Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 398 รับมือป่ายหลี่ซี –

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 398 รับมือป่ายหลี่ซี - at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 398 รับมือป่ายหลี่ซี

สําหรับด้านสภาวะ,ไม่มีอะไรให้กล่าวถึงสภาวะแห่งสายฟ้าของเซี่ยวเฉิน,ที่พลังเข้ากับพลังศักดิ์สิทธิ์ และสภาวะอร่งการฆ่าล้างที่หนือกว่าคู่ต่อสู่ของเขา

ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเซี่ยวเฉิน,ขอบเขตกษัตริย์ยุทธที่ต่ํากว่าครึ่งก้าวยอดกษัตริย์ยุทธไม่อาจล้มเขาลงได้ แน่นอน,ยอดอัจฉริยะจากบางนิกายใหญ่ที่มีสภาพแวดล้อมดีกว่าเขาเป็นข้อยกเว้น

เซียวเฉินรวบรวมความคิดของเขาและเปิดแหวนมิติของหยางเหวินออกมาดู เขามองกวาดดู และนับจํานวนหินวิญญาณระดับต่ําได้มากว่าสองหมื่นก่อนและหินวิญญาณระดับกลางมากกว่าห้าพันกอน

ดูเหมือนว่าหยางเหงินจะเก็บเกี่ยวได้มากที่เกาะเชียนเหลิน หินวิญญาณระดับกลางห้าพันก้อนนับว่าเป็นจํานวนไม่น้อย อย่างไรก็ตาม พวกมันทั้งหมดเป็นของเซี่ยวเฉินแล้วในตอนนี้

เซี่ยวเฉินเก็บแหวนมิติวงนี้ไปและหันไปมองที่แหวนมิติของอช่างเฉียน

คนผู้นี้มันชั่วร้ายและเลือดเย็น ในวังหลักบนเกาะเชียนเหลิน, นักหาสมบัติมากมายตกตายไปด้วยน้ํามือของเขา แม้ว่าจํานวนจะไม่ถึงร้อย,แต่อย่างน้อยก็มีแปดสิบกว่าคน

เซี่ยวเฉินคิดถึงกองเลือดซากศพที่หน้าประตูนั้น และใจของเขาก็ชุ่มขึ้นมา

เขาสงสัยว่าจะมีอะไรอยู่ในแหวนมิติของอูซ่างเฉียน เขาเต็มไปด้วยความคาดหวังพร้อมกับส่งสัมผัสวิญญาณของเขาเข้าไป

กองหินวิญญาณปรากฏขึ้นในสายตาของเซี่ยวเฉิน แม้ว่าเขาจะได้เตรียมใจเอาไว้แล้ฝ,เขาก็ไม่คาดถึงคิดเพียงนี้

เซียวเฉินกวาดตานับอยู่หยาบๆ นับเพียงหินวิญญาณระดับกลางเพียงอย่างเดียวก็มากว่า 15,000 ก้อน ทั้งยังมีหินวิญญาณระดับสูงที่หายากเป็นอย่างยิ่งอีกสองร้อยก่อน

หินวิญญาณระดับต่ําอีกจํานวนนับไม่ถ้วน นอกจากนั้น ยังมีสมบัติลับและทักษะยุทธทักษะบ่มเพาะพลังทุกประเภท คิดได้ดังนี้ อุซ่างเฉียนจะต้องแย่งชิงมาจากผู้บ่มเพาะพลังคนอื่น

เซี่ยวเฉินสูดหายใจเข้าลึกก่อนที่จะสงบใจลง เขากล่าว “เขาไดของเหล่านี้มาโดยวิธีการน่ารังเกียจ มันไม่ถูกต้องที่จะทําเช่นนั้น”

สถานะของเซี่ยวเฉินยกระดับขึ้นด้วยการที่อซ่างเฉียนมีทรัพยากรต่างๆมากมาย แต่เขาก็ยัง ยังไม่ระดับครึ่งก้าวยอดกษัตริย์ยุทธ

นี่ยังเป็นคําเตือนถึงเซี่ยวเฉิน หากหัวใจยังถูกเหนี่ยวรั้งเอาไว้ เขาจะไม่มีทางขึ้นไปถึงยอดสุด

ท่าเรือที่วุ่นวายของเกาะสายลมขจีปรากฏขึ้นตรงหน้าของเซียวเฉินแล้ว เขารีบกวาดหินวิญญาณลงไปในแหวนหัวงจักรวาลของเขาก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังเกาะสายลมขจี

ในตอนที่เซี่ยวเฉิจมาถึงเกาะ,เขามุ่งหน้าไปยังโรงเตี้ยมที่เขาพักอยู่และถามถึงจินต้าเป่ากับซูเสี่ยวเสี่ยว

“นายน้อย,สหายของท่านออกไปกว่าหนึ่งเดือนแล้ว ก่อนที่จะแยกกันไป,พวกเขาทิ้งจดหมายเอาไว้,บอกให้ส่งให้กับท่าน” เมื่อบริกรที่โรงเตี้ยมเห็นเซี่ยวเฉิน,เขารีบหยิบจดหมายปิดผนึกออกมาส่งให้กับเซี่ยวเฉิน

พวกเขาจากไปได้หนึ่งเดือนแล้ว นี่หมายความว่าจินต้าเป่ากับซูเสียวเสียวรอเขามากกว่าสองเดือน นี่มันค่อนข้างน่าสนใจ

เซี่ยวเฉินยิ้มและรับจดหมายมา จากนั้น,เขาให้รางวัลเป็นหินวิญญาณระดับต่ําหนึ่งก่อน บริกรคนนั้นรับเอาไว้และจากไปอย่างมีความสุข

เซียวเฉินฉีกซองจดหมายและอ่านหัวข้ออย่างละเอียด ผ่านไปครู่หนึ่ง,เขาก็อ่านจบ

จดหมายฉบับนี้ไม่ได้กล่าวอะไรมาก เนื้อหาหลักๆก็คือจินต้าเป่าเสร็จสิ้นการเจรจากับกลุ่มมังกรทมิฬแล้ว ทั้งสองฝ่ายถอยกันไปคนละก้าว,และเขาต้องไปจัดการรับมือ ดังนั้น เขาจึงอยู่รอเซี่ยวเฉินต่อไม่ได้

ที่ท้ายจดหมาย, จินต้าเป่าเชิญเซี่ยวเฉินไปที่อาณาจักรต้าฉัน ถึงตอนนั้น,เขาจะทําการต้อนรับเซี่ยวเฉินอย่างถูกต้อง

เซียวเฉินค่อนข้างสนใจในคําเชิญของจินต้าเป่า นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดภายในอาณาจักรต้าฉินก็คือตําหนักฝึกอสูร ชื่อเสียงของนิกายแผ่ขยายไปทั่วทั้งทวีป,และเขาอยากจะลองไปดูนานแล้ว

ตําหนักฝึกอสูรเป็นเพียงนิกายเดียวที่เข้าใจถึงวิธีการฝึกสัตว์อสูรวิญญาณระดับสูง ตามข่าวลือ,พวกเขาสามารถฝึกสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 9 และระดับ 10 ได้

ตําหนักฝึกอสูรมีชื่อเสียงภายในทวีปแห่งนี้อย่างไม่น่าเชื่อ ผู้ก่อตั้งของพวกเขา,เหมาย่าหนาน,ยังเป็นผู้บ่มเพาะพลังเพียงคนเดียวที่ไม่ใช่ระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธที่สามารถแข่งขันกับขอบเขตจักรพรรดิยุทธคนอื่นๆได้

เซี่ยวเฉินเก็บจดหมายไปและเรียกบริกรให้เตรียมห้องกับน้ําร้อนให้กับเขา หลังจากอาบน้ําร้อนสบายตัวและสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาก็สั่งอาหารมาทาน

หลังจากผ่านการปิดประตูฝึกฝนบนเกาะร้างนานสามเดือน,จิตใจของเซี่ยวเฉินเริ่มห่อเหี่ยว ตอนนี้,น้ําอุ่นและอาหารดีๆทําให้เขาอิ่มเอม

“บริกร,เอาเหล้ามาสองถังและเนื้ออีกห้ากิโล ยิ่งเร็วยิ่งดี”

“ตุบ! ตุบ! ตุบ!”

หลังจากที่เซี่ยวเฉินกินเสร็จและเตรียมตัวกําลังจะจ่ายเงิน,ชายร่างบึกบนก็เข้ามา เขาตัวสูงสองเมตรและแบกขวานยักษ์เอาไว้บนหลัง เขาดูหยาบกระด้างและดุร้าย

เมื่อคนทั่วไปมองมาที่เขา,พวกเขาจะต้องสั่นด้วยความกลัว คนผู้นี้คือป่ายหลี่ซีผู้ที่เซี่ยวเฉินกดดันให้ต้องเผ่นออกไปจากสวนสมุนไพรด้วยกลอุบายของเขา เซี่ยวเฉินไม่คาดคิดว่าจะต้องมาเจอเขาที่นี่

สายตาของป่ายหลี่ซึมองกวาดและไปจับที่เซียวเฉินในชุดสีขาว สีหน้าของเขาเปลี่ยนพร้อมกับเผยความดุร้ายในดวงตา

ป่ายหลีซีหยิบขวานของเขาออกมาและฟื้นออกไปโดยไม่มีคําเตือน

“เครั้ง!”

เซี่ยวเฉินไม่ได้ชักกระบออกมาแต่เพียงใช้ฝักกระบี่ของเขาออกไปรับขวาน,เกิดเป็นเสียงทุ่มลึก

พลังมหาศาลไหลผ่านฝักกระบี่ น่าประหลาดใจ,เซี่ยวเฉินไม่อาจรับมือกับพลังนี้ได้และต้องถอยกลับไปสามก้าว เขากดเท้าลงไปยันกับพื้นไม้เพื่อหยุดลง

มีบางอย่างกับขวานเล่มนั้น,เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง ความแข็งแกร่งกายภาพของฝ่ายตรงข้ามน่าจะแข็งแกร่งกว่าข้า

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้มากล้นจนเกินไป หลังจากเพิ่มทักษะพลังของข้า,ข้าสามารถยังคงสลายพลังออกไปได้ นี่แสดงให้เห็นว่ามีบางอย่างไม่ปกติกับขวานเล่มนั้น

อย่างไรก็ตาม,เซียวเฉินไม่ไปใส่ใจปัญหานี้มากนัก เขาไม่มีเจตนาที่จะต่อสู้กับคนผู้นี้ แม้ว่าเขาจะก้าวสู่ขอบเขตกษัตริย์ยุทธแล้ว โอกาสของเขาที่จะชนะป่ายหลี่ซีผู้นี้ก็ไม่มากไปกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์

เซียวเฉินสามารถทําได้เพียงทําเป็นไม่เกรงกลัว ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็เป็นนักบ่มเพาะพลังที่มีชื่อเสียงมานาน นอกจากนั้น เขายังมุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาพลังกายภาพ ในความเป็นจริง,พลังต่อสู้ของเขาสูงกว่าผู้บ่มเพาะพลังในระดับเดียวกันมาก

เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นว่าป่ายหลี่ซีตั้งใจจะสู้ต่อ,เขากล่าวอย่างมืดมัว “ป่ายหลี่ซี,หากเจ้าไม่อยากได้สมุนไพรวิญญาณสําหรับเสริมสรงพลังกายภาพ,เจ้าลองแกว่งขวานนั้นอีกครั้งนึ่ง”

เมื่อป่ายหลี่ซีได้ยินดังนั้น,ดวงตาของเขาเป็นประกาย เขาลังเลอยู่นานก่อนที่จะผ่อนขวานลงในท้ายที่สุด

“เครั้ง!”

ป่ายหลี่ซีทิ้งขวานลงกับพื้น โรงเตี้ยมขนาดมหึมาสั่นสะเทือน ป่ายหลี่ซีนั่งลงและกล่าว “ตาแก่ผู้นี้ลืมไป:เจ้าบ่มเพาะพลังกายภาพเช่นกัน เจ้าน่าจะได้สมุนไพรสําหรับบ่มเพาะร่างกายมาไม่น้อย”

“ส่งสมุนไพรเสริมร่างกายของเจ้าทั้งหมดมา,และข้าจะไม่ฆ่าเจ้า ข้า,ป่ายหลี่ซี,กล่าวด้วยความสัตย์จริง”

เซี่ยวเฉินนั่งลงตรงข้ามกับเขาและยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน “แย่หน่อย,ข้าต้องการสมุนไพรเสริม ร่างกายเช่นกัน:ข้าไม่อาจมอบให้กับเจ้าได้”

ป่ายหลี่ซีหน้าชา เขาหยิบขวานขึ้นมาและตวาด “ไอ้หน,เจ้ากาลังปั้นหัวข้าเล่น?”

ก่อนที่ป่ายหลี่ซึจะระเบิดความโกรธออกมา,เซี่ยวเฉินกล่าวออกมาในท่าทางล่อลวง “ไม่มีสมุนไพรวิญญาณ แต่อย่างไรก็ตาม,มีตําราลับบ่มเพาะร่างกายระดับสวรรค์ที่ตกทอดมาจากราชาทุ่งหญ้า”

ป่ายหลี่ซีสีหน้าพลันเปลี่ยน และเขารีบทิ้งขวานของเขาลงไป เขารู้สึกงนนงงพร้อมกับถามขึ้น “เจ้ากาลังพูดถึงทักษะนภาเสริมกายของราชาทุ่งหญ้ามารอสูร?”

เซี่ยวเฉินยิ้มและหยิบตําราทักษะนภาเสริมกายออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อป่ายหลี่ซีเห็นได้ชัดเจน,เขารีบเก็บมันกลับไปในทันที

“มันเป็นทักษะนภาเสริมกายจริงๆ ข้าคิดว่าคนของโบสถ์ทมิฬขโมยมันไปแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะมาอยู่ที่เจ้าหนูนี่!” ป่ายหลี่ซีสวมสีหน้าตกตะลึง ดวงตาของเขาลุกโชน

มีผู้บ่มเพาะพลังน้อยคนยิ่งที่จะบ่มเพาะร่างกายภาพ สําหรับทักษะบ่มเพาะร่างกาย,พวกมันหายากยิ่งกว่า

ทักษะบ่มเพาะร่างกายระดับต่ําอาจจะหายากยิ่งกว่าทักษะบ่มเพาะระดับสูงทั่วไป

ในหลายปีที่ป่ายหลี่ซีได้บ่มเพาะพลังมา,เขาทําได้เพียงบ่มเพาะทักษะบ่มเพาะร่างกายระดับต่ำ เขาบ่มเพาะมันจนถึงขีดสุดของมันแล้ว,และเขาไม่มีทางที่จะพัฒนาต่อไปได้อีก

เมื่อป่ายหลี่ซีเห็นว่าเซี่ยวเฉินมีทักษะบ่มเพาะร่างกายระดับสวรรค์, เขาตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

ป่ายหลี่ซีจับด้ามขวานจองเขาขึ้นมาและถอนฉีฆ่าฟันกลับไปโดยไม่รู้ตัว เขาครุ่นคิดอย่างเป็นสุข, โชคดี,เจ้าหนูนี้เอามาส่งให้ข้าถึงที่ ข้าจะสังหารมันภายหลัง

หลังจากนั้น,ข้าจะได้รับตําราบ่มเพาะร่างกายลับและสมุนไพรวิญญาณมากอย่างง่ายดาย

เซี่ยวเฉินเพียงยกชาขึ้นมาจิบเบาๆและมองไปที่อีกฝ่าย เขากล่าวเบาๆ “เอาขวานของเจ้าไปไกลๆ หากข้าอยากจะไป,เจ้าไม่มีทางหยุดข้าได้ หากไม่มีความมั่นใจที่จะหนีพ้น,มีรีที่ข้าจะมานั่งตรงขามกับเจ้า”

ป่ายหลี่ซีสงบลง เขากล่าว “เจ้าอยากได้อะไร? กล่าวออกมา ข้าต้องได้ตํารารับระดับสวรรค์เล่มนั้นมาอยู่ในมือ”

เซี่ยวเฉินกล่าวผ่านๆ “เมื่อข้ายินยอมเท่านั้น โสมหิมะพันปียังอยู่กับเจ้าหรือไม่?”

ป่ายหลี่ซีหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าฮ่า! เจ้าน่าจะพูดออกมาตั้งนานแล้ว นี่,รับไป! ตอนนี้ ส่งตําราลับมาให้ข้าได้แล้ว”

ป่ายหลี่ซีบ่มเพาะพลังกายภาพ โสมหิมะพันปีทําได้เพียงเพิ่มการบ่มเพาะพลังปราณ แม้ว่ามันจะล้ําค่าเป็นอย่างยิ่ง มันก็ไร้ประโยชน์สําหรับตัวเขา ดังนั้นเขาจึงโยนมันออกไปอย่างไม่ใยดี

เซี่ยวเฉินหัวเราะ “เจ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว เจ้าต้องการจะแลกเปลี่ยนโสมหิมะพันปีกับตําราลับระดับสวรรค์? มันเพียงพอแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น”

“ไม้อ่อนไม่ได้ ก็ต้องใช้ไม้แข็ง!”

ป่ายหลี่ซีสูดจมูกเย็นชาเขาทุบลงบนโต๊ะด้วยกําปั้นขวาของเขา,และพลังมหาศาลบดโต๊ะไม้กลายเป็นชิ้น

โต๊ะตัวนี้ไม่เพียงแค่แตกออกจากกันแต่มันสลายเป็นชิ้นอย่างแท้จริง,กลายเป็นชิ้นเสี้ยนไม้นับไม่ถ้วน นี่แสดงให้เห็นว่าป่ายหลี่ซีมีการควบคุมพลังที่ยอดเยี่ยม

ป่านหลี่ซียกขวายเล่มใหญ่ของเขาขึ้นและฟันไปที่หัวของเซี่ยวเฉินด้วยความรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม คมขวานกําลังจะโดนที่หัวของเซี่ยวเฉิน, ป่ายหลี่ซีหยุดลง

ทันทีที่แตกแตกสลาย,เซี่ยวเฉินใช้แสงนิ้วไปจ่อที่คอของป่ายหลี่ ดาบยาวสามนิ้วหมุนวนอยู่รอบคอของเขา

ดาบยามสามนิ้วเล่มนี้ดูธรรมดาเป็นอย่างมาก แต่ป่ายหลี่ซีสามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานที่น่ากลัว

ป่ายหลี่ซีไม่สงสัยว่า,หากเขาลงมือต่อ,ดาบเล่มนี้จะตัดคอของเขาอย่างแน่อนน ถึงแม้ว่าเขาจะเสริมสร้างร่างกายจนถึงระดับกระดูกเหล็กเนื้อมองแดง,เขาก็ไม่มีทางรอด

เซี่ยวเฉินกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าลองดูได้ดูว่าใครจะเร็วกว่ากัน,ขวานของเจ้าหรือดาบบินของข้า”

สีหน้าของป่ายหลี่ซีไม่เปลี่ยนแปลงพร้อมกับกล่าวขึ้น “เจ้าหนู,อย่าโลภมากไปนัก หากข้าคาดเดาไม่ผิด,เจ้าฉกฉวยของในโลงศพราชาทุ่งหญ้ามา ดาบเล่มเล็กนี้ก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้น”

“ทักษะนภาเสริมกายที่เจ้ากําลังจะให้ข้าก็ต้องเป็นเล่มสําาเนาอย่างแน่นอน เจ้าได้โสมหิมะพันปีไปแล้วแลกกับเพียงเล่มสําเนา เจ้าคิดดูหรือยัง,หากเจ้าโลภมากเกินไป,ข้าสามารถกระจายข่าวที่เจ้าได้ของทั้งหมดจากโลงศพไป เจ้าคิดถึงผลที่จะตามมาหรือไม่?”

เซี่ยวเฉินยิ้มเบาๆ “เจ้าทําเช่นนั้นได้ ข้าก็สามารถกระจายข่าวว่าเจ้าโจมตีข้าและขโมยของทั้งหมดไป ข้ามีหินวิญญาณระดับกลางเกือบห้าหมื่นก่อน เจ้าลองดูได้ว่าข่าวของใครจะไปไวกว่ากัน”

ป่านหลีซีใบหน้าจม เขากุมด้ามขวานแน่นด้วยมือขวาของเขาและกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าต้องการอะไร?”

บรรยากาศระหว่างพวกเขารุนแรง คนหนึ่งถือขวานค้างอยู่เหนือหัวอีกคน,และอีกคนก็จ่อสมบัติลับอยู่ที่คอของอีกฝ่าย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 398 รับมือป่ายหลี่ซี –

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 398 รับมือป่ายหลี่ซี - at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 398 รับมือป่ายหลี่ซี

สําหรับด้านสภาวะ,ไม่มีอะไรให้กล่าวถึงสภาวะแห่งสายฟ้าของเซี่ยวเฉิน,ที่พลังเข้ากับพลังศักดิ์สิทธิ์ และสภาวะอร่งการฆ่าล้างที่หนือกว่าคู่ต่อสู่ของเขา

ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเซี่ยวเฉิน,ขอบเขตกษัตริย์ยุทธที่ต่ํากว่าครึ่งก้าวยอดกษัตริย์ยุทธไม่อาจล้มเขาลงได้ แน่นอน,ยอดอัจฉริยะจากบางนิกายใหญ่ที่มีสภาพแวดล้อมดีกว่าเขาเป็นข้อยกเว้น

เซียวเฉินรวบรวมความคิดของเขาและเปิดแหวนมิติของหยางเหวินออกมาดู เขามองกวาดดู และนับจํานวนหินวิญญาณระดับต่ําได้มากว่าสองหมื่นก่อนและหินวิญญาณระดับกลางมากกว่าห้าพันกอน

ดูเหมือนว่าหยางเหงินจะเก็บเกี่ยวได้มากที่เกาะเชียนเหลิน หินวิญญาณระดับกลางห้าพันก้อนนับว่าเป็นจํานวนไม่น้อย อย่างไรก็ตาม พวกมันทั้งหมดเป็นของเซี่ยวเฉินแล้วในตอนนี้

เซี่ยวเฉินเก็บแหวนมิติวงนี้ไปและหันไปมองที่แหวนมิติของอช่างเฉียน

คนผู้นี้มันชั่วร้ายและเลือดเย็น ในวังหลักบนเกาะเชียนเหลิน, นักหาสมบัติมากมายตกตายไปด้วยน้ํามือของเขา แม้ว่าจํานวนจะไม่ถึงร้อย,แต่อย่างน้อยก็มีแปดสิบกว่าคน

เซี่ยวเฉินคิดถึงกองเลือดซากศพที่หน้าประตูนั้น และใจของเขาก็ชุ่มขึ้นมา

เขาสงสัยว่าจะมีอะไรอยู่ในแหวนมิติของอูซ่างเฉียน เขาเต็มไปด้วยความคาดหวังพร้อมกับส่งสัมผัสวิญญาณของเขาเข้าไป

กองหินวิญญาณปรากฏขึ้นในสายตาของเซี่ยวเฉิน แม้ว่าเขาจะได้เตรียมใจเอาไว้แล้ฝ,เขาก็ไม่คาดถึงคิดเพียงนี้

เซียวเฉินกวาดตานับอยู่หยาบๆ นับเพียงหินวิญญาณระดับกลางเพียงอย่างเดียวก็มากว่า 15,000 ก้อน ทั้งยังมีหินวิญญาณระดับสูงที่หายากเป็นอย่างยิ่งอีกสองร้อยก่อน

หินวิญญาณระดับต่ําอีกจํานวนนับไม่ถ้วน นอกจากนั้น ยังมีสมบัติลับและทักษะยุทธทักษะบ่มเพาะพลังทุกประเภท คิดได้ดังนี้ อุซ่างเฉียนจะต้องแย่งชิงมาจากผู้บ่มเพาะพลังคนอื่น

เซี่ยวเฉินสูดหายใจเข้าลึกก่อนที่จะสงบใจลง เขากล่าว “เขาไดของเหล่านี้มาโดยวิธีการน่ารังเกียจ มันไม่ถูกต้องที่จะทําเช่นนั้น”

สถานะของเซี่ยวเฉินยกระดับขึ้นด้วยการที่อซ่างเฉียนมีทรัพยากรต่างๆมากมาย แต่เขาก็ยัง ยังไม่ระดับครึ่งก้าวยอดกษัตริย์ยุทธ

นี่ยังเป็นคําเตือนถึงเซี่ยวเฉิน หากหัวใจยังถูกเหนี่ยวรั้งเอาไว้ เขาจะไม่มีทางขึ้นไปถึงยอดสุด

ท่าเรือที่วุ่นวายของเกาะสายลมขจีปรากฏขึ้นตรงหน้าของเซียวเฉินแล้ว เขารีบกวาดหินวิญญาณลงไปในแหวนหัวงจักรวาลของเขาก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังเกาะสายลมขจี

ในตอนที่เซี่ยวเฉิจมาถึงเกาะ,เขามุ่งหน้าไปยังโรงเตี้ยมที่เขาพักอยู่และถามถึงจินต้าเป่ากับซูเสี่ยวเสี่ยว

“นายน้อย,สหายของท่านออกไปกว่าหนึ่งเดือนแล้ว ก่อนที่จะแยกกันไป,พวกเขาทิ้งจดหมายเอาไว้,บอกให้ส่งให้กับท่าน” เมื่อบริกรที่โรงเตี้ยมเห็นเซี่ยวเฉิน,เขารีบหยิบจดหมายปิดผนึกออกมาส่งให้กับเซี่ยวเฉิน

พวกเขาจากไปได้หนึ่งเดือนแล้ว นี่หมายความว่าจินต้าเป่ากับซูเสียวเสียวรอเขามากกว่าสองเดือน นี่มันค่อนข้างน่าสนใจ

เซี่ยวเฉินยิ้มและรับจดหมายมา จากนั้น,เขาให้รางวัลเป็นหินวิญญาณระดับต่ําหนึ่งก่อน บริกรคนนั้นรับเอาไว้และจากไปอย่างมีความสุข

เซียวเฉินฉีกซองจดหมายและอ่านหัวข้ออย่างละเอียด ผ่านไปครู่หนึ่ง,เขาก็อ่านจบ

จดหมายฉบับนี้ไม่ได้กล่าวอะไรมาก เนื้อหาหลักๆก็คือจินต้าเป่าเสร็จสิ้นการเจรจากับกลุ่มมังกรทมิฬแล้ว ทั้งสองฝ่ายถอยกันไปคนละก้าว,และเขาต้องไปจัดการรับมือ ดังนั้น เขาจึงอยู่รอเซี่ยวเฉินต่อไม่ได้

ที่ท้ายจดหมาย, จินต้าเป่าเชิญเซี่ยวเฉินไปที่อาณาจักรต้าฉัน ถึงตอนนั้น,เขาจะทําการต้อนรับเซี่ยวเฉินอย่างถูกต้อง

เซียวเฉินค่อนข้างสนใจในคําเชิญของจินต้าเป่า นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดภายในอาณาจักรต้าฉินก็คือตําหนักฝึกอสูร ชื่อเสียงของนิกายแผ่ขยายไปทั่วทั้งทวีป,และเขาอยากจะลองไปดูนานแล้ว

ตําหนักฝึกอสูรเป็นเพียงนิกายเดียวที่เข้าใจถึงวิธีการฝึกสัตว์อสูรวิญญาณระดับสูง ตามข่าวลือ,พวกเขาสามารถฝึกสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 9 และระดับ 10 ได้

ตําหนักฝึกอสูรมีชื่อเสียงภายในทวีปแห่งนี้อย่างไม่น่าเชื่อ ผู้ก่อตั้งของพวกเขา,เหมาย่าหนาน,ยังเป็นผู้บ่มเพาะพลังเพียงคนเดียวที่ไม่ใช่ระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธที่สามารถแข่งขันกับขอบเขตจักรพรรดิยุทธคนอื่นๆได้

เซี่ยวเฉินเก็บจดหมายไปและเรียกบริกรให้เตรียมห้องกับน้ําร้อนให้กับเขา หลังจากอาบน้ําร้อนสบายตัวและสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาก็สั่งอาหารมาทาน

หลังจากผ่านการปิดประตูฝึกฝนบนเกาะร้างนานสามเดือน,จิตใจของเซี่ยวเฉินเริ่มห่อเหี่ยว ตอนนี้,น้ําอุ่นและอาหารดีๆทําให้เขาอิ่มเอม

“บริกร,เอาเหล้ามาสองถังและเนื้ออีกห้ากิโล ยิ่งเร็วยิ่งดี”

“ตุบ! ตุบ! ตุบ!”

หลังจากที่เซี่ยวเฉินกินเสร็จและเตรียมตัวกําลังจะจ่ายเงิน,ชายร่างบึกบนก็เข้ามา เขาตัวสูงสองเมตรและแบกขวานยักษ์เอาไว้บนหลัง เขาดูหยาบกระด้างและดุร้าย

เมื่อคนทั่วไปมองมาที่เขา,พวกเขาจะต้องสั่นด้วยความกลัว คนผู้นี้คือป่ายหลี่ซีผู้ที่เซี่ยวเฉินกดดันให้ต้องเผ่นออกไปจากสวนสมุนไพรด้วยกลอุบายของเขา เซี่ยวเฉินไม่คาดคิดว่าจะต้องมาเจอเขาที่นี่

สายตาของป่ายหลี่ซึมองกวาดและไปจับที่เซียวเฉินในชุดสีขาว สีหน้าของเขาเปลี่ยนพร้อมกับเผยความดุร้ายในดวงตา

ป่ายหลีซีหยิบขวานของเขาออกมาและฟื้นออกไปโดยไม่มีคําเตือน

“เครั้ง!”

เซี่ยวเฉินไม่ได้ชักกระบออกมาแต่เพียงใช้ฝักกระบี่ของเขาออกไปรับขวาน,เกิดเป็นเสียงทุ่มลึก

พลังมหาศาลไหลผ่านฝักกระบี่ น่าประหลาดใจ,เซี่ยวเฉินไม่อาจรับมือกับพลังนี้ได้และต้องถอยกลับไปสามก้าว เขากดเท้าลงไปยันกับพื้นไม้เพื่อหยุดลง

มีบางอย่างกับขวานเล่มนั้น,เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง ความแข็งแกร่งกายภาพของฝ่ายตรงข้ามน่าจะแข็งแกร่งกว่าข้า

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้มากล้นจนเกินไป หลังจากเพิ่มทักษะพลังของข้า,ข้าสามารถยังคงสลายพลังออกไปได้ นี่แสดงให้เห็นว่ามีบางอย่างไม่ปกติกับขวานเล่มนั้น

อย่างไรก็ตาม,เซียวเฉินไม่ไปใส่ใจปัญหานี้มากนัก เขาไม่มีเจตนาที่จะต่อสู้กับคนผู้นี้ แม้ว่าเขาจะก้าวสู่ขอบเขตกษัตริย์ยุทธแล้ว โอกาสของเขาที่จะชนะป่ายหลี่ซีผู้นี้ก็ไม่มากไปกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์

เซียวเฉินสามารถทําได้เพียงทําเป็นไม่เกรงกลัว ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็เป็นนักบ่มเพาะพลังที่มีชื่อเสียงมานาน นอกจากนั้น เขายังมุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาพลังกายภาพ ในความเป็นจริง,พลังต่อสู้ของเขาสูงกว่าผู้บ่มเพาะพลังในระดับเดียวกันมาก

เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นว่าป่ายหลี่ซีตั้งใจจะสู้ต่อ,เขากล่าวอย่างมืดมัว “ป่ายหลี่ซี,หากเจ้าไม่อยากได้สมุนไพรวิญญาณสําหรับเสริมสรงพลังกายภาพ,เจ้าลองแกว่งขวานนั้นอีกครั้งนึ่ง”

เมื่อป่ายหลี่ซีได้ยินดังนั้น,ดวงตาของเขาเป็นประกาย เขาลังเลอยู่นานก่อนที่จะผ่อนขวานลงในท้ายที่สุด

“เครั้ง!”

ป่ายหลี่ซีทิ้งขวานลงกับพื้น โรงเตี้ยมขนาดมหึมาสั่นสะเทือน ป่ายหลี่ซีนั่งลงและกล่าว “ตาแก่ผู้นี้ลืมไป:เจ้าบ่มเพาะพลังกายภาพเช่นกัน เจ้าน่าจะได้สมุนไพรสําหรับบ่มเพาะร่างกายมาไม่น้อย”

“ส่งสมุนไพรเสริมร่างกายของเจ้าทั้งหมดมา,และข้าจะไม่ฆ่าเจ้า ข้า,ป่ายหลี่ซี,กล่าวด้วยความสัตย์จริง”

เซี่ยวเฉินนั่งลงตรงข้ามกับเขาและยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน “แย่หน่อย,ข้าต้องการสมุนไพรเสริม ร่างกายเช่นกัน:ข้าไม่อาจมอบให้กับเจ้าได้”

ป่ายหลี่ซีหน้าชา เขาหยิบขวานขึ้นมาและตวาด “ไอ้หน,เจ้ากาลังปั้นหัวข้าเล่น?”

ก่อนที่ป่ายหลี่ซึจะระเบิดความโกรธออกมา,เซี่ยวเฉินกล่าวออกมาในท่าทางล่อลวง “ไม่มีสมุนไพรวิญญาณ แต่อย่างไรก็ตาม,มีตําราลับบ่มเพาะร่างกายระดับสวรรค์ที่ตกทอดมาจากราชาทุ่งหญ้า”

ป่ายหลี่ซีสีหน้าพลันเปลี่ยน และเขารีบทิ้งขวานของเขาลงไป เขารู้สึกงนนงงพร้อมกับถามขึ้น “เจ้ากาลังพูดถึงทักษะนภาเสริมกายของราชาทุ่งหญ้ามารอสูร?”

เซี่ยวเฉินยิ้มและหยิบตําราทักษะนภาเสริมกายออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อป่ายหลี่ซีเห็นได้ชัดเจน,เขารีบเก็บมันกลับไปในทันที

“มันเป็นทักษะนภาเสริมกายจริงๆ ข้าคิดว่าคนของโบสถ์ทมิฬขโมยมันไปแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะมาอยู่ที่เจ้าหนูนี่!” ป่ายหลี่ซีสวมสีหน้าตกตะลึง ดวงตาของเขาลุกโชน

มีผู้บ่มเพาะพลังน้อยคนยิ่งที่จะบ่มเพาะร่างกายภาพ สําหรับทักษะบ่มเพาะร่างกาย,พวกมันหายากยิ่งกว่า

ทักษะบ่มเพาะร่างกายระดับต่ําอาจจะหายากยิ่งกว่าทักษะบ่มเพาะระดับสูงทั่วไป

ในหลายปีที่ป่ายหลี่ซีได้บ่มเพาะพลังมา,เขาทําได้เพียงบ่มเพาะทักษะบ่มเพาะร่างกายระดับต่ำ เขาบ่มเพาะมันจนถึงขีดสุดของมันแล้ว,และเขาไม่มีทางที่จะพัฒนาต่อไปได้อีก

เมื่อป่ายหลี่ซีเห็นว่าเซี่ยวเฉินมีทักษะบ่มเพาะร่างกายระดับสวรรค์, เขาตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

ป่ายหลี่ซีจับด้ามขวานจองเขาขึ้นมาและถอนฉีฆ่าฟันกลับไปโดยไม่รู้ตัว เขาครุ่นคิดอย่างเป็นสุข, โชคดี,เจ้าหนูนี้เอามาส่งให้ข้าถึงที่ ข้าจะสังหารมันภายหลัง

หลังจากนั้น,ข้าจะได้รับตําราบ่มเพาะร่างกายลับและสมุนไพรวิญญาณมากอย่างง่ายดาย

เซี่ยวเฉินเพียงยกชาขึ้นมาจิบเบาๆและมองไปที่อีกฝ่าย เขากล่าวเบาๆ “เอาขวานของเจ้าไปไกลๆ หากข้าอยากจะไป,เจ้าไม่มีทางหยุดข้าได้ หากไม่มีความมั่นใจที่จะหนีพ้น,มีรีที่ข้าจะมานั่งตรงขามกับเจ้า”

ป่ายหลี่ซีสงบลง เขากล่าว “เจ้าอยากได้อะไร? กล่าวออกมา ข้าต้องได้ตํารารับระดับสวรรค์เล่มนั้นมาอยู่ในมือ”

เซี่ยวเฉินกล่าวผ่านๆ “เมื่อข้ายินยอมเท่านั้น โสมหิมะพันปียังอยู่กับเจ้าหรือไม่?”

ป่ายหลี่ซีหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าฮ่า! เจ้าน่าจะพูดออกมาตั้งนานแล้ว นี่,รับไป! ตอนนี้ ส่งตําราลับมาให้ข้าได้แล้ว”

ป่ายหลี่ซีบ่มเพาะพลังกายภาพ โสมหิมะพันปีทําได้เพียงเพิ่มการบ่มเพาะพลังปราณ แม้ว่ามันจะล้ําค่าเป็นอย่างยิ่ง มันก็ไร้ประโยชน์สําหรับตัวเขา ดังนั้นเขาจึงโยนมันออกไปอย่างไม่ใยดี

เซี่ยวเฉินหัวเราะ “เจ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว เจ้าต้องการจะแลกเปลี่ยนโสมหิมะพันปีกับตําราลับระดับสวรรค์? มันเพียงพอแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น”

“ไม้อ่อนไม่ได้ ก็ต้องใช้ไม้แข็ง!”

ป่ายหลี่ซีสูดจมูกเย็นชาเขาทุบลงบนโต๊ะด้วยกําปั้นขวาของเขา,และพลังมหาศาลบดโต๊ะไม้กลายเป็นชิ้น

โต๊ะตัวนี้ไม่เพียงแค่แตกออกจากกันแต่มันสลายเป็นชิ้นอย่างแท้จริง,กลายเป็นชิ้นเสี้ยนไม้นับไม่ถ้วน นี่แสดงให้เห็นว่าป่ายหลี่ซีมีการควบคุมพลังที่ยอดเยี่ยม

ป่านหลี่ซียกขวายเล่มใหญ่ของเขาขึ้นและฟันไปที่หัวของเซี่ยวเฉินด้วยความรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม คมขวานกําลังจะโดนที่หัวของเซี่ยวเฉิน, ป่ายหลี่ซีหยุดลง

ทันทีที่แตกแตกสลาย,เซี่ยวเฉินใช้แสงนิ้วไปจ่อที่คอของป่ายหลี่ ดาบยาวสามนิ้วหมุนวนอยู่รอบคอของเขา

ดาบยามสามนิ้วเล่มนี้ดูธรรมดาเป็นอย่างมาก แต่ป่ายหลี่ซีสามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานที่น่ากลัว

ป่ายหลี่ซีไม่สงสัยว่า,หากเขาลงมือต่อ,ดาบเล่มนี้จะตัดคอของเขาอย่างแน่อนน ถึงแม้ว่าเขาจะเสริมสร้างร่างกายจนถึงระดับกระดูกเหล็กเนื้อมองแดง,เขาก็ไม่มีทางรอด

เซี่ยวเฉินกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าลองดูได้ดูว่าใครจะเร็วกว่ากัน,ขวานของเจ้าหรือดาบบินของข้า”

สีหน้าของป่ายหลี่ซีไม่เปลี่ยนแปลงพร้อมกับกล่าวขึ้น “เจ้าหนู,อย่าโลภมากไปนัก หากข้าคาดเดาไม่ผิด,เจ้าฉกฉวยของในโลงศพราชาทุ่งหญ้ามา ดาบเล่มเล็กนี้ก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้น”

“ทักษะนภาเสริมกายที่เจ้ากําลังจะให้ข้าก็ต้องเป็นเล่มสําาเนาอย่างแน่นอน เจ้าได้โสมหิมะพันปีไปแล้วแลกกับเพียงเล่มสําเนา เจ้าคิดดูหรือยัง,หากเจ้าโลภมากเกินไป,ข้าสามารถกระจายข่าวที่เจ้าได้ของทั้งหมดจากโลงศพไป เจ้าคิดถึงผลที่จะตามมาหรือไม่?”

เซี่ยวเฉินยิ้มเบาๆ “เจ้าทําเช่นนั้นได้ ข้าก็สามารถกระจายข่าวว่าเจ้าโจมตีข้าและขโมยของทั้งหมดไป ข้ามีหินวิญญาณระดับกลางเกือบห้าหมื่นก่อน เจ้าลองดูได้ว่าข่าวของใครจะไปไวกว่ากัน”

ป่านหลีซีใบหน้าจม เขากุมด้ามขวานแน่นด้วยมือขวาของเขาและกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าต้องการอะไร?”

บรรยากาศระหว่างพวกเขารุนแรง คนหนึ่งถือขวานค้างอยู่เหนือหัวอีกคน,และอีกคนก็จ่อสมบัติลับอยู่ที่คอของอีกฝ่าย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+