Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 381 กลายเป็นเลวทราม
ตอนที่ 381 กลายเป็นเลวทราม
เซี่ยวเฉินคิ้วขมวดเล็กน้อยและรีบไปสังเกตการณ์อย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้น
ในตอนที่เซียวเฉินไปถึงต้นตอของเสียง,เขาซ่อนตัวหลบอยู่ที่มุม จากนั้น,เขายื่นหัวออกไป มองดูเขามองเห็นผู้บ่มเพาะพลังรุ่นเยาว์สองคนกําลังยืนอยู่ที่ประตู
หนึ่งในพวกเขาหัวไหล่ถูกกระบี่ใหญ่เนื้อน เปลวไฟยังคงลุกไหม้อยู่บนบาดแผล;สีหน้าของเขาเจ็บปวด
“หลิวเมิง! ไม่ใช่ว่าเจ้าทําข้อตกลงสุภาพชนไปแล้วเมื่อก่อนหน้านี้? เจ้ากล่าวไว้ว่าจะไม่ใช้การลอบโจมตี?” คนที่บาดเจ็บถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ขณะที่เขามีสีหน้าเจ็บปวด
กลายเป็นว่าเซี่ยวเฉินเคยพบพวกเขาทั้งสองมาก่อน พวกเขาเป็นผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นที่จนอุจรวบรวมมาที่โรงเตี้ยมแห่งนั้น
อย่างไรก็ตาม,เซียวเฉินมีความประทับใจหนึ่งในพวกเขา นั้นคือหลิวเมิง,ผู้ที่ประมือกับเยว่เฉินซี เขาไม่อาจจําชื่อของอีกคนหนึ่งได้
หลิวเมิงหัวเราะ “เจ้าโง่หรือไร? เจ้าเชื่อในการแสดงปาที่นั้นจริงๆ? มีหินวิญญาณระดับกลาง ทั้งหมดหกพันก้อนในกล่องสมบัติสามใบนี้ ไม่มีความจําเป็นที่จะต้องแบ่งพวกมันกับเจ้า นอกจากนั้น จะไม่มีใครรู้ว่าข้าเป็นคนสังหารเจ้า ไปเกิดใหม่เป็นเพียงคนสามัญเสียในชีวิตหน้า”
“ฟุ ฟิว!”
หลังจากหลิวเมิงกล่าวจบ,เขาเพียงใช้กระบี่ของเขาปลิดชีพของอีกฝ่าย หลิวเมิงเผยรอยยิ้มโลภกระหายและปลดเอาแหวนมิติของอีกฝ่าย
หลังจากหลิวเมิงตรวจสอบแหวนมิติวงนั้น,เขาถอนหายใจ “เจ้าหมอนี้ไม่มีสมบัติลับแม้แต่ชิ้นเดียว ดูเหมือนโชคก็ยังเป็นสิ่งสําคัญหากข้าอยากจะได้สมบัติลับสักชิ้น แต่ก็ยังมีเม็ดยาระดับ 7 อยู่ ข้าจะไปที่ห้องโถงหลักเพื่อเสี่ยงโชคของข้าด”
หลังจากหลิวเมิงกล่าวจบ,เขาเมินเฉยศพตรงหน้าที่เคยเป็นหนึ่งในสหายของเขาทิ้งเอาไว้บนพื้นและมุ่งหน้าไปที่ห้องโถงหลัก
เซี่ยวเฉินปรากฏตัวออกมาจากเงามืดและมองไปที่ศพ ความขมขื่นวูบไหวในดวงตาของเขา ปลาใหญ่กินปลาเล็ก:จิตใจมนุษย์ไม่อาจหยั่งถึง คนผู้นี้ได้เรียนรู้โดยแลกด้วยชีวิตของเขา
เซี่ยวเฉินจําได้ว่าหลิวเมิงเป็นคนแรกที่ทําข้อตกลงสุภาพชน ในตอนที่เซี่ยวเฉินไม่ยินดี ยอมรับข้อตกลง,บุคคลที่กองอยู่กับพื้นตรงนี้คือคนแรกที่เยาะเย้ยใส่เขา
ฉากภาพตรงหน้าทําให้เซี่ยวเฉินเพิ่มการป้องกันให้สูงขึ้นไปอีก เขารีบมุ่งหน้าไปที่ห้องโถงหลักโดยไม่ปล่อยมือขวาออกจากด้ามหระบี่ของเขา
จากที่สัมผัสวิญญาณของเขาตรวจจับได้ในตอนแรกที่เขามาถึง,สิ่งปลูกสร้างในราชวังหลักแห่งนี้จัดเรียงกันเป็นวงกลม นอกจากนั้น ยิ่งเข้าไปลึก,วงกลมก็ยิ่งเล็กลง
ในตอนที่เขามาถึงชั้นที่สิบห้า, มีห้องสมบัติเพียงเจ็ดห้องเท่านั้น มันค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว ใครก็ต้องรู้ว่าที่ชั้นนอกประกอบไปด้วยห้องหลายร้อยห้อง
ที่ศูนย์กลางของราชวังหลักเป็นโถงขนาดใหญ่ ตรงนี้เป็นใจกลางของราชวัง มันยังเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่ที่สุดภายในราชวัง
สิ่งปลูกสร้างอาคารทั้งหมดในราชวังหลักจัดเรียงด้วยรูปแบบลึกลับ โถงหลักเป็นใจกลางของรูปแบบนี้
ราชวังแห่งนี้น่าจะมีความพิเศษมากกว่าที่เหลือ ของที่ดีที่สุดดูเหมือนจะถูกเก็บเอาไว้ตรงนี้
เซี่ยวเฉินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและมาถึงหนึ่งในเก้าทางเข้าสู่โถงหลักจากชันที่สิบห้า หลังจากที่เขาได้ยินเสียงสะท้อนดังก้องมาจากข้างหน้า,เขาก็เตรียมพร้อมที่จะเข้าไป
ในตอนที่เซียวเฉินเปิดผระตูและเดินเข้าไป,เขารู้สึกหน้ามืด เขาฟื้นคืนสติกลับมาหลังจากผ่านไปสองสามอึดใจ
โถงหลักแห่งนี้ก่อเกิดเป็นเขตแดนย่อย มันต่างจากอาคารดั้งเดิมของมันไปโดยสิ้นเชิง มันมีความพิเศษของตัวเอง มันมีแม้กระทั่งหมู่เมฆ;อากาศสดชื่นเป็นอย่างยิ่ง
มิติแห่งนี้กว้างกว่าที่เซียวเฉินคาดการณ์เอาไว้ มันไม่อยากจะเชื่อว่าพื้นทํามาจากดินแข็ง
ไกลออกไปมีสวนขนาดใหญ่:ถ้าให้เจาะจงยิ่งกว่านี้ มันคือสวนสมุนไพร มันเป็นสวนสมุนไพรขนาดใหญ่กว้างขวาง
แม้ว่าจะอยู่ไกลออกมา,เซียวเฉินก็สามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมของสมุนไพรอบอวลในจมูกของเขา กลิ่นของมันรุนแรงยิ่งกว่าสวนสมุนไพรที่เขาได้พบในโลกใต้ดิน
จากมุมของเซียวเฉิน,เขาสามารถมองเห็นสวนสมุนไพรแห่งนั้นเพียงยอดภูเขาน้ําแข็ง อย่างไรก็ตาม,สมุนไพรวิญญาณทุกต้นที่อยู่ที่นี่ล้วนมีอายุอย่างน้อยหนึ่งร้อยปี
ในอีกมุมหนึ่ง,เซี่ยวเฉินสามารถมองเห็นแม่แต่สมุนไพรวิญญาณล้ําค่าและหายากมากมาย พวกมันเรียกได้ว่าเป็นสมบัติทางธรรมชาติ,สมุนไพรวิญญาณคุณภาพชั้นยอดสุด
แม้แต่สมุนไพรวิญญาณระดับต่ําก็จะเพิ่มค่าได้อย่างมหาศาลหากพวกมันสามารถอยู่รอดมาได้หนึ่งร้อยปี มีสมบัติมากมายเติมเต็มในสวนแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม มีผู้บ่มเพาะพลังหลายร้อยคนมารวมตัวกันอยู่ที่ทางเข้าของสวนสมุนไพร
ผู้บ่มเพาะพลังทุกคนจับจ้องไปที่สวนสมบัติธรรมชาติแหวนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครยินดีที่จะก้าวเข้าไปเป็นคนแรก
“บุปผาเงินทองอายุห้าร้อยปี,มันสามารถเร่งทักษะบ่มเพาะพลังธาตุไฟได้ราวกับฝึกฝนนับสิบปี นับเป็นของดีทีเดียว”
“หญ้าผลึกน้ําแข็งอายุสามร้อยปี,มันเป็นส่วนผสมในการสกัดเม็ดยาไอเย็น ไม่เพียงแต่จะมีจํานวนมากมาย แต่พวกมันยังมีอายุมากถึงขนาดนี้”
“ดูเหมือนข้าจะเห็นโสมอายุพันปี นี่เป็นของบํารุงโลหิตและฉีชั้นดี มันสามารถมีอายุได้เพียงหนึ่งพันปีเท่านั้น หากไม่รีบเก็บเกี่ยว,มันจะกลายเป็นไร้ค่า ช่างน่าเสียดาย
เสียงถอนหายใจดังขึ้นจากฝูงชน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครยินดีที่จะก้าวเข้าไปเป็นคนแรก พวกเขาเพียงรออยู่ที่ด้านนอกของสวนสมุนไพร
เห็นชัดว่าพวกเขาได้มาถึงตรงหน้าภูเขาสมบัติ,แต่พวกเขาได้แต่รอ ในตอนที่ทุกอย่างดูปกติ,มันจะต้องมีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล
แม้ว่าจะมีสัตว์อสูรปีศาจหรือสัตว์ประหลาดกําลังเฝ้าสวนแห่งนี้อยู่, แต่พวกเขาก็มีคนนับร้อยอยู่ตรงนี้ พวกเขาส่วนใหญ่อยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูง,และยังมีอีกไม่น้อยที่อยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุด
ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เป็นผู้บ่มเพาะพลังรุ่นเยาว์ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่เพียงระดับขอบเขตกษัตริย์ ขั้นต้น แต่พวกเขาทั้งหมดสําเร็จถึงสภาวะ พวกเขาไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าระดับขอบเขตกษัตริย์ขั้นสูง
เมื่อพลังแข็งแกร่งมารวมตัวกัน,แม้แต่สัตว์อสูรปีศาจระดับ 7 ก็ล้มลงอย่างง่ายดาย
พวกเขาสามารถรับมือได้เว้นเสียแต่ว่าจะมีสัตว์อสูรปีศาจระดับ 8 เป็นหลักการเดียวกับหยดน้ํา รวมกลายเป็นสายธารที่สามารถทะลวงผ่านเนินดินแต่มิใช่กับขุนเขา
เซียวเฉินไม่ได้เร่งรีบ กลับกัน,เขาตรวจสอบคนสามร้อยคนที่อยู่รอบสวนสมุนไพรเป็นอันดับแรก
สําหรับคนสามร้อยคนที่เข้ามาถึงที่นี่ได้,ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่อาจดูแคลน นอกจากผู้บ่มเพาะพลังเล็กน้อยที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง,คนที่เหลือรวมกลุ่มกันมาสี่หรือห้าคน
ขณะที่เซียวเฉินมองผ่านฝูงชน,เขาสังเกตเห็นมือกระบโลหิต เขาได้รวมกลุ่มกับคนห้าหกคนที่ความแข็งแกร่งทัดเทียมกับเขา
ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา,พวกเขายืนอยู่แถวหน้าของฝูงชน;ไม่มีใครกล้ายืนล่าหน้าของพวกเขาไป
คนเหล่านี้คือผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงมานานแล้ว เซี่ยวเฉินให้ความสนใจกับพวกเขา หากเขาเข้าไปในสวนสมุนไพร, มันจะยากที่จะมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการกระทบกระทั่งกับคนเหล่านี้
ยังมีอีกหนึ่งคนที่เซี่ยวเฉินให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ นั้นคือชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าที่เขาเจอเมื่อก่อนหน้านี้ คนผู้นี้แต่งกายชุดสีดําขณะที่ยืนท่ามกลางฝูงชน
คนที่อยู่รอบข้างเว้นระยะห่างออกมาจากเขา;เห็นชัดว่าพวกเขาเกรงกลัว
หากมือกระบี่โลหิตยังไม่มาถึงที่นี่,เซี่ยวเฉันอาจจะจัดการกับคนผู้นี้ไปก่อนแล้ว
ที่มุมหนึ่งของฝูงชน,เซี่ยวเฉินยังพบกับเยว่เฉินซี นางยืนอยู่ด้านข้างกับจินอ
ผู้บ่มเพาะพลังรุ่นเยาว์จํานวนหนึ่งรวมตัวอยู่ด้านข้างของพวกเขาเช่นกัน พวกเขาส่วนใหญ่เป็นผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นที่เข้าร่วมการประชุมในโรงเตี้ยม เซียวเฉินพบหลิวเมิงอยู่ในหมู่พวกเขา
เซี่ยวเฉินนับคราวๆได้ประมาณยี่สิบหรือสามสิบคน นับจากความแข็งแกร่ง,กลุ่มนี้น่าจะแข็งแกร่งที่สุด
เซียวเฉินสังเกตการณ์อย่างละเอียด,จับตามองคนบางคนเอาไว้ เขาครุ่นคิดถึงวิธีรับมือกับพวกเขาหากมีความขัดแย้งเกิดขึ้น
“ทําไมฝูงชนยังมัวอ้อยอิ่งอยู่ที่นี่,ทําอะไรกันอยู่? หลีกไป! ให้ผู้เฒ่าคนนี้เดินผ่าน”
ทันมดนั้น มีชายตัวใหญ่ปรากฏตัวขึ้นในทางเข้าอีกแห่งหนึ่งของโถงหลัก เขาตัวล่าและสูงประมาณสองเมตร เขาดูราวกับผูเขาลูกเล็กๆ
มีขวานขนาดใหญ่อยู่บนหลังของคนผู้นั้น เขามีใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมและคิ้วดกหนา เขามีหนวดรกรุงรังและมองดูหยาบกร้าน
“นั้นป่ายหลี่ซี,ยอดฝีมือผู้โด่งดังแห่งดินแดนรกร้างโบราณ และบ่มเพาะร่างกายของเขาและมีความแข็งแกร่งที่น่าประทับใจ เขาแข็งแหลกร่งทัดเทียมกับมือกระบี่โลหิต,ซุนกวงฉวน เขามาอยู่ที่นี่เช่นกัน” มีคนจ่าชายร่างใหญ่ผู้นี้ได้
“บูมบูมบูม!”
ทุกย่างก้าวของป่ายหลี่ซี, พื้นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตของเขา เขาทําให้ผู้คนด้านหน้าดูตัวเล็กลง
ฝูงชนหลีกทางให้กับป่ายหลี่ซี เขาหัวเราะขึ้นเมื่อเขามองเห็นมือกระบโลหิต
ป่ายหลี่ซีนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มและกล่าวขึ้น “ตาแก่ซุน,เจ้าก็มาเข้าร่วมด้วยเช่นกัน ฮ่า ฮ่า,ได้พบกับสหายเก่าหลายคนเลยที่นี่ ให้ข้าดูก่อนว่าอะไรที่ทําให้พวกเจ้าทั้งหมดไม่กล้าไปต่อ”
ในตอนที่ป่ายหลี่ซีมาถึงแถวหน้าของฝูงชน และมองเห็นฉากด้านหน้าทางเข้า,ท่าทางเสียงดังของเขาเมื่อก่อนหน้านี้กลายเป็นเงียบสงบ
หลังจากผ่านไปนาน,เขาส่ายหัวอย่างขมขึ้นและกล่าว “น่าตกใจ,มีเจ้าสิ่งนี้เฝ้าทางเข้าเอาไว้ ไม่สงสัยว่าทําไมพวกเจ้าถึงไม่กล้าไปต่อ”
เซี่ยวเฉินเกิดความสงสัย เขาแหวก่านฝูงชน,ค่อยๆขึ้นไปถึงด้านหน้า ผ่านไปครู่หนึ่ง,เขามองเห็นสถานการณ์ที่ทางเข้าของสวนสมุนไพร
เซี่ยวเฉันอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึก เขาเข้าใจแล้วว่าทําไมคนเหล่านี้ถึงเอาแต่สวนสมุนไพรและไม่อาจทําอะไรได้
ที่หน้าทางเข้าไกลออกไป มีซากศพมากมายที่ดูไม่เมหือนรูปร่างมนุษย์อีกต่อไป พวกเขาดูน่าอดสูและนองไปด้วยเลือด
ด้านหลังซากศพ,ถึงปีศาจที่ขนาดเท่ากับภูเขาลูกเล็กขวางทางเข้าของสวนสมุนไพรเอาไว้ งูปีศาจตนนี้มีเจ็ดหัวและสี่ขา เกล็ดสีดําหนาแน่นราวกับเกราะ,ปกคลุมร่างกายของมัน
หัวงูแต่ละหัวมมงกุฎสีดํา บางครั้งเจ้างูจะเปิดปากแล่บสะบัดลิ้นออกมา
นี่เป็นงเจ็ดเศียรที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับสัตว์อสูรปีศาจระดับ 8 งูปีศาจตนนี้ได้วิวัฒนาการขึ้น
แต่ละหัวของงูเจ็ดเศียรเป็นตัวแทนของหนึ่งธาตุ ตัวมันสามารถเติบโตได้ถึงเก้าหัว เมื่อถึงตอนนั้น,มันจะกลายเป็นสัตว์อสูรปีศาจระดับ 9
นอกจากนั้น, มันยังเป็นราชาแห่งสัตว์อสูรปีศาจระดับ 9,ไม่ใช่เพียงสัตว์อสูรปีศาจระดับ 9 ทั่วไป ความแข็งแกร่งของมันไร้เทียมทานในระดับเดียวกัน
แม้ว่างปีศาจตนนี้จะมีเพียงเจ็ดหัว,มันก็ยังคงเป็นราชาแห่งสัตว์อสูรปีศาจระดับ 7 มันไม่อ่อนด้อยไปกว่าสัตว์อสูรปีศาจระดับ 8
ตามจริง,คนกลุ่มนี้ยังคงสามารถจัดการกับสัตว์อสูรปีศาจตนนี้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ใครที่เริ่มลงมือเป็นคนแรกจะเสียเปรียบหนัก
ในตอนที่พวกเขาเข้าไปในสวนสมุนไพรได้,พวกเขาจะเสียเปรียบในการต่อสู้แย่งชิงสมุนไพรวิญญาณ
ไม่มีใครโง่พอที่จะแหย่เท้าเข้าไปก่อน ดังนั้น มันเป็นผลให้สถานการณ์ในตอนนี้คือไม่มีใครยอมขยับไปไหน
เซียวเฉินมองตรงไปยังพื้นที่อื่นของสวนสมุนไพร เขาพบม่านพลังบางเบาล้อมรอบสวนแห่งนี้เอาไว้ นี่จะต้องเป็นม่านพลังที่ขอบเขตปราชญ์ย่อมสร้างขึ้นมา ดูเหมือนว่าจะมีเส้นทางเดียวที่จะเข้าสู่สวนแห่งนี้
“พวกเราไม่อาจปล่อยให้มันยืดเยื้อต่อไปเช่นนี้ ทุกคนลงมือพร้อมกันเป็นเช่นไร? งเจ็ดเศียรตนนี้ยังไม่เติบโตเต็มที่พวกเราสามารถจัดการกับมันได้” ขอบเขตกษัตริย์ยุทธคนหนึ่งในฝูงชนแนะขึ้น
มีคนหัวเราะขึ้นอย่างเย็นชาและกล่าว “ดีเอาเป็นเจ้าเข้าไปก่อนเป็นเช่นไร?”
ผู้ที่แนะขึ้นมากลายเป็นใบ้ แม้เขาจะกล่าวว่าพวกเขาสามารถจัดการกับมันได้ แต่เขาจะเอาความกล้าจากไหนมาสู้กับมัน? มีกองซากศพมากมายลลบนพื้นเป็นตัวอย่างที่ดี
Comments
Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 381 กลายเป็นเลวทราม
ตอนที่ 381 กลายเป็นเลวทราม
เซี่ยวเฉินคิ้วขมวดเล็กน้อยและรีบไปสังเกตการณ์อย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้น
ในตอนที่เซียวเฉินไปถึงต้นตอของเสียง,เขาซ่อนตัวหลบอยู่ที่มุม จากนั้น,เขายื่นหัวออกไป มองดูเขามองเห็นผู้บ่มเพาะพลังรุ่นเยาว์สองคนกําลังยืนอยู่ที่ประตู
หนึ่งในพวกเขาหัวไหล่ถูกกระบี่ใหญ่เนื้อน เปลวไฟยังคงลุกไหม้อยู่บนบาดแผล;สีหน้าของเขาเจ็บปวด
“หลิวเมิง! ไม่ใช่ว่าเจ้าทําข้อตกลงสุภาพชนไปแล้วเมื่อก่อนหน้านี้? เจ้ากล่าวไว้ว่าจะไม่ใช้การลอบโจมตี?” คนที่บาดเจ็บถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ขณะที่เขามีสีหน้าเจ็บปวด
กลายเป็นว่าเซี่ยวเฉินเคยพบพวกเขาทั้งสองมาก่อน พวกเขาเป็นผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นที่จนอุจรวบรวมมาที่โรงเตี้ยมแห่งนั้น
อย่างไรก็ตาม,เซียวเฉินมีความประทับใจหนึ่งในพวกเขา นั้นคือหลิวเมิง,ผู้ที่ประมือกับเยว่เฉินซี เขาไม่อาจจําชื่อของอีกคนหนึ่งได้
หลิวเมิงหัวเราะ “เจ้าโง่หรือไร? เจ้าเชื่อในการแสดงปาที่นั้นจริงๆ? มีหินวิญญาณระดับกลาง ทั้งหมดหกพันก้อนในกล่องสมบัติสามใบนี้ ไม่มีความจําเป็นที่จะต้องแบ่งพวกมันกับเจ้า นอกจากนั้น จะไม่มีใครรู้ว่าข้าเป็นคนสังหารเจ้า ไปเกิดใหม่เป็นเพียงคนสามัญเสียในชีวิตหน้า”
“ฟุ ฟิว!”
หลังจากหลิวเมิงกล่าวจบ,เขาเพียงใช้กระบี่ของเขาปลิดชีพของอีกฝ่าย หลิวเมิงเผยรอยยิ้มโลภกระหายและปลดเอาแหวนมิติของอีกฝ่าย
หลังจากหลิวเมิงตรวจสอบแหวนมิติวงนั้น,เขาถอนหายใจ “เจ้าหมอนี้ไม่มีสมบัติลับแม้แต่ชิ้นเดียว ดูเหมือนโชคก็ยังเป็นสิ่งสําคัญหากข้าอยากจะได้สมบัติลับสักชิ้น แต่ก็ยังมีเม็ดยาระดับ 7 อยู่ ข้าจะไปที่ห้องโถงหลักเพื่อเสี่ยงโชคของข้าด”
หลังจากหลิวเมิงกล่าวจบ,เขาเมินเฉยศพตรงหน้าที่เคยเป็นหนึ่งในสหายของเขาทิ้งเอาไว้บนพื้นและมุ่งหน้าไปที่ห้องโถงหลัก
เซี่ยวเฉินปรากฏตัวออกมาจากเงามืดและมองไปที่ศพ ความขมขื่นวูบไหวในดวงตาของเขา ปลาใหญ่กินปลาเล็ก:จิตใจมนุษย์ไม่อาจหยั่งถึง คนผู้นี้ได้เรียนรู้โดยแลกด้วยชีวิตของเขา
เซี่ยวเฉินจําได้ว่าหลิวเมิงเป็นคนแรกที่ทําข้อตกลงสุภาพชน ในตอนที่เซี่ยวเฉินไม่ยินดี ยอมรับข้อตกลง,บุคคลที่กองอยู่กับพื้นตรงนี้คือคนแรกที่เยาะเย้ยใส่เขา
ฉากภาพตรงหน้าทําให้เซี่ยวเฉินเพิ่มการป้องกันให้สูงขึ้นไปอีก เขารีบมุ่งหน้าไปที่ห้องโถงหลักโดยไม่ปล่อยมือขวาออกจากด้ามหระบี่ของเขา
จากที่สัมผัสวิญญาณของเขาตรวจจับได้ในตอนแรกที่เขามาถึง,สิ่งปลูกสร้างในราชวังหลักแห่งนี้จัดเรียงกันเป็นวงกลม นอกจากนั้น ยิ่งเข้าไปลึก,วงกลมก็ยิ่งเล็กลง
ในตอนที่เขามาถึงชั้นที่สิบห้า, มีห้องสมบัติเพียงเจ็ดห้องเท่านั้น มันค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว ใครก็ต้องรู้ว่าที่ชั้นนอกประกอบไปด้วยห้องหลายร้อยห้อง
ที่ศูนย์กลางของราชวังหลักเป็นโถงขนาดใหญ่ ตรงนี้เป็นใจกลางของราชวัง มันยังเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่ที่สุดภายในราชวัง
สิ่งปลูกสร้างอาคารทั้งหมดในราชวังหลักจัดเรียงด้วยรูปแบบลึกลับ โถงหลักเป็นใจกลางของรูปแบบนี้
ราชวังแห่งนี้น่าจะมีความพิเศษมากกว่าที่เหลือ ของที่ดีที่สุดดูเหมือนจะถูกเก็บเอาไว้ตรงนี้
เซี่ยวเฉินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและมาถึงหนึ่งในเก้าทางเข้าสู่โถงหลักจากชันที่สิบห้า หลังจากที่เขาได้ยินเสียงสะท้อนดังก้องมาจากข้างหน้า,เขาก็เตรียมพร้อมที่จะเข้าไป
ในตอนที่เซียวเฉินเปิดผระตูและเดินเข้าไป,เขารู้สึกหน้ามืด เขาฟื้นคืนสติกลับมาหลังจากผ่านไปสองสามอึดใจ
โถงหลักแห่งนี้ก่อเกิดเป็นเขตแดนย่อย มันต่างจากอาคารดั้งเดิมของมันไปโดยสิ้นเชิง มันมีความพิเศษของตัวเอง มันมีแม้กระทั่งหมู่เมฆ;อากาศสดชื่นเป็นอย่างยิ่ง
มิติแห่งนี้กว้างกว่าที่เซียวเฉินคาดการณ์เอาไว้ มันไม่อยากจะเชื่อว่าพื้นทํามาจากดินแข็ง
ไกลออกไปมีสวนขนาดใหญ่:ถ้าให้เจาะจงยิ่งกว่านี้ มันคือสวนสมุนไพร มันเป็นสวนสมุนไพรขนาดใหญ่กว้างขวาง
แม้ว่าจะอยู่ไกลออกมา,เซียวเฉินก็สามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมของสมุนไพรอบอวลในจมูกของเขา กลิ่นของมันรุนแรงยิ่งกว่าสวนสมุนไพรที่เขาได้พบในโลกใต้ดิน
จากมุมของเซียวเฉิน,เขาสามารถมองเห็นสวนสมุนไพรแห่งนั้นเพียงยอดภูเขาน้ําแข็ง อย่างไรก็ตาม,สมุนไพรวิญญาณทุกต้นที่อยู่ที่นี่ล้วนมีอายุอย่างน้อยหนึ่งร้อยปี
ในอีกมุมหนึ่ง,เซี่ยวเฉินสามารถมองเห็นแม่แต่สมุนไพรวิญญาณล้ําค่าและหายากมากมาย พวกมันเรียกได้ว่าเป็นสมบัติทางธรรมชาติ,สมุนไพรวิญญาณคุณภาพชั้นยอดสุด
แม้แต่สมุนไพรวิญญาณระดับต่ําก็จะเพิ่มค่าได้อย่างมหาศาลหากพวกมันสามารถอยู่รอดมาได้หนึ่งร้อยปี มีสมบัติมากมายเติมเต็มในสวนแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม มีผู้บ่มเพาะพลังหลายร้อยคนมารวมตัวกันอยู่ที่ทางเข้าของสวนสมุนไพร
ผู้บ่มเพาะพลังทุกคนจับจ้องไปที่สวนสมบัติธรรมชาติแหวนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครยินดีที่จะก้าวเข้าไปเป็นคนแรก
“บุปผาเงินทองอายุห้าร้อยปี,มันสามารถเร่งทักษะบ่มเพาะพลังธาตุไฟได้ราวกับฝึกฝนนับสิบปี นับเป็นของดีทีเดียว”
“หญ้าผลึกน้ําแข็งอายุสามร้อยปี,มันเป็นส่วนผสมในการสกัดเม็ดยาไอเย็น ไม่เพียงแต่จะมีจํานวนมากมาย แต่พวกมันยังมีอายุมากถึงขนาดนี้”
“ดูเหมือนข้าจะเห็นโสมอายุพันปี นี่เป็นของบํารุงโลหิตและฉีชั้นดี มันสามารถมีอายุได้เพียงหนึ่งพันปีเท่านั้น หากไม่รีบเก็บเกี่ยว,มันจะกลายเป็นไร้ค่า ช่างน่าเสียดาย
เสียงถอนหายใจดังขึ้นจากฝูงชน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครยินดีที่จะก้าวเข้าไปเป็นคนแรก พวกเขาเพียงรออยู่ที่ด้านนอกของสวนสมุนไพร
เห็นชัดว่าพวกเขาได้มาถึงตรงหน้าภูเขาสมบัติ,แต่พวกเขาได้แต่รอ ในตอนที่ทุกอย่างดูปกติ,มันจะต้องมีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล
แม้ว่าจะมีสัตว์อสูรปีศาจหรือสัตว์ประหลาดกําลังเฝ้าสวนแห่งนี้อยู่, แต่พวกเขาก็มีคนนับร้อยอยู่ตรงนี้ พวกเขาส่วนใหญ่อยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูง,และยังมีอีกไม่น้อยที่อยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุด
ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เป็นผู้บ่มเพาะพลังรุ่นเยาว์ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่เพียงระดับขอบเขตกษัตริย์ ขั้นต้น แต่พวกเขาทั้งหมดสําเร็จถึงสภาวะ พวกเขาไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าระดับขอบเขตกษัตริย์ขั้นสูง
เมื่อพลังแข็งแกร่งมารวมตัวกัน,แม้แต่สัตว์อสูรปีศาจระดับ 7 ก็ล้มลงอย่างง่ายดาย
พวกเขาสามารถรับมือได้เว้นเสียแต่ว่าจะมีสัตว์อสูรปีศาจระดับ 8 เป็นหลักการเดียวกับหยดน้ํา รวมกลายเป็นสายธารที่สามารถทะลวงผ่านเนินดินแต่มิใช่กับขุนเขา
เซียวเฉินไม่ได้เร่งรีบ กลับกัน,เขาตรวจสอบคนสามร้อยคนที่อยู่รอบสวนสมุนไพรเป็นอันดับแรก
สําหรับคนสามร้อยคนที่เข้ามาถึงที่นี่ได้,ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่อาจดูแคลน นอกจากผู้บ่มเพาะพลังเล็กน้อยที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง,คนที่เหลือรวมกลุ่มกันมาสี่หรือห้าคน
ขณะที่เซียวเฉินมองผ่านฝูงชน,เขาสังเกตเห็นมือกระบโลหิต เขาได้รวมกลุ่มกับคนห้าหกคนที่ความแข็งแกร่งทัดเทียมกับเขา
ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา,พวกเขายืนอยู่แถวหน้าของฝูงชน;ไม่มีใครกล้ายืนล่าหน้าของพวกเขาไป
คนเหล่านี้คือผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงมานานแล้ว เซี่ยวเฉินให้ความสนใจกับพวกเขา หากเขาเข้าไปในสวนสมุนไพร, มันจะยากที่จะมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการกระทบกระทั่งกับคนเหล่านี้
ยังมีอีกหนึ่งคนที่เซี่ยวเฉินให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ นั้นคือชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าที่เขาเจอเมื่อก่อนหน้านี้ คนผู้นี้แต่งกายชุดสีดําขณะที่ยืนท่ามกลางฝูงชน
คนที่อยู่รอบข้างเว้นระยะห่างออกมาจากเขา;เห็นชัดว่าพวกเขาเกรงกลัว
หากมือกระบี่โลหิตยังไม่มาถึงที่นี่,เซี่ยวเฉันอาจจะจัดการกับคนผู้นี้ไปก่อนแล้ว
ที่มุมหนึ่งของฝูงชน,เซี่ยวเฉินยังพบกับเยว่เฉินซี นางยืนอยู่ด้านข้างกับจินอ
ผู้บ่มเพาะพลังรุ่นเยาว์จํานวนหนึ่งรวมตัวอยู่ด้านข้างของพวกเขาเช่นกัน พวกเขาส่วนใหญ่เป็นผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นที่เข้าร่วมการประชุมในโรงเตี้ยม เซียวเฉินพบหลิวเมิงอยู่ในหมู่พวกเขา
เซี่ยวเฉินนับคราวๆได้ประมาณยี่สิบหรือสามสิบคน นับจากความแข็งแกร่ง,กลุ่มนี้น่าจะแข็งแกร่งที่สุด
เซียวเฉินสังเกตการณ์อย่างละเอียด,จับตามองคนบางคนเอาไว้ เขาครุ่นคิดถึงวิธีรับมือกับพวกเขาหากมีความขัดแย้งเกิดขึ้น
“ทําไมฝูงชนยังมัวอ้อยอิ่งอยู่ที่นี่,ทําอะไรกันอยู่? หลีกไป! ให้ผู้เฒ่าคนนี้เดินผ่าน”
ทันมดนั้น มีชายตัวใหญ่ปรากฏตัวขึ้นในทางเข้าอีกแห่งหนึ่งของโถงหลัก เขาตัวล่าและสูงประมาณสองเมตร เขาดูราวกับผูเขาลูกเล็กๆ
มีขวานขนาดใหญ่อยู่บนหลังของคนผู้นั้น เขามีใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมและคิ้วดกหนา เขามีหนวดรกรุงรังและมองดูหยาบกร้าน
“นั้นป่ายหลี่ซี,ยอดฝีมือผู้โด่งดังแห่งดินแดนรกร้างโบราณ และบ่มเพาะร่างกายของเขาและมีความแข็งแกร่งที่น่าประทับใจ เขาแข็งแหลกร่งทัดเทียมกับมือกระบี่โลหิต,ซุนกวงฉวน เขามาอยู่ที่นี่เช่นกัน” มีคนจ่าชายร่างใหญ่ผู้นี้ได้
“บูมบูมบูม!”
ทุกย่างก้าวของป่ายหลี่ซี, พื้นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตของเขา เขาทําให้ผู้คนด้านหน้าดูตัวเล็กลง
ฝูงชนหลีกทางให้กับป่ายหลี่ซี เขาหัวเราะขึ้นเมื่อเขามองเห็นมือกระบโลหิต
ป่ายหลี่ซีนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มและกล่าวขึ้น “ตาแก่ซุน,เจ้าก็มาเข้าร่วมด้วยเช่นกัน ฮ่า ฮ่า,ได้พบกับสหายเก่าหลายคนเลยที่นี่ ให้ข้าดูก่อนว่าอะไรที่ทําให้พวกเจ้าทั้งหมดไม่กล้าไปต่อ”
ในตอนที่ป่ายหลี่ซีมาถึงแถวหน้าของฝูงชน และมองเห็นฉากด้านหน้าทางเข้า,ท่าทางเสียงดังของเขาเมื่อก่อนหน้านี้กลายเป็นเงียบสงบ
หลังจากผ่านไปนาน,เขาส่ายหัวอย่างขมขึ้นและกล่าว “น่าตกใจ,มีเจ้าสิ่งนี้เฝ้าทางเข้าเอาไว้ ไม่สงสัยว่าทําไมพวกเจ้าถึงไม่กล้าไปต่อ”
เซี่ยวเฉินเกิดความสงสัย เขาแหวก่านฝูงชน,ค่อยๆขึ้นไปถึงด้านหน้า ผ่านไปครู่หนึ่ง,เขามองเห็นสถานการณ์ที่ทางเข้าของสวนสมุนไพร
เซี่ยวเฉันอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึก เขาเข้าใจแล้วว่าทําไมคนเหล่านี้ถึงเอาแต่สวนสมุนไพรและไม่อาจทําอะไรได้
ที่หน้าทางเข้าไกลออกไป มีซากศพมากมายที่ดูไม่เมหือนรูปร่างมนุษย์อีกต่อไป พวกเขาดูน่าอดสูและนองไปด้วยเลือด
ด้านหลังซากศพ,ถึงปีศาจที่ขนาดเท่ากับภูเขาลูกเล็กขวางทางเข้าของสวนสมุนไพรเอาไว้ งูปีศาจตนนี้มีเจ็ดหัวและสี่ขา เกล็ดสีดําหนาแน่นราวกับเกราะ,ปกคลุมร่างกายของมัน
หัวงูแต่ละหัวมมงกุฎสีดํา บางครั้งเจ้างูจะเปิดปากแล่บสะบัดลิ้นออกมา
นี่เป็นงเจ็ดเศียรที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับสัตว์อสูรปีศาจระดับ 8 งูปีศาจตนนี้ได้วิวัฒนาการขึ้น
แต่ละหัวของงูเจ็ดเศียรเป็นตัวแทนของหนึ่งธาตุ ตัวมันสามารถเติบโตได้ถึงเก้าหัว เมื่อถึงตอนนั้น,มันจะกลายเป็นสัตว์อสูรปีศาจระดับ 9
นอกจากนั้น, มันยังเป็นราชาแห่งสัตว์อสูรปีศาจระดับ 9,ไม่ใช่เพียงสัตว์อสูรปีศาจระดับ 9 ทั่วไป ความแข็งแกร่งของมันไร้เทียมทานในระดับเดียวกัน
แม้ว่างปีศาจตนนี้จะมีเพียงเจ็ดหัว,มันก็ยังคงเป็นราชาแห่งสัตว์อสูรปีศาจระดับ 7 มันไม่อ่อนด้อยไปกว่าสัตว์อสูรปีศาจระดับ 8
ตามจริง,คนกลุ่มนี้ยังคงสามารถจัดการกับสัตว์อสูรปีศาจตนนี้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ใครที่เริ่มลงมือเป็นคนแรกจะเสียเปรียบหนัก
ในตอนที่พวกเขาเข้าไปในสวนสมุนไพรได้,พวกเขาจะเสียเปรียบในการต่อสู้แย่งชิงสมุนไพรวิญญาณ
ไม่มีใครโง่พอที่จะแหย่เท้าเข้าไปก่อน ดังนั้น มันเป็นผลให้สถานการณ์ในตอนนี้คือไม่มีใครยอมขยับไปไหน
เซียวเฉินมองตรงไปยังพื้นที่อื่นของสวนสมุนไพร เขาพบม่านพลังบางเบาล้อมรอบสวนแห่งนี้เอาไว้ นี่จะต้องเป็นม่านพลังที่ขอบเขตปราชญ์ย่อมสร้างขึ้นมา ดูเหมือนว่าจะมีเส้นทางเดียวที่จะเข้าสู่สวนแห่งนี้
“พวกเราไม่อาจปล่อยให้มันยืดเยื้อต่อไปเช่นนี้ ทุกคนลงมือพร้อมกันเป็นเช่นไร? งเจ็ดเศียรตนนี้ยังไม่เติบโตเต็มที่พวกเราสามารถจัดการกับมันได้” ขอบเขตกษัตริย์ยุทธคนหนึ่งในฝูงชนแนะขึ้น
มีคนหัวเราะขึ้นอย่างเย็นชาและกล่าว “ดีเอาเป็นเจ้าเข้าไปก่อนเป็นเช่นไร?”
ผู้ที่แนะขึ้นมากลายเป็นใบ้ แม้เขาจะกล่าวว่าพวกเขาสามารถจัดการกับมันได้ แต่เขาจะเอาความกล้าจากไหนมาสู้กับมัน? มีกองซากศพมากมายลลบนพื้นเป็นตัวอย่างที่ดี
Comments