Immortal and Martial Dual Cultivation 118 ประมือขุนนางกุยยี่

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 118 ประมือขุนนางกุยยี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 118 ประมือขุนนางกุยยี่

 

เซียวเฉินตกตะลึง,ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงสร้างเสาน่ำแข็งหกตนกลับมาได้รวดเร็วนัก พวกเขาทั้งหกประสานกันรวมเป็นหนึ่ง พวกเขามีจิตวิญญาณต่อสู้ธาตุเดียวกัน,จิตวิญญาณต่อสู้แบบเดียวกันเลยด้วยซ้ำ เมื่อพวกเขาลงมือพร้อมกัน,แม้แต่ระดับขอบเขตกษัตรย์ยุทธก็ตึงมือ

 

“เยือกเเข็ง!”

 

ตวนมู่ฉิงทันใดนั้นก็ตะโกนขึ้นมาเบาๆ เสาน้ำแข็งขนาดยักษ์ทันใดนั้นก็ปรากฎขึ้นมา ระดับขอบเขตนักบุญขอบเขตนักบุญชุดน้ำเงินถูกแช่แข็งไว้ภายในเสาตนนั้นทันที,เสาน้ำแข็งมิได้แตกหักหรือระเบิดออกมาอีกต่อไป

 

“ฮ่ะ!”

 

ตำราโบราณถูกโยนเข้าไปในฝูงชน ก่อนที่ชายชุดน้ำเงินจะถูกแช่แข็งไว้ในเสาได้เต็มตัว,เขาก็โยนตำราทักษะโบราณทิ้งไป

 

ฝูงชนกลายเป็นแตกตื่นในทันที,และผู่บ่มเพาะพลังหลายคนเริ่มต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำรา ฉากตรงหน้ากลายเป็นโกหาหล

 

ตวนมู่ฉิงคิ้วขมวดและกล่าวด้วยเสียงเย็นเฉียบ “ฆ่าให้หมด!”

 

หลังจากพูดจบ,ผมยาวดำเงาของนางกลายเป็นสีขาวดาบเรียวยาวปรากฎขึ้นในมือของนาง,และไร้ซึ่งอารมณ์ปรากฎขึ้นในดวงตาของนาง มันราวกับว่านางคือยมฑูตที่ขึ้นมาเก็บเกี่ยวเอาวิญญาณของมนุษย์

 

“ฟุ่ว!ฟิ่ว!”

 

เสียงร้องโหยหวนดังสะท้อนท่ามกลางฝูงคน ตวนมู่ฉิงนำกลุ่มหกระดับขอบเขตนักบุญและสิบระดับขอบเขตปรมจารย์บุกทะลวงเข้าไปในฝูงชน พวกเขาฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า,ไร้ซึ่งความปราณี

 

“หนี! กลุ่มของนังนั้นมันบ้าไปแล้ว!”

 

เลือดโลหิตและชิ้นส่วนมนุษย์ลอยว่อนไปทุกที่ เสียงร้องแห่งความหวาดกลัวสะท้อนไปทุกแห่ง ใบหน้าของตวนมู่ฉิงถูกฉาบไปด้วยเลือด เลือดแดงฉานเปรอะเปื้อนไปบนบุปผางาม,ขับเอาเสน่ห์ของนางออกมา

 

“ฮ่ะ!”

 

เมื่อใบดาบเรียวบางฟันลงมา,มันไร้ซึ่งเสียง ระดับขอบเขตปรมาจารย์ผู้หนึ่งถูกฟันขาดครึ่ง ตวนมู่ฉิงยังคงไร้ซึ่งสีหน้าพร้อมกับชักดาบกลับและแทงเข้าไปที่หัวใจของระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธตรงหน้าของนาง

 

ทักษะต่อสู้ไม่ได้ฉูฉาดตระการตา,มันช่างเรียบง่ายซื่อตรง ทุกกระบวณท่าหมายถึงความตาย ตวนมู่ฉิงราวกับเป็นเครื่องจักรสังหาร การเคลื่อนไหวของนางแม่นยำ,และยังงดงามราวกับดอกไม้ไฟที่ปะทุบนท้องฟ้า

 

ชีวิตที่กำลังจะมอดดับลง,เผยให้พวกเขาเห็นถึงท่วงท่าแห่งความตาย,นี่เป็นศิลปะแห่งความตาย

 

อากาศหนาวเหน็บเติมเต็มพื้นที่พร้อมกับประกายแสงเย็นระยิบระยับ พื้นที่โดยรอบกลายเป็นสุสานน้ำแข็ง ความรวดเร็วของเหล่าผู้บ่มเพาะพลังลดลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม,ตระกูลตวนมู่ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ การต่อสู้ในครั้งนี้เป็นการไล่ฟันเพียงฝ่ายเดียว

 

เจ้าหมูหน้าซีด,และเขาก็พูดขึ้นด้วยความหวาดกลัวฝังลึกในจิตใจ “แม่นางผู้นี้ช่างน่าหวาดกลัว นางไม่มีความปราณีแม้แต่นิดตอนที่ฆ่าคนสีหน้านางไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย ชีวิตมนุษย์มีค่าด้อยกว่ามดในสายตาของนาง?”

 

ซู่เสี่ยวเสี่ยวไม่ได้แปลกใจอะไรนัก,นางถอนหายใจออกมา “ราชินีแห่งตระกูลตวนมู่ต้องบ่มเพาะพลังทักษะเหมันต์ลึกล้ำ ผู้ที่บ่มเพาะพลังต้องตัดสีหน้าอารมณ์ทิ้งไป,มิฉะนั้น,นางจะไม่อาจบ่มเพาะพลังได้ถึงขั้นสมบูรณ์แบบได้ ในตอนที่ข้าเจอกับนางในอดีต,ก็ยังได้เห็นรอยยิ้มของนาง”

 

เซียวเฉินตกตะลึงในใจ,พอคิดว่ามีทักษะบ่มเพาะพลังที่สุดจัดเช่นนี้อยู่บนโลกที่ผู้บ่มเพาะพลังจะต้องตัดอารมณ์ทิ้งไป นี้มันช่างโหดร้าย! เซียวเฉินมองไปยังตวนมู่ด้วยความเห็นใจ

 

“ฟุ่ว! ฟิ่ว!”

 

ตวนมู่ฉิงสะบัดดาบในมือของนางและสังหารผู้บ่มเพาะพลังคนสุดท้าย นางหยิบตำราโบราณสีเหลืองบนพื้นขึ้นมาช้าๆ

 

ทันใดนั้นสายตาของนางก็หันมาที่พวกเขาทั้งสาม นางเดินมาอย่างเรียบง่ายตรงมาที่พวกเขา พวกเขาทั้งสามสัมผัสได้ถึงสายลมเย็นยะเยือก,มันเย็นพอที่จะกัดกินเข้าไปถึงหัวใจของพวกเขา

 

“ตำราทักษะนี่ข้าให้เจ้า,แลกกับจิ้งจอกวิญญาณ” ตวนมู่ฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบพร้อมกับยื่นตำราทักษะโบราณสีเหลืองมาทางเซียวเฉิน

 

เซียวเฉินยิ้มขมขื่นกับตัวเอง ที่เขาคิดว่าตัวนางช่างน่าสงสาร

 

เซียวเฉินไม่ลังเลที่จะตอบปฏิเสธ “ต้องขออภัย,เสี่ยวไป๋ไม่ใช่สินค้า ข้าจะไม่ใช้มันเป็นสิ่งของแลกเปลี่ยนกับอะไรทั้งสิ้น”

 

“นี่มันยังไม่เพียงพอ?” ตวนมู่ฉิงสีหน้าเย็นชา อุณหภูมิโดยรอบลดต่ำลงอีกครั้ง

 

จินต้าเป่าไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป,เขาพูดขึ้น “อย่าคิดว่าย้อมผมสีขาวแล้วจะเท่ห์ ใช้หัวคิดสักนิด จิ้งจอกวิญญาณตัวนั้นทำสัญญาเลือดไปเรียบร้อยแล้ว มันแลกเปลี่ยนไม่ได้”

 

ตวนมู่ฉิงยังคงจับจ้องไปที่เซียวเฉิน,นางไม่ได้สนใจเจ้าหมูแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม,เมื่อนางได้ยินเช่นนั้น,ดูเหมือนนางจะเข้าใจอะไรบ้างอย่าง นางปลดปล่อยเจตนาฆ่าออกมาจากดวงตา,ดาบเรียวบางในมือของนางเริ่มส่งเสียงร้อง

 

“จินต้าเป่า,เอาลูกชายของข้าคืนมา!” เสียงของเจียงหมิงชุ่นดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ

 

จีชางคงนำกลุ่มนักบ่มเพาะพลังของทั้งสองตระกูลตรงเข้ามา ชัดเจนว่าเสียงจากการต่อสู้เมื่อครู่ดึงดูดความสนใจไม่น้อย

 

จีชางคงยืนอย่างองอาจท่ามกลางฝูงคน,ดวงตาของเขาราวกับท้องฟ้าไร้ขอบเขตที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เมื่อมองไปผ่านๆ,มันไม่อาจคาดเดาความแข็งแกร่งของเขาได้ ดูเหมือนภาพมหาปราชญ์รู้แจ้งจะช่วยเขาไม่น้อย

 

เจ้าหมูพูดขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด “หากเจ้าอยากได้ลูก,ก็ไปหาแม่ของมันสิ ทำไมต้องมาตามหาท่านหมูผู้นี้? ท่านหมูตั้งท้องไม่ได้”

 

“จินต้าเป่า,อย่าลามปามให้มันมากนัก!”

 

เซียวเฉินพูดอย่างไม่แยแส “เจียงหมิงเหิงอยู่กับข้า…เจ้าถามหาผิดคนแล้ว”

 

เสื้อผ้าเส้นผมของจีชางคงเริ่มพริวไหวไปรอบๆแม้จะไร้ซึ่งสายลม เขาพูดขึ้น “ปล่อยตัวลูกพี่ลูกน้องของข้าและทิ้งแขนไว้หนึ่งข้าง จากนั้น,ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

 

“ตุบ! ตุบ! ตุบ!”

 

มีเสียงฝีเท้ากำลังเร่งความเร็วเข้ามาจากระยะไกล ฮวาหยุ่นเฟยนำกลุ่มระดับขอบเขตนักบุญหกคนของตระกูลฮวาตรงเข้ามา ฮวาหยุ่นเฟยพูดขึ้นอย่างเย็นชา “เซียวเฉิน,คนของข้าถูกเจ้าสังหารใช่หรือไม่? หลังจากเจ้าฆ่าคนของตระกูลฮวาของข้า,เจ้าลืมเกี่ยวกับการกลับออกไปจากราชวังใต้ดินแบบเป็นๆได้เลย”

 

เซียวเฉินมองไปที่คนจากสามตระกูลชั้นสูงอย่างเย็นชา ตวนมู่ฉิง,จีชางคง,ฮวาหนุ่นเฟยและเหล่าผู้บ่มเพาะพลังทั้งหลายด้านหลังพวกเขาต่างจ้องมองมาที่เซียวเฉิน สายตาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า

 

เซียวเฉินจับกระบี่เงาจันทร์ไว้มั่นในมือ ประกายแสงสายฟ้าร่ายรำไปรอบคมกระบี่พร้อมกับพลังของแก่นแกลางปีศาจระดับ 6 ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์ เขายิ้มอย่างเย็นชา “ไม่ใช่ว่าจะมาเพื่อฆ่าข้า? พวกเจ้าจะหาเหตุผลอะไรมาอ้างมากมาย? ใครจะเจ้ามาก่อน? หัวของข้าก็วางอยู่บนบ่า,มาดูกันว่าใครจะได้ไป”

 

ฝูงชนนิ่งเงียบ พวกเขาต่างรู้ถึงพลังของเซียวเฉิน ในสถานการณ์เช่นนี้,เซียวเฉินอาจจะวิ่งทิ้งทวนไล่ฆ่าพวกเขา เกิดความกลัวขึ้นในใจของพวกเขา,ไม่มีใครกล้าเปิด

 

“ขุนนางกุยยี่มารับหัวของเจ้า!”

 

หอกยาวสีทองปรากฎขึ้นมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง มันซัดเข้าที่หน้าอกของเซียวเฉินเกิดเสียงดังสนั่น เสื้อของเขาขาดกระจุยในทันที

 

เกราะศึกสีทองเผยออกมา หอกยาวไม่อาจเจาะทะลุผ่านชุดเกราะไปได้ เพียงขุนนางกุยยี่นึกคิด,เส้นสายพลังปราณสีทองไหลเข้าไปในหอกยาว พลังมหาศาลทำได้เพียงผลักเซัยวเฉินให้กระเด็นถอยหลังไป

 

“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!”

 

ขุนนางกุยยี่ตะโกนออกมาเบาๆ หอกยาวในมือของเขากดลงไปที่เซียวเฉิน,ทำให้เซียวเฉินถูกดันกลับไปอย่างต่อเนื่อง เสาหินกว่าสิบต้นภายในราชวังใน้ดินถูกซัดพังลงไปในทันที ในที่สุด,เซียวเฉินก็ถูกดันไปติดกับกำแพงและภาพมหาปราชญ์รู้แจ้งก่อนที่จะหยุดลง

 

มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเซียวเฉินเขามองไปที่ขุนนางกุยยี่ด้วยความสงสัยพร้อมกับถามขึ้น “ข้าไม่มีเรื่องบาดหมางกับท่าน,ทำไมถึงได้อยากจะฆ่าข้า?”

 

มันไม่เห็นจะมีเหตุผล ตวนมู่ฉิง,ฮวาหยุ่นเฟยและจีชางคงมีเป็นร้อยเหตุผลที่อยากจะฆ่าเขา อย่างไรก็ตาม,ขุนนางกุยยี่ไม่เคยได้เสวนากับข้าเลยสักครั้ง,ทำไมเขาถึงได้จู่โจมข้าอย่างไม่มีเหตุผล?

 

ขุนนางกุยยี่สวมชุดเกราะสีทอง,และแบกหอกสั้นสีแดงไว้ที่หลัง ใบหน้าของเขาเรียบเนียนราวกับผิวหยกและช่างดูหล่อเหลา,ราวกับมหาปราชญ์สงครามลอยลงมา

 

เขาไร้ซึ่งสีหน้าพร้อมกับพูดขึ้นอย่างไม่แยแส “คำสั่งที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษ นอกจากตระกูลหยิงผู้ที่เคยได้เห็นพลังฉีจักรพรรดิมังกรจะต้องตาย!”

 

หลังจากที่เขาพูดจบ,หอกสีทองในมือของเขาสั่นเทิ่ม ปลายหอกกดลงไปที่ชุดเกราะของเซียวเฉินและแสงหอกสีทองสร้างรอยร้าวเล็กๆขึ้นบนชุดเกราะ

 

ภาพมหาปราชญ์รู้แจ้งด้านหลังของเซียวเฉินแตกร้าว สลายพลังมหาศาลออกไป

 

เซียวเฉินจับไปที่ด้ามหอก ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์โคจรไปทั่วร่างของเขาอย่างรวดเร็ว,พลังปราณไหลออกมาจากมือของเขา ประกายแสงพลังงานรุ่งโรจน์ทันใดนั้นก็ไหลจากหอกสีทองยาวกว่าสามเมตรไปที่มือของขุนนางกุยยี่

 

มือของขุนนางกุยยี่ด้านชา ขณะที่ประกายแสงไหลเข้าไปในร่างของเขา,พลังปราณในร่างของเขากลายเป็นปั่นป่วน พลังบนตัวหอกลดลงไปอย่างรวดเร็วทันที

 

“ชะแว้ง!”

 

เซียวเฉินใช้โอกาสนี้เบี่ยงหอกยาวออกไป เขาร่วงลงมาจากอากาศ เขาโยนเม็ดยาห้วนคืนโลหิตเข้าปาก,จากนั้นก็ถือกระบี่เงาจันทร์ไว้ในมือและพุ่งเข้าใส่ขุนนางกุยยี่

 

“บูม!”

 

ขุนนางกุยยี่ระงับกระแสไฟฟ้าในร่างของเขาเอาไว้ หอกยาวในมือของเขาชี้ลง สายลมร้องคำรามและประกายหอกแสงปรากฎขึ้น,ดูราวกับมันมีพลังที่ไม่อาจยั้งถึง

 

“ปัง!” เซียวเฉินหลบไปด้านข้าง,หอกยาวแทงลงไปที่พื้นและเกิดเป็นปล่องขึ้นมา เศษหินฝุ่นควันนับไม่ถ้วนถูกตบขึ้นในอากาศ

 

หอกยาวตีกวาดออกมา,และชั้นฝุ่นควันก็แยกออก,ราวกับมันถูกฟันออกเป็นสองท่อน หอกของขุนนางกุยยี่ยาวกว่าสามเมตร,เพิ่มแสงหอกเข้าไป,เขาสามารถมองเห็นในระยะสิบเมตรรอบตัวได้อย่างชัดเจน

 

ด้วยระยะการโจมตีที่กว้างเช่นนี้,เซียวเฉินไม่อาจหลบจากซ้ายไปขวาได้ เขาทำได้เพียงกระโดดขึ้นไปเพื่อหลบเลี่ยง ขุนนางกุยยี่เผยรอยยิ้มออกมา,พร้อมกับก้าวถอยหลังด้วยเท้าขวาและชักหอกยาวของเขากลับมา

 

“บูม! บูม! บูม!”

 

ขุนนางกุยยี่จับด้ามหอกมั่นและใส่พลังลงไป หอกที่ถูกดึงกลับมาพุ่งออกไปราวกับมังกรทะยาน มันคำรามตรงไปที่เซียวเฉินที่ลอยตัวอยู่ในอากาศ ทันใดนั้น,หอกร้อยเล่มก็เบ่งบานออกมา

 

เมื่อต้องเผชิญกับภาพหอกมากมาย,ความคิดของเซียวเฉินหมุนคว้าง เขารู้ว่าภาพหอกทุกเล่มล้วนเป็นของจริง พวกมันประจุไปด้วยเจตนาฆ่าอันไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่เขาโดนซัดใส่,เกิดเป็นรูปรากฎบนร่างของเขา

 

ในเมื่อเขาไม่อาจมองตามการเคลื่อนไหวได้ทัน,เซียวเฉินทำเพียงปิดตาลงและจดจ่อไปที่กระบี่ของเขา แค่เหมือนที่เขาฝึกฝนมา,กระบี่เงาจันทร์วูบไหวอย่างต่อเนื่อง

 

เสียงเหล็กปะทะกันดังออกมาอย่างต่อเนื่อง เพียงพริบตา,พวกเขาทั้งสองและเปลี่ยนกันมากกว่าหนึ่งร้อยครั้งกลางอากาศ หลังจากที่เซียวเฉินลงมาถึงพื้น,ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นและตะโกนออกไป “ชักกระบี่ฟัน!”

 

กระบี่เงาจันทร์เผยแสงที่เก็บซ่อนเอาไว้,และฟันไปที่ตัวหอกด้วยความรวดเร็ว เกิดเป็นเสียงดังกังวาน,และหอกยาวสั่นไหวในอากาศ ตัวหอกถูกตีจนโค้งงอราวกับเสี้ยวพระจันทร์ก่อนที่จะดีดกลับ

 

พลังมหาศาลถึงกับทำให้มือขวาของขุนนางกุยยี่ด้านชา หอกยาวเด้งหลุดมือขวาของเขาไป เขาฟื้นสติจากความตกใจและจับหอกไว้ให้มั่นอีกครั้ง ความมืดมัวปรากฎขึ้นในดวงตาของขุนนางกุยยี่ เขาก้าวขึ้นหน้าอย่างหนักแน่นและตีกวาดอีกครั้ง

 

เคยเจอมาแล้วครั้งนึง,เซียวเฉินไม่กระโดดหลบขึ้นข้างบนอีก โค้งตัวกลับหลัง,ลงไปหาพื้นดินอย่างรวดเร็ว

 

** ท่าแบบที่นีโอใช้หลบกระสุนใน The Matrix อ่ะครับ ไม่รู้จะอธิบายยังไง

 

“ฮ่ะ!”

 

หอกยาวกวาดผ่านใบหน้าของเขาไป หลังจากที่หอกยาวกวาดผ่าน,เส้นผมบางเส้นของเขาถูกตัดกลับไปด้วยทันที

 

ในจังหวะที่เซียวเฉินกำลังจะโจมตีสวน,ฮวาหยุ่นเฟยผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา,ทันใดนั้นก็ลงมือ เขากลายร่างเป็นธารโลหิตและพุ่งไปทางเซียวเฉิน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 118 ประมือขุนนางกุยยี่

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 118 ประมือขุนนางกุยยี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 118 ประมือขุนนางกุยยี่

 

เซียวเฉินตกตะลึง,ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงสร้างเสาน่ำแข็งหกตนกลับมาได้รวดเร็วนัก พวกเขาทั้งหกประสานกันรวมเป็นหนึ่ง พวกเขามีจิตวิญญาณต่อสู้ธาตุเดียวกัน,จิตวิญญาณต่อสู้แบบเดียวกันเลยด้วยซ้ำ เมื่อพวกเขาลงมือพร้อมกัน,แม้แต่ระดับขอบเขตกษัตรย์ยุทธก็ตึงมือ

 

“เยือกเเข็ง!”

 

ตวนมู่ฉิงทันใดนั้นก็ตะโกนขึ้นมาเบาๆ เสาน้ำแข็งขนาดยักษ์ทันใดนั้นก็ปรากฎขึ้นมา ระดับขอบเขตนักบุญขอบเขตนักบุญชุดน้ำเงินถูกแช่แข็งไว้ภายในเสาตนนั้นทันที,เสาน้ำแข็งมิได้แตกหักหรือระเบิดออกมาอีกต่อไป

 

“ฮ่ะ!”

 

ตำราโบราณถูกโยนเข้าไปในฝูงชน ก่อนที่ชายชุดน้ำเงินจะถูกแช่แข็งไว้ในเสาได้เต็มตัว,เขาก็โยนตำราทักษะโบราณทิ้งไป

 

ฝูงชนกลายเป็นแตกตื่นในทันที,และผู่บ่มเพาะพลังหลายคนเริ่มต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำรา ฉากตรงหน้ากลายเป็นโกหาหล

 

ตวนมู่ฉิงคิ้วขมวดและกล่าวด้วยเสียงเย็นเฉียบ “ฆ่าให้หมด!”

 

หลังจากพูดจบ,ผมยาวดำเงาของนางกลายเป็นสีขาวดาบเรียวยาวปรากฎขึ้นในมือของนาง,และไร้ซึ่งอารมณ์ปรากฎขึ้นในดวงตาของนาง มันราวกับว่านางคือยมฑูตที่ขึ้นมาเก็บเกี่ยวเอาวิญญาณของมนุษย์

 

“ฟุ่ว!ฟิ่ว!”

 

เสียงร้องโหยหวนดังสะท้อนท่ามกลางฝูงคน ตวนมู่ฉิงนำกลุ่มหกระดับขอบเขตนักบุญและสิบระดับขอบเขตปรมจารย์บุกทะลวงเข้าไปในฝูงชน พวกเขาฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า,ไร้ซึ่งความปราณี

 

“หนี! กลุ่มของนังนั้นมันบ้าไปแล้ว!”

 

เลือดโลหิตและชิ้นส่วนมนุษย์ลอยว่อนไปทุกที่ เสียงร้องแห่งความหวาดกลัวสะท้อนไปทุกแห่ง ใบหน้าของตวนมู่ฉิงถูกฉาบไปด้วยเลือด เลือดแดงฉานเปรอะเปื้อนไปบนบุปผางาม,ขับเอาเสน่ห์ของนางออกมา

 

“ฮ่ะ!”

 

เมื่อใบดาบเรียวบางฟันลงมา,มันไร้ซึ่งเสียง ระดับขอบเขตปรมาจารย์ผู้หนึ่งถูกฟันขาดครึ่ง ตวนมู่ฉิงยังคงไร้ซึ่งสีหน้าพร้อมกับชักดาบกลับและแทงเข้าไปที่หัวใจของระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธตรงหน้าของนาง

 

ทักษะต่อสู้ไม่ได้ฉูฉาดตระการตา,มันช่างเรียบง่ายซื่อตรง ทุกกระบวณท่าหมายถึงความตาย ตวนมู่ฉิงราวกับเป็นเครื่องจักรสังหาร การเคลื่อนไหวของนางแม่นยำ,และยังงดงามราวกับดอกไม้ไฟที่ปะทุบนท้องฟ้า

 

ชีวิตที่กำลังจะมอดดับลง,เผยให้พวกเขาเห็นถึงท่วงท่าแห่งความตาย,นี่เป็นศิลปะแห่งความตาย

 

อากาศหนาวเหน็บเติมเต็มพื้นที่พร้อมกับประกายแสงเย็นระยิบระยับ พื้นที่โดยรอบกลายเป็นสุสานน้ำแข็ง ความรวดเร็วของเหล่าผู้บ่มเพาะพลังลดลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม,ตระกูลตวนมู่ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ การต่อสู้ในครั้งนี้เป็นการไล่ฟันเพียงฝ่ายเดียว

 

เจ้าหมูหน้าซีด,และเขาก็พูดขึ้นด้วยความหวาดกลัวฝังลึกในจิตใจ “แม่นางผู้นี้ช่างน่าหวาดกลัว นางไม่มีความปราณีแม้แต่นิดตอนที่ฆ่าคนสีหน้านางไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย ชีวิตมนุษย์มีค่าด้อยกว่ามดในสายตาของนาง?”

 

ซู่เสี่ยวเสี่ยวไม่ได้แปลกใจอะไรนัก,นางถอนหายใจออกมา “ราชินีแห่งตระกูลตวนมู่ต้องบ่มเพาะพลังทักษะเหมันต์ลึกล้ำ ผู้ที่บ่มเพาะพลังต้องตัดสีหน้าอารมณ์ทิ้งไป,มิฉะนั้น,นางจะไม่อาจบ่มเพาะพลังได้ถึงขั้นสมบูรณ์แบบได้ ในตอนที่ข้าเจอกับนางในอดีต,ก็ยังได้เห็นรอยยิ้มของนาง”

 

เซียวเฉินตกตะลึงในใจ,พอคิดว่ามีทักษะบ่มเพาะพลังที่สุดจัดเช่นนี้อยู่บนโลกที่ผู้บ่มเพาะพลังจะต้องตัดอารมณ์ทิ้งไป นี้มันช่างโหดร้าย! เซียวเฉินมองไปยังตวนมู่ด้วยความเห็นใจ

 

“ฟุ่ว! ฟิ่ว!”

 

ตวนมู่ฉิงสะบัดดาบในมือของนางและสังหารผู้บ่มเพาะพลังคนสุดท้าย นางหยิบตำราโบราณสีเหลืองบนพื้นขึ้นมาช้าๆ

 

ทันใดนั้นสายตาของนางก็หันมาที่พวกเขาทั้งสาม นางเดินมาอย่างเรียบง่ายตรงมาที่พวกเขา พวกเขาทั้งสามสัมผัสได้ถึงสายลมเย็นยะเยือก,มันเย็นพอที่จะกัดกินเข้าไปถึงหัวใจของพวกเขา

 

“ตำราทักษะนี่ข้าให้เจ้า,แลกกับจิ้งจอกวิญญาณ” ตวนมู่ฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบพร้อมกับยื่นตำราทักษะโบราณสีเหลืองมาทางเซียวเฉิน

 

เซียวเฉินยิ้มขมขื่นกับตัวเอง ที่เขาคิดว่าตัวนางช่างน่าสงสาร

 

เซียวเฉินไม่ลังเลที่จะตอบปฏิเสธ “ต้องขออภัย,เสี่ยวไป๋ไม่ใช่สินค้า ข้าจะไม่ใช้มันเป็นสิ่งของแลกเปลี่ยนกับอะไรทั้งสิ้น”

 

“นี่มันยังไม่เพียงพอ?” ตวนมู่ฉิงสีหน้าเย็นชา อุณหภูมิโดยรอบลดต่ำลงอีกครั้ง

 

จินต้าเป่าไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป,เขาพูดขึ้น “อย่าคิดว่าย้อมผมสีขาวแล้วจะเท่ห์ ใช้หัวคิดสักนิด จิ้งจอกวิญญาณตัวนั้นทำสัญญาเลือดไปเรียบร้อยแล้ว มันแลกเปลี่ยนไม่ได้”

 

ตวนมู่ฉิงยังคงจับจ้องไปที่เซียวเฉิน,นางไม่ได้สนใจเจ้าหมูแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม,เมื่อนางได้ยินเช่นนั้น,ดูเหมือนนางจะเข้าใจอะไรบ้างอย่าง นางปลดปล่อยเจตนาฆ่าออกมาจากดวงตา,ดาบเรียวบางในมือของนางเริ่มส่งเสียงร้อง

 

“จินต้าเป่า,เอาลูกชายของข้าคืนมา!” เสียงของเจียงหมิงชุ่นดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ

 

จีชางคงนำกลุ่มนักบ่มเพาะพลังของทั้งสองตระกูลตรงเข้ามา ชัดเจนว่าเสียงจากการต่อสู้เมื่อครู่ดึงดูดความสนใจไม่น้อย

 

จีชางคงยืนอย่างองอาจท่ามกลางฝูงคน,ดวงตาของเขาราวกับท้องฟ้าไร้ขอบเขตที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เมื่อมองไปผ่านๆ,มันไม่อาจคาดเดาความแข็งแกร่งของเขาได้ ดูเหมือนภาพมหาปราชญ์รู้แจ้งจะช่วยเขาไม่น้อย

 

เจ้าหมูพูดขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด “หากเจ้าอยากได้ลูก,ก็ไปหาแม่ของมันสิ ทำไมต้องมาตามหาท่านหมูผู้นี้? ท่านหมูตั้งท้องไม่ได้”

 

“จินต้าเป่า,อย่าลามปามให้มันมากนัก!”

 

เซียวเฉินพูดอย่างไม่แยแส “เจียงหมิงเหิงอยู่กับข้า…เจ้าถามหาผิดคนแล้ว”

 

เสื้อผ้าเส้นผมของจีชางคงเริ่มพริวไหวไปรอบๆแม้จะไร้ซึ่งสายลม เขาพูดขึ้น “ปล่อยตัวลูกพี่ลูกน้องของข้าและทิ้งแขนไว้หนึ่งข้าง จากนั้น,ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

 

“ตุบ! ตุบ! ตุบ!”

 

มีเสียงฝีเท้ากำลังเร่งความเร็วเข้ามาจากระยะไกล ฮวาหยุ่นเฟยนำกลุ่มระดับขอบเขตนักบุญหกคนของตระกูลฮวาตรงเข้ามา ฮวาหยุ่นเฟยพูดขึ้นอย่างเย็นชา “เซียวเฉิน,คนของข้าถูกเจ้าสังหารใช่หรือไม่? หลังจากเจ้าฆ่าคนของตระกูลฮวาของข้า,เจ้าลืมเกี่ยวกับการกลับออกไปจากราชวังใต้ดินแบบเป็นๆได้เลย”

 

เซียวเฉินมองไปที่คนจากสามตระกูลชั้นสูงอย่างเย็นชา ตวนมู่ฉิง,จีชางคง,ฮวาหนุ่นเฟยและเหล่าผู้บ่มเพาะพลังทั้งหลายด้านหลังพวกเขาต่างจ้องมองมาที่เซียวเฉิน สายตาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า

 

เซียวเฉินจับกระบี่เงาจันทร์ไว้มั่นในมือ ประกายแสงสายฟ้าร่ายรำไปรอบคมกระบี่พร้อมกับพลังของแก่นแกลางปีศาจระดับ 6 ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์ เขายิ้มอย่างเย็นชา “ไม่ใช่ว่าจะมาเพื่อฆ่าข้า? พวกเจ้าจะหาเหตุผลอะไรมาอ้างมากมาย? ใครจะเจ้ามาก่อน? หัวของข้าก็วางอยู่บนบ่า,มาดูกันว่าใครจะได้ไป”

 

ฝูงชนนิ่งเงียบ พวกเขาต่างรู้ถึงพลังของเซียวเฉิน ในสถานการณ์เช่นนี้,เซียวเฉินอาจจะวิ่งทิ้งทวนไล่ฆ่าพวกเขา เกิดความกลัวขึ้นในใจของพวกเขา,ไม่มีใครกล้าเปิด

 

“ขุนนางกุยยี่มารับหัวของเจ้า!”

 

หอกยาวสีทองปรากฎขึ้นมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง มันซัดเข้าที่หน้าอกของเซียวเฉินเกิดเสียงดังสนั่น เสื้อของเขาขาดกระจุยในทันที

 

เกราะศึกสีทองเผยออกมา หอกยาวไม่อาจเจาะทะลุผ่านชุดเกราะไปได้ เพียงขุนนางกุยยี่นึกคิด,เส้นสายพลังปราณสีทองไหลเข้าไปในหอกยาว พลังมหาศาลทำได้เพียงผลักเซัยวเฉินให้กระเด็นถอยหลังไป

 

“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!”

 

ขุนนางกุยยี่ตะโกนออกมาเบาๆ หอกยาวในมือของเขากดลงไปที่เซียวเฉิน,ทำให้เซียวเฉินถูกดันกลับไปอย่างต่อเนื่อง เสาหินกว่าสิบต้นภายในราชวังใน้ดินถูกซัดพังลงไปในทันที ในที่สุด,เซียวเฉินก็ถูกดันไปติดกับกำแพงและภาพมหาปราชญ์รู้แจ้งก่อนที่จะหยุดลง

 

มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเซียวเฉินเขามองไปที่ขุนนางกุยยี่ด้วยความสงสัยพร้อมกับถามขึ้น “ข้าไม่มีเรื่องบาดหมางกับท่าน,ทำไมถึงได้อยากจะฆ่าข้า?”

 

มันไม่เห็นจะมีเหตุผล ตวนมู่ฉิง,ฮวาหยุ่นเฟยและจีชางคงมีเป็นร้อยเหตุผลที่อยากจะฆ่าเขา อย่างไรก็ตาม,ขุนนางกุยยี่ไม่เคยได้เสวนากับข้าเลยสักครั้ง,ทำไมเขาถึงได้จู่โจมข้าอย่างไม่มีเหตุผล?

 

ขุนนางกุยยี่สวมชุดเกราะสีทอง,และแบกหอกสั้นสีแดงไว้ที่หลัง ใบหน้าของเขาเรียบเนียนราวกับผิวหยกและช่างดูหล่อเหลา,ราวกับมหาปราชญ์สงครามลอยลงมา

 

เขาไร้ซึ่งสีหน้าพร้อมกับพูดขึ้นอย่างไม่แยแส “คำสั่งที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษ นอกจากตระกูลหยิงผู้ที่เคยได้เห็นพลังฉีจักรพรรดิมังกรจะต้องตาย!”

 

หลังจากที่เขาพูดจบ,หอกสีทองในมือของเขาสั่นเทิ่ม ปลายหอกกดลงไปที่ชุดเกราะของเซียวเฉินและแสงหอกสีทองสร้างรอยร้าวเล็กๆขึ้นบนชุดเกราะ

 

ภาพมหาปราชญ์รู้แจ้งด้านหลังของเซียวเฉินแตกร้าว สลายพลังมหาศาลออกไป

 

เซียวเฉินจับไปที่ด้ามหอก ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์โคจรไปทั่วร่างของเขาอย่างรวดเร็ว,พลังปราณไหลออกมาจากมือของเขา ประกายแสงพลังงานรุ่งโรจน์ทันใดนั้นก็ไหลจากหอกสีทองยาวกว่าสามเมตรไปที่มือของขุนนางกุยยี่

 

มือของขุนนางกุยยี่ด้านชา ขณะที่ประกายแสงไหลเข้าไปในร่างของเขา,พลังปราณในร่างของเขากลายเป็นปั่นป่วน พลังบนตัวหอกลดลงไปอย่างรวดเร็วทันที

 

“ชะแว้ง!”

 

เซียวเฉินใช้โอกาสนี้เบี่ยงหอกยาวออกไป เขาร่วงลงมาจากอากาศ เขาโยนเม็ดยาห้วนคืนโลหิตเข้าปาก,จากนั้นก็ถือกระบี่เงาจันทร์ไว้ในมือและพุ่งเข้าใส่ขุนนางกุยยี่

 

“บูม!”

 

ขุนนางกุยยี่ระงับกระแสไฟฟ้าในร่างของเขาเอาไว้ หอกยาวในมือของเขาชี้ลง สายลมร้องคำรามและประกายหอกแสงปรากฎขึ้น,ดูราวกับมันมีพลังที่ไม่อาจยั้งถึง

 

“ปัง!” เซียวเฉินหลบไปด้านข้าง,หอกยาวแทงลงไปที่พื้นและเกิดเป็นปล่องขึ้นมา เศษหินฝุ่นควันนับไม่ถ้วนถูกตบขึ้นในอากาศ

 

หอกยาวตีกวาดออกมา,และชั้นฝุ่นควันก็แยกออก,ราวกับมันถูกฟันออกเป็นสองท่อน หอกของขุนนางกุยยี่ยาวกว่าสามเมตร,เพิ่มแสงหอกเข้าไป,เขาสามารถมองเห็นในระยะสิบเมตรรอบตัวได้อย่างชัดเจน

 

ด้วยระยะการโจมตีที่กว้างเช่นนี้,เซียวเฉินไม่อาจหลบจากซ้ายไปขวาได้ เขาทำได้เพียงกระโดดขึ้นไปเพื่อหลบเลี่ยง ขุนนางกุยยี่เผยรอยยิ้มออกมา,พร้อมกับก้าวถอยหลังด้วยเท้าขวาและชักหอกยาวของเขากลับมา

 

“บูม! บูม! บูม!”

 

ขุนนางกุยยี่จับด้ามหอกมั่นและใส่พลังลงไป หอกที่ถูกดึงกลับมาพุ่งออกไปราวกับมังกรทะยาน มันคำรามตรงไปที่เซียวเฉินที่ลอยตัวอยู่ในอากาศ ทันใดนั้น,หอกร้อยเล่มก็เบ่งบานออกมา

 

เมื่อต้องเผชิญกับภาพหอกมากมาย,ความคิดของเซียวเฉินหมุนคว้าง เขารู้ว่าภาพหอกทุกเล่มล้วนเป็นของจริง พวกมันประจุไปด้วยเจตนาฆ่าอันไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่เขาโดนซัดใส่,เกิดเป็นรูปรากฎบนร่างของเขา

 

ในเมื่อเขาไม่อาจมองตามการเคลื่อนไหวได้ทัน,เซียวเฉินทำเพียงปิดตาลงและจดจ่อไปที่กระบี่ของเขา แค่เหมือนที่เขาฝึกฝนมา,กระบี่เงาจันทร์วูบไหวอย่างต่อเนื่อง

 

เสียงเหล็กปะทะกันดังออกมาอย่างต่อเนื่อง เพียงพริบตา,พวกเขาทั้งสองและเปลี่ยนกันมากกว่าหนึ่งร้อยครั้งกลางอากาศ หลังจากที่เซียวเฉินลงมาถึงพื้น,ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นและตะโกนออกไป “ชักกระบี่ฟัน!”

 

กระบี่เงาจันทร์เผยแสงที่เก็บซ่อนเอาไว้,และฟันไปที่ตัวหอกด้วยความรวดเร็ว เกิดเป็นเสียงดังกังวาน,และหอกยาวสั่นไหวในอากาศ ตัวหอกถูกตีจนโค้งงอราวกับเสี้ยวพระจันทร์ก่อนที่จะดีดกลับ

 

พลังมหาศาลถึงกับทำให้มือขวาของขุนนางกุยยี่ด้านชา หอกยาวเด้งหลุดมือขวาของเขาไป เขาฟื้นสติจากความตกใจและจับหอกไว้ให้มั่นอีกครั้ง ความมืดมัวปรากฎขึ้นในดวงตาของขุนนางกุยยี่ เขาก้าวขึ้นหน้าอย่างหนักแน่นและตีกวาดอีกครั้ง

 

เคยเจอมาแล้วครั้งนึง,เซียวเฉินไม่กระโดดหลบขึ้นข้างบนอีก โค้งตัวกลับหลัง,ลงไปหาพื้นดินอย่างรวดเร็ว

 

** ท่าแบบที่นีโอใช้หลบกระสุนใน The Matrix อ่ะครับ ไม่รู้จะอธิบายยังไง

 

“ฮ่ะ!”

 

หอกยาวกวาดผ่านใบหน้าของเขาไป หลังจากที่หอกยาวกวาดผ่าน,เส้นผมบางเส้นของเขาถูกตัดกลับไปด้วยทันที

 

ในจังหวะที่เซียวเฉินกำลังจะโจมตีสวน,ฮวาหยุ่นเฟยผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา,ทันใดนั้นก็ลงมือ เขากลายร่างเป็นธารโลหิตและพุ่งไปทางเซียวเฉิน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+