Immortal and Martial Dual Cultivation 155 หญิงสาวพราวเสน่ห์

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 155 หญิงสาวพราวเสน่ห์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่ 155 หญิงสาวพราวเสน่ห์

 

สิบขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธแต่ละคนต่างค่อยปกป้องเขตแดน ทุกคนต่างอยากฟังบรรยายของพวกเขา แต่มันก็ไม่อาจเป็นไปได้ เซี่ยวเฉินไม่เคยคาดคิดว่าศาลากระบี่สวรรค์จะมีระดับขอบเขตยอดกษัตริย์มาบรรยายเป็นการส่วนตัวช่างเป็นโอกาสที่หาได้ยาก

 

แม้ว่ามันจะไม่ใช่การชี้แนะแบบตัวต่อตัว ได้ฟังเขาพูดได้เหลือบมองเขาจากระยะไกล สามารถช่วยพวกเขาได้อย่างมากในการบ่มเพาะพลัง

 

หลิวหรูเยว่ผิวปากเบาๆ และวิหคสีเขียวก็ร่อนลงมาทางพวกเขาอย่างช้าๆ นางเดินนําไปก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนวิหค

 

จากนั้นนางก็พูดกับเซี่ยวเฉิน “เย่เฉิน ขึ้นมามากับข้า!”

 

หลิวสุยเฟิงยิ้มและพูดขึ้น “พี่สาวอย่าได้ลําเอียงถึงเพียงนี้ ข้าเป็นน้องชายเลือดเดียวกับเจ้านะ!”

 

“ลูกไม้นี้เก่าไปแล้ว…หากเจ้าอุตสาหะได้สักครึ่งของเย่เฉิน และโดดไปจีบสาวที่ยอดเขาสตรีหยกให้น้อยครั้งลง ข้าคงไม่ปล่อยให้เจ้าเดินไปไปถึงฐานสวรรค์ลอยฟ้า” หลิวหรูเยว่ดพร้อมกับนั่งลงบนวิหคสีเขียว

 

เมื่อช่าวหยางและเสี่ยวเมิ่งได้ยินดังนั้น ก็อดขําคิกคักในใจไม่ได้ ภายใต้สายตาริษยาของหลิวสุยเฟิง เซี่ยวเฉินปืนขึ้นไปบนวิหคสีเขียวและบินออกไปพร้อมกับหลิวหรูเยว่

 

สูงขึ้นไปบนฟ้าท่ามกลางเมฆขาว เซี่ยวเฉินนั่งอยู่ข้างหลังของหลิวหรูเยว่ วิหคบินสูงผ่านหมู่ขึ้นไปบางครั้งก็มีวิหคของคนอื่นบินผ่านไปพวกเขาคือผู้บ่มเพาะพลังที่กําลังไปที่ฐานสวรรค์ลอยฟ้าเช่นกัน

 

วิหคสีเขียวมีขนาดใหญ่มากและมันยากสําหรับเซี่ยวเฉินที่จะเลี่ยงไม่ให้แตะโดนเนื้อตัวของหลิวหรูเยว่เป็นครั้งคราวนี้มันทําให้เซี่ยวเฉินเป็นกระวนกระวาย

 

บางครั้ง สายลมพัดพาผมของหลิวหรูเยว่มาปะหน้าของเซี่ยวเฉิน กลิ่นหอมหวานจากผมของหญิงสาวลอยเข้าจมูกของเขา นี่เป็นเรื่องแปลกใหม่สําหรับเซี่ยวเฉิน เขาพยายามอย่างที่สุดในการควบคุมปฏิกิริยาตามธรรมชาติของร่างกาย

 

นี่เป็นสิ่งที่ทําเขาหัวใจของเขาตื่นเต้นถึงขีดสุด แต่เขาจําเป็นต้องควบคุมตัวเอง เซี่ยวเฉินกําลังทุกข์ทรมาน ความปรารถนาในใจของเขาพองโตขึ้นเรื่อยๆ

 

ในจังหวะนั้นเอง เรืออันสง่างามบินเข้ามาด้านหลังของพวกเขา เรือนั่นประดับประดาไปด้วยทองคําทุกประเภท มันช่างดูรุ่งโรจน์

 

เรือนั้นมีธงสีดําโบกสะบัดที่มีตัวอักษร ‘ซ่ง’ เขียนเอาไว้ นี้เป็นเรือสงครามของยอดเขาหยุน

 

ที่ยืนอยู่บนหัวเรือคือลูกชายของท่านเจ้ายอดเขาหยุน ซ่งเชียนเหอ เขาแต่งกายด้วยชุดที่สง่างาม และเขาช่างดูหล่อเหลา มือของเขากําลังจับลงบนที่ราวเรือ และเสื้อผ้าของเขาปลิวไหวไปตามลม เขาแลดูสง่างามและมั่นใจ

 

มีคนอีกจํานวนหนึ่งอยู่บนดาดฟ้าพวกเขาเป็นสานุศิษย์ของยอดเขาหยุน พวกเขามากมายราวกับดวงดาว พวกเขายืนอยู่ด้านหลังของซ่งเชียนเหอ ทําให้เขาดูสง่างามยิ่งขึ้นไปอีก

 

“ศิษย์พี่หลิว อีกตั้งไกลกว่าจะถึงฐานสวรรค์ลอยฟ้า ทําไมเจ้าไม่ขึ้นมาบนเรือของข้าล่ะ!” ชายหนุ่มตะโกนและเผยรอยยิ้มขึ้นเมื่อเขาเห็นหลิวหรูเยว่

 

เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นไปมองดู เขารู้สึกคุ้นเคยกับฉากตรงหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็นึกขึ้นได้ว่ามันเหมือนอะไร มันคล้ายกับลูกคนรวยที่ขับเบนซ์วนไปรอบเมืองเพื่อนิ้วหญิง

 

เขาอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน มันก็มักจะมีคนประเภท ‘ชายสมบูรณ์แบบ’ อยู่เสมอ หลิวหรูเยว่ทําเป็นเหมื่อนไม่ได้ยิน นางไม่แม้แต่จะหันไปมอง และสั่งวิหคสีเขียวบินตรงต่อไป

 

ชายหนุ่มคนนั้นอดกังวลใจขึ้นมาไม่ได้ เขานึกว่าหลิวหรูเยว่ไม่ได้ยินเสียงของเขาและตะโกนซ้ำด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมอย่างไรก็ตาม หลิวหรูเยว่สั่งขึ้นอีกครั้ง นางสั่งวิหคสีเขียว เพิ่มความเร็วเป็นสองเท่าทันที ทิ้งคนกลุ่มนั้นไว้ข้างหลัง

 

เมื่อซ่งเชียนเหอเข้าใจถึงสถานการณ์ เขาทุบราวเรืออย่างแรง เขามองเห็นเซียวเฉินนั่งอยู่ข้างหลังของหลิวหรูเยว่ และปรากฏจิตสังหารขึ้นมาในดวงตาของเขา เขาพูดขึ้นด้วยเสียงดํามืด “เจ้าคนที่นั่งอยู่ข้างหลังของหลิวหรูเยว่มันเป็นใคร? ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน”

 

คนที่อยู่ด้านหลังของเขาตอบกลับ “นั้นคือศิษย์ที่หลิวหรูเยว่รับเข้ามาเมื่อเร็วๆนี้ เขาน่าจะชื่อเย่เฉินหรืออะไรทํานองนี้เขาอายุ 16 ปีอยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้น”

 

ผู้ที่ตอบขึ้นรู้จักกันในชื่อจางจิน และภายในยอดเขาหยุน เขารู้จักกันในนามเจ้าข่าวลือ เขาไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่เขาชอบฟังเรื่องซุบซิบนินทา นั่นเป็นเหตุว่าทําไมเขาถึงมีความรู้ในเรื่องพวกนี้เป็นพิเศษ

 

ซ่งเชียนเหอคิ้วขมวดประหลาดใจ หลิวหรูเยว่รับศิษย์เข้ามาแล้วจริงๆ นางยังคงไม่ยอมแพ้?

 

เจ้าเด็กเหลือขอนั้นสนิทชิดเชื้อกับหลิวหรูเยว่ถึงขั้นนางยอมให้เขานั่งวิหคสีเขียวไปกับนาง เขาได้จ้องมองตําแหน่งนั้นมาหลายปีแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม หลิวหรูเยว่ก็มักเมินเฉยเขาไม่สนใจเขาแม้ แต่น้อยเมื่อเขาเห็นเซี่ยวเฉินได้เข้าไปนั่งในตําแหน่งนั้นเขา หวังอยากจะบินเข้าไปเตะให้กระเด็นในทันที

 

“ไอ้หมอนั้นมีเบื้องหลังเช่นไร? เขาเข้ามาในศาลากระบี่สวรรค์อย่างไร?”ซ่งเชียนเหอถามต่อ

 

จางจินตอบอย่างรวดเร็ว “เขาเข้ามาโดยจดหมายแนะนําของเพิ่งเฟยเสียและได้เข้ายอดเขาฉิงหยุน อย่างไรก็ตาม เขาดูเหมือนจะไม่ได้มีเบื้องหลังอะไรมากมายนัก หาก เขามี เขาคงจะไม่ถูกจับไปที่ยอดเขาฉิงหยุน”

 

ซ่งเชียนเหอดวงตาสว่างขึ้นพร้อมกับยิ้มอย่างเย็นชา “หากเขาไม่ได้มีเบื้องหลังแข็งแกร่งอะไรก็จัดการกับเขาไม่ยากหลิวหรูเยว่ ข้าจะทําให้แน่ใจว่าเจ้าต้องยอมแพ้ ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ยอดเขานิ่งหยุนจะต้องเหลือเพียงชื่อ”

 

ขณะเดียวกัน บนหลังของวิหคสีเขียว เซี่ยวเฉินรู้สึกแปลกประหลาด เขาจึงถามขึ้น “พี่สาวหรูเยว่ ทําไมเจ้าปฏิเสธที่จะขึ้นไปบนเรื่องตามคําชวนของเขา”

 

แสงเย็นเฉียบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลิวหรูเยว่พร้อมกับตอบกลับด้วยเสียงเย็น “อย่าไปพูดถึงมัน เขามันก็แค่พวกกลัวสังคมเหมือนกับพ่อของมัน หากข้าขึ้นเรือไปข้าเกรงว่าจะอดเข้าไปบีบคอมันไม่ได้”

 

เซียวเฉินนิ่งเงียบในทันที เขารู้ตัวว่าได้ถามเรื่องไม่ควรถามออกไป ทันใดนั้นมีเสียงร้องไพเราะของวิหคดังลงมาจากด้านบนของพวกเขา สู่เฉินกําลังร่อนลงมาอย่างช้าๆ กําลังขอยู่บนวิหคแบบเดียวกัน

 

หากเขามองดูอย่างละเอียด เขาจะพบว่าวิหคสีเขียวที่เฉินนั่งมาเกือบจะเหมือนกับวิหคที่พวกเขากําลังนั่งอยู่ไม่ว่า จะเป็นสีขนหรือรูปร่าง

 

“พี่สาวหรูเยว่เจ้ากําลังไปที่ฐานสวรรค์ลอยฟ้าใช่หรือไม่? มาแข่งกันว่าใครจะไปถึงก่อนผู้แพ้เสียหินวิญญาณระดับต่ำสิบก้อน” ลู่เฉินยิ้มเบาๆพร้อมกับกล่าวขึ้น

 

– หลิวหรูเยว่กลอกตาไปหาลู่เฉิน นางตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “หยุดพูดไร้สาระไม่เห็นหรือว่าข้ามีคนนั่งมาด้วย?”

 

ลู่เฉินยิ้มบางๆและไม่ได้ไปใส่ใจ “ไม่เป็นไรงั้นขอพูดเรื่องมีสาระ ข้าได้ไปที่คุกกระบี่มาและเจอกับเหลิงเทียนเยว่เขาอยากจะพบศิษย์ของเจ้า”

 

เซี่ยวเฉินประหลาดใจและมีความอึดอัดปรากฏขึ้นบนใบหน้า ในครั้งนั้นเขาช่วยเหลิ่งหลิวชูจากเงื้อมือของเหลิ่งเทียนเยว่ หลังจากเหตุการณ์นั้น เขาก็ไม่ได้เปลี่ยนรูปร่าง หน้าตาของตัวเองเพราะเขารู้ว่าเหลิงเทียนเยว่ถูกขังเอาไว้

 

หลิวหรูเยว่ยิ้มอย่างเย็นชา “เหลิงเทียนเยว่ เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ออกจากคุกแล้วค่อยมาพูดกัน ศิษย์ของข้าไม่ใช่คนที่เขาจะเรียกไปพบได้ตามใจ!”

 

“เอาล่ะ ข้าก็ส่งข้อความให้แล้ว ไม่ว่าเยู่เฉินจะไปหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเขา ข้าไม่สนใจแล้ว” หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับวิหคสีเขียว หายลับไปจากสายตา

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกประหลาดใจจากคําของหลิวหรูเยว่ เขาไม่คาดคิดว่านางจะตรงไปตรงมาเช่นนี้โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย ช่างโดนใจเหี่ยวเฉิน

 

วิหคสีเขียวยังคงบินต่อไปครู่หนึ่งจนกระทั่งยอดเขาสูงที่ล้อมรอบด้วยหมู่เมฆปรากฏขึ้นตรงหน้าของพวกเขา ที่จุดบนสุดของยอดเขามันเหมือนกับของฐานส่องสวรรค์ ราวกับถูกใครบางคนปาดให้เรียบ มันมีที่ราบขนาดใหญ่อยู่บน นั้นนั้นคือฐานสวรรค์ลอยฟ้า

 

ฐานสวรรค์ลอยฟ้านั้นต่างจากฐานส่องสวรรค์ มันไม่มีสิ่งปลูกสร้างแม้แต่หลังเดียวมีเพียงเวทีหินสูงบนพื้นที่ว่างเปล่า ด้านล่างเทวี มีฝูงชนกระจายไปรอบๆ พยายามจะหามุมดีๆ

 

ขณะที่พวกเขากําลังจะไปถึง เซี่ยวเฉินอดถามขึ้นไม่ได้ “พี่สาวหรูเยว่เจ้าไม่อยากรู้ว่าทําไมเหลิงเทียนเยวถึงได้อยากพบข้า?”

 

หลิวหรูเยว่ยิ้มบางๆ “ข้าไม่สนใจว่าเจ้าเป็นใครในอดีต ที่เจ้าต้องจําไว้ก็คือเจ้าคือศิษย์ของข้าเหลิ่งเทียนเยว่กระทําความผิดร้ายแรงและถูกขังอยู่ในคุกกระบี่ เขาไม่อาจ กลับออกมาได้ตลอดชีวิต”

 

“เขาจะต้องไม่หวังดีที่อยากจะพบเจ้าความสงสัยจะฆ่า แมวตายอย่าให้ข้าจับได้ว่าเจ้าแอบไปพบเขา”

 

ขณะที่ทั้งสองกําลังพูดคุย หลิวหรูเยว่ก็บังคับวิหคสีเขียวร่อนลงไปที่ฐานสวรรค์ลอยฟ้าอย่างช้าๆ หลิวหรูเยว่กระโดดลงไปและนําเซี่ยวเฉินไปพักผ่อนที่มุมเงียบๆ

 

ผู้คนบนฐานส่วนใหญ่เหมือนกับเซี่ยวเฉินพวกเขาไม่ขี่สัตว์อสูรวิญญาณปีกก็นั่งเรือตรงมา และยังมีอีกหลายคนที่ตีนเขากําลังพุ่งขึ้นมา

 

ในขณะนั้นเรือหยกโปร่งแสงส่องเป็นประกายลอยช้าๆ มาจากขอบฟ้ามีเสือดนตรีไพเราะบรรเลงมาจากเรือหยกมีหมอกจางๆลอยล้อมรอบเรือ คลับคล้ายกับเรือสวรรค์ในตํานาน

 

ทันทีที่เรือลํานั้นปรากฏตัว มันดึงความสนใจของทุกคนบนฐานในทันที เมื่อพวกเขามองขึ้นไป พวกเขาสามารถเห็นหญิงสาวงามทุกประเภทกําลังยืนอยู่ตรงหัวเรือ พวกนางรูปร่างงดงามและส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมา

 

“เรือของยอดเขาสตรีหยกมาถึงแล้ว ข้าได้ยินมาว่าสาวงามอันดับหนึ่งของยอดเขาสตรีหยก ฉู่ชินอวิ๋น จะเข้ามาด้วย เช่นกัน

 

“เป็นความจริงรึ?  ฉู่ชินอวิ๋นมักจะอยู่แต่บนยอดเขาสตรีหยก แม้ชื่อเสียงของนางจะกว้างขวาง ข้ายังไม่เคยเจอนางตัวเป็นๆมาก่อน ข้าสงสัยว่านางจะงามดั่งในข่างลือหรือไม่”

 

“นางคืออหนึ่งในสามบุปผางามแห่งศาลากระบี่สวรรค์ของพวกเรา นอกจากหลิวหรูเยว่และเหลิ่งหลิวซู ไม่มีผู้หญิงนางใดในศาลากระบี่สวรรค์จะไปเทียบเคียงกับนาง

 

หูของเซี่ยวเฉินนั้นเฉียบคม เขาสามารถได้ยินทุกอย่างที่ผู้คนพูดคุย เขาหันไปจ้องมองรูปร่างอันงดงามของหลิวหรูเยว่ใบหน้าของนางให้ความงดงามแบบผู้ใหญ่

 

เขาอดใจไม่ไหวที่จะรอการมาของหญิงสาวเรืองชื่อแห่งยอดเขาสตรีหยกฉู่ชินอวิ๋น

 

เรือหยกลงจอดอย่างช้าๆ และกลุ่มเด็กสาวออกมาจากเรืออย่างช้าๆ ท่ามกลางพลังงานวิญญาณที่เติมเต็มไปทั่วบริเวณเทือกเขาหลิงหยุน สาวงามเหล่านี้คืออาหารตา

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง ท่ามกลางสายตาของทุกคน หญิงสาวในชุดขาวเดินออกมาจากเรืออย่างสบายๆ เมื่อนางลืมตาขึ้น มันราวกับคำาคืนที่เต็มไปด้วยผืนดวงดาว มือของนางอ่ อนนุ่ม ผิวของนางเรียบเนียน คอตรงยาว ฟันของนางขาวเป็นระเบียบนางคือสาวงามในหมู่สาวงาม

 

รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ละเอียดประณีต เซี่ยวเฉินหันไปมองและรู้สึกราวกับวิญญาณของเขาถูกฉีกกระชาก

 

นางได้ยิ้มให้ข้า? ชายทุกผู้ถามคําถามเดียวกับที่อยู่ในหัวของเซี่ยวเฉิน เซี่ยวเฉินสัมผัสได้ถึงหัวใจที่กําลังเต้นแรง

 

“ ฉู่ชินอวิ๋นงามหรือไม่?” ทันใดนั้นหลิวหรูเยว่ก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ

เซี่ยวเฉินตอบกลับไปโดยไม่รู้ตัว “งามแท้!”

 

“งามเท่าข้า?”

 

“เกือบเท่า!”

 

“เกือบเท่าบ้านเจ้าสิ!” หลิวหเยว่ทุบหัวของเซี่ยวเฉินอย่างแรงด้วยกําปั้นของนาง “เจ้าปีศาจน้อยนั้นทําสุยเฟิงหลงหัวปักหัวป่า หากเจ้าไปหลงนางด้วยอีกคน ข้าจะเตะเจ้าออกจากยอดเขานิ่งหยุน”

 

เซี่ยวเฉินคืนสติและลูบก้อนบวมโนบนหัวของเขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เขาถอนหายใจในใจหายนะโดยแท้… ดูเหมือนไม่ว่าผู้นั้นจะอยู่ที่ไหน ผู้นั้นก็ห้ามพูดถึงหญิงอื่นต่อหน้าสาวงาม

 

โดยเฉพาะเมื่อหญิงสาวคนนั้นงดงามกว่าหญิงสาวตรงหน้า ก้อนบนหัวของเขาเป็นข้อพิสูจน์อย่างดี

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 155 หญิงสาวพราวเสน่ห์

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 155 หญิงสาวพราวเสน่ห์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่ 155 หญิงสาวพราวเสน่ห์

 

สิบขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธแต่ละคนต่างค่อยปกป้องเขตแดน ทุกคนต่างอยากฟังบรรยายของพวกเขา แต่มันก็ไม่อาจเป็นไปได้ เซี่ยวเฉินไม่เคยคาดคิดว่าศาลากระบี่สวรรค์จะมีระดับขอบเขตยอดกษัตริย์มาบรรยายเป็นการส่วนตัวช่างเป็นโอกาสที่หาได้ยาก

 

แม้ว่ามันจะไม่ใช่การชี้แนะแบบตัวต่อตัว ได้ฟังเขาพูดได้เหลือบมองเขาจากระยะไกล สามารถช่วยพวกเขาได้อย่างมากในการบ่มเพาะพลัง

 

หลิวหรูเยว่ผิวปากเบาๆ และวิหคสีเขียวก็ร่อนลงมาทางพวกเขาอย่างช้าๆ นางเดินนําไปก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนวิหค

 

จากนั้นนางก็พูดกับเซี่ยวเฉิน “เย่เฉิน ขึ้นมามากับข้า!”

 

หลิวสุยเฟิงยิ้มและพูดขึ้น “พี่สาวอย่าได้ลําเอียงถึงเพียงนี้ ข้าเป็นน้องชายเลือดเดียวกับเจ้านะ!”

 

“ลูกไม้นี้เก่าไปแล้ว…หากเจ้าอุตสาหะได้สักครึ่งของเย่เฉิน และโดดไปจีบสาวที่ยอดเขาสตรีหยกให้น้อยครั้งลง ข้าคงไม่ปล่อยให้เจ้าเดินไปไปถึงฐานสวรรค์ลอยฟ้า” หลิวหรูเยว่ดพร้อมกับนั่งลงบนวิหคสีเขียว

 

เมื่อช่าวหยางและเสี่ยวเมิ่งได้ยินดังนั้น ก็อดขําคิกคักในใจไม่ได้ ภายใต้สายตาริษยาของหลิวสุยเฟิง เซี่ยวเฉินปืนขึ้นไปบนวิหคสีเขียวและบินออกไปพร้อมกับหลิวหรูเยว่

 

สูงขึ้นไปบนฟ้าท่ามกลางเมฆขาว เซี่ยวเฉินนั่งอยู่ข้างหลังของหลิวหรูเยว่ วิหคบินสูงผ่านหมู่ขึ้นไปบางครั้งก็มีวิหคของคนอื่นบินผ่านไปพวกเขาคือผู้บ่มเพาะพลังที่กําลังไปที่ฐานสวรรค์ลอยฟ้าเช่นกัน

 

วิหคสีเขียวมีขนาดใหญ่มากและมันยากสําหรับเซี่ยวเฉินที่จะเลี่ยงไม่ให้แตะโดนเนื้อตัวของหลิวหรูเยว่เป็นครั้งคราวนี้มันทําให้เซี่ยวเฉินเป็นกระวนกระวาย

 

บางครั้ง สายลมพัดพาผมของหลิวหรูเยว่มาปะหน้าของเซี่ยวเฉิน กลิ่นหอมหวานจากผมของหญิงสาวลอยเข้าจมูกของเขา นี่เป็นเรื่องแปลกใหม่สําหรับเซี่ยวเฉิน เขาพยายามอย่างที่สุดในการควบคุมปฏิกิริยาตามธรรมชาติของร่างกาย

 

นี่เป็นสิ่งที่ทําเขาหัวใจของเขาตื่นเต้นถึงขีดสุด แต่เขาจําเป็นต้องควบคุมตัวเอง เซี่ยวเฉินกําลังทุกข์ทรมาน ความปรารถนาในใจของเขาพองโตขึ้นเรื่อยๆ

 

ในจังหวะนั้นเอง เรืออันสง่างามบินเข้ามาด้านหลังของพวกเขา เรือนั่นประดับประดาไปด้วยทองคําทุกประเภท มันช่างดูรุ่งโรจน์

 

เรือนั้นมีธงสีดําโบกสะบัดที่มีตัวอักษร ‘ซ่ง’ เขียนเอาไว้ นี้เป็นเรือสงครามของยอดเขาหยุน

 

ที่ยืนอยู่บนหัวเรือคือลูกชายของท่านเจ้ายอดเขาหยุน ซ่งเชียนเหอ เขาแต่งกายด้วยชุดที่สง่างาม และเขาช่างดูหล่อเหลา มือของเขากําลังจับลงบนที่ราวเรือ และเสื้อผ้าของเขาปลิวไหวไปตามลม เขาแลดูสง่างามและมั่นใจ

 

มีคนอีกจํานวนหนึ่งอยู่บนดาดฟ้าพวกเขาเป็นสานุศิษย์ของยอดเขาหยุน พวกเขามากมายราวกับดวงดาว พวกเขายืนอยู่ด้านหลังของซ่งเชียนเหอ ทําให้เขาดูสง่างามยิ่งขึ้นไปอีก

 

“ศิษย์พี่หลิว อีกตั้งไกลกว่าจะถึงฐานสวรรค์ลอยฟ้า ทําไมเจ้าไม่ขึ้นมาบนเรือของข้าล่ะ!” ชายหนุ่มตะโกนและเผยรอยยิ้มขึ้นเมื่อเขาเห็นหลิวหรูเยว่

 

เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นไปมองดู เขารู้สึกคุ้นเคยกับฉากตรงหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็นึกขึ้นได้ว่ามันเหมือนอะไร มันคล้ายกับลูกคนรวยที่ขับเบนซ์วนไปรอบเมืองเพื่อนิ้วหญิง

 

เขาอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน มันก็มักจะมีคนประเภท ‘ชายสมบูรณ์แบบ’ อยู่เสมอ หลิวหรูเยว่ทําเป็นเหมื่อนไม่ได้ยิน นางไม่แม้แต่จะหันไปมอง และสั่งวิหคสีเขียวบินตรงต่อไป

 

ชายหนุ่มคนนั้นอดกังวลใจขึ้นมาไม่ได้ เขานึกว่าหลิวหรูเยว่ไม่ได้ยินเสียงของเขาและตะโกนซ้ำด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมอย่างไรก็ตาม หลิวหรูเยว่สั่งขึ้นอีกครั้ง นางสั่งวิหคสีเขียว เพิ่มความเร็วเป็นสองเท่าทันที ทิ้งคนกลุ่มนั้นไว้ข้างหลัง

 

เมื่อซ่งเชียนเหอเข้าใจถึงสถานการณ์ เขาทุบราวเรืออย่างแรง เขามองเห็นเซียวเฉินนั่งอยู่ข้างหลังของหลิวหรูเยว่ และปรากฏจิตสังหารขึ้นมาในดวงตาของเขา เขาพูดขึ้นด้วยเสียงดํามืด “เจ้าคนที่นั่งอยู่ข้างหลังของหลิวหรูเยว่มันเป็นใคร? ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน”

 

คนที่อยู่ด้านหลังของเขาตอบกลับ “นั้นคือศิษย์ที่หลิวหรูเยว่รับเข้ามาเมื่อเร็วๆนี้ เขาน่าจะชื่อเย่เฉินหรืออะไรทํานองนี้เขาอายุ 16 ปีอยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้น”

 

ผู้ที่ตอบขึ้นรู้จักกันในชื่อจางจิน และภายในยอดเขาหยุน เขารู้จักกันในนามเจ้าข่าวลือ เขาไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่เขาชอบฟังเรื่องซุบซิบนินทา นั่นเป็นเหตุว่าทําไมเขาถึงมีความรู้ในเรื่องพวกนี้เป็นพิเศษ

 

ซ่งเชียนเหอคิ้วขมวดประหลาดใจ หลิวหรูเยว่รับศิษย์เข้ามาแล้วจริงๆ นางยังคงไม่ยอมแพ้?

 

เจ้าเด็กเหลือขอนั้นสนิทชิดเชื้อกับหลิวหรูเยว่ถึงขั้นนางยอมให้เขานั่งวิหคสีเขียวไปกับนาง เขาได้จ้องมองตําแหน่งนั้นมาหลายปีแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม หลิวหรูเยว่ก็มักเมินเฉยเขาไม่สนใจเขาแม้ แต่น้อยเมื่อเขาเห็นเซี่ยวเฉินได้เข้าไปนั่งในตําแหน่งนั้นเขา หวังอยากจะบินเข้าไปเตะให้กระเด็นในทันที

 

“ไอ้หมอนั้นมีเบื้องหลังเช่นไร? เขาเข้ามาในศาลากระบี่สวรรค์อย่างไร?”ซ่งเชียนเหอถามต่อ

 

จางจินตอบอย่างรวดเร็ว “เขาเข้ามาโดยจดหมายแนะนําของเพิ่งเฟยเสียและได้เข้ายอดเขาฉิงหยุน อย่างไรก็ตาม เขาดูเหมือนจะไม่ได้มีเบื้องหลังอะไรมากมายนัก หาก เขามี เขาคงจะไม่ถูกจับไปที่ยอดเขาฉิงหยุน”

 

ซ่งเชียนเหอดวงตาสว่างขึ้นพร้อมกับยิ้มอย่างเย็นชา “หากเขาไม่ได้มีเบื้องหลังแข็งแกร่งอะไรก็จัดการกับเขาไม่ยากหลิวหรูเยว่ ข้าจะทําให้แน่ใจว่าเจ้าต้องยอมแพ้ ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ยอดเขานิ่งหยุนจะต้องเหลือเพียงชื่อ”

 

ขณะเดียวกัน บนหลังของวิหคสีเขียว เซี่ยวเฉินรู้สึกแปลกประหลาด เขาจึงถามขึ้น “พี่สาวหรูเยว่ ทําไมเจ้าปฏิเสธที่จะขึ้นไปบนเรื่องตามคําชวนของเขา”

 

แสงเย็นเฉียบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลิวหรูเยว่พร้อมกับตอบกลับด้วยเสียงเย็น “อย่าไปพูดถึงมัน เขามันก็แค่พวกกลัวสังคมเหมือนกับพ่อของมัน หากข้าขึ้นเรือไปข้าเกรงว่าจะอดเข้าไปบีบคอมันไม่ได้”

 

เซียวเฉินนิ่งเงียบในทันที เขารู้ตัวว่าได้ถามเรื่องไม่ควรถามออกไป ทันใดนั้นมีเสียงร้องไพเราะของวิหคดังลงมาจากด้านบนของพวกเขา สู่เฉินกําลังร่อนลงมาอย่างช้าๆ กําลังขอยู่บนวิหคแบบเดียวกัน

 

หากเขามองดูอย่างละเอียด เขาจะพบว่าวิหคสีเขียวที่เฉินนั่งมาเกือบจะเหมือนกับวิหคที่พวกเขากําลังนั่งอยู่ไม่ว่า จะเป็นสีขนหรือรูปร่าง

 

“พี่สาวหรูเยว่เจ้ากําลังไปที่ฐานสวรรค์ลอยฟ้าใช่หรือไม่? มาแข่งกันว่าใครจะไปถึงก่อนผู้แพ้เสียหินวิญญาณระดับต่ำสิบก้อน” ลู่เฉินยิ้มเบาๆพร้อมกับกล่าวขึ้น

 

– หลิวหรูเยว่กลอกตาไปหาลู่เฉิน นางตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “หยุดพูดไร้สาระไม่เห็นหรือว่าข้ามีคนนั่งมาด้วย?”

 

ลู่เฉินยิ้มบางๆและไม่ได้ไปใส่ใจ “ไม่เป็นไรงั้นขอพูดเรื่องมีสาระ ข้าได้ไปที่คุกกระบี่มาและเจอกับเหลิงเทียนเยว่เขาอยากจะพบศิษย์ของเจ้า”

 

เซี่ยวเฉินประหลาดใจและมีความอึดอัดปรากฏขึ้นบนใบหน้า ในครั้งนั้นเขาช่วยเหลิ่งหลิวชูจากเงื้อมือของเหลิ่งเทียนเยว่ หลังจากเหตุการณ์นั้น เขาก็ไม่ได้เปลี่ยนรูปร่าง หน้าตาของตัวเองเพราะเขารู้ว่าเหลิงเทียนเยว่ถูกขังเอาไว้

 

หลิวหรูเยว่ยิ้มอย่างเย็นชา “เหลิงเทียนเยว่ เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ออกจากคุกแล้วค่อยมาพูดกัน ศิษย์ของข้าไม่ใช่คนที่เขาจะเรียกไปพบได้ตามใจ!”

 

“เอาล่ะ ข้าก็ส่งข้อความให้แล้ว ไม่ว่าเยู่เฉินจะไปหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเขา ข้าไม่สนใจแล้ว” หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับวิหคสีเขียว หายลับไปจากสายตา

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกประหลาดใจจากคําของหลิวหรูเยว่ เขาไม่คาดคิดว่านางจะตรงไปตรงมาเช่นนี้โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย ช่างโดนใจเหี่ยวเฉิน

 

วิหคสีเขียวยังคงบินต่อไปครู่หนึ่งจนกระทั่งยอดเขาสูงที่ล้อมรอบด้วยหมู่เมฆปรากฏขึ้นตรงหน้าของพวกเขา ที่จุดบนสุดของยอดเขามันเหมือนกับของฐานส่องสวรรค์ ราวกับถูกใครบางคนปาดให้เรียบ มันมีที่ราบขนาดใหญ่อยู่บน นั้นนั้นคือฐานสวรรค์ลอยฟ้า

 

ฐานสวรรค์ลอยฟ้านั้นต่างจากฐานส่องสวรรค์ มันไม่มีสิ่งปลูกสร้างแม้แต่หลังเดียวมีเพียงเวทีหินสูงบนพื้นที่ว่างเปล่า ด้านล่างเทวี มีฝูงชนกระจายไปรอบๆ พยายามจะหามุมดีๆ

 

ขณะที่พวกเขากําลังจะไปถึง เซี่ยวเฉินอดถามขึ้นไม่ได้ “พี่สาวหรูเยว่เจ้าไม่อยากรู้ว่าทําไมเหลิงเทียนเยวถึงได้อยากพบข้า?”

 

หลิวหรูเยว่ยิ้มบางๆ “ข้าไม่สนใจว่าเจ้าเป็นใครในอดีต ที่เจ้าต้องจําไว้ก็คือเจ้าคือศิษย์ของข้าเหลิ่งเทียนเยว่กระทําความผิดร้ายแรงและถูกขังอยู่ในคุกกระบี่ เขาไม่อาจ กลับออกมาได้ตลอดชีวิต”

 

“เขาจะต้องไม่หวังดีที่อยากจะพบเจ้าความสงสัยจะฆ่า แมวตายอย่าให้ข้าจับได้ว่าเจ้าแอบไปพบเขา”

 

ขณะที่ทั้งสองกําลังพูดคุย หลิวหรูเยว่ก็บังคับวิหคสีเขียวร่อนลงไปที่ฐานสวรรค์ลอยฟ้าอย่างช้าๆ หลิวหรูเยว่กระโดดลงไปและนําเซี่ยวเฉินไปพักผ่อนที่มุมเงียบๆ

 

ผู้คนบนฐานส่วนใหญ่เหมือนกับเซี่ยวเฉินพวกเขาไม่ขี่สัตว์อสูรวิญญาณปีกก็นั่งเรือตรงมา และยังมีอีกหลายคนที่ตีนเขากําลังพุ่งขึ้นมา

 

ในขณะนั้นเรือหยกโปร่งแสงส่องเป็นประกายลอยช้าๆ มาจากขอบฟ้ามีเสือดนตรีไพเราะบรรเลงมาจากเรือหยกมีหมอกจางๆลอยล้อมรอบเรือ คลับคล้ายกับเรือสวรรค์ในตํานาน

 

ทันทีที่เรือลํานั้นปรากฏตัว มันดึงความสนใจของทุกคนบนฐานในทันที เมื่อพวกเขามองขึ้นไป พวกเขาสามารถเห็นหญิงสาวงามทุกประเภทกําลังยืนอยู่ตรงหัวเรือ พวกนางรูปร่างงดงามและส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมา

 

“เรือของยอดเขาสตรีหยกมาถึงแล้ว ข้าได้ยินมาว่าสาวงามอันดับหนึ่งของยอดเขาสตรีหยก ฉู่ชินอวิ๋น จะเข้ามาด้วย เช่นกัน

 

“เป็นความจริงรึ?  ฉู่ชินอวิ๋นมักจะอยู่แต่บนยอดเขาสตรีหยก แม้ชื่อเสียงของนางจะกว้างขวาง ข้ายังไม่เคยเจอนางตัวเป็นๆมาก่อน ข้าสงสัยว่านางจะงามดั่งในข่างลือหรือไม่”

 

“นางคืออหนึ่งในสามบุปผางามแห่งศาลากระบี่สวรรค์ของพวกเรา นอกจากหลิวหรูเยว่และเหลิ่งหลิวซู ไม่มีผู้หญิงนางใดในศาลากระบี่สวรรค์จะไปเทียบเคียงกับนาง

 

หูของเซี่ยวเฉินนั้นเฉียบคม เขาสามารถได้ยินทุกอย่างที่ผู้คนพูดคุย เขาหันไปจ้องมองรูปร่างอันงดงามของหลิวหรูเยว่ใบหน้าของนางให้ความงดงามแบบผู้ใหญ่

 

เขาอดใจไม่ไหวที่จะรอการมาของหญิงสาวเรืองชื่อแห่งยอดเขาสตรีหยกฉู่ชินอวิ๋น

 

เรือหยกลงจอดอย่างช้าๆ และกลุ่มเด็กสาวออกมาจากเรืออย่างช้าๆ ท่ามกลางพลังงานวิญญาณที่เติมเต็มไปทั่วบริเวณเทือกเขาหลิงหยุน สาวงามเหล่านี้คืออาหารตา

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง ท่ามกลางสายตาของทุกคน หญิงสาวในชุดขาวเดินออกมาจากเรืออย่างสบายๆ เมื่อนางลืมตาขึ้น มันราวกับคำาคืนที่เต็มไปด้วยผืนดวงดาว มือของนางอ่ อนนุ่ม ผิวของนางเรียบเนียน คอตรงยาว ฟันของนางขาวเป็นระเบียบนางคือสาวงามในหมู่สาวงาม

 

รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ละเอียดประณีต เซี่ยวเฉินหันไปมองและรู้สึกราวกับวิญญาณของเขาถูกฉีกกระชาก

 

นางได้ยิ้มให้ข้า? ชายทุกผู้ถามคําถามเดียวกับที่อยู่ในหัวของเซี่ยวเฉิน เซี่ยวเฉินสัมผัสได้ถึงหัวใจที่กําลังเต้นแรง

 

“ ฉู่ชินอวิ๋นงามหรือไม่?” ทันใดนั้นหลิวหรูเยว่ก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ

เซี่ยวเฉินตอบกลับไปโดยไม่รู้ตัว “งามแท้!”

 

“งามเท่าข้า?”

 

“เกือบเท่า!”

 

“เกือบเท่าบ้านเจ้าสิ!” หลิวหเยว่ทุบหัวของเซี่ยวเฉินอย่างแรงด้วยกําปั้นของนาง “เจ้าปีศาจน้อยนั้นทําสุยเฟิงหลงหัวปักหัวป่า หากเจ้าไปหลงนางด้วยอีกคน ข้าจะเตะเจ้าออกจากยอดเขานิ่งหยุน”

 

เซี่ยวเฉินคืนสติและลูบก้อนบวมโนบนหัวของเขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เขาถอนหายใจในใจหายนะโดยแท้… ดูเหมือนไม่ว่าผู้นั้นจะอยู่ที่ไหน ผู้นั้นก็ห้ามพูดถึงหญิงอื่นต่อหน้าสาวงาม

 

โดยเฉพาะเมื่อหญิงสาวคนนั้นงดงามกว่าหญิงสาวตรงหน้า ก้อนบนหัวของเขาเป็นข้อพิสูจน์อย่างดี

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+