Immortal and Martial Dual Cultivation 230 เสี่ยวไปผู้บอบบาง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 230 เสี่ยวไปผู้บอบบาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation

ตอนที่ 230 เสี่ยวไปผู้บอบบาง

เซี่ยวเฉิน ผู้ที่ลอยสูงอยู่กลางอากาศ ชี้ปลายกระบี่ของเขาไปที่จางเลี่ยและจับสัมผัสวิญญาณลงบนตัวของเขา ร่างของเขาเคอนลงล่างในท่าดิ่งตรง,บินไปที่จางเลี่ยราวกับอุกกาบาต

 

เส้นทางที่เชี่ยวเฉินบินผ่าน,ภาพร่างขุนเขาเริ่มปรากฏขึ้นอย่างช้า, เริ่มตั้งแต่จุดยอดไปถึงตีนภูเขาร่างกายของเซี่ยวเฉินดูเหมือนกับกําลังวาดภูเขาลงในอากาศ

มีพืชพันธุ์ที่พบเห็นได้ยากอยู่บนยอดเขาต้นไม้รวมเป็นป่าเหล่า วิหคและสัตว์อสูร,กําลังโบยบินและย่างก้าว หากมองดูอย่างละเอียด,มันมีแม้กระทั้งสิ่งปลูกสร้างอยู่ที่ตรงกลางของขุนเขาสามารถเห็นได้แม้กระทั่งร่างมนุษย์นับไม่ถ้วนที่กําลังฝึกฝนทักษะต่อสู้อยู่ในศาลาด้วยเสียงอันดัง

ขุนเขายิ่งขยายใหญ่,เซี่ยวเฉินยิ่งเร็วมากขึ้น,ความรวดเร็วเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

บนฐานสูง ผู้อาวุโสและท่านเจ้ายอดเขาต่างตกตะลึง “นี่มันปรากฎการณ์ลึกลับระดับสมบูรณ์ขั้นต้นมันไม่มีทางถูกทําลายลงได้”

 

เปลวแสงที่กําลังบินเข้าใส่เซียวเฉินทั้งหมดจางหายไปกับภาพลวงของปรากฏการณ์ลึกลับ,ลบหายไปอย่างไร้ร่องรอย

อย่างไรก็ตามเส้นแสงที่ถูกยิงไปในทิศทางอื่นๆระเบิดออกพวกมันราวกับเสียงอัสนีคําราม,แตกกระจายไปไม่จบสิ้นมุ่งเข้าไปในหมู่เมฆ

 

อากาศราวกับถูกตัดขาดครึ่งเหมือนกับน้ําตกที่แยกออก มันกลับมาประสานเข้าด้วยกันหลังจากผ่านไประยะหนึ่ง ช่างน่าเสียดาย,ที่มันไม่ใช่จุดที่เซียวเฉินอยู่มันไร้ประโยชน์

“ฟู ฟิว!”

ขุนเขาก่อตัวขึ้นสมบูรณ์ ความเร็วของเซี่ยวเฉินทะลวงกําแพงเสียง เสียงคลื่นโซนิคลั่นเข้ามาในหูของจางเสี่ยทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในทันทีทันใดหลังจากนั้น,เซี่ยวเฉินหยุดลงถึงพื้นราวๆสองร้อยเมตรห่างออกไปทางด้านหลังของจางเลี่ย

 

จางเลี่ยยื่นมือของเขาออกมาลูบที่หน้าผากเบาๆมันรอยแผลเล็กเปิดอยู่สําหรับเขา มันเป็นบาดแผลเล็กน้อย

 

“ข้าแพ้!” จางเลี่ยรู้ตัวว่าเซี่ยนเฉินนั้นแสดงความเมตตามิฉะนั้น,กระบี่จู่โจมเมื่อครู่แทงทะลุหัวของเขาไปแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ พึงพอใจนักเขาก็กระโดดลงไปจากปลายหอก

 

“บูม!” จางเลี่ยเซสะดุดและตกลงไป กระบี่สุดท้ายได้ผลาญวิญญาณ, และสุดใจของเขาจนหมดสิ้น ในที่สุดเขาก็ล้มลงไปเขาไม่อาจยืนหยัดต่อไปได้อีกแล้ว

 

ผู้อาวุโสยอดเขาสตรีหยกเร่งเข้ามาแบกร่างของเขาออกไป,เริ่มทําการรักษาบาดแผล

 

“ตาเจ้าแล้ว!” เซี่ยวเฉินมจ้องมองพร้อมกับกล่าวไปที่มู่เหิงผู้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก

 

มู่เพิ่งยิ้มบางเบาและกระโดดลงจากปลายหอก “ไม่จําเป็นกระบวณท่าสุดท้ายของเจ้าเป็นปรากฏการณ์ลึกลับระดับสมบูรณ์ขั้นต้นข้าไม่อาจป้องกันมันได้ เจ้าจาายพลังปราณไปมากแล้ว ข้าจะ ไม่เอาเปรียบเจ้าข้าจะล้มเจ้าให้ได้อย่างยุติธรรมและไร้ข้อกังขาในอนาคต”

“เบี่ยงวิถีรอบยอดเขา… เช่นนั้นนี่ก็คือกระบวณท่าที่สิบเจ็ดของทักษะกระบี่หลิงหยุน ไม่มีใครสามารถใช้มันออกมาหลายร้อยปีแล้ว”

“ใช่แล้ว ความสามารถของจางเลี่ยที่ใช้ออกปลุกเมฆานิรันดร์,นับว่าน่าหวาดกลัวแล้ว อย่างไรก็ตาม,มันไร้ประโยชน์ต่อหน้ากระบวณท่าที่สิบเจ็ด”

 

“มู่เหิงก็ใจใหญ่:เขายอมแพ้ในทันที เขาไม่ได้ฉวยโอกาสจากคู่ต่อสู้ ด้วยจิตใจเช่นนี้ ความสําเร็จในอนาคตของเขาจะต้องกว้างไกลพี่มู่สั่งสอนบุตรชายมาดี”

 

ฝูงชนและท่านเจ้ายอดเขาบนฐานสูงต่างออกความคิดเห็นของตัวเองในการต่อสู้เมื่อครู่ มีเพียงผู้เดียวที่ยังคงนิ่งเงียบ:เขามีสีหน้ามืดมน

ปราศจากคําพูดใดๆ, คนผู้นี้ แน่นอนว่าคือท่านเจ้ายอดเขาป้อนผู้ที่ใช้เกียรติของเขาเป็นประกันในความพ่ายแพ้ของเซี่ยวเฉิน หลังจากที่เขากล่าวจบ,เซี่ยวเฉินก็ใช้เบี่ยงวิถีรอบยอดเขาออกมาตบหน้าเขาทันควันมันคือเบียงวิถีรอบยอดเขาอย่างแท้จริง

“น้องซ่ง,ดูเหมือนว่าเจ้าจะต้องระวังปากให้ดีนะ ฮ่าฮ่า!” ท่านเจ้ายอดเขาเขียนตัวนกล่าวติดตลก

 

ก่อนที่ซ่งเฉวจะเสียแขนของเขาไป เขาถือตัวครองอํานาจเขาหยิ่งยโสเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีกับท่านเจ้ายอดเขาท่านอื่มากนักตอนนี้พวกเขาเห็นซึ่งเฉวปล่อยไก่,พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหยิบมาล้อเลียนสักหน่อย

 

ซึ่งเฉวสูดจมูกอย่างเย็นชา “มีสิทธิ์อะไร? มู่เพิ่งได้ยอมแพ้ หากมู่เหิงไม่ยอมแพ้ เจ้าเด็กนั้นก็สอบตกไปแล้ว”

 

เมื่อหลิวหรูเยว่ได้ยินเช่นนั้น,นางกล่าวด้วยน้ําเสียงเยาะเย้ยในทันที“ศิษย์ยอดเขาซื้อชิ้นก็สอบตกกันไปหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ทําอะไร? หรือเจ้าอยากจะขายหน้าตัวเองอีกรอบ?”

 

ซึ่งเฉวตัวแดง… เขาทุบลงบนโต๊ะไม้อย่างรุนแรงและกล่าว “เจ้ามีสิทธิ์มาสั่งข้าตั้งแต่เมื่อไหร่?”

 

“โซว!”

 

ขณะที่พวกเขาทั้งสองกําลังปะทะคารม ผู้อาวุโสหนึ่งเจียงชื่อผู้ที่อยู่บนฐานสูง,ปาหอกซัดอีกเล่มไปที่หัวหน้าผู้คุมสอบ

 

“มีการเปลี่ยนกฏอีกแล้ว?” ทุกคนหยุดถกเถียงกันและรู้สึกดื่น

 

บนลานฝึกฝน,หัวหน้าผู้คุมสอบคว้าเอาหอกซัดและเปิดดูกระดาษที่ติดมากับมัน ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็มองไปที่ฝูงชนกับมู่เหิง“มู่เพิ่งและจางเลี่ย,สภาอาวุโสตัดสินให้พวกเจ้าผ่านการทดสอบรอบที่สอง เป็นพิเศษ พวกเราจะพักการทดสอบไว้เป็นการชั่วคราวและจะเริ่ มด่านสนามประลองในอีกสามวันแยกย้ายได้เ”

“นอกจากนี้ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าพอจะเดากันได้แล้ว การทดสอบในครั้งนี้แตกต่างจากที่ผ่านมา มีที่นั่งศิษย์แก่นกลางเพียงสิบที่นั่งในการทดสอบครั้งนี้อย่างไรก็ตาม,รางวัลจะเพิ่มเป็นห้าเท่าจาก ที่ผ่านมาข้าหวังว่าพวกเจ้าจะพยายามให้ถึงที่สุด”

 

มู่เหิง ผู้ที่เดิมกําลังเตรียมตัวจะจากไป, อดไม่ได้ที่จะหยุดเท้าลงหลังจากได้ยิน กระนั้นเขาส่ายหัวและกล่าวขึ้น “หากข้าไม่ได้อันดับหนึ่งก็ไม่เหลืออะไรกับการทดสอบครั้งนี้”

 

บนค่ายกลหอก,เซี่ยวเฉินถือธงพร้อมกระโดดลงมาอย่างนุ่มนวลและมองไปยังเหล่าผู้อาวุโสบนฐานสูง เขานึกไตร่ตรอง,จุดประสงค์ที่เว้นช่วงไปสามวันนี้คืออะไร?

 

ในลานบ้านของเซี่ยวเฉิน,แสงจันทร์ส่องผ่านเข้าทางหน้าต่าง

 

เซี่ยวเฉินนั่งขัดสมาธิบนเตียงของเขาและหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ เขาค่อยๆฟื้นคืนวิญญาณ,ฉีและจิตของเขาอย่างช้าๆหลังจากที่เขาเหนื่อยล้าจากวันนี้

 

บ่อน้ําวนที่จุดตันเที่ยนของเขาหมุนวนอย่างไม่หยุดหย่อนหยดของเหลวสีใสหยดลงมาอย่างช้าๆ

เซี่ยวเฉินรู้สึกถึงความเร็วของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ที่กําลังหมุนวน เขาคิดกับตัวเอง,ดูเหมือนว่าข้ากําลังจะทะลวงขึ้นชั้นที่สี่ของทักษะอัสนีม่วงศักสิทธิ์ บางอย่างที่สําคัญจะเกิดขึ้นหลังจากการทดสอบในครั้งนี้อย่างแน่นอน ข้าควรจะเตรียมการเตรียมตัวเอาไว้

 

หากข้ามีโอกาสที่จะทะลวงขึ้นชั้นที่สี่ของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์,ข้าก็ควรจะลองดู

ประมาณเที่ยงคืน,แสงสีขาววูบไหวอย่างเงียบเชียบที่หยกวิญญาณสีเลือดตรงหน้าอกของเซี่ยวเฉิน ภายใต้แสงจันทร์,ร่างสีขาวล้วนของเสี่ยวไปก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ จากนั้น,มันก็กระโดดผ่านหน้าต่างมุ่งหน้าไปยังลานบ้าน

 

เซี่ยวเฉินลืมตาขึ้นและมองไปยังทิศทางที่เสี่ยวไปจากไปเขาหัวเราะเล็กน้อยและไม่ได้ไปติดตามอะไร

ในสองสามวันที่ผ่านมาเสี่ยวไปมักจะย่องออกไปทุกคืนในตอนแรก,เซี่ยวเฉินก็เป็นกังวล อย่างไรก็ตาม เขาพบว่ามันไม่ได้ออกไปไหนไกลมันมักจะไปขโมยขวดเหล้าจากช่าวหยางก่อนที่จะมุ่งหน้าไปบ่มเพาะพลังที่หลังเขาก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น,มันก็จะกลับมา

 

เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น เซี่ยวเฉินก็ผ่อนคลายลง สําหรับเสี่ยวไปที่พลังเหลือล้น,สถานที่ที่มันชอบน้อยที่สุดก็คงเป็นภายในหยกวิญญาณสีเลือดเซี่ยวเฉินมีความสุขที่ได้ปล่อยให้มันวิ่งไปรอบๆ

รวบรวมความคิดกลับมาเซียวเฉินหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ต่อไปเขากําลังเตรียมการขั้นสุดท้ายก่อนที่จะทะลวงผ่านขึ้นไปชั้นที่สี่ของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์

 

เสี่ยวไป.ผู้ที่อยู่นอกลานบ้าน,เปลี่ยนเป็นเงาสีขาวพร้อมกับวิ่งออกไปอย่างร่าเริง มันมุ่งหน้าไปทางห้องของช่าวหยางมันคุ้นเคยกับเส้นทางเป็นอย่างดี

 

เสี่ยวไปเปิดหน้าต่างห้องของช่าวหยางอย่างร่ําชองปราศจากเสียงเมื่อมันกลับออกมามันกลับออกมาพร้อมกับขวดเหล้าดื่มอย่างมีความสุข

 

เมื่อเสี่ยวไปกระดกไปครบหนึ่งขวด,เกิดเป็นสีแดงบนใบหน้าของมัน ภายใต้แสงจันทร์,มันช่างดูสวยงาม,ดวงตาอันแพรวพราวของมันช่างมีเสน่ห์

 

เสี่ยวไปเร่งฝีเท้าวิ่งไปที่ด้านหลังของภูเขาและพบสถานที่ที่มีพลังงานจิตวิญญาณหนาแน่น มันนั่งลงขัดสมาธิท่าทางเหมือนกับมนุษย์พลังปราณหนาแน่นในร่างของมันหมุนเวียนไปตามรูปแบบเก้าร่างมายาสวรรค์แปรลักษณ์

 

พลังงานจิตวิญญาณบริเวณโดยรอบตกพรําลงมาราวกับฝนภายใต้แสงจันทร์,หยาดพลังงานจิตวิญญาณมีความงดงามที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้

 

สายฝนไหลเข้าไปในร่างของเสี่ยวไปในทันที่ ร่างสีขาวของมันเริ่มเปลี่ยนเป็นโปร่งใส ด้านล่างของร่างกายของมันมีจุดแสงพลามัว,ดูเด่นชัดเป็นพิเศษ

 

เสี่ยวไปกระโดดอย่างมีความสุขและซึมซับหยาดพลังงานจิตวิญญาณไปที่ละหยด เมื่อซึมซับพลังงานจิตวิญญาณเพิ่มมากขึ้น,จุดแสงพลามัวนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้น

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง,จุดแสงนั้นไม่ใช่ มันไม่ใช่จุดแสงอีกต่อไป มันกลับกลายเป็นลูกบอลแสงเปล่งประกายอบอุ่นและอ่อนโยนออกมา

 

ลูกบอลแสงแปรเปลี่ยนรูปร่างซ้ําไปมาหลายรูปแบบ ในที่สุดมันก็ก่อตัวขึ้นเป็นร่างมนุษย์ตัวเล็กๆ อย่างไรก็ตาม,มันไม่อาจคงสภาพไว้ได้เกินกว่าหนึ่งนาที ร่างมนุษย์นั้นแตกสลายไปเป็นผงประกายแสงก่อนที่จะเปลี่ยนกลับไปเป็นลูกบอลแสง

 

เก้าร่างมายาสวรรค์แปรลักษณ์คือทักษะบ่มเพาะพลังระดับสูงขั้นอมตะสําหรับสัตว์อสูรในโลกใบนี้ ตามที่บันทึกไว้ในตําราบ่มเพาะพลัง,แร่เพียงความรวดเร็วในการบ่มเพาะก็สูงกว่าทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ของเซี่ยวเฉินไปแล้ว ยังไม่นับรวมถึงผลในด้านอื่นๆ

 

หากเสี่ยวเฉินยืนอยู่ตรงนี้และค้นพบว่าเสียวไปกําลังทําอะไรเขาจะต้องตกตะลึง นี่เป็นเพราะเสียวไปพยายามจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของมัน

 

สัตว์อสูรวิญญาณในทวีปเทียนหวี่จะสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของมันก็ได้ต่อเมื่อระดับของพวกมันขึ้นไปถึงระดับยอดกษัตริย์ยุทธนอกจากนั้น,กระบวณการยังสาหัสเป็นอย่างมาก มันเป็นประสบการณ์ที่น่าขนลุกและโอกาสล้มเหลวยังสูงขั้นสุด

อย่างไรก็ตาม เมื่อทําได้สําเร็จ มันจะเปลี่ยนไปจากสัตว์อสูรวิญญาณโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแค่รูปร่างเท่านั้นที่แปรเปลี่ยน,แต่มันแทบจะไม่ต่างอะไรไปจากมนุษย์

 

นอกจากนั้น,สติปัญญาจิตวิญญาณของพวกมันยังเพิ่มขึ้นอย่างมากพวกมันสามารถร่ําเรียนทักษะต่อสู้และทักษะบ่มเพาะพลังของมนุษย์สําหรับสัตว์อสูรที่สามารถต่อสู้โดยใช้กําลังกายเท่านั้น,ความแข็งแกร่งของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยเป็นสองเท่า

 

เส้นทางการเปลี่ยนลักษณ์อัตราความสําเร็จต่ําเรี่ยดินเมื่อพวกมันล้มเหลว,พวกมันจะกลายไปเป็นขี้เถ้าและสลายหายไปแม้ว่าสัตว์อสูรวิญญาณจํานวนมากจะปราถนาถึงมัน,มีเพียงส่วนน้อยที่จะเลือกเส้นทางนี้

 

นอกจากนั้น ถึงแม้ว่าพวกมันจะสําเร็จในการแปรลักษณ์,พวกมันก็ไม่สามารถเข้ากับสังคมของมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบส่วนใหญ่จะเลือกไปเข้าร่วมนิกายของเผ่ามารอสูร ตําหนักหมื่น มารอสูรมันเป็นนิกายที่สืบทอดกันมาจากเผ่ามารอสูรโบราณ มัน เป็นสถานที่เดียวที่พวกมันจะเข้ากันได้

สายฝนที่กลั่นลงมาจากพลังงานจิตวิญญาณค่อยๆแตกกระจายออกไป เสียวไปหยุดบ่มเพาะพลังและมองขึ้นไปยังท้องฟ้ายามค่ําคืนมีความเศร้าโศกอยู่ในดวงตาของมัน

 

ภายใต้แสงจันทร์นุ่มและอ่อนละมุน, เสี่ยวไปกอดขวดเหล้าของมันและเดินตุปัดตุเปกลับไปที่ลานบ้านของเซียวเฉิน

 

สามวันผ่านไปในพริบตา,ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์นิ่งเสถียรแล้วในชั้นที่สาม ตราบใดที่เชี่ยวเฉินต้องการเขาสามารถทะลวงขึ้นไปชั้นที่ส่ได้เมื่อใดที่ต้องการ

 

ในค่ําคืนนี้ เซี่ยวเฉินอยู่ในลานบ้านกําลังฝึกฝนทักษะกระบี่หลิงหยุน,ทําให้เบียงวิถีรอบยอดเขาที่เขาได้บรรลุมามั่นคงขึ้น

 

มีสายลมเย็นพัดผ่านในลานบ้าน ใบไม้กระจายไปทั่วทุกที่,ภาพลวงขุนเขาปรากฏและจางหายซ้ําแล้วซ้ําเล่าเซี่ยวเฉินถอนกระบี่กลับมาและครุ่นคิดอย่างละเอียดถึงการต่อสู้

 

เส้นทางที่ข้าเดินแตกต่างจากจางเลี่ย ข้าได้ซึมซับปรากฏการณ์ลึกลับและรวมพลังงานไว้ภายในอย่างไรก็ตาม,ในวันนั้น,ข้าเพียงสร้างปรากฏการณ์ลึกลับเข้ามาแต่ข้าไม่สามารถประสานเข้า กับมันได้อย่างสมบูรณ์

 

หากว่าข้าสามารถประสานมันเข้ากับทักษะกระบี่ได้อย่างสมบูรณ์, พลังอํานาจของมันจะยกขึ้นไปอีกระดับ แม้ว่ามันคือปรากฏการณ์ลึกลับระดับสมบูรณ์ขั้นต้น,มันก็ไม่ได้ไร้จุดบกพร่องอยู่ต่อหน้ามือกระบี่ที่แท้จริง มันสามารถทลายลงอย่างง่ายดาย

 

ดังนั้น,ข้าต้องคิดค้นวิธีที่จะทําให้ปรากฎการณ์ลึกลับประสานเข้ากับกระบี่ของข้า

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 230 เสี่ยวไปผู้บอบบาง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 230 เสี่ยวไปผู้บอบบาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation

ตอนที่ 230 เสี่ยวไปผู้บอบบาง

เซี่ยวเฉิน ผู้ที่ลอยสูงอยู่กลางอากาศ ชี้ปลายกระบี่ของเขาไปที่จางเลี่ยและจับสัมผัสวิญญาณลงบนตัวของเขา ร่างของเขาเคอนลงล่างในท่าดิ่งตรง,บินไปที่จางเลี่ยราวกับอุกกาบาต

 

เส้นทางที่เชี่ยวเฉินบินผ่าน,ภาพร่างขุนเขาเริ่มปรากฏขึ้นอย่างช้า, เริ่มตั้งแต่จุดยอดไปถึงตีนภูเขาร่างกายของเซี่ยวเฉินดูเหมือนกับกําลังวาดภูเขาลงในอากาศ

มีพืชพันธุ์ที่พบเห็นได้ยากอยู่บนยอดเขาต้นไม้รวมเป็นป่าเหล่า วิหคและสัตว์อสูร,กําลังโบยบินและย่างก้าว หากมองดูอย่างละเอียด,มันมีแม้กระทั้งสิ่งปลูกสร้างอยู่ที่ตรงกลางของขุนเขาสามารถเห็นได้แม้กระทั่งร่างมนุษย์นับไม่ถ้วนที่กําลังฝึกฝนทักษะต่อสู้อยู่ในศาลาด้วยเสียงอันดัง

ขุนเขายิ่งขยายใหญ่,เซี่ยวเฉินยิ่งเร็วมากขึ้น,ความรวดเร็วเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

บนฐานสูง ผู้อาวุโสและท่านเจ้ายอดเขาต่างตกตะลึง “นี่มันปรากฎการณ์ลึกลับระดับสมบูรณ์ขั้นต้นมันไม่มีทางถูกทําลายลงได้”

 

เปลวแสงที่กําลังบินเข้าใส่เซียวเฉินทั้งหมดจางหายไปกับภาพลวงของปรากฏการณ์ลึกลับ,ลบหายไปอย่างไร้ร่องรอย

อย่างไรก็ตามเส้นแสงที่ถูกยิงไปในทิศทางอื่นๆระเบิดออกพวกมันราวกับเสียงอัสนีคําราม,แตกกระจายไปไม่จบสิ้นมุ่งเข้าไปในหมู่เมฆ

 

อากาศราวกับถูกตัดขาดครึ่งเหมือนกับน้ําตกที่แยกออก มันกลับมาประสานเข้าด้วยกันหลังจากผ่านไประยะหนึ่ง ช่างน่าเสียดาย,ที่มันไม่ใช่จุดที่เซียวเฉินอยู่มันไร้ประโยชน์

“ฟู ฟิว!”

ขุนเขาก่อตัวขึ้นสมบูรณ์ ความเร็วของเซี่ยวเฉินทะลวงกําแพงเสียง เสียงคลื่นโซนิคลั่นเข้ามาในหูของจางเสี่ยทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในทันทีทันใดหลังจากนั้น,เซี่ยวเฉินหยุดลงถึงพื้นราวๆสองร้อยเมตรห่างออกไปทางด้านหลังของจางเลี่ย

 

จางเลี่ยยื่นมือของเขาออกมาลูบที่หน้าผากเบาๆมันรอยแผลเล็กเปิดอยู่สําหรับเขา มันเป็นบาดแผลเล็กน้อย

 

“ข้าแพ้!” จางเลี่ยรู้ตัวว่าเซี่ยนเฉินนั้นแสดงความเมตตามิฉะนั้น,กระบี่จู่โจมเมื่อครู่แทงทะลุหัวของเขาไปแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ พึงพอใจนักเขาก็กระโดดลงไปจากปลายหอก

 

“บูม!” จางเลี่ยเซสะดุดและตกลงไป กระบี่สุดท้ายได้ผลาญวิญญาณ, และสุดใจของเขาจนหมดสิ้น ในที่สุดเขาก็ล้มลงไปเขาไม่อาจยืนหยัดต่อไปได้อีกแล้ว

 

ผู้อาวุโสยอดเขาสตรีหยกเร่งเข้ามาแบกร่างของเขาออกไป,เริ่มทําการรักษาบาดแผล

 

“ตาเจ้าแล้ว!” เซี่ยวเฉินมจ้องมองพร้อมกับกล่าวไปที่มู่เหิงผู้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก

 

มู่เพิ่งยิ้มบางเบาและกระโดดลงจากปลายหอก “ไม่จําเป็นกระบวณท่าสุดท้ายของเจ้าเป็นปรากฏการณ์ลึกลับระดับสมบูรณ์ขั้นต้นข้าไม่อาจป้องกันมันได้ เจ้าจาายพลังปราณไปมากแล้ว ข้าจะ ไม่เอาเปรียบเจ้าข้าจะล้มเจ้าให้ได้อย่างยุติธรรมและไร้ข้อกังขาในอนาคต”

“เบี่ยงวิถีรอบยอดเขา… เช่นนั้นนี่ก็คือกระบวณท่าที่สิบเจ็ดของทักษะกระบี่หลิงหยุน ไม่มีใครสามารถใช้มันออกมาหลายร้อยปีแล้ว”

“ใช่แล้ว ความสามารถของจางเลี่ยที่ใช้ออกปลุกเมฆานิรันดร์,นับว่าน่าหวาดกลัวแล้ว อย่างไรก็ตาม,มันไร้ประโยชน์ต่อหน้ากระบวณท่าที่สิบเจ็ด”

 

“มู่เหิงก็ใจใหญ่:เขายอมแพ้ในทันที เขาไม่ได้ฉวยโอกาสจากคู่ต่อสู้ ด้วยจิตใจเช่นนี้ ความสําเร็จในอนาคตของเขาจะต้องกว้างไกลพี่มู่สั่งสอนบุตรชายมาดี”

 

ฝูงชนและท่านเจ้ายอดเขาบนฐานสูงต่างออกความคิดเห็นของตัวเองในการต่อสู้เมื่อครู่ มีเพียงผู้เดียวที่ยังคงนิ่งเงียบ:เขามีสีหน้ามืดมน

ปราศจากคําพูดใดๆ, คนผู้นี้ แน่นอนว่าคือท่านเจ้ายอดเขาป้อนผู้ที่ใช้เกียรติของเขาเป็นประกันในความพ่ายแพ้ของเซี่ยวเฉิน หลังจากที่เขากล่าวจบ,เซี่ยวเฉินก็ใช้เบี่ยงวิถีรอบยอดเขาออกมาตบหน้าเขาทันควันมันคือเบียงวิถีรอบยอดเขาอย่างแท้จริง

“น้องซ่ง,ดูเหมือนว่าเจ้าจะต้องระวังปากให้ดีนะ ฮ่าฮ่า!” ท่านเจ้ายอดเขาเขียนตัวนกล่าวติดตลก

 

ก่อนที่ซ่งเฉวจะเสียแขนของเขาไป เขาถือตัวครองอํานาจเขาหยิ่งยโสเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีกับท่านเจ้ายอดเขาท่านอื่มากนักตอนนี้พวกเขาเห็นซึ่งเฉวปล่อยไก่,พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหยิบมาล้อเลียนสักหน่อย

 

ซึ่งเฉวสูดจมูกอย่างเย็นชา “มีสิทธิ์อะไร? มู่เพิ่งได้ยอมแพ้ หากมู่เหิงไม่ยอมแพ้ เจ้าเด็กนั้นก็สอบตกไปแล้ว”

 

เมื่อหลิวหรูเยว่ได้ยินเช่นนั้น,นางกล่าวด้วยน้ําเสียงเยาะเย้ยในทันที“ศิษย์ยอดเขาซื้อชิ้นก็สอบตกกันไปหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ทําอะไร? หรือเจ้าอยากจะขายหน้าตัวเองอีกรอบ?”

 

ซึ่งเฉวตัวแดง… เขาทุบลงบนโต๊ะไม้อย่างรุนแรงและกล่าว “เจ้ามีสิทธิ์มาสั่งข้าตั้งแต่เมื่อไหร่?”

 

“โซว!”

 

ขณะที่พวกเขาทั้งสองกําลังปะทะคารม ผู้อาวุโสหนึ่งเจียงชื่อผู้ที่อยู่บนฐานสูง,ปาหอกซัดอีกเล่มไปที่หัวหน้าผู้คุมสอบ

 

“มีการเปลี่ยนกฏอีกแล้ว?” ทุกคนหยุดถกเถียงกันและรู้สึกดื่น

 

บนลานฝึกฝน,หัวหน้าผู้คุมสอบคว้าเอาหอกซัดและเปิดดูกระดาษที่ติดมากับมัน ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็มองไปที่ฝูงชนกับมู่เหิง“มู่เพิ่งและจางเลี่ย,สภาอาวุโสตัดสินให้พวกเจ้าผ่านการทดสอบรอบที่สอง เป็นพิเศษ พวกเราจะพักการทดสอบไว้เป็นการชั่วคราวและจะเริ่ มด่านสนามประลองในอีกสามวันแยกย้ายได้เ”

“นอกจากนี้ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าพอจะเดากันได้แล้ว การทดสอบในครั้งนี้แตกต่างจากที่ผ่านมา มีที่นั่งศิษย์แก่นกลางเพียงสิบที่นั่งในการทดสอบครั้งนี้อย่างไรก็ตาม,รางวัลจะเพิ่มเป็นห้าเท่าจาก ที่ผ่านมาข้าหวังว่าพวกเจ้าจะพยายามให้ถึงที่สุด”

 

มู่เหิง ผู้ที่เดิมกําลังเตรียมตัวจะจากไป, อดไม่ได้ที่จะหยุดเท้าลงหลังจากได้ยิน กระนั้นเขาส่ายหัวและกล่าวขึ้น “หากข้าไม่ได้อันดับหนึ่งก็ไม่เหลืออะไรกับการทดสอบครั้งนี้”

 

บนค่ายกลหอก,เซี่ยวเฉินถือธงพร้อมกระโดดลงมาอย่างนุ่มนวลและมองไปยังเหล่าผู้อาวุโสบนฐานสูง เขานึกไตร่ตรอง,จุดประสงค์ที่เว้นช่วงไปสามวันนี้คืออะไร?

 

ในลานบ้านของเซี่ยวเฉิน,แสงจันทร์ส่องผ่านเข้าทางหน้าต่าง

 

เซี่ยวเฉินนั่งขัดสมาธิบนเตียงของเขาและหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ เขาค่อยๆฟื้นคืนวิญญาณ,ฉีและจิตของเขาอย่างช้าๆหลังจากที่เขาเหนื่อยล้าจากวันนี้

 

บ่อน้ําวนที่จุดตันเที่ยนของเขาหมุนวนอย่างไม่หยุดหย่อนหยดของเหลวสีใสหยดลงมาอย่างช้าๆ

เซี่ยวเฉินรู้สึกถึงความเร็วของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ที่กําลังหมุนวน เขาคิดกับตัวเอง,ดูเหมือนว่าข้ากําลังจะทะลวงขึ้นชั้นที่สี่ของทักษะอัสนีม่วงศักสิทธิ์ บางอย่างที่สําคัญจะเกิดขึ้นหลังจากการทดสอบในครั้งนี้อย่างแน่นอน ข้าควรจะเตรียมการเตรียมตัวเอาไว้

 

หากข้ามีโอกาสที่จะทะลวงขึ้นชั้นที่สี่ของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์,ข้าก็ควรจะลองดู

ประมาณเที่ยงคืน,แสงสีขาววูบไหวอย่างเงียบเชียบที่หยกวิญญาณสีเลือดตรงหน้าอกของเซี่ยวเฉิน ภายใต้แสงจันทร์,ร่างสีขาวล้วนของเสี่ยวไปก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ จากนั้น,มันก็กระโดดผ่านหน้าต่างมุ่งหน้าไปยังลานบ้าน

 

เซี่ยวเฉินลืมตาขึ้นและมองไปยังทิศทางที่เสี่ยวไปจากไปเขาหัวเราะเล็กน้อยและไม่ได้ไปติดตามอะไร

ในสองสามวันที่ผ่านมาเสี่ยวไปมักจะย่องออกไปทุกคืนในตอนแรก,เซี่ยวเฉินก็เป็นกังวล อย่างไรก็ตาม เขาพบว่ามันไม่ได้ออกไปไหนไกลมันมักจะไปขโมยขวดเหล้าจากช่าวหยางก่อนที่จะมุ่งหน้าไปบ่มเพาะพลังที่หลังเขาก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น,มันก็จะกลับมา

 

เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น เซี่ยวเฉินก็ผ่อนคลายลง สําหรับเสี่ยวไปที่พลังเหลือล้น,สถานที่ที่มันชอบน้อยที่สุดก็คงเป็นภายในหยกวิญญาณสีเลือดเซี่ยวเฉินมีความสุขที่ได้ปล่อยให้มันวิ่งไปรอบๆ

รวบรวมความคิดกลับมาเซียวเฉินหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ต่อไปเขากําลังเตรียมการขั้นสุดท้ายก่อนที่จะทะลวงผ่านขึ้นไปชั้นที่สี่ของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์

 

เสี่ยวไป.ผู้ที่อยู่นอกลานบ้าน,เปลี่ยนเป็นเงาสีขาวพร้อมกับวิ่งออกไปอย่างร่าเริง มันมุ่งหน้าไปทางห้องของช่าวหยางมันคุ้นเคยกับเส้นทางเป็นอย่างดี

 

เสี่ยวไปเปิดหน้าต่างห้องของช่าวหยางอย่างร่ําชองปราศจากเสียงเมื่อมันกลับออกมามันกลับออกมาพร้อมกับขวดเหล้าดื่มอย่างมีความสุข

 

เมื่อเสี่ยวไปกระดกไปครบหนึ่งขวด,เกิดเป็นสีแดงบนใบหน้าของมัน ภายใต้แสงจันทร์,มันช่างดูสวยงาม,ดวงตาอันแพรวพราวของมันช่างมีเสน่ห์

 

เสี่ยวไปเร่งฝีเท้าวิ่งไปที่ด้านหลังของภูเขาและพบสถานที่ที่มีพลังงานจิตวิญญาณหนาแน่น มันนั่งลงขัดสมาธิท่าทางเหมือนกับมนุษย์พลังปราณหนาแน่นในร่างของมันหมุนเวียนไปตามรูปแบบเก้าร่างมายาสวรรค์แปรลักษณ์

 

พลังงานจิตวิญญาณบริเวณโดยรอบตกพรําลงมาราวกับฝนภายใต้แสงจันทร์,หยาดพลังงานจิตวิญญาณมีความงดงามที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้

 

สายฝนไหลเข้าไปในร่างของเสี่ยวไปในทันที่ ร่างสีขาวของมันเริ่มเปลี่ยนเป็นโปร่งใส ด้านล่างของร่างกายของมันมีจุดแสงพลามัว,ดูเด่นชัดเป็นพิเศษ

 

เสี่ยวไปกระโดดอย่างมีความสุขและซึมซับหยาดพลังงานจิตวิญญาณไปที่ละหยด เมื่อซึมซับพลังงานจิตวิญญาณเพิ่มมากขึ้น,จุดแสงพลามัวนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้น

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง,จุดแสงนั้นไม่ใช่ มันไม่ใช่จุดแสงอีกต่อไป มันกลับกลายเป็นลูกบอลแสงเปล่งประกายอบอุ่นและอ่อนโยนออกมา

 

ลูกบอลแสงแปรเปลี่ยนรูปร่างซ้ําไปมาหลายรูปแบบ ในที่สุดมันก็ก่อตัวขึ้นเป็นร่างมนุษย์ตัวเล็กๆ อย่างไรก็ตาม,มันไม่อาจคงสภาพไว้ได้เกินกว่าหนึ่งนาที ร่างมนุษย์นั้นแตกสลายไปเป็นผงประกายแสงก่อนที่จะเปลี่ยนกลับไปเป็นลูกบอลแสง

 

เก้าร่างมายาสวรรค์แปรลักษณ์คือทักษะบ่มเพาะพลังระดับสูงขั้นอมตะสําหรับสัตว์อสูรในโลกใบนี้ ตามที่บันทึกไว้ในตําราบ่มเพาะพลัง,แร่เพียงความรวดเร็วในการบ่มเพาะก็สูงกว่าทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ของเซี่ยวเฉินไปแล้ว ยังไม่นับรวมถึงผลในด้านอื่นๆ

 

หากเสี่ยวเฉินยืนอยู่ตรงนี้และค้นพบว่าเสียวไปกําลังทําอะไรเขาจะต้องตกตะลึง นี่เป็นเพราะเสียวไปพยายามจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของมัน

 

สัตว์อสูรวิญญาณในทวีปเทียนหวี่จะสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของมันก็ได้ต่อเมื่อระดับของพวกมันขึ้นไปถึงระดับยอดกษัตริย์ยุทธนอกจากนั้น,กระบวณการยังสาหัสเป็นอย่างมาก มันเป็นประสบการณ์ที่น่าขนลุกและโอกาสล้มเหลวยังสูงขั้นสุด

อย่างไรก็ตาม เมื่อทําได้สําเร็จ มันจะเปลี่ยนไปจากสัตว์อสูรวิญญาณโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแค่รูปร่างเท่านั้นที่แปรเปลี่ยน,แต่มันแทบจะไม่ต่างอะไรไปจากมนุษย์

 

นอกจากนั้น,สติปัญญาจิตวิญญาณของพวกมันยังเพิ่มขึ้นอย่างมากพวกมันสามารถร่ําเรียนทักษะต่อสู้และทักษะบ่มเพาะพลังของมนุษย์สําหรับสัตว์อสูรที่สามารถต่อสู้โดยใช้กําลังกายเท่านั้น,ความแข็งแกร่งของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยเป็นสองเท่า

 

เส้นทางการเปลี่ยนลักษณ์อัตราความสําเร็จต่ําเรี่ยดินเมื่อพวกมันล้มเหลว,พวกมันจะกลายไปเป็นขี้เถ้าและสลายหายไปแม้ว่าสัตว์อสูรวิญญาณจํานวนมากจะปราถนาถึงมัน,มีเพียงส่วนน้อยที่จะเลือกเส้นทางนี้

 

นอกจากนั้น ถึงแม้ว่าพวกมันจะสําเร็จในการแปรลักษณ์,พวกมันก็ไม่สามารถเข้ากับสังคมของมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบส่วนใหญ่จะเลือกไปเข้าร่วมนิกายของเผ่ามารอสูร ตําหนักหมื่น มารอสูรมันเป็นนิกายที่สืบทอดกันมาจากเผ่ามารอสูรโบราณ มัน เป็นสถานที่เดียวที่พวกมันจะเข้ากันได้

สายฝนที่กลั่นลงมาจากพลังงานจิตวิญญาณค่อยๆแตกกระจายออกไป เสียวไปหยุดบ่มเพาะพลังและมองขึ้นไปยังท้องฟ้ายามค่ําคืนมีความเศร้าโศกอยู่ในดวงตาของมัน

 

ภายใต้แสงจันทร์นุ่มและอ่อนละมุน, เสี่ยวไปกอดขวดเหล้าของมันและเดินตุปัดตุเปกลับไปที่ลานบ้านของเซียวเฉิน

 

สามวันผ่านไปในพริบตา,ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์นิ่งเสถียรแล้วในชั้นที่สาม ตราบใดที่เชี่ยวเฉินต้องการเขาสามารถทะลวงขึ้นไปชั้นที่ส่ได้เมื่อใดที่ต้องการ

 

ในค่ําคืนนี้ เซี่ยวเฉินอยู่ในลานบ้านกําลังฝึกฝนทักษะกระบี่หลิงหยุน,ทําให้เบียงวิถีรอบยอดเขาที่เขาได้บรรลุมามั่นคงขึ้น

 

มีสายลมเย็นพัดผ่านในลานบ้าน ใบไม้กระจายไปทั่วทุกที่,ภาพลวงขุนเขาปรากฏและจางหายซ้ําแล้วซ้ําเล่าเซี่ยวเฉินถอนกระบี่กลับมาและครุ่นคิดอย่างละเอียดถึงการต่อสู้

 

เส้นทางที่ข้าเดินแตกต่างจากจางเลี่ย ข้าได้ซึมซับปรากฏการณ์ลึกลับและรวมพลังงานไว้ภายในอย่างไรก็ตาม,ในวันนั้น,ข้าเพียงสร้างปรากฏการณ์ลึกลับเข้ามาแต่ข้าไม่สามารถประสานเข้า กับมันได้อย่างสมบูรณ์

 

หากว่าข้าสามารถประสานมันเข้ากับทักษะกระบี่ได้อย่างสมบูรณ์, พลังอํานาจของมันจะยกขึ้นไปอีกระดับ แม้ว่ามันคือปรากฏการณ์ลึกลับระดับสมบูรณ์ขั้นต้น,มันก็ไม่ได้ไร้จุดบกพร่องอยู่ต่อหน้ามือกระบี่ที่แท้จริง มันสามารถทลายลงอย่างง่ายดาย

 

ดังนั้น,ข้าต้องคิดค้นวิธีที่จะทําให้ปรากฎการณ์ลึกลับประสานเข้ากับกระบี่ของข้า

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+