Immortal and Martial Dual Cultivation 122 ศิลาลึกลับ

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 122 ศิลาลึกลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 122 ศิลาลึกลับ

 

จีชางคงไม่เปิดปากอะไรอีกพร้อมกับเดินขึ้นหน้าต่อไปฝูงชนค่อยๆเดินตามหลังเขาไปอย่างช้าๆ ตอนนี้พวกเขามาไกลเกินกว่าที่จะหันหลังกลับ

 

ระดับขอบเขตนักบุญตระกูลเจียงผู้หนึ่งทันใดนั้นก็อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “ตรงนั้นดูเหมือนจะมีคนอยู่ข้างหน้า!”

 

ทุกทุกคนต่างเงยหัวขึ้นมองอย่างละเอียดประมาณหนึ่งร้อยก้าวข้างหน้ามีร่างเงาคนจางๆหันหลังให้กับพวกเขา

 

ทําไมถึงมีคนอยู่ที่นี้? ตระกูลตวนมไปเปิดทางเข้าราชวังใต้ดินได้โดยบังเอิญ มันไม่มีทางเข้า ทางอื่นนอกจากตรงนั้น มันผู้นี้เข้ามาได้อย่างไร? นอกจากนั้นเขายังนําหน้าพวกเราไปอีกยิ่งพวกเขาคิดเกี่ยวกับมันมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นเท่านั้น

 

จีชางคงจับดาบของเขาขึ้นมาถือในมือผืนฟ้าประกายดาวปรากฏขึ้นบนดวงตาของเขาธารดวงดาวอันไร้ขอบเขตในร่างของเขาหมุนเวียนเตรียมพร้อมสําหรับการจู่โจมเหล่าผู้ที่อยู่ด้านหลังต่างตื่นตัวพร้อมกับรอคอยโอกาส

 

เมื่อพวกเขาเดินตรงเข้าไป,พวกเขาก็เห็นร่างผู้นั้นได้ชัดเจน พวกเขาสูดหายในล็กดูดอากาศเย็นเฉียบเข้าไป มันเป็นเพียงศพไร้หัวมีดาบแบกอยู่บนหลังของเขาและมีกองกระดูกสีขาวนับไม่ถ้วนกองอยู่ข้างเท้าของ,มีแม้กระทั่งกองโครงกระดูกสีม่วงอีกสองสามกอง

 

ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังยืนนิ่งอย่างภาคภูมิ มันไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นเวลากี่ปีได้ล่วงเลยมาแล้วกระแสพลังของเขาสัมผัสได้ถึงกาลเวลา,แรงดันดันบางๆขยายออกมารอบตัวของเขา

 

ผืนฟ้าดวงดาวในดวงตาของจีชางคงจางหายไป เขากล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจ “นี่มันศพของระดับขอบเขตมหาปราชญ์ ดูจาเสื้อผ้าของเขาเขาไม่น่าจะมาจากยุคโบราณ”

 

“แม้แต่ระดับขอบเขตมหาปราชญ์ก็ยังตกตายลงที่นี้ แท่นหินแห่งนี้แท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่?” ระดับขอบเขตนักบุญผู้หนึ่งถามขึ้นอย่างหวาดกลัวมหาปราชญ์ผู้ที่สามารถผ่าภูเขาและม้วนกลับทะเลได้ยังมาตกตายลงที่นี้

 

จีชางคงส่ายหัว “อย่าเก็บมันไปคิดให้มากความเห็นได้ชัดว่ามีบางคนสังหารมหาปราชญ์ผู้นี้ เขาไม่ได้ตกตายลงด้วยพลังของแท่นหินมิฉะนั้น,ศพของเขาต้องกลายเป็นกองกระดูกไปนานแล้ว”

 

ในจังหวะนั้นเอง,ฮวาหยุ่นเฟยมีสีหน้าปั่นป่วนเมื่อเขาเดินขึ้นไปตรงหน้าของศพ เขาเห็นสัญลักษณ์ธารศักดิ์สิทธิ์ปักไว้ที่คอเสื้อของศพเขาอุทานออกมาเสียงดัง “ผู้นี้คือผู้อาวุโสจากตระกูลฮวาของข้า”

 

หลังจากที่เขาพูดจบ,เขาตรวจสอบพื้นที่โดยรอบอย่างละเอียด เขาดันกองกระดูกออกไปและมีบรรทัดอักษะอยู่บนแท่นหิน เขาอ่านมันด้วยเสียงนุ่ม “เส้นทางของฮวาเทียนหยู่ได้จบลงที่แห่งนี้,หากลูกหลานตระกูลฮวาผู้ใดมาพบ, ขอให้กลับออกไปโดยเร็ว”

 

“ฮวาเทียนหยู่ หรือจะเป็นผู้นําตระกูลฮวารุ่นที่สาม,ผู้นําตระกูลที่ทรงพรสวรรค์ที่สุดของตระกูลฮวา? เขาหายสาบสูญไปบางคนคาดเดาไปว่าเขาได้กลายเป็นระดับขอบเขตจักรพรรดิ ข้าไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะมาจบชีวิตลงที่นี่” บางคนที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ

 

ฮวาหยุ่นเฟยพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “ร่างไร้วิญญาณนี่คือบรรพบุรุษตระกูลฮวาของข้า ข้าเชื่อว่าจะไม่มีพวกเจ้าคนใดเข้ามาต่อสู้กับข้าแย่งชิงสิ่งของบนตัวของเขา”

 

หลังจากที่เขาพูดจบ,เขาเตรียมจะดึงแหวนห้วงอวกาศออกมาจากนิ้วของฮวาเทียนหยู่แหวนของมหาปราชญ์จะต้องเก็บเอาสมบัติเอาไว้มากมาย

 

“ฟุ่ว!”

ดาบสีดําเข้ามาขวางทางของเขาเอาไว้จีชางคงหัวเราะ อย่างเย็นชา “ฮวาหยุ่นเฟย,หรือว่าเจ้าจะลืมเกี่ยวกับข้อตกลงของพวกเราไปแล้ว? สมบัติใดก็ตามที่พวกเราพบ,ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร,พวกเราแบ่งกันตามบ้านเจ้าคงไม่คิ ดจะกลับคําของเจ้าใช่ไหม?”

 

ใบหน้าของฮวาหยุ่นเฟยกลายเป็นเย็นชา “เจ้าหมายความเช่นไร? ผู้นี้คือผู้นําตระกูลฮวาของข้าสิ่งของของเขานับเป็นของตระกูลฮวาทําไมข้าต้องแบ่งปันมันให้กับเจ้า?” 

 

เจียงหมิงรุ่นสูดหายใจฟืดฟาดเย็นชา “นี่มันเป็นร่างไร้เจ้าของเขาได้ตกตายมากว่าหนึ่งพันปี ร่างของเขานับเป็นสมบัติทุกคนต่างทุ่มเทพยายามจนได้มาถึงที่นี้,ตระกูลฮวาจะรับเอาผลประโยชน์ไปเพียงผู้เดียวได้เช่นไร?”

 

ตระกูลชั้นสูงบ้านอื่นก็ไม่อยากให้ตระกูลฮวาเอาเปรียบแม้ว่า,หากคิดแบบมีเหตุผลศพร่างนี้ต้องเป็นของตระกูลฮวา, ถึงกระนั้นเมื่อมีผลประโยชน์อยู่ตรงหน้า,เหตุผลก็ไร้ซึ่ง ความหมายฮวาหยุ่นเฟยไม่มีพลังมากพอที่จะหยุดยั้งทุกคนที่นี้,ดังนั้นเขาไม่อาจยับยั้งความละโมบของทุกคนเอาไว้

 

ฮวาหยุ่นเฟยหัวเราะออกมาอย่างเดือดดาล,เขากล่าว “ดี” ขึ้นมาสามครั้ง “จีชางคง,ข้าจะจดจําเรื่องในวันนี้เอาไว้เจียง หมิงรุ่น,เจ้าอย่าได้คิดว่าตระกูลจีจะคลุมกะลาหัวเจ้าไปได้ตลอด”

 

เขาเก็บดาบเข้าฝักและปลดแหวนของฮวาเทียนหยู่ออกมา เพียงนึกคิด,สิ่งของทั้งหมดที่เก็บไว้ข้างในก็ไหลออกมา

 

“อูวะ!”

 

กองสิ่งของมากมายไหลออกมา เหินวิญญาณเม็ดยา, อาวุธวิญญาณ,ที่กษะต่อสู้และชุดเกราะศึกของทั้งหมดไหลออกมาท่วมท้นบนแท่นหิน โดยเฉพาะหินวิญญาณกองโตที่ดึงดูดสายตาของทุกคน

 

ภายใต้กองหินวิญญาณระดับต่ำ,พวกเขายังเห็นหินวิญญาณระดับกลางปะปนเข้ามาเป็นกองสมบัติที่แท้จริง เหล่าสานุศิษย์ส่วนใหญ่ได้รับหินวิญญาณระดับต่ําก็ถือว่ามากที่สุดแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมีหินวิญญารระดับกลาง

 

หินวิญญาณคือแร่ที่พบได้ตามธรรมชาติ ไม่เพียงแต่มันจะบริสุทธิ,แต่พลังวิญญาณของมันยังมหาศาลสําหรับนักบ่มเพาะพลังระดับต่ำ,มันสามารถยกระดับพลังของพวกเขาขึ้น มาได้เป็นขั้นสําหรับนักบ่มเพาะพลังระดับสูงมันสามารถเส ริมพลังปราณที่อ่อนล้าของพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว

 

อย่างไรก็ตาม เหมืองหินวิญญาณภายในทวีปเทียนบู่มีเพียงน้อยนิด ตระกูลชั้นสูงทุกตระกูลต่างคุมเหมืองหินวิญญาณเอาไว้หนึ่งหรือสองแห่งเท่านั้น นอกจากนั้น,พวกมันยังไม่ใช่เหมืองคุณภาพสูง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับหินวิญญาณระดับสูง,แม้แต่หินวิญญาณระดับกลางนานครั้งนานคราจะโผล่มาให้เห็น

 

จีชางคงพูดอย่างไม่แยแส “ต้องอย่างนี้,พี่น้องฮวา! ด้วยหินวิญญาณพวกนี้,เพิ่มความหวังที่พวกเราจะขึ้นไปถึงยอดของแท่นหิน”

 

หลังจากที่เขาพูดจบ,พวกเขาก็เริ่มจัดของจากแหวนห้วงอวกาศทันใดนั้นเขาก็พบดาบหักขึ้นสนิมเล่มหนึ่งเขายิ้มขึ้น “พี่น้องฮวา,ดาบเล่มนั้นไม่ต้องเอามาแบ่งรวม,เจ้าเก็บเอาไว้นั้นจะต้องเป็นมหาดาบศักดิ์ที่แตกหัก มันจะช่วยเจ้าได้มากหากเจ้าสามารถซ่อมแซมมันกลับมาจนสมบูรณ์”

 

ฮวาหยุนเฟยบัดดาบหักๆที่จีชางคงโยนมาให้เขาทิ้งไปด้านข้างเขาพูดขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด “จีชางคง,อย่าให้มันมากนัก!”

 

จีชางคงยิ้มบางเบา,และยังคงใช้น้ำเสียงไม่แยแส “อย่าได้ เกรี้ยวโกรธ,พี่น้องฮวา ข้าจัดแบ่งของทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว มีหินวิญญาณระดับกลางทั้งหมดสิบชิ้น,หินวิญญาณระดับต่ำทั้งหมดหนึ่งร้อยชิ้น,ทักษะระดับปฐพี่สาม,ชุดเกราะศึกระดับปฐพี่หนึ่ง,และเม็ดยาระดับ 6 ทั้งหมดห้าขวด”

 

ทุกคนต่างตกตะลึง, ของที่มหาปราชญ์ผู้นี้ถือครอง เมื่อเอามารวมกัน,มูลค่าของของพวกนี้มากกว่าของที่ตระกูลเจียงเก็บสะสมมากว่าหนึ่งร้อยปีเสียอีก

 

จีชางคงดึงเอาตําราทักษะต่อสู้ออกมาและยื่นมันให้กับฮวาหยุ่นเฟย “พวกนี้คือทักษะต่อสู้ของตระกูลฮวาพวกมันไม่ควรรั่วไหลออกมาภายนอก เก็บมันไว้,ข้าจะไม่นับมันรวมกับของที่จะแบ่งกัน”

 

ฮวาหยุ่นเฟยหน้าบึงพร้อมกับเก็บตําราทักษะต่อสู้ไม่มีใครจะรู้สึกดีที่เห็นสมบัติของผู้นาตระกูลถูกเอามาตัดแบ่งให้กับคนนอก

 

ขณะที่คนของตระกูลฮวาต่างหน้าบึงมืดมน,ทั้งกลุ่มก็ไม่ปล่อยให้เสียเวลาเริ่มตัดแบ่งของทุกอย่างที่อยู่บนพื้น แม้ว่าสิ่งของในแหวนห้วงอวกาศของฮวาเทียนหยู่ทั้งหมดล้วนมีมูลค่า,ของที่เตะตาที่สุดก็ยังคงเป็นหินวิญญาณระดับกลาง

 

ของชิ้นอื่นอาจจะนับได้ว่าเป็นสมบัติเมื่อมันตกไปอยู่ในมือตระกูลเล็กๆ แต่ไม่ได้หายากอะไรในหมู่ตระกูลชั้นสูง มีเพียงหินวิญญาณระดับกลางเท่านั้นที่หายาก เมื่อจําเป็นต้องใช้, พวกมันอาจจะช่วยชีวิตของพวกเขาไว้ได้

 

ท้ายที่สุด ,ตระกูลฮวาก็ได้หินวิญญาณระดับกลางไปทั้งหมดสามชิ้นและที่เหลือต่างได้หินวิญญาณระดับกลางไปบ้านละสองชิ้นเป็นเพราะจีชางคง,ตระกูลเจียงจึงได้หินวิญญาณระดับกลางไปเพียงหนึ่งชิ้น

 

หลังจากตัดแบ่งสมบัติกันเป็นที่เรียบร้อย, ทั้งกลุ่มก็เดินต่อไป พวกเขาก้าวข้ามศพของฮวาเทียนหยู่มุ่งหน้าต่อไป ขณะที่พวกเขามุ่งไปข้างหน้า,ทุกคนรู้สึกทุกข์ทรมานจากทุกก้าวที่ย่างเดิน จํานวนพลังปราณที่ใช้ไปในแต่ละก้าวเพิ่ม มากขึ้น

 

ซากศพที่อยู่บนแท่นหินกลายเป็นน่าสยดสยองยิ่งขึ้น พวกเขาไม่เห็นกองโครงกระดูกสีขาวอีกต่อไป,พวกเขาเห็น เพียงกองกระดูกสีม่วงของระดับขอบเขตจักรพรรดิ ทุกโครงกระดูกทําให้พวกเขาตัวสั่นแม้อากาศจะไม่ได้หนาวเย็น 

 

ถัดไปอีกหนึ่งร้อยก้าว,ฝูงชนเห็นศพที่ยืนตระหง่านต่อหน้าพวกเขา กระแสพลังของศพร่างนี้เข้มข้นยิ่งกว่าฮวา เทียนหยู่ แม้ว่ามันเพียงตั้งยืนอยู่ตรงนั้นตกตายผ่านกาลเวลามาแสนนาน,มันก็ยังคงทําให้พวกเขารู้สึกกดดัน

 

“นั้นเป็นหนึ่งในผู้นําของตระกูลจี” จีชางคงทันใดนั้น ก็กล่าวขึ้นว่าอย่างตื่นเต้น หัวของศพถูกตัดออก แต่เสื้อผ้าบ่งบอกตัวตนของเขา

 

เขาเริ่มไล่กวาดกองกระดูกบนพื้นรอบๆ บรรทัดอักษะสั้นๆปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา เขาอ่านออกเสียงนุ่มนวล “เส้นทางของจีเฮาหยุ่นสิ้นสุดลงที่แห่งนี้,หาก ลูกหลานตระกูลจีผู้ใดมาพบ,ให้กลับออกไปโดยเร็ว”

 

จีเฮาหยุ่นเคยเป็นหนึ่งในผู้นําตระกูลฮวาและถูกเคารพนับถือว่าเป็นอัจฉริยะในตอนนั้น อีกเพียงก้าวเดียวเขาก็จะทะลวงขึ้นไปสู่ระดับขอบเขตจักรพรรดิ เขาอยู่ในยุคเดียวกับฮวาเทียนหยู่ไม่คาดคิดว่าเขาจะมาจบชีวิตลงที่นี้เช่นกัน

 

ทันใดนั้น,ฮวาหยุ่นเฟยหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่าฮ่า,จี ชางคง,ข้าแน่ใจว่าเจ้าคงไม่คาดคิดว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นเขาก้าวเท้ายาวตรงไปข้างหน้าและเบียดจีชางคงออกไปด้านข้าง

 

จีชางคงจ้องมองด้วยความโกรธ “ฮวาหยุ่นเฟย,เจ้าจะทํา อะไร?” จีชางคงติดอยู่ที่ระดับขอบเขตปรมจารย์ขั้นสูงสุดมานานปี เมื่อเขาพบภาพมหาปราชญ์รู้แจ้งเมื่อก่อนหน้านี้เขาได้บรรลุและทะลวงขึ้นสู่ระดับขอบเขตนักบุญ เขาไม่ได้เกรงกลัวฮวาหยุ่นเฟยแม้แต่น้อย

 

ฮวาหยุ่นเฟยยิ้มเย็นชา “หากเจ้าไม่ตัดแบ่งสมบัติทั้งหมดของคนผู้นี้,ข้า,ฮวาหยุ่นเฟย, จะสู้กับเจ้าจนกว่าจะสิ้นชีวิต จะไม่มีใครได้ไปต่อทั้งนั้น”

 

จีชางคงยิ้มอย่างเย็นชาและพูดด้วยน้ําเสียงเย็นเฉียบ “ฮวาหยุ่นเฟยเจ้าหนหาที่ตาย?” หกระดับขอบเขตนักบุญตระกูลเจียงและเจ็ดระดับขอบเขตนักบุญตระกูลจีทั้งหมดก้าวขึ้นหน้ามา พวกเขาเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน จดจ้องไปที่ฮวาหยุ่นเฟย

 

ฮวาหยุ่นเฟยขึ้นนาหกระดับขอบเขตนักบุญข้างหลังของ เขาและจ้องไปที่จีชางคงด้วยปราศจากความหวาดกลัว ไม่มีความตั้งใจจะล่าถอยปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา บรรยากาศในตอนนี้หนักอึ้ง,ศึกใหญ่พร้อมปะทุขึ้นด้วยสะเก็ดไฟเล็กน้อย

 

ทันใดนั้นตวนมู่ฉิงก็พูดขึ้น “ข้ารู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ ธรรมดาข้ามั่นใจว่าหากพวกเราเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ พวกเราจะได้พบกับศพของมหาปราชญ์ครบทุกตระกูล”

 

เมื่อจีชางคงได้ยินเช่นนั้นเขากระทืบไปข้างหน้า เขาหันไปมองที่ขั้นบันไดนับไม่ถ้วนตรงหน้าของเขา ดวงดาวนับไม่ถ้วนส่องแสงในดวงตา,ธารดวงดาวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นเบี้องหลังของเขา

 

“ดาบดวงดาวร่ายรํา,จุดประกายแสง”

 

จีชางคงตะโกนขึ้นมาเสียงเบาและดวงดาวที่เป็นตัวแทนของเขาท่ากลางสายธารดวงดาวทันใดนั้นจุดประกายสว่าง ขึ้นดวงดาวตัวแทนส่องแสงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แสงของมันเสียดแทงดวงตา,ทําให้ผู้คนไม่กล้ามองมันตรงๆ

 

แสงสว่างไหว,และจีชางคงก็แทงดาบของเขาไปข้างหน้า แสงสว่างสีขาวถูกยิงขึ้นไปบนบันไดหิน ทันใดนั้น,ฉากเบื้องหน้าก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน

 

“ชิ!” ทุกทุกคนสูดหายใจเข้าลึก กระดูกกองร่ายยาวไปตามขั้นบันไดหิน

 

ทับถมกันหนาแน่น,เต็มตาของทุกคนไกลออกไป,มีศพไร้หัวกําลังยืนตระหง่าน

 

ทุกคนรู้สึกถึงความชากัดกินหนังหัว,ประหลาดใจที่มีมหาปราชญ์หัวขาดจํานวนมากมาย

 

ทําไมถึงมีร่างไร้หัวมากมายเช่นนี้ไม่น่าแปลกถ้ามีสักหนึ่งหรือสองผู้นําตระกูลชั้นสูง แต่มันกลับมีศพไร้หัวจํานวนนับไม่ถ้วน มันช่างน่าตกตะลึง,พวกเขาทั้งหมดอยู่ระดับขอบเขตมหาปราชญ์,แต่ทําไมพวกเขาทั้งหมดถูกตัดหัวออก?

 

ที่บันไดหินที่อยู่ด้านหนึ่ง ลู่เฉาหยุ่นแบกดาบของเขาไว้ บนหลังและขึ้นไปอย่างช้าๆ อาวุธทั้งหมดบนหลังของเขาส่องแสงเรืองออกมา มันทําให้เขาราวกับเดินบนพื้นราบ เขาก้าวเดินไปอย่างสงบในท่าที่ผ่อนคลาย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 122 ศิลาลึกลับ

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 122 ศิลาลึกลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 122 ศิลาลึกลับ

 

จีชางคงไม่เปิดปากอะไรอีกพร้อมกับเดินขึ้นหน้าต่อไปฝูงชนค่อยๆเดินตามหลังเขาไปอย่างช้าๆ ตอนนี้พวกเขามาไกลเกินกว่าที่จะหันหลังกลับ

 

ระดับขอบเขตนักบุญตระกูลเจียงผู้หนึ่งทันใดนั้นก็อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “ตรงนั้นดูเหมือนจะมีคนอยู่ข้างหน้า!”

 

ทุกทุกคนต่างเงยหัวขึ้นมองอย่างละเอียดประมาณหนึ่งร้อยก้าวข้างหน้ามีร่างเงาคนจางๆหันหลังให้กับพวกเขา

 

ทําไมถึงมีคนอยู่ที่นี้? ตระกูลตวนมไปเปิดทางเข้าราชวังใต้ดินได้โดยบังเอิญ มันไม่มีทางเข้า ทางอื่นนอกจากตรงนั้น มันผู้นี้เข้ามาได้อย่างไร? นอกจากนั้นเขายังนําหน้าพวกเราไปอีกยิ่งพวกเขาคิดเกี่ยวกับมันมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นเท่านั้น

 

จีชางคงจับดาบของเขาขึ้นมาถือในมือผืนฟ้าประกายดาวปรากฏขึ้นบนดวงตาของเขาธารดวงดาวอันไร้ขอบเขตในร่างของเขาหมุนเวียนเตรียมพร้อมสําหรับการจู่โจมเหล่าผู้ที่อยู่ด้านหลังต่างตื่นตัวพร้อมกับรอคอยโอกาส

 

เมื่อพวกเขาเดินตรงเข้าไป,พวกเขาก็เห็นร่างผู้นั้นได้ชัดเจน พวกเขาสูดหายในล็กดูดอากาศเย็นเฉียบเข้าไป มันเป็นเพียงศพไร้หัวมีดาบแบกอยู่บนหลังของเขาและมีกองกระดูกสีขาวนับไม่ถ้วนกองอยู่ข้างเท้าของ,มีแม้กระทั่งกองโครงกระดูกสีม่วงอีกสองสามกอง

 

ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังยืนนิ่งอย่างภาคภูมิ มันไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นเวลากี่ปีได้ล่วงเลยมาแล้วกระแสพลังของเขาสัมผัสได้ถึงกาลเวลา,แรงดันดันบางๆขยายออกมารอบตัวของเขา

 

ผืนฟ้าดวงดาวในดวงตาของจีชางคงจางหายไป เขากล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจ “นี่มันศพของระดับขอบเขตมหาปราชญ์ ดูจาเสื้อผ้าของเขาเขาไม่น่าจะมาจากยุคโบราณ”

 

“แม้แต่ระดับขอบเขตมหาปราชญ์ก็ยังตกตายลงที่นี้ แท่นหินแห่งนี้แท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่?” ระดับขอบเขตนักบุญผู้หนึ่งถามขึ้นอย่างหวาดกลัวมหาปราชญ์ผู้ที่สามารถผ่าภูเขาและม้วนกลับทะเลได้ยังมาตกตายลงที่นี้

 

จีชางคงส่ายหัว “อย่าเก็บมันไปคิดให้มากความเห็นได้ชัดว่ามีบางคนสังหารมหาปราชญ์ผู้นี้ เขาไม่ได้ตกตายลงด้วยพลังของแท่นหินมิฉะนั้น,ศพของเขาต้องกลายเป็นกองกระดูกไปนานแล้ว”

 

ในจังหวะนั้นเอง,ฮวาหยุ่นเฟยมีสีหน้าปั่นป่วนเมื่อเขาเดินขึ้นไปตรงหน้าของศพ เขาเห็นสัญลักษณ์ธารศักดิ์สิทธิ์ปักไว้ที่คอเสื้อของศพเขาอุทานออกมาเสียงดัง “ผู้นี้คือผู้อาวุโสจากตระกูลฮวาของข้า”

 

หลังจากที่เขาพูดจบ,เขาตรวจสอบพื้นที่โดยรอบอย่างละเอียด เขาดันกองกระดูกออกไปและมีบรรทัดอักษะอยู่บนแท่นหิน เขาอ่านมันด้วยเสียงนุ่ม “เส้นทางของฮวาเทียนหยู่ได้จบลงที่แห่งนี้,หากลูกหลานตระกูลฮวาผู้ใดมาพบ, ขอให้กลับออกไปโดยเร็ว”

 

“ฮวาเทียนหยู่ หรือจะเป็นผู้นําตระกูลฮวารุ่นที่สาม,ผู้นําตระกูลที่ทรงพรสวรรค์ที่สุดของตระกูลฮวา? เขาหายสาบสูญไปบางคนคาดเดาไปว่าเขาได้กลายเป็นระดับขอบเขตจักรพรรดิ ข้าไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะมาจบชีวิตลงที่นี่” บางคนที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ

 

ฮวาหยุ่นเฟยพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “ร่างไร้วิญญาณนี่คือบรรพบุรุษตระกูลฮวาของข้า ข้าเชื่อว่าจะไม่มีพวกเจ้าคนใดเข้ามาต่อสู้กับข้าแย่งชิงสิ่งของบนตัวของเขา”

 

หลังจากที่เขาพูดจบ,เขาเตรียมจะดึงแหวนห้วงอวกาศออกมาจากนิ้วของฮวาเทียนหยู่แหวนของมหาปราชญ์จะต้องเก็บเอาสมบัติเอาไว้มากมาย

 

“ฟุ่ว!”

ดาบสีดําเข้ามาขวางทางของเขาเอาไว้จีชางคงหัวเราะ อย่างเย็นชา “ฮวาหยุ่นเฟย,หรือว่าเจ้าจะลืมเกี่ยวกับข้อตกลงของพวกเราไปแล้ว? สมบัติใดก็ตามที่พวกเราพบ,ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร,พวกเราแบ่งกันตามบ้านเจ้าคงไม่คิ ดจะกลับคําของเจ้าใช่ไหม?”

 

ใบหน้าของฮวาหยุ่นเฟยกลายเป็นเย็นชา “เจ้าหมายความเช่นไร? ผู้นี้คือผู้นําตระกูลฮวาของข้าสิ่งของของเขานับเป็นของตระกูลฮวาทําไมข้าต้องแบ่งปันมันให้กับเจ้า?” 

 

เจียงหมิงรุ่นสูดหายใจฟืดฟาดเย็นชา “นี่มันเป็นร่างไร้เจ้าของเขาได้ตกตายมากว่าหนึ่งพันปี ร่างของเขานับเป็นสมบัติทุกคนต่างทุ่มเทพยายามจนได้มาถึงที่นี้,ตระกูลฮวาจะรับเอาผลประโยชน์ไปเพียงผู้เดียวได้เช่นไร?”

 

ตระกูลชั้นสูงบ้านอื่นก็ไม่อยากให้ตระกูลฮวาเอาเปรียบแม้ว่า,หากคิดแบบมีเหตุผลศพร่างนี้ต้องเป็นของตระกูลฮวา, ถึงกระนั้นเมื่อมีผลประโยชน์อยู่ตรงหน้า,เหตุผลก็ไร้ซึ่ง ความหมายฮวาหยุ่นเฟยไม่มีพลังมากพอที่จะหยุดยั้งทุกคนที่นี้,ดังนั้นเขาไม่อาจยับยั้งความละโมบของทุกคนเอาไว้

 

ฮวาหยุ่นเฟยหัวเราะออกมาอย่างเดือดดาล,เขากล่าว “ดี” ขึ้นมาสามครั้ง “จีชางคง,ข้าจะจดจําเรื่องในวันนี้เอาไว้เจียง หมิงรุ่น,เจ้าอย่าได้คิดว่าตระกูลจีจะคลุมกะลาหัวเจ้าไปได้ตลอด”

 

เขาเก็บดาบเข้าฝักและปลดแหวนของฮวาเทียนหยู่ออกมา เพียงนึกคิด,สิ่งของทั้งหมดที่เก็บไว้ข้างในก็ไหลออกมา

 

“อูวะ!”

 

กองสิ่งของมากมายไหลออกมา เหินวิญญาณเม็ดยา, อาวุธวิญญาณ,ที่กษะต่อสู้และชุดเกราะศึกของทั้งหมดไหลออกมาท่วมท้นบนแท่นหิน โดยเฉพาะหินวิญญาณกองโตที่ดึงดูดสายตาของทุกคน

 

ภายใต้กองหินวิญญาณระดับต่ำ,พวกเขายังเห็นหินวิญญาณระดับกลางปะปนเข้ามาเป็นกองสมบัติที่แท้จริง เหล่าสานุศิษย์ส่วนใหญ่ได้รับหินวิญญาณระดับต่ําก็ถือว่ามากที่สุดแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมีหินวิญญารระดับกลาง

 

หินวิญญาณคือแร่ที่พบได้ตามธรรมชาติ ไม่เพียงแต่มันจะบริสุทธิ,แต่พลังวิญญาณของมันยังมหาศาลสําหรับนักบ่มเพาะพลังระดับต่ำ,มันสามารถยกระดับพลังของพวกเขาขึ้น มาได้เป็นขั้นสําหรับนักบ่มเพาะพลังระดับสูงมันสามารถเส ริมพลังปราณที่อ่อนล้าของพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว

 

อย่างไรก็ตาม เหมืองหินวิญญาณภายในทวีปเทียนบู่มีเพียงน้อยนิด ตระกูลชั้นสูงทุกตระกูลต่างคุมเหมืองหินวิญญาณเอาไว้หนึ่งหรือสองแห่งเท่านั้น นอกจากนั้น,พวกมันยังไม่ใช่เหมืองคุณภาพสูง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับหินวิญญาณระดับสูง,แม้แต่หินวิญญาณระดับกลางนานครั้งนานคราจะโผล่มาให้เห็น

 

จีชางคงพูดอย่างไม่แยแส “ต้องอย่างนี้,พี่น้องฮวา! ด้วยหินวิญญาณพวกนี้,เพิ่มความหวังที่พวกเราจะขึ้นไปถึงยอดของแท่นหิน”

 

หลังจากที่เขาพูดจบ,พวกเขาก็เริ่มจัดของจากแหวนห้วงอวกาศทันใดนั้นเขาก็พบดาบหักขึ้นสนิมเล่มหนึ่งเขายิ้มขึ้น “พี่น้องฮวา,ดาบเล่มนั้นไม่ต้องเอามาแบ่งรวม,เจ้าเก็บเอาไว้นั้นจะต้องเป็นมหาดาบศักดิ์ที่แตกหัก มันจะช่วยเจ้าได้มากหากเจ้าสามารถซ่อมแซมมันกลับมาจนสมบูรณ์”

 

ฮวาหยุนเฟยบัดดาบหักๆที่จีชางคงโยนมาให้เขาทิ้งไปด้านข้างเขาพูดขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด “จีชางคง,อย่าให้มันมากนัก!”

 

จีชางคงยิ้มบางเบา,และยังคงใช้น้ำเสียงไม่แยแส “อย่าได้ เกรี้ยวโกรธ,พี่น้องฮวา ข้าจัดแบ่งของทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว มีหินวิญญาณระดับกลางทั้งหมดสิบชิ้น,หินวิญญาณระดับต่ำทั้งหมดหนึ่งร้อยชิ้น,ทักษะระดับปฐพี่สาม,ชุดเกราะศึกระดับปฐพี่หนึ่ง,และเม็ดยาระดับ 6 ทั้งหมดห้าขวด”

 

ทุกคนต่างตกตะลึง, ของที่มหาปราชญ์ผู้นี้ถือครอง เมื่อเอามารวมกัน,มูลค่าของของพวกนี้มากกว่าของที่ตระกูลเจียงเก็บสะสมมากว่าหนึ่งร้อยปีเสียอีก

 

จีชางคงดึงเอาตําราทักษะต่อสู้ออกมาและยื่นมันให้กับฮวาหยุ่นเฟย “พวกนี้คือทักษะต่อสู้ของตระกูลฮวาพวกมันไม่ควรรั่วไหลออกมาภายนอก เก็บมันไว้,ข้าจะไม่นับมันรวมกับของที่จะแบ่งกัน”

 

ฮวาหยุ่นเฟยหน้าบึงพร้อมกับเก็บตําราทักษะต่อสู้ไม่มีใครจะรู้สึกดีที่เห็นสมบัติของผู้นาตระกูลถูกเอามาตัดแบ่งให้กับคนนอก

 

ขณะที่คนของตระกูลฮวาต่างหน้าบึงมืดมน,ทั้งกลุ่มก็ไม่ปล่อยให้เสียเวลาเริ่มตัดแบ่งของทุกอย่างที่อยู่บนพื้น แม้ว่าสิ่งของในแหวนห้วงอวกาศของฮวาเทียนหยู่ทั้งหมดล้วนมีมูลค่า,ของที่เตะตาที่สุดก็ยังคงเป็นหินวิญญาณระดับกลาง

 

ของชิ้นอื่นอาจจะนับได้ว่าเป็นสมบัติเมื่อมันตกไปอยู่ในมือตระกูลเล็กๆ แต่ไม่ได้หายากอะไรในหมู่ตระกูลชั้นสูง มีเพียงหินวิญญาณระดับกลางเท่านั้นที่หายาก เมื่อจําเป็นต้องใช้, พวกมันอาจจะช่วยชีวิตของพวกเขาไว้ได้

 

ท้ายที่สุด ,ตระกูลฮวาก็ได้หินวิญญาณระดับกลางไปทั้งหมดสามชิ้นและที่เหลือต่างได้หินวิญญาณระดับกลางไปบ้านละสองชิ้นเป็นเพราะจีชางคง,ตระกูลเจียงจึงได้หินวิญญาณระดับกลางไปเพียงหนึ่งชิ้น

 

หลังจากตัดแบ่งสมบัติกันเป็นที่เรียบร้อย, ทั้งกลุ่มก็เดินต่อไป พวกเขาก้าวข้ามศพของฮวาเทียนหยู่มุ่งหน้าต่อไป ขณะที่พวกเขามุ่งไปข้างหน้า,ทุกคนรู้สึกทุกข์ทรมานจากทุกก้าวที่ย่างเดิน จํานวนพลังปราณที่ใช้ไปในแต่ละก้าวเพิ่ม มากขึ้น

 

ซากศพที่อยู่บนแท่นหินกลายเป็นน่าสยดสยองยิ่งขึ้น พวกเขาไม่เห็นกองโครงกระดูกสีขาวอีกต่อไป,พวกเขาเห็น เพียงกองกระดูกสีม่วงของระดับขอบเขตจักรพรรดิ ทุกโครงกระดูกทําให้พวกเขาตัวสั่นแม้อากาศจะไม่ได้หนาวเย็น 

 

ถัดไปอีกหนึ่งร้อยก้าว,ฝูงชนเห็นศพที่ยืนตระหง่านต่อหน้าพวกเขา กระแสพลังของศพร่างนี้เข้มข้นยิ่งกว่าฮวา เทียนหยู่ แม้ว่ามันเพียงตั้งยืนอยู่ตรงนั้นตกตายผ่านกาลเวลามาแสนนาน,มันก็ยังคงทําให้พวกเขารู้สึกกดดัน

 

“นั้นเป็นหนึ่งในผู้นําของตระกูลจี” จีชางคงทันใดนั้น ก็กล่าวขึ้นว่าอย่างตื่นเต้น หัวของศพถูกตัดออก แต่เสื้อผ้าบ่งบอกตัวตนของเขา

 

เขาเริ่มไล่กวาดกองกระดูกบนพื้นรอบๆ บรรทัดอักษะสั้นๆปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา เขาอ่านออกเสียงนุ่มนวล “เส้นทางของจีเฮาหยุ่นสิ้นสุดลงที่แห่งนี้,หาก ลูกหลานตระกูลจีผู้ใดมาพบ,ให้กลับออกไปโดยเร็ว”

 

จีเฮาหยุ่นเคยเป็นหนึ่งในผู้นําตระกูลฮวาและถูกเคารพนับถือว่าเป็นอัจฉริยะในตอนนั้น อีกเพียงก้าวเดียวเขาก็จะทะลวงขึ้นไปสู่ระดับขอบเขตจักรพรรดิ เขาอยู่ในยุคเดียวกับฮวาเทียนหยู่ไม่คาดคิดว่าเขาจะมาจบชีวิตลงที่นี้เช่นกัน

 

ทันใดนั้น,ฮวาหยุ่นเฟยหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่าฮ่า,จี ชางคง,ข้าแน่ใจว่าเจ้าคงไม่คาดคิดว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นเขาก้าวเท้ายาวตรงไปข้างหน้าและเบียดจีชางคงออกไปด้านข้าง

 

จีชางคงจ้องมองด้วยความโกรธ “ฮวาหยุ่นเฟย,เจ้าจะทํา อะไร?” จีชางคงติดอยู่ที่ระดับขอบเขตปรมจารย์ขั้นสูงสุดมานานปี เมื่อเขาพบภาพมหาปราชญ์รู้แจ้งเมื่อก่อนหน้านี้เขาได้บรรลุและทะลวงขึ้นสู่ระดับขอบเขตนักบุญ เขาไม่ได้เกรงกลัวฮวาหยุ่นเฟยแม้แต่น้อย

 

ฮวาหยุ่นเฟยยิ้มเย็นชา “หากเจ้าไม่ตัดแบ่งสมบัติทั้งหมดของคนผู้นี้,ข้า,ฮวาหยุ่นเฟย, จะสู้กับเจ้าจนกว่าจะสิ้นชีวิต จะไม่มีใครได้ไปต่อทั้งนั้น”

 

จีชางคงยิ้มอย่างเย็นชาและพูดด้วยน้ําเสียงเย็นเฉียบ “ฮวาหยุ่นเฟยเจ้าหนหาที่ตาย?” หกระดับขอบเขตนักบุญตระกูลเจียงและเจ็ดระดับขอบเขตนักบุญตระกูลจีทั้งหมดก้าวขึ้นหน้ามา พวกเขาเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน จดจ้องไปที่ฮวาหยุ่นเฟย

 

ฮวาหยุ่นเฟยขึ้นนาหกระดับขอบเขตนักบุญข้างหลังของ เขาและจ้องไปที่จีชางคงด้วยปราศจากความหวาดกลัว ไม่มีความตั้งใจจะล่าถอยปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา บรรยากาศในตอนนี้หนักอึ้ง,ศึกใหญ่พร้อมปะทุขึ้นด้วยสะเก็ดไฟเล็กน้อย

 

ทันใดนั้นตวนมู่ฉิงก็พูดขึ้น “ข้ารู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ ธรรมดาข้ามั่นใจว่าหากพวกเราเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ พวกเราจะได้พบกับศพของมหาปราชญ์ครบทุกตระกูล”

 

เมื่อจีชางคงได้ยินเช่นนั้นเขากระทืบไปข้างหน้า เขาหันไปมองที่ขั้นบันไดนับไม่ถ้วนตรงหน้าของเขา ดวงดาวนับไม่ถ้วนส่องแสงในดวงตา,ธารดวงดาวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นเบี้องหลังของเขา

 

“ดาบดวงดาวร่ายรํา,จุดประกายแสง”

 

จีชางคงตะโกนขึ้นมาเสียงเบาและดวงดาวที่เป็นตัวแทนของเขาท่ากลางสายธารดวงดาวทันใดนั้นจุดประกายสว่าง ขึ้นดวงดาวตัวแทนส่องแสงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แสงของมันเสียดแทงดวงตา,ทําให้ผู้คนไม่กล้ามองมันตรงๆ

 

แสงสว่างไหว,และจีชางคงก็แทงดาบของเขาไปข้างหน้า แสงสว่างสีขาวถูกยิงขึ้นไปบนบันไดหิน ทันใดนั้น,ฉากเบื้องหน้าก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน

 

“ชิ!” ทุกทุกคนสูดหายใจเข้าลึก กระดูกกองร่ายยาวไปตามขั้นบันไดหิน

 

ทับถมกันหนาแน่น,เต็มตาของทุกคนไกลออกไป,มีศพไร้หัวกําลังยืนตระหง่าน

 

ทุกคนรู้สึกถึงความชากัดกินหนังหัว,ประหลาดใจที่มีมหาปราชญ์หัวขาดจํานวนมากมาย

 

ทําไมถึงมีร่างไร้หัวมากมายเช่นนี้ไม่น่าแปลกถ้ามีสักหนึ่งหรือสองผู้นําตระกูลชั้นสูง แต่มันกลับมีศพไร้หัวจํานวนนับไม่ถ้วน มันช่างน่าตกตะลึง,พวกเขาทั้งหมดอยู่ระดับขอบเขตมหาปราชญ์,แต่ทําไมพวกเขาทั้งหมดถูกตัดหัวออก?

 

ที่บันไดหินที่อยู่ด้านหนึ่ง ลู่เฉาหยุ่นแบกดาบของเขาไว้ บนหลังและขึ้นไปอย่างช้าๆ อาวุธทั้งหมดบนหลังของเขาส่องแสงเรืองออกมา มันทําให้เขาราวกับเดินบนพื้นราบ เขาก้าวเดินไปอย่างสงบในท่าที่ผ่อนคลาย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+