Immortal and Martial Dual Cultivation 279 ยิ่งสูงยิ่งเจ็บ

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 279 ยิ่งสูงยิ่งเจ็บ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 279 ยิ่งสูงยิ่งเจ็บ

ดาบของมู่เฉิงเสวี่ยถูกกําเอาไว้แน่น,เขาไม่อาจหลบกระบี่ที่กําลังตรงเข้ามาได้ ร่างของเขาถูกกระบี่ซัดและกลายไปเป็นแสงจันทร์อ่อนนุ่มด้วย เสียงอันดัง,จางหายไปในอากาศ

มิติแปลกประหลาดจางหายไปและสายลมสงบลงมู่เฉิงเสวี่ยเท้าลงถึงพื้นใบหน้าซีดเซียวเขาได้รับผลสะท้อนกลับจากการที่ขอบเขตเล็กที่เขา สร้างขึ้นโดยใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ถูกเซียวเฉินทําลายลงไป

มู่เฉิงเสวี่ยได้รับบาดเจ็บต่อหน้าผู้คนมากมายตอนนี้สีหน้าของเขามืดมัวอย่างไม่น่าเชื่อ

“ตายซะ! ดาบเก้าแสง!”

มู่เฉิงเสวี่ยร้องตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดและสายวายุกับอัสนี้รุนแรงปรากฏขึ้นอีกครั้งอาวุธศักดิ์สิทธิ์,โฉมงามให้แสงจันทร์,ปรากฏขึ้นในมือของเขาอีกครั้งด้วยการใช้พลังของสายลม,เขาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเซี่ยวเฉิน

ดาบเรืองแสงสีทองออกมาอย่างต่อเนื่อง รอบ ข้างของเซียวเฉินเต็มไปด้วยภาพดาบลวง

ดาบนี้ชัดเจนว่ามีเพียงคมดาบเดียวแต่มันโจมตีเข้ามาจากเก้าทิศทางมันไม่อาจแยกแยะได้ว่าอันไหนคือของจริงอันไหนคือภาพลวง)หรือบางที,พวกมันทั้งหมดคือของจริง

เซี่ยวเฉินร้องตะโกน “ระเบิดยอดเขาเดียวด าย!”

ภูเขาลูกหนึ่งผุดขึ้นมาจากพื้น ในครั้งก่อนๆ, เขาจะร่วงหล่นลงมาจากสวรรค์แน่เพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้า,เซียวเฉินต้องทําให้มันผุดขึ้นมาจากพื้น

“เก้าร่างมังกรสัญจร!”

ทันทีที่ระเบิดยอดเขาเดียวดายถูกใช้ออกมา,เซียวเฉินเร่งหมุนเวียนพลังปราณและใช้ออก เก้าร่างมังกรสัญจรภายในเวลาอันสั้น

ภาพลวงเก้าภูเขาปรากฏขึ้นมา พวกมันดูสมจ ริงเป็นอย่างมาก,เป็นไปไม่ได้ที่จะแยกแยะ

“เครั้ง! เครั้ง! เครั้ง!…”

เสียงเหล็กกระทบเก้าครั้งดังออกมาในเวลาเดีย วกัน ในจังหวะต่อมา,ภูเขาผสานกลับ เป็นหนึ่งเช่นเดียวกับร่างของมู่เฉิงเสวี่ยทั้งเซียวเฉินและมู่เฉิงเสวียร้องตะโกนออกมาและกระ แสพลังของพวกเขาปะทุขึ้นพร้อมกับแลกเปลี่ยนกระบวณท่ากัน

สองเส้นสายฟ้าวูบไหวบนท้องฟ้าในเสลาเดียวกัน,ทําให้ท้องฟ้ามืดมิดสว่างวาบราวกับกลางวันหลังจากนั้นเกิดเสียงฟ้าคํารามดังสองครั้งพวกเขาทั้งคู่ถอยกลับไปเก้าก้าวพร้อมกัน

“ซึ้ง!”

มู่เฉิงเสวี่ยเก็บดาบกลับเข้าฝักความงดงามของแสงจันทร์จางหายไปพร้อมกับเขากล่าวขึ้น “ไป!”

เหมือนดั่งก่อนหน้านี้ เซี่ยวเฉินมีท่าทีสงบนิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ,ไม่มีสีหน้าแม้แต่น้อยพร้อมกับเก็บกระบี่เงาจันทร์กลับเข้าฝักจากนั้นเขาก็ค่อยๆเดินหน้าไป

พวกเขาทั้งสองมีความแข็งแกร่งเบื้องต้นทัดเทียมกันโดยไม่เผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมา,จะไม่มีผู้ชนะถึงแม้ว่าจะแลกเปลี่ยนกระบวณท่ากันมากกว่าหนึ่งร้อยครั้ง

ชัดเจนว่า,พวกเขาทั้งสองจะไม่ใช้พลังเต็มที่ ออกมาต่อหน้าสายตาของผู้คนนี่จะเป็นการเผยไพ่ตายของพวกเขา

“คนผู้นั้นเป็นใครกันแน่น,เขาสามารถประมือกับมู่เฉิงเสวี่ยได้อย่าสูสีตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ศาลากระบี่สวรรค์มีอัจฉริยะรุ่นเยาว์เช่นนี้?”

“ข้าจําได้ว่าเขาทําร้ายบุตรชายคนที่สองของผู้นําตระกูลชรือเมื่อสามวันก่อนแม้แต่ผู้อาวุโสสีตระกูลชรือก็ทําอะไรเขาไม่ได้”

“เขานั้นเอง,ลคนผู้นี้ช่างกล้าหาญมันไม่ใช่เรื่องดีที่จะไปมีเรื่องกับผลมู่เฉิงเสวี่ยและตระกูลหรือ”

“เขาใช้ทักษะลับของยอดเขาฉิงหยุน จะต้องเป็ยอดเขาฉิงหยุน,เขาจะต้องเป็นสานุศิษย์ของยอดเขาฉิงหยุนแต่อย่างไรก็ตาม,ข้าได้ยินมาว่ายอดเขาฉิงหยุนตกต่ํามาหลายปีแล้ว”

“อย่างไรก็ตาม คนผู้นี้เก็บตัวเงียบเชียบเขาไม่แม้แต่จะทิ้งชื่อเอาไว้หลังจากที่ประมือกับมู่เฉิงเสียอย่างสูสีอย่างน้อยที่สุดชื่อของเขาจะต้องเป็นที่รู้จักไปทั่วแคว้นซีเหอ”

เมื่อผู้คนที่อยู่โดยรอบเห็นว่าเซี่ยวเฉินไม่ได้เสียเปรียบในตอนที่ประมือกับมู่เฉิงเสวี่ย,พวกเขาตกตะลึงนิ่งอึ้ง

สานุศิษย์ตําหนักจิตวิญญาณค่ําคืนผู้หนึ่งเดินตรงเข้ามาที่มู่เฉิงและถามขึ้นอย่างงุนงง “ศิษย์พี่ใหญ่,ทําไมท่านถึงได้ปล่อยมันไป”

กระจกทองแดงเรืองแสงเบาบางที่มิติอันไร้ขอบเขตในดวงตาขวาของมู่เฉิงเสวี่ยมันราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุได้ทุกภาพลวงในโลกใบนี้

ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเซี่ยวเฉินแสดงอยู่บนกระจกทองแดงมู่เฉิงเสวี่ยประทับภาพนี้ลงในใจของเขาพร้อมกับเจตนารมณ์ฆ่าฟันเผยออกมาในดวงตาเขากลายอย่างไม่แยแส “ยิ่งเขาบิน ขึ้นไปสูง,ร่วงมายิ่งเจ็บหนักข้าจะปล่อยให้เขาบินต่อไปอีกสักหน่อย”

กลับมาที่บ้านตระกูลหยุนในเมืองซีเหอเซี่ยวเฉินมองหาหลิวสุยเฟิงในทันทีที่เขาจบการประมือกับมู่เฉิงเสวี่ย

เซียวเฉินกล่าว “สุยเฟิง,เจ้าควรกลับไปก่อน เจ้าสามารถเดินทางผ่านทุ่งหญ้ามารอสูรไปพร้อมกับคาราวานพ่อค้าของตระกูลหยุนไม่น่าจะมีอันตรายอะไร”

หลิวสุเลยเพิ่งรู้สึกประหลาดใจ,ดังนั้นเขาจึงถามขึ้น “ทําไม? เจ้ายังมีเรื่องอื่นต้องไปจักลด การ?”

เซียวเฉินมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอันไร้ขอบเขตในตอนที่เขาประมือกับมู่เฉิงเสวี่ย,เขารู้สึกถึงเจตนาฆ่าฟันคลุมเครือนั้นอีกครั้ง

นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่ามีผู้บ่มเพาะพลังปริศนาที่ตามพวกเขามาตั้งแต่ทุ่งหญ้ามารอสูรเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่มีความอดทนเป็นอย่างมาก

เซี่ยวเฉินถอนสายตากลับมาและพยักหน้า “คนผู้นั้นหมายหัวข้าเจ้าน่าจะปลอดภัยถ้าอยู่คน เดียวข้าตัดสินใจจะอยู่ที่ตระกูลหยุนต่อไปอีกสักหน่อย”

“หลิวสุยเฟิงนึกอะไรขึ้นได้และกล่าวเช่นนั้นเจ้าต้องระวังตัวอย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงโดยไม่จํา เป็น”

เซี่ยวเฉินหัวเราะและกล่าวข้าไม่กลัวมันผู้นั้นหรอก,ข้าเพียงอยากจะบ่มเพาะพลังอีกสักระยะ ก่อนที่จะจับตัวพวกมันข้าอยากจะรู้ว่าเป็นใครที่อยู่เบื้องหลัง

หลิวสุยเฟิงไม่ได้กล่าวอะไรกับเซียวเฉินอีกเขาติดต่อกับตระกูลหยุนและจากไปพร้อมกับ คาราวานพ่อค้าในช่วงบ่าย

เซียวเฉินขอลานเงียบสงบจากตระกูลหยุนหยุนโหยวจีเป็นสุขเมื่อได้ยินเช่นนี้ นี่เป็นสิ่งที่เขาหวังเอาไว้

ตลอดทาง,เขาได้ยินมาว่าเซี่ยวเฉินสามารถประมือกับมู่เฉิงเสวี่ยได้อย่าสูสีนี่ทําให้หยุนโหย วจีมองศักยภาพของเซียวเฉินสูงขึ้นไปอีก 3694

ในตอนกลางคืน,จันทร์เต็มดวงลอยสูงบนท้องฟ้า

เซียวเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงในห้องของเขา เขาหยิบเอาเม็ดยารวมปราณสองเม็ดออกมาถือเอาไว้ในมือ

ในตอนที่นะดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธหรือต่ํากว่าใช้เม็ดยารวมปราณ,พวกเขาจะมีโอกาส เพิ่มขึ้นสองในสิบส่วนที่จะทะลวงระดับพลังสําเร็จ

เซียวเฉินปัจจุบันอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้นหนึ่งเม็ดยารวมปราณจะเพิ่มโอกาสสําเร็จสี่ส่วนสองเม็ดนั้นหมายถึงแปดส่วนบวกด้วยประสบการณ์ของเขามันนาาจะมีปัญหาที่เขาจะทะลวงนสูงระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลาง

เซียวเฉินบดเม็ดยารวมปราณสองเม็ดและใส่ลงในปากของเขาเม็ดยาสลายและกลายเป็ของเหลวจากนั้นมันไหลงไปตามลําคอและเข้าไปในเส้นเลือดของเขา,ผสมเข้ากับเลือดของเขา

เชี่ยวเฉินค่อยๆหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์เพื่อเพิ่มอัตราการดูดซับ เมื่อทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์โคจรครบหนึ่งรอบเล็ก,พลังงานยาก็ถูกดูดซับจนหมด

“ปัง!

เซียวเฉินรู้สึกได้ถึงพลังงานความแข็งแกร่งออกมาจากวังวนฉีที่จุดตันเที่ยนของเขาวังวน สายผนึกสีม่วงใสเริ่มหมุนเวียน

หรือนี่คือพลังงานของเม็ดยารวมปราณ? เซียวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง,ช่างน่ากลัว,นี่มันใกล้เคียงกับพลังงานที่ข้าสามารถดูดซับได้ภายในหนึ่งเดือน

แม้ว่าพลังงานมหาศาลจะบ้าคลั่งอย่างไม่น่าเชื่อ,แต่มันก็ยังเสถียรมั่นคงมันทดสอบขีดจํากัดของเซียวเฉินต่อไปวิธีนี่มันสามารถรับประกันเซี่ยวเฉินจะเลื่อระดับพลังได้

มันเป็นเพียงขวดที่บรรจุน้ํา ร่างของเซี่ยวเฉินคือขวดและพลังปราณก็คือน้ําที่อยู่ข้างใน

เมื่อเซี่ยวเฉินทําการทะลวงระดับ,มันจะเพิ่มปริ มาณและคุณภาพของน้ําเพื่อที่จะขยายขวด

นี่เป็นขั้นตอนที่อันตราย แต่อย่างไรก็ตามเม็ดยารวมปราณเพิ่มม่านพลังอันไร้รูปและอ่อนโยนสําหรับพลังงานของเซี่ยวเฉินนี่เป็นเครื่องรับประกันได้ว่ามันจะไม่ถูกเซียวเฉินบีบจนแตก

ด้วยการปกป้องของเม็ดยารวมปราณ, เซียวเฉินหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไรกังวลพลังงานจิตวิญญาณธาตุสายฟ้าบริสุทธิ์ไหลเข้ามาในร่างของเซียวเฉินราวกับสายน้ํา

ทั้งห้องเติมเต็มไปด้วยแสงสีม่วงจิตใจของเขี้ยวเฉินสงบราวกับน้ํานิ่ง

หนึ่งรอบใหญ่…สองรอบใหญ่…ท้ายที่สุด,ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ก็โคจรไป 72 รอบ
ใหญ่

“ปัง!

เสียงแตกกราวดังออกมาจากร่างของเซี่ยวเฉินขวดได้แตกสลายและหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง มันก็คืนรูปกลับมาเป็นขวดใบใหม่คุณภาพและปริมาณของพลังปราณในขวดเพิ่มขึ้นอีกสองส่วน

เซี่ยวเฉินลืมตาขึ้นและลําแสงสีม่วงสองเส้นยิงออกมาจากดวงตาของเขาเมื่อเขามองเห็นเศษประกายแสงพลังงานสีม่วงภายในห้อง,เขากล่าวอย่างตื่นเต้น” ข้าทําสําเร็จมันคุ้มค่าที่จ่ายหินวิญญาณไปเป็นจํานวนมากเพื่อซื้อเม็ดยารวมป ราณขวดนี้มันให้ผลเยี่ยมอย่างแท้จริง “ฟูฟิว!

เซียวเฉินสะบัดมือและเศษพลังงานธาตุสายฟ้าทั้งหมดเข้ามารวมตัวและก่อนวบนวังวนสีม่วง จา กนั้น มันก็ลอยเข้าไปในมือของเซียวเฉิน

มองขวาของเซียวเฉินลายเป็นผลึกใสสีม่วงในทันที,แวววาวราวกับกระจกเพียงเซียวเฉินนึก คิด,พลังงานกลายเป็นเปลวเพลิงสีม่วงเหนือนิ้วชี้ของเขา,หมุนวนอย่างต่อเนื่อง

“โซว!”

เซียวเฉินดีดเปลวเพลิงสีม่วงลงไปบนโต๊ะไม้ โต๊ะไม้ตัวนั้นลุกเป็นไฟกลายเป็นเถ้าถ่านไปอย่าง เงียบเชียบ

เซี่ยวเฉินลุกขึ้นยืนและพึมพํา”ตอนนี้ข้าอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลาง,การใช้เพลิงแท้อัสนีม่วงของข้าจะต้องได้ผลดีเยี่ยมกับนักบ่มเพาะพ ลังระดับขอบเขตนักบุญขั้นต่ําทั่วไปนี่นับได้ว่าเป็นไพ่ตายอีกไพ่หนึ่งของข้า” “ข้าควรออกไปทดลองสมบัติลับที่ข้าได้มานากการประมูลก่อนในตอนที่พลังปราณของข้าคงที่แล้ว,ข้าจะใช้หินวิญญาณระดับกลาง

ในตอนที่เซียวเฉินกันประตูออกไป,แส งอาทิตย์ฉายเข้ามาในห้องเขาหรี่ตาและกระซิบขึ้น”มันเป็นเวลาบ่ายแล้วข้าหลงลืมเวลาไปโดนสิ้นเชิงในขณะที่กําลังบ่มเพาะพลัง”

เซี่ยวเฉินส่ายหัวและออกไปล้างหน้าจากนั้น,เขาออกไปที่ลานบ้านด้วยจิตใจที่แจ่มใสและหยิบเอารองเท้าก้าววายุออกมาจากแหวนห้วงจักรวาล

ในทันทีที่เขาสวมมัน,เซี่ยวเฉินสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานที่กําลังไหลเวียนอยู่ในเส้นปราณตรงเท้าของเขาและกําลังเชื่อมต่อกับจิตของเขาอย่างนวดเร็ว

เซียวเฉินสามารถเรียกใช้สมบัติลับได้เพียงแค่นึกคิดขณะเขามองไปที่รองเท้าก้าววายุที่สวมเท้าของเขา,เซี่ยวเฉินยิ้มและกล่าวข้าไม่คาดคิดว่าสมบัติลับชิ้นนี้จะเรียกใช้ได้สะดวกเช่นนี้รูปแบบค่ายกลข้างในของมันไม่เสียหายแม้แต่น้อย”มาทดสอบความเร็วของรองเท้าก้าววายุเป็นอันดับแรกมันจะเร็วได้ถึงเพียงใด?”

สายตาของเซียวเฉินกวาดมองไปทั่วทั้งลานบ้านพลังปราณในร่างของเขาหมุนเวียนอย่าง รวดเร็วไปในรูปแบบของทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยานในทันทีต่อมาร่างของเขากลายไปเป็น เส้นริ้วแสงสีม่วง,ย่างก้าวไปรอบลานบ้านอย่างรวดเร็ว

“ฟุ ฟิว! ฟุฟว!”

เซียวเฉินเร่งความเร็วจนถึงขีดจํากัดของร่างกายในเวลานี้,เขากําลังเข้าใกล้ความเร็วเสียง แรงเสียดทานระหว่างอากาศและร่างของเขาส่งเสียงโซนิคบูมออกมา

อากาศเป็นราวกับผิวน้ําภายใต้อิทธิพลของโซนิคบูม,มันแยกออกอย่างต่อเนื่องและเกิดเป็นระลอกเคลื่อน

สายลมรุนแรงพัดกระหน่ําในลานบ้านและฝุ่นทรายลอยขึ้นไปทั่วทุกที่ต้นไม้ต้นเล็กเอียนเอียง,ราวกับว่ามันจะถูกถอนรากออกไปได้ทุกเมื่อ

เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง,ทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยานคือทักษะเคลื่อนไหวเฉพาะของมังกรฟ้ามันอยู่ระดับสวรรค์ขั้นกลางเป็นอย่างน้อย

ข้าได้ก้าวมาถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้นนานมาแล้วน่าเสียดาย,ข้าไม่อาจทะลวงคอขวดไปได้ ความเร็วของข้าติดอยู่ที่ระดับนี้ไม่อาจขึ้นไปถึงระดับความเร็วเสียง

มองดูกันว่ารองเท้าก้าววายุจะสามารถช่วยให้ข้าทะลวงคอขวดขึ้นไปได้หรือไม่ด้วยความนึกคิดของเซี่ยวเฉิน,รูปแบบค่ายกลภายในรองเท้าก้าววายุเริ่มทํางาน

ในทันทีต่อมา,เซี่ยวเฉินรู้สึกว่าร่างกายของเขาเบาขึ้นเสียงโซนิคบูมเสียดหูจางหายไป,สายลมหยุดนิ่ง,และทุกสิ่งกลายเป็นสงบ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 279 ยิ่งสูงยิ่งเจ็บ

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 279 ยิ่งสูงยิ่งเจ็บ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 279 ยิ่งสูงยิ่งเจ็บ

ดาบของมู่เฉิงเสวี่ยถูกกําเอาไว้แน่น,เขาไม่อาจหลบกระบี่ที่กําลังตรงเข้ามาได้ ร่างของเขาถูกกระบี่ซัดและกลายไปเป็นแสงจันทร์อ่อนนุ่มด้วย เสียงอันดัง,จางหายไปในอากาศ

มิติแปลกประหลาดจางหายไปและสายลมสงบลงมู่เฉิงเสวี่ยเท้าลงถึงพื้นใบหน้าซีดเซียวเขาได้รับผลสะท้อนกลับจากการที่ขอบเขตเล็กที่เขา สร้างขึ้นโดยใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ถูกเซียวเฉินทําลายลงไป

มู่เฉิงเสวี่ยได้รับบาดเจ็บต่อหน้าผู้คนมากมายตอนนี้สีหน้าของเขามืดมัวอย่างไม่น่าเชื่อ

“ตายซะ! ดาบเก้าแสง!”

มู่เฉิงเสวี่ยร้องตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดและสายวายุกับอัสนี้รุนแรงปรากฏขึ้นอีกครั้งอาวุธศักดิ์สิทธิ์,โฉมงามให้แสงจันทร์,ปรากฏขึ้นในมือของเขาอีกครั้งด้วยการใช้พลังของสายลม,เขาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเซี่ยวเฉิน

ดาบเรืองแสงสีทองออกมาอย่างต่อเนื่อง รอบ ข้างของเซียวเฉินเต็มไปด้วยภาพดาบลวง

ดาบนี้ชัดเจนว่ามีเพียงคมดาบเดียวแต่มันโจมตีเข้ามาจากเก้าทิศทางมันไม่อาจแยกแยะได้ว่าอันไหนคือของจริงอันไหนคือภาพลวง)หรือบางที,พวกมันทั้งหมดคือของจริง

เซี่ยวเฉินร้องตะโกน “ระเบิดยอดเขาเดียวด าย!”

ภูเขาลูกหนึ่งผุดขึ้นมาจากพื้น ในครั้งก่อนๆ, เขาจะร่วงหล่นลงมาจากสวรรค์แน่เพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้า,เซียวเฉินต้องทําให้มันผุดขึ้นมาจากพื้น

“เก้าร่างมังกรสัญจร!”

ทันทีที่ระเบิดยอดเขาเดียวดายถูกใช้ออกมา,เซียวเฉินเร่งหมุนเวียนพลังปราณและใช้ออก เก้าร่างมังกรสัญจรภายในเวลาอันสั้น

ภาพลวงเก้าภูเขาปรากฏขึ้นมา พวกมันดูสมจ ริงเป็นอย่างมาก,เป็นไปไม่ได้ที่จะแยกแยะ

“เครั้ง! เครั้ง! เครั้ง!…”

เสียงเหล็กกระทบเก้าครั้งดังออกมาในเวลาเดีย วกัน ในจังหวะต่อมา,ภูเขาผสานกลับ เป็นหนึ่งเช่นเดียวกับร่างของมู่เฉิงเสวี่ยทั้งเซียวเฉินและมู่เฉิงเสวียร้องตะโกนออกมาและกระ แสพลังของพวกเขาปะทุขึ้นพร้อมกับแลกเปลี่ยนกระบวณท่ากัน

สองเส้นสายฟ้าวูบไหวบนท้องฟ้าในเสลาเดียวกัน,ทําให้ท้องฟ้ามืดมิดสว่างวาบราวกับกลางวันหลังจากนั้นเกิดเสียงฟ้าคํารามดังสองครั้งพวกเขาทั้งคู่ถอยกลับไปเก้าก้าวพร้อมกัน

“ซึ้ง!”

มู่เฉิงเสวี่ยเก็บดาบกลับเข้าฝักความงดงามของแสงจันทร์จางหายไปพร้อมกับเขากล่าวขึ้น “ไป!”

เหมือนดั่งก่อนหน้านี้ เซี่ยวเฉินมีท่าทีสงบนิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ,ไม่มีสีหน้าแม้แต่น้อยพร้อมกับเก็บกระบี่เงาจันทร์กลับเข้าฝักจากนั้นเขาก็ค่อยๆเดินหน้าไป

พวกเขาทั้งสองมีความแข็งแกร่งเบื้องต้นทัดเทียมกันโดยไม่เผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมา,จะไม่มีผู้ชนะถึงแม้ว่าจะแลกเปลี่ยนกระบวณท่ากันมากกว่าหนึ่งร้อยครั้ง

ชัดเจนว่า,พวกเขาทั้งสองจะไม่ใช้พลังเต็มที่ ออกมาต่อหน้าสายตาของผู้คนนี่จะเป็นการเผยไพ่ตายของพวกเขา

“คนผู้นั้นเป็นใครกันแน่น,เขาสามารถประมือกับมู่เฉิงเสวี่ยได้อย่าสูสีตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ศาลากระบี่สวรรค์มีอัจฉริยะรุ่นเยาว์เช่นนี้?”

“ข้าจําได้ว่าเขาทําร้ายบุตรชายคนที่สองของผู้นําตระกูลชรือเมื่อสามวันก่อนแม้แต่ผู้อาวุโสสีตระกูลชรือก็ทําอะไรเขาไม่ได้”

“เขานั้นเอง,ลคนผู้นี้ช่างกล้าหาญมันไม่ใช่เรื่องดีที่จะไปมีเรื่องกับผลมู่เฉิงเสวี่ยและตระกูลหรือ”

“เขาใช้ทักษะลับของยอดเขาฉิงหยุน จะต้องเป็ยอดเขาฉิงหยุน,เขาจะต้องเป็นสานุศิษย์ของยอดเขาฉิงหยุนแต่อย่างไรก็ตาม,ข้าได้ยินมาว่ายอดเขาฉิงหยุนตกต่ํามาหลายปีแล้ว”

“อย่างไรก็ตาม คนผู้นี้เก็บตัวเงียบเชียบเขาไม่แม้แต่จะทิ้งชื่อเอาไว้หลังจากที่ประมือกับมู่เฉิงเสียอย่างสูสีอย่างน้อยที่สุดชื่อของเขาจะต้องเป็นที่รู้จักไปทั่วแคว้นซีเหอ”

เมื่อผู้คนที่อยู่โดยรอบเห็นว่าเซี่ยวเฉินไม่ได้เสียเปรียบในตอนที่ประมือกับมู่เฉิงเสวี่ย,พวกเขาตกตะลึงนิ่งอึ้ง

สานุศิษย์ตําหนักจิตวิญญาณค่ําคืนผู้หนึ่งเดินตรงเข้ามาที่มู่เฉิงและถามขึ้นอย่างงุนงง “ศิษย์พี่ใหญ่,ทําไมท่านถึงได้ปล่อยมันไป”

กระจกทองแดงเรืองแสงเบาบางที่มิติอันไร้ขอบเขตในดวงตาขวาของมู่เฉิงเสวี่ยมันราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุได้ทุกภาพลวงในโลกใบนี้

ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเซี่ยวเฉินแสดงอยู่บนกระจกทองแดงมู่เฉิงเสวี่ยประทับภาพนี้ลงในใจของเขาพร้อมกับเจตนารมณ์ฆ่าฟันเผยออกมาในดวงตาเขากลายอย่างไม่แยแส “ยิ่งเขาบิน ขึ้นไปสูง,ร่วงมายิ่งเจ็บหนักข้าจะปล่อยให้เขาบินต่อไปอีกสักหน่อย”

กลับมาที่บ้านตระกูลหยุนในเมืองซีเหอเซี่ยวเฉินมองหาหลิวสุยเฟิงในทันทีที่เขาจบการประมือกับมู่เฉิงเสวี่ย

เซียวเฉินกล่าว “สุยเฟิง,เจ้าควรกลับไปก่อน เจ้าสามารถเดินทางผ่านทุ่งหญ้ามารอสูรไปพร้อมกับคาราวานพ่อค้าของตระกูลหยุนไม่น่าจะมีอันตรายอะไร”

หลิวสุเลยเพิ่งรู้สึกประหลาดใจ,ดังนั้นเขาจึงถามขึ้น “ทําไม? เจ้ายังมีเรื่องอื่นต้องไปจักลด การ?”

เซียวเฉินมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอันไร้ขอบเขตในตอนที่เขาประมือกับมู่เฉิงเสวี่ย,เขารู้สึกถึงเจตนาฆ่าฟันคลุมเครือนั้นอีกครั้ง

นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่ามีผู้บ่มเพาะพลังปริศนาที่ตามพวกเขามาตั้งแต่ทุ่งหญ้ามารอสูรเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่มีความอดทนเป็นอย่างมาก

เซี่ยวเฉินถอนสายตากลับมาและพยักหน้า “คนผู้นั้นหมายหัวข้าเจ้าน่าจะปลอดภัยถ้าอยู่คน เดียวข้าตัดสินใจจะอยู่ที่ตระกูลหยุนต่อไปอีกสักหน่อย”

“หลิวสุยเฟิงนึกอะไรขึ้นได้และกล่าวเช่นนั้นเจ้าต้องระวังตัวอย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงโดยไม่จํา เป็น”

เซี่ยวเฉินหัวเราะและกล่าวข้าไม่กลัวมันผู้นั้นหรอก,ข้าเพียงอยากจะบ่มเพาะพลังอีกสักระยะ ก่อนที่จะจับตัวพวกมันข้าอยากจะรู้ว่าเป็นใครที่อยู่เบื้องหลัง

หลิวสุยเฟิงไม่ได้กล่าวอะไรกับเซียวเฉินอีกเขาติดต่อกับตระกูลหยุนและจากไปพร้อมกับ คาราวานพ่อค้าในช่วงบ่าย

เซียวเฉินขอลานเงียบสงบจากตระกูลหยุนหยุนโหยวจีเป็นสุขเมื่อได้ยินเช่นนี้ นี่เป็นสิ่งที่เขาหวังเอาไว้

ตลอดทาง,เขาได้ยินมาว่าเซี่ยวเฉินสามารถประมือกับมู่เฉิงเสวี่ยได้อย่าสูสีนี่ทําให้หยุนโหย วจีมองศักยภาพของเซียวเฉินสูงขึ้นไปอีก 3694

ในตอนกลางคืน,จันทร์เต็มดวงลอยสูงบนท้องฟ้า

เซียวเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงในห้องของเขา เขาหยิบเอาเม็ดยารวมปราณสองเม็ดออกมาถือเอาไว้ในมือ

ในตอนที่นะดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธหรือต่ํากว่าใช้เม็ดยารวมปราณ,พวกเขาจะมีโอกาส เพิ่มขึ้นสองในสิบส่วนที่จะทะลวงระดับพลังสําเร็จ

เซียวเฉินปัจจุบันอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้นหนึ่งเม็ดยารวมปราณจะเพิ่มโอกาสสําเร็จสี่ส่วนสองเม็ดนั้นหมายถึงแปดส่วนบวกด้วยประสบการณ์ของเขามันนาาจะมีปัญหาที่เขาจะทะลวงนสูงระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลาง

เซียวเฉินบดเม็ดยารวมปราณสองเม็ดและใส่ลงในปากของเขาเม็ดยาสลายและกลายเป็ของเหลวจากนั้นมันไหลงไปตามลําคอและเข้าไปในเส้นเลือดของเขา,ผสมเข้ากับเลือดของเขา

เชี่ยวเฉินค่อยๆหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์เพื่อเพิ่มอัตราการดูดซับ เมื่อทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์โคจรครบหนึ่งรอบเล็ก,พลังงานยาก็ถูกดูดซับจนหมด

“ปัง!

เซียวเฉินรู้สึกได้ถึงพลังงานความแข็งแกร่งออกมาจากวังวนฉีที่จุดตันเที่ยนของเขาวังวน สายผนึกสีม่วงใสเริ่มหมุนเวียน

หรือนี่คือพลังงานของเม็ดยารวมปราณ? เซียวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง,ช่างน่ากลัว,นี่มันใกล้เคียงกับพลังงานที่ข้าสามารถดูดซับได้ภายในหนึ่งเดือน

แม้ว่าพลังงานมหาศาลจะบ้าคลั่งอย่างไม่น่าเชื่อ,แต่มันก็ยังเสถียรมั่นคงมันทดสอบขีดจํากัดของเซียวเฉินต่อไปวิธีนี่มันสามารถรับประกันเซี่ยวเฉินจะเลื่อระดับพลังได้

มันเป็นเพียงขวดที่บรรจุน้ํา ร่างของเซี่ยวเฉินคือขวดและพลังปราณก็คือน้ําที่อยู่ข้างใน

เมื่อเซี่ยวเฉินทําการทะลวงระดับ,มันจะเพิ่มปริ มาณและคุณภาพของน้ําเพื่อที่จะขยายขวด

นี่เป็นขั้นตอนที่อันตราย แต่อย่างไรก็ตามเม็ดยารวมปราณเพิ่มม่านพลังอันไร้รูปและอ่อนโยนสําหรับพลังงานของเซี่ยวเฉินนี่เป็นเครื่องรับประกันได้ว่ามันจะไม่ถูกเซียวเฉินบีบจนแตก

ด้วยการปกป้องของเม็ดยารวมปราณ, เซียวเฉินหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไรกังวลพลังงานจิตวิญญาณธาตุสายฟ้าบริสุทธิ์ไหลเข้ามาในร่างของเซียวเฉินราวกับสายน้ํา

ทั้งห้องเติมเต็มไปด้วยแสงสีม่วงจิตใจของเขี้ยวเฉินสงบราวกับน้ํานิ่ง

หนึ่งรอบใหญ่…สองรอบใหญ่…ท้ายที่สุด,ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ก็โคจรไป 72 รอบ
ใหญ่

“ปัง!

เสียงแตกกราวดังออกมาจากร่างของเซี่ยวเฉินขวดได้แตกสลายและหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง มันก็คืนรูปกลับมาเป็นขวดใบใหม่คุณภาพและปริมาณของพลังปราณในขวดเพิ่มขึ้นอีกสองส่วน

เซี่ยวเฉินลืมตาขึ้นและลําแสงสีม่วงสองเส้นยิงออกมาจากดวงตาของเขาเมื่อเขามองเห็นเศษประกายแสงพลังงานสีม่วงภายในห้อง,เขากล่าวอย่างตื่นเต้น” ข้าทําสําเร็จมันคุ้มค่าที่จ่ายหินวิญญาณไปเป็นจํานวนมากเพื่อซื้อเม็ดยารวมป ราณขวดนี้มันให้ผลเยี่ยมอย่างแท้จริง “ฟูฟิว!

เซียวเฉินสะบัดมือและเศษพลังงานธาตุสายฟ้าทั้งหมดเข้ามารวมตัวและก่อนวบนวังวนสีม่วง จา กนั้น มันก็ลอยเข้าไปในมือของเซียวเฉิน

มองขวาของเซียวเฉินลายเป็นผลึกใสสีม่วงในทันที,แวววาวราวกับกระจกเพียงเซียวเฉินนึก คิด,พลังงานกลายเป็นเปลวเพลิงสีม่วงเหนือนิ้วชี้ของเขา,หมุนวนอย่างต่อเนื่อง

“โซว!”

เซียวเฉินดีดเปลวเพลิงสีม่วงลงไปบนโต๊ะไม้ โต๊ะไม้ตัวนั้นลุกเป็นไฟกลายเป็นเถ้าถ่านไปอย่าง เงียบเชียบ

เซี่ยวเฉินลุกขึ้นยืนและพึมพํา”ตอนนี้ข้าอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลาง,การใช้เพลิงแท้อัสนีม่วงของข้าจะต้องได้ผลดีเยี่ยมกับนักบ่มเพาะพ ลังระดับขอบเขตนักบุญขั้นต่ําทั่วไปนี่นับได้ว่าเป็นไพ่ตายอีกไพ่หนึ่งของข้า” “ข้าควรออกไปทดลองสมบัติลับที่ข้าได้มานากการประมูลก่อนในตอนที่พลังปราณของข้าคงที่แล้ว,ข้าจะใช้หินวิญญาณระดับกลาง

ในตอนที่เซียวเฉินกันประตูออกไป,แส งอาทิตย์ฉายเข้ามาในห้องเขาหรี่ตาและกระซิบขึ้น”มันเป็นเวลาบ่ายแล้วข้าหลงลืมเวลาไปโดนสิ้นเชิงในขณะที่กําลังบ่มเพาะพลัง”

เซี่ยวเฉินส่ายหัวและออกไปล้างหน้าจากนั้น,เขาออกไปที่ลานบ้านด้วยจิตใจที่แจ่มใสและหยิบเอารองเท้าก้าววายุออกมาจากแหวนห้วงจักรวาล

ในทันทีที่เขาสวมมัน,เซี่ยวเฉินสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานที่กําลังไหลเวียนอยู่ในเส้นปราณตรงเท้าของเขาและกําลังเชื่อมต่อกับจิตของเขาอย่างนวดเร็ว

เซียวเฉินสามารถเรียกใช้สมบัติลับได้เพียงแค่นึกคิดขณะเขามองไปที่รองเท้าก้าววายุที่สวมเท้าของเขา,เซี่ยวเฉินยิ้มและกล่าวข้าไม่คาดคิดว่าสมบัติลับชิ้นนี้จะเรียกใช้ได้สะดวกเช่นนี้รูปแบบค่ายกลข้างในของมันไม่เสียหายแม้แต่น้อย”มาทดสอบความเร็วของรองเท้าก้าววายุเป็นอันดับแรกมันจะเร็วได้ถึงเพียงใด?”

สายตาของเซียวเฉินกวาดมองไปทั่วทั้งลานบ้านพลังปราณในร่างของเขาหมุนเวียนอย่าง รวดเร็วไปในรูปแบบของทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยานในทันทีต่อมาร่างของเขากลายไปเป็น เส้นริ้วแสงสีม่วง,ย่างก้าวไปรอบลานบ้านอย่างรวดเร็ว

“ฟุ ฟิว! ฟุฟว!”

เซียวเฉินเร่งความเร็วจนถึงขีดจํากัดของร่างกายในเวลานี้,เขากําลังเข้าใกล้ความเร็วเสียง แรงเสียดทานระหว่างอากาศและร่างของเขาส่งเสียงโซนิคบูมออกมา

อากาศเป็นราวกับผิวน้ําภายใต้อิทธิพลของโซนิคบูม,มันแยกออกอย่างต่อเนื่องและเกิดเป็นระลอกเคลื่อน

สายลมรุนแรงพัดกระหน่ําในลานบ้านและฝุ่นทรายลอยขึ้นไปทั่วทุกที่ต้นไม้ต้นเล็กเอียนเอียง,ราวกับว่ามันจะถูกถอนรากออกไปได้ทุกเมื่อ

เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง,ทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยานคือทักษะเคลื่อนไหวเฉพาะของมังกรฟ้ามันอยู่ระดับสวรรค์ขั้นกลางเป็นอย่างน้อย

ข้าได้ก้าวมาถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้นนานมาแล้วน่าเสียดาย,ข้าไม่อาจทะลวงคอขวดไปได้ ความเร็วของข้าติดอยู่ที่ระดับนี้ไม่อาจขึ้นไปถึงระดับความเร็วเสียง

มองดูกันว่ารองเท้าก้าววายุจะสามารถช่วยให้ข้าทะลวงคอขวดขึ้นไปได้หรือไม่ด้วยความนึกคิดของเซี่ยวเฉิน,รูปแบบค่ายกลภายในรองเท้าก้าววายุเริ่มทํางาน

ในทันทีต่อมา,เซี่ยวเฉินรู้สึกว่าร่างกายของเขาเบาขึ้นเสียงโซนิคบูมเสียดหูจางหายไป,สายลมหยุดนิ่ง,และทุกสิ่งกลายเป็นสงบ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+