Immortal and Martial Dual Cultivation 139 ฝักกระบี่อันกล้าแกร่ง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 139 ฝักกระบี่อันกล้าแกร่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 139 ฝักกระบี่อันกล้าแกร่ง

“มีความสมดุลระหว่างความแข็งแกร่งและสุนทรียภาพแห่งกระบี่ ยาวประมาณสองเมตร นี้เป็นชิ้นงานที่ไม่อาจสร้างขึ้นมาได้หากปราศจากความชํานาญของ นี่จะต้อง เป็นผลงานของช่างตีเหล็กชื่อดัง มันมีกลิ่นอายรูปแบบของนิกายฟ้าคราม”

 

เซี่ยวเฉินประหลาดใจ เขาไม่คาดคิดว่าชายชราผู้นี้ จะมองเห็นข้อมูลมากมายเพียงมองผ่านกระบี่เล่มนี้ อย่างไรก็ตาม นิกายฟ้าครามคือหัวข้อต้องห้าม หากชายชราผู้ซื้อ ยากจะขุดลึกลงไปอีก เซี่ยวเฉินจะเจอปัญหาเอาได้

 

“ผู้อาวุโสจักต้องล้อข้าเล่นเป็นแน่ นิกายฟ้าครามถูกทําลายไปเมื่อนานมาแล้ว กระบี่ของข้าจะสร้างขึ้นมาในรูปแบบของนิกายฟ้าครามได้เช่นไร?” เซี่ยวเฉินพยายามปฏิเสธ 

 

ชายชรายื่นกระบี่เงาจันทร์คืนให้เซี่ยวเฉินและยิ้มขึ้นบางๆ “คนหนุ่ม อย่าได้ปฏิเสธอย่างเด่นชัดเช่นนี้ ข้ายังไม่ได้ยืนยันอะไรแม้แต่น้อย เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมตัวเอง เพียงตามน้ําไปเจ้าจะปิดซ่อนเอาไว้ได้ดีกว่านี้”

 

“เมื่อเจ้าเร่งรีบปฏิเสธเจ้าจะจบลงด้วยการเผยได้ ตัวเจ้าเอง แม้ว่านิกายฟ้าครามจะถูกทําลายไปแล้ว อาวุธของพวกเขาหลายชิ้นยังตกทอดสืบมา เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล ตาแก่ผู้นี้ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นแม้แต่น้อย”

 

เซี่ยวเฉินตกตะลึงพร้อมกับรับกระบี่เงาจันทร์คืนมา เขามองไปที่ใบหน้าใจดีของชายชราและรู้สึกเกรงกลัวผู้เฒ่าผู้นี้ ช่างไม่อาจยั่งถึงเซี่ยวเฉินยิ้มขึ้นอย่างเขินอาย พูดขึ้น “ขอบ คุณผู้อาวุโสที่สั่งสอนใช้เวลาเพียงใดฝักกระบี่ถึงจะเสร็จสมบูรณ์?”

 

“ข้าเป็นเพียงตาแก่ผู้หนึ่งเข้าเพียงแค่อยู่มานานกว่าเจ้า ข้าไม่มีค่าพอที่จะสั่งสอนใครได้ สําหรับกระบี่ของเจ้า ข้ามีฝักที่เหมาะสมอยู่แล้ว” หลังจากที่ผู้เฒ่าพูดจบ เขาหยิบเอาฝักกระบี่ฝุ่นเขอะออกมาจากตู้ก่อนที่จะเช็ดถูอย่างเบามือ

 

ผู้เฒ่ามีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างมากมันเห็นชัดว่านี่จะต้องไม่ใช่ฝักกระบี่ธรรมดาสามัญแต่เป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางใจของเขาผ่านไปครู่หนึ่ง เขายื่นฝักกระบี่เก่าแก่มาให้เซี่ยวเฉิน

 

เซี่ยวเฉินรับฝักกระบี่มาและลองดู มันเหมาะสมลงตัวกับกระบี่เงาจันทร์อย่างพอดิบพอดี

 

ทันทีที่กระบี่เงาจันทร์เสียบเข้าไปในฝัก กระแสพลังของมันหายไปทั้งหมด หากเจ้าเฉินไม่ได้ถือมันเอาไว้ในมือเขาคงไม่อาจรับรู้ถึงตัวตนของมันได้

 

ผู้เฒ่าเผยรอยยิ้มขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของเซี่ยวเฉิน มันช่างบังเอิญ ราวกับฝักกระบี่อันนี้สร้างขึ้นมาเพื่อกระบี่เงาจันทร์โดยเฉพาะ

 

มันเหมาะสม ไม่มีคาดเคลื่อนแม้แต่มิลเดียว ราวกับว่ามันนั่งนิ่งเงียบรอเวลามานับปีไม่ได้รอให้กระบี่เงาจันทร์ปรากฏตัวขึ้นมา

 

เซี่ยวเฉินคืนสติจากความตกใจ แม้ว่าเขาจะรู้สึกแปลกประหลาด เขาก็พึงพอใจกับฝักกระบี่อันนี้มากเขาถามขึ้น “ฝักกระบี่อันนี้ราคาเท่าใด?”

 

“หินวิญญาณระดับต่ําสิบก้อน!”

 

เซี่ยวเฉินตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหัวเราะร่า “ผู้อาวุโส  ท่านต้องบอกราคาผิดเป็นแน่ หรือไม่ข้าก็หูฟังไม่ดี หินวิญญาณระดับต่ําสิบก้อนมันเพียงพอที่จะซื้ออาวุธวิญญาณระดับลึกลับฝักกระบอะไรจะแพงได้เช่นนี้?”

 

“เจ้ารู้สึกว่ามันคุ้มค่าหรือไม่? หนุ่มน้อย ราคามันไม่ได้สูงจนเกินไป รู้สึกถึงมันอย่างละเอียด เจ้าไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง?” ผู้เฒ่าสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เขาเพียงยิ้มและพูดขึ้นอย่างเฉยเมย

 

คนผู้นี้คือวายร้ายอย่างแท้จริงมันดูเหมือนเขาตั้งใจทําข้อตกลงขึ้นมาเช่นนี้ เซี่ยวเฉินรู้สึกเกลียดตัวเอง แม้ว่าหินวิญญาณระดับต่ําสิบก้อนจะไม่ได้มากมายสําหรับเขา แต่มันก็ไม่ใช่จานวนที่จะหยิบมาใช้จ่ายได้โดยง่าย

 

เซี่ยวเฉินได้รับหินวิญญาณมาเพียง 20 ก้อนจากเอี้ยนเชียนอวิ๋น ในที่สุด เซี่ยวเฉินก็ยืนหินวิญญาณสิบก้อนไปอย่างไม่เต็มใจนัก เขาชอบฝักกระบี่อันนี้มากและไม่อยาก ที่จะปล่อยให้มันหลุดมือไป

 

“หนุ่มน้อย เมื่อกระบี่เล่มนี้อยู่ในฝักอย่าได้ดึงมันออกมาโดยง่าย หากใครก็ตามในศาลากระบี่สวรรค์รู้ถึงมรดกของจักรพรรดิอัสนี เจ้าจะต้องตายอนาถ!”

 

เมื่อเซี่ยวเฉิน ผู้ที่กําลังจะเดินผ่านประตูออกไป ได้ยินเช่นนี้ ทันใดนั้นเขาก็หยุดเท้าลงหลังของเขาเต็มไปด้วย เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบพร้อมหันกลับมาอย่างช้าๆ

 

มีร่องรอยเจตนาฆ่าฟันในดวงตาของเขาพร้อมกับจ้องมองไปที่ผู้เฒ่า ผู้ที่ยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนหน้า เขาจับไปที่ด้ามกระบี่เตรียมพร้อมลงมือ

 

“ตาแก่เจ้าจะรู้มากเกินไปแล้ว!” เซี่ยวเฉินมองดูชายชราอย่างจดจ่อ เขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจเมรดกของจักรพรรดิอัสนี้คือหนึ่งในความลับสุดยอดของเขา ความลับนี้สําคัญยิ่งกว่าจิตวิญญาณยุทธมังกรฟ้า

 

จักรพรรดิอัสนี้มีศัตรูอยู่มากมายขณะที่เขายังมีชีวิต เขาหายตัวไปในปีสุดท้ายของเขา และในที่สุดเขาก็จบชีวิตลงอย่างน่าประหลาด มีความสงสัยมากมายเกี่ยวกับตัวเขา ชายชราผู้นี้เพียงแค่มองผ่านกระบี่เงาจันทร์ และเขาก็รู้ถึงสถานะของมัน ช่างน่าประหลาดใจยิ่ง!

 

หากความลับที่เขาเป็นผู้ถือครองมรดกของจักรพรรดิอัสนีถูกเปิดเผย ด้วยความแข็งแกร่งและผู้หนุนหลังของเขาที่ไม่เพียงพอ ไม่ใช่เฉพาะในระดับอาณาจักรต้าฉิน นี่จะต้องเป็นระดับทั่วทั้งโลก ผู้เชี่ยวชาญรุ่นอาวุโสทั้งหลายจะไม่อาจทนต่อสิ่งยั่วยวนและเริ่มลงมือ

 

ต่อหน้าเจตนาฆ่าของเซี่ยวเฉิน ชายชราสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เขายิ้มขึ้นบางเบา “สหายตัวน้อย ดูเหมือนเจ้าจะไม่ให้ความเคารพผู้อาวุโสกว่าใช้ไม่ได้!”

 

“ปึง!”

 

หลังจากที่ชายชราผู้นั้นพูดจบ ประตูของร้านก็บิดลงทันที ทันทีที่ประตูปิดลง ร้านกลายเป็นมืดมิด

 

เซี่ยวเฉินสํารวจรอบตัวของเขาและพบว่าชั้นวางรอบตัวของเขาดูเหมือนจะหายไป ทั้งหมดที่เขาเห็นมีเพียงความมืดมิดอันไร้ขอบเขต เขาไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดของมันได้

 

“ครืด!”

 

เซี่ยวเฉินชักกระบี่เงาจันทร์ออกมาจากฝักแสงเยือกเย็น เรื่องออกมาจากคมกระบี่ขณะที่เขาใช้วาดกระบี่ออกมา เซี่ยวเฉินกระโดดขึ้นไปในอากาศ เขาตัดสินใจลงมือก่อนและโจมตีใส่ชายชรา

 

ชายชรายังคงยืนนิ่งปราศาจากการเปลี่ยนสีหน้า อย่างไรก็ตาม เซียวเฉินรู้สึกราวกับพวกเขาอยู่ห่างกันออกไป 90,000 กิโลเมตร (180,000 )

 

ร่างของเขาแขวนค้างอยู่กลางอากาศพร้อมกับคงอยู่ท่าเดิมที่เขาชักกระบีออกมา มันราวกับเขาได้เคลื่อนไปไกล แต่ระยะห่างระหว่างเขากับชายชราไม่ได้เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

 

เขามองเห็นอยู่ด้านหน้าชัดเจน อย่างไรก็ตาม มันรู้สึกห่างออกไปไกลกว่าเส้นขอบฟ้า ระยะห่างที่ไม่มีวันก้าวไปถึง

 

เขตแดนเล็กปรากฏขึ้นที่นี้ นอกจากนั้นเขตแดนเล็กนี้สามารถควบคุมได้ เซี่ยวเฉินมองไปที่ใบหน้าของชายชราเป็นไปได้ว่าคนผู้นี้คือระดับนักปราชญ์

 

“ออกไปสงบจิตสงบใจข้างนอก! เรียนรู้ที่จะเคารพผู้อาวุโสกว่าในอนาคต!”

 

ชายชราสะบัดมือ และพลังที่ไม่อาจต้านทานได้บินออกมา เซี่ยวเฉินถูกผลักไปด้วยความเร็วขั้นสุดเสียงของสายลมดังอุดอยู่ในหูของเขา

 

“ปัง!”

 

เซียวเฉินราวกับขึ้นเครื่องบินทะลุไปหลายมิติ และร่วงลงบนพื้นเสียงดังปัง เขามองขึ้นไปและพบว่าเขากําลังนอนกองอยู่บนถนนใหญ่ ผู้คนที่จรผ่านมองมาที่เขาในท่าทางแปลกประหลาด

 

เขาถูกมองดูราวกับคนโง่ เซี่ยวเฉินรีบลุกขึ้นและตรวจสอบร่างกายของเขา เขาพบว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย มันเห็นได้ชัดว่าชายชราผู้นั้นแสดงความเมตตา 

 

สร้างเขตแดนเล็กขึ้นมาและควบคุมกฏของช่องมิติ นี่เป็นสิ่งที่ระดับนักปราชญ์เท่านั้นที่จะสามารถทําได้ คนผู้นั้นคือระดับนักปราชญ์?

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกว่ามันช่างเหลือเชื่อ ความรู้สึกที่ออกมาจากคนผู้นั้นแข็งแกร่งกว่าอิงเยว่เพียงเล็กน้อยอย่างดีที่สุดเขา จะต้องอยู่ระดับขอบเขตมหากษัตริย์ เขาจะต้องไม่ใช่ระดับขอบเขตนักปราชญ์

 

ขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไป เซียวเฉินหลับตาลง และควบคุมมันเข้าไปในร้านของชายชรากระแสพลังอันแข็งแกร่งปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา ผ่านไหครู่หนึ่ง เซี่ยวเฉินค้นพบต้นกําเนิดของกระแสพลังที่แข็งแกร่ง

 

มีกล่องสี่เหลี่ยมวางอยู่ในร้าน เมื่อสัมผัสวิญญาณของเขาพยายามจะเข้าไปในกล่อง เขาพบว่ามีม่านพลังไร้รูปขัดขวางสัมผัสวิญญาณของเขาเอาไว้

 

เซี่ยวเฉินยังไม่ละเลิกและพยายามอีกหลายครั้ง ต่างล้มเหลวทั้งหมด ในที่สุดเขาจดจ่อสัมผัสวิญญาณไปที่ชายชรา จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วเขาพบฉากน่าประหลาดใจ

 

ถอนสัมผัสวิญญาณของเขากลับมา เซียวเฉินพึมพํากับตัวเอง “คนผู้นี้ไม่มีจิตวิญญาณยุทธอยู่ในร่างอย่างไรก็ตาม กระแสพลังของเขาบอกได้ชัดเจนว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ ระดับขอบเขตกษัตริย์

 

“หากเป็นเช่นนั้น มันก็จะมีเพียงคําอธิบายเดียว เขาเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่จิตวิญญาณยุทธของเขาถูกใครบางคนทําลาย ทําให้เขากลายเป็นพิการ”

 

แม้จะเป็นเช่นนั้น เซี่ยวเฉินก็ยังคงรู้สึกเกรงกลัวชายชราผู้นี้ หากที่อยู่ในกล่องมันไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นมันจะต้องเป็นสมบัติลับระดับกษัตริย์ ภายในร้าน ชายชราผู้นั้นไร้ผู้ใดมาเทียบเคียง

 

เซียวเฉินส่ายหัวของเขา ตั้งแต่ที่ชายชราผู้นี้ไม่ได้มีเจตาร้ายอะไรมันก็ไม่จําเป็นที่เขาจะต้องไปเสียเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาหันหลังเตรียมจากออกไป เซี่ยวเฉินยังคงไม่อาจสงบใจลงได้ มีร้านค้าเช่นนี้มากมายในเมืองกระบี่ หรือทุกร้านจะมีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ซ่อนตัวอยู่?

 

เซียวเฉินแบกความคิดนี้เดินเข้าไปในร้านหนึ่ง เจ้าของเป็นชายวัยกลางคน เซี่ยวเฉินจดจ้องไปที่เขา พยายามจะมองหาความแตกต่างบนตัวเขา

 

“น้องชาย มีอะไรที่เจ้าอยากจะซื้อหรือไม่?” ชายวัยกลางคนผู้นั้นถามด้วยเสียงสั่นเทาเขารู้สึกขนลุกเมื่อเซี่ยวเฉินจ้องมองมาที่เขา

 

เมื่อได้ยินดังนั้นเขาไม่รู้ว่าจะตอบกลับเจ้าของร้านเช่นไร หลังจากที่เขารู้ว่าพวกเขาจะไม่ขายอาวุธวิญญาณให้กับคนนอก

 

เซียวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจถามเกี่ยวกับเหลิ่งเทียนเยว่ อย่างไรก็ตามด้วยการพยายามจะลอบสังหารเหลิ่งหลิวซู เขาได้ลงมืออย่างอุกอาจ เขาลองถามคลําทางออกไป “เพียงแค่ถามดูเฉยๆ มีอะไรใหญ่หลวงเกิดขึ้นในศาลากระบี่สวรรค์หรือไม่?”

 

ชายวัยกลางคนมองลึกไปที่เซียวเฉินเขาพูดขึ้น “เอาล่ะ มีเรื่องใหญ่โตเกิดขึ้นในศาลากระบี่สวรรค์อยู่ทุกวัน อย่างไรก็ตามมีเรื่องน่าแปลกเกิดขึ้นเมื่อสองสามวันก่อน”

 

หลังจากที่เจ้าของร้านพูดขึ้นเช่นนั้นเขาก็หยุดลง เซี่ยวเฉินเข้าใจดีและหยิบยื่นตั๋วเงินให้เขา เจ้าของร้านรับไปและมองมันอย่างสบายๆ เขาพบว่ามันค่อตัวเงินทั้งหมดหนึ่งหมื่นเหรียญเงิน

 

เขาอดดีใจออกมาไม่ได้ เขายิ้มกว้างพร้อมกับพูดขึ้น “เมื่อสองสามวันก่อน เมื่อลูกชานคนโตของเจ้าภูเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาหลิงหยุน เหลิงเทียนเยว่ได้กลับมาจากการท่องภพ เขาได้บุกเข้าไปในค่ายกลกระบีสวรรค์จิตวิญญาณร่ําไห้โดยทันที”

 

มันเกี่ยวข้องกับเหลิ่งเทียนเยวแน่แล้ว เซี่ยวเฉินไม่อาจอดความสงสัยเอาไว้ได้ และถามขึ้น “เขาไปทําอะไรที่ค่ายกลกระบี่สวรรค์จิตวิญญาณร่ําไห้?”

 

เจ้าของร้านหัวเราะ เขาพูดขึ้น “เขาทําอะไร? แน่นอน เขาพยายามจะไปดึงกระบี่ออกมาศาลากระบี่สวรรค์มีตํานานเล่าต่อกันมานับพันปี ตราบใดที่ผู้ใดก็ตามสามารถ เข้าไปถึงใจกลางของค่ายกลกระบีสวรรค์จิตวิญญาณร่ําไห้ และดึงเอาอาวุธกิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตรงนั้นขึ้นมาได้  คนผู้นั้นจะได้กลายเป็นเจ้าศาลากระบี่สวรรค์”

 

“เขาดึงมันขึ้นมาได้หรือไม่?” เซี่ยวเฉินถามขึ้นอย่างสนใจ เขาไม่คาดคิดว่าศาลากระบี่สวรรค์จะมีตํานานเช่นนี้มันทําให้เชียวเฉินประหลาดใจ

 

หากสานุศิษย์ของนิกายดาบเงาหมอกสามารถดึงกระบี่ ขึ้นมาได้เขาจะกลายเป็นเจ้าศาลากระบี่สวรรค์? เพียงแค่คิดมันก็น่าสนใจแล้ว

 

ชายวัยกลางคนถอนหายใจ “นั้นมันอาวุธกิ่งศักดิ์สิทธิ์อาวุธที่เป็นรองเพียงแค่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ มันสามารถผ่าภูเขาเขย่าสวรรค์ได้ แม้แต่ระดับนักปราชญ์ยังต้องหลบเลี่ยงคมของมัน มันจะดึงออกมาง่ายดายเช่นนั้นได้อย่างไร?

 

“นอกจากนั้น ค่ายกลกระบี่สวรรค์ร่ําไห้ยังประกอบไปด้วยค่ายกลเล็กๆ 81 ค่ายกลเชื่อมต่อกัน ก่อตัวขึ้นเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ มันดํารงอยู่มาตั้งแต่ยุคโบราณ เพื่อที่จะเข้าไปถึงจุดศูนย์กลาง ผู้นั้นไม่อาจพึงเพียงแค่ระดับการบ่มเพาะพลังของพวกเขา แต่พวกเขาต้องเข้าใจถึงทักษะกระบี่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 139 ฝักกระบี่อันกล้าแกร่ง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 139 ฝักกระบี่อันกล้าแกร่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 139 ฝักกระบี่อันกล้าแกร่ง

“มีความสมดุลระหว่างความแข็งแกร่งและสุนทรียภาพแห่งกระบี่ ยาวประมาณสองเมตร นี้เป็นชิ้นงานที่ไม่อาจสร้างขึ้นมาได้หากปราศจากความชํานาญของ นี่จะต้อง เป็นผลงานของช่างตีเหล็กชื่อดัง มันมีกลิ่นอายรูปแบบของนิกายฟ้าคราม”

 

เซี่ยวเฉินประหลาดใจ เขาไม่คาดคิดว่าชายชราผู้นี้ จะมองเห็นข้อมูลมากมายเพียงมองผ่านกระบี่เล่มนี้ อย่างไรก็ตาม นิกายฟ้าครามคือหัวข้อต้องห้าม หากชายชราผู้ซื้อ ยากจะขุดลึกลงไปอีก เซี่ยวเฉินจะเจอปัญหาเอาได้

 

“ผู้อาวุโสจักต้องล้อข้าเล่นเป็นแน่ นิกายฟ้าครามถูกทําลายไปเมื่อนานมาแล้ว กระบี่ของข้าจะสร้างขึ้นมาในรูปแบบของนิกายฟ้าครามได้เช่นไร?” เซี่ยวเฉินพยายามปฏิเสธ 

 

ชายชรายื่นกระบี่เงาจันทร์คืนให้เซี่ยวเฉินและยิ้มขึ้นบางๆ “คนหนุ่ม อย่าได้ปฏิเสธอย่างเด่นชัดเช่นนี้ ข้ายังไม่ได้ยืนยันอะไรแม้แต่น้อย เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมตัวเอง เพียงตามน้ําไปเจ้าจะปิดซ่อนเอาไว้ได้ดีกว่านี้”

 

“เมื่อเจ้าเร่งรีบปฏิเสธเจ้าจะจบลงด้วยการเผยได้ ตัวเจ้าเอง แม้ว่านิกายฟ้าครามจะถูกทําลายไปแล้ว อาวุธของพวกเขาหลายชิ้นยังตกทอดสืบมา เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล ตาแก่ผู้นี้ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นแม้แต่น้อย”

 

เซี่ยวเฉินตกตะลึงพร้อมกับรับกระบี่เงาจันทร์คืนมา เขามองไปที่ใบหน้าใจดีของชายชราและรู้สึกเกรงกลัวผู้เฒ่าผู้นี้ ช่างไม่อาจยั่งถึงเซี่ยวเฉินยิ้มขึ้นอย่างเขินอาย พูดขึ้น “ขอบ คุณผู้อาวุโสที่สั่งสอนใช้เวลาเพียงใดฝักกระบี่ถึงจะเสร็จสมบูรณ์?”

 

“ข้าเป็นเพียงตาแก่ผู้หนึ่งเข้าเพียงแค่อยู่มานานกว่าเจ้า ข้าไม่มีค่าพอที่จะสั่งสอนใครได้ สําหรับกระบี่ของเจ้า ข้ามีฝักที่เหมาะสมอยู่แล้ว” หลังจากที่ผู้เฒ่าพูดจบ เขาหยิบเอาฝักกระบี่ฝุ่นเขอะออกมาจากตู้ก่อนที่จะเช็ดถูอย่างเบามือ

 

ผู้เฒ่ามีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างมากมันเห็นชัดว่านี่จะต้องไม่ใช่ฝักกระบี่ธรรมดาสามัญแต่เป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางใจของเขาผ่านไปครู่หนึ่ง เขายื่นฝักกระบี่เก่าแก่มาให้เซี่ยวเฉิน

 

เซี่ยวเฉินรับฝักกระบี่มาและลองดู มันเหมาะสมลงตัวกับกระบี่เงาจันทร์อย่างพอดิบพอดี

 

ทันทีที่กระบี่เงาจันทร์เสียบเข้าไปในฝัก กระแสพลังของมันหายไปทั้งหมด หากเจ้าเฉินไม่ได้ถือมันเอาไว้ในมือเขาคงไม่อาจรับรู้ถึงตัวตนของมันได้

 

ผู้เฒ่าเผยรอยยิ้มขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของเซี่ยวเฉิน มันช่างบังเอิญ ราวกับฝักกระบี่อันนี้สร้างขึ้นมาเพื่อกระบี่เงาจันทร์โดยเฉพาะ

 

มันเหมาะสม ไม่มีคาดเคลื่อนแม้แต่มิลเดียว ราวกับว่ามันนั่งนิ่งเงียบรอเวลามานับปีไม่ได้รอให้กระบี่เงาจันทร์ปรากฏตัวขึ้นมา

 

เซี่ยวเฉินคืนสติจากความตกใจ แม้ว่าเขาจะรู้สึกแปลกประหลาด เขาก็พึงพอใจกับฝักกระบี่อันนี้มากเขาถามขึ้น “ฝักกระบี่อันนี้ราคาเท่าใด?”

 

“หินวิญญาณระดับต่ําสิบก้อน!”

 

เซี่ยวเฉินตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหัวเราะร่า “ผู้อาวุโส  ท่านต้องบอกราคาผิดเป็นแน่ หรือไม่ข้าก็หูฟังไม่ดี หินวิญญาณระดับต่ําสิบก้อนมันเพียงพอที่จะซื้ออาวุธวิญญาณระดับลึกลับฝักกระบอะไรจะแพงได้เช่นนี้?”

 

“เจ้ารู้สึกว่ามันคุ้มค่าหรือไม่? หนุ่มน้อย ราคามันไม่ได้สูงจนเกินไป รู้สึกถึงมันอย่างละเอียด เจ้าไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง?” ผู้เฒ่าสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เขาเพียงยิ้มและพูดขึ้นอย่างเฉยเมย

 

คนผู้นี้คือวายร้ายอย่างแท้จริงมันดูเหมือนเขาตั้งใจทําข้อตกลงขึ้นมาเช่นนี้ เซี่ยวเฉินรู้สึกเกลียดตัวเอง แม้ว่าหินวิญญาณระดับต่ําสิบก้อนจะไม่ได้มากมายสําหรับเขา แต่มันก็ไม่ใช่จานวนที่จะหยิบมาใช้จ่ายได้โดยง่าย

 

เซี่ยวเฉินได้รับหินวิญญาณมาเพียง 20 ก้อนจากเอี้ยนเชียนอวิ๋น ในที่สุด เซี่ยวเฉินก็ยืนหินวิญญาณสิบก้อนไปอย่างไม่เต็มใจนัก เขาชอบฝักกระบี่อันนี้มากและไม่อยาก ที่จะปล่อยให้มันหลุดมือไป

 

“หนุ่มน้อย เมื่อกระบี่เล่มนี้อยู่ในฝักอย่าได้ดึงมันออกมาโดยง่าย หากใครก็ตามในศาลากระบี่สวรรค์รู้ถึงมรดกของจักรพรรดิอัสนี เจ้าจะต้องตายอนาถ!”

 

เมื่อเซี่ยวเฉิน ผู้ที่กําลังจะเดินผ่านประตูออกไป ได้ยินเช่นนี้ ทันใดนั้นเขาก็หยุดเท้าลงหลังของเขาเต็มไปด้วย เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบพร้อมหันกลับมาอย่างช้าๆ

 

มีร่องรอยเจตนาฆ่าฟันในดวงตาของเขาพร้อมกับจ้องมองไปที่ผู้เฒ่า ผู้ที่ยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนหน้า เขาจับไปที่ด้ามกระบี่เตรียมพร้อมลงมือ

 

“ตาแก่เจ้าจะรู้มากเกินไปแล้ว!” เซี่ยวเฉินมองดูชายชราอย่างจดจ่อ เขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจเมรดกของจักรพรรดิอัสนี้คือหนึ่งในความลับสุดยอดของเขา ความลับนี้สําคัญยิ่งกว่าจิตวิญญาณยุทธมังกรฟ้า

 

จักรพรรดิอัสนี้มีศัตรูอยู่มากมายขณะที่เขายังมีชีวิต เขาหายตัวไปในปีสุดท้ายของเขา และในที่สุดเขาก็จบชีวิตลงอย่างน่าประหลาด มีความสงสัยมากมายเกี่ยวกับตัวเขา ชายชราผู้นี้เพียงแค่มองผ่านกระบี่เงาจันทร์ และเขาก็รู้ถึงสถานะของมัน ช่างน่าประหลาดใจยิ่ง!

 

หากความลับที่เขาเป็นผู้ถือครองมรดกของจักรพรรดิอัสนีถูกเปิดเผย ด้วยความแข็งแกร่งและผู้หนุนหลังของเขาที่ไม่เพียงพอ ไม่ใช่เฉพาะในระดับอาณาจักรต้าฉิน นี่จะต้องเป็นระดับทั่วทั้งโลก ผู้เชี่ยวชาญรุ่นอาวุโสทั้งหลายจะไม่อาจทนต่อสิ่งยั่วยวนและเริ่มลงมือ

 

ต่อหน้าเจตนาฆ่าของเซี่ยวเฉิน ชายชราสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เขายิ้มขึ้นบางเบา “สหายตัวน้อย ดูเหมือนเจ้าจะไม่ให้ความเคารพผู้อาวุโสกว่าใช้ไม่ได้!”

 

“ปึง!”

 

หลังจากที่ชายชราผู้นั้นพูดจบ ประตูของร้านก็บิดลงทันที ทันทีที่ประตูปิดลง ร้านกลายเป็นมืดมิด

 

เซี่ยวเฉินสํารวจรอบตัวของเขาและพบว่าชั้นวางรอบตัวของเขาดูเหมือนจะหายไป ทั้งหมดที่เขาเห็นมีเพียงความมืดมิดอันไร้ขอบเขต เขาไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดของมันได้

 

“ครืด!”

 

เซี่ยวเฉินชักกระบี่เงาจันทร์ออกมาจากฝักแสงเยือกเย็น เรื่องออกมาจากคมกระบี่ขณะที่เขาใช้วาดกระบี่ออกมา เซี่ยวเฉินกระโดดขึ้นไปในอากาศ เขาตัดสินใจลงมือก่อนและโจมตีใส่ชายชรา

 

ชายชรายังคงยืนนิ่งปราศาจากการเปลี่ยนสีหน้า อย่างไรก็ตาม เซียวเฉินรู้สึกราวกับพวกเขาอยู่ห่างกันออกไป 90,000 กิโลเมตร (180,000 )

 

ร่างของเขาแขวนค้างอยู่กลางอากาศพร้อมกับคงอยู่ท่าเดิมที่เขาชักกระบีออกมา มันราวกับเขาได้เคลื่อนไปไกล แต่ระยะห่างระหว่างเขากับชายชราไม่ได้เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

 

เขามองเห็นอยู่ด้านหน้าชัดเจน อย่างไรก็ตาม มันรู้สึกห่างออกไปไกลกว่าเส้นขอบฟ้า ระยะห่างที่ไม่มีวันก้าวไปถึง

 

เขตแดนเล็กปรากฏขึ้นที่นี้ นอกจากนั้นเขตแดนเล็กนี้สามารถควบคุมได้ เซี่ยวเฉินมองไปที่ใบหน้าของชายชราเป็นไปได้ว่าคนผู้นี้คือระดับนักปราชญ์

 

“ออกไปสงบจิตสงบใจข้างนอก! เรียนรู้ที่จะเคารพผู้อาวุโสกว่าในอนาคต!”

 

ชายชราสะบัดมือ และพลังที่ไม่อาจต้านทานได้บินออกมา เซี่ยวเฉินถูกผลักไปด้วยความเร็วขั้นสุดเสียงของสายลมดังอุดอยู่ในหูของเขา

 

“ปัง!”

 

เซียวเฉินราวกับขึ้นเครื่องบินทะลุไปหลายมิติ และร่วงลงบนพื้นเสียงดังปัง เขามองขึ้นไปและพบว่าเขากําลังนอนกองอยู่บนถนนใหญ่ ผู้คนที่จรผ่านมองมาที่เขาในท่าทางแปลกประหลาด

 

เขาถูกมองดูราวกับคนโง่ เซี่ยวเฉินรีบลุกขึ้นและตรวจสอบร่างกายของเขา เขาพบว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย มันเห็นได้ชัดว่าชายชราผู้นั้นแสดงความเมตตา 

 

สร้างเขตแดนเล็กขึ้นมาและควบคุมกฏของช่องมิติ นี่เป็นสิ่งที่ระดับนักปราชญ์เท่านั้นที่จะสามารถทําได้ คนผู้นั้นคือระดับนักปราชญ์?

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกว่ามันช่างเหลือเชื่อ ความรู้สึกที่ออกมาจากคนผู้นั้นแข็งแกร่งกว่าอิงเยว่เพียงเล็กน้อยอย่างดีที่สุดเขา จะต้องอยู่ระดับขอบเขตมหากษัตริย์ เขาจะต้องไม่ใช่ระดับขอบเขตนักปราชญ์

 

ขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไป เซียวเฉินหลับตาลง และควบคุมมันเข้าไปในร้านของชายชรากระแสพลังอันแข็งแกร่งปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา ผ่านไหครู่หนึ่ง เซี่ยวเฉินค้นพบต้นกําเนิดของกระแสพลังที่แข็งแกร่ง

 

มีกล่องสี่เหลี่ยมวางอยู่ในร้าน เมื่อสัมผัสวิญญาณของเขาพยายามจะเข้าไปในกล่อง เขาพบว่ามีม่านพลังไร้รูปขัดขวางสัมผัสวิญญาณของเขาเอาไว้

 

เซี่ยวเฉินยังไม่ละเลิกและพยายามอีกหลายครั้ง ต่างล้มเหลวทั้งหมด ในที่สุดเขาจดจ่อสัมผัสวิญญาณไปที่ชายชรา จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วเขาพบฉากน่าประหลาดใจ

 

ถอนสัมผัสวิญญาณของเขากลับมา เซียวเฉินพึมพํากับตัวเอง “คนผู้นี้ไม่มีจิตวิญญาณยุทธอยู่ในร่างอย่างไรก็ตาม กระแสพลังของเขาบอกได้ชัดเจนว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ ระดับขอบเขตกษัตริย์

 

“หากเป็นเช่นนั้น มันก็จะมีเพียงคําอธิบายเดียว เขาเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่จิตวิญญาณยุทธของเขาถูกใครบางคนทําลาย ทําให้เขากลายเป็นพิการ”

 

แม้จะเป็นเช่นนั้น เซี่ยวเฉินก็ยังคงรู้สึกเกรงกลัวชายชราผู้นี้ หากที่อยู่ในกล่องมันไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นมันจะต้องเป็นสมบัติลับระดับกษัตริย์ ภายในร้าน ชายชราผู้นั้นไร้ผู้ใดมาเทียบเคียง

 

เซียวเฉินส่ายหัวของเขา ตั้งแต่ที่ชายชราผู้นี้ไม่ได้มีเจตาร้ายอะไรมันก็ไม่จําเป็นที่เขาจะต้องไปเสียเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาหันหลังเตรียมจากออกไป เซี่ยวเฉินยังคงไม่อาจสงบใจลงได้ มีร้านค้าเช่นนี้มากมายในเมืองกระบี่ หรือทุกร้านจะมีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ซ่อนตัวอยู่?

 

เซียวเฉินแบกความคิดนี้เดินเข้าไปในร้านหนึ่ง เจ้าของเป็นชายวัยกลางคน เซี่ยวเฉินจดจ้องไปที่เขา พยายามจะมองหาความแตกต่างบนตัวเขา

 

“น้องชาย มีอะไรที่เจ้าอยากจะซื้อหรือไม่?” ชายวัยกลางคนผู้นั้นถามด้วยเสียงสั่นเทาเขารู้สึกขนลุกเมื่อเซี่ยวเฉินจ้องมองมาที่เขา

 

เมื่อได้ยินดังนั้นเขาไม่รู้ว่าจะตอบกลับเจ้าของร้านเช่นไร หลังจากที่เขารู้ว่าพวกเขาจะไม่ขายอาวุธวิญญาณให้กับคนนอก

 

เซียวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจถามเกี่ยวกับเหลิ่งเทียนเยว่ อย่างไรก็ตามด้วยการพยายามจะลอบสังหารเหลิ่งหลิวซู เขาได้ลงมืออย่างอุกอาจ เขาลองถามคลําทางออกไป “เพียงแค่ถามดูเฉยๆ มีอะไรใหญ่หลวงเกิดขึ้นในศาลากระบี่สวรรค์หรือไม่?”

 

ชายวัยกลางคนมองลึกไปที่เซียวเฉินเขาพูดขึ้น “เอาล่ะ มีเรื่องใหญ่โตเกิดขึ้นในศาลากระบี่สวรรค์อยู่ทุกวัน อย่างไรก็ตามมีเรื่องน่าแปลกเกิดขึ้นเมื่อสองสามวันก่อน”

 

หลังจากที่เจ้าของร้านพูดขึ้นเช่นนั้นเขาก็หยุดลง เซี่ยวเฉินเข้าใจดีและหยิบยื่นตั๋วเงินให้เขา เจ้าของร้านรับไปและมองมันอย่างสบายๆ เขาพบว่ามันค่อตัวเงินทั้งหมดหนึ่งหมื่นเหรียญเงิน

 

เขาอดดีใจออกมาไม่ได้ เขายิ้มกว้างพร้อมกับพูดขึ้น “เมื่อสองสามวันก่อน เมื่อลูกชานคนโตของเจ้าภูเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาหลิงหยุน เหลิงเทียนเยว่ได้กลับมาจากการท่องภพ เขาได้บุกเข้าไปในค่ายกลกระบีสวรรค์จิตวิญญาณร่ําไห้โดยทันที”

 

มันเกี่ยวข้องกับเหลิ่งเทียนเยวแน่แล้ว เซี่ยวเฉินไม่อาจอดความสงสัยเอาไว้ได้ และถามขึ้น “เขาไปทําอะไรที่ค่ายกลกระบี่สวรรค์จิตวิญญาณร่ําไห้?”

 

เจ้าของร้านหัวเราะ เขาพูดขึ้น “เขาทําอะไร? แน่นอน เขาพยายามจะไปดึงกระบี่ออกมาศาลากระบี่สวรรค์มีตํานานเล่าต่อกันมานับพันปี ตราบใดที่ผู้ใดก็ตามสามารถ เข้าไปถึงใจกลางของค่ายกลกระบีสวรรค์จิตวิญญาณร่ําไห้ และดึงเอาอาวุธกิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตรงนั้นขึ้นมาได้  คนผู้นั้นจะได้กลายเป็นเจ้าศาลากระบี่สวรรค์”

 

“เขาดึงมันขึ้นมาได้หรือไม่?” เซี่ยวเฉินถามขึ้นอย่างสนใจ เขาไม่คาดคิดว่าศาลากระบี่สวรรค์จะมีตํานานเช่นนี้มันทําให้เชียวเฉินประหลาดใจ

 

หากสานุศิษย์ของนิกายดาบเงาหมอกสามารถดึงกระบี่ ขึ้นมาได้เขาจะกลายเป็นเจ้าศาลากระบี่สวรรค์? เพียงแค่คิดมันก็น่าสนใจแล้ว

 

ชายวัยกลางคนถอนหายใจ “นั้นมันอาวุธกิ่งศักดิ์สิทธิ์อาวุธที่เป็นรองเพียงแค่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ มันสามารถผ่าภูเขาเขย่าสวรรค์ได้ แม้แต่ระดับนักปราชญ์ยังต้องหลบเลี่ยงคมของมัน มันจะดึงออกมาง่ายดายเช่นนั้นได้อย่างไร?

 

“นอกจากนั้น ค่ายกลกระบี่สวรรค์ร่ําไห้ยังประกอบไปด้วยค่ายกลเล็กๆ 81 ค่ายกลเชื่อมต่อกัน ก่อตัวขึ้นเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ มันดํารงอยู่มาตั้งแต่ยุคโบราณ เพื่อที่จะเข้าไปถึงจุดศูนย์กลาง ผู้นั้นไม่อาจพึงเพียงแค่ระดับการบ่มเพาะพลังของพวกเขา แต่พวกเขาต้องเข้าใจถึงทักษะกระบี่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+