Immortal and Martial Dual Cultivation 72 ใครเป็นที่หนึ่ง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 72 ใครเป็นที่หนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 72 ใครเป็นที่หนึ่ง

 

เซียวเฉินมองดูไปรอบๆและคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่ทุกคนจะถอยหนีกลับออกไปหมดแล้ว คิดถึงที่เยว่หญิงบอกมาเขาเดาว่าผู้คนในมณฑลฉี่จื๊อได้รับข่าวแล้วจึงยุติการทดสอบนี้ก่อนกำหนด

 

เมื่อเขากำลังจะกลับออกไปทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงอันตราย เขาปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณออกไปและเขาพบผู้บ่มเพาะพลังซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ทางซ้ายสูงขึ้นไปยี่สิบเมตร

 

นักบ่มเพาะพลังผู้นี้เก็บซ่อนกระแสพลังของเขาและจ้องมองมาที่เซียวเฉิน เขากำลังรอโอกาสที่จะสังหารเซียวเฉิน

 

เซียวเฉินควบคุมสัมผัสวิญญาณของเขาและหลังจากที่เห็นได้อย่างชัดเจนเขาหัวเราะออกมาในใจอย่างช่วยไม่ได้ คนคนนั้นคือระดัขอบเขตปรมจารย์ของตระกูลจาง เขาน่าจะมาถึงพร้อมกับสองผู้อาวุโสจากตระกูลถัง ไม่รู้ว่ามันผู้นี้รอดเงื้อมือของเย่เฉินโจวมาได้เช่นไร

 

อย่างไรก็ตามกระแสพลังของเขาดูเหมือนจะอ่อนแอ ระหว่างที่หลบเลี่ยงเย่เฉินโจวมาหลายวันเขาจะต้องเสียพลังปราณไปจำนวนไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้หยุดพักผ่อนเลย

 

ในสถานการณ์ปัจจุบันมันไม่ได้กลับออกไป แต่วนกลับมาดักฆ่าข้า นี่แสดงให้เห็นว่าตระกูลจางเกลียดข้าถึงเพียงใด เซียวเฉินคิดกับตัวเอง

 

ด้วยสภาพของเขาในตอนนี้อย่างดีที่สุดก็เหลือพลังเพียงครึ่งเดียว เซียวเฉินไม่ได้คิดที่จะหลบหนีไป สำหรับเขานี่มันเป็นการทดสอบพลังที่ดี น่าสนใจลองมากว่าอสูรปีศาจเสียอีก

 

เขาตัดสินใจลงมือก่อนทันที สายฟ้าพุ่งพาดผ่านทันใดนั้นเซียวเฉินก็ปรากฎตัวขึ้นด้านหลังของชายคนนั้น กระบี่เงาจันทร์ส่องแสงเจิดจ้าและพลังอันไร้ขอบเขตของแก่นกลางปีศาจระดับ 6 แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ

 

ชายคนนั้นหันกลับมาเจอกับใบหน้าเปื้อนยิ้มของเซียวเฉิน ความประหลาดใจปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขาอย่างชัดเจนเขาไม่รู้ว่าเซียวเฉินทราบที่ซ่อนของเขาได้อย่างไร

 

…..

 

ชายขอบของป่าทมิฬพระอาทิตย์ลอยสูงบนท้องฟ้าฉายแสงลงมา

 

“ท่านพ่อ ทำไมถึงเรียกพวกเรากลับมา? น้องเฉินยังไม่กลับออกมาเลย” เซียวอวี่หลันพูดกับเซียวเฉียงน้ำเสียงไม่พอใจอย่างชัดเจน

 

ไม่นานหลังจากที่เซียวเฉินปลีกตัวออกไปเซียวเฉียงนำระดับขอบเขตปรมจารย์สี่คนไปที่ค่ายพักของตระกูลเฉิน เขาบอกว่าการทดสอบต้องจบก่อนกำหนดและจากนั้นก็พาทุกคนออกมาในทันที

 

เซียวเฉียงขมวดคิ้ว “นอกจากระดับขอบเขตปรมจารย์ที่หนีรอดออกมาได้ ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดที่มณฑลฉี่จื๊อส่งไปที่แก่นกลางป่าทมิฬถูกฆ่าตายแม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญที่พวกเขาส่งไปก็ไม่รอด”

 

เหล่าคนข้างหลังหายใจเข้าอย่างรุนแรง “แม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญก็ไม่รอด?! อสูรปีศาจในป่าทมิฬน่ากลัวถึงเพียงนั้น?”

 

“เขาถูกฆ่าด้วยน้ำมือของมนุษย์ไม่ใช่อสูรปีศาจ นอกจากนั้นวิธีการตายยังน่าสยดสยอง มณฑลฉี่จื๊อรายงานเรื่องนี้ให้ราชวงศ์ทราบแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราจะไปจัดการได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นการทดสอบจึงถูกยกเลิก” เซียวเฉียงอธิบาย

 

สีหน้าของเซียวอวี่หลันเปลี่ยนเล็กน้อยและนางพูดด้วยเสียงเป็นกังวล “เช่นนั้นหมายความว่าน้องเฉินตกอยู่ในอันตราย? ข้าต้องกลับไปตามหาเขา”

 

“บ้าบอ!” เซียวเฉียงตะโกนเสียงดัง “เจ้าจำสิ่งที่เกิดขึ้นที่ภูเขาชีเจี่ยวได้ไหม? เจ้าคิดว่าเชียวเฉินจะตายง่ายเช่นนั้นเชียว? หากเขาอยากจะหนีแม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญก็จับตัวเขาไม่ทัน หากเจ้ากลับเข้าไปก็รังแต่จะไปเป็นภาระให้เขา”

 

ดวงตาของเซียวอวี่หลันกลายเป็นสีแดงแต่นางก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

 

“ผู้อาวุโสเซียวท่านทำอะไรอยู่? กำลังดุด่าใคร? นั้นมันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น” ผู้นำตระกูลถังพากลุ่มของเขาตรงเข้ามา “แล้วนายน้อยสองของตระกูลท่านหายไปไหน? ทำไมข้าไม่เห็นหัวเขา? หรือจะโดนอสูรปีศาจจับกินไปแล้ว?”

 

เซียวเฉียงมองไปที่ผู้นำตระกูลถังอย่างเย็นชาและกล่าวเยาะเย้ย “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ถึงสิ่งที่พวกเจ้าทำในป่าทมิฬ น่าเสียดายที่สวรรค์ยังมีตาและผู้อาวุโสของพวกเจ้าสองคนก็หายไปอย่างไร้ค่า”

 

สีหน้าของถังเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อยจากนั้นก็ยิ้มขึ้น “ข้าไม่เห็นเข้าใจว่าผู้อาวุโสเซียวกำลังพูดถึงเรื่องอะไร อย่างไรก็ตามแม้ว่าการทดสอบจะจบลงก่อนกำหนดพวกเราก็ต้องมาตัดสินผลลัพธ์ระหว่างพวกเราสามตระกูล ข้าสงสัยว่าตระกูลเซียวจะล่าแก่นกลางปีศาจมาได้สักเท่าไหร?”

 

“เอาไว้ก่อน เมื่อเจ้าเมืองมาถึงข้าจะรายงานด้วยตัวเอง เมื่อถึงตอนนั้นข้าก็หวังว่าจำนวนที่ตระกูลถังรายงานจะไม่ต่ำจนเกินไป”

 

ตระกูลเซียวเก็บรวบรวมแก่นกลางปีศาจระดับ 2 มาได้ทั้งหมด 180 ก้อน เซียวเฉียงพึงพอใจเป็นอย่างมากด้วยจำนวนเท่านี้ในระยะเวลาสามวัน ดังนั้นพวกเขาไม่ต้องไปเกรงกลัวการเยาะเย้ยจากถังเทียน

 

ไม่นานนักเจ้าเมืองตู้กู่เฟิงก็เรียกคนจากทั้งสามตระกูลมารวมกัน สีหน้าของเขาดูสบายๆราวกับว่าเรื่องป่าทมิฬไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขา

 

ตู้กู่เฟิงยิ้มขึ้น “แม้ว่าจะเกิดปัญหาบางอย่างขึ้นทำให้การทดสอบต้องจบก่อนกำหนดพวกเราก็จะนับตามกฎเดิม การเเข่งขันระหว่างทั้งสามตระกูลยังดำเนินต่อไป ข้าสงสัยว่าจะมีใครสามารถเอาชนะตระกูลเซียวได้หรือไม่พวกเขาเป็นที่หนึ่งในครั้งที่ผ่านมา”

 

“เริ่มจากตระกูลจาง ข้าสงสัยนักว่าพวกเขาจะเก็บรวบรวมแก่นกลางปีศาจมาได้กี่ก้อน?”

 

สีหน้าผู้นำตระกูลจางกลายเป็นน่าเกียจเมื่อเขาได้ยินดังนั้น ในครั้งนี้ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลจางของพวกเขาไม่ได้เข้าร่วมเนื่องจากจิตวิญญาณต่อสู้ของเขาได้รับความเสียหาย ผลการเก็บเกี่ยวของพวกเขาไม่ได้ดีเท่าไหร อย่างไรก็ตามเมื่อท่านเจ้าเมืองถามมาพวกเขาก็ต้องรายงานไป

 

“ตระกูลจางได้รับแก่นกลางปีศาจระดับ 2 มาทั้งหมด 50 ก้อนในการออกล่าครั้งนี้” ผู้นำตระกูลจางกล่าวขึ้น

 

ตู้กู่เฟิงไม่ไดตกใจอะไรกับผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ้มขึ้นเบาๆและพูดขึ้น “ไม่เป็นไร จางเหอไม่ได้มาเข้าร่วมดังนั้นได้ผลลัพธ์มาเช่นนี้ก็ถือว่าไม่เลว”

 

“ต่อไป ตระกูลถังรายงานจำนวนมา ข้าค่อนข้างคาดหวังกับตระกูลถัง”

 

ถังเทียนยิ้มอย่างไม่แยแส “ท่านเจ้าเมืองกล่าวเกินไปแล้ว ในครั้งนี้ตระกูลถังได้รับแก่นกลางปีศาจระดับ 2 มาทั้งหมด 100 ก้อน”

 

หลังจากที่ถังเทียนกล่าวจบเขาก็หน้ามองมาทางเซียวเฉียง ความหมายออกมาจากสายตาของเขาชัดเจนว่าถึงตาพวกเจ้าแล้ว

 

เซียวเฉียงถอดหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินรายงานจากตระกูลถัง เมื่อเห็นท่านเจ้าเมืองมองมาทางเขาเซียวเฉียงก็พูดขึ้น “ในการทดสอบครั้งนี้ ตระกูลเซียวได้รับแก่นกลางปีศาจระดับ 2 มาทั้งหมด 180 ก้อน”

 

ตู้กู่เฟิงหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อได้ยินดังนั้น “ดูเหมือนตระกูลเซียวจะเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ยินดีด้วยดูเหมือนตระกูลเซียวจะชนะในการทดสอบนี้อีกครั้ง”

 

ถังเทียนเผยรอยยิ้มลึกๆ “ท่านเจ้าเมืองอย่ารีบร้อนยินดีกับพวกเขาไป ถังเฟิงเอาของออกมาให้ท่านเจ้าเมืองดู”

 

ถังเฟิงเดินขึ้นหน้ามาเมื่อได้ยินเช่นนั้นและหยิบแก่นกลางปีศาจหกชิ้นวางพวกมันลงที่ด้านหน้าของท่านเจ้าเมือง เรืองแสงที่เปล่งออกมาจากแก่นกลางปีศาจทั้งหกนี้ลึกลับอย่างไม่น่าเชื่อ เห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากแก่นกลางปีศาจระดับ 2

 

ใครบางคนข้างหลังเขาอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “พวกนั้นเป็นแก่นกลางปีศาจระดับ 3”

 

“ถูกต้อง มันเป็นแก่นกลางปีศาจระดับ 3 จริงๆ!” คนด้านข้างอีกคนหยิบแก่นกลางปีศาจขึ้นมาตรวจสอบดู

 

อสูรปีศาจระดับ 3 เทียบเท่าได้กับระดับขอบเขตปรมจารย์ยุทธ ถังเฟิงคนนี้สามารถจัดการอสูรปีศาจระดับ 3 ได้ถึงหกตัว มันช่างเหลือเชื่อ

 

“เมืองม่อเหอจัดการทดสอบมาแล้วก็หลายครั้งจนถึงตอนนี้ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีใครจัดการอสูรปีศาจระดับ 3 ได้มาก่อนในอดีต ดูเหมือนว่าตระกูลถังจะเป็นคนแรกที่ทำได้ เหนือยิ่งกว่าตระกูลเซียว!”

 

“แน่นอน ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นเขายังอยู่เพียงระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูง ด้วยระดับความแข็งแกร่งในปัจจุบันเมื่อเขาเติบโตขึ้นจะไม่มีใครสามารถล้มเขาได้ในศึกสัญญาสิบปีที่กำลังจะมาถึง”

 

ตู้กู่เฟิงมองไปที่แก่นกลางปีศาจระดับ 3 ที่ถังเฟิงส่งมาให้ ในที่สุดเขาก็พูดขึ้นเบาๆ “ดูเหมือนว่าตระกูลเซียวจะไม่อาจขึ้นเป็นที่หนึ่งได้ในครั้งนี้ มูลค่าของแก่นกลางปีศาจระดับ 3 นั้นอาจเทียบเท่าได้กับแก่นกลางปีศาจระดับ 2 100 ก้อน”

 

ถังเทียนยืดหน้าพร้อมกับมองไปที่เซียวเฉียง “ผู้อาวุโสเซียวข้าต้องขออภัย ดูเหมือนที่หนึ่งในการทดสอบครั้งนี้ตระกูลถังของพวกเราคงต้องขอรับไป”

 

หลังจากที่ชนะตระกูลเซียวได้ในการทดสอบครั้งนี้และหากว่าพวกเขายังสามารถชนะตระกูลเซียวในศึกสัญญาสิบปี ศักดิ์ศรีของตระกูลเซียวจะแหลกสลายย่อยยับ

 

ทุกคนที่มีธุรกิจหรือข้อตกลงร่วมกับตระกูลเซียวเมื่อได้เห็นสถานการณ์ก็จะยุติสัญญากับพวกเขา เมื่อเป็นเช่นนั้นตระกูลเซียวก็จะตกสู่หายนะ

 

สีหน้าของเซียวเฉียงไม่น่าดูนัก ในตอนเขาคิดว่าจะชนะได้อย่างแน่นอนแล้วแต่ตอนนี้เขาถูกลากออกมาตบหน้า ถังเทียนช่างต่ำทราม

 

สีหน้าของศิษย์ตระกูลเซียวทุกคนก็ดูไม่ดีเช่นกัน การทดสอบนี้ส่งผลต่อชื่อเสียงของตระกูล พวกเขารู้สึกต้องรับผิดชอบที่คว้าที่หนึ่งมาไว้ไม่ได้ แม้แต่เซียวหลิงเอ๋อที่ซื่อบื้อเป็นปกติในตอนนี้ก็กัดริมฝีปากของนางด้วยสีหน้าเศร้าสลดหมอง

 

ในตอนนี้เองเซียวเจี้ยนก็เดินขึ้นหน้าฝูงชนออกมาและเดินตรงไปที่ท่านเจ้าเมือง เขาหยิบแก่นกลางปีศาจห้าก้อนออกมาและพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “ข้าก็ได้แก่นกลางปีศาจระดับ 3 มาห้าก้อน ท่านเจ้าเมืองโปรดตรวจสอบ”

 

หลังจากที่พูดจบเขาก็เดินกลับไปข้างหลังโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก สีหน้าเขาราวกับผืนน้ำนิ่งสงบทำให้คนอื่นไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

 

“นั้นเซียวเจี้ยน เป็นไปได้ว่าเขาก็ได้แก่นกลางปีศาจระดับ 3 มาเหมือนกัน?”

 

“คนคนนี้ก็เคยเป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นไปได้เหมือนกันว่าเขาก็ได้แก่นกลางปีศาจระดับ 3 มา?”

 

ข้าได้ยินว่าความหลังจากได้รับความอับอายที่จางเหอมอบให้เขาก็เก็บตัวเงียบ พอคิดว่าเขาจะกลับออกมาสร้างความประหลาดใจเช่นนี้ ข้าสงสัยว่าจะดึงตระกูลเซียวขึ้นมาจากความพ่ายแพ้ไดเหรือไม่?

 

“ข้าว่าน่าจะยาก หลังจากที่เขาหยิบแก่นกลางปีศาจระดับ 3 ออกมาเพียงห้าก้อน ถังเฟิงมีหก”

 

ผู้ที่อยู่ด้านข้างเจ้าเมืองหันมาพูดคุยกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าผลของการทดสอบในครั้งนี้จะทำให้พวกเขาประหลาดใจได้เช่นนี้ ไม่เพียงครั้งเดียวแต่ถึงสองครั้ง

 

ตู้กู่เฟิงพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะพูดขึ้น “แก่นกลางปีศาจพวกนี้เป็นระดับ 3 อย่างแน่นอน ตระกูลถังมีแก่นกลางปีศาจระดับ 3 มากกว่าหนึ่งแต่ตระกูลเวียวก็มีแก่นกลางปีศาจระดับ 2 มากกว่าตระกูลถัง 80 ก้อน หลังจากครุ่นคิดอยู่สักครู่ข้ารู้สึกว่าควรจะให้เป็นเสมอกัน เจ้าคิดว่าไง?”

 

เซียวเฉียงยิ้มออกมาเบาๆผลออกมารับได้สำหรับเขา เขาคิดว่าจะต้องพ่ายแพ้เสียแล้วแต่ใครจะรู้ว่ามันจะกลายเป็นเช่นนี้? มันค่อนข้างดีสำหรับพวกเขาที่ผลมันออกมาเสมอ

 

ถังเทียนตอนนี้อารมณ์บูด เขากล่าวขึ้นด้วยความไม่พอใจ “ข้าก็ไม่แน่ใจว่าแก่นกลางปีศาจระดับ 3 นั้นจะเทียบได้เท่าไหรกับแก่นกลางปีศาจระดับ 2 แต่ในความคิดของข้ามันน่าจะเทียบได้อย่างต่ำแก่นกลางปีศาจระดับ 2 100ก้อน”

 

เซียวเฉียงเย้ยเยาะ “เพียงแค่ปากเจ้าว่าเป็น 100 มันก็ต้องเป็น 100? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? เถ้าแก่ศาลาหลินหลาง? ในความคิดของเจ้า? เช่นนั้นในความคิดของข้าพวกมันมีค่าเพียง 50 เจ้าจะว่ายังไง?”

 

ถังเทียนกล่าวอย่างเกรี้ยวโกรธ “ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ยอมรับผลเสมอ หลังจากที่กลับไปข้าจะประกาศว่าตระกูลถังของพวกเรานั้นได้ที่หนึ่งในการทดสอบครั้งนี้”

 

ตู้กู่เฟิงจุดยืนไม่แน่นอน ด้วยผลเช่นนี้เขาไม่แน่ใจนักว่าจะตัดสินออกมาได้แม่นยำ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการประเมินมูลค่าของแก่นกลางปีศาจ

 

“ข้าคิดว่ามันก็ไม่ได้เสมอเช่นกัน แต่คนที่แพ้เป็นเจ้าตระกูลถัง”

 

ใครมันพูดออกมา? น้ำเสียงช่างจองหอง

 

ฝูงชนหันหัวไปมองแต่สิ่งที่พวกเขาเห็นเป็นเพียงร่างของเด็กหนุ่มกำลังเดินออกมาจากป่าทมิฬอย่างไม่รีบร้อน พวกเขาหยีตาแต่ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างจ้าปรากฎขึ้นมา

 

เขากำลังแบกกระเป๋ากลมมาบนหลังของเขา แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงบนหน้าของเขาทำให้ใบหน้าที่เกือบหล่อของเขาเปล่งประกาย เสียงของเขาไม่ได้ดังแต่ทุกคนกลับได้ยินอย่างชัดเจน

 

“น้องเฉินในที่สุดเจ้าก็กลับมา”

 

“พี่ใหญ่เฉินมาช่วยล้างแค้นให้หลิงเอ่อด้วย”

 

“หัวหน้า…”

 

เหล่าศิษย์ตระกูลเซียวที่ติดตามเขาทั้งหมดวิ่งตรงเข้ามาอย่างยินดีและเซียวเฉินก็ทักทายพวกเขา เขาเดินไปตรงหน้าของถังเทียนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม จ้องมองไปอย่างไร้ความกลัว

 

“ในเมื่อเจ้าไม่อยากเสมอเช่นนั้นข้าก็จะให้เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี”

 

เซียวเฉินสะบัดมือหยิบแก่นกลางปีศาจออกมาสามก้อน “พวกนี้เป็นแก่นกลางปีศาจระดับ 3 ของเสือปีศาจลายดำ ทั้งหมดสามก้อน”

 

“นี่คือแก่นกลางปีศาจระดับ 3 จากอสูรวานรจันโลหิตทั้งหมดสามก้อนเช่นกัน”

 

“ส่วนนี่เป็นแก่นกลางปีศาจระดับ 3 จากมังกรหางดาบ ทั้งหมด 4 ก้อน”

 

ทุกครั้งที่เวียวเฉินหยิบแก่นกลางปีศาจออกมาฝูงชนที่ล้อมรอบอยู่ก็ส่งเสียงร้องประหลาดใจออกมา ท้ายที่สุดเซียวเฉินหยิบแก่นกลางปีศาจหลากหลายชนิดออกมาแต่ละชนิดไม่ต่ำกว่าสามก้อน

 

“เจ้ามีอะไรอยากจะพูดอีก? ถังเทียนตระกูลถังของเจ้าไม่มีวันเหนือไปกว่าตระกูลเซียว หากเจ้าอยากจะเป็นที่หนึ่งก่อนอื่นเจ้าต้องมาขออนุญาตจากข้าก่อนแล้วข้าจะเก็บไปพิจารณา” เซียวเฉินพูดอย่างเยือกเย็นไปที่ถังเทียนที่ยืนตัวแข็ง

 

คนจากตระกูลเซียวรู้สึกปลดปล่อย พร้อมกับมองไปที่ใบหน้าไร้คำพูดของถังเทียน พวกเขารู้สึกเป็นสุขในใจ

 

เซียวเฉินพูดอย่างเฉยเมย “หากเจ้ายังไม่มั่นใจในความพ่ายแพ้ของเจ้าถุงข้างหลังข้ายังมีของที่เทียบได้กับแก่นกลางอสูรปีศาจอีกมากกว่า 100”

 

เซียวเฉินพูดจบก็เปิดปากถุงออกมา เขาโยนมันลงไปบนพื้นและหัวคนทรงกลมก็กลิ้งออกมา ดวงตาของหัวนั้นเบิกกว้างเห็นได้ชัดว่าได้ตายลงอย่างเศร้าสลด

 

“นั้นเป็นผู้อาวุโสจากตระกูลจาง หรือเขาถูกสังหารโดยเซียวเฉิน? ว่ากันตามกฎแล้วเขาไม่ควรเข้าไปอยุ่ในป่าทมิฬด้วยซ้ำ” ฝูงชนรอบข้างสูบหายใจเข้าลึก

 

“อะไรกัน!”

 

“อะไรกัน!”

 

ถังเทียนและผู้นำตระกูลจางนัดเวลาอุทานขึ้นมาพร้อมกันและท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ความหวาดกลัวปรากฎออกมาในดวงตาที่จ้องมองไปทางเซียวเฉิน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 72 ใครเป็นที่หนึ่ง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 72 ใครเป็นที่หนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 72 ใครเป็นที่หนึ่ง

 

เซียวเฉินมองดูไปรอบๆและคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่ทุกคนจะถอยหนีกลับออกไปหมดแล้ว คิดถึงที่เยว่หญิงบอกมาเขาเดาว่าผู้คนในมณฑลฉี่จื๊อได้รับข่าวแล้วจึงยุติการทดสอบนี้ก่อนกำหนด

 

เมื่อเขากำลังจะกลับออกไปทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงอันตราย เขาปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณออกไปและเขาพบผู้บ่มเพาะพลังซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ทางซ้ายสูงขึ้นไปยี่สิบเมตร

 

นักบ่มเพาะพลังผู้นี้เก็บซ่อนกระแสพลังของเขาและจ้องมองมาที่เซียวเฉิน เขากำลังรอโอกาสที่จะสังหารเซียวเฉิน

 

เซียวเฉินควบคุมสัมผัสวิญญาณของเขาและหลังจากที่เห็นได้อย่างชัดเจนเขาหัวเราะออกมาในใจอย่างช่วยไม่ได้ คนคนนั้นคือระดัขอบเขตปรมจารย์ของตระกูลจาง เขาน่าจะมาถึงพร้อมกับสองผู้อาวุโสจากตระกูลถัง ไม่รู้ว่ามันผู้นี้รอดเงื้อมือของเย่เฉินโจวมาได้เช่นไร

 

อย่างไรก็ตามกระแสพลังของเขาดูเหมือนจะอ่อนแอ ระหว่างที่หลบเลี่ยงเย่เฉินโจวมาหลายวันเขาจะต้องเสียพลังปราณไปจำนวนไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้หยุดพักผ่อนเลย

 

ในสถานการณ์ปัจจุบันมันไม่ได้กลับออกไป แต่วนกลับมาดักฆ่าข้า นี่แสดงให้เห็นว่าตระกูลจางเกลียดข้าถึงเพียงใด เซียวเฉินคิดกับตัวเอง

 

ด้วยสภาพของเขาในตอนนี้อย่างดีที่สุดก็เหลือพลังเพียงครึ่งเดียว เซียวเฉินไม่ได้คิดที่จะหลบหนีไป สำหรับเขานี่มันเป็นการทดสอบพลังที่ดี น่าสนใจลองมากว่าอสูรปีศาจเสียอีก

 

เขาตัดสินใจลงมือก่อนทันที สายฟ้าพุ่งพาดผ่านทันใดนั้นเซียวเฉินก็ปรากฎตัวขึ้นด้านหลังของชายคนนั้น กระบี่เงาจันทร์ส่องแสงเจิดจ้าและพลังอันไร้ขอบเขตของแก่นกลางปีศาจระดับ 6 แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ

 

ชายคนนั้นหันกลับมาเจอกับใบหน้าเปื้อนยิ้มของเซียวเฉิน ความประหลาดใจปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขาอย่างชัดเจนเขาไม่รู้ว่าเซียวเฉินทราบที่ซ่อนของเขาได้อย่างไร

 

…..

 

ชายขอบของป่าทมิฬพระอาทิตย์ลอยสูงบนท้องฟ้าฉายแสงลงมา

 

“ท่านพ่อ ทำไมถึงเรียกพวกเรากลับมา? น้องเฉินยังไม่กลับออกมาเลย” เซียวอวี่หลันพูดกับเซียวเฉียงน้ำเสียงไม่พอใจอย่างชัดเจน

 

ไม่นานหลังจากที่เซียวเฉินปลีกตัวออกไปเซียวเฉียงนำระดับขอบเขตปรมจารย์สี่คนไปที่ค่ายพักของตระกูลเฉิน เขาบอกว่าการทดสอบต้องจบก่อนกำหนดและจากนั้นก็พาทุกคนออกมาในทันที

 

เซียวเฉียงขมวดคิ้ว “นอกจากระดับขอบเขตปรมจารย์ที่หนีรอดออกมาได้ ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดที่มณฑลฉี่จื๊อส่งไปที่แก่นกลางป่าทมิฬถูกฆ่าตายแม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญที่พวกเขาส่งไปก็ไม่รอด”

 

เหล่าคนข้างหลังหายใจเข้าอย่างรุนแรง “แม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญก็ไม่รอด?! อสูรปีศาจในป่าทมิฬน่ากลัวถึงเพียงนั้น?”

 

“เขาถูกฆ่าด้วยน้ำมือของมนุษย์ไม่ใช่อสูรปีศาจ นอกจากนั้นวิธีการตายยังน่าสยดสยอง มณฑลฉี่จื๊อรายงานเรื่องนี้ให้ราชวงศ์ทราบแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราจะไปจัดการได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นการทดสอบจึงถูกยกเลิก” เซียวเฉียงอธิบาย

 

สีหน้าของเซียวอวี่หลันเปลี่ยนเล็กน้อยและนางพูดด้วยเสียงเป็นกังวล “เช่นนั้นหมายความว่าน้องเฉินตกอยู่ในอันตราย? ข้าต้องกลับไปตามหาเขา”

 

“บ้าบอ!” เซียวเฉียงตะโกนเสียงดัง “เจ้าจำสิ่งที่เกิดขึ้นที่ภูเขาชีเจี่ยวได้ไหม? เจ้าคิดว่าเชียวเฉินจะตายง่ายเช่นนั้นเชียว? หากเขาอยากจะหนีแม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญก็จับตัวเขาไม่ทัน หากเจ้ากลับเข้าไปก็รังแต่จะไปเป็นภาระให้เขา”

 

ดวงตาของเซียวอวี่หลันกลายเป็นสีแดงแต่นางก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

 

“ผู้อาวุโสเซียวท่านทำอะไรอยู่? กำลังดุด่าใคร? นั้นมันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น” ผู้นำตระกูลถังพากลุ่มของเขาตรงเข้ามา “แล้วนายน้อยสองของตระกูลท่านหายไปไหน? ทำไมข้าไม่เห็นหัวเขา? หรือจะโดนอสูรปีศาจจับกินไปแล้ว?”

 

เซียวเฉียงมองไปที่ผู้นำตระกูลถังอย่างเย็นชาและกล่าวเยาะเย้ย “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ถึงสิ่งที่พวกเจ้าทำในป่าทมิฬ น่าเสียดายที่สวรรค์ยังมีตาและผู้อาวุโสของพวกเจ้าสองคนก็หายไปอย่างไร้ค่า”

 

สีหน้าของถังเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อยจากนั้นก็ยิ้มขึ้น “ข้าไม่เห็นเข้าใจว่าผู้อาวุโสเซียวกำลังพูดถึงเรื่องอะไร อย่างไรก็ตามแม้ว่าการทดสอบจะจบลงก่อนกำหนดพวกเราก็ต้องมาตัดสินผลลัพธ์ระหว่างพวกเราสามตระกูล ข้าสงสัยว่าตระกูลเซียวจะล่าแก่นกลางปีศาจมาได้สักเท่าไหร?”

 

“เอาไว้ก่อน เมื่อเจ้าเมืองมาถึงข้าจะรายงานด้วยตัวเอง เมื่อถึงตอนนั้นข้าก็หวังว่าจำนวนที่ตระกูลถังรายงานจะไม่ต่ำจนเกินไป”

 

ตระกูลเซียวเก็บรวบรวมแก่นกลางปีศาจระดับ 2 มาได้ทั้งหมด 180 ก้อน เซียวเฉียงพึงพอใจเป็นอย่างมากด้วยจำนวนเท่านี้ในระยะเวลาสามวัน ดังนั้นพวกเขาไม่ต้องไปเกรงกลัวการเยาะเย้ยจากถังเทียน

 

ไม่นานนักเจ้าเมืองตู้กู่เฟิงก็เรียกคนจากทั้งสามตระกูลมารวมกัน สีหน้าของเขาดูสบายๆราวกับว่าเรื่องป่าทมิฬไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขา

 

ตู้กู่เฟิงยิ้มขึ้น “แม้ว่าจะเกิดปัญหาบางอย่างขึ้นทำให้การทดสอบต้องจบก่อนกำหนดพวกเราก็จะนับตามกฎเดิม การเเข่งขันระหว่างทั้งสามตระกูลยังดำเนินต่อไป ข้าสงสัยว่าจะมีใครสามารถเอาชนะตระกูลเซียวได้หรือไม่พวกเขาเป็นที่หนึ่งในครั้งที่ผ่านมา”

 

“เริ่มจากตระกูลจาง ข้าสงสัยนักว่าพวกเขาจะเก็บรวบรวมแก่นกลางปีศาจมาได้กี่ก้อน?”

 

สีหน้าผู้นำตระกูลจางกลายเป็นน่าเกียจเมื่อเขาได้ยินดังนั้น ในครั้งนี้ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลจางของพวกเขาไม่ได้เข้าร่วมเนื่องจากจิตวิญญาณต่อสู้ของเขาได้รับความเสียหาย ผลการเก็บเกี่ยวของพวกเขาไม่ได้ดีเท่าไหร อย่างไรก็ตามเมื่อท่านเจ้าเมืองถามมาพวกเขาก็ต้องรายงานไป

 

“ตระกูลจางได้รับแก่นกลางปีศาจระดับ 2 มาทั้งหมด 50 ก้อนในการออกล่าครั้งนี้” ผู้นำตระกูลจางกล่าวขึ้น

 

ตู้กู่เฟิงไม่ไดตกใจอะไรกับผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ้มขึ้นเบาๆและพูดขึ้น “ไม่เป็นไร จางเหอไม่ได้มาเข้าร่วมดังนั้นได้ผลลัพธ์มาเช่นนี้ก็ถือว่าไม่เลว”

 

“ต่อไป ตระกูลถังรายงานจำนวนมา ข้าค่อนข้างคาดหวังกับตระกูลถัง”

 

ถังเทียนยิ้มอย่างไม่แยแส “ท่านเจ้าเมืองกล่าวเกินไปแล้ว ในครั้งนี้ตระกูลถังได้รับแก่นกลางปีศาจระดับ 2 มาทั้งหมด 100 ก้อน”

 

หลังจากที่ถังเทียนกล่าวจบเขาก็หน้ามองมาทางเซียวเฉียง ความหมายออกมาจากสายตาของเขาชัดเจนว่าถึงตาพวกเจ้าแล้ว

 

เซียวเฉียงถอดหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินรายงานจากตระกูลถัง เมื่อเห็นท่านเจ้าเมืองมองมาทางเขาเซียวเฉียงก็พูดขึ้น “ในการทดสอบครั้งนี้ ตระกูลเซียวได้รับแก่นกลางปีศาจระดับ 2 มาทั้งหมด 180 ก้อน”

 

ตู้กู่เฟิงหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อได้ยินดังนั้น “ดูเหมือนตระกูลเซียวจะเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ยินดีด้วยดูเหมือนตระกูลเซียวจะชนะในการทดสอบนี้อีกครั้ง”

 

ถังเทียนเผยรอยยิ้มลึกๆ “ท่านเจ้าเมืองอย่ารีบร้อนยินดีกับพวกเขาไป ถังเฟิงเอาของออกมาให้ท่านเจ้าเมืองดู”

 

ถังเฟิงเดินขึ้นหน้ามาเมื่อได้ยินเช่นนั้นและหยิบแก่นกลางปีศาจหกชิ้นวางพวกมันลงที่ด้านหน้าของท่านเจ้าเมือง เรืองแสงที่เปล่งออกมาจากแก่นกลางปีศาจทั้งหกนี้ลึกลับอย่างไม่น่าเชื่อ เห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากแก่นกลางปีศาจระดับ 2

 

ใครบางคนข้างหลังเขาอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “พวกนั้นเป็นแก่นกลางปีศาจระดับ 3”

 

“ถูกต้อง มันเป็นแก่นกลางปีศาจระดับ 3 จริงๆ!” คนด้านข้างอีกคนหยิบแก่นกลางปีศาจขึ้นมาตรวจสอบดู

 

อสูรปีศาจระดับ 3 เทียบเท่าได้กับระดับขอบเขตปรมจารย์ยุทธ ถังเฟิงคนนี้สามารถจัดการอสูรปีศาจระดับ 3 ได้ถึงหกตัว มันช่างเหลือเชื่อ

 

“เมืองม่อเหอจัดการทดสอบมาแล้วก็หลายครั้งจนถึงตอนนี้ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีใครจัดการอสูรปีศาจระดับ 3 ได้มาก่อนในอดีต ดูเหมือนว่าตระกูลถังจะเป็นคนแรกที่ทำได้ เหนือยิ่งกว่าตระกูลเซียว!”

 

“แน่นอน ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นเขายังอยู่เพียงระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูง ด้วยระดับความแข็งแกร่งในปัจจุบันเมื่อเขาเติบโตขึ้นจะไม่มีใครสามารถล้มเขาได้ในศึกสัญญาสิบปีที่กำลังจะมาถึง”

 

ตู้กู่เฟิงมองไปที่แก่นกลางปีศาจระดับ 3 ที่ถังเฟิงส่งมาให้ ในที่สุดเขาก็พูดขึ้นเบาๆ “ดูเหมือนว่าตระกูลเซียวจะไม่อาจขึ้นเป็นที่หนึ่งได้ในครั้งนี้ มูลค่าของแก่นกลางปีศาจระดับ 3 นั้นอาจเทียบเท่าได้กับแก่นกลางปีศาจระดับ 2 100 ก้อน”

 

ถังเทียนยืดหน้าพร้อมกับมองไปที่เซียวเฉียง “ผู้อาวุโสเซียวข้าต้องขออภัย ดูเหมือนที่หนึ่งในการทดสอบครั้งนี้ตระกูลถังของพวกเราคงต้องขอรับไป”

 

หลังจากที่ชนะตระกูลเซียวได้ในการทดสอบครั้งนี้และหากว่าพวกเขายังสามารถชนะตระกูลเซียวในศึกสัญญาสิบปี ศักดิ์ศรีของตระกูลเซียวจะแหลกสลายย่อยยับ

 

ทุกคนที่มีธุรกิจหรือข้อตกลงร่วมกับตระกูลเซียวเมื่อได้เห็นสถานการณ์ก็จะยุติสัญญากับพวกเขา เมื่อเป็นเช่นนั้นตระกูลเซียวก็จะตกสู่หายนะ

 

สีหน้าของเซียวเฉียงไม่น่าดูนัก ในตอนเขาคิดว่าจะชนะได้อย่างแน่นอนแล้วแต่ตอนนี้เขาถูกลากออกมาตบหน้า ถังเทียนช่างต่ำทราม

 

สีหน้าของศิษย์ตระกูลเซียวทุกคนก็ดูไม่ดีเช่นกัน การทดสอบนี้ส่งผลต่อชื่อเสียงของตระกูล พวกเขารู้สึกต้องรับผิดชอบที่คว้าที่หนึ่งมาไว้ไม่ได้ แม้แต่เซียวหลิงเอ๋อที่ซื่อบื้อเป็นปกติในตอนนี้ก็กัดริมฝีปากของนางด้วยสีหน้าเศร้าสลดหมอง

 

ในตอนนี้เองเซียวเจี้ยนก็เดินขึ้นหน้าฝูงชนออกมาและเดินตรงไปที่ท่านเจ้าเมือง เขาหยิบแก่นกลางปีศาจห้าก้อนออกมาและพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “ข้าก็ได้แก่นกลางปีศาจระดับ 3 มาห้าก้อน ท่านเจ้าเมืองโปรดตรวจสอบ”

 

หลังจากที่พูดจบเขาก็เดินกลับไปข้างหลังโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก สีหน้าเขาราวกับผืนน้ำนิ่งสงบทำให้คนอื่นไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

 

“นั้นเซียวเจี้ยน เป็นไปได้ว่าเขาก็ได้แก่นกลางปีศาจระดับ 3 มาเหมือนกัน?”

 

“คนคนนี้ก็เคยเป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นไปได้เหมือนกันว่าเขาก็ได้แก่นกลางปีศาจระดับ 3 มา?”

 

ข้าได้ยินว่าความหลังจากได้รับความอับอายที่จางเหอมอบให้เขาก็เก็บตัวเงียบ พอคิดว่าเขาจะกลับออกมาสร้างความประหลาดใจเช่นนี้ ข้าสงสัยว่าจะดึงตระกูลเซียวขึ้นมาจากความพ่ายแพ้ไดเหรือไม่?

 

“ข้าว่าน่าจะยาก หลังจากที่เขาหยิบแก่นกลางปีศาจระดับ 3 ออกมาเพียงห้าก้อน ถังเฟิงมีหก”

 

ผู้ที่อยู่ด้านข้างเจ้าเมืองหันมาพูดคุยกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าผลของการทดสอบในครั้งนี้จะทำให้พวกเขาประหลาดใจได้เช่นนี้ ไม่เพียงครั้งเดียวแต่ถึงสองครั้ง

 

ตู้กู่เฟิงพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะพูดขึ้น “แก่นกลางปีศาจพวกนี้เป็นระดับ 3 อย่างแน่นอน ตระกูลถังมีแก่นกลางปีศาจระดับ 3 มากกว่าหนึ่งแต่ตระกูลเวียวก็มีแก่นกลางปีศาจระดับ 2 มากกว่าตระกูลถัง 80 ก้อน หลังจากครุ่นคิดอยู่สักครู่ข้ารู้สึกว่าควรจะให้เป็นเสมอกัน เจ้าคิดว่าไง?”

 

เซียวเฉียงยิ้มออกมาเบาๆผลออกมารับได้สำหรับเขา เขาคิดว่าจะต้องพ่ายแพ้เสียแล้วแต่ใครจะรู้ว่ามันจะกลายเป็นเช่นนี้? มันค่อนข้างดีสำหรับพวกเขาที่ผลมันออกมาเสมอ

 

ถังเทียนตอนนี้อารมณ์บูด เขากล่าวขึ้นด้วยความไม่พอใจ “ข้าก็ไม่แน่ใจว่าแก่นกลางปีศาจระดับ 3 นั้นจะเทียบได้เท่าไหรกับแก่นกลางปีศาจระดับ 2 แต่ในความคิดของข้ามันน่าจะเทียบได้อย่างต่ำแก่นกลางปีศาจระดับ 2 100ก้อน”

 

เซียวเฉียงเย้ยเยาะ “เพียงแค่ปากเจ้าว่าเป็น 100 มันก็ต้องเป็น 100? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? เถ้าแก่ศาลาหลินหลาง? ในความคิดของเจ้า? เช่นนั้นในความคิดของข้าพวกมันมีค่าเพียง 50 เจ้าจะว่ายังไง?”

 

ถังเทียนกล่าวอย่างเกรี้ยวโกรธ “ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ยอมรับผลเสมอ หลังจากที่กลับไปข้าจะประกาศว่าตระกูลถังของพวกเรานั้นได้ที่หนึ่งในการทดสอบครั้งนี้”

 

ตู้กู่เฟิงจุดยืนไม่แน่นอน ด้วยผลเช่นนี้เขาไม่แน่ใจนักว่าจะตัดสินออกมาได้แม่นยำ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการประเมินมูลค่าของแก่นกลางปีศาจ

 

“ข้าคิดว่ามันก็ไม่ได้เสมอเช่นกัน แต่คนที่แพ้เป็นเจ้าตระกูลถัง”

 

ใครมันพูดออกมา? น้ำเสียงช่างจองหอง

 

ฝูงชนหันหัวไปมองแต่สิ่งที่พวกเขาเห็นเป็นเพียงร่างของเด็กหนุ่มกำลังเดินออกมาจากป่าทมิฬอย่างไม่รีบร้อน พวกเขาหยีตาแต่ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างจ้าปรากฎขึ้นมา

 

เขากำลังแบกกระเป๋ากลมมาบนหลังของเขา แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงบนหน้าของเขาทำให้ใบหน้าที่เกือบหล่อของเขาเปล่งประกาย เสียงของเขาไม่ได้ดังแต่ทุกคนกลับได้ยินอย่างชัดเจน

 

“น้องเฉินในที่สุดเจ้าก็กลับมา”

 

“พี่ใหญ่เฉินมาช่วยล้างแค้นให้หลิงเอ่อด้วย”

 

“หัวหน้า…”

 

เหล่าศิษย์ตระกูลเซียวที่ติดตามเขาทั้งหมดวิ่งตรงเข้ามาอย่างยินดีและเซียวเฉินก็ทักทายพวกเขา เขาเดินไปตรงหน้าของถังเทียนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม จ้องมองไปอย่างไร้ความกลัว

 

“ในเมื่อเจ้าไม่อยากเสมอเช่นนั้นข้าก็จะให้เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี”

 

เซียวเฉินสะบัดมือหยิบแก่นกลางปีศาจออกมาสามก้อน “พวกนี้เป็นแก่นกลางปีศาจระดับ 3 ของเสือปีศาจลายดำ ทั้งหมดสามก้อน”

 

“นี่คือแก่นกลางปีศาจระดับ 3 จากอสูรวานรจันโลหิตทั้งหมดสามก้อนเช่นกัน”

 

“ส่วนนี่เป็นแก่นกลางปีศาจระดับ 3 จากมังกรหางดาบ ทั้งหมด 4 ก้อน”

 

ทุกครั้งที่เวียวเฉินหยิบแก่นกลางปีศาจออกมาฝูงชนที่ล้อมรอบอยู่ก็ส่งเสียงร้องประหลาดใจออกมา ท้ายที่สุดเซียวเฉินหยิบแก่นกลางปีศาจหลากหลายชนิดออกมาแต่ละชนิดไม่ต่ำกว่าสามก้อน

 

“เจ้ามีอะไรอยากจะพูดอีก? ถังเทียนตระกูลถังของเจ้าไม่มีวันเหนือไปกว่าตระกูลเซียว หากเจ้าอยากจะเป็นที่หนึ่งก่อนอื่นเจ้าต้องมาขออนุญาตจากข้าก่อนแล้วข้าจะเก็บไปพิจารณา” เซียวเฉินพูดอย่างเยือกเย็นไปที่ถังเทียนที่ยืนตัวแข็ง

 

คนจากตระกูลเซียวรู้สึกปลดปล่อย พร้อมกับมองไปที่ใบหน้าไร้คำพูดของถังเทียน พวกเขารู้สึกเป็นสุขในใจ

 

เซียวเฉินพูดอย่างเฉยเมย “หากเจ้ายังไม่มั่นใจในความพ่ายแพ้ของเจ้าถุงข้างหลังข้ายังมีของที่เทียบได้กับแก่นกลางอสูรปีศาจอีกมากกว่า 100”

 

เซียวเฉินพูดจบก็เปิดปากถุงออกมา เขาโยนมันลงไปบนพื้นและหัวคนทรงกลมก็กลิ้งออกมา ดวงตาของหัวนั้นเบิกกว้างเห็นได้ชัดว่าได้ตายลงอย่างเศร้าสลด

 

“นั้นเป็นผู้อาวุโสจากตระกูลจาง หรือเขาถูกสังหารโดยเซียวเฉิน? ว่ากันตามกฎแล้วเขาไม่ควรเข้าไปอยุ่ในป่าทมิฬด้วยซ้ำ” ฝูงชนรอบข้างสูบหายใจเข้าลึก

 

“อะไรกัน!”

 

“อะไรกัน!”

 

ถังเทียนและผู้นำตระกูลจางนัดเวลาอุทานขึ้นมาพร้อมกันและท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ความหวาดกลัวปรากฎออกมาในดวงตาที่จ้องมองไปทางเซียวเฉิน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+