Immortal and Martial Dual Cultivation 297 หนึ่งกระบวณท่าตัดสิน

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 297 หนึ่งกระบวณท่าตัดสิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 297 หนึ่งกระบวณท่าตัดสิน

พื้นของลานประลองแตกออกเป็นชิ้นๆ ชิ้นก้อนดินขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนลอยผ่านไปในอากาศ,และหมู่หมอกควันปกคลุมทั่วท้องฟ้า พื้นที่ยกระดับขึ้นมาสิบเมตรราบเรียบ ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าทั้งสองกระบวณท่าน่ากลัวถึงเพียงใด
ในตอนที่เซียวเฉินเห็นคลื่นกระแทกพุ่งตรงมาทางเขา,เขาก็ร้องตะโกนขึ้น เขาแทงออกด้วยกระบี่ของเขาและทําลายการโจมตีที่พลุ่งพล่าน สัมผัสวิญญาณของเขาจับลงไปที่ร่างของมู่หลงชงและเขาพุ่งตรงเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ก้อนดินก้อนกินที่ขวางทางของเซี่ยวเฉินถูกฟันแยกเป็นชิ้น ไม่มีอะไรที่สามารถขัดขวางไม่ให้เข้าพุ่งตรงไปข้างหน้า

มู่หลงชงสีหน้ามืดมัว เขาส่งเส้นกระบี่ฉออกไปสองสามเล่มและทําลายก้อนหินกับคลื่นกระแทกที่กําลังบินมาทางเขา เขาสามารถรู้สึกถึงร่างของเซี่ยวเฉินในสายลม

มู่หลงชงสูดจมูกเย็นชาและกดเท้าดีดตัวออกจากพื้น,กระโดดขึ้นหน้าไป

“จิ๋ว!”

ท่ามกลางสายลมรุนแรงที่พัดกระหน่ําและหมู่เมฆหมอกควัน,พวกเขาทั้งสองมองเห็นอีกฝ่ายที่กําลังกระโดดเข้ามาในเวลาเดียวกัน เจตนาฆ่าฟันของพวกเขาปะทะกันกลางอากาศพร้อมกับพวกเขาเข้าจู่โจมอย่างไม่มีความลังเล

“แครั้งพ์แครั้ง!แตรั้ง!”

ทั่วทั้งสนามประลองถูกปกคลุมไปด้วยละอองกระแสไฟฟ้าและพลังงานสายลม ยังมีชิ้นก้อนดินขนาดใหญ่เหวี่ยงไปในอากาศ เมื่อรวมเข้ากับหมู่หมอกควัน,มันดูสับสนวุ่นวายเย็นอย่างมาก

ผู้ชมทั้งหมดบนอัฒจันทร์ต่างลุกขึ้นหลี่ตามอง,พยายามดูว่าเกิดอะไรขึ้น

“ทําไมข้าไม่เห็นสิ่งที่กําลังเกิดขึ้น? ข้าได้ยินแต่เสียง”

“ข้ามองเห็นเล็กน้อย,แต่พวกมันรวดเร็วเกินไป ข้ามองเห็นเพียงร่างเลือนลาง”

“มีฝุ่นควันมากเกินไป สายลมและกระแสไฟฟ้าก็ขัดขวางวิสัยทัศน์ของข้า อย่างไรก็ตาม,พวกเขาต่อสู้กันดุเดือดรุนแรงมาก! บ้าไปแล้ว!”

ผู้บ่มเพาะพลังหลายคนทําทุกอย่างเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่มีผู้บ่มเพาะพลังที่อ่อนแอ จํานวนมากที่ไม่อาจมองเห็นได้ว่ากําลังเกิดอะไรขึ้น มีเพียงสานุศิษย์แก่นกลางที่มีการบ่มเพาะพลังลึกล้ําเท่านั้นที่สามารถมองตามการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้เลือนลางๆ
ถึงกระนั้น พวกเขาก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรอย่างสมบูรณ์ นอกจากคนของสภาสูง,มีเพียงหลิวหรูเยวที่สามารถมองเห็นสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน”

“พี่สาว,สถานการณ์เป็นอย่างไร?” หลิวสุยเฟิงถามหลิวหรูเยว่อย่างเป็นกังวล

หลิวหรูเยวมีสีหน้าซับซ้อน ดวงตาที่แน่วแน่ของนางในตอนนี้เต็มไปด้วยความสับสนและความเจ็บปวด นางกล่าวด้วยน้ําเสียงสั่นเทา “หรือพวกเขาทั้งสองจะเป็นบ้าไปแล้ว? มันออกมาเป็นแบบนี้ได้เช่นไร?”

ฝุ่นละอองลอยไปทุกแห่ง,กระแสไฟฟ้าแตก กระจัดกระจายไปในอากาศ และสายลมที่พัดผ่านรุนแรง มู่หลงชงและเชี่ยวเฉินทั้งคู่ต่างเต็มไปด้วยบาดแผลเลือดท่วม เสื้อผ้าของพวกเขาขาดลุ่ยอยู่ไม่เป็นชิ้นเดียวอีกต่อไป

พวกเขาทั้งสองเคลื่อนไหวไปตามพื้น ความรวดเร็วของพวกเขาทัดเทียมกัน มันเป็นการยากที่จะหลบเลี่ยงกระบวณท่าของฝ่ายตรงข้าม ขณะที่พยายามจะสร้างบาดแผลให้กับพวกเขา

สถานการณ์ในตอนนี้คือ:หากเจ้าตีโดนข้า,ข้าก็ตีโดนเจ้า

ดวงตาของพวกเขาแดงก่ํา พวกเขาเพิกเฉยกับบาดแผลบนร่างกายและหมุนเวียนพลังปราณจนถึงขีดสุด เซี่ยวเฉินสามารถทนรับทางกายภาพได้มากกว่ามู่หลงชง มู่หลงชงมีขอบเขตการบ่มเพาะพลังที่ลึกล้ํากว่า,เขามีพลังปราณมากกว่าเซี่ยวเฉิน เขามีพลังปราณให้รีดออกมาใช้มากกว่า
หากทั้งสองยังแลกหมัดกันต่อไปไม่หยุด,พวกเขาทั้งสองจะจบลงที่บาดเจ็บสาหัสและตกตาย ไปด้วยกัน

“ฟั ฟิว!”

สายฟ้าฟาดลงมาและทําลายก้อนดินสลาย กลายเป็นฝุ่นนับไม่ถ้วน เซียวเฉินผสานสภาวะแห่งสายฟ้าเข้าไปในกระบี่ของเขาและรับกระบี่จู่โจมของมู่หลงชง,ที่แฝงไปด้วยสภาวะแห่งสายลม

อาวุธทั้งสองเข้าปะทะกันส่งเสียงเหล็กกระทบดังกราว สองสภาวะเข้าปะทะเข้าด้วยกันและทําให้เกิดคลื่นกระแทกรุนแรง ฝุ่นดินในระยะหนึ่งร้อยเมตรถูกระเบิดออกไป

พวกเขาทั้งสองถอยกลับออกไปหนึ่งร้อยเมตร หยดเลือดไหลลงส่งเสียง กิ่ง กิ่ง

มู่หลงชงกล่าวเสียงเย็น “หนึ่งกระบวณท่าตัด สิน”

“ดี!” เซี่ยวเฉินตอบกลับอย่างเฉยเมยและจับกระบี่ของเขาเอาไว้แน่น เลือดบนด้ามกระบี่เชื่อมติดกับมือของเขา มันราวกับว่ากระบี่เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งในเลือดเนื้อของเขา

พวกเขาต่อสู้ประมือกันมาถึงจุดที่พวกเขาเข้าใจแล้วว่าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปจะไม่เห็นผลแพ้ชนะ ทางที่ดีที่สุดก็คือตัดสินกันไปในกระบวณท่าเดียว

ในจังหวะที่สิ้นเสียงของเซี่ยวเฉิน,มู่หลงชงเรี่มรวบรวมความแข็งแกร่งของสายลมที่ด้านหลังของเขา ในทันใดนั้น,ฝุ่น,ดิน,ละอองไฟฟ้าทั้งหมดที่ด้านหลังของเขาถูกขจัดออกไปอย่างหมดจด

เหลือเพียงสภาวะแห่งสายลมบริสุทธิ์อยู่ที่ด้านหลังของเขา หมู่เมฆวนวนอยู่บนท้องฟ้า,ก่อตัวเป็นห่วงโซ่ต่อไปไม่สิ้นสุด พวกมันเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว,ท้องฟ้าเปลี่ยนสรมีสายลมกําลังเร่งขึ้น และหมู่เมฆกําลังโลดแล่น

กระแสพลังของมู่หลงชงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน เขาปลดปล่อยกระแสพลังของราชัน…

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงร่องรอยอํานาจของเจ้าผู้ปกครอง,มันยังคงเติมเต็มอากาศไปด้วยพลังอันไร้ขอบเขต มันขยายออกไปถึงอัฒจันทร์ที่ล้อมอยู่รอบสนามประลอง เมื่อทุกคนรู้สึกได้ถึงกระแสพลังของเจ้าผู้ปกครอง มีความรู้สึกหนึ่งที่ออกมาใจ จิตใจของพวกเขา,ทําให้พวกเขาอยากที่จะก้มหมอบกราบด้วยความเคารพเลื่อมใส

เซียวเฉินค่อนข้างตกตะลึง มู่หลงชงได้ก้าวผ่านความเข้าใจในสภาวะและสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของสิ่งที่สูงยิ่งกว่าสภาวะ นอกจากนั้น มันยังเป็นอํานาจเจ้าผู้ปกครองระดับสูง

ในเมื่อเจ้าใช้อํานาจเจ้าผู้ปกครองมากดดันข้า,เช่นนั้นข้าจะใช้พลังเทพเจ้ากดดันเจ้า,เซียวเฉินครุ่นคิดกับตัวเองด้วยสีหน้านิ่งสงบ

เมฆาอัสนี้เริ่มรวมตัวขึ้นบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุด,พวกมันก่อเกิดเป็นวังวนเมฆาอัสนีขนาดมหึมา วังวนนั้นสูงถึงหลายร้อยเมตร

มันหมุนวนไปรอบๆ, มีพลังงานธาตุสายฟ้านับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้าไปข้างใน สายฟ้าพุ่งทะลุท้องฟ้าในพื้นที่โดยรอบของตัวเขา โฉบผ่านเหนือลานประลอง พลังเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ขยายออกมาจากมัน

“ทุ่ง! ปุล! วิ่ง! ทุ่ง!”

กองทหารม้าขนาดมหึมาพุ่งออกมาจากวังวน พวกเขาโห่ร้องตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ในที่สุด,พวกมันผสานเข้าด้วยกันและก่อเกิดรูปร่างแสงกระแสไฟฟ้าอันรุ่งโรจน์ อัศวินที่ถูกห่อหุ้มด้วยกระแสไฟฟ้าสีทองและถือหอกทองคําเผยร่างครึ่งหนึ่งของเขาออกมาจากวังวน

นี่คือสายฟ้าฉับพลันคํารามฉลับดัดแปลง มันผสานอัศวินทั้งหมดรวมเป็นหนึ่งและหลอมรวมพลังศักดิ์สิทธิ์เข้าไปเปลี่ยนให้เป็นทักษะต่อสู้เป้าหมายเดียว

หอกสีทองชี้ไปยังมู่หลงชงที่อยู่บนพื้น พลังแห่งเทพเจ้าสายฟ้าขยายตัวลงมา,พยายามจะกดดันกระแสพลังของเจ้าผู้ปกครองที่มู่หลงชงเร่งจนถึงขีดสุด

สองกระแสพลังที่ไร้รูปปะทะกันในอากาศ,และเกี่ยวพันกันเกิดเป็นคลื่นในอากาศ

“สายฟ้าฉับพลันคําราม!”

“ประณามสวรรค์ปฐพี!”

พวกเขาทั้งสองร้องตะโกนออกมาพร้อมกัน อัศวินทองคําขยับหอกของเขาชี้ลงและควบม้าตึกทองคําอันรวดเร็ว เขาแบกพลังอันศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกับทะลวงผ่านมิติ,พุ่งตรงเข้าใส่มู่หลงชง

สายลมรุนแรงที่ด้านหลังของมู่หลงชงหยุดเดิน,หมู่เมฆเหนือหัวของเขาหยุดป่วนป่วน;คงเหลือเพียงความเงียบ มีเพียงประณามสวรรค์ปฐพีที่สามารถฉีกทะลวงสวรรค์ทั้งเก้าถูกส่งออกไปอย่างรุนแรง

กระบี่แสงอันรุ่งโรจน์ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า,เร่งความเร็วตรงไปทางอัศวินทองคําและเข้าปะทะกับมัน มันกลายเป็นเส้นกระบี่ฉีที่บรรจุอํานาจของเจ้าผู้ปกครอง มันคือกระแสพลังที่มองตรงไปข้างหน้าแสดงความเย้ยหยันต่อโลกา คือกระแสพลังที่สามารถเคลื่อนสวรรค์และปฐพี

อย่างไรก็ตาม,อัศวินทองคําของเซียวเฉินถูกสร้างขึ้นมาจากพลังศักดิ์สิทธิ์ เซียวเฉินสร้างพลังศักดิ์สิทธิ์นี่ขึ้นมา,ลอกเลียนจากพลังศักดิ์สิทธิ์ที่มหาปราชญ์หลงเหลือทิ้งเอาไว้บนเรือสงครามสีเงิน

แม้ว่ามันจะไม่ใช่พลังศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง แต่มันก็สามารถเอาชนะอํานาจเจ้าผู้ปกครองที่มู่หลงชงเพิ่งจะบรรลุได้อย่างง่ายดาย

เจ้าผู้ปกครองจะเหนือกว่าเทพเจ้าในสวรรค์ได้อย่างไร? เว้นแต่มู่หลงซึ่งจะบรรลุถึงอํานาจเทพเจ้าผู้ปกครอง,ไม่มีโอกาสที่เขาจะชนะ

อัศวินสายฟ้าทองคําเคลื่อหอกของเขาและสายฟ้าทองคํารุ่งโรจน์มารวมตัวกันที่ด้านหลังของเขา เขาเปลี่ยนกลายเป็นหอกเรืองแสงซึ่งพุ่งเข้าชนกับกระบี่ฉีที่มู่หลงชงผสานเข้ากับอํานาจเจ้าผู้ปกครอง

“ปัง! ปัง! ปัง!ปัง!”

อากาศระเบิดออก ในตอนที่ทั้งสองพลังพบกันในอากาศ,พวกมันส่งเสียงระเบิดรุนแรงออกมาเป็นทอดๆ มันราวกับเป็นดอกไม้ไฟที่ถูกปล่อยขึ้นไปบนท้องฟ้าอันเงียบสงบ ทั่วทั้งพื้นที่ทั้งหมดกลายเป็นพร่ามัว

“จิ๋ว!”

อัศวินทองคําทําลายกระบี่ฉีของมู่หลงชงด้วยหอกของเขา จากนั้นเขาก็ควบอาชาทองคําลงมาจากท้องฟ้า,ทิ้งเสงสีทองเป็นสายเอาไว้เบื้องหลัง

“บูม!”

ภายใต้การควบคุมของเซียวเฉิน,อัศวินทองคําระเบิดออก พลังงานอันน่าหวาดกลัวที่รวมตัวกันที่ปลายหอก,ทําให้มู่หลงชงกระอักเลือดออกมาเต็มปาก และถูกระเบิดลอยกลับหลังไป

เซียวเฉินรู้สึกวูบหวิว:นอกจากการเผาผลาญพลังปราณไปเป็นจํานวนมาก,กระบวณท่านี้ยังทําให้จิตใจของเขาเหนื่อยล้า การลอกเลียนแบบพลังเทพเจ้าได้นําทุกสิ่งจากตัวของเขาไปเกือบหมด

เซียวเฉินวางลิ้นลงบนระหว่างฟันของเขาและกัดลงไป ความรู้สึกถึงความเจ็บปวดและความวิงเวียนของเขากลับชัดเจนขึ้น

เซี่ยวเฉินกระโดดขึ้นไปในอากาศ เขากวัดแกว่งกระบี่และแทงตรงไปที่หน้าอกของมู่หลงชง

มู่หลงชงร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า นอกจากถูกเผาด้วยกระแสไฟฟ้า, จิตวิญญาณของเขายังถูกกัดกินโดยพลังเทพเจ้าที่ไหลเข้ามา เขาสูญเสียความสามารถในการต่อต้านไปโดยสิ้นเชิง

ขณะที่มู่หลงชงร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า,ความเจ็บปวดที่หน้าอกของเขาช่วยให้ เขาฟื้นสติขึ้นมา ในจังหวะนั้น,ผมของเขายุ่งเหยิง,หยดเลือดไหลรินออกมาจากมุมปากของเขา และเขาถูกปกคลุมไปด้วยบาดแผลทั่วทั้งร่าง

พวกเขาทั้งสองได้ใช้พลังของสภาวะไปจนหมดสิ้น สายลมหยุดนิ่ง, หมู่เมฆหยุดปั่น ป่วน,กระแสไฟฟ้าสลายหาย,และฝุ่นดินคืนสู่พื้นในตอนนี้ มันเงียบสงัดอย่างไม่น่าเชื่อ มีเพียงเสียงเลือดของพวกเขาที่หยดลงพื้นหลงเหลืออยู่

“มู่หลงชงพ่ายแพ้ให้กับเย่เฉิน เป็นไปได้อย่างไร?”

แสงอาทิตย์เจิดจ้าสาดส่องลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง ในตอนที่เหล่าผู้ชมมองเห็นภาพที่อยู่บนสนามประลอง,พวกเขาตะลึงนิ่งอึ้ง

เซี่ยวเฉิน,ผู้ที่เดิมที่ไม่มีผู้ชมเข้าข้าง เอาชนะอันดับหนึ่งบนตารางเมฆาล่องลอยของศาลากระบี่สวรรค์ – มู่หลงชง!

มู่หลงชงมองดูใบหน้าไร้อารมณ์ของเซี่ยวเฉิน ผู้ที่อยู่ในสภาพล่อแล่ไม่ต่างไปจากเขา เขาเผยลอยยิ้มขมขึ้นและพึมพํา “ทําไมเจ้าไม่สังหารข้าเสีย?”

“ข้าไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกับเจ้า เจ้าเคยช่วยชีวิตของข้าเอาไว้ครั้งหนึ่ง พวกเราถือว่าหายกัน” เซี่ยวเฉินตอบกลับอย่างสงบ

ทันใดนั้น ความโกรธปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันหล่อเหลาของมู่หลงชง “หัวใจของเจ้าเห็นชัดว่าไม่ได้อยู่กับยอดเขาฉิงหยุน ทําไมเจ้าถึงได้ช่วงชิงมันไปจากข้า?”

เชี่ยวเฉินยังคงนิ่งสงบ,ไม่มีความผันผวน เขากล่าวอย่างไม่แยแส “เจ้าแน่ใจหรือว่ามันเป็นของเจ้า? ในโลกใบนี้ ไม่ใช่ทุกสิ่งที่เจ้าคิดเป็นเจ้าของ,แล้วเจ้าจะได้เป็นเจ้าของ มันจะเป็นของเจ้าก็ต่อเมื่อมันมาอยู่ในมือของเจ้าแล้วเท่านั้น”

“เช้ง!”

หลังจากกล่าวจบ,เขาดึงกระบี่กลับและเก็บลงฝัก

ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกมาจากหน้าอกของมู่หลงชง เขาตัวสั่นและล้มลงกับพื้น สุดท้าย,เขาทรุดเข่าหนึ่งข้างลงกับพื้น และแทงกระบี่ของเขาลงไปที่พื้นเพื่อรักษาสมดุล

“มู่หลงชงท้าทายไม่สําเร็จ ตําแหน่งท่านเจ้ายอดเขาฉิงหยุนไม่ได้การเปลี่ยนแปลง” หลังจากที่มู่หลงชงล้มลงไป,ชายชราก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งและประกาศผลของการประลอง

สิ้นเสียงของชายชรา,กลุ่มสานุศิษย์ยอดเขาสตรีหยกออกมาพาตัวของมู่หลงชงและเซี่ยวเฉินไปรักษาบาดแผลในทันที

ฝูงชนทั้งหมดเริ่มถกเถียงกันถึงการประลองด้วยดสียงอันดัง ยังคงมีหลายคนผู้ที่ไม่อาจยอมรับผลของการประลองพวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่ามู่หลงชงจะพ่ายแพ้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 297 หนึ่งกระบวณท่าตัดสิน

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 297 หนึ่งกระบวณท่าตัดสิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 297 หนึ่งกระบวณท่าตัดสิน

พื้นของลานประลองแตกออกเป็นชิ้นๆ ชิ้นก้อนดินขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนลอยผ่านไปในอากาศ,และหมู่หมอกควันปกคลุมทั่วท้องฟ้า พื้นที่ยกระดับขึ้นมาสิบเมตรราบเรียบ ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าทั้งสองกระบวณท่าน่ากลัวถึงเพียงใด
ในตอนที่เซียวเฉินเห็นคลื่นกระแทกพุ่งตรงมาทางเขา,เขาก็ร้องตะโกนขึ้น เขาแทงออกด้วยกระบี่ของเขาและทําลายการโจมตีที่พลุ่งพล่าน สัมผัสวิญญาณของเขาจับลงไปที่ร่างของมู่หลงชงและเขาพุ่งตรงเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ก้อนดินก้อนกินที่ขวางทางของเซี่ยวเฉินถูกฟันแยกเป็นชิ้น ไม่มีอะไรที่สามารถขัดขวางไม่ให้เข้าพุ่งตรงไปข้างหน้า

มู่หลงชงสีหน้ามืดมัว เขาส่งเส้นกระบี่ฉออกไปสองสามเล่มและทําลายก้อนหินกับคลื่นกระแทกที่กําลังบินมาทางเขา เขาสามารถรู้สึกถึงร่างของเซี่ยวเฉินในสายลม

มู่หลงชงสูดจมูกเย็นชาและกดเท้าดีดตัวออกจากพื้น,กระโดดขึ้นหน้าไป

“จิ๋ว!”

ท่ามกลางสายลมรุนแรงที่พัดกระหน่ําและหมู่เมฆหมอกควัน,พวกเขาทั้งสองมองเห็นอีกฝ่ายที่กําลังกระโดดเข้ามาในเวลาเดียวกัน เจตนาฆ่าฟันของพวกเขาปะทะกันกลางอากาศพร้อมกับพวกเขาเข้าจู่โจมอย่างไม่มีความลังเล

“แครั้งพ์แครั้ง!แตรั้ง!”

ทั่วทั้งสนามประลองถูกปกคลุมไปด้วยละอองกระแสไฟฟ้าและพลังงานสายลม ยังมีชิ้นก้อนดินขนาดใหญ่เหวี่ยงไปในอากาศ เมื่อรวมเข้ากับหมู่หมอกควัน,มันดูสับสนวุ่นวายเย็นอย่างมาก

ผู้ชมทั้งหมดบนอัฒจันทร์ต่างลุกขึ้นหลี่ตามอง,พยายามดูว่าเกิดอะไรขึ้น

“ทําไมข้าไม่เห็นสิ่งที่กําลังเกิดขึ้น? ข้าได้ยินแต่เสียง”

“ข้ามองเห็นเล็กน้อย,แต่พวกมันรวดเร็วเกินไป ข้ามองเห็นเพียงร่างเลือนลาง”

“มีฝุ่นควันมากเกินไป สายลมและกระแสไฟฟ้าก็ขัดขวางวิสัยทัศน์ของข้า อย่างไรก็ตาม,พวกเขาต่อสู้กันดุเดือดรุนแรงมาก! บ้าไปแล้ว!”

ผู้บ่มเพาะพลังหลายคนทําทุกอย่างเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่มีผู้บ่มเพาะพลังที่อ่อนแอ จํานวนมากที่ไม่อาจมองเห็นได้ว่ากําลังเกิดอะไรขึ้น มีเพียงสานุศิษย์แก่นกลางที่มีการบ่มเพาะพลังลึกล้ําเท่านั้นที่สามารถมองตามการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้เลือนลางๆ
ถึงกระนั้น พวกเขาก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรอย่างสมบูรณ์ นอกจากคนของสภาสูง,มีเพียงหลิวหรูเยวที่สามารถมองเห็นสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน”

“พี่สาว,สถานการณ์เป็นอย่างไร?” หลิวสุยเฟิงถามหลิวหรูเยว่อย่างเป็นกังวล

หลิวหรูเยวมีสีหน้าซับซ้อน ดวงตาที่แน่วแน่ของนางในตอนนี้เต็มไปด้วยความสับสนและความเจ็บปวด นางกล่าวด้วยน้ําเสียงสั่นเทา “หรือพวกเขาทั้งสองจะเป็นบ้าไปแล้ว? มันออกมาเป็นแบบนี้ได้เช่นไร?”

ฝุ่นละอองลอยไปทุกแห่ง,กระแสไฟฟ้าแตก กระจัดกระจายไปในอากาศ และสายลมที่พัดผ่านรุนแรง มู่หลงชงและเชี่ยวเฉินทั้งคู่ต่างเต็มไปด้วยบาดแผลเลือดท่วม เสื้อผ้าของพวกเขาขาดลุ่ยอยู่ไม่เป็นชิ้นเดียวอีกต่อไป

พวกเขาทั้งสองเคลื่อนไหวไปตามพื้น ความรวดเร็วของพวกเขาทัดเทียมกัน มันเป็นการยากที่จะหลบเลี่ยงกระบวณท่าของฝ่ายตรงข้าม ขณะที่พยายามจะสร้างบาดแผลให้กับพวกเขา

สถานการณ์ในตอนนี้คือ:หากเจ้าตีโดนข้า,ข้าก็ตีโดนเจ้า

ดวงตาของพวกเขาแดงก่ํา พวกเขาเพิกเฉยกับบาดแผลบนร่างกายและหมุนเวียนพลังปราณจนถึงขีดสุด เซี่ยวเฉินสามารถทนรับทางกายภาพได้มากกว่ามู่หลงชง มู่หลงชงมีขอบเขตการบ่มเพาะพลังที่ลึกล้ํากว่า,เขามีพลังปราณมากกว่าเซี่ยวเฉิน เขามีพลังปราณให้รีดออกมาใช้มากกว่า
หากทั้งสองยังแลกหมัดกันต่อไปไม่หยุด,พวกเขาทั้งสองจะจบลงที่บาดเจ็บสาหัสและตกตาย ไปด้วยกัน

“ฟั ฟิว!”

สายฟ้าฟาดลงมาและทําลายก้อนดินสลาย กลายเป็นฝุ่นนับไม่ถ้วน เซียวเฉินผสานสภาวะแห่งสายฟ้าเข้าไปในกระบี่ของเขาและรับกระบี่จู่โจมของมู่หลงชง,ที่แฝงไปด้วยสภาวะแห่งสายลม

อาวุธทั้งสองเข้าปะทะกันส่งเสียงเหล็กกระทบดังกราว สองสภาวะเข้าปะทะเข้าด้วยกันและทําให้เกิดคลื่นกระแทกรุนแรง ฝุ่นดินในระยะหนึ่งร้อยเมตรถูกระเบิดออกไป

พวกเขาทั้งสองถอยกลับออกไปหนึ่งร้อยเมตร หยดเลือดไหลลงส่งเสียง กิ่ง กิ่ง

มู่หลงชงกล่าวเสียงเย็น “หนึ่งกระบวณท่าตัด สิน”

“ดี!” เซี่ยวเฉินตอบกลับอย่างเฉยเมยและจับกระบี่ของเขาเอาไว้แน่น เลือดบนด้ามกระบี่เชื่อมติดกับมือของเขา มันราวกับว่ากระบี่เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งในเลือดเนื้อของเขา

พวกเขาต่อสู้ประมือกันมาถึงจุดที่พวกเขาเข้าใจแล้วว่าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปจะไม่เห็นผลแพ้ชนะ ทางที่ดีที่สุดก็คือตัดสินกันไปในกระบวณท่าเดียว

ในจังหวะที่สิ้นเสียงของเซี่ยวเฉิน,มู่หลงชงเรี่มรวบรวมความแข็งแกร่งของสายลมที่ด้านหลังของเขา ในทันใดนั้น,ฝุ่น,ดิน,ละอองไฟฟ้าทั้งหมดที่ด้านหลังของเขาถูกขจัดออกไปอย่างหมดจด

เหลือเพียงสภาวะแห่งสายลมบริสุทธิ์อยู่ที่ด้านหลังของเขา หมู่เมฆวนวนอยู่บนท้องฟ้า,ก่อตัวเป็นห่วงโซ่ต่อไปไม่สิ้นสุด พวกมันเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว,ท้องฟ้าเปลี่ยนสรมีสายลมกําลังเร่งขึ้น และหมู่เมฆกําลังโลดแล่น

กระแสพลังของมู่หลงชงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน เขาปลดปล่อยกระแสพลังของราชัน…

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงร่องรอยอํานาจของเจ้าผู้ปกครอง,มันยังคงเติมเต็มอากาศไปด้วยพลังอันไร้ขอบเขต มันขยายออกไปถึงอัฒจันทร์ที่ล้อมอยู่รอบสนามประลอง เมื่อทุกคนรู้สึกได้ถึงกระแสพลังของเจ้าผู้ปกครอง มีความรู้สึกหนึ่งที่ออกมาใจ จิตใจของพวกเขา,ทําให้พวกเขาอยากที่จะก้มหมอบกราบด้วยความเคารพเลื่อมใส

เซียวเฉินค่อนข้างตกตะลึง มู่หลงชงได้ก้าวผ่านความเข้าใจในสภาวะและสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของสิ่งที่สูงยิ่งกว่าสภาวะ นอกจากนั้น มันยังเป็นอํานาจเจ้าผู้ปกครองระดับสูง

ในเมื่อเจ้าใช้อํานาจเจ้าผู้ปกครองมากดดันข้า,เช่นนั้นข้าจะใช้พลังเทพเจ้ากดดันเจ้า,เซียวเฉินครุ่นคิดกับตัวเองด้วยสีหน้านิ่งสงบ

เมฆาอัสนี้เริ่มรวมตัวขึ้นบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุด,พวกมันก่อเกิดเป็นวังวนเมฆาอัสนีขนาดมหึมา วังวนนั้นสูงถึงหลายร้อยเมตร

มันหมุนวนไปรอบๆ, มีพลังงานธาตุสายฟ้านับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้าไปข้างใน สายฟ้าพุ่งทะลุท้องฟ้าในพื้นที่โดยรอบของตัวเขา โฉบผ่านเหนือลานประลอง พลังเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ขยายออกมาจากมัน

“ทุ่ง! ปุล! วิ่ง! ทุ่ง!”

กองทหารม้าขนาดมหึมาพุ่งออกมาจากวังวน พวกเขาโห่ร้องตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ในที่สุด,พวกมันผสานเข้าด้วยกันและก่อเกิดรูปร่างแสงกระแสไฟฟ้าอันรุ่งโรจน์ อัศวินที่ถูกห่อหุ้มด้วยกระแสไฟฟ้าสีทองและถือหอกทองคําเผยร่างครึ่งหนึ่งของเขาออกมาจากวังวน

นี่คือสายฟ้าฉับพลันคํารามฉลับดัดแปลง มันผสานอัศวินทั้งหมดรวมเป็นหนึ่งและหลอมรวมพลังศักดิ์สิทธิ์เข้าไปเปลี่ยนให้เป็นทักษะต่อสู้เป้าหมายเดียว

หอกสีทองชี้ไปยังมู่หลงชงที่อยู่บนพื้น พลังแห่งเทพเจ้าสายฟ้าขยายตัวลงมา,พยายามจะกดดันกระแสพลังของเจ้าผู้ปกครองที่มู่หลงชงเร่งจนถึงขีดสุด

สองกระแสพลังที่ไร้รูปปะทะกันในอากาศ,และเกี่ยวพันกันเกิดเป็นคลื่นในอากาศ

“สายฟ้าฉับพลันคําราม!”

“ประณามสวรรค์ปฐพี!”

พวกเขาทั้งสองร้องตะโกนออกมาพร้อมกัน อัศวินทองคําขยับหอกของเขาชี้ลงและควบม้าตึกทองคําอันรวดเร็ว เขาแบกพลังอันศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกับทะลวงผ่านมิติ,พุ่งตรงเข้าใส่มู่หลงชง

สายลมรุนแรงที่ด้านหลังของมู่หลงชงหยุดเดิน,หมู่เมฆเหนือหัวของเขาหยุดป่วนป่วน;คงเหลือเพียงความเงียบ มีเพียงประณามสวรรค์ปฐพีที่สามารถฉีกทะลวงสวรรค์ทั้งเก้าถูกส่งออกไปอย่างรุนแรง

กระบี่แสงอันรุ่งโรจน์ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า,เร่งความเร็วตรงไปทางอัศวินทองคําและเข้าปะทะกับมัน มันกลายเป็นเส้นกระบี่ฉีที่บรรจุอํานาจของเจ้าผู้ปกครอง มันคือกระแสพลังที่มองตรงไปข้างหน้าแสดงความเย้ยหยันต่อโลกา คือกระแสพลังที่สามารถเคลื่อนสวรรค์และปฐพี

อย่างไรก็ตาม,อัศวินทองคําของเซียวเฉินถูกสร้างขึ้นมาจากพลังศักดิ์สิทธิ์ เซียวเฉินสร้างพลังศักดิ์สิทธิ์นี่ขึ้นมา,ลอกเลียนจากพลังศักดิ์สิทธิ์ที่มหาปราชญ์หลงเหลือทิ้งเอาไว้บนเรือสงครามสีเงิน

แม้ว่ามันจะไม่ใช่พลังศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง แต่มันก็สามารถเอาชนะอํานาจเจ้าผู้ปกครองที่มู่หลงชงเพิ่งจะบรรลุได้อย่างง่ายดาย

เจ้าผู้ปกครองจะเหนือกว่าเทพเจ้าในสวรรค์ได้อย่างไร? เว้นแต่มู่หลงซึ่งจะบรรลุถึงอํานาจเทพเจ้าผู้ปกครอง,ไม่มีโอกาสที่เขาจะชนะ

อัศวินสายฟ้าทองคําเคลื่อหอกของเขาและสายฟ้าทองคํารุ่งโรจน์มารวมตัวกันที่ด้านหลังของเขา เขาเปลี่ยนกลายเป็นหอกเรืองแสงซึ่งพุ่งเข้าชนกับกระบี่ฉีที่มู่หลงชงผสานเข้ากับอํานาจเจ้าผู้ปกครอง

“ปัง! ปัง! ปัง!ปัง!”

อากาศระเบิดออก ในตอนที่ทั้งสองพลังพบกันในอากาศ,พวกมันส่งเสียงระเบิดรุนแรงออกมาเป็นทอดๆ มันราวกับเป็นดอกไม้ไฟที่ถูกปล่อยขึ้นไปบนท้องฟ้าอันเงียบสงบ ทั่วทั้งพื้นที่ทั้งหมดกลายเป็นพร่ามัว

“จิ๋ว!”

อัศวินทองคําทําลายกระบี่ฉีของมู่หลงชงด้วยหอกของเขา จากนั้นเขาก็ควบอาชาทองคําลงมาจากท้องฟ้า,ทิ้งเสงสีทองเป็นสายเอาไว้เบื้องหลัง

“บูม!”

ภายใต้การควบคุมของเซียวเฉิน,อัศวินทองคําระเบิดออก พลังงานอันน่าหวาดกลัวที่รวมตัวกันที่ปลายหอก,ทําให้มู่หลงชงกระอักเลือดออกมาเต็มปาก และถูกระเบิดลอยกลับหลังไป

เซียวเฉินรู้สึกวูบหวิว:นอกจากการเผาผลาญพลังปราณไปเป็นจํานวนมาก,กระบวณท่านี้ยังทําให้จิตใจของเขาเหนื่อยล้า การลอกเลียนแบบพลังเทพเจ้าได้นําทุกสิ่งจากตัวของเขาไปเกือบหมด

เซียวเฉินวางลิ้นลงบนระหว่างฟันของเขาและกัดลงไป ความรู้สึกถึงความเจ็บปวดและความวิงเวียนของเขากลับชัดเจนขึ้น

เซี่ยวเฉินกระโดดขึ้นไปในอากาศ เขากวัดแกว่งกระบี่และแทงตรงไปที่หน้าอกของมู่หลงชง

มู่หลงชงร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า นอกจากถูกเผาด้วยกระแสไฟฟ้า, จิตวิญญาณของเขายังถูกกัดกินโดยพลังเทพเจ้าที่ไหลเข้ามา เขาสูญเสียความสามารถในการต่อต้านไปโดยสิ้นเชิง

ขณะที่มู่หลงชงร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า,ความเจ็บปวดที่หน้าอกของเขาช่วยให้ เขาฟื้นสติขึ้นมา ในจังหวะนั้น,ผมของเขายุ่งเหยิง,หยดเลือดไหลรินออกมาจากมุมปากของเขา และเขาถูกปกคลุมไปด้วยบาดแผลทั่วทั้งร่าง

พวกเขาทั้งสองได้ใช้พลังของสภาวะไปจนหมดสิ้น สายลมหยุดนิ่ง, หมู่เมฆหยุดปั่น ป่วน,กระแสไฟฟ้าสลายหาย,และฝุ่นดินคืนสู่พื้นในตอนนี้ มันเงียบสงัดอย่างไม่น่าเชื่อ มีเพียงเสียงเลือดของพวกเขาที่หยดลงพื้นหลงเหลืออยู่

“มู่หลงชงพ่ายแพ้ให้กับเย่เฉิน เป็นไปได้อย่างไร?”

แสงอาทิตย์เจิดจ้าสาดส่องลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง ในตอนที่เหล่าผู้ชมมองเห็นภาพที่อยู่บนสนามประลอง,พวกเขาตะลึงนิ่งอึ้ง

เซี่ยวเฉิน,ผู้ที่เดิมที่ไม่มีผู้ชมเข้าข้าง เอาชนะอันดับหนึ่งบนตารางเมฆาล่องลอยของศาลากระบี่สวรรค์ – มู่หลงชง!

มู่หลงชงมองดูใบหน้าไร้อารมณ์ของเซี่ยวเฉิน ผู้ที่อยู่ในสภาพล่อแล่ไม่ต่างไปจากเขา เขาเผยลอยยิ้มขมขึ้นและพึมพํา “ทําไมเจ้าไม่สังหารข้าเสีย?”

“ข้าไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกับเจ้า เจ้าเคยช่วยชีวิตของข้าเอาไว้ครั้งหนึ่ง พวกเราถือว่าหายกัน” เซี่ยวเฉินตอบกลับอย่างสงบ

ทันใดนั้น ความโกรธปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันหล่อเหลาของมู่หลงชง “หัวใจของเจ้าเห็นชัดว่าไม่ได้อยู่กับยอดเขาฉิงหยุน ทําไมเจ้าถึงได้ช่วงชิงมันไปจากข้า?”

เชี่ยวเฉินยังคงนิ่งสงบ,ไม่มีความผันผวน เขากล่าวอย่างไม่แยแส “เจ้าแน่ใจหรือว่ามันเป็นของเจ้า? ในโลกใบนี้ ไม่ใช่ทุกสิ่งที่เจ้าคิดเป็นเจ้าของ,แล้วเจ้าจะได้เป็นเจ้าของ มันจะเป็นของเจ้าก็ต่อเมื่อมันมาอยู่ในมือของเจ้าแล้วเท่านั้น”

“เช้ง!”

หลังจากกล่าวจบ,เขาดึงกระบี่กลับและเก็บลงฝัก

ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกมาจากหน้าอกของมู่หลงชง เขาตัวสั่นและล้มลงกับพื้น สุดท้าย,เขาทรุดเข่าหนึ่งข้างลงกับพื้น และแทงกระบี่ของเขาลงไปที่พื้นเพื่อรักษาสมดุล

“มู่หลงชงท้าทายไม่สําเร็จ ตําแหน่งท่านเจ้ายอดเขาฉิงหยุนไม่ได้การเปลี่ยนแปลง” หลังจากที่มู่หลงชงล้มลงไป,ชายชราก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งและประกาศผลของการประลอง

สิ้นเสียงของชายชรา,กลุ่มสานุศิษย์ยอดเขาสตรีหยกออกมาพาตัวของมู่หลงชงและเซี่ยวเฉินไปรักษาบาดแผลในทันที

ฝูงชนทั้งหมดเริ่มถกเถียงกันถึงการประลองด้วยดสียงอันดัง ยังคงมีหลายคนผู้ที่ไม่อาจยอมรับผลของการประลองพวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่ามู่หลงชงจะพ่ายแพ้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+