Immortal and Martial Dual Cultivation 238 คําขอของหลิวเทียน

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 238 คําขอของหลิวเทียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 238 คําขอของหลิวเทียน

 

หลิวเทียนยู่นั่งขัดสมาธิอยู่บนก้อนหินที่ยอดสุดของยอดเขาฉิงหยุน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างผิดแปลกพร้อมกับพึมพํา “เจ้าเด็กน้อยนี่ความแข็งแกร่งทางจิตใจช่างทรงพลัง หากข้าไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์,ไม่มีทางที่จะหยุดเขาได้”

 

ภายใต้ค่ําคืนมืดมิด,ร่างของเซี่ยวเฉินวูบไหวพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังจุดยอดสุดของยอดเขาฉงหยุนอย่างรวดเร็ว เขาหยุดลงที่หน้าผาที่ตั้งฉากอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะใช้คาถาแรงโน้มถ่วงบินขึ้นไป

 

เซี่ยวเฉินมาถึงที่จุดยอดนี้อีกครั้งฉากตรงหน้าตรงกับที่ปรากฎในฝันของเขา เมื่อเขาเห็นชายชราบนก้อนหิน,เขากล่าว “โปรดอย่าแทรกแซงความฝันของข้าในครั้งต่อไปที่ท่านจะเรียกหาข้า”

 

ทุกคนล้วนเก็บซ่อนความลับเอาไว้ในห้วงความฝัน หากมีคนอื่นมาค้นพบเข้า,พวกมันสามารถนํามาใช้เพื่อเล่นงานจิตใจในตอนที่ประมือกัน

 

ถึงกระนั้น,มันเป็นการยากมากที่จะเข้าไปในความฝันของคนอื่น,โดยเฉพาะผู้ที่มีความแข็งแกร่งทางจิตใจที่ทรงพลังเช่นเซี่ยวเฉิน

 

ถึงหลิวเทียนยู่จะไม่ทําเช่นนั้น แต่อย่างไรก็ตามเซี่ยวเฉินก็รู้สึกว่ามันอันตราย

 

หลิวเทียนยู่ยิ้มเบาบางและไม่ได้ตอบกลับเซี่ยวเฉิน เขากล่าว “เจ้ายังจําสัญญาที่ให้ไว้กับข้าได้หรือไม่?”

 

เซี่ยวเฉินพยักหน้า “ข้าจําได้,ตราบใดที่มันไม่อยู่นอกเหนือความสามารถหรือไม่ขัดคติธรรมของข้า, ข้าจะรับทํา”

 

“เจ้ารู้เกี่ยวกับภารกิจที่เจ้ากําลังจะเข้าร่วมในวันพรุ่งนี้หรือไม่?” หลิวเทียนยู่ถามขึ้นพร้อมกับมองไปยังเซี่ยวเฉิน “เจ้าเคยนึกสงสัยบ้างหรือไม่ว่าทําไมจํานวนและอายุของผู้เข้าร่วมจึงถูกกําหนด,หรือทําไมพวกเราถึงได้เรียกใช้คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิ?”

 

ตามจริง เซี่ยวเฉินเคยครุ่นคิดถึงมันมาก่อน อย่างไรก็ตาม พวกคนเบื้องบนก็ไม่ได้กล่าวอะไร เบาะแสที่มีก็สรุปอะไรไม่ได้ หากทหารบุกก็สู้รบด้วยมีดดาบ:หากน้ําหลากเราปัดป้องด้วยกําแพงดิน ค่อยจัดการไปตามสถานการณ์ ดังนั้นเซี่ยวเฉินจึงไม่ได้ไปตั้งคําถามถึงมันไปนานแล้ว

TLหากทหารบุกก็สู้รบด้วยมีดดาบหากน้ําหลากเราปัดป้องด้วยกําแพงดิน แปลว่าปรับไปตามสถานการณ์ด้วยวิธีที่เหมาะสม

 

เมื่อหลิวเทียนยู่ถามขึ้นเช่นนี้ เป็นไปได้ว่าเขามีความเกี่ยวข้องอะไรกับภารกิจนี้?

 

คิดได้เช่นนี้ เซี่ยวเฉินก็อดถามขึ้นไม่ได้ “คําขอของท่านมีความเกี่ยวข้องอะไรกับภารกิจนี้?”

 

“ถูกต้องเข้าจะไม่ทําอะไรให้แตกตื่น แต่เมื่อนี้เป็นวันสุดท้าย มันไม่จําเป็นต้องเป็นความลับอีกต่อไป” หลังจากที่หลิวเทียนยกล่าวจบ,เขาหยุดลงครู่หนึ่ง สีหน้าของเขากลายเป็นจริงจัง

 

“เจ้าน่าจะเคยได้ยินถึงภัยพิบัติปีศาจที่เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อน สิ่งที่เจ้ารู้น่าจะเป็นเพียงแค่ยอดภูเขาน้ําแข็ง ความสูญเสียของนิกายศาลากระบี่สวรรค์นั้นมากมายกว่าที่เป็นข่าวลือมากนัก”

 

“พวกเขาสูญเสียหนึ่งระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธ สิบระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ,และระดับกษัตริย์ยุทธอีกมากมาย ความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือผู้ที่มีโอกาสมากที่สุดในการก้าวขึ้นสู่ระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธ,ท่านเจ้าศาลากระบี่สวรรค์คนก่อน”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินถึงตรงนี้ เขาอดที่จะตกตะลึงไม่ได้ ไม่เพียงแค่ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธที่ตกตาย,แต่รวมถึงระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธอีกนับสิบและระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธอีกนับไม่ถ้วน

 

เป็นถึงกองกําลังที่โค่นล้มอาณาจักรต้าฉินได้ทั่วทั้งอาณาจักร ต้องเป็นกองกําลังที่แข็งแกร่งถึงเพียงใดที่สามารถกวาดล้างคนเหล่านี้ได้

 

เมื่อหลิวเทียนยู่เห็นสีหน้าตกตะลึงของเซี่ยวเฉิน,เขาก็กล่าวต่อ “ความแข็งแกร่งของปีศาจจากหุบเหวแห่งโลกปีศาจมันน่ากลัวมากกว่าที่เจ้าจินตนาการเอาไว้”

 

“หุบเหวลึกมีทั้งหมดสิบแปดดินแดนแต่ละดินแดนนับเป็นโลกใบหนึ่ง ดินแดนแรก,ที่เปฯดินแดนที่เล็กที่สุด มันก็ใหญ่กว่าทวีปเทียนหวูไปหลายเท่าแล้ว”

“แต่ละดินแดนถูกปกครองโดยเจ้าดินแดนสําหรับความแข็งแกร่งของเจ้า ดินแดนพวกนั้น… พวกเขาไม่อาจจําแนกได้ด้วยระบบระดับขอบเขตพลังของทวีปเทียนหวี่”

“ในตอนที่ศาลากระบี่สวรรค์เสียหายจากภัยพิบัติปีศาจ,พวกเขาเผชิญหน้ากับหนึ่งในสิบแปดแม่ทัพที่อ่อนแอที่จุดภายใต้การปกครองของเจ้าดินแดน ถึงแม้พวกเขาจะทุ่มเททุกอย่าง,พวกเขาไม่ก็ไม่อาจสังหารแม่ทัพคนนั้นลงได้:พวกเขาสามารถรับมือกับเขาได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น”

หลิวเทัยนยู่เล่าถึงประวัติศาสตร์ ณ ช่วงเวลานั้นให้เซี่ยวเฉินฟังอย่างละเอียด แม้ว่าคําพูดของเขาจะนุ่มนวล, เซี่ยวเฉินยังสามารถจินตนาการได้ถึงความแข็งแกร่งอันน่าหวาดกลัวของพวกมัน

หากระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น,พวกเขาจะไม่มีทางทําอะไรได้กับหนึ่งในแม่ทัพของเจ้าดินแดน

 

เซี่ยวเฉินหยักหน้าและถามขึ้น “ท่านกําลังจะกล่าวว่าภารกิจของพวกเราในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับหุบเหวโลกปีศาจ?”

หลิวเทียนยหยักหน้า “ถูกต้อง ยี่สิบปีก่อน,ศาลากระบี่สวรรค์ เพียงแค่ผนึกรอยแยกเอาไว้เพียงช่วงคราว มันยังไม่ได้รับการแก้ไข”

 

มันยังไม่ได้แก้ไข? เซี่ยวเฉินถามถึงข้อสงสัยในใจของเขา “ไม่ใช่ว่าคนจากสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะเข้ามาซ่อมแซมมันทุกยี่สิบปี? หรือจะเป็นไปได้ว่าพวกเขาไม่ได้มายังศาลากระบี่สวรรค์นับสี่สิบปี แล้ว?”

หลิวเทียนยู่หยักหน้าอีกครั้ง “เป็นอย่างที่เจ้ากล่าว สามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มาเยือนที่ศาลากระบี่สวรรค์มานับสิบปีแล้ว”

“ทําไม? ไม่ใช่ว่ามันเป็นความรับผิดชอบของสามดินแดนศักสิทธิ์ ในการปิดผนึกรอยแยก?” เซี่ยวเฉินถามขึ้น; เขารู้สึกสับสน

“ความรับผิดชอบ?” หลิวเทียนยู่หัวเราะอย่างเย้ยหยัน “เจ้ามันไร้เดียสา เจ้าคิดว่าจะมีชนชั้นสูงที่ตระเวนไปทั่วพิภพทํางานโดยไม่หวังผลตอบแทน?”

 

“ในสายตาของสามดินแดนศึกสิทธิ์,ศาลากระบี่สวรรค์เล็กกระจ้อยไร้ราคา พวกเขาเป็นผู้คุมกฎของทวีปนี้”

 

“ทุกอย่างถูกจัดลําดับตามความสําคัญ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องจัดการกับมัน,พวกเขาก็จะเริ่มจากสิ่งสําคัญอันดับแรกก่อน เรื่องเร่งด่วนของพวกเราในตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขา เป็นปกติ,ที่พวกเขาจะไปจัดการกับเรื่องสําคัญอื่นก่อน”

 

“ในอดีต เหตุที่สามดินแดนศักสิทธิ์ส่งคนมาที่ศาลากระบี่สวรรค์ ก็เป็นเพราะศาลากระบี่สวรรค์มีอัจฉริยะที่สามารถจะก้าวขึ้นสู่ระดับขอบเขตยุทธก่อนอายุห้าสิบปีได้”

 

“เขาเป็นคนที่อยู่ในความสนใจของคนพวกนั้น ตอนนี้เขาได้ตกตายไปแล้ว,พวกมันอาจจะลืมถึงศาลากระบี่สวรรค์แห่งอาณาจักรต้าฉินไปแล้ว”

เซี่ยวเฉินขมวดคิ้วแน่นไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง เขาไม่ได้คาดคิดว่าเรื่องง่ายๆเช่นนี้จะมีความลับอยู่เบื้องหลัง

หลังจากจัดระเบียบความคิดของเขาได้เซี่ยวเฉินกล่าว “จากที่ท่านกล่าวมา,ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธ และยอดกษัตริย์ยุทธไม่มีทางที่จะรับมือกับเรื่องนี้ได้ ข้าอยู่เพียงระดับขอบเขตนักบุญเข้าจะไปลงมือทําอะไรได้?”

“ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธและกษัตริย์ยุทธไม่อาจทําอะไรได้อย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามเจ้าลืมถึงตัวตนหนึ่งของเจ้าไป ผู้สืบทอดของจักรพรรดิอัสนี!” หลิวเทียนยู่มองไปยังเซี่ยวเฉินและกล่าวด้วยน้ําเสียงขุ่นเคือง “หนึ่งพันปีก่อน,มีผนึกปิดที่แน่นสมบูรณ์ หากไม่ใช่เพราะจักรพรรดิอัสนี,ผนึกคงไม่พังทลายลง หลังจากผ่านไปพันปี,เจ้าต้องเป็นคนรับผิดชอบในพลังและภาระหน้าที่ที่จะต้องจัดการกัเรื่องทีจักรพรรดอัสนีก่อเอาไว้”

 

สีหน้าเซี่ยวเฉินเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขากล่าวด้วยเสียงเย็น “ท่านอย่าได้ใช่ชื่อของจักรพรรดิอัสนีมากดดันข้า แม้ว่าข้าจะเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิอัสนี แต่ข้าไม่ใช่เขา ข้าหวังว่าท่านจะเข้าใจถึงจุดนี้อย่างชัดเจน จะช่วยเหลือท่านหรือไม่อยู่ที่การตัดสินใจของข้า”

“หากไม่ได้อยู่นอกเหนือความสามารถของข้า,ข้าจะขอวิธีทางอื่นเพื่อตอบแทนท่าน แต่คําขอของท่านเห็นชัดว่าเป็นความสามารถของข้า ต้องขออภัยเข้าไม่อาจรับทําได้ ลาก่อน!”

 

นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธก็ไม่อาจคลี่คลายลงได้ เขาจะไปทําอะไรได้? หลิวเทียนยู่เห็นชัดว่าต้องการที่จะส่งเขาไปตาย เพราะเขาคือผู้สืบทอดของจักรพรรดิอัสนี

“เจ้าคิดว่าข้ามอบฝักกระบี่ให้เจ้าโดยไม่มีเหตุผล? หรือเจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญที่ร่างกายของเจ้าบรรจุได้เพียงปราณสายฟ้าบริสุทธิ์? เจ้าเข้าใจถึงจุดประสงค์ที่เจ้าเข้ามาในศาลากระบี่สวรรค์หรือไม่?

ขณะที่เซี่ยวเฉินเตรียมตัวกําลังจะกระโดดลงจากหน้าผา,เสียงที่กล่าวอย่างไม่เร่งรีบของหลิวเทียนยู่ก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา

เซี่ยวเฉินหยุดเท้าลงอย่างช่วยไม่ได้ เขาหันไปพบหน้าหลิวเทียนยู่และถามขึ้น “ท่านหมายความเช่นไร?”

หลิวเทียนยู่ไม่ตอบกลับคําถามของเซี่ยวเฉินโดยตรง เขาสะบัดมือ และแรงดูดมหาศาลดึงเอากระบี่เงาจันทร์ของเซี่ยวเฉินเข้ามา

 

“เว่ง เว่ง!” กระบี่เงาจันทร์สีขาวหิมะส่องแสงปะใบหน้าของเซี่ยวเฉินในยามค่ําคืน,ทําให้เขารู้ถึงไม่สบายตัว

หลิวเทียนยู่มองไปที่กระบี่เงาจันทร์สีขาวหิมะและพึมพํา “เป็นกระบี่ที่ดี เจ้ารวมดาบหักสองเล่มให้เป็นหนึ่ง พลังของมันแข็งแกร่งกว่าที่ข้าเห็นในครั้งก่อน”

 

“ช่างโชคไม่ดีที่เจ้าของกลับไม่รู้ถึงวิธีใช้เ”

 

สิ้นเสียงของหลิวเทียนยู่เขาขว้างกระบี่ขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดมิดคมกระบี่ปลดปล่อยสายฟ้านั้นไร้ขอบเขตออกมาในทันที

“บั้ม.!”

 

มีเสียงฟ้าคํารามและสายฟ้าที่แตกตัว แสงพราวแพรวฉีกท้องฟ้า ยามค่ําคืน,ทิ้งไว้รอยแยกที่ดํามืดยิ่งกว่า

ท้ายที่สุด,กระแสสายฟ้าพลันรวมตัว และกระบี่ดึงตัวเอง ทุกที่ที่กระบี่วาดผ่านถูกผ่าออกเป็นสองพร้อมกับเสียง “ซี ซี”

 

เซี่ยวเฉินมองดู, อย่างตกตะลึง กระบี่นี้ตัดได้แม้กระทั่งท้องฟ้าให้แยกออกจากกัน

 

“ปะ ปะ!”

หลิวเทียนยู่ถือฝึกกระบี่เอาไว้และชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า กระบี่เงาจันทร์เคลื่อนที่วาดโค้งและกลับเข้าฝักกระบี่อย่างแม่นยํา

 

ผ่านไปนาน, ท้องฟ้าที่ถูกตัดขาดค่อยๆผสานกลับเข้าด้วยกัน

หลิวเทียนยโยนกระบี่เงาจันทร์กลับมาให้เซี่ยวเฉิน “เจ้าสา มารถปลดปล่อยความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม มี เพียงโอกาสเดียวเท่านั้น จําเอาไว้ มีเพียงโอกาสเดียวเท่านั้น”

หลิวเทียนยู่เมินเฉยสีหน้าตกตะลึงของเซี่ยวเฉินและกล่าวต่อ “สิ่งที่ข้าจะขอเจ้ามันเป็นสิ่งที่เจ้าทําได้ เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล”

 

“ที่จริง, หากเจ้าครุ่นคิดเกี่ยวกับมันอย่างละเอียด,เจ้าจะเข้าใจถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลัง ทําไมผู้อาวุโสระดับสูงถึงไม่ออกไปด้วยตัวเอง แทนที่จะส่งสานุศิษย์รุ่นเยาว์ออกไป? นอกจากนั้น,ทําไมถึงเลือกจํานวนคนอย่างเจาะจง?”

“มันเป็นเพราะอายุกระดูกในร่าง ในตอนที่เจ้าอายุได้ถึง 24 ปี, จะไม่มีทางที่จะเข้าไปยังสถานที่แห่งนั้นได้ สิ่งที่พวกเจ้าจะได้เข้าไปเผชิญไม่ใช่ปีศาจที่แท้จริง พวกมันเป็นเพียงภาพเสมือนของปีศาจ”

 

เซี่ยวเฉินรับเอากระบี่เงาจันทร์,และสีหน้าของเขากลับมาสงบอีกครั้ง เขากล่าวอย่างเฉยเมย “เข้าเรื่องสักที,ข้าต้องทําเช่นไรถึงจะใช้ออกกระบี่ได้อย่างเมื่อครู่?”

 

กระบี่จู่โจมอันน่าตะลึงเมื่อก่อนหน้านี้ทําให้เซี่ยวเฉินหึกเหิม เขาไม่เคยคาดคิดว่ากระบี่เงาจันทร์จะสามารถฉายพลังได้ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้

หัวใจของเซี่ยวเฉินเต็มไปด้วยความงุนงง ในตอนที่เขาอยู่ในค่ายกลกระบี่สัมบูรณ์โบราณ,เขารู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงของกระบี่เงาจันทร์ยังห่างไกลจากที่เขาประสบมา

 

หลิวเทียนยู่ยิ้มและกล่าว “สิ่งที่เจ้าต้องทํานั้นเรียบง่าย เจ้าต้องสังหารภาพเสมือนของแม่ทัพปีศาจที่สิบแปดในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ เมื่อเขาลืมตาขึ้น,เจ้าจะรู้ถึงการใช้ออกกระบี่จู่โจมนั้น”

 

“ท้ายสุด,ภารกิจนี้อันตรายเป็นอย่างมาก หลังจากที่เจ้าทําสําเร็จ,ข้าจะบอกเจ้าว่าดาบหักเล่มที่สามอยู่ที่ไหน”

ในตอนที่ข้าลืมตาขึ้น? หมายความเช่นไร?

สิ้นเสียงของหลิวเทียนยู่,ภาพร่างของเขาเลือนลางไปต่อหน้าเซี่ยวเฉิน ผ่านไปครู่หนึ่ง,มิติเริ่มพังทลายและกลายไปเป็นความว่างเปล่า

เซี่ยวเฉินลืมตาขึ้นและลุกขึ้นนั่งในทันที เขามองไปรอบตัวมัน เป็นห้องที่เขานอนหลับ เขามองออกไปนอกหน้าต่าง:ท้องฟ้าเริ่มส่องแสงสว่าง แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

เซี่ยวเฉินลุกขึ้นและเก็บผ้าห่มไว้ด้านข้างก่อนที่จะเดินไปยังลานบ้าน เขามองไปโดยรอบที่คุ้นเคยเหงื่อเย็นหลังออกเต็มหลังของเขา เขามองไปยังยอดสุดที่อยู่ห่างออกไปและพึมพํา “ข้าแยกไม่ออกถึงความฝันแม้แต่น้อย มันเป็นเพียงความฝันบ้าบอ!”

ผ่านไปนาน,เซี่ยวเฉินดึงคืนสติ เขาชักกระบี่เงาจันทร์ที่อยู่ในมือของเขา คมกระบี่เงาจันทร์เรืองแสงแวววาว,มันคมกริบอย่างเหลือเชื่อ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 238 คําขอของหลิวเทียน

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 238 คําขอของหลิวเทียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 238 คําขอของหลิวเทียน

 

หลิวเทียนยู่นั่งขัดสมาธิอยู่บนก้อนหินที่ยอดสุดของยอดเขาฉิงหยุน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างผิดแปลกพร้อมกับพึมพํา “เจ้าเด็กน้อยนี่ความแข็งแกร่งทางจิตใจช่างทรงพลัง หากข้าไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์,ไม่มีทางที่จะหยุดเขาได้”

 

ภายใต้ค่ําคืนมืดมิด,ร่างของเซี่ยวเฉินวูบไหวพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังจุดยอดสุดของยอดเขาฉงหยุนอย่างรวดเร็ว เขาหยุดลงที่หน้าผาที่ตั้งฉากอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะใช้คาถาแรงโน้มถ่วงบินขึ้นไป

 

เซี่ยวเฉินมาถึงที่จุดยอดนี้อีกครั้งฉากตรงหน้าตรงกับที่ปรากฎในฝันของเขา เมื่อเขาเห็นชายชราบนก้อนหิน,เขากล่าว “โปรดอย่าแทรกแซงความฝันของข้าในครั้งต่อไปที่ท่านจะเรียกหาข้า”

 

ทุกคนล้วนเก็บซ่อนความลับเอาไว้ในห้วงความฝัน หากมีคนอื่นมาค้นพบเข้า,พวกมันสามารถนํามาใช้เพื่อเล่นงานจิตใจในตอนที่ประมือกัน

 

ถึงกระนั้น,มันเป็นการยากมากที่จะเข้าไปในความฝันของคนอื่น,โดยเฉพาะผู้ที่มีความแข็งแกร่งทางจิตใจที่ทรงพลังเช่นเซี่ยวเฉิน

 

ถึงหลิวเทียนยู่จะไม่ทําเช่นนั้น แต่อย่างไรก็ตามเซี่ยวเฉินก็รู้สึกว่ามันอันตราย

 

หลิวเทียนยู่ยิ้มเบาบางและไม่ได้ตอบกลับเซี่ยวเฉิน เขากล่าว “เจ้ายังจําสัญญาที่ให้ไว้กับข้าได้หรือไม่?”

 

เซี่ยวเฉินพยักหน้า “ข้าจําได้,ตราบใดที่มันไม่อยู่นอกเหนือความสามารถหรือไม่ขัดคติธรรมของข้า, ข้าจะรับทํา”

 

“เจ้ารู้เกี่ยวกับภารกิจที่เจ้ากําลังจะเข้าร่วมในวันพรุ่งนี้หรือไม่?” หลิวเทียนยู่ถามขึ้นพร้อมกับมองไปยังเซี่ยวเฉิน “เจ้าเคยนึกสงสัยบ้างหรือไม่ว่าทําไมจํานวนและอายุของผู้เข้าร่วมจึงถูกกําหนด,หรือทําไมพวกเราถึงได้เรียกใช้คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิ?”

 

ตามจริง เซี่ยวเฉินเคยครุ่นคิดถึงมันมาก่อน อย่างไรก็ตาม พวกคนเบื้องบนก็ไม่ได้กล่าวอะไร เบาะแสที่มีก็สรุปอะไรไม่ได้ หากทหารบุกก็สู้รบด้วยมีดดาบ:หากน้ําหลากเราปัดป้องด้วยกําแพงดิน ค่อยจัดการไปตามสถานการณ์ ดังนั้นเซี่ยวเฉินจึงไม่ได้ไปตั้งคําถามถึงมันไปนานแล้ว

TLหากทหารบุกก็สู้รบด้วยมีดดาบหากน้ําหลากเราปัดป้องด้วยกําแพงดิน แปลว่าปรับไปตามสถานการณ์ด้วยวิธีที่เหมาะสม

 

เมื่อหลิวเทียนยู่ถามขึ้นเช่นนี้ เป็นไปได้ว่าเขามีความเกี่ยวข้องอะไรกับภารกิจนี้?

 

คิดได้เช่นนี้ เซี่ยวเฉินก็อดถามขึ้นไม่ได้ “คําขอของท่านมีความเกี่ยวข้องอะไรกับภารกิจนี้?”

 

“ถูกต้องเข้าจะไม่ทําอะไรให้แตกตื่น แต่เมื่อนี้เป็นวันสุดท้าย มันไม่จําเป็นต้องเป็นความลับอีกต่อไป” หลังจากที่หลิวเทียนยกล่าวจบ,เขาหยุดลงครู่หนึ่ง สีหน้าของเขากลายเป็นจริงจัง

 

“เจ้าน่าจะเคยได้ยินถึงภัยพิบัติปีศาจที่เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อน สิ่งที่เจ้ารู้น่าจะเป็นเพียงแค่ยอดภูเขาน้ําแข็ง ความสูญเสียของนิกายศาลากระบี่สวรรค์นั้นมากมายกว่าที่เป็นข่าวลือมากนัก”

 

“พวกเขาสูญเสียหนึ่งระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธ สิบระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ,และระดับกษัตริย์ยุทธอีกมากมาย ความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือผู้ที่มีโอกาสมากที่สุดในการก้าวขึ้นสู่ระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธ,ท่านเจ้าศาลากระบี่สวรรค์คนก่อน”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินถึงตรงนี้ เขาอดที่จะตกตะลึงไม่ได้ ไม่เพียงแค่ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธที่ตกตาย,แต่รวมถึงระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธอีกนับสิบและระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธอีกนับไม่ถ้วน

 

เป็นถึงกองกําลังที่โค่นล้มอาณาจักรต้าฉินได้ทั่วทั้งอาณาจักร ต้องเป็นกองกําลังที่แข็งแกร่งถึงเพียงใดที่สามารถกวาดล้างคนเหล่านี้ได้

 

เมื่อหลิวเทียนยู่เห็นสีหน้าตกตะลึงของเซี่ยวเฉิน,เขาก็กล่าวต่อ “ความแข็งแกร่งของปีศาจจากหุบเหวแห่งโลกปีศาจมันน่ากลัวมากกว่าที่เจ้าจินตนาการเอาไว้”

 

“หุบเหวลึกมีทั้งหมดสิบแปดดินแดนแต่ละดินแดนนับเป็นโลกใบหนึ่ง ดินแดนแรก,ที่เปฯดินแดนที่เล็กที่สุด มันก็ใหญ่กว่าทวีปเทียนหวูไปหลายเท่าแล้ว”

“แต่ละดินแดนถูกปกครองโดยเจ้าดินแดนสําหรับความแข็งแกร่งของเจ้า ดินแดนพวกนั้น… พวกเขาไม่อาจจําแนกได้ด้วยระบบระดับขอบเขตพลังของทวีปเทียนหวี่”

“ในตอนที่ศาลากระบี่สวรรค์เสียหายจากภัยพิบัติปีศาจ,พวกเขาเผชิญหน้ากับหนึ่งในสิบแปดแม่ทัพที่อ่อนแอที่จุดภายใต้การปกครองของเจ้าดินแดน ถึงแม้พวกเขาจะทุ่มเททุกอย่าง,พวกเขาไม่ก็ไม่อาจสังหารแม่ทัพคนนั้นลงได้:พวกเขาสามารถรับมือกับเขาได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น”

หลิวเทัยนยู่เล่าถึงประวัติศาสตร์ ณ ช่วงเวลานั้นให้เซี่ยวเฉินฟังอย่างละเอียด แม้ว่าคําพูดของเขาจะนุ่มนวล, เซี่ยวเฉินยังสามารถจินตนาการได้ถึงความแข็งแกร่งอันน่าหวาดกลัวของพวกมัน

หากระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น,พวกเขาจะไม่มีทางทําอะไรได้กับหนึ่งในแม่ทัพของเจ้าดินแดน

 

เซี่ยวเฉินหยักหน้าและถามขึ้น “ท่านกําลังจะกล่าวว่าภารกิจของพวกเราในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับหุบเหวโลกปีศาจ?”

หลิวเทียนยหยักหน้า “ถูกต้อง ยี่สิบปีก่อน,ศาลากระบี่สวรรค์ เพียงแค่ผนึกรอยแยกเอาไว้เพียงช่วงคราว มันยังไม่ได้รับการแก้ไข”

 

มันยังไม่ได้แก้ไข? เซี่ยวเฉินถามถึงข้อสงสัยในใจของเขา “ไม่ใช่ว่าคนจากสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะเข้ามาซ่อมแซมมันทุกยี่สิบปี? หรือจะเป็นไปได้ว่าพวกเขาไม่ได้มายังศาลากระบี่สวรรค์นับสี่สิบปี แล้ว?”

หลิวเทียนยู่หยักหน้าอีกครั้ง “เป็นอย่างที่เจ้ากล่าว สามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มาเยือนที่ศาลากระบี่สวรรค์มานับสิบปีแล้ว”

“ทําไม? ไม่ใช่ว่ามันเป็นความรับผิดชอบของสามดินแดนศักสิทธิ์ ในการปิดผนึกรอยแยก?” เซี่ยวเฉินถามขึ้น; เขารู้สึกสับสน

“ความรับผิดชอบ?” หลิวเทียนยู่หัวเราะอย่างเย้ยหยัน “เจ้ามันไร้เดียสา เจ้าคิดว่าจะมีชนชั้นสูงที่ตระเวนไปทั่วพิภพทํางานโดยไม่หวังผลตอบแทน?”

 

“ในสายตาของสามดินแดนศึกสิทธิ์,ศาลากระบี่สวรรค์เล็กกระจ้อยไร้ราคา พวกเขาเป็นผู้คุมกฎของทวีปนี้”

 

“ทุกอย่างถูกจัดลําดับตามความสําคัญ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องจัดการกับมัน,พวกเขาก็จะเริ่มจากสิ่งสําคัญอันดับแรกก่อน เรื่องเร่งด่วนของพวกเราในตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขา เป็นปกติ,ที่พวกเขาจะไปจัดการกับเรื่องสําคัญอื่นก่อน”

 

“ในอดีต เหตุที่สามดินแดนศักสิทธิ์ส่งคนมาที่ศาลากระบี่สวรรค์ ก็เป็นเพราะศาลากระบี่สวรรค์มีอัจฉริยะที่สามารถจะก้าวขึ้นสู่ระดับขอบเขตยุทธก่อนอายุห้าสิบปีได้”

 

“เขาเป็นคนที่อยู่ในความสนใจของคนพวกนั้น ตอนนี้เขาได้ตกตายไปแล้ว,พวกมันอาจจะลืมถึงศาลากระบี่สวรรค์แห่งอาณาจักรต้าฉินไปแล้ว”

เซี่ยวเฉินขมวดคิ้วแน่นไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง เขาไม่ได้คาดคิดว่าเรื่องง่ายๆเช่นนี้จะมีความลับอยู่เบื้องหลัง

หลังจากจัดระเบียบความคิดของเขาได้เซี่ยวเฉินกล่าว “จากที่ท่านกล่าวมา,ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธ และยอดกษัตริย์ยุทธไม่มีทางที่จะรับมือกับเรื่องนี้ได้ ข้าอยู่เพียงระดับขอบเขตนักบุญเข้าจะไปลงมือทําอะไรได้?”

“ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธและกษัตริย์ยุทธไม่อาจทําอะไรได้อย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามเจ้าลืมถึงตัวตนหนึ่งของเจ้าไป ผู้สืบทอดของจักรพรรดิอัสนี!” หลิวเทียนยู่มองไปยังเซี่ยวเฉินและกล่าวด้วยน้ําเสียงขุ่นเคือง “หนึ่งพันปีก่อน,มีผนึกปิดที่แน่นสมบูรณ์ หากไม่ใช่เพราะจักรพรรดิอัสนี,ผนึกคงไม่พังทลายลง หลังจากผ่านไปพันปี,เจ้าต้องเป็นคนรับผิดชอบในพลังและภาระหน้าที่ที่จะต้องจัดการกัเรื่องทีจักรพรรดอัสนีก่อเอาไว้”

 

สีหน้าเซี่ยวเฉินเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขากล่าวด้วยเสียงเย็น “ท่านอย่าได้ใช่ชื่อของจักรพรรดิอัสนีมากดดันข้า แม้ว่าข้าจะเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิอัสนี แต่ข้าไม่ใช่เขา ข้าหวังว่าท่านจะเข้าใจถึงจุดนี้อย่างชัดเจน จะช่วยเหลือท่านหรือไม่อยู่ที่การตัดสินใจของข้า”

“หากไม่ได้อยู่นอกเหนือความสามารถของข้า,ข้าจะขอวิธีทางอื่นเพื่อตอบแทนท่าน แต่คําขอของท่านเห็นชัดว่าเป็นความสามารถของข้า ต้องขออภัยเข้าไม่อาจรับทําได้ ลาก่อน!”

 

นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธก็ไม่อาจคลี่คลายลงได้ เขาจะไปทําอะไรได้? หลิวเทียนยู่เห็นชัดว่าต้องการที่จะส่งเขาไปตาย เพราะเขาคือผู้สืบทอดของจักรพรรดิอัสนี

“เจ้าคิดว่าข้ามอบฝักกระบี่ให้เจ้าโดยไม่มีเหตุผล? หรือเจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญที่ร่างกายของเจ้าบรรจุได้เพียงปราณสายฟ้าบริสุทธิ์? เจ้าเข้าใจถึงจุดประสงค์ที่เจ้าเข้ามาในศาลากระบี่สวรรค์หรือไม่?

ขณะที่เซี่ยวเฉินเตรียมตัวกําลังจะกระโดดลงจากหน้าผา,เสียงที่กล่าวอย่างไม่เร่งรีบของหลิวเทียนยู่ก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา

เซี่ยวเฉินหยุดเท้าลงอย่างช่วยไม่ได้ เขาหันไปพบหน้าหลิวเทียนยู่และถามขึ้น “ท่านหมายความเช่นไร?”

หลิวเทียนยู่ไม่ตอบกลับคําถามของเซี่ยวเฉินโดยตรง เขาสะบัดมือ และแรงดูดมหาศาลดึงเอากระบี่เงาจันทร์ของเซี่ยวเฉินเข้ามา

 

“เว่ง เว่ง!” กระบี่เงาจันทร์สีขาวหิมะส่องแสงปะใบหน้าของเซี่ยวเฉินในยามค่ําคืน,ทําให้เขารู้ถึงไม่สบายตัว

หลิวเทียนยู่มองไปที่กระบี่เงาจันทร์สีขาวหิมะและพึมพํา “เป็นกระบี่ที่ดี เจ้ารวมดาบหักสองเล่มให้เป็นหนึ่ง พลังของมันแข็งแกร่งกว่าที่ข้าเห็นในครั้งก่อน”

 

“ช่างโชคไม่ดีที่เจ้าของกลับไม่รู้ถึงวิธีใช้เ”

 

สิ้นเสียงของหลิวเทียนยู่เขาขว้างกระบี่ขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดมิดคมกระบี่ปลดปล่อยสายฟ้านั้นไร้ขอบเขตออกมาในทันที

“บั้ม.!”

 

มีเสียงฟ้าคํารามและสายฟ้าที่แตกตัว แสงพราวแพรวฉีกท้องฟ้า ยามค่ําคืน,ทิ้งไว้รอยแยกที่ดํามืดยิ่งกว่า

ท้ายที่สุด,กระแสสายฟ้าพลันรวมตัว และกระบี่ดึงตัวเอง ทุกที่ที่กระบี่วาดผ่านถูกผ่าออกเป็นสองพร้อมกับเสียง “ซี ซี”

 

เซี่ยวเฉินมองดู, อย่างตกตะลึง กระบี่นี้ตัดได้แม้กระทั่งท้องฟ้าให้แยกออกจากกัน

 

“ปะ ปะ!”

หลิวเทียนยู่ถือฝึกกระบี่เอาไว้และชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า กระบี่เงาจันทร์เคลื่อนที่วาดโค้งและกลับเข้าฝักกระบี่อย่างแม่นยํา

 

ผ่านไปนาน, ท้องฟ้าที่ถูกตัดขาดค่อยๆผสานกลับเข้าด้วยกัน

หลิวเทียนยโยนกระบี่เงาจันทร์กลับมาให้เซี่ยวเฉิน “เจ้าสา มารถปลดปล่อยความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม มี เพียงโอกาสเดียวเท่านั้น จําเอาไว้ มีเพียงโอกาสเดียวเท่านั้น”

หลิวเทียนยู่เมินเฉยสีหน้าตกตะลึงของเซี่ยวเฉินและกล่าวต่อ “สิ่งที่ข้าจะขอเจ้ามันเป็นสิ่งที่เจ้าทําได้ เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล”

 

“ที่จริง, หากเจ้าครุ่นคิดเกี่ยวกับมันอย่างละเอียด,เจ้าจะเข้าใจถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลัง ทําไมผู้อาวุโสระดับสูงถึงไม่ออกไปด้วยตัวเอง แทนที่จะส่งสานุศิษย์รุ่นเยาว์ออกไป? นอกจากนั้น,ทําไมถึงเลือกจํานวนคนอย่างเจาะจง?”

“มันเป็นเพราะอายุกระดูกในร่าง ในตอนที่เจ้าอายุได้ถึง 24 ปี, จะไม่มีทางที่จะเข้าไปยังสถานที่แห่งนั้นได้ สิ่งที่พวกเจ้าจะได้เข้าไปเผชิญไม่ใช่ปีศาจที่แท้จริง พวกมันเป็นเพียงภาพเสมือนของปีศาจ”

 

เซี่ยวเฉินรับเอากระบี่เงาจันทร์,และสีหน้าของเขากลับมาสงบอีกครั้ง เขากล่าวอย่างเฉยเมย “เข้าเรื่องสักที,ข้าต้องทําเช่นไรถึงจะใช้ออกกระบี่ได้อย่างเมื่อครู่?”

 

กระบี่จู่โจมอันน่าตะลึงเมื่อก่อนหน้านี้ทําให้เซี่ยวเฉินหึกเหิม เขาไม่เคยคาดคิดว่ากระบี่เงาจันทร์จะสามารถฉายพลังได้ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้

หัวใจของเซี่ยวเฉินเต็มไปด้วยความงุนงง ในตอนที่เขาอยู่ในค่ายกลกระบี่สัมบูรณ์โบราณ,เขารู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงของกระบี่เงาจันทร์ยังห่างไกลจากที่เขาประสบมา

 

หลิวเทียนยู่ยิ้มและกล่าว “สิ่งที่เจ้าต้องทํานั้นเรียบง่าย เจ้าต้องสังหารภาพเสมือนของแม่ทัพปีศาจที่สิบแปดในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ เมื่อเขาลืมตาขึ้น,เจ้าจะรู้ถึงการใช้ออกกระบี่จู่โจมนั้น”

 

“ท้ายสุด,ภารกิจนี้อันตรายเป็นอย่างมาก หลังจากที่เจ้าทําสําเร็จ,ข้าจะบอกเจ้าว่าดาบหักเล่มที่สามอยู่ที่ไหน”

ในตอนที่ข้าลืมตาขึ้น? หมายความเช่นไร?

สิ้นเสียงของหลิวเทียนยู่,ภาพร่างของเขาเลือนลางไปต่อหน้าเซี่ยวเฉิน ผ่านไปครู่หนึ่ง,มิติเริ่มพังทลายและกลายไปเป็นความว่างเปล่า

เซี่ยวเฉินลืมตาขึ้นและลุกขึ้นนั่งในทันที เขามองไปรอบตัวมัน เป็นห้องที่เขานอนหลับ เขามองออกไปนอกหน้าต่าง:ท้องฟ้าเริ่มส่องแสงสว่าง แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

เซี่ยวเฉินลุกขึ้นและเก็บผ้าห่มไว้ด้านข้างก่อนที่จะเดินไปยังลานบ้าน เขามองไปโดยรอบที่คุ้นเคยเหงื่อเย็นหลังออกเต็มหลังของเขา เขามองไปยังยอดสุดที่อยู่ห่างออกไปและพึมพํา “ข้าแยกไม่ออกถึงความฝันแม้แต่น้อย มันเป็นเพียงความฝันบ้าบอ!”

ผ่านไปนาน,เซี่ยวเฉินดึงคืนสติ เขาชักกระบี่เงาจันทร์ที่อยู่ในมือของเขา คมกระบี่เงาจันทร์เรืองแสงแวววาว,มันคมกริบอย่างเหลือเชื่อ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+