่าสมบัติในซากโบราณ”

ตรงทางเข้าของซากโบราณ,ฮวาหยุ่นเฟยเห็นระดับขอบเขตปรมจารย์วิ่งหางจุกตูดกลับมา เขาเดือดดาลขึ้นทันที “ข้าไม่เคยเห็นใครไร้ค่าเช่นเจ้ามาก่อน ระดับขอบเขตปรมจารย์ขั้นสูงสุดถูกระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธทุบกลับมา”

ฮวาหยุ่นเฟยครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่จะพูดขึ้นเสียงมืดมน “ระดับขอบเขตปรมจารย์ทั้งห้ารออยู่ที่นี่ หากเจ้าจัดการกับเข้าหมอนั้นไม่ได้,เจ้าลืมทางกลับตระกูลฮวาไปได้เลย”

ในครั้งนี้,เขาพาระดับขอบเขตนักบุญหกคนและระดับขอบเขตปรมจารย์มาอีกหกคน ระดับขอบเขตนักบุญเป็นกำลังหลักของเขา กำลังเช่นนี้เทียบได้ว่าอ่อนแอที่สุดในหมู่ตระกูลชั้นสูงด้วยกัน

ด้วยความที่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในซากโบราณ,ฮวาหยุ่นเฟยไม่กล้าทิ้งระดับขอบเขตนักบุญไว้แม้แต่คนเดียว ทิ้งระดับขอบเขตปรมจารย์ห้าคนไว้เป็นทั้งหมดที่เขาทำได้

ใช้ระดับขอบเขตปรมจารย์ขั้นสูงสุดห้าคนรับมือเซียวเฉินคนเดียว,ที่เป็นเพียงระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูง,กล่าวได้ว่าฮวาหยุ่นเฟยตีค่าเซียวเฉินไว้สูงมากแล้ว

ภายใต้การนำทางของเจ้าหมู,พวกเขาทั้งสามมุ่งตรงไปที่ทางเข้าของซากโบราณ ตลอดทาง,เซียวเฉินแกะสลักเขาสิงโตทองคำที่เจ้าหมูให้มา

ซู่เสี่ยวเสี่ยวกับจินต้าเป่าสงสัยอย่างมากในการกระทำของเซียวเฉิน จินต้าเป่าเเทบไม่อาจห้ามปากให้ถามออกไปได้ เอาเขาทองคำนี้มาใช้แกะสลักมันช่างสิ้นเปลือง

เซียวเฉินได้แต่ยิ้มและไม่ได้อธิบายอะไร มีอันตรายมากมายในซากโบราณ การต่อสู้กับฉู่เฉาหยุ่นเมื่อครู่ทำให้เซียวเฉินคิดหนัก เขาต้องหาอะไรมาใช้เป็นไพ่ตาย

ช่างโชคไม่ดี,เซียวเฉินฝืนใช้ทักษะระดับสวรรค์ – มังกรฟ้าหวนกลับออกไปแล้วถึงสองครั้ง หากเขาฝืนใช้ออกมาอีกครั้ง,คงหนีไม่พ้นตัวแตกตาย หรือไม่,เขาสามารถเก็บมันไว้ใช้เป็นไพ่ตายใบสุดท้าย

สิ่งเดียวที่เขาสามารถพึ่งได้ในตอนนี้ก็คือคาถาสละชีพ เซียวเฉินจดจ่อไปกับการแกะรูปสลัก เขานึกถึงทุกรายละเอียดของราชันย์สิงโตทองคำ

“พวกเรามาถึงแล้ว” เจ้าหมูหยุดเท้าและตามองไปที่ช่องสูงกว่าสิบเมตรที่ด้านข้างของภูเขา ด้านล่างของช่องนั้น,เต็มไปด้วยเศษอิฐเศษหิน

ไม่มีใครสามารถมองผ่านเข้าไปภายในช่องอันมืดมิดได้ มีสายลมหนาวเย็นพัดผ่านออกมา,ทำให้ทุกคนต่างขนหัวตั้ง มันเป็นสายลมที่หนาวจับไปถึงใจ

เซียวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณของเขาเข้าไปในรูแต่เขาพบกับม่านพลังปิดกั้นสัมผัสวิญญาณของเขาเอาไว้ เป็นสถานการณ์เดียวกับที่เขาเผชิญตอนที่อยู่ในป่าทมิฬ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+