Immortal and Martial Dual Cultivation 228 การต่อสู้ดําเนินต่อไป

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 228 การต่อสู้ดําเนินต่อไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อย่างไรก็ตาม เกิดอะไรขึ้นกับมู่เหิง? ทําไมเขาไม่ลงไปถึงแม้ว่าจะได้รับธงมาแล้ว? ทําไมเขาถึงกระโดดกลับขึ้นไป?”

ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นใจกับชะตากรรมของเกาหยางนัก หลังจากเห็นสิ่งโหดร้ายที่เขาทําไป

“ฉัวะ! ฉัวะ!”

ขณะที่ทุกคนกําลังถูกกันเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มู่เหิงได้ทําสิ่งที่น่าตกตะลึง;เขาได้ทําลายธงที่อยู่ในมือของเขา

“ซิ่ว!”

จางเลี่ยและเซียวเฉินก็ลงมือพร้อมกัน,พวกเขาแต่ละคนทําลายธงในมือ จากธงห้าผืนสุดท้าย เหลือเพียงหนึ่งต่อพวกเขาสามคน, กําลังร่องลอยอยู่อย่างช้าๆ

“พวกขเวทําอะไร? เห็นชัดว่าพวกเขาได้รับธงมาแล้ว:พวกเขาน่าจะผ่านด่านนี้ไปได้เรียบร้อย!”

“ทําไมข้ารู้สึกว่าพวกเขาตั้งใจจะเลื่อนการประลองรอบสุดท้ายเข้ามา?!”

“ข้าไม่เข้าใจการทดสอบในครั้งนี้จริงๆ มันเป็นเพียงการทดสอบรอบที่สอง,แต่มันกลับดุเดือดเข้มข้นเช่นนี้ กําลังเกิดบ้าอะไรขึ้น?”

“พวกเขาสามคนดันตัวเองเข้าสู่ทางตัน มีเพียงหนึ่งคนที่จะคว้าธงมาได้ คนที่เหลือจะถูกคัดออก”

ไม่เพียงแค่ผู้ที่ผ่านการทดสอบรอบนี้ไปแล้วที่ไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ในตอนนี้ แต่ศิษย์ชั้นในคนอื่นๆรวมถึงท่านเจ้ายอดเขาแต่ละคนก็คิดไม่ตกเช่นกันว่าทําไมพวกเขาถึงดันตัวเองเข้าสู่ด่านสุดท้าย

ผู้อาวุโสสอง,ผู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างของผู้อาวุโสหนึ่งเจียงชือบนฐานสูงร่วมกับผู้อาวุโสท่านอื่นๆ ล,หัวเราะขึ้นเบาๆ “สามคนนั้นดูเหมือนจะเข้าใจเจตนาของท่านแล้ว ข้าสงสัยว่าผู้อาวุโสหนึ่งจะชอบพอ ผู้ใดมากที่สุด?”

“ความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสามสามารถคว้าตําแหน่งหนึ่งในสอบอันดับแรกของการทดสอบศิษย์แก่นกลางที่ผ่านมาได้อย่างสบาย พวกเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมากคาดไม่ได้ว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ” สายตาของเจียงชือลึกล้ำราวกับน้ำนิ่งเป็นผลให้ไม่มีใครสามารถคาดเดาความคิดของเขาได้

ผู้อาวุโสสามที่อยู่ด้านข้างของพวกเขากล่าวขึ้น “พี่ใหญ่เจียงชือ,หากท่านเจ้ายอดเขาพวกนั้นตระหนักถึงสิ่งที่พวกเรากําลังทํา อยู่,พวกเขาจะมีปัญหาหรือไม่?”

ผู้อาวุโสหนึ่งกล่าวอย่างไร้สีหน้า “ไม่มีใครแทรกแซงสิ่งที่ข้าได้ตัดสินใจไปแล้วได้”

เมื่อผู้อาสุโสท่านอื่นได้ยินดังนั้น,หน้าอกของพวกเขาก็บีบแน่น พวกเขาปิดปากเงียบและหยุดถกกันเรื่องนี้

บนค่ายกลที่มีหอกนับไม่ถ้วน เซี่ยวเฉิน,มู่เหิง,และจางเลี่ยยืนอยู่คนละมุม,เร่งกระแสพลังของพวกเขาขึ้นมาอย่างไม่หยุดหย่อน

ฉีและโลหิตของพวกเขาแข็งแกร่งอย่างไม่มีใครเปรียบ ขณะที่กระแสพลังของพวกเขากําลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง,อากาศในลานฝึกฝนกลายเป็นเลวร้าย,ทําให้ผู้คนหายใจได้อย่างลําบาก

ธงลอยอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขา ทันใดนั้น,พลังที่ค่ำมันเอาไว้ก็สลายหายไปและมันก็ลอยลงไปที่พื้นอย่างช้าๆ สายตาของพวกเขาไม่ละไปจากธง มีแสงเรืองอยู่ในดวงตาของพวกเขา

โซว!”

ทันใดนั้น,มีสายลมรุนแรงสามสายพัดเข้ามา,กระจายไปในบรรยากาศและตบฝุ่นทรายลอยขึ้นไปในอากาศ

พวกเขาทั้งสามเริ่มลงมือเคลื่อนไหวในจังหวะเดียวกัน, พวกเขาแต่ละคนต่างใช้ออกทักษะเคลื่อนไหวของพวกเขา พวกเขาต่างหมายจะฉกเอาธงที่กําลังลอยลงมายังพื้น

“เจ็ดดาราโยกย้าย!”

“ไร้ลักษณ์ก้าววารี!”

“มังกรฟ้าฟาดหาง!”

มู่เหิงจางหายไปในอากาศอย่างแปลกประหลาด จางเลี่ยกดลงพื้นดีดตัวเบาๆด้วยเท้าของเขาและทิ้งรอยคลื่นราวกับผิวน้ำเหลือเป็นภาพติดตาหลายร่างไว้ข้างหลัง

มังกรฟ้าปรากฏตัวขึ้นล้อมรอบเซี่ยวเฉินและร้องคําราม ภาพร่างของมังกรฟาดหางปรากฏขึ้นในอากาศ

พวกเขาทั้งสามใช้ออกทักษะที่ยอดเยี่ยมที่สุดพร้อมกับลอยตรงไปยังธงที่กําลังร่วงหล่น ท้ายที่สุด,มังกรฟ้าเมฆาทะยานของเซี่ยวเฉินก็เร็วกว่า แสงสีฟ้าจับเอาธงไว้อย่างรวดเร็ว

มังกรฟ้าเมฆาทะยาน ถึงอย่างไรมันก็เป็นทักษะเคลื่อนไหวระดับสวรรค์ ถึงแม้ว่าเขาจะฝึกฝนมันไปถึงเพียงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น ก็ไม่มีนักบ่มเพาะพลังในระดับเดียวกันคนใดที่จะแซงเซี่ยวเฉินในเรื่องของความเร็วไปได้

มันแทบจะเป็นในจังหวะเดียวกัน เมื่อเซี่ยวเฉินจับเอาธงมาได้, จางเลี่ยกับมู่เหิงนั้นร่อนลงมาและยื่นแขนของพงกเขาไปที่ธง

เซี่ยวเฉินดึงกลับอย่างนุ่มนวล,และธงก็ลอยผ่านอากาศมาลงบนหลังของเซี่ยวเฉินพวกเขาทั้งสองมือคว้าไปที่ความว่างเปล่า

“เทือกเขาคดเคี้ยวร้อยวิถี!”

“ฝ่ามือเงาหุบเขานิรันดร์!”

จางเลี่ยและมู่เหิงไร้ซึ่งความลังเล,พวกเขาลงมือพร้อมกัน จางเลี่ยใช้ออกกระบวณท่าที่สามของทักษะหระบี่ยอดเขาหลิงหยุนทันใดนั้น เขาก็แสดงปรากฏการณ์ลึกลับของภูเขานับร้อยเป็นที่ตื่นตระลึงของคนอื่นๆ เปลี่ยนท้องฟ้าให้เป็นมืดมิด

อีกด้านหนึ่ง,มู่เหิงหมุนเวียนทักษะเสริมกายาหยกม่วง ร่างสีม่วงนับร้อยวูบผ่าน,ล้อมรอบตัวเขาเอาไว้ ทําให้ยากที่จะจําแนกระหว่างร่างจริงกับร่างปลอม

เซี่ยวเฉินหน้าเทา คนพวกนี้ไม่ใช้ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงทั่วไป ผู้หนึ่งได้เข้าใจถึงเจตนารมณ์แห่งกระบี่ นอกจากนั้นพรสวรรค์ของเขายังเยี่ยมยอด

อีกผู้หนึ่งเสริมสร้างร่างกายาของเขาเปลี่ยนร่างของเขาให้เป็นกระบี่ นับพลังโจมตีอย่างเดียวเขาเหนือกว่าเซี่ยวเฉิน ไม่ว่าเขาจะเดินไปทางใด เขาก็จัดได้ว่าเป็นอัจฉริยะ

“เทือกเขาคดเคี้ยวร้อยวิถี ข้าก็เรียนมาเหมือนกัน!” เซี่ยวเฉินนึกผ่านความคิดของเขาและยิ้มขึ้นบางเบา ภาพลวงตาภูเขานับร้อยปราฎขึ้นที่ด้านหลังของเขาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม,มันก็เป็นเพียงวูบเดียวก่อนที่ภาพลวงตานั้นจะผสานเข้ากับร่างกายของเขา

คมกระบี่สีขาวหิมะของกระบี่เงาจันทร์สว่างขึ้นด้วยแสงรุ่งโรจน์ นี่ไม่ใช่กระบี่แสง:มันคือปรากฏการณ์ลึกลับขอบทักษะกระบี่หลิงหยุนที่ฝังเข้าไปฝนคมกระบี่

ปราณของเซี่ยวเฉินไหลเข้าไปในคมกระบี่ในเวลาเดียวกัน อีกครู่หนึ่งต่อมา,แสงเรืองกลายเป็นรุ่งโรจน์ยอ่งขึ้น มันราวกับดวงอาทิตย์ที่ถูกย่อส่วน,เปลี่ยนท้องฟ้าที่มืดมิดให้สว่างไสวอย่างไม่น่าเชื่อ

“สลายไปซะ!” เซี่ยวเฉินตะโกน เขาฟันลงไปที่ภาพภูเขาที่ร้อยเรียงกันไปไม่มีที่สิ้นสุด เสียงสั่นสะเทือนสวรรค์เขย่าปฐพี่ดังขึ้นมาให้ได้ยินซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ภูเขาสั่นสะเทือนและทั่วทั้งลานฝึกฝนเขย่าไม่หยุด อากาศเริ่มเคลื่อนไหวพร้อมกับลมพายุหมุนหนาแน่น หอกบางเล่มบนพื้นไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไปและถูกดึงขึ้นมาจากพื้นลอยเหวี่ยงไปในอากาศ

“ปัง!” ทันทีที่หมู่ภูเขาถูกลบหายไป, จางเลี่ยปรากฏตัวขึ้นในอากาศพร้อมกับใบหน้าซีดขาว การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าลง,และแสงอาทิตย์สาดลงมาที่พื้นได้อีกครั้ง ทําให้สนามร้อนขึ้น

การเคลื่อนไหวของเซียวเฉินยังไม่ได้หยุดลง หลังจากที่เขาผลักจางเลี่ยลอยกลับไป เขารีบกลับตัวและเปลี่ยนจากกระบี่เงาจันทร์มาอยู่มือซ้ายของเขา เขาหมุนเวียนทักษะสลักร่างพยัคฆ์มังกรและกระดูกในร่างของเขาส่งเสียง “เปรี้ยะ เปรี้ยะ” ออกมาไม่หยุด

มัดกล้ามบนร่างกายของเซียวเฉินขยายขนาดขึ้น ภาพร่างพยัคฆ์ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา มันยกกระแสพลังของเขาขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง

“พยัคฆ์ร้ายทะลวงภูผา!”

ร้อยร่างภาพรอบตัวของมู่เหิงผสานกลับเมื่อพวกมันเข้ามาใกล้เซี่ยวเฉิน กระแสพลังของเขาก็ถูกเร่งขึ้นถึงขีดสุดเช่นกัน เมื่อเผชิญหน้ากับกระแสพลังของราชันสัตว์นับร้อย มันไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน

“ระเบิดไปซะ!” มู่เหิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ฝ่ามือหยกสีม่วงที่แบกพลังผสานร่างนับร้อยและเข้าปะทะกับหมัดของเซี่ยวเฉินอย่างไร้ซึ่งความลังเล

“บูม!”

เมื่อฝ่ามือและกําปั้นเข้าปะทะกัน,มันราวกับสายฟ้าสวรรค์ที่ลั่นเสียงออกมาท่ามกลางลานฝึกฝนอันเงียบสงัด,ดังกึกก้องไปในหูของฝูงชน มันทําให้แก้วหูของพวกเขาสั่นสะเทือน ผู้บ่มเพาะพลังที่อ่อนแอหน่อยถึงกับหูดับไปชั่วคราว

คลื่นกระแทกระเบิดออกมาอย่างรุนแรง,เคลื่อนไปรอบทั่วทิศทาง หอกที่ถูกส่งลอยขึ้นไปแตกสลายหายไปกับสายลม

พวกเขาทั้งสองถอยกลับพวกเขาเคลื่อนถอยกลับไปหลายร้อยเมตรในทันที เซียวเฉินตัลังกากลางอากาศและลงจอดบนปลายหอกอย่างนิ่มนวล จากนั้นเขาค่อยๆจับไปที่ธงที่เขากําลังปกป้องบนหลังของเขา

ในอีกด้านหนึ่ง,มู่เหิงไม่ได้สบายเหมือนกับเซียวเฉิน ทุกก้าวที่เขาลง,ปลายหอกจะระเบิด เขาสามารถหยุดตั้งตัวได้หลังจากทําลายหอกไปนับร้อยเล่ม

หนึ่งหมัดหนึ่งฝ่ามือ… พวกเขาทั้งสองพึ่งพากําลังกายทั้งหมดในร่างของเขา พวกเขาเสมอกัน

แม้ว่ามันจะใช้เวลานานในการบรรยายออกมา แต่มันเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนกระบวณท่าเดียวระหว่างเซี่ยวเฉินกับพวกเขาใช้เวลาเพียงสองสามอึดใจเท่านั้น

พวกเขาทั้งสามยืนอยู่คนละมุม,ควบคุมพลังงานของพวกเขา พวกเขาไม่เร่งรีบที่จะลงมือ สถานการณ์ที่ดุเดือดบนค่ายกลหอกสงบลงขึ้นมาทันตา อย่างไรก็ตาม,ทุกคนล้วนรู้ว่านี่เป็นแค่ลมสงบก่อนพายุ

“ฮ่ะ!”

ตามนั้น หลังจากนั้นเอง,จางเลี่ยและมู่เหิงทั้งคู่ตะโกนขึ้นและพุ่งเข้าใส่เซียวเฉิน ตอนนี้,พวกเขาทั้งคู่รู้แล้วว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาเทียบกับเซียวเฉินไม่ได้เพวกเขาทําได้เพียงร่วมมือกันกันล้มเซียวเฉิน

ทุกคู่ต่อสูที่เขาเคยพบมาไม่อ่อนเกินก็แข็งแกร่งเกินไป ตอนนี้เขาได้พบกับคู่ต่อสู้สองคนที่ความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับเขา เขาจะสนุกไปกับมันและต่อสู้จนกว่าจะพอใจ

เซี่ยวเฉินใช้กระบี่ของเขารับการโจมตีของจางเลี่ยและมือซ้ายของเซี่ยวเฉินจัดการกับฝ่ามือวายุที่ส่งมาโดยมู่เหิง

ร่างของพวกเขาทั้งวามโยกย้ายไปบนค่ายกลหอกอย่างต่อเนื่อง มีเสียงพยัคฆ์คําราม,สายลมกระบี่ และฝ่ามือวายุดังขึ้นมาไม่ขาดสาย

ผ่านไปครู่หนึ่ง,พวกเขาทั้งสามก็แลกเปลี่ยนกันไปกว่าร้อยกระบวณท่า ทุกที่ที่พวกเขาผ่าน,ปลายหอกแตกสลายและสายลมแรง วูบไหว เติมเต็มอากาศไปด้วยฝุ่นทราย

ในไม่ช้า,ภายใต้การโหมโจมตีจากพวกเขาทั้งสอง,เซี่ยวเฉินก็รับไปมากกว่าห้าร้อยกระบวณทรา อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เสียเปรียบ กลับกัน ยิ่งเขาประมือมากขึ้นเท่าไหร,กระแสพลังของเขายิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

ฝูงชนบนที่นั่งคนดูมองเห็นภาพเงาเรือนร่างทั้งสามผ่านม่านสีเหลืองที่เติมเต็มไปในอากาศและได้ยินเสียงหมัดเท้ากับอาวุธปะทะกัน มันช่างเป็นศึกที่ตระการตา,แต่ถูกคั่นเอาไว้ด้วยม่านทราย พวกเขาทําได้เพียงรู้สึกโชคร้ายในใจด้วยความเสียดาย

“เย่เฉินแข็งแกร่งอย่างแท้จริง แม้ว่าจะถูกสองคนเข้าลุม,เขายังไม่ได้เสียเปรียบแต่อย่างใด สมกับชื่อเสียงเยู่เฉินแห่งยอดเขาฉิงห ยุน”

“จางเลี่ยกับมู่เมิงก็ไม่เลวเช่นกัน ระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้นทั่วไปไม่ใช่คู่มือของพวกเขา”

“จะไปเลวได้เช่นไร? ไม่ต้องพูดถึงชื่อจางเลี่ย:ยอดเขาเทียนเยว่ได้นับเขาอยู่ในสิบอันดับศิษย์แก่นกลางที่แข็งแกร่งที่สุดของยอดเขาเทียนเยว่ไปเรียบร้อยแล้ว”

“สําหรับมู่เหิง,ข้าได้ยินมาจากคนของยอดเขาเปยเฉินว่าเขานั้นคือบุตรชายของท่านเจ้ายอดเขา เขาได้เก็บตัวฝึกฝนอยู่ที่ด้านหลังหุบเขา,เปลี่ยนร่างกายของเขาให้เป็นกระบี่และใช้ความแข็งแกร่งกายยภาพของเขา ทุกครั้งที่ระดับการบ่มเพาะพลังของเขาเพิ่มขึ้น,ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน”

“ข้าสงสัยว่าเย่เฉินจะอดทนต่อไปได้นานเท่าไหร ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถทนต่อไปได้เรื่อยๆ หลังจากห้าร้อยกระบวณท่า”

“แน่นอน ถึงอย่างไร มันก็เป็นหนึ่งต่อสอง ปราณในร่างของเขาจะเหือดแห้งเร็วกว่าอีกสองคนที่เหลือ ยิ่งยื้อไปนานเท่าไหร ก็จะยิ่งเห็นได้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม,ที่เขาอดทนมาได้นานขนาดนี้ ความแข็งแกร่งของเขาก็เป็นที่น่าหวาดกลัวแล้ว”

ในขณะที่คนบนค่ายกลหอกกําลังประมือกัน,คนบนที่นั่งคนดูก็กําลังยุ่งอยู่กับการถกเถียงแสดงความคิดเห็นของพวกเขา หลังจาศึกนี้ถึงแม้เซี่ยวเฉินจะแพ้,ข่าวรือของเขาก็ยังไกลออกไป

ขณะที่พูดคุยกันไป “สามัญมองดูความตื่นเต้นผู้เชี่ยวชาญมองดูทักษะ” ท่านเจ้ายอดเขาสองสามคนบนฐานสูงตื่นตะลึงกับเซี่ยวเฉิน;พวกเขาหวาดหวั่นถึงพลังของเซี่ยวเฉิน

“กระแสพลังที่เขาดึงออกมาในการต่อสู้และผสมผสานระหว่างทักษะหมัดกับทักษะกระบี่,ประสานเข้ากันอย่างสมดุลสมบูรณ์แบบ เจ้าเด็กนี้ช่างน่ากลัว” ท่านเจ้ายอดเขากางอถอนหายใจ

ฉ่เซียนอวิน, ท่านเจ้ายอดเขาสตรีหยก เต็มไปด้วยความปั่นชม “ร่างกายของเขาเทียบเท่าได้กับมู่เหิงและทักษะกระบี่ของเขาสามารถกดจางเลี่ยเอาไว้ พลังปราณของเขาก็ดูเหมือนจะไม่มีวันล้า ข้าสงสัยว่าเขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงใดเมื่อเขากลายเป็นระดับขอบเขตนักบุญ”

แม้แต่ท่านเจ้ายอดเขาซื้อวิ่น,ซ่งเฉว,ที่ดูแคลนอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้ เขายิ่งเงียบ ตอนที่เขาเห็นถึงคงามแข็งแกร่งที่แท้จริงของเซี่ยวเฉิน,เขาครุ่นคิดกับตัวเองอย่างกังวล,ศักยภาพของเขาจะน่ากลัวเกินไปแล้ว หากข้าปล่อยให้เขาเติบโตขึ้นไปอีก เขาจะน่ากลัวถึงเพียงใด?

จากนั้น,ผลลัพธ์มันไม่อาจจินตนาการได้ ข้าจําเป็นต้องหาโอกาสสังหารเขาลงให้ได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 228 การต่อสู้ดําเนินต่อไป

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 228 การต่อสู้ดําเนินต่อไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อย่างไรก็ตาม เกิดอะไรขึ้นกับมู่เหิง? ทําไมเขาไม่ลงไปถึงแม้ว่าจะได้รับธงมาแล้ว? ทําไมเขาถึงกระโดดกลับขึ้นไป?”

ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นใจกับชะตากรรมของเกาหยางนัก หลังจากเห็นสิ่งโหดร้ายที่เขาทําไป

“ฉัวะ! ฉัวะ!”

ขณะที่ทุกคนกําลังถูกกันเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มู่เหิงได้ทําสิ่งที่น่าตกตะลึง;เขาได้ทําลายธงที่อยู่ในมือของเขา

“ซิ่ว!”

จางเลี่ยและเซียวเฉินก็ลงมือพร้อมกัน,พวกเขาแต่ละคนทําลายธงในมือ จากธงห้าผืนสุดท้าย เหลือเพียงหนึ่งต่อพวกเขาสามคน, กําลังร่องลอยอยู่อย่างช้าๆ

“พวกขเวทําอะไร? เห็นชัดว่าพวกเขาได้รับธงมาแล้ว:พวกเขาน่าจะผ่านด่านนี้ไปได้เรียบร้อย!”

“ทําไมข้ารู้สึกว่าพวกเขาตั้งใจจะเลื่อนการประลองรอบสุดท้ายเข้ามา?!”

“ข้าไม่เข้าใจการทดสอบในครั้งนี้จริงๆ มันเป็นเพียงการทดสอบรอบที่สอง,แต่มันกลับดุเดือดเข้มข้นเช่นนี้ กําลังเกิดบ้าอะไรขึ้น?”

“พวกเขาสามคนดันตัวเองเข้าสู่ทางตัน มีเพียงหนึ่งคนที่จะคว้าธงมาได้ คนที่เหลือจะถูกคัดออก”

ไม่เพียงแค่ผู้ที่ผ่านการทดสอบรอบนี้ไปแล้วที่ไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ในตอนนี้ แต่ศิษย์ชั้นในคนอื่นๆรวมถึงท่านเจ้ายอดเขาแต่ละคนก็คิดไม่ตกเช่นกันว่าทําไมพวกเขาถึงดันตัวเองเข้าสู่ด่านสุดท้าย

ผู้อาวุโสสอง,ผู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างของผู้อาวุโสหนึ่งเจียงชือบนฐานสูงร่วมกับผู้อาวุโสท่านอื่นๆ ล,หัวเราะขึ้นเบาๆ “สามคนนั้นดูเหมือนจะเข้าใจเจตนาของท่านแล้ว ข้าสงสัยว่าผู้อาวุโสหนึ่งจะชอบพอ ผู้ใดมากที่สุด?”

“ความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสามสามารถคว้าตําแหน่งหนึ่งในสอบอันดับแรกของการทดสอบศิษย์แก่นกลางที่ผ่านมาได้อย่างสบาย พวกเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมากคาดไม่ได้ว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ” สายตาของเจียงชือลึกล้ำราวกับน้ำนิ่งเป็นผลให้ไม่มีใครสามารถคาดเดาความคิดของเขาได้

ผู้อาวุโสสามที่อยู่ด้านข้างของพวกเขากล่าวขึ้น “พี่ใหญ่เจียงชือ,หากท่านเจ้ายอดเขาพวกนั้นตระหนักถึงสิ่งที่พวกเรากําลังทํา อยู่,พวกเขาจะมีปัญหาหรือไม่?”

ผู้อาวุโสหนึ่งกล่าวอย่างไร้สีหน้า “ไม่มีใครแทรกแซงสิ่งที่ข้าได้ตัดสินใจไปแล้วได้”

เมื่อผู้อาสุโสท่านอื่นได้ยินดังนั้น,หน้าอกของพวกเขาก็บีบแน่น พวกเขาปิดปากเงียบและหยุดถกกันเรื่องนี้

บนค่ายกลที่มีหอกนับไม่ถ้วน เซี่ยวเฉิน,มู่เหิง,และจางเลี่ยยืนอยู่คนละมุม,เร่งกระแสพลังของพวกเขาขึ้นมาอย่างไม่หยุดหย่อน

ฉีและโลหิตของพวกเขาแข็งแกร่งอย่างไม่มีใครเปรียบ ขณะที่กระแสพลังของพวกเขากําลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง,อากาศในลานฝึกฝนกลายเป็นเลวร้าย,ทําให้ผู้คนหายใจได้อย่างลําบาก

ธงลอยอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขา ทันใดนั้น,พลังที่ค่ำมันเอาไว้ก็สลายหายไปและมันก็ลอยลงไปที่พื้นอย่างช้าๆ สายตาของพวกเขาไม่ละไปจากธง มีแสงเรืองอยู่ในดวงตาของพวกเขา

โซว!”

ทันใดนั้น,มีสายลมรุนแรงสามสายพัดเข้ามา,กระจายไปในบรรยากาศและตบฝุ่นทรายลอยขึ้นไปในอากาศ

พวกเขาทั้งสามเริ่มลงมือเคลื่อนไหวในจังหวะเดียวกัน, พวกเขาแต่ละคนต่างใช้ออกทักษะเคลื่อนไหวของพวกเขา พวกเขาต่างหมายจะฉกเอาธงที่กําลังลอยลงมายังพื้น

“เจ็ดดาราโยกย้าย!”

“ไร้ลักษณ์ก้าววารี!”

“มังกรฟ้าฟาดหาง!”

มู่เหิงจางหายไปในอากาศอย่างแปลกประหลาด จางเลี่ยกดลงพื้นดีดตัวเบาๆด้วยเท้าของเขาและทิ้งรอยคลื่นราวกับผิวน้ำเหลือเป็นภาพติดตาหลายร่างไว้ข้างหลัง

มังกรฟ้าปรากฏตัวขึ้นล้อมรอบเซี่ยวเฉินและร้องคําราม ภาพร่างของมังกรฟาดหางปรากฏขึ้นในอากาศ

พวกเขาทั้งสามใช้ออกทักษะที่ยอดเยี่ยมที่สุดพร้อมกับลอยตรงไปยังธงที่กําลังร่วงหล่น ท้ายที่สุด,มังกรฟ้าเมฆาทะยานของเซี่ยวเฉินก็เร็วกว่า แสงสีฟ้าจับเอาธงไว้อย่างรวดเร็ว

มังกรฟ้าเมฆาทะยาน ถึงอย่างไรมันก็เป็นทักษะเคลื่อนไหวระดับสวรรค์ ถึงแม้ว่าเขาจะฝึกฝนมันไปถึงเพียงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น ก็ไม่มีนักบ่มเพาะพลังในระดับเดียวกันคนใดที่จะแซงเซี่ยวเฉินในเรื่องของความเร็วไปได้

มันแทบจะเป็นในจังหวะเดียวกัน เมื่อเซี่ยวเฉินจับเอาธงมาได้, จางเลี่ยกับมู่เหิงนั้นร่อนลงมาและยื่นแขนของพงกเขาไปที่ธง

เซี่ยวเฉินดึงกลับอย่างนุ่มนวล,และธงก็ลอยผ่านอากาศมาลงบนหลังของเซี่ยวเฉินพวกเขาทั้งสองมือคว้าไปที่ความว่างเปล่า

“เทือกเขาคดเคี้ยวร้อยวิถี!”

“ฝ่ามือเงาหุบเขานิรันดร์!”

จางเลี่ยและมู่เหิงไร้ซึ่งความลังเล,พวกเขาลงมือพร้อมกัน จางเลี่ยใช้ออกกระบวณท่าที่สามของทักษะหระบี่ยอดเขาหลิงหยุนทันใดนั้น เขาก็แสดงปรากฏการณ์ลึกลับของภูเขานับร้อยเป็นที่ตื่นตระลึงของคนอื่นๆ เปลี่ยนท้องฟ้าให้เป็นมืดมิด

อีกด้านหนึ่ง,มู่เหิงหมุนเวียนทักษะเสริมกายาหยกม่วง ร่างสีม่วงนับร้อยวูบผ่าน,ล้อมรอบตัวเขาเอาไว้ ทําให้ยากที่จะจําแนกระหว่างร่างจริงกับร่างปลอม

เซี่ยวเฉินหน้าเทา คนพวกนี้ไม่ใช้ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงทั่วไป ผู้หนึ่งได้เข้าใจถึงเจตนารมณ์แห่งกระบี่ นอกจากนั้นพรสวรรค์ของเขายังเยี่ยมยอด

อีกผู้หนึ่งเสริมสร้างร่างกายาของเขาเปลี่ยนร่างของเขาให้เป็นกระบี่ นับพลังโจมตีอย่างเดียวเขาเหนือกว่าเซี่ยวเฉิน ไม่ว่าเขาจะเดินไปทางใด เขาก็จัดได้ว่าเป็นอัจฉริยะ

“เทือกเขาคดเคี้ยวร้อยวิถี ข้าก็เรียนมาเหมือนกัน!” เซี่ยวเฉินนึกผ่านความคิดของเขาและยิ้มขึ้นบางเบา ภาพลวงตาภูเขานับร้อยปราฎขึ้นที่ด้านหลังของเขาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม,มันก็เป็นเพียงวูบเดียวก่อนที่ภาพลวงตานั้นจะผสานเข้ากับร่างกายของเขา

คมกระบี่สีขาวหิมะของกระบี่เงาจันทร์สว่างขึ้นด้วยแสงรุ่งโรจน์ นี่ไม่ใช่กระบี่แสง:มันคือปรากฏการณ์ลึกลับขอบทักษะกระบี่หลิงหยุนที่ฝังเข้าไปฝนคมกระบี่

ปราณของเซี่ยวเฉินไหลเข้าไปในคมกระบี่ในเวลาเดียวกัน อีกครู่หนึ่งต่อมา,แสงเรืองกลายเป็นรุ่งโรจน์ยอ่งขึ้น มันราวกับดวงอาทิตย์ที่ถูกย่อส่วน,เปลี่ยนท้องฟ้าที่มืดมิดให้สว่างไสวอย่างไม่น่าเชื่อ

“สลายไปซะ!” เซี่ยวเฉินตะโกน เขาฟันลงไปที่ภาพภูเขาที่ร้อยเรียงกันไปไม่มีที่สิ้นสุด เสียงสั่นสะเทือนสวรรค์เขย่าปฐพี่ดังขึ้นมาให้ได้ยินซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ภูเขาสั่นสะเทือนและทั่วทั้งลานฝึกฝนเขย่าไม่หยุด อากาศเริ่มเคลื่อนไหวพร้อมกับลมพายุหมุนหนาแน่น หอกบางเล่มบนพื้นไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไปและถูกดึงขึ้นมาจากพื้นลอยเหวี่ยงไปในอากาศ

“ปัง!” ทันทีที่หมู่ภูเขาถูกลบหายไป, จางเลี่ยปรากฏตัวขึ้นในอากาศพร้อมกับใบหน้าซีดขาว การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าลง,และแสงอาทิตย์สาดลงมาที่พื้นได้อีกครั้ง ทําให้สนามร้อนขึ้น

การเคลื่อนไหวของเซียวเฉินยังไม่ได้หยุดลง หลังจากที่เขาผลักจางเลี่ยลอยกลับไป เขารีบกลับตัวและเปลี่ยนจากกระบี่เงาจันทร์มาอยู่มือซ้ายของเขา เขาหมุนเวียนทักษะสลักร่างพยัคฆ์มังกรและกระดูกในร่างของเขาส่งเสียง “เปรี้ยะ เปรี้ยะ” ออกมาไม่หยุด

มัดกล้ามบนร่างกายของเซียวเฉินขยายขนาดขึ้น ภาพร่างพยัคฆ์ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา มันยกกระแสพลังของเขาขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง

“พยัคฆ์ร้ายทะลวงภูผา!”

ร้อยร่างภาพรอบตัวของมู่เหิงผสานกลับเมื่อพวกมันเข้ามาใกล้เซี่ยวเฉิน กระแสพลังของเขาก็ถูกเร่งขึ้นถึงขีดสุดเช่นกัน เมื่อเผชิญหน้ากับกระแสพลังของราชันสัตว์นับร้อย มันไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน

“ระเบิดไปซะ!” มู่เหิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ฝ่ามือหยกสีม่วงที่แบกพลังผสานร่างนับร้อยและเข้าปะทะกับหมัดของเซี่ยวเฉินอย่างไร้ซึ่งความลังเล

“บูม!”

เมื่อฝ่ามือและกําปั้นเข้าปะทะกัน,มันราวกับสายฟ้าสวรรค์ที่ลั่นเสียงออกมาท่ามกลางลานฝึกฝนอันเงียบสงัด,ดังกึกก้องไปในหูของฝูงชน มันทําให้แก้วหูของพวกเขาสั่นสะเทือน ผู้บ่มเพาะพลังที่อ่อนแอหน่อยถึงกับหูดับไปชั่วคราว

คลื่นกระแทกระเบิดออกมาอย่างรุนแรง,เคลื่อนไปรอบทั่วทิศทาง หอกที่ถูกส่งลอยขึ้นไปแตกสลายหายไปกับสายลม

พวกเขาทั้งสองถอยกลับพวกเขาเคลื่อนถอยกลับไปหลายร้อยเมตรในทันที เซียวเฉินตัลังกากลางอากาศและลงจอดบนปลายหอกอย่างนิ่มนวล จากนั้นเขาค่อยๆจับไปที่ธงที่เขากําลังปกป้องบนหลังของเขา

ในอีกด้านหนึ่ง,มู่เหิงไม่ได้สบายเหมือนกับเซียวเฉิน ทุกก้าวที่เขาลง,ปลายหอกจะระเบิด เขาสามารถหยุดตั้งตัวได้หลังจากทําลายหอกไปนับร้อยเล่ม

หนึ่งหมัดหนึ่งฝ่ามือ… พวกเขาทั้งสองพึ่งพากําลังกายทั้งหมดในร่างของเขา พวกเขาเสมอกัน

แม้ว่ามันจะใช้เวลานานในการบรรยายออกมา แต่มันเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนกระบวณท่าเดียวระหว่างเซี่ยวเฉินกับพวกเขาใช้เวลาเพียงสองสามอึดใจเท่านั้น

พวกเขาทั้งสามยืนอยู่คนละมุม,ควบคุมพลังงานของพวกเขา พวกเขาไม่เร่งรีบที่จะลงมือ สถานการณ์ที่ดุเดือดบนค่ายกลหอกสงบลงขึ้นมาทันตา อย่างไรก็ตาม,ทุกคนล้วนรู้ว่านี่เป็นแค่ลมสงบก่อนพายุ

“ฮ่ะ!”

ตามนั้น หลังจากนั้นเอง,จางเลี่ยและมู่เหิงทั้งคู่ตะโกนขึ้นและพุ่งเข้าใส่เซียวเฉิน ตอนนี้,พวกเขาทั้งคู่รู้แล้วว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาเทียบกับเซียวเฉินไม่ได้เพวกเขาทําได้เพียงร่วมมือกันกันล้มเซียวเฉิน

ทุกคู่ต่อสูที่เขาเคยพบมาไม่อ่อนเกินก็แข็งแกร่งเกินไป ตอนนี้เขาได้พบกับคู่ต่อสู้สองคนที่ความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับเขา เขาจะสนุกไปกับมันและต่อสู้จนกว่าจะพอใจ

เซี่ยวเฉินใช้กระบี่ของเขารับการโจมตีของจางเลี่ยและมือซ้ายของเซี่ยวเฉินจัดการกับฝ่ามือวายุที่ส่งมาโดยมู่เหิง

ร่างของพวกเขาทั้งวามโยกย้ายไปบนค่ายกลหอกอย่างต่อเนื่อง มีเสียงพยัคฆ์คําราม,สายลมกระบี่ และฝ่ามือวายุดังขึ้นมาไม่ขาดสาย

ผ่านไปครู่หนึ่ง,พวกเขาทั้งสามก็แลกเปลี่ยนกันไปกว่าร้อยกระบวณท่า ทุกที่ที่พวกเขาผ่าน,ปลายหอกแตกสลายและสายลมแรง วูบไหว เติมเต็มอากาศไปด้วยฝุ่นทราย

ในไม่ช้า,ภายใต้การโหมโจมตีจากพวกเขาทั้งสอง,เซี่ยวเฉินก็รับไปมากกว่าห้าร้อยกระบวณทรา อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เสียเปรียบ กลับกัน ยิ่งเขาประมือมากขึ้นเท่าไหร,กระแสพลังของเขายิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

ฝูงชนบนที่นั่งคนดูมองเห็นภาพเงาเรือนร่างทั้งสามผ่านม่านสีเหลืองที่เติมเต็มไปในอากาศและได้ยินเสียงหมัดเท้ากับอาวุธปะทะกัน มันช่างเป็นศึกที่ตระการตา,แต่ถูกคั่นเอาไว้ด้วยม่านทราย พวกเขาทําได้เพียงรู้สึกโชคร้ายในใจด้วยความเสียดาย

“เย่เฉินแข็งแกร่งอย่างแท้จริง แม้ว่าจะถูกสองคนเข้าลุม,เขายังไม่ได้เสียเปรียบแต่อย่างใด สมกับชื่อเสียงเยู่เฉินแห่งยอดเขาฉิงห ยุน”

“จางเลี่ยกับมู่เมิงก็ไม่เลวเช่นกัน ระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้นทั่วไปไม่ใช่คู่มือของพวกเขา”

“จะไปเลวได้เช่นไร? ไม่ต้องพูดถึงชื่อจางเลี่ย:ยอดเขาเทียนเยว่ได้นับเขาอยู่ในสิบอันดับศิษย์แก่นกลางที่แข็งแกร่งที่สุดของยอดเขาเทียนเยว่ไปเรียบร้อยแล้ว”

“สําหรับมู่เหิง,ข้าได้ยินมาจากคนของยอดเขาเปยเฉินว่าเขานั้นคือบุตรชายของท่านเจ้ายอดเขา เขาได้เก็บตัวฝึกฝนอยู่ที่ด้านหลังหุบเขา,เปลี่ยนร่างกายของเขาให้เป็นกระบี่และใช้ความแข็งแกร่งกายยภาพของเขา ทุกครั้งที่ระดับการบ่มเพาะพลังของเขาเพิ่มขึ้น,ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน”

“ข้าสงสัยว่าเย่เฉินจะอดทนต่อไปได้นานเท่าไหร ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถทนต่อไปได้เรื่อยๆ หลังจากห้าร้อยกระบวณท่า”

“แน่นอน ถึงอย่างไร มันก็เป็นหนึ่งต่อสอง ปราณในร่างของเขาจะเหือดแห้งเร็วกว่าอีกสองคนที่เหลือ ยิ่งยื้อไปนานเท่าไหร ก็จะยิ่งเห็นได้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม,ที่เขาอดทนมาได้นานขนาดนี้ ความแข็งแกร่งของเขาก็เป็นที่น่าหวาดกลัวแล้ว”

ในขณะที่คนบนค่ายกลหอกกําลังประมือกัน,คนบนที่นั่งคนดูก็กําลังยุ่งอยู่กับการถกเถียงแสดงความคิดเห็นของพวกเขา หลังจาศึกนี้ถึงแม้เซี่ยวเฉินจะแพ้,ข่าวรือของเขาก็ยังไกลออกไป

ขณะที่พูดคุยกันไป “สามัญมองดูความตื่นเต้นผู้เชี่ยวชาญมองดูทักษะ” ท่านเจ้ายอดเขาสองสามคนบนฐานสูงตื่นตะลึงกับเซี่ยวเฉิน;พวกเขาหวาดหวั่นถึงพลังของเซี่ยวเฉิน

“กระแสพลังที่เขาดึงออกมาในการต่อสู้และผสมผสานระหว่างทักษะหมัดกับทักษะกระบี่,ประสานเข้ากันอย่างสมดุลสมบูรณ์แบบ เจ้าเด็กนี้ช่างน่ากลัว” ท่านเจ้ายอดเขากางอถอนหายใจ

ฉ่เซียนอวิน, ท่านเจ้ายอดเขาสตรีหยก เต็มไปด้วยความปั่นชม “ร่างกายของเขาเทียบเท่าได้กับมู่เหิงและทักษะกระบี่ของเขาสามารถกดจางเลี่ยเอาไว้ พลังปราณของเขาก็ดูเหมือนจะไม่มีวันล้า ข้าสงสัยว่าเขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงใดเมื่อเขากลายเป็นระดับขอบเขตนักบุญ”

แม้แต่ท่านเจ้ายอดเขาซื้อวิ่น,ซ่งเฉว,ที่ดูแคลนอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้ เขายิ่งเงียบ ตอนที่เขาเห็นถึงคงามแข็งแกร่งที่แท้จริงของเซี่ยวเฉิน,เขาครุ่นคิดกับตัวเองอย่างกังวล,ศักยภาพของเขาจะน่ากลัวเกินไปแล้ว หากข้าปล่อยให้เขาเติบโตขึ้นไปอีก เขาจะน่ากลัวถึงเพียงใด?

จากนั้น,ผลลัพธ์มันไม่อาจจินตนาการได้ ข้าจําเป็นต้องหาโอกาสสังหารเขาลงให้ได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+