Immortal and Martial Dual Cultivation 269ข้อพิพาทในร้านอาหาร

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 269ข้อพิพาทในร้านอาหาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่269ข้อพิพาทในร้านอาหาร

เซี่ยวเฉินกลับมาที่หัวเรือไม่นานนักมีบางคนมานำทางเซี่ยวเฉินและหลิวสุยเฟิงไปที่ท้องเรือหลังจากที่เจ้าของเรือลำนี้พูดคุยกับเขี้ยวเฉินเล็กน้อย,เขาหยิบเอาหินวิญญาณระดับต่ำหนึ่งพันก้อนออกมาและยื่นให้กับเซียวเฉินจากนั้นเขาก็เรียกคนเข้ามาเพื่อที่จะจัดหาห้องให้กับเซียวเฉินและหลิวสุยเฟิง

เซี่ยวเฉินไม่ขัดข้องที่เขาจะรับหินวิญญาณระดับต่ำหนึ่งพันก้อนมาหยาดเหงื่อที่เขาลงแรงไปสมควรที่จะได้รับรางวัลก่อนนี้

หลังจากที่กัปตันออกไป,หลิวสุยเฟิงก็ถอนหายใจ“พวกเขาบอกข้าว่าไม่มีห้องเหลือแล้วเมื่อวานนี้ตอนนี้พวกเขากลับจัดหาห้องให้พวกเราได้ในทันทีดูเหมือนความแข็งแกร่งจะสำคัญยิ่งไม่ว่าเจ้าจะเดินไปที่ไหน”

เซี่ยวเฉินยิ้มและไม่ได้กล่าวอะไรมันเป็นการดีที่หลิวสุยเฟิงจะได้เข้าใจถึงหลักการนี้หลังจากการเดินทางครั้งนี้เขาจะได้ใช้เวลาในการบ่มเพาะพลังให้มากขึ้น

ห้องดูเหมือนห้องของโรงเตี้ยม;ไม่มีข้อต่างแตกแม้แต่น้อยเซียวเฉินนั่งลงบนเตียงและเข้าสู่สภาวะบ่มเพาะพลัง

สิบวันได้ผ่านไปแล้วตั้งแต่ที่พวกเขาออกมาจากภูเขาระหว่างสิบวันมานี้เซียวเฉินได้รับบางอย่างมาจากการต่อสู้ในแต่ละวัน

การต่อสู้ใต้น้ำเมื่อก่อนหน้านี้ยิ่งได้มากกว่าเซี่ยวเฉินตัดสินใจที่จะใช้โอกาสนี้ผลักดันการบ่มเพาะพลังของเขาไปถึงขีดสุดของระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้นจากนั้น,เขาจะลองผลักดันสลักร่างพยัคฆ์มังกรชั้นที่สี่ให้ขึ้นไปสู่ระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม

ตลอดสามวัน,เซียวเฉินใช้เวลาอยู่ในห้องบางครั้ง,เซียวเฉินพยายามดึงเขาออกไปสอดอากาศข้างนอก,แต่เซียวเฉินก็ได้ปฏิเสธไป

นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญ:เซียวเฉินไม่อยากที่จะเสียเวลาไปแม้แต่น้อยเขาต้องอดทนต่อความเปล่าเปลี่ยว

“ต๊อก!ต๊อก!ต๊อก!”

เสียงเคาะดังขึ้นมาจากประตูหลิวสุยเฟิงร้องเรียกออกมา“เย่เฉิน,พวกเรากำลังจะถึงแล้วข้าจะรอเจ้าอยู่ที่หัวเรือ”

เซียวเฉินลืมตาขึ้น,มีแสงวูบไหวกระแสไฟฟ้าสีม่วงแตกตัวกระจายไปทั่วห้องส่งเสียงซี่ซี่ออกมา

เซียวเฉินยื่นแขนของเขาออก,และกระแสไฟฟ้ารวมตัวกันที่มือขวาของเขามันกลายเป็นเปลวเพลิงอัสนี

จากนั้น,เซี่ยวเฉินสะบัดมันลงไปที่โต๊ะเกิดเสียงกด“ปัง”และเปลวเพลิงอัสนี้ได้เปลี่ยนกลายเป็นผง

เซี่ยวเฉินยืนขึ้นและส่งฝ่ามือลมออกไป,เป่าผงบนโต๊ะปลิวไปเขากล่าวอย่างเฉยเมย“การบ่มเพาะพลังของข้าในที่สุดก็ขึ้นมาถึงจุดยอดสุดของระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้นการควบคุมเพลิงแท้อัสนีม่วงของเขากลายเป็นช่ของยิ่งขึ้น”

“ยังไงก็เถอะมันใช้ต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อยเพื่อที่จะขึ้นไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมของสลักร่างพยัคฆ์มังกรข้าไม่อาจะบรรลุได้ในครั้งเดียวข้าอาจจะสามารถบรรลุได้หลังจากที่การประมูลสิ้นสุดลง”

เซี่ยวเฉินเปิดประตูและค่อยๆเดินไปที่หัวเรือในไม่ช้า,เขาก็มองเห็นหลิวสุยเฟิง

เมื่อหลิวสุยเฟิงได้ยินเสียงฝีเท้า,เขาหันหน้าไปมองดูเขาพบว่าเซี่ยวเฉินได้แข็งแกร่งขึ้นอีกครั้งเขากล่าวอย่างตกตะลึง“เย่เฉิน,ระดับของพลังเจ้าเพิ่มขึ้นอีกแล้ว?”

เซี่ยวเฉินพยักหน้าเขากล่าว“ตอนนี้มามาถึงจุดยอดสุดของระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้นมันจะไม่ยากเย็นสำหรับข้าที่จะยกระดับขึ้นไปอีกขั้นภายในเวลาไม่นาน”

หลังจากที่ขึ้นมาถึงระดับขอบเขตนักบุญ,ทุกขั้นที่ก้าวขึ้นจะยากเย็นเป็นอย่างมากความยากในการเลื่อนขั้นจากระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้นไปสู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางเทียบได้กับการเลื่อระดับขอบเขตพลังในระดับที่ต่ำกว่า

หลิวสุยเฟิงระงับใจตัวเองพร้อมกับกล่าว“ข้าคิดไม่ออกเลยว่าเจ้าบ่มเพาะพลังเช่นไรความเร็วของเจ้าจะน่ากลัวเกินไปแล้ว”

เซี่ยวเฉินตอบกลับ“นอกจากการมีพรสวรรค์และทักษะบ่มเพาะพลังที่ยอดเยี่ยมแล้ว,การบ่มเพาะพลังและประสบการณ์การฝึกฝนเป็นสิ่งจำเป็นหรือเจ้าไม่ตระหนักถึงตั้งแต่ที่เจ้าลงมาจากเขา,มีการพัฒนาในการบ่มเพาะพลังของเจ้าด้วยเช่นกัน?”

“นอกจากนั้น,เจ้าจำเป็นต้องอดทนต่อความเปล่าเปลี่ยวในตอนที่คนอื่นปล่อยตัวไปกับสุราและสิ่งล่อใจ,เจ้าสามารถใช้เวลาเพื่อบ่มเพาะพลังให้เต็มที่เป็นธรรมดาที่ความเร็วของเจ้าจะเพิ่มขึ้น”

คำพวกนี้ทำให้หลิวสุยเฟิงค่อนข้างละอายเขารู้ว่าเซี่ยวเฉินกำลังพูดถึงตัวเขาเขาเร่งเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย“ท่าเรือมาอยู่ตรงหน้าของพวกเราแล้วพวกเราน่าจะถึงเมืองซีเหอหลังจากที่เดินไปอีกครั่งวัน”

เซี่ยวเฉินมองไปในทิศทางที่เขาชี้และมองเห็นท่าเรือที่ดูวุ่นวายมีเรือที่แล่นเข้ามาและออกที่ริมฝั่งแม่น้ำวุ่นวายเสียยิ่งกว่าท่าเรือ

มีฝูงชนเดินไปมาไม่ขาดสายเซี่ยวเฉินสามารถได้ยินเสียงเซ็งแซ่แม้ว่าเขาจะอยู่ห่างออกมาไกล

ทันใดนั้น,เซี่ยวเฉินถามขึ้นอย่างสงสัย“แม่น้ำมังกรทมิฬสายนี้ไปจบลงที่ไหน?”

หลิวสุยเฟิงมีข้อมูลหนาแน่นเขาอธิบาย“แคว้นซีเหอชายแดนของอาณาจักรต้าฉินหลังจากที่แม่น้ำมังกรทมิฬไหลผ่านแคว้นซีเหอ.มันไหลไปยังดินแดนรกร้างจากตรงนั้นมันแยกออกและไหลไปที่อาณาจักรอื่นท้ายที่สุด,ก็ไหลลงทะเลอันไร้ขอบเขต

ทะเลอันไร้ขอบเขต?เซียวเฉินครุ่นคิด,แม่น้ำที่อยู่ในแผนที่..เป็นไปได้ว่ามันแชรือแม่น้ำมังกรทมิฬ?หากจุดหมายของมันคือทะเลไร้ขอบเขต,มันก็ค่อนข้างคล้ายคลึงกัน

“พวกเรามาถึงแล้วไปจูงม้าออกมากันเถอะ”

เสียงของหลิวสุยเฟิงขัดจังหวะความคิดของเชี่ยวเฉินดังนั้นเขาจึงหยุดครุ่นคิดเกี่ยวกับมันหลังจากที่พวกเขาไปรับม้ามาและค่อยๆลงไปที่ท่าเรือ,พวกเขาก็กระโดดขึ้นมาในทันทีและมุ่งหน้าสู่เมืองซีเหอ

หลังจากที่เดินทางมาครึ่งวันกำแพงเมืองรอบนอกอันงดงามก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของพวกเขากำแพงนี้สูงหนึ่งร้อยเมตรแม้ว่าพวกเขาจะมองทอดออกไปไกล,พวกเขาก็ไม่อาจมองเห็นจุดสิ้นสุดของมัน

เซี่ยวเฉินครั้งหนึ่งเคยเห็นเมืองหลวงของแคว้นตงหมิงมันก็สูงส่งเช่นเดียวกันดังนั้นเขาไม่ได้ตกตะลึงอะไรนักหลังจากที่พวกเขาจ่ายค่าผ่านทาง,พวกเขาก็เข้ามาในเมืองได้สำเร็จ

ถนนของเมืองซีเหอกว้างใหญ่เป็นอย่างมากมีกระทั่งถนนสำหรับรถม้าและคนเดินเท้าแยกกันโดยเฉพาะดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีคนพลั่งพล่าน,แต่ทั้งสองคนก็ขี่ม้าไป๋าด้โดยไม่ติดขัด

หลังจากที่ทั้งสองถามทางมองหาโรงเตี้ยมที่ใกล้ที่สุด,พวกเขาก็รีบมุ่งหน้าไปพวกเขาผูกม้าเอาไว้ที่ด้านนอกและเดินเข้าไปตามประตูหลัก

ศาบาหลับไหล..เมื่อเซี่ยวเฉินเซียวเฉินมองเห็นป้ายของโรงเตี้ยม,เขายิ้มออกมาเล็กน้อยเขาไม่คาดคิดว่าสถานที่แห่งนี้จะมีสาขาของศาบาหลับไหลเช่นกันเขานึกขึ้นได้ว่าเขามีบัตรพิเศษตอนนี้ถึงเวลาที่จะได้หยิบออกมาใช้แล้ว694

อาจจะเป็นเพราะการจัดประมูล,ธุรกิจโรงเตี้ยมเจริญรุ่งเรืองชั้นหนึ่งและชั้นสองเต็มหมด;มีแม้กระทั่งคนที่เข้าแถวต่อคิว

หลิวสุยเฟิงกล่าวอย่างช่วยไม่ได้“ดูเหมือนจะต้องเปลี่ยนไปดูโรงเตี้ยมอื่นแล้วที่ชั้นสามขึ้นไปจะต้องใช้บัตรพิเศษ”

เชี่ยวเฉินหยิบเอาบัตรพิเศษออกมาและแสดงกับคนที่เฝ้าอยู่ตรงบันไดหลังจากที่เขามองดู,คนผู้นั้นก็เชิญเซียวเฉินและหลิวสุยเฟิงเข้าไปด้วยความเคารพ,ท่าทีของเขาสุภาพเป็นอย่างมาก

นี่เป็นเพราะบัตรพิเศษที่เชี่ยวเฉินถืออยู่คือระดับสูงสุดมันสามารถให้เซี่ยวเฉินขึ้นไปได้ถึงชั้นห้าของศาลาหลับไหลบุคคลที่ถือบัตรระดับนี้ทั้งหมดล้วนมีสถานะที่ทรงอำนาจ

หลิวสุยเฟิงประหลาดใจ“นั้นมันบัตรพิเศษของศาลาหลับไหลเจ้าได้มันมาได้ยังไง?ไม่ง่ายนักที่จะได้มันมา”

เซียวเฉินยิ้ม“ร้านอาหารแห่วนกลดำเนินการโดยเจ้าหมูนั้นสำหรับเขาเอาบัตรพิเศษมาได้ง่ายเหมือนโบกมือ”

อย่างไรก็ตาม,ดูเหมีแนพวกเขาจะโชคไม่ดีมีชั้นสามก็เต็มหมดเช่นกันเซียวเฉินมองไปที่ทางขึ้นและกล่าว“ไปที่ชั้นสี่กันเถอะข้าไม่เชื่อว่ามันจะยากเย็นนักที่พวกเรานะได้อาหารสักมื้อ”

หลังจากที่เซียวเฉินแสดงบัตรพิเศษ,พวกเขาก็ขึ้นมาถึงชั้นสี่ชั้นสามและชั้นสี่แตกต่างกันที่ชั้นสี่นั้นถูกกั้นเป็นช่อง,และสะอาดสะอ้านกว่ามาก3694

พวกเขาเรียกบริกรมา,และในที่สุด,พวกเขาก็พบห้องว่าง

“รอก่อนข้าต้องการโต๊ะนี้ขณะที่บริกรกำลังจะพาเซี่ยวเฉินและหลิวสุยเฟิงเข้ามา,เสียงไม่ลื่นหูดังขึ้นมาจากด้านหลังของพวกเขา

เซียวเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยและหันกลับไปเขามองเห็นกลุ่มผู้เยาว์ที่แจชต่งกายชุดสีดำคนกลุ่มนี้ประกอบไปด้วยชายหญิง,และมีลายเกล็ดหิมะปักอยู่ด้านหน้าบนเสื้อของพวกเขา

นี่เป็นสัญลักษณ์ของตำหนักวิญญาณค่ำคืนสีดำหมายถึงค่ำคืน,และเกล็ดหิมะหมายถึงความหนาวเย็นมีเพียงศิษย์แก่นกลางที่จะสามารถปักลายเกล็ดหิมะสี่อันไว้บนเสื้อของพวกเขา

บุคคลที่นำกลุ่มเข้ามามีสีหน้าคมเข้มดุร้ายเขามีรูปร่างที่น่าประทับใจมีดาบห้อยอยู่ที่ตรงเอวของเขาเมื่อเขามองเห็นเหรียญแสดงตนบนเอวของเซียวเฉินและหลิวสุยเฟิง,สายตาเหยียดหยามปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

เมื่อบริกรเห็นคนผู้นี้,สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยเขากล่าว“นายน้อยชื่อ,นี่มันไม่ค่อยเหมาะสมโต๊ะถูกจัดเอาไว้ให้พวกเขาแล้ว”

คนผู้นั้นหัวเราะและเดินขึ้นมาต่อไปเขากล่าวโดยไม่ได้หันกลับมา“พวกมันยังไม่ได้เข้าไป,มิใช่รึ?มื้อนี้ข้าจ่ายให้เองพวกมันรอจนพวกเรากินเสร็จได้ไป,เตรียมอาหารมาซะ”

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ,ทำกับเซียวเฉินและหลิวสุยเฟิงเป็นอากาศธาตุเมินเฉยพวกเขาเหมือนไม่มีตัวตน

อย่างไรก็ตาม,บริกรขวางทางคนแซ่ชื่อนี่เอาไว้,เขากล่าวด้วยท่าทางละอาย“ขออภัยที่ศาลาหลับไหล,พวกเรามีกฎของพวกเราพวกเราทำตามหลักการมาก่อนได้ก่อนนายน้อยชื่ออย่าทำให้พวกเราต้องลำบากใจได้หรือไม่?”

สายตามืดมัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนผู้นั้น;เขาไม่คาดคิดว่าบริกรคนนี้ที่โดยปกติจะแสดงความเคารพต่อเขา,จะกล่าวขึ้นมาเช่นนี้“พูดอีกที?เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าสามารถสั่งปิดศาบาหลับไหลในเมืองซีเหอได้เพียงสั่งออกมาหนึ่งคำ?”

บริกรเกิดสองจิตสองใจเขาไม่รู้ควรจะทำเช่นไรบุคคลตรงหน้าของเขาก็คือชื่อเฟิง,บัตรชายคนที่สองของผู้นำตระกูลชื่อตระกูลชื่อคือหนึ่งในสามตระกูลขั้นสูงแห่งเมืองซีเหอ

ทุกคนจากสามตระกูลชั้นสูงล้วนมีอำนาจมหาศาลโดยเฉพาะตระกูลชื่อพวกเขาก่อตั้งขึ้นที่เมืองซีเหอพวกเขามีอำนาจมากมายในที่แห่งนี้หากเขาไปยั่วยุตระกูลชื่อ,มันจะเป็นการยากที่ศาบาหลับไหลจะดำเนินธุรกิจที่นี่

อย่างไรก็ตาม,สถานะของเซียวเฉินและหลิวสุยเฟิงก็ไม่ธรรมดาเช่นกันพวกเขามีบัตรพิเศษจำนวนจำกัดระดับสูงสุดของศาลาหลับไหลพวกเขาคงไม่ยอมง่ายๆเช่นกันมันก็ไม่ดีที่จะไปยั่วยุ

“ศิษย์พี่ชื่อเฟิง,ในเมื่อมันมีกฎเป็นเช่นนั้นก็ให้รอก่อน”สาวงามจากในกลุ่มห้าคนแนะขึ้น

อีกคนหนึ่งก็กล่าวขึ้น“ศิษย์พี่ชื่อ,ข้าคิดว่าแค่เปลี่ยนร้านเสียก็สิ้นเรื่องไม่มีความจำเป็นต้องไปทำให้เรื่องมันยาก”

แม้ว่าคำของเขาจะดูเหมือนแนะนำ,ในความเป็นจริง,เขากำลังกล่าวว่าชื่อเฟิงนั้นเห็นแก่ตัวและทำให้เรื่องมันยากสำหรับบริกร

ชื่อเฟิงเหลียวไปมองที่คนผู้นี้อยู่ดุร้าย,ความโกรธวูบผ่านดวงตาของเขาอย่างไรก็ตามเขาไม่กล้าพูดมากต่อหน้าแม่นางผู้นั้น

เขาหันหน้าไปที่หญิงสาวและกล่าวขึ้น“ศิษย์น้องมู่,ไม่จำเป็นต้องกังวลมันเป็นเรื่องที่ตระกูลชื่อของข้าจัดการได้ในเมืองซีเหอแห่งนี้ใช่หรือไม่,บริกร?”

จุดประสงค์ที่เขาออกมาจากนิกายครั้งนี้นอกจากการเข้าร่วมการประมูลก็คือแม่หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเขา,มเยียนเสวี่ย

มู่เยี่ยนเสียเป็นบุตรสาวคนที่สองคนโปรดของท่านเจ้าตำหนักจิตวิญญาณค่ำคืนชรือเฟิงได้ติดตามนางไปทั่วตำหนักจิตวิญญาณค่ำคืน

ในส่วนของความงาม,นิสัยใจคอ,และสถานะ,นางคือหญิงในอุดมคติของเขาสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นหากว่าเขาได้ตกแต่งกับนาง,ตำแหน่งของเขาในตระกูลจะมันคงยิ่งขึ้น

เขามีโอกาสมากขึ้นที่จะฉวยตำแหน่งอันตระกูลในอนาคตหากว่าเขาไม่อาจได้โต๊ะนี้ในอาณาเขตของเขา,เขาจะเสียหน้าเป็นอย่างมาก

บริกรคนนี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อชรือเฟิงใช้ชื่อตระกูลของเขามากดดันเขาอดไม่ได้ที่จะมองไปทางเซียวเฉินและหลิวสุยเฟิง,หวังเอาไว้ว่าพวกเขาจะยอมถอย

เซี่ยวเฉินยิ้มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้เขาไม่คาดคิดว่าหาข้าวกินสักมื้อมันจะยุ่งยากถึงเพียงนี้ทุกทุกที่ที่เขาไปมีแต่พวกบ้าบอ

เซียวเฉินไม่ได้เป็นเด็กน้อยไร้ความอดทนอีกต่อไปหลังจากที่เขาออกมาจากเมืองม่อเหอตอนนี้เขามีความเป็นผู้ใหญ่เขาจะไม่เผยความสามารถออกมาโดยง่าย

เซียวเฉินหันกลับและนำหลิวสุยเฟิงตรงไปที่ชั้นห้าคนส่วนใหญ่ไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาที่ชั้นห้าไม่น่าจะมีเรื่องยุ่งยากหากจะนั่งลงกินข้าวสักมื้อที่นั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 269ข้อพิพาทในร้านอาหาร

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 269ข้อพิพาทในร้านอาหาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่269ข้อพิพาทในร้านอาหาร

เซี่ยวเฉินกลับมาที่หัวเรือไม่นานนักมีบางคนมานำทางเซี่ยวเฉินและหลิวสุยเฟิงไปที่ท้องเรือหลังจากที่เจ้าของเรือลำนี้พูดคุยกับเขี้ยวเฉินเล็กน้อย,เขาหยิบเอาหินวิญญาณระดับต่ำหนึ่งพันก้อนออกมาและยื่นให้กับเซียวเฉินจากนั้นเขาก็เรียกคนเข้ามาเพื่อที่จะจัดหาห้องให้กับเซียวเฉินและหลิวสุยเฟิง

เซี่ยวเฉินไม่ขัดข้องที่เขาจะรับหินวิญญาณระดับต่ำหนึ่งพันก้อนมาหยาดเหงื่อที่เขาลงแรงไปสมควรที่จะได้รับรางวัลก่อนนี้

หลังจากที่กัปตันออกไป,หลิวสุยเฟิงก็ถอนหายใจ“พวกเขาบอกข้าว่าไม่มีห้องเหลือแล้วเมื่อวานนี้ตอนนี้พวกเขากลับจัดหาห้องให้พวกเราได้ในทันทีดูเหมือนความแข็งแกร่งจะสำคัญยิ่งไม่ว่าเจ้าจะเดินไปที่ไหน”

เซี่ยวเฉินยิ้มและไม่ได้กล่าวอะไรมันเป็นการดีที่หลิวสุยเฟิงจะได้เข้าใจถึงหลักการนี้หลังจากการเดินทางครั้งนี้เขาจะได้ใช้เวลาในการบ่มเพาะพลังให้มากขึ้น

ห้องดูเหมือนห้องของโรงเตี้ยม;ไม่มีข้อต่างแตกแม้แต่น้อยเซียวเฉินนั่งลงบนเตียงและเข้าสู่สภาวะบ่มเพาะพลัง

สิบวันได้ผ่านไปแล้วตั้งแต่ที่พวกเขาออกมาจากภูเขาระหว่างสิบวันมานี้เซียวเฉินได้รับบางอย่างมาจากการต่อสู้ในแต่ละวัน

การต่อสู้ใต้น้ำเมื่อก่อนหน้านี้ยิ่งได้มากกว่าเซี่ยวเฉินตัดสินใจที่จะใช้โอกาสนี้ผลักดันการบ่มเพาะพลังของเขาไปถึงขีดสุดของระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้นจากนั้น,เขาจะลองผลักดันสลักร่างพยัคฆ์มังกรชั้นที่สี่ให้ขึ้นไปสู่ระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม

ตลอดสามวัน,เซียวเฉินใช้เวลาอยู่ในห้องบางครั้ง,เซียวเฉินพยายามดึงเขาออกไปสอดอากาศข้างนอก,แต่เซียวเฉินก็ได้ปฏิเสธไป

นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญ:เซียวเฉินไม่อยากที่จะเสียเวลาไปแม้แต่น้อยเขาต้องอดทนต่อความเปล่าเปลี่ยว

“ต๊อก!ต๊อก!ต๊อก!”

เสียงเคาะดังขึ้นมาจากประตูหลิวสุยเฟิงร้องเรียกออกมา“เย่เฉิน,พวกเรากำลังจะถึงแล้วข้าจะรอเจ้าอยู่ที่หัวเรือ”

เซียวเฉินลืมตาขึ้น,มีแสงวูบไหวกระแสไฟฟ้าสีม่วงแตกตัวกระจายไปทั่วห้องส่งเสียงซี่ซี่ออกมา

เซียวเฉินยื่นแขนของเขาออก,และกระแสไฟฟ้ารวมตัวกันที่มือขวาของเขามันกลายเป็นเปลวเพลิงอัสนี

จากนั้น,เซี่ยวเฉินสะบัดมันลงไปที่โต๊ะเกิดเสียงกด“ปัง”และเปลวเพลิงอัสนี้ได้เปลี่ยนกลายเป็นผง

เซี่ยวเฉินยืนขึ้นและส่งฝ่ามือลมออกไป,เป่าผงบนโต๊ะปลิวไปเขากล่าวอย่างเฉยเมย“การบ่มเพาะพลังของข้าในที่สุดก็ขึ้นมาถึงจุดยอดสุดของระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้นการควบคุมเพลิงแท้อัสนีม่วงของเขากลายเป็นช่ของยิ่งขึ้น”

“ยังไงก็เถอะมันใช้ต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อยเพื่อที่จะขึ้นไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมของสลักร่างพยัคฆ์มังกรข้าไม่อาจะบรรลุได้ในครั้งเดียวข้าอาจจะสามารถบรรลุได้หลังจากที่การประมูลสิ้นสุดลง”

เซี่ยวเฉินเปิดประตูและค่อยๆเดินไปที่หัวเรือในไม่ช้า,เขาก็มองเห็นหลิวสุยเฟิง

เมื่อหลิวสุยเฟิงได้ยินเสียงฝีเท้า,เขาหันหน้าไปมองดูเขาพบว่าเซี่ยวเฉินได้แข็งแกร่งขึ้นอีกครั้งเขากล่าวอย่างตกตะลึง“เย่เฉิน,ระดับของพลังเจ้าเพิ่มขึ้นอีกแล้ว?”

เซี่ยวเฉินพยักหน้าเขากล่าว“ตอนนี้มามาถึงจุดยอดสุดของระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้นมันจะไม่ยากเย็นสำหรับข้าที่จะยกระดับขึ้นไปอีกขั้นภายในเวลาไม่นาน”

หลังจากที่ขึ้นมาถึงระดับขอบเขตนักบุญ,ทุกขั้นที่ก้าวขึ้นจะยากเย็นเป็นอย่างมากความยากในการเลื่อนขั้นจากระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้นไปสู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางเทียบได้กับการเลื่อระดับขอบเขตพลังในระดับที่ต่ำกว่า

หลิวสุยเฟิงระงับใจตัวเองพร้อมกับกล่าว“ข้าคิดไม่ออกเลยว่าเจ้าบ่มเพาะพลังเช่นไรความเร็วของเจ้าจะน่ากลัวเกินไปแล้ว”

เซี่ยวเฉินตอบกลับ“นอกจากการมีพรสวรรค์และทักษะบ่มเพาะพลังที่ยอดเยี่ยมแล้ว,การบ่มเพาะพลังและประสบการณ์การฝึกฝนเป็นสิ่งจำเป็นหรือเจ้าไม่ตระหนักถึงตั้งแต่ที่เจ้าลงมาจากเขา,มีการพัฒนาในการบ่มเพาะพลังของเจ้าด้วยเช่นกัน?”

“นอกจากนั้น,เจ้าจำเป็นต้องอดทนต่อความเปล่าเปลี่ยวในตอนที่คนอื่นปล่อยตัวไปกับสุราและสิ่งล่อใจ,เจ้าสามารถใช้เวลาเพื่อบ่มเพาะพลังให้เต็มที่เป็นธรรมดาที่ความเร็วของเจ้าจะเพิ่มขึ้น”

คำพวกนี้ทำให้หลิวสุยเฟิงค่อนข้างละอายเขารู้ว่าเซี่ยวเฉินกำลังพูดถึงตัวเขาเขาเร่งเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย“ท่าเรือมาอยู่ตรงหน้าของพวกเราแล้วพวกเราน่าจะถึงเมืองซีเหอหลังจากที่เดินไปอีกครั่งวัน”

เซี่ยวเฉินมองไปในทิศทางที่เขาชี้และมองเห็นท่าเรือที่ดูวุ่นวายมีเรือที่แล่นเข้ามาและออกที่ริมฝั่งแม่น้ำวุ่นวายเสียยิ่งกว่าท่าเรือ

มีฝูงชนเดินไปมาไม่ขาดสายเซี่ยวเฉินสามารถได้ยินเสียงเซ็งแซ่แม้ว่าเขาจะอยู่ห่างออกมาไกล

ทันใดนั้น,เซี่ยวเฉินถามขึ้นอย่างสงสัย“แม่น้ำมังกรทมิฬสายนี้ไปจบลงที่ไหน?”

หลิวสุยเฟิงมีข้อมูลหนาแน่นเขาอธิบาย“แคว้นซีเหอชายแดนของอาณาจักรต้าฉินหลังจากที่แม่น้ำมังกรทมิฬไหลผ่านแคว้นซีเหอ.มันไหลไปยังดินแดนรกร้างจากตรงนั้นมันแยกออกและไหลไปที่อาณาจักรอื่นท้ายที่สุด,ก็ไหลลงทะเลอันไร้ขอบเขต

ทะเลอันไร้ขอบเขต?เซียวเฉินครุ่นคิด,แม่น้ำที่อยู่ในแผนที่..เป็นไปได้ว่ามันแชรือแม่น้ำมังกรทมิฬ?หากจุดหมายของมันคือทะเลไร้ขอบเขต,มันก็ค่อนข้างคล้ายคลึงกัน

“พวกเรามาถึงแล้วไปจูงม้าออกมากันเถอะ”

เสียงของหลิวสุยเฟิงขัดจังหวะความคิดของเชี่ยวเฉินดังนั้นเขาจึงหยุดครุ่นคิดเกี่ยวกับมันหลังจากที่พวกเขาไปรับม้ามาและค่อยๆลงไปที่ท่าเรือ,พวกเขาก็กระโดดขึ้นมาในทันทีและมุ่งหน้าสู่เมืองซีเหอ

หลังจากที่เดินทางมาครึ่งวันกำแพงเมืองรอบนอกอันงดงามก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของพวกเขากำแพงนี้สูงหนึ่งร้อยเมตรแม้ว่าพวกเขาจะมองทอดออกไปไกล,พวกเขาก็ไม่อาจมองเห็นจุดสิ้นสุดของมัน

เซี่ยวเฉินครั้งหนึ่งเคยเห็นเมืองหลวงของแคว้นตงหมิงมันก็สูงส่งเช่นเดียวกันดังนั้นเขาไม่ได้ตกตะลึงอะไรนักหลังจากที่พวกเขาจ่ายค่าผ่านทาง,พวกเขาก็เข้ามาในเมืองได้สำเร็จ

ถนนของเมืองซีเหอกว้างใหญ่เป็นอย่างมากมีกระทั่งถนนสำหรับรถม้าและคนเดินเท้าแยกกันโดยเฉพาะดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีคนพลั่งพล่าน,แต่ทั้งสองคนก็ขี่ม้าไป๋าด้โดยไม่ติดขัด

หลังจากที่ทั้งสองถามทางมองหาโรงเตี้ยมที่ใกล้ที่สุด,พวกเขาก็รีบมุ่งหน้าไปพวกเขาผูกม้าเอาไว้ที่ด้านนอกและเดินเข้าไปตามประตูหลัก

ศาบาหลับไหล..เมื่อเซี่ยวเฉินเซียวเฉินมองเห็นป้ายของโรงเตี้ยม,เขายิ้มออกมาเล็กน้อยเขาไม่คาดคิดว่าสถานที่แห่งนี้จะมีสาขาของศาบาหลับไหลเช่นกันเขานึกขึ้นได้ว่าเขามีบัตรพิเศษตอนนี้ถึงเวลาที่จะได้หยิบออกมาใช้แล้ว694

อาจจะเป็นเพราะการจัดประมูล,ธุรกิจโรงเตี้ยมเจริญรุ่งเรืองชั้นหนึ่งและชั้นสองเต็มหมด;มีแม้กระทั่งคนที่เข้าแถวต่อคิว

หลิวสุยเฟิงกล่าวอย่างช่วยไม่ได้“ดูเหมือนจะต้องเปลี่ยนไปดูโรงเตี้ยมอื่นแล้วที่ชั้นสามขึ้นไปจะต้องใช้บัตรพิเศษ”

เชี่ยวเฉินหยิบเอาบัตรพิเศษออกมาและแสดงกับคนที่เฝ้าอยู่ตรงบันไดหลังจากที่เขามองดู,คนผู้นั้นก็เชิญเซียวเฉินและหลิวสุยเฟิงเข้าไปด้วยความเคารพ,ท่าทีของเขาสุภาพเป็นอย่างมาก

นี่เป็นเพราะบัตรพิเศษที่เชี่ยวเฉินถืออยู่คือระดับสูงสุดมันสามารถให้เซี่ยวเฉินขึ้นไปได้ถึงชั้นห้าของศาลาหลับไหลบุคคลที่ถือบัตรระดับนี้ทั้งหมดล้วนมีสถานะที่ทรงอำนาจ

หลิวสุยเฟิงประหลาดใจ“นั้นมันบัตรพิเศษของศาลาหลับไหลเจ้าได้มันมาได้ยังไง?ไม่ง่ายนักที่จะได้มันมา”

เซียวเฉินยิ้ม“ร้านอาหารแห่วนกลดำเนินการโดยเจ้าหมูนั้นสำหรับเขาเอาบัตรพิเศษมาได้ง่ายเหมือนโบกมือ”

อย่างไรก็ตาม,ดูเหมีแนพวกเขาจะโชคไม่ดีมีชั้นสามก็เต็มหมดเช่นกันเซียวเฉินมองไปที่ทางขึ้นและกล่าว“ไปที่ชั้นสี่กันเถอะข้าไม่เชื่อว่ามันจะยากเย็นนักที่พวกเรานะได้อาหารสักมื้อ”

หลังจากที่เซียวเฉินแสดงบัตรพิเศษ,พวกเขาก็ขึ้นมาถึงชั้นสี่ชั้นสามและชั้นสี่แตกต่างกันที่ชั้นสี่นั้นถูกกั้นเป็นช่อง,และสะอาดสะอ้านกว่ามาก3694

พวกเขาเรียกบริกรมา,และในที่สุด,พวกเขาก็พบห้องว่าง

“รอก่อนข้าต้องการโต๊ะนี้ขณะที่บริกรกำลังจะพาเซี่ยวเฉินและหลิวสุยเฟิงเข้ามา,เสียงไม่ลื่นหูดังขึ้นมาจากด้านหลังของพวกเขา

เซียวเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยและหันกลับไปเขามองเห็นกลุ่มผู้เยาว์ที่แจชต่งกายชุดสีดำคนกลุ่มนี้ประกอบไปด้วยชายหญิง,และมีลายเกล็ดหิมะปักอยู่ด้านหน้าบนเสื้อของพวกเขา

นี่เป็นสัญลักษณ์ของตำหนักวิญญาณค่ำคืนสีดำหมายถึงค่ำคืน,และเกล็ดหิมะหมายถึงความหนาวเย็นมีเพียงศิษย์แก่นกลางที่จะสามารถปักลายเกล็ดหิมะสี่อันไว้บนเสื้อของพวกเขา

บุคคลที่นำกลุ่มเข้ามามีสีหน้าคมเข้มดุร้ายเขามีรูปร่างที่น่าประทับใจมีดาบห้อยอยู่ที่ตรงเอวของเขาเมื่อเขามองเห็นเหรียญแสดงตนบนเอวของเซียวเฉินและหลิวสุยเฟิง,สายตาเหยียดหยามปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

เมื่อบริกรเห็นคนผู้นี้,สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยเขากล่าว“นายน้อยชื่อ,นี่มันไม่ค่อยเหมาะสมโต๊ะถูกจัดเอาไว้ให้พวกเขาแล้ว”

คนผู้นั้นหัวเราะและเดินขึ้นมาต่อไปเขากล่าวโดยไม่ได้หันกลับมา“พวกมันยังไม่ได้เข้าไป,มิใช่รึ?มื้อนี้ข้าจ่ายให้เองพวกมันรอจนพวกเรากินเสร็จได้ไป,เตรียมอาหารมาซะ”

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ,ทำกับเซียวเฉินและหลิวสุยเฟิงเป็นอากาศธาตุเมินเฉยพวกเขาเหมือนไม่มีตัวตน

อย่างไรก็ตาม,บริกรขวางทางคนแซ่ชื่อนี่เอาไว้,เขากล่าวด้วยท่าทางละอาย“ขออภัยที่ศาลาหลับไหล,พวกเรามีกฎของพวกเราพวกเราทำตามหลักการมาก่อนได้ก่อนนายน้อยชื่ออย่าทำให้พวกเราต้องลำบากใจได้หรือไม่?”

สายตามืดมัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนผู้นั้น;เขาไม่คาดคิดว่าบริกรคนนี้ที่โดยปกติจะแสดงความเคารพต่อเขา,จะกล่าวขึ้นมาเช่นนี้“พูดอีกที?เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าสามารถสั่งปิดศาบาหลับไหลในเมืองซีเหอได้เพียงสั่งออกมาหนึ่งคำ?”

บริกรเกิดสองจิตสองใจเขาไม่รู้ควรจะทำเช่นไรบุคคลตรงหน้าของเขาก็คือชื่อเฟิง,บัตรชายคนที่สองของผู้นำตระกูลชื่อตระกูลชื่อคือหนึ่งในสามตระกูลขั้นสูงแห่งเมืองซีเหอ

ทุกคนจากสามตระกูลชั้นสูงล้วนมีอำนาจมหาศาลโดยเฉพาะตระกูลชื่อพวกเขาก่อตั้งขึ้นที่เมืองซีเหอพวกเขามีอำนาจมากมายในที่แห่งนี้หากเขาไปยั่วยุตระกูลชื่อ,มันจะเป็นการยากที่ศาบาหลับไหลจะดำเนินธุรกิจที่นี่

อย่างไรก็ตาม,สถานะของเซียวเฉินและหลิวสุยเฟิงก็ไม่ธรรมดาเช่นกันพวกเขามีบัตรพิเศษจำนวนจำกัดระดับสูงสุดของศาลาหลับไหลพวกเขาคงไม่ยอมง่ายๆเช่นกันมันก็ไม่ดีที่จะไปยั่วยุ

“ศิษย์พี่ชื่อเฟิง,ในเมื่อมันมีกฎเป็นเช่นนั้นก็ให้รอก่อน”สาวงามจากในกลุ่มห้าคนแนะขึ้น

อีกคนหนึ่งก็กล่าวขึ้น“ศิษย์พี่ชื่อ,ข้าคิดว่าแค่เปลี่ยนร้านเสียก็สิ้นเรื่องไม่มีความจำเป็นต้องไปทำให้เรื่องมันยาก”

แม้ว่าคำของเขาจะดูเหมือนแนะนำ,ในความเป็นจริง,เขากำลังกล่าวว่าชื่อเฟิงนั้นเห็นแก่ตัวและทำให้เรื่องมันยากสำหรับบริกร

ชื่อเฟิงเหลียวไปมองที่คนผู้นี้อยู่ดุร้าย,ความโกรธวูบผ่านดวงตาของเขาอย่างไรก็ตามเขาไม่กล้าพูดมากต่อหน้าแม่นางผู้นั้น

เขาหันหน้าไปที่หญิงสาวและกล่าวขึ้น“ศิษย์น้องมู่,ไม่จำเป็นต้องกังวลมันเป็นเรื่องที่ตระกูลชื่อของข้าจัดการได้ในเมืองซีเหอแห่งนี้ใช่หรือไม่,บริกร?”

จุดประสงค์ที่เขาออกมาจากนิกายครั้งนี้นอกจากการเข้าร่วมการประมูลก็คือแม่หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเขา,มเยียนเสวี่ย

มู่เยี่ยนเสียเป็นบุตรสาวคนที่สองคนโปรดของท่านเจ้าตำหนักจิตวิญญาณค่ำคืนชรือเฟิงได้ติดตามนางไปทั่วตำหนักจิตวิญญาณค่ำคืน

ในส่วนของความงาม,นิสัยใจคอ,และสถานะ,นางคือหญิงในอุดมคติของเขาสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นหากว่าเขาได้ตกแต่งกับนาง,ตำแหน่งของเขาในตระกูลจะมันคงยิ่งขึ้น

เขามีโอกาสมากขึ้นที่จะฉวยตำแหน่งอันตระกูลในอนาคตหากว่าเขาไม่อาจได้โต๊ะนี้ในอาณาเขตของเขา,เขาจะเสียหน้าเป็นอย่างมาก

บริกรคนนี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อชรือเฟิงใช้ชื่อตระกูลของเขามากดดันเขาอดไม่ได้ที่จะมองไปทางเซียวเฉินและหลิวสุยเฟิง,หวังเอาไว้ว่าพวกเขาจะยอมถอย

เซี่ยวเฉินยิ้มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้เขาไม่คาดคิดว่าหาข้าวกินสักมื้อมันจะยุ่งยากถึงเพียงนี้ทุกทุกที่ที่เขาไปมีแต่พวกบ้าบอ

เซียวเฉินไม่ได้เป็นเด็กน้อยไร้ความอดทนอีกต่อไปหลังจากที่เขาออกมาจากเมืองม่อเหอตอนนี้เขามีความเป็นผู้ใหญ่เขาจะไม่เผยความสามารถออกมาโดยง่าย

เซียวเฉินหันกลับและนำหลิวสุยเฟิงตรงไปที่ชั้นห้าคนส่วนใหญ่ไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาที่ชั้นห้าไม่น่าจะมีเรื่องยุ่งยากหากจะนั่งลงกินข้าวสักมื้อที่นั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+