Immortal and Martial Dual Cultivation 222 ข้าเรียกเจ้าสารเลวเฒ่า

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 222 ข้าเรียกเจ้าสารเลวเฒ่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 222 ข้าเรียกเจ้าสารเลวเฒ่า

ฝูงชนสัมผัสได้ถึงระดับขอบเขตพลังของมู่เหิง “เกิดอะไรขึ้น? คนผู้นั้นอยู่เพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้น” มีบางคนอุทานออกมา

ข้อกําหนดพื้นฐานของการเข้าร่วมการทดสอบศิษย์แก่นกลางคือต้องเป็นระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงเมื่ออายุได้สิบเก้า

ข้อกําหนดนี้ได้กรองศิษย์ชั้นในจํานวนมากออกไปแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นว่ามู่เหิงอยู่เพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้น, พวกเขาก็เริ่มตั้งคําถามขึ้น

หัวหน้าผู้คุมสอบสีหน้าไร้อารมณ์พร้อมกับเขาจ้องมองไปที่ฝูงชนที่เริ่มไม่สงบ แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางแดดจ้า,ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกหนาวสันหลังวาบเมื่อพวกเขาพบกับสายตานั้น มันหนาวเย็นไปถึงกระดูกและแช่แข็งหัวใจของเขา

“หากเจ้ามีคําถามอะไรไปถามกับผู้อาวุโสของสภาสูงให้อธิบายให้พวกเจ้าฟังหลังจากจบการทดสอบ ตอนนี้ใครก็ส่งเสียงก่อกวนจะถูกเตะออกไปทันที!”

ใบหน้าอันธรรมดาสามัญของมู่เหิงไม่ได้แปรเปลี่ยนไปเพราะคําของผู้อื่น เขาเพียงเดินไปตรงหน้าของก้อนศิลาและสูดหายใจเข้าลึก

“เฟี้ยว!”

เขายกมือขวาดขึ้นและใช้ฝ่ามือประดุจกระบี่ เขาเบี่ยงร่างกายเล็กน้อยและฟันลง อากาศแยกออกราวกับสายน้ํา,ตัดผ่านไปโดยฝามือของมู่เหิง ก้อนศิลาสีดําค่อยๆแยกออกพร้อมกับเสียง ‘ฉัวะ’

การเคชื่อนไหวของมู่เหิงไม่ได้รวดเร็ว มันตรงกันข้ามกับเจตนารมณ์กระบี่ที่ดุร้ายของจางเลี่ย ทุกคนล้วนมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน,ดวงตาของพวกเขาเปิดกว้างพร้อมกับปากที่เปิดค้าง

เมื่อระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงใช้คมกระบี่และซัดลงไป ด้วยพลังทั้งหมดของพวกเขา มันยังเป็นการยากที่จะตัดศิลาสีดําลึกลับ พอคิดว่าระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้นตัดมันได้อย่างง่ายดาย,มันมาเหนือการคาดการณ์ของพวกเขา

ผู้คนที่แต่เดิมไม่เห็นยอมกับการเข้าร่วมการทดสอบของมู่เหิงตอนนี้กลายเป็นใบ้ มีเพียงความตกตะลึงที่หลงเหลืออยู่ในใจของพวกเขา

มู่เหิงถอนมือของเขากลับ มีรอยตัดบางอยู่กึ่งกลางของก้อนศิลา หากไม่สังเกตอย่างละเอียด,พวกเขาอาจจะคิดว่าก้อนศิลานี้ไม่ได้ถูกผ่าครึ่ง

“ปัง!” หัวหน้าผู้คุมสอบซัดฝ่ามือออกมาอีกครั้งและสลายก้อน ศิลาเป็นเศษผง เขากล่าว “หมายเลข 220,ยอดเขาเปยเฉิน,มู่เหิง สอบผ่าน”

มู่เหิงพบสายตาของจางเลี่ยที่มองมายังเขา เขายิ้มขึ้นสงบเยือก เย็นก่อนที่จะจากไป

เซี่ยวเฉินจ้องมองมู่เหิง,เขาครุ่นคิดลึก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็น ใครบางคนฝึกฝนร่างกายจนมาถึงระดับนี้

ความแข็งแกร่งของมู่เหิงไม่อาจเปรียบเทียบกับเซี่ยวเฉินได้แต่การใช้ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขายอดเยี่ยมกว่าเซี่ยวเฉิน มาก

สําหรับเซียวเฉิน,มันคงไม่เป็นปัญหาสําหรับเขาที่จะทําลายศิลา สีดําพวกนั้นด้วยการโจมตี 6,000 กิโลกรัมเต็มกําลัง

อย่างไรก็ตาม,หากเขาจะทําแบบมู่เหิง,ที่ควบคุมและเน้นความแข็งแกร่งของเขาไปถึงจุดที่บางราวกับคมกระบี่,มันเป็นไปไม่ได้

“ไม่สําคัญอะไร,การบ่มเพาะพลังร่างกายมีหลากหลายวิธี เหมือนกับทักษะต่อสู้ ข้าแค่ก่อภูเขาขึ้นมาจากกองดิน” เซียวเฉิน มบางเบาหลังจากที่คิดถึงสิ่งต่างๆ

“ หมายเลข 240,ยอดเขาฉิงหยุนเย่เฉิน!” หลังจากที่ดําเนินการทดสอบด่านแรกมายาวนาน,ในที่สุดก็มาถึงตาของเซี่ยวเฉิน

หลิวสุยเฟิงอยู่หมายเลขที่ 280 เขาอยู่หลังเซี่ยวเฉินไปอีก เมื่อเขาได้ยินชื่อของเซี่ยวเฉิน,เขาก็ส่งเสียงเชียร์ “เย่เฉิน,ขอให้โชคดี!”

เซี่ยวเฉินส่งยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้า เขาเดินออกก้าวยาวต่อไปข้างหน้าของก้อนศิลา เขาสามารถสัมผัสได้ถึงสายตานับไม่ถ้วนที่จับจ้องมาที่เขาจากทั่วทุกทิศทาง

บนฐานสูงเหนือลานฝึกฝน,ดวงตาของซ่งเฉวเผาไหม้ไปด้วยไฟ แห่งความเกลียดชังเมื่อเซี่ยวเฉินเดินออกมา เขาไม่อาจระงับความโกรธเกลียดเอาไว้ได้ เขาจ้องมองไปที่เซี่ยวเฉิน,เขาเกลียดที่ไม่อาจกระโดดออกไปและทุบเซี่ยวเฉินให้ตายเสียในใมือเดียว

ก่อนที่ซ่งเฉวจะมาพบเข้ากับเซี่ยวเฉิน,ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยคําสรรเสริญและความสําเร็จ หลังจากที่พวกเขามาเจอกัน ชีวิตของเขากลายเป็นโศกนาฏกรรม ตัวเขาที่แต่เดิมอยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดอีกเพียงหนึ่งก้าวก็จะกลายเป็นระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ศาลากระบี่สวรรค์

อย่างไรก็ตาม เขาได้เสียแขนไปหนึ่งข้างเพราะปีศาจในใจของเขา เขาได้สูยเสียความหวังที่จะขึ้นสู่ระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธความแข็งแกร่งของเขาลดลงอย่างเห็นได้ชัด,กลายเป็นตัวตลกของทุกคน

หากคนใหญ่คนโตหลายคนแห่งศาลากระบี่สวรรค์ไม่ได้ปกป้องเซี่ยวเฉินอยู่เขาจะมองหาโอกาสเพื่อสังหารเซี่ยวเฉินเสียให้ได้

ช่างน่ารังเกียจ! เขาเป็นเพียงมดตัวกระจ้อยแต่มีเส้นสายมากมาย ซึ่งเฉวยืดแขนอีกข้างที่เหลืออยู่ของเขาพร้อมกับครุ่นคิดอย่างเกลียดชัง

ซ่งเฉวหันหัวของเขาไปมองหลิวหรูเยว่ที่นิ่งเงียบ เขากล่าวอย่างมุ่งร้าย “ท่านเจ้ายอดเขาหลิว,ศิษย์ตัวน้อยของเจ้าออกมาแล้ว ข้าสงสัยว่าการแสดงของเขาจะเกินกว่าจางเลี่ยหรือไม่? มันคงเป็นเรื่องน่ายินดี”

หลิวหรูเยว่จุดไฟขึ้นในใจและยิ้มขึ้น นางหันไปและกล่าว “ไม่ว่า มันจะเป็นเรื่องน่ายินดีขนาดไหน มันคงไม่น่ายินดีเกินไปกว่าที่แขนเจ้าด้วนไป”

ซ่งเฉวสีหน้าเปลี่ยน เขาระงับความเกรี้ยวโกรธไว้ในใจพร้อมกล่าวขึ้น “เจ้าเด็กเหลือขอนั้นอย่าให้ข้าจับจุดอ่อนของมันได้จะเป็นการดี มิฉะนั้น,ข้าแน่ใจว่าชีวิตของเขาจะเลวร้ายยิ่งกว่านอนตาย”

หลิวหรูเยว่ยิ้มอย่างไม่แยแส “ชีวิตศิษย์ของข้าจะเลวร้ายยิ่งกว่า ความตายหรือไม่,ข้าไม่รู้อย่างไรก็ตาม, ข้าแน่ใจว่าชีวิตของเจ้าตอนนี้เลวร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก จริงหรือไม่? ไอ้สารเลวเฒ่า!”

ที่คําสุดท้ายของนาง,รอยยิ้มของหลิวหรูเยว่ทันใดนั้นก็หายไปแทนที่ด้วยคําสาปแช่ง นางอดทนต่อไปไม่ได้กับการแดกดันที่ไม่จบไม่สิ้นของซ่งเฉวง

“ปัง!”

“ไอ้เด็กโง่เง่าเจ้าเรียกใครว่าสารเลวเฒ่า!” ซ่วเฉวทุบมือของเขาลงบนโต๊ะ,ดวงตาเผาไหม้ไปด้วยความโกรธ

หลิวหรูเยว่หาได้เกรงกลัวไม่,ความเย็นชาปกคลุมใบหน้าของนาง “ข้าที่เรียกเจ้าสารเลวเฒ่า หาได้ผิดไม่? หรืออยากจะมีเรื่อง? ข้าไม่เกรงใจที่สั่งสอนความเป็นคนให้กับเจ้า”

พรสวรรค์ของหลิวหรูเยาแต่เดิมก็อยู่ในระดับน่าตกตะลึง หลังจากที่นางดูดซับพลังแก่นแท้ของสวรรค์และปฐพี่และกินดอกดาวเรืองแสงไหล,ความแข็งแกร่งของนางในตอนนี้เข้าไปใกล้ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ นางไม่เกรงกลัวไอ้ด้วนซ่วเฉว

“เจ้าทั้งสอง,หยุดทะเลาะกัน ทะเลาะกันต่อหน้าผู้อาวุโสของสภาสูงไม่ใช่เรื่องดี” เมื่อท่านเจ้ายอดเขาอื่นเห็นว่าบรรยากาศกําลังเข้มข้นขึ้น,พวกเขารีบเตือนทั้งสองให้หยุด

เหลิ่งเทียนเจิ้งสบตาซ่วเฉวพร้อมกับกล่าวขึ้น “น้องซ่ง เจ้าก็อายุมากแล้ว อย่าไปหาเรื่องทะเลาะกับรุ่นเยาว์ แสดงความเป็นผู้ใหญ่ให้มากกว่านี้”

หากเจ้าเหลืออยู่แขนเดียวเจ้าก็คงจะพูดเช่นเดียวกัน ซ่วเฉว โกรธจนตัวสั่น อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่กล้าเกรี้ยวกราดต่อหน้าเหลิ่ง เทียนเจิ้ง เขาไม่มีความกล้าพอที่จะทําเช่นนั้น

ข้อพิพาทสงบลงอย่างช้าๆจากการห้ามปรามของทุกคน

ภายในและภายนอกลานฝึกฝน,สานุศิษย์ชั้นในทั่วไปอยู่บนอัศจรรย์และสานุศิษย์ที่เข้ารับการทดสอบอยู่ในลานฝึกฝนทั้งหมดล้วนจับจ้องไปที่เซียวเฉิน

ในแง่ของชื่อเสียง,ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดก็คือเซี่ยวเฉิน

ไม่นานหลังจากที่เขาเข้ามาในศาลากระบี่สวรรค์ เขาทําท่านเจ้ายอดเขาซื้อขึ้นเป็นไอ้โง่ จากนั้นเขาก็ไล่ตบสานุศิษย์ยอดเขาว่านเหรินมากมายต่อหน้าผู้คน เขาล้มได้แม้กระทั่งศิษย์แก่นกลางหยางฉี

หลังจากนั้นเขาก็เก็บตัวเงียบไประยะเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตาม,หลังจากที่เขากลับมา เขายิ่งเฉิดฉายยิ่งกว่าเดิม เขาทําภารกิจนิกายระดับสูงสําเร็จได้ระดับการประเมินว่ายอดเยี่ยมอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นผลให้อันดับของเขาเพิ่มขึ้นถึง 500 อันดับในคราเดียว

เมื่อศิษย์แก่นกลางอันดับสองแห่งยอดเขาว่านเหรีย,หลินเฟิง,อยากจะมีทวงเกียรติของพวกเขาคืน,เขาถูกเซียวเฉินตบ ลงไปกองในหมัดเดียว,ทําให้เขากลายเป็นตัวตลก

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ฟังดูอหังการ ไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะเป็นเพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ

ยังมีอีกข่าวลือ ทุกครั้งที่เขาลงมือ,เขาเล่นตักติกบางอย่าง:ขัดกับ จรรยาบรรณของผู้บ่มเพาะพลัง ข่าวลือนี้น่าเชื่อถือมากขึ้นยิ่งกว่าข่าวลือก่อนหน้าเสียอีก

ตอนนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะได้เห็นเซี่ยวเฉินลงมือกับตาต่อหน้า ของทุกคน ช่วงเวลานี้จะพิสูจน์ความจริงข่าวลือ

จางเลี่ยและมู่เหิงที่ผ่านการทดสอบด่านแรกไปเรียบร้อยแล้ว, จ้องมองไปที่เซี่ยวเฉินเช่นกันเต็มไปด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะฝึกฝนอยู่บนภูเขา,พวกเขาก็ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเซี่ยวเฉินมาบ้าง

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองเป็นคนทะนงตน พวกเขาไม่เชื่อในข่าวลือ,โดยเฉพาะจางเลี่ยเขาพบว่ามันไร้สาระด้วยซ้ํา

เจ้าจะได้รู้เมื่อข้าขึ้นมาแย่งตําแหน่งของเจ้า นี่เป็นเรื่องธรรมดา ผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงเท่านั้นที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างดีที่สุด นี่เป็นหลักการพื้นฐานที่ไม่เคยเปลี่ยนมาตั้งแต่โบราณกาล

จางเลี่ยถือกระบี่ของเขาแน่นพร้อมกับแสงวาบบนดวงตาของเขา เขาจ้องมองไปที่เซี่ยวเฉิน

ดวงตาของเซี่ยวเฉินราวกับกระจก,หัวใจของเขาสงบราวกับน้ํานิ่งและจิตใจของเขาโล่งชัด สายตาที่จับจ้องและเสียงจากรอบข้างไม่ส่งผลกระทบต่อเขา

มีโอกาสเพียงครั้งเดียวและเขาไม่สามารถใช้ทักษะต่อสู้ เชี่ยวเฉินไม่กล้าประมาท เขาลูบกวาดศิลาสีดําด้วยสัมผัสวิญญาณของเขาและพบว่าพื้นผิวของก้อนศิลานี้เรียบเนียนเป็นอย่างมากมันมีความยืดหยุ่นยิ่งกว่าเหล็กทั่วไป

อย่างไรก็ตาม,มันไม่น่าจะเป็นปัญหา เขาควรจะจัดการกับมันได้ ด้วยพลังเพียงครึ่งนึ่งของความแข็งแกร่งของเขา เซี่ยวเฉินชักกระบี่ของเขาออกมาอย่างเด็ดเดี่ยวและสร้างกระบี่แสง

“ฟ้าว!”

กระบี่แสงเฉียบคมวูบผ่านในอากาศและเซี่ยวเฉินเก็บกระบี่กลับ เข้าฝึกพร้อมกับเสียง ‘เช้ง’ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงบนศิลาสีดําแม้แต่น้อย,ทําให้ทุกคนต่างประหลาดใจ

“ฮ่าฮาฮาฮาฮา! ข้าก็สงสัยว่าเขาจะทรงพลังถึงเพียงใด ดูแล้วก็งั้นๆ ทําเอาข้าประหลาดใจอย่างน่ายินดี!” สายตาของซ่งเฉวจับไปที่ศิลาสีดํา

แต่เดิมเขาคิดว่านี่มันคงไม่เกินมือของเซี่ยวเฉิน อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาสังเกตอย่างละเอยืด,เขาพบว่าบนพื้นผิวศิลาไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

ดูเหมือนม้าทุกตัวก้าวสะดุด เจ้าหมอนี้มันหยิ่งยโสเกินไป ช่างเป็นโอกาสดีที่จะได้เยาะเย้ยมัน ซ่วเฉวเริ่มหัวเราะออกมาเสียงดัง

TL:ม้าทุกตัวก้าวสะดุดแปลว่าทุกคนเคยผิดพลาด

“ฟู่ว!”

ขณะที่ซ่วเฉวพูดจบ,มีเสียงดังออกมาจากศิลาสีดํา,ราวกับว่ามันตอบกลับคําของซ่งเฉวมันขาดแยกออกเป็นสองซีกพร้อมกับ เสียง ‘ปะ ปะ’

พลังงานหนาแน่นโยนศิลาทั้งสองซีกขึ้นไปในอากาศราวกับพายุหลังจากลอยอยู่นาน มันก็ตกลงบนพื้นเสียงหนักแน่น

“ หมายเลข 240,ยอดเขาฉิงหยุน,เย่เฉิน…ผ่าน!” เมื่อก้อนศิลาตกลงมา,หัวหน้าผู้คุมสอบกล่าวออกมาอย่างเรียบง่าย

สีหน้าของซ่งเฉวแดงสลับเขียว เขาไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปซ่อนไว้ที่ไหน เขารู้สึกราวกับว่าเมื่อครู่เขาได้หัวเราะเยาะใส่ตัวเอง

หลิวหนูเยวไม่แม้แต่จะชายตามอง,นางเมินเฉยเขาไป

อันที่จริง,เซี่ยวเฉินได้ใช้วาดกระบี่ที่ซับซ้อนในกระบี่จู่โจมนี้ ปราศจากจิตวิญญาณยุทธของเขา,ความรวดเร็วในการรวบรวมปราณของเขาเร็วขึ้นมากว่าครึ่ง

ด้วยการนึกคิดของเซี่ยวเฉิน,อ่างน้ําวนในจุดตันเที่ยนของเขาปลดปล่อยพลังปราณจํานวนมหาศาลออกมาทันที,รวบตัวบนคมกระบี่ของเขา ด้วยความรวดเร็วในการรวบรวมปราณบนกระบี่และ การวาดกระบี่ที่ซับซ้อนของเขา,กระบี่จู่โจมนี้รวดเร็วถึงขีดสุด

ท้ายที่สุด,ซ่งเฉวที่อยู่ค่อนข้างไกลจากลานฝึกฝนและอยู่ในสภาพที่จิตใจไม่อยู่กับตัว แม้ว่าเขาจะอยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ,มันก็ไม่น่าประหลาดใจนักที่เขาจะมองพลาดไป

เซี่ยวเฉินเงยหัวขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงสายตาที่เป็นกังวลจากฐานสูง เขายิ้มไปที่หลิวหรูเยวที่อยู่ไกลออกไปและเดินตรงไปยังกลุ่มสานุศิษย์ชั้นในที่ผ่านการทดสอบด่านนี้

การทดสอบบนลานฝึกฝนดําเนินต่อไป หลังจากนั้น,จะมีคนผ่านการทดสอบมาเป็นครั้งคราว แน่นอน,ส่วนใหญ่นั้นสอบตก ในไม่ช้า,ก็มาถึงตาของหลิวสุยเฟิง

เมื่อหลิวหรูเยว่เห็นหลิวสุยเฟิงเดินออกมาอย่างช้าๆ,นางเริ่มที่จะเป็นกังวลอีกครั้ง หลิวสุยเฟิงอายุสิบเก้าแล้ว หากเขาไม่ผ่านการทดสอบในครั้งนี้ เขาจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป

นี่เป็นน้องชายเพียงคนเดียวของนาง,นางไม่อยากที่จะเห็นเขาล้มเหลว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 222 ข้าเรียกเจ้าสารเลวเฒ่า

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 222 ข้าเรียกเจ้าสารเลวเฒ่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 222 ข้าเรียกเจ้าสารเลวเฒ่า

ฝูงชนสัมผัสได้ถึงระดับขอบเขตพลังของมู่เหิง “เกิดอะไรขึ้น? คนผู้นั้นอยู่เพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้น” มีบางคนอุทานออกมา

ข้อกําหนดพื้นฐานของการเข้าร่วมการทดสอบศิษย์แก่นกลางคือต้องเป็นระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงเมื่ออายุได้สิบเก้า

ข้อกําหนดนี้ได้กรองศิษย์ชั้นในจํานวนมากออกไปแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นว่ามู่เหิงอยู่เพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้น, พวกเขาก็เริ่มตั้งคําถามขึ้น

หัวหน้าผู้คุมสอบสีหน้าไร้อารมณ์พร้อมกับเขาจ้องมองไปที่ฝูงชนที่เริ่มไม่สงบ แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางแดดจ้า,ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกหนาวสันหลังวาบเมื่อพวกเขาพบกับสายตานั้น มันหนาวเย็นไปถึงกระดูกและแช่แข็งหัวใจของเขา

“หากเจ้ามีคําถามอะไรไปถามกับผู้อาวุโสของสภาสูงให้อธิบายให้พวกเจ้าฟังหลังจากจบการทดสอบ ตอนนี้ใครก็ส่งเสียงก่อกวนจะถูกเตะออกไปทันที!”

ใบหน้าอันธรรมดาสามัญของมู่เหิงไม่ได้แปรเปลี่ยนไปเพราะคําของผู้อื่น เขาเพียงเดินไปตรงหน้าของก้อนศิลาและสูดหายใจเข้าลึก

“เฟี้ยว!”

เขายกมือขวาดขึ้นและใช้ฝ่ามือประดุจกระบี่ เขาเบี่ยงร่างกายเล็กน้อยและฟันลง อากาศแยกออกราวกับสายน้ํา,ตัดผ่านไปโดยฝามือของมู่เหิง ก้อนศิลาสีดําค่อยๆแยกออกพร้อมกับเสียง ‘ฉัวะ’

การเคชื่อนไหวของมู่เหิงไม่ได้รวดเร็ว มันตรงกันข้ามกับเจตนารมณ์กระบี่ที่ดุร้ายของจางเลี่ย ทุกคนล้วนมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน,ดวงตาของพวกเขาเปิดกว้างพร้อมกับปากที่เปิดค้าง

เมื่อระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงใช้คมกระบี่และซัดลงไป ด้วยพลังทั้งหมดของพวกเขา มันยังเป็นการยากที่จะตัดศิลาสีดําลึกลับ พอคิดว่าระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้นตัดมันได้อย่างง่ายดาย,มันมาเหนือการคาดการณ์ของพวกเขา

ผู้คนที่แต่เดิมไม่เห็นยอมกับการเข้าร่วมการทดสอบของมู่เหิงตอนนี้กลายเป็นใบ้ มีเพียงความตกตะลึงที่หลงเหลืออยู่ในใจของพวกเขา

มู่เหิงถอนมือของเขากลับ มีรอยตัดบางอยู่กึ่งกลางของก้อนศิลา หากไม่สังเกตอย่างละเอียด,พวกเขาอาจจะคิดว่าก้อนศิลานี้ไม่ได้ถูกผ่าครึ่ง

“ปัง!” หัวหน้าผู้คุมสอบซัดฝ่ามือออกมาอีกครั้งและสลายก้อน ศิลาเป็นเศษผง เขากล่าว “หมายเลข 220,ยอดเขาเปยเฉิน,มู่เหิง สอบผ่าน”

มู่เหิงพบสายตาของจางเลี่ยที่มองมายังเขา เขายิ้มขึ้นสงบเยือก เย็นก่อนที่จะจากไป

เซี่ยวเฉินจ้องมองมู่เหิง,เขาครุ่นคิดลึก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็น ใครบางคนฝึกฝนร่างกายจนมาถึงระดับนี้

ความแข็งแกร่งของมู่เหิงไม่อาจเปรียบเทียบกับเซี่ยวเฉินได้แต่การใช้ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขายอดเยี่ยมกว่าเซี่ยวเฉิน มาก

สําหรับเซียวเฉิน,มันคงไม่เป็นปัญหาสําหรับเขาที่จะทําลายศิลา สีดําพวกนั้นด้วยการโจมตี 6,000 กิโลกรัมเต็มกําลัง

อย่างไรก็ตาม,หากเขาจะทําแบบมู่เหิง,ที่ควบคุมและเน้นความแข็งแกร่งของเขาไปถึงจุดที่บางราวกับคมกระบี่,มันเป็นไปไม่ได้

“ไม่สําคัญอะไร,การบ่มเพาะพลังร่างกายมีหลากหลายวิธี เหมือนกับทักษะต่อสู้ ข้าแค่ก่อภูเขาขึ้นมาจากกองดิน” เซียวเฉิน มบางเบาหลังจากที่คิดถึงสิ่งต่างๆ

“ หมายเลข 240,ยอดเขาฉิงหยุนเย่เฉิน!” หลังจากที่ดําเนินการทดสอบด่านแรกมายาวนาน,ในที่สุดก็มาถึงตาของเซี่ยวเฉิน

หลิวสุยเฟิงอยู่หมายเลขที่ 280 เขาอยู่หลังเซี่ยวเฉินไปอีก เมื่อเขาได้ยินชื่อของเซี่ยวเฉิน,เขาก็ส่งเสียงเชียร์ “เย่เฉิน,ขอให้โชคดี!”

เซี่ยวเฉินส่งยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้า เขาเดินออกก้าวยาวต่อไปข้างหน้าของก้อนศิลา เขาสามารถสัมผัสได้ถึงสายตานับไม่ถ้วนที่จับจ้องมาที่เขาจากทั่วทุกทิศทาง

บนฐานสูงเหนือลานฝึกฝน,ดวงตาของซ่งเฉวเผาไหม้ไปด้วยไฟ แห่งความเกลียดชังเมื่อเซี่ยวเฉินเดินออกมา เขาไม่อาจระงับความโกรธเกลียดเอาไว้ได้ เขาจ้องมองไปที่เซี่ยวเฉิน,เขาเกลียดที่ไม่อาจกระโดดออกไปและทุบเซี่ยวเฉินให้ตายเสียในใมือเดียว

ก่อนที่ซ่งเฉวจะมาพบเข้ากับเซี่ยวเฉิน,ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยคําสรรเสริญและความสําเร็จ หลังจากที่พวกเขามาเจอกัน ชีวิตของเขากลายเป็นโศกนาฏกรรม ตัวเขาที่แต่เดิมอยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดอีกเพียงหนึ่งก้าวก็จะกลายเป็นระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ศาลากระบี่สวรรค์

อย่างไรก็ตาม เขาได้เสียแขนไปหนึ่งข้างเพราะปีศาจในใจของเขา เขาได้สูยเสียความหวังที่จะขึ้นสู่ระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธความแข็งแกร่งของเขาลดลงอย่างเห็นได้ชัด,กลายเป็นตัวตลกของทุกคน

หากคนใหญ่คนโตหลายคนแห่งศาลากระบี่สวรรค์ไม่ได้ปกป้องเซี่ยวเฉินอยู่เขาจะมองหาโอกาสเพื่อสังหารเซี่ยวเฉินเสียให้ได้

ช่างน่ารังเกียจ! เขาเป็นเพียงมดตัวกระจ้อยแต่มีเส้นสายมากมาย ซึ่งเฉวยืดแขนอีกข้างที่เหลืออยู่ของเขาพร้อมกับครุ่นคิดอย่างเกลียดชัง

ซ่งเฉวหันหัวของเขาไปมองหลิวหรูเยว่ที่นิ่งเงียบ เขากล่าวอย่างมุ่งร้าย “ท่านเจ้ายอดเขาหลิว,ศิษย์ตัวน้อยของเจ้าออกมาแล้ว ข้าสงสัยว่าการแสดงของเขาจะเกินกว่าจางเลี่ยหรือไม่? มันคงเป็นเรื่องน่ายินดี”

หลิวหรูเยว่จุดไฟขึ้นในใจและยิ้มขึ้น นางหันไปและกล่าว “ไม่ว่า มันจะเป็นเรื่องน่ายินดีขนาดไหน มันคงไม่น่ายินดีเกินไปกว่าที่แขนเจ้าด้วนไป”

ซ่งเฉวสีหน้าเปลี่ยน เขาระงับความเกรี้ยวโกรธไว้ในใจพร้อมกล่าวขึ้น “เจ้าเด็กเหลือขอนั้นอย่าให้ข้าจับจุดอ่อนของมันได้จะเป็นการดี มิฉะนั้น,ข้าแน่ใจว่าชีวิตของเขาจะเลวร้ายยิ่งกว่านอนตาย”

หลิวหรูเยว่ยิ้มอย่างไม่แยแส “ชีวิตศิษย์ของข้าจะเลวร้ายยิ่งกว่า ความตายหรือไม่,ข้าไม่รู้อย่างไรก็ตาม, ข้าแน่ใจว่าชีวิตของเจ้าตอนนี้เลวร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก จริงหรือไม่? ไอ้สารเลวเฒ่า!”

ที่คําสุดท้ายของนาง,รอยยิ้มของหลิวหรูเยว่ทันใดนั้นก็หายไปแทนที่ด้วยคําสาปแช่ง นางอดทนต่อไปไม่ได้กับการแดกดันที่ไม่จบไม่สิ้นของซ่งเฉวง

“ปัง!”

“ไอ้เด็กโง่เง่าเจ้าเรียกใครว่าสารเลวเฒ่า!” ซ่วเฉวทุบมือของเขาลงบนโต๊ะ,ดวงตาเผาไหม้ไปด้วยความโกรธ

หลิวหรูเยว่หาได้เกรงกลัวไม่,ความเย็นชาปกคลุมใบหน้าของนาง “ข้าที่เรียกเจ้าสารเลวเฒ่า หาได้ผิดไม่? หรืออยากจะมีเรื่อง? ข้าไม่เกรงใจที่สั่งสอนความเป็นคนให้กับเจ้า”

พรสวรรค์ของหลิวหรูเยาแต่เดิมก็อยู่ในระดับน่าตกตะลึง หลังจากที่นางดูดซับพลังแก่นแท้ของสวรรค์และปฐพี่และกินดอกดาวเรืองแสงไหล,ความแข็งแกร่งของนางในตอนนี้เข้าไปใกล้ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ นางไม่เกรงกลัวไอ้ด้วนซ่วเฉว

“เจ้าทั้งสอง,หยุดทะเลาะกัน ทะเลาะกันต่อหน้าผู้อาวุโสของสภาสูงไม่ใช่เรื่องดี” เมื่อท่านเจ้ายอดเขาอื่นเห็นว่าบรรยากาศกําลังเข้มข้นขึ้น,พวกเขารีบเตือนทั้งสองให้หยุด

เหลิ่งเทียนเจิ้งสบตาซ่วเฉวพร้อมกับกล่าวขึ้น “น้องซ่ง เจ้าก็อายุมากแล้ว อย่าไปหาเรื่องทะเลาะกับรุ่นเยาว์ แสดงความเป็นผู้ใหญ่ให้มากกว่านี้”

หากเจ้าเหลืออยู่แขนเดียวเจ้าก็คงจะพูดเช่นเดียวกัน ซ่วเฉว โกรธจนตัวสั่น อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่กล้าเกรี้ยวกราดต่อหน้าเหลิ่ง เทียนเจิ้ง เขาไม่มีความกล้าพอที่จะทําเช่นนั้น

ข้อพิพาทสงบลงอย่างช้าๆจากการห้ามปรามของทุกคน

ภายในและภายนอกลานฝึกฝน,สานุศิษย์ชั้นในทั่วไปอยู่บนอัศจรรย์และสานุศิษย์ที่เข้ารับการทดสอบอยู่ในลานฝึกฝนทั้งหมดล้วนจับจ้องไปที่เซียวเฉิน

ในแง่ของชื่อเสียง,ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดก็คือเซี่ยวเฉิน

ไม่นานหลังจากที่เขาเข้ามาในศาลากระบี่สวรรค์ เขาทําท่านเจ้ายอดเขาซื้อขึ้นเป็นไอ้โง่ จากนั้นเขาก็ไล่ตบสานุศิษย์ยอดเขาว่านเหรินมากมายต่อหน้าผู้คน เขาล้มได้แม้กระทั่งศิษย์แก่นกลางหยางฉี

หลังจากนั้นเขาก็เก็บตัวเงียบไประยะเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตาม,หลังจากที่เขากลับมา เขายิ่งเฉิดฉายยิ่งกว่าเดิม เขาทําภารกิจนิกายระดับสูงสําเร็จได้ระดับการประเมินว่ายอดเยี่ยมอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นผลให้อันดับของเขาเพิ่มขึ้นถึง 500 อันดับในคราเดียว

เมื่อศิษย์แก่นกลางอันดับสองแห่งยอดเขาว่านเหรีย,หลินเฟิง,อยากจะมีทวงเกียรติของพวกเขาคืน,เขาถูกเซียวเฉินตบ ลงไปกองในหมัดเดียว,ทําให้เขากลายเป็นตัวตลก

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ฟังดูอหังการ ไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะเป็นเพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ

ยังมีอีกข่าวลือ ทุกครั้งที่เขาลงมือ,เขาเล่นตักติกบางอย่าง:ขัดกับ จรรยาบรรณของผู้บ่มเพาะพลัง ข่าวลือนี้น่าเชื่อถือมากขึ้นยิ่งกว่าข่าวลือก่อนหน้าเสียอีก

ตอนนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะได้เห็นเซี่ยวเฉินลงมือกับตาต่อหน้า ของทุกคน ช่วงเวลานี้จะพิสูจน์ความจริงข่าวลือ

จางเลี่ยและมู่เหิงที่ผ่านการทดสอบด่านแรกไปเรียบร้อยแล้ว, จ้องมองไปที่เซี่ยวเฉินเช่นกันเต็มไปด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะฝึกฝนอยู่บนภูเขา,พวกเขาก็ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเซี่ยวเฉินมาบ้าง

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองเป็นคนทะนงตน พวกเขาไม่เชื่อในข่าวลือ,โดยเฉพาะจางเลี่ยเขาพบว่ามันไร้สาระด้วยซ้ํา

เจ้าจะได้รู้เมื่อข้าขึ้นมาแย่งตําแหน่งของเจ้า นี่เป็นเรื่องธรรมดา ผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงเท่านั้นที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างดีที่สุด นี่เป็นหลักการพื้นฐานที่ไม่เคยเปลี่ยนมาตั้งแต่โบราณกาล

จางเลี่ยถือกระบี่ของเขาแน่นพร้อมกับแสงวาบบนดวงตาของเขา เขาจ้องมองไปที่เซี่ยวเฉิน

ดวงตาของเซี่ยวเฉินราวกับกระจก,หัวใจของเขาสงบราวกับน้ํานิ่งและจิตใจของเขาโล่งชัด สายตาที่จับจ้องและเสียงจากรอบข้างไม่ส่งผลกระทบต่อเขา

มีโอกาสเพียงครั้งเดียวและเขาไม่สามารถใช้ทักษะต่อสู้ เชี่ยวเฉินไม่กล้าประมาท เขาลูบกวาดศิลาสีดําด้วยสัมผัสวิญญาณของเขาและพบว่าพื้นผิวของก้อนศิลานี้เรียบเนียนเป็นอย่างมากมันมีความยืดหยุ่นยิ่งกว่าเหล็กทั่วไป

อย่างไรก็ตาม,มันไม่น่าจะเป็นปัญหา เขาควรจะจัดการกับมันได้ ด้วยพลังเพียงครึ่งนึ่งของความแข็งแกร่งของเขา เซี่ยวเฉินชักกระบี่ของเขาออกมาอย่างเด็ดเดี่ยวและสร้างกระบี่แสง

“ฟ้าว!”

กระบี่แสงเฉียบคมวูบผ่านในอากาศและเซี่ยวเฉินเก็บกระบี่กลับ เข้าฝึกพร้อมกับเสียง ‘เช้ง’ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงบนศิลาสีดําแม้แต่น้อย,ทําให้ทุกคนต่างประหลาดใจ

“ฮ่าฮาฮาฮาฮา! ข้าก็สงสัยว่าเขาจะทรงพลังถึงเพียงใด ดูแล้วก็งั้นๆ ทําเอาข้าประหลาดใจอย่างน่ายินดี!” สายตาของซ่งเฉวจับไปที่ศิลาสีดํา

แต่เดิมเขาคิดว่านี่มันคงไม่เกินมือของเซี่ยวเฉิน อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาสังเกตอย่างละเอยืด,เขาพบว่าบนพื้นผิวศิลาไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

ดูเหมือนม้าทุกตัวก้าวสะดุด เจ้าหมอนี้มันหยิ่งยโสเกินไป ช่างเป็นโอกาสดีที่จะได้เยาะเย้ยมัน ซ่วเฉวเริ่มหัวเราะออกมาเสียงดัง

TL:ม้าทุกตัวก้าวสะดุดแปลว่าทุกคนเคยผิดพลาด

“ฟู่ว!”

ขณะที่ซ่วเฉวพูดจบ,มีเสียงดังออกมาจากศิลาสีดํา,ราวกับว่ามันตอบกลับคําของซ่งเฉวมันขาดแยกออกเป็นสองซีกพร้อมกับ เสียง ‘ปะ ปะ’

พลังงานหนาแน่นโยนศิลาทั้งสองซีกขึ้นไปในอากาศราวกับพายุหลังจากลอยอยู่นาน มันก็ตกลงบนพื้นเสียงหนักแน่น

“ หมายเลข 240,ยอดเขาฉิงหยุน,เย่เฉิน…ผ่าน!” เมื่อก้อนศิลาตกลงมา,หัวหน้าผู้คุมสอบกล่าวออกมาอย่างเรียบง่าย

สีหน้าของซ่งเฉวแดงสลับเขียว เขาไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปซ่อนไว้ที่ไหน เขารู้สึกราวกับว่าเมื่อครู่เขาได้หัวเราะเยาะใส่ตัวเอง

หลิวหนูเยวไม่แม้แต่จะชายตามอง,นางเมินเฉยเขาไป

อันที่จริง,เซี่ยวเฉินได้ใช้วาดกระบี่ที่ซับซ้อนในกระบี่จู่โจมนี้ ปราศจากจิตวิญญาณยุทธของเขา,ความรวดเร็วในการรวบรวมปราณของเขาเร็วขึ้นมากว่าครึ่ง

ด้วยการนึกคิดของเซี่ยวเฉิน,อ่างน้ําวนในจุดตันเที่ยนของเขาปลดปล่อยพลังปราณจํานวนมหาศาลออกมาทันที,รวบตัวบนคมกระบี่ของเขา ด้วยความรวดเร็วในการรวบรวมปราณบนกระบี่และ การวาดกระบี่ที่ซับซ้อนของเขา,กระบี่จู่โจมนี้รวดเร็วถึงขีดสุด

ท้ายที่สุด,ซ่งเฉวที่อยู่ค่อนข้างไกลจากลานฝึกฝนและอยู่ในสภาพที่จิตใจไม่อยู่กับตัว แม้ว่าเขาจะอยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ,มันก็ไม่น่าประหลาดใจนักที่เขาจะมองพลาดไป

เซี่ยวเฉินเงยหัวขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงสายตาที่เป็นกังวลจากฐานสูง เขายิ้มไปที่หลิวหรูเยวที่อยู่ไกลออกไปและเดินตรงไปยังกลุ่มสานุศิษย์ชั้นในที่ผ่านการทดสอบด่านนี้

การทดสอบบนลานฝึกฝนดําเนินต่อไป หลังจากนั้น,จะมีคนผ่านการทดสอบมาเป็นครั้งคราว แน่นอน,ส่วนใหญ่นั้นสอบตก ในไม่ช้า,ก็มาถึงตาของหลิวสุยเฟิง

เมื่อหลิวหรูเยว่เห็นหลิวสุยเฟิงเดินออกมาอย่างช้าๆ,นางเริ่มที่จะเป็นกังวลอีกครั้ง หลิวสุยเฟิงอายุสิบเก้าแล้ว หากเขาไม่ผ่านการทดสอบในครั้งนี้ เขาจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป

นี่เป็นน้องชายเพียงคนเดียวของนาง,นางไม่อยากที่จะเห็นเขาล้มเหลว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+