Immortal and Martial Dual Cultivation 241 ก้าวผ่านผนึก

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 241 ก้าวผ่านผนึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation

ตอนที่ 241 ก้าวผ่านผนึก

 

“บึ้ม…!”

 

ทันใดนั้นเองท้องฟ้าเหนือลานฝึกฝนกลายเป็นมืดมิด มีเสียงดังกระหึ่ม ฝูงชนเงยหน้าขึ้นและมองเห็นสัตว์อสูรวิญญาณประเภทนกตัวมหึมาหลายตัว

 

เมื่อพวกมันสยายปีก,มันกางออกมามากกว่าหนึ่งร้อยเมตร เมื่อสัตว์อสูรวิญญาณพวกนี้บินมารวมตัวกัน, พวกมันปิดบังทั่วทั้งท้องฟ้า

 

“พวกนั้นคือสัตว์อสูรวิญญาณผู้พิทักษ์ศาลากระบี่สวรรค์,แร้งวายุสวรรค์ พวกมันเป็นสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 6 ข้าคาดไม่ถึงว่าจะมาเจอพวกมัน” ทุกคนต่างกล่าวออกมาอย่างตกตะลึงเมื่อจำพวกมันได้

 

แร้งวายุสวรรค์ตัวมหึมาสร้างสายลมรุนแรงขึ้น พวกมันบินวนเป็นวงก่อนที่จะลงจอดบนลานฝึกฝน

 

หยุนเข่อซินเรียกรวมทีมและมุ่งหน้าไปที่แร้งวายุสวรรค์อย่างรวดเร็ว ทุกคนจ่างรีบเร่งตามนางไป

 

แร้งวายุสวรรค์ตัวมหึมาดูคล้ายกับอินทรีย์หางแดงจากโลกเก่าของเขา ขนตรงหลังของมันสีน้ำตาลอ่อน,และสี่ยิ่งอ่อนลงไปอีกในบริเวณท้อง หางของมันสีน้ำตาลแดง

 

อย่างไรก็ตาม,ที่ปลายสุดของปีกทั้งสองของมันเป็นกรงเล็บคมพวกมันคบกริบและรูปร่างเป็นตะขอ ในตอนที่มันสยายปีก,มันจะปกคลุมพื้นที่ไปหลายร้อยเมตร

 

ที่คอของแร้งวายุสวรรค์, มีชายชราผู้หนึ่งที่มีผิวคล้ำ เขาคือผู้ฝึกแร้งวายุสวรรค์

 

เซี่ยวเฉินและคนอื่นๆ เดินตรงเข้าไป ชายชรากระแทกเท้าลงบนหลังของแร้งวายุสวรรค์ แร้งวายุสวรรค์ร้องออกในทันที,สร้างสายลมรุนแรง,และพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

สายลมรุนแรงเปาผ่านทั้งสองด้าน,และสานุศิษย์แก่นกลางที่อ่อนแอหน่อยก็เกือบจะถูกเปากระเด็นลงไปพวกเขาต่างตกตะลึง

 

ผู้อาวุโสสองแห่งโถงหลักของศาลากระบี่สวรรค์มองดูแร้งวายุสวรรค์มากมายลอยลงมา เขาหันไปทางเจ้ยงชื่อและกล่าว “ผู้อาวุโสหนึ่ง,ท่านไม่รู้สึกเป็นกังวลที่ให้รุ่นเยาว์เลห่านี้ไป?”

 

เจียงชื่อกล่าวอย่างเฉยเมย “เจ้าอยากจะให้ข้าทำอะไรอีก? ทำผิดพลาดซ้ำซากเหมือนกันรุ่นก่อนๆ? แม้ว่าจะตักเตือนเขามาเป็นเวลานาน,เขาก็ยังคงไม่ยอมเสียสละรุ่นเยาว์เหล่านี้ เขากลับเสียสละตัวเอง ดูว่ามันเป็นเช่นไรในท้ายที่สุด?”

 

“ตั้งแต่โบราณกาล มีเพียงผู้ที่ยืนหยัดอยู่ได้เท่านั้นที่นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะ ไม่ว่าเจ้าจะโดดเด่นเพียงใด หลังจากที่เจ้าตายไป.เจ้าก็ไม่ได้นับว่าเป็นอัจฉริยะอีกต่อไป”

 

ผู้อาวุโสสามที่อยู่ด้านข้างของเขากล่าว “ในตอนนั้น,มองต่ำถึงความแข็งแกร่งของปีศาจเหล่านั้น เขามั่นใจจนเกินไป มิฉะนั้น มันคงไม่เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้”

 

เขียงชื่อกล่าวต่อ “แน่นอน ตราบใดที่พวกเรากำจัดภาพเสมือนพวกนั้นออกไป,มิติย่อยที่เชื่อมต่อกับทวีปเทียนหวี่จะตัดขาดลงเองถึงแม้สามดินแดนศักสิทธิ์จะไม่ได้ส่งใครมา,พวกเราก็สามารถรับมือได้ด้วยตัวเอง ข้าค่อนข้างมั่นใจในความแข็งแกร่งของลู่เฉิน”

 

ขึ้นไปเหนือหมู่เมฆ,แร้งวายุสวรรค์บินไปเร็วขึ้นและเร็วขึ้น สาย ลมแรงทำให้ฝูงพยายามอย่างที่สุด แต่กระนั้น,พวกเขาก็แทบจะเกาะเอาไว้ไม่อยู่

 

ในไม่ช้า เทือกเขาหลิงหยุนก็ห่างออกไปด้านหลังของพวกเขา เซี่ยวเฉินสังเกตพื้นที่โดยรอบมีแร้งวายุสวรรค์ทั้งหมดสิบเอ็ดตัว ซึ่งมีสานุศิษย์แก่นกลางอยู่บนหลังของพวกมัน

 

ลู่เฉินกับหลิวหรูเยว่อยู่บนแร้งวายุสวรรค์อีกตัวนึงที่เหลือ สัมผัส วิญญาณของเขานับได้สิบคน

 

เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง,มันดูเหมือนว่าพวกเขาจะคัดเลือดสานุศิษย์แก่นกลางหนึ่งร้อยคนรวมถึงสิบอัจฉริยะที่ปิดบังตัวตนเหมือนกับลู่เฉินและหลิวหรูเยว่

 

หลังจากที่เดินทางผ่านกลุ่มเมฆมานับไม่ถ้วน,แร้งวายุสวรรค์ก็ลดความเร็วลง ดินแดนรกร้างปรากฏขึ้นต่อหน้าของทุกคน

 

ชม

 

มันเป็นพื้นที่ราบกว้างสุดลูกหูลูกตา ไม่มีหญ้าแม้แต่ต้นเดียวในระยะสายตาที่มองเห็น:มันว่างเปล่าเว้นแต่จะมีก้อนหินเรียงรายหลากหลายขนาด ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตแม้แต่น้อย:มันเป็นดินแดนแห่งความตาย

 

แร้งวายุสวรรค์ทั้งสิบเอ็ดตัวร้องออกมาพร้อมกับลงจอดบนพื้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนเร่งกระโดดลงมาพร้อมกับมองไปโดยรอบ พวกเขาทั้งหมดรู้สึกไม่สบายในใจ

 

สู่เฉินมีรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าพร้อมกับเรียกทุกคนมารวมตัวเขากล่าว “สถานที่เบื้องหน้านี่ก็คือตำแหน่งของผนึก ทุกคนให้แน่ใจว่าพวกเจ้าพกเหรียญแสดงตนเอาไว้ หากพวกเจ้าไม่ได้พกมา,มาเอาเหรียญสำรองจากข้า มิฉะนั้น พวกเจ้าอาจจะได้รับบาดเจ็บจากเขตแดน”

 

ทุกคนโดยปกติก็จะพกเหรียญแสดงตนติดตัวเอาไว้อยู่แล้ว พวกเขาทั้งหมดตรวจดูเหรียญของพวกเขาไม่มีใครลืมเอามา

 

“อึม,ดีมาก จากนั้นก็ตามหลังหัวหน้าทีมของเจ้ามา อย่างได้ทิ้งตำแหน่ง

 

บรรยากาศแปลกประหลาดอย่างเหลือเชื่อ ถึงแม้ลู่เฉินจะไม่ได้กล่าวออกมา,พวกเขาก็ไม่มีทีท่าจะแตกแถว”

 

ทุกคนเดินติดตามลู่เฉินขึ้นหน้าไปอย่างช้าๆ ในไม่ช้า ทันมดนั้นลู่เฉินกลบหายไปต่อหน้าต่อตาของพวกเขา;พวกคนที่ตามหลังก็จางหายไปเช่นกัน

 

หยุนเข่อซินอธิบาย “ไม่ตำเป็นต้องเป็นกังวล พวกเขาได้ก้าวข้ามเขตแดนไป พวกเขาไม่เป็นอะไร”

 

หลังจากที่หัวหน้าทีมอธิบาย ก็ไม่มีใครตื่นกลัว ฝูงชนเดินต่อไป และในไม่ช้า,พวกเขารู้สึกราวกับเหรียบผ่านม่านพลังที่มองไม่เห็น จากนั้น,ฉากเบื้องหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันใด

 

บ่อน้ำโบราณปรากฏขึ้นต่อหน้าของพวกเขา ผู้คนที่หายไปเมื่อครู่ทั้งหมดอยู่ที่นี่ พวกเขารวมตัวกันที่ด้านขางบ่อน้ำ

 

บ่อน้ำโบราณสูงไม่เกินเมตร,แต่มันกว้างอย่างมาก เส้นผ่านศูนย์กลางของมันประมาณสามเมตร น้ำใสภายในบ่อดูราวกับกระจกไม่มีละลอกคลื่นที่พื้นผิวแม้แต่น้อย

แม้จะมีสายลมพัดผ่าน,ผิวน้ำก็ไม่ไหวนิ่ง มันค่อนข้างดูแปลกประหลาด มันเหมือนกับบ่อน้ำโลราณนี้จะซ่อนเอาสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัวเอาไว้

 

ที่รอบๆบ่อน้ำโบราณมีชายชราสี่คนแต่งชุดสีดำ พวกเขายืนเป็นมุมราวกับเสาไม้ไกลออกไป,มีกลุ่มมือกระบี่ของค่ายกระ บี่ศักดิ์สิทธิ์พวกเขาทั้งหมดยืนตรง,ไม่แสดงสีหน้า

 

เมื่อลู่เฉินเห็นว่าทุกคนมาถึงแล้ว เขาพยักหน้าให้กับชายชราชุดดำ ชายชราที่ยืนนิ่งราวกับเสาไม้เงยหน้าขึ้น

 

ใบหน้าของพวกเขาซีดราวกับกิ่งไม้แห้งมันช่างน่ากลัว เขากล่าวเสียงแหบ “ชื่อของบ่อน้ำนี้ก็คือบ่อน้ำแห่งการเกิดใหม่ ผู้ที่อายุกระดูกเกิน 24 ปีควรออกไปบัดเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้น พวกเจ้าจะถูกส่งไปยังที่ใดก็ไม่อาจรู้”

 

ลู่เฉินกล่าว “ผู้อาวุโส, พวกเราได้ตรวจสอบอายุกระดูกพวกเขาทั้งหมดแล้ว ท่านวางใจได้”

 

ชายชราเหล่มองลู่เฉิน รอยยิ้มขมๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าเหี่ยวแห้งของเขาพร้อมกับกล่าว “ข้ารู้จักบิดาของเจ้า มันเป็นพวกตาขาวอย่างแท้จริงมันไม่กล้าแม้แต่จะลงมาที่นี่ ข้าหวังให้พวกเจ้าโชคดี!”

 

“ข้าจะไปเปิดผนึก จำเอาไว้,มีเพียงสิบคนที่จะเข้าไปพร้อมกัน”

 

ชายชราทั้งสี่หันกลับไปที่บ่อน้ำโบราณ พวกเขาแต่ละคนหยิบเอาก้อนหยกออกมาและทำตราประทับมืออย่างรวดเร็ว

 

นี่เป็นรูปแบบผนึกจากยุคโบราณ,เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง น่าเสียดาย นอกจากสามดินแดนศักสิทธิ์,รายละเอียดที่แน่นอนเกี่ยวกับรูปแบบค่ายกลโบราณได้สูญหายไปจากทวีปเทียนหวี่

 

“ชี ชี!”

ทันใดนั้น มีแสงปรากฎบนบนพื้นผิวน้ำสงบนิ่งมันแพรวพราวเป็นอย่างมาก น้ำนิ่งสงบเริ่มปั่นป่วน วังวนขนาดใหญ่ค่อยๆปรากฏขึ้นบนผิวน้ำ

 

จุดศูนย์กลางของวังวนเป็นหลุมดำไร้กัน ไม่อาจรู้ได้ว่ามันจะนำพาไปที่ใด

 

เมื่อลู่เฉินเห็นดังนั้น,เขากล่าวอย่างจริงจัง “ ”มู่หลงชง,พาทีมของเจ้านำไปก่อน พวกเราจะไล่ลำดับตามรายชื่อเมฆาร่องลอยไปทีละคน”

 

ไม่มีความลังเลเป็นใบหน้าของมู่หลงชง เขาขึ้นนำและกระโดดลงไปในวังวน จากนั้นทีมของเขาทั้งสิบคนก็ตามเข้าไปทีละคนๆ ไม่มีสัญญาณใดๆ,พวกเขาเพียงถูกดูดเข้าไปในหลุมดำทันที

 

คนพวกนี้คือสานุศิษย์ระดับสูงแห่งศาลากระบี่สวรรค์ คนพวกนี้มีสภาวะจิตใจที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับผู้บ่มเพะาพลังทั่วไป เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่อาจล่วงรู้,พวกเขาก็ไม่ลังเล

 

ในไม่ช้า,มันก็มาถึงตาเซี่ยวเฉินและทีมของเขา หยุยเขื่อซินนำหน้ากระโดดเข้าไป เซียวเฉินมองไปยังหลุมที่ไร้กัน,หลุมดำที่กำลังหมุนวน, จากนั้นก็ตามนางเข้าไป

 

ทันทีที่ถูกดูดเข้ามาในหลุมดำ,ร่างของเซี่ยวเฉินสลายเป็นอนุภาคนับไม่ถ้วน อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลยเจิตสำนึกของเขาเลือนลาง

 

หลังจากผ่านมาอย่างไม่รู้ถึงเวลา,อาจจะเป็นเพียงชั่วครู่หรือผ่านมาตลอดกาล,เซี่ยวเฉินรู้สึกว่าร่างของเขากลับมารวมกันอีกครั้ง เขาลงจอดบนพื้นดินอย่างมั่นคง

 

มันเป็นพื้นที่แปลกประหลาด พื้นดินเต็มไปด้วยโคลนสีดำ เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นดวงจันทร์สีแดงแขวนสูงอยู่บนท้องฟ้า มันเป็นสีแดงฉานมันดูแปลกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ

 

บางครั้งก็จะมีนกสีดำประหลาดๆ ตัวขนาดเท่ากับอีกาบินวนเวียนอยู่ในอากาศ พวกเขาร้องออกมาซ้ำๆ, ทำให้รู้สึกหงุดหงิด

 

หลังจากที่เซียวเฉินลงถึงพื้น,มู่เหิงและคนอื่นๆ ก็ค่อยๆปรากฏตัว พวกเขาทั้งเก้าคนเข้ามารวมกลุ่มกันและมองไปรอบๆ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่พบหยุนเข่อซิน

 

จางเลี่ยมองไปโดยรอบและรู้สึกแปลกใจ เขากล่าว “ทำไมพวกเราไม่เจอหยุนเข่อซิน? และพวกทีมอื่นๆไปอยู่ที่ไหน?”

 

“หยุดมองหาได้แล้วข้าอยู่ตรงนี้” ทันใดนั้น,หยุนเข่อซินปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของพวกเขา “ข้าแค่ไปสำรวจดูโดยรอบ”

 

สานุศิษย์หญิงอีกคนหนึ่ง,หลิวเจียถามขึ้นเป็นกังวลเล็กน้อย “แล้วทีมอื่นๆล่ะ? พวกเราถูกแยกออกจากกัน? เกิดอะไรขึ้น?”

 

หยุนเข่อซินเงยหัวขึ้นมองไปยังท้องฟ้า สีหน้าจริงจังปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่นอ่งสงบของนาง นางกล่าว “ค่อยถามคำถามทีหลัง เตรียมตัวรับมือก่อน”

 

เซี่ยวเฉินวางมือลงบนด้ามกระบี่เรียบร้อยแล้ว นกประหลาดบนท้องฟ้ามีกระแสพลังชั่วร้าย พวกมันบินวนไปมาเหนือหัวของพวกเขาไม่ได้จากไปไหน

 

หยุนเข่อซินกล่าวอย่างรวดเร็ว “พวกมันคืออีกาโลหิต พวกมันเป็นสัตว์อสูรปีศาจ พวกมันมีชีวิตอยู่ได้ด้วยเลือด ระดับของพวกมันน่าจะมากขึ้นกว่าเดิมเมื่ออยู่ในโลกปีศาจ ที่สำคัญที่สุดก็คือตัวมันจะระเบิดออกในตอนที่ตาย”

 

“เย่เฉิน,ข้าจะปล่อยให้เจ้าจัดการกับอีกาโลหิต โจมตีด้วยธาตุสายฟ้าจะทำให้ตัวมันไม่ระเบิดในตอนที่ตาย มู่เหิง,เจ้ารับหน้าที่คุ้มกัน หากเซียวเฉินสังหารพวกมันได้ไม่หมด,เจ้าต้องป้องกันพวกมันเอาไว้ ไม่จำเป็นต้องฆ่ามัน สำหรับที่เหลือ,นิ่งไว้ก่อน”

 

“ฟู่ ปิ้ว!”

 

สิ้นเสียงของหยุนเข่อซิน,อีกาโลหิตสามตัวดิ่งทะยานลงมาจากอากาศ เมื่อมองดูจากระยะไกล,พวกมันดูเหมือนลูกศรสีแดงสามเล่มกำลังตกลงมาจากท้องฟ้า

 

“ปะ ปะ!”

 

เซี่ยวเฉินไม่ได้รอให้อีกาโลหิตเข้ามาถึงตัว เขาดึงกระบี่เงาจันทร์ออกมาในทันที แสงกระบี่สีขาวหิมะปรากฏขึ้นในความมืด

 

เซี่ยวเฮินฟันออกสามครั้งและกระบี่ฉีธาตุสายฟ้าบริสุทธิ์ถูกส่งออกไปในพริบตา

 

เลือดสีแดงฉาดเติมเต็มในอากาศ อีกาโลหิตทั้งสามตัวถูกฟันขาดครึ่งและร่วงลงจากท้องฟ้า

 

กระแสพลังสีดำทะลักออกมาจากบาดแผลของพวกมัน กระแสไฟฟ้าที่เซียวเฉินทิ้งเอาไว้ส่งเสียง “ซี่ ซี่” ออกมา

 

ก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้พักหายใจ, ท้องฟ้ากลายเป็นมืดมิด,และอีกาโลหิตนับร้อยบินลงมา เสียงกระพือปีกของพวกมันดังหนวกหูอย่างมาก

 

เซี่ยวเฉินมีความนิ่งสงบเป็นใบหน้า ในทันทีที่อีกาโลหิตเข้ามาใกล้ เขาร้องตะโกน “สยายปีก,ร่ายรำอลหม่านพันปี!”

 

“ปุ! !! !!”

 

ร่างของเซี่ยวเฉินวูบไหวในอากาศแสงกระบีลอยว่อนไปทั่วทุกที่ กระบี่ฉีนับไม่ถ้วนยิงเข้าใส่อีกาโลหิต ทุกครั้งที่เชี่ยวย้ายตำแหน่ง,เขาส่งกระบี่ฉีออกไปยี่สิบเส้น

 

เซี่ยวเฉินเคลื่อนตำแหน่ง 81 ครั้งและส่งกระบี่ฉีออกไป 1620 เล่ม กระบี่ฉีแต่ละเล่มกวาดเอาอีกาโลหิตไปจำนวนมาก

 

เมื่อเซี่ยวเฉินลงถึงพื้น,ผืนดินเต็มไปด้วยซากของอีกาโลหิตจำนวนมาก ด้วยสภาวะสายฟ้าบริสุทธิ์

 

แสงสายฟ้าอัดติดอยู่ตรงที่บาดแผลไม่แตกกระจายไป

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 241 ก้าวผ่านผนึก

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 241 ก้าวผ่านผนึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation

ตอนที่ 241 ก้าวผ่านผนึก

 

“บึ้ม…!”

 

ทันใดนั้นเองท้องฟ้าเหนือลานฝึกฝนกลายเป็นมืดมิด มีเสียงดังกระหึ่ม ฝูงชนเงยหน้าขึ้นและมองเห็นสัตว์อสูรวิญญาณประเภทนกตัวมหึมาหลายตัว

 

เมื่อพวกมันสยายปีก,มันกางออกมามากกว่าหนึ่งร้อยเมตร เมื่อสัตว์อสูรวิญญาณพวกนี้บินมารวมตัวกัน, พวกมันปิดบังทั่วทั้งท้องฟ้า

 

“พวกนั้นคือสัตว์อสูรวิญญาณผู้พิทักษ์ศาลากระบี่สวรรค์,แร้งวายุสวรรค์ พวกมันเป็นสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 6 ข้าคาดไม่ถึงว่าจะมาเจอพวกมัน” ทุกคนต่างกล่าวออกมาอย่างตกตะลึงเมื่อจำพวกมันได้

 

แร้งวายุสวรรค์ตัวมหึมาสร้างสายลมรุนแรงขึ้น พวกมันบินวนเป็นวงก่อนที่จะลงจอดบนลานฝึกฝน

 

หยุนเข่อซินเรียกรวมทีมและมุ่งหน้าไปที่แร้งวายุสวรรค์อย่างรวดเร็ว ทุกคนจ่างรีบเร่งตามนางไป

 

แร้งวายุสวรรค์ตัวมหึมาดูคล้ายกับอินทรีย์หางแดงจากโลกเก่าของเขา ขนตรงหลังของมันสีน้ำตาลอ่อน,และสี่ยิ่งอ่อนลงไปอีกในบริเวณท้อง หางของมันสีน้ำตาลแดง

 

อย่างไรก็ตาม,ที่ปลายสุดของปีกทั้งสองของมันเป็นกรงเล็บคมพวกมันคบกริบและรูปร่างเป็นตะขอ ในตอนที่มันสยายปีก,มันจะปกคลุมพื้นที่ไปหลายร้อยเมตร

 

ที่คอของแร้งวายุสวรรค์, มีชายชราผู้หนึ่งที่มีผิวคล้ำ เขาคือผู้ฝึกแร้งวายุสวรรค์

 

เซี่ยวเฉินและคนอื่นๆ เดินตรงเข้าไป ชายชรากระแทกเท้าลงบนหลังของแร้งวายุสวรรค์ แร้งวายุสวรรค์ร้องออกในทันที,สร้างสายลมรุนแรง,และพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

สายลมรุนแรงเปาผ่านทั้งสองด้าน,และสานุศิษย์แก่นกลางที่อ่อนแอหน่อยก็เกือบจะถูกเปากระเด็นลงไปพวกเขาต่างตกตะลึง

 

ผู้อาวุโสสองแห่งโถงหลักของศาลากระบี่สวรรค์มองดูแร้งวายุสวรรค์มากมายลอยลงมา เขาหันไปทางเจ้ยงชื่อและกล่าว “ผู้อาวุโสหนึ่ง,ท่านไม่รู้สึกเป็นกังวลที่ให้รุ่นเยาว์เลห่านี้ไป?”

 

เจียงชื่อกล่าวอย่างเฉยเมย “เจ้าอยากจะให้ข้าทำอะไรอีก? ทำผิดพลาดซ้ำซากเหมือนกันรุ่นก่อนๆ? แม้ว่าจะตักเตือนเขามาเป็นเวลานาน,เขาก็ยังคงไม่ยอมเสียสละรุ่นเยาว์เหล่านี้ เขากลับเสียสละตัวเอง ดูว่ามันเป็นเช่นไรในท้ายที่สุด?”

 

“ตั้งแต่โบราณกาล มีเพียงผู้ที่ยืนหยัดอยู่ได้เท่านั้นที่นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะ ไม่ว่าเจ้าจะโดดเด่นเพียงใด หลังจากที่เจ้าตายไป.เจ้าก็ไม่ได้นับว่าเป็นอัจฉริยะอีกต่อไป”

 

ผู้อาวุโสสามที่อยู่ด้านข้างของเขากล่าว “ในตอนนั้น,มองต่ำถึงความแข็งแกร่งของปีศาจเหล่านั้น เขามั่นใจจนเกินไป มิฉะนั้น มันคงไม่เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้”

 

เขียงชื่อกล่าวต่อ “แน่นอน ตราบใดที่พวกเรากำจัดภาพเสมือนพวกนั้นออกไป,มิติย่อยที่เชื่อมต่อกับทวีปเทียนหวี่จะตัดขาดลงเองถึงแม้สามดินแดนศักสิทธิ์จะไม่ได้ส่งใครมา,พวกเราก็สามารถรับมือได้ด้วยตัวเอง ข้าค่อนข้างมั่นใจในความแข็งแกร่งของลู่เฉิน”

 

ขึ้นไปเหนือหมู่เมฆ,แร้งวายุสวรรค์บินไปเร็วขึ้นและเร็วขึ้น สาย ลมแรงทำให้ฝูงพยายามอย่างที่สุด แต่กระนั้น,พวกเขาก็แทบจะเกาะเอาไว้ไม่อยู่

 

ในไม่ช้า เทือกเขาหลิงหยุนก็ห่างออกไปด้านหลังของพวกเขา เซี่ยวเฉินสังเกตพื้นที่โดยรอบมีแร้งวายุสวรรค์ทั้งหมดสิบเอ็ดตัว ซึ่งมีสานุศิษย์แก่นกลางอยู่บนหลังของพวกมัน

 

ลู่เฉินกับหลิวหรูเยว่อยู่บนแร้งวายุสวรรค์อีกตัวนึงที่เหลือ สัมผัส วิญญาณของเขานับได้สิบคน

 

เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง,มันดูเหมือนว่าพวกเขาจะคัดเลือดสานุศิษย์แก่นกลางหนึ่งร้อยคนรวมถึงสิบอัจฉริยะที่ปิดบังตัวตนเหมือนกับลู่เฉินและหลิวหรูเยว่

 

หลังจากที่เดินทางผ่านกลุ่มเมฆมานับไม่ถ้วน,แร้งวายุสวรรค์ก็ลดความเร็วลง ดินแดนรกร้างปรากฏขึ้นต่อหน้าของทุกคน

 

ชม

 

มันเป็นพื้นที่ราบกว้างสุดลูกหูลูกตา ไม่มีหญ้าแม้แต่ต้นเดียวในระยะสายตาที่มองเห็น:มันว่างเปล่าเว้นแต่จะมีก้อนหินเรียงรายหลากหลายขนาด ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตแม้แต่น้อย:มันเป็นดินแดนแห่งความตาย

 

แร้งวายุสวรรค์ทั้งสิบเอ็ดตัวร้องออกมาพร้อมกับลงจอดบนพื้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนเร่งกระโดดลงมาพร้อมกับมองไปโดยรอบ พวกเขาทั้งหมดรู้สึกไม่สบายในใจ

 

สู่เฉินมีรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าพร้อมกับเรียกทุกคนมารวมตัวเขากล่าว “สถานที่เบื้องหน้านี่ก็คือตำแหน่งของผนึก ทุกคนให้แน่ใจว่าพวกเจ้าพกเหรียญแสดงตนเอาไว้ หากพวกเจ้าไม่ได้พกมา,มาเอาเหรียญสำรองจากข้า มิฉะนั้น พวกเจ้าอาจจะได้รับบาดเจ็บจากเขตแดน”

 

ทุกคนโดยปกติก็จะพกเหรียญแสดงตนติดตัวเอาไว้อยู่แล้ว พวกเขาทั้งหมดตรวจดูเหรียญของพวกเขาไม่มีใครลืมเอามา

 

“อึม,ดีมาก จากนั้นก็ตามหลังหัวหน้าทีมของเจ้ามา อย่างได้ทิ้งตำแหน่ง

 

บรรยากาศแปลกประหลาดอย่างเหลือเชื่อ ถึงแม้ลู่เฉินจะไม่ได้กล่าวออกมา,พวกเขาก็ไม่มีทีท่าจะแตกแถว”

 

ทุกคนเดินติดตามลู่เฉินขึ้นหน้าไปอย่างช้าๆ ในไม่ช้า ทันมดนั้นลู่เฉินกลบหายไปต่อหน้าต่อตาของพวกเขา;พวกคนที่ตามหลังก็จางหายไปเช่นกัน

 

หยุนเข่อซินอธิบาย “ไม่ตำเป็นต้องเป็นกังวล พวกเขาได้ก้าวข้ามเขตแดนไป พวกเขาไม่เป็นอะไร”

 

หลังจากที่หัวหน้าทีมอธิบาย ก็ไม่มีใครตื่นกลัว ฝูงชนเดินต่อไป และในไม่ช้า,พวกเขารู้สึกราวกับเหรียบผ่านม่านพลังที่มองไม่เห็น จากนั้น,ฉากเบื้องหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันใด

 

บ่อน้ำโบราณปรากฏขึ้นต่อหน้าของพวกเขา ผู้คนที่หายไปเมื่อครู่ทั้งหมดอยู่ที่นี่ พวกเขารวมตัวกันที่ด้านขางบ่อน้ำ

 

บ่อน้ำโบราณสูงไม่เกินเมตร,แต่มันกว้างอย่างมาก เส้นผ่านศูนย์กลางของมันประมาณสามเมตร น้ำใสภายในบ่อดูราวกับกระจกไม่มีละลอกคลื่นที่พื้นผิวแม้แต่น้อย

แม้จะมีสายลมพัดผ่าน,ผิวน้ำก็ไม่ไหวนิ่ง มันค่อนข้างดูแปลกประหลาด มันเหมือนกับบ่อน้ำโลราณนี้จะซ่อนเอาสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัวเอาไว้

 

ที่รอบๆบ่อน้ำโบราณมีชายชราสี่คนแต่งชุดสีดำ พวกเขายืนเป็นมุมราวกับเสาไม้ไกลออกไป,มีกลุ่มมือกระบี่ของค่ายกระ บี่ศักดิ์สิทธิ์พวกเขาทั้งหมดยืนตรง,ไม่แสดงสีหน้า

 

เมื่อลู่เฉินเห็นว่าทุกคนมาถึงแล้ว เขาพยักหน้าให้กับชายชราชุดดำ ชายชราที่ยืนนิ่งราวกับเสาไม้เงยหน้าขึ้น

 

ใบหน้าของพวกเขาซีดราวกับกิ่งไม้แห้งมันช่างน่ากลัว เขากล่าวเสียงแหบ “ชื่อของบ่อน้ำนี้ก็คือบ่อน้ำแห่งการเกิดใหม่ ผู้ที่อายุกระดูกเกิน 24 ปีควรออกไปบัดเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้น พวกเจ้าจะถูกส่งไปยังที่ใดก็ไม่อาจรู้”

 

ลู่เฉินกล่าว “ผู้อาวุโส, พวกเราได้ตรวจสอบอายุกระดูกพวกเขาทั้งหมดแล้ว ท่านวางใจได้”

 

ชายชราเหล่มองลู่เฉิน รอยยิ้มขมๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าเหี่ยวแห้งของเขาพร้อมกับกล่าว “ข้ารู้จักบิดาของเจ้า มันเป็นพวกตาขาวอย่างแท้จริงมันไม่กล้าแม้แต่จะลงมาที่นี่ ข้าหวังให้พวกเจ้าโชคดี!”

 

“ข้าจะไปเปิดผนึก จำเอาไว้,มีเพียงสิบคนที่จะเข้าไปพร้อมกัน”

 

ชายชราทั้งสี่หันกลับไปที่บ่อน้ำโบราณ พวกเขาแต่ละคนหยิบเอาก้อนหยกออกมาและทำตราประทับมืออย่างรวดเร็ว

 

นี่เป็นรูปแบบผนึกจากยุคโบราณ,เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง น่าเสียดาย นอกจากสามดินแดนศักสิทธิ์,รายละเอียดที่แน่นอนเกี่ยวกับรูปแบบค่ายกลโบราณได้สูญหายไปจากทวีปเทียนหวี่

 

“ชี ชี!”

ทันใดนั้น มีแสงปรากฎบนบนพื้นผิวน้ำสงบนิ่งมันแพรวพราวเป็นอย่างมาก น้ำนิ่งสงบเริ่มปั่นป่วน วังวนขนาดใหญ่ค่อยๆปรากฏขึ้นบนผิวน้ำ

 

จุดศูนย์กลางของวังวนเป็นหลุมดำไร้กัน ไม่อาจรู้ได้ว่ามันจะนำพาไปที่ใด

 

เมื่อลู่เฉินเห็นดังนั้น,เขากล่าวอย่างจริงจัง “ ”มู่หลงชง,พาทีมของเจ้านำไปก่อน พวกเราจะไล่ลำดับตามรายชื่อเมฆาร่องลอยไปทีละคน”

 

ไม่มีความลังเลเป็นใบหน้าของมู่หลงชง เขาขึ้นนำและกระโดดลงไปในวังวน จากนั้นทีมของเขาทั้งสิบคนก็ตามเข้าไปทีละคนๆ ไม่มีสัญญาณใดๆ,พวกเขาเพียงถูกดูดเข้าไปในหลุมดำทันที

 

คนพวกนี้คือสานุศิษย์ระดับสูงแห่งศาลากระบี่สวรรค์ คนพวกนี้มีสภาวะจิตใจที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับผู้บ่มเพะาพลังทั่วไป เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่อาจล่วงรู้,พวกเขาก็ไม่ลังเล

 

ในไม่ช้า,มันก็มาถึงตาเซี่ยวเฉินและทีมของเขา หยุยเขื่อซินนำหน้ากระโดดเข้าไป เซียวเฉินมองไปยังหลุมที่ไร้กัน,หลุมดำที่กำลังหมุนวน, จากนั้นก็ตามนางเข้าไป

 

ทันทีที่ถูกดูดเข้ามาในหลุมดำ,ร่างของเซี่ยวเฉินสลายเป็นอนุภาคนับไม่ถ้วน อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลยเจิตสำนึกของเขาเลือนลาง

 

หลังจากผ่านมาอย่างไม่รู้ถึงเวลา,อาจจะเป็นเพียงชั่วครู่หรือผ่านมาตลอดกาล,เซี่ยวเฉินรู้สึกว่าร่างของเขากลับมารวมกันอีกครั้ง เขาลงจอดบนพื้นดินอย่างมั่นคง

 

มันเป็นพื้นที่แปลกประหลาด พื้นดินเต็มไปด้วยโคลนสีดำ เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นดวงจันทร์สีแดงแขวนสูงอยู่บนท้องฟ้า มันเป็นสีแดงฉานมันดูแปลกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ

 

บางครั้งก็จะมีนกสีดำประหลาดๆ ตัวขนาดเท่ากับอีกาบินวนเวียนอยู่ในอากาศ พวกเขาร้องออกมาซ้ำๆ, ทำให้รู้สึกหงุดหงิด

 

หลังจากที่เซียวเฉินลงถึงพื้น,มู่เหิงและคนอื่นๆ ก็ค่อยๆปรากฏตัว พวกเขาทั้งเก้าคนเข้ามารวมกลุ่มกันและมองไปรอบๆ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่พบหยุนเข่อซิน

 

จางเลี่ยมองไปโดยรอบและรู้สึกแปลกใจ เขากล่าว “ทำไมพวกเราไม่เจอหยุนเข่อซิน? และพวกทีมอื่นๆไปอยู่ที่ไหน?”

 

“หยุดมองหาได้แล้วข้าอยู่ตรงนี้” ทันใดนั้น,หยุนเข่อซินปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของพวกเขา “ข้าแค่ไปสำรวจดูโดยรอบ”

 

สานุศิษย์หญิงอีกคนหนึ่ง,หลิวเจียถามขึ้นเป็นกังวลเล็กน้อย “แล้วทีมอื่นๆล่ะ? พวกเราถูกแยกออกจากกัน? เกิดอะไรขึ้น?”

 

หยุนเข่อซินเงยหัวขึ้นมองไปยังท้องฟ้า สีหน้าจริงจังปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่นอ่งสงบของนาง นางกล่าว “ค่อยถามคำถามทีหลัง เตรียมตัวรับมือก่อน”

 

เซี่ยวเฉินวางมือลงบนด้ามกระบี่เรียบร้อยแล้ว นกประหลาดบนท้องฟ้ามีกระแสพลังชั่วร้าย พวกมันบินวนไปมาเหนือหัวของพวกเขาไม่ได้จากไปไหน

 

หยุนเข่อซินกล่าวอย่างรวดเร็ว “พวกมันคืออีกาโลหิต พวกมันเป็นสัตว์อสูรปีศาจ พวกมันมีชีวิตอยู่ได้ด้วยเลือด ระดับของพวกมันน่าจะมากขึ้นกว่าเดิมเมื่ออยู่ในโลกปีศาจ ที่สำคัญที่สุดก็คือตัวมันจะระเบิดออกในตอนที่ตาย”

 

“เย่เฉิน,ข้าจะปล่อยให้เจ้าจัดการกับอีกาโลหิต โจมตีด้วยธาตุสายฟ้าจะทำให้ตัวมันไม่ระเบิดในตอนที่ตาย มู่เหิง,เจ้ารับหน้าที่คุ้มกัน หากเซียวเฉินสังหารพวกมันได้ไม่หมด,เจ้าต้องป้องกันพวกมันเอาไว้ ไม่จำเป็นต้องฆ่ามัน สำหรับที่เหลือ,นิ่งไว้ก่อน”

 

“ฟู่ ปิ้ว!”

 

สิ้นเสียงของหยุนเข่อซิน,อีกาโลหิตสามตัวดิ่งทะยานลงมาจากอากาศ เมื่อมองดูจากระยะไกล,พวกมันดูเหมือนลูกศรสีแดงสามเล่มกำลังตกลงมาจากท้องฟ้า

 

“ปะ ปะ!”

 

เซี่ยวเฉินไม่ได้รอให้อีกาโลหิตเข้ามาถึงตัว เขาดึงกระบี่เงาจันทร์ออกมาในทันที แสงกระบี่สีขาวหิมะปรากฏขึ้นในความมืด

 

เซี่ยวเฮินฟันออกสามครั้งและกระบี่ฉีธาตุสายฟ้าบริสุทธิ์ถูกส่งออกไปในพริบตา

 

เลือดสีแดงฉาดเติมเต็มในอากาศ อีกาโลหิตทั้งสามตัวถูกฟันขาดครึ่งและร่วงลงจากท้องฟ้า

 

กระแสพลังสีดำทะลักออกมาจากบาดแผลของพวกมัน กระแสไฟฟ้าที่เซียวเฉินทิ้งเอาไว้ส่งเสียง “ซี่ ซี่” ออกมา

 

ก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้พักหายใจ, ท้องฟ้ากลายเป็นมืดมิด,และอีกาโลหิตนับร้อยบินลงมา เสียงกระพือปีกของพวกมันดังหนวกหูอย่างมาก

 

เซี่ยวเฉินมีความนิ่งสงบเป็นใบหน้า ในทันทีที่อีกาโลหิตเข้ามาใกล้ เขาร้องตะโกน “สยายปีก,ร่ายรำอลหม่านพันปี!”

 

“ปุ! !! !!”

 

ร่างของเซี่ยวเฉินวูบไหวในอากาศแสงกระบีลอยว่อนไปทั่วทุกที่ กระบี่ฉีนับไม่ถ้วนยิงเข้าใส่อีกาโลหิต ทุกครั้งที่เชี่ยวย้ายตำแหน่ง,เขาส่งกระบี่ฉีออกไปยี่สิบเส้น

 

เซี่ยวเฉินเคลื่อนตำแหน่ง 81 ครั้งและส่งกระบี่ฉีออกไป 1620 เล่ม กระบี่ฉีแต่ละเล่มกวาดเอาอีกาโลหิตไปจำนวนมาก

 

เมื่อเซี่ยวเฉินลงถึงพื้น,ผืนดินเต็มไปด้วยซากของอีกาโลหิตจำนวนมาก ด้วยสภาวะสายฟ้าบริสุทธิ์

 

แสงสายฟ้าอัดติดอยู่ตรงที่บาดแผลไม่แตกกระจายไป

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+