Immortal and Martial Dual Cultivation 132 ข้าช่างรวยนัก โคตรจะรวย

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 132 ข้าช่างรวยนัก โคตรจะรวย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่ 132 ข้าช่างรวยนัก โคตรจะรวย

 

ท่ามกลางความวุ่นวาย เซี่ยวเฉินปล่อยสัมผัสจิตวิญญาณออกไปและเลิกสนใจผู้บ่มเพาะที่กําลังหนี เขากําลังค้นหาคลังสมบัติลับของตระกูลเจียง

 

มีเสียงต่อสู้มาจากศาลาทางด้านตะวันตกของบ้านตระกูลเจียง บางครั้งก็จะมีใครบางคนวิ่งออกไปพร้อมกับกองสมบัติขนาดใหญ่ที่กําลังหนีออกจากบ้านตระกูลเจียง

 

ในช่วงเวลาวิกฤต ผู้บ่มเพาะของตระกูลเจียงก็กลายมาเป็นวุ่นวาย เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นสถานที่อยู่ของคลังสมบัติลับ

 

เซี่ยวเฉินหัวเราะเบาๆขณะที่ยืนอยู่บนหลังของราชันย์สิงโตทองคําและพุ่งออกไป สายลมหนาวเย็นพัดผ่าน; เส้นผมที่เปื้อนเลือดของเขาโบกพัดไปมา เขาทําลายกําแพงและศาลาจํานวนมากในทางที่เขาผ่านไปและทิ้งซากปรักหักพังไว้เบื้องหลัง

 

ผู้บ่มเพาะพลังตระกูลเจียงตกใจเมื่อได้เห็นเซี่ยวเฉินแจ่มชัด ก่อนที่เซียวเฉินจะได้เข้ามาใกล้พวกเขาก็หนีไป

 

เซี่ยวเฉินกระโดดลงมาและสั่งให้ราชันย์สิงโตทองคําพุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นเขาก็ไม่ได้ไปสนใจอีก หลังจากใช้ราชันย์สิงโตทองคํา รูปสลักมันก็จะแตกในทันที ไม่มีทางที่จะเก็บรักษามันไว้ได้

 

เขาเดินเข้าไปในคลังสมบัติและกลืนเม็ดยาฟื้นฟูฉีอีกหนึ่งเม็ด เซี่ยวเฉินกระจายสัมผัสจิตวิญญาณออกมา และทุกสิ่งที่อยู่ในระยะก็ปรากฏในจิตใจของเขามีห้องลับอยู่ข้างใต้ ของคลังสมบัติและมันก็ดึงดูดความสนใจของเซี่ยวเฉิน

 

ด้วยการใช้สัมผัสจิตวิญญาณ เซี่ยวเฉินสํารวจทางลับและกับดับมากมาย เขาเร่งไปห้องลับที่อยู่ข้างใต้มีหินขนาดใหญ่กั้นทางเข้าไว้ เห็นได้ชัดว่ามันมีการซ่อนกลไกเพื่อที่จะเปิ ดมัน

 

หินหนาประมาณ 66 เซนติเมตร เซี่ยวเฉินขี้เกียจที่จะหากลไกลับ เขาควบแน่นเปลวเพลิงสีม่วงบนนิ้ว เปลวเพลิงสีม่วงหมุนวนอย่างต่อเนื่อง ทุกรอบที่มันหมุนพลังปราณในร่างกายของเซี่ยวเฉินก็จะลดไปอย่างรวดเร็ว

 

“ทะลวง!”

 

เซี่ยวเฉินคํารามอย่างเบา และยิ่งเปลวเพลิงอัสนีม่วงแท้จริงที่กําลังหมุนอยู่ออกไป มันทิ้งไว้เพียงประกายหางเพลิง ในขณะที่บินผ่านอากาศมันพุ่งชนเข้ากับหินจนเกิดเสียงดัง รูขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนหินใหญ่ รอยแตกยังคงกระจายออกจากรูอย่างต่อเนื่อง

 

เปลวเพลิงอัสนีม่วงแท้จริงถูกทําให้สงบโดยเซี่ยวเฉินในเวลาไม่นาน พลังทะลุทะลวงของมันรุนแรงกว่าก่อนหน้านี้ เมื่อเห็นรูที่อยู่ในหิน เซี่ยวเฉินยกขาขึ้นเตะหินออกไปจนทําให้แตกเป็นชิ้นๆ

 

เซี่ยวเฉินเข้าไปในห้องลับทันที พื้นดินถูกปูด้วยแผ่นไม้เป็นแถว เขาเปิดกล่องหนึ่งโดยไม่ตั้งใจและแสงสีทองก็ประกายออกมา ทองคํา, เงิน, ไข่มุก, และหยก มีอยู่เต็มในกล่อง

 

เซี่ยวเฉินยิ้มเล็กน้อยและกวาดทุกอย่างเข้าไปในแหวน ห้วงจักรวาลมีทั้งหมดยี่สิบกล่องที่เต็มไปด้วยสมบัติ เขาไม่ทิ้งอะไรไว้เบื้องหลัง

 

จากนั้นเขาก็หันไปสนใจชั้นวางที่อยู่ทั้งสองด้าน สิ่งที่อยู่บนชั้นวางถูกจัดเป็นระเบียบ ชั้นวางที่หนึ่งมียาโอสถ หนึ่งอาวุธจิตวิญญาณ ทักษะต่อสู้ หนึ่งชุดเกราะ

 

ในที่สุด ชั้นวางสุดท้ายเตี๋ยวเฉินก็ได้เห็นหินจิตวิญญาณระดับต่ำ มันมีอย่างน้อยสองร้อยก้อน ด้านบนของหินจิตวิญญาณยังมีลูกศรปราณแสงอย่างน้อยร้อยชิ้น

 

ความยินดีแปะอยู่เต็มใบหน้าของเซี่ยวเฉิน เขาขี้เกียจที่จะนับทุกอย่าง เขาเพียงแค่กวาดทุกอย่างเข้าไปในแหวน ห้วงจักรวาลอย่างวุ่นวาย ถึงอย่างนั้นเซี่ยวเฉินก็ยังต้องใช้เวลากว่าสิบนาทีกว่าจะกวาดล้างของทั้งหมด

 

“ฟึ่บ!” ก่อนที่เซียวเฉินจะจากไปเขาก็เผาทุกอย่างก่อนที่จะล่าถอยไป

 

ราชันย์สิงโตทองคําพุ่งเข้าทําลายทุกสิ่งในบ้านตระกูลเจียง เปลวเพลิงล่องลอยไปทั่วทุกหนแห่งราชันย์สิงโตทองคําที่บ้าคลั่งเป็นดั่งเครื่องจักรขนาดยักษ์ที่ทํางานเกิดขีดจํากัด มันห่อหุ้มบ้านตระกูลเจียงด้วยความวุ่นวายและเพลิงที่โหมกระหน่ำ

 

เซี่ยวเฉินมองไปในระยะไกล มีเรือสี่ลําที่กําลังบินไปอย่างรวดเร็ว เหล่าตระกูลชั้นสูงได้รับข่าวและตอนนี้กําลังเร่งเข้ามา

 

เซี่ยวเฉินยิ้มเล็กน้อยและเรือสงครามเงินก็ลอยออกมาจากตาขวา เขากระโดดอย่างนุ่มนวลไปยังหัวเรือ และกลายเป็นแสงแฟลชสีเงินหายไปอย่างรวดเร็ว

 

ไม่นานหลังจากเซี่ยวเฉินจากไป เรือสงครามสีดําก็จอดอยู่หน้าบ้านตระกูลเจียง เมื่อผู้นําตระกูลเจียง เจียงหมิงชุนเห็นเพลิงที่กําลังลุกไหม้โหมกระหน่ำและเศษซากบ้านตระกูลเจียง ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นโศกเศร้า ความไม่อยากจะเชื่อปรากฏอยู่ในสายตาของเขา

 

เจียงหมิงชุนหน้าซีดขณะพูด “ข้าทําผิดต่อบรรพบุรุษ รากฐานที่สร้างมาหลายร้อยปีได้หายไปหมดสิ้นแล้ว” 

 

“ผู้นําตระกูล รีบไปตรวจสอบคลังสมบัติลับเถอะ ต ราบใดที่มีความมั่งคั่งตระกูลเจียงที่อยู่มาหลายร้อยปีก็ยังค งอยู่ เราจะกลับมาผงาดอีกครั้ง” ผู้อาวุโสที่อุทิศตรให้ตระกูลกล่าวออกมาจากด้านหลังของเขา

 

เจียงหมิงชุนตอบสนองและกล่าวเสียงดัง “ถูกต้อง ถูกต้อง. ยังเหลือคลังสมบัติลับอยู่ รากฐานที่สะสมมาหลายร้อยปี ของตระกูลเจียงอยู่ในนั้น ที่นั่นมีอยู่หลายพันเหรียญทอง และยาโอสถนับไม่ถ้วน อาวุธจิตวิญญาณ และชุดเกราะ เราจะผงาดขึ้นมาได้อย่างแน่นอน”

 

ดูเหมือนว่าเขาจะได้พบความหวังสุดท้าย เขานาคนที่อยู่เบื้องหลังและรีบตรงไปที่คลังสมบัติลับ

 

จีฉางคงมองไปยังเรือสีเงินขนาดเล็กที่อยู่ในระยะไกลจาก เรือสงครามสีดําโดยปราศจากท่าทาง เขากล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว “ไล่ตามมันไป! ไม่ต้องประหยัดจิตหินวิญญาณ!”

 

เรือสงครามดําหายไปดั่งวิญญาณ ข้างหน้านั้นที่ข้างหน้านั้น วิหคน้ำแข็งที่ถูกควบคุมโดยพระราชวังน้ำแข็งลึกล้ำของตระกูลต้วนมู่ร้องเสียงดังและไล่ตามเซี่ยวเฉินไปอย่างรวดเร็ว

 

ผู้บ่มเพาะกลุ่มใหญ่รวมตัวกันด้านหน้าของบ้านตระกูลเจียง พวกเขามองดูบ้านตระกูลเจียงถูกเผาอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง และทุกคนก็มีความคิดเดียวเท่านั้น ตระกูลเจียงจบสิ้นแล้ว มันถูกทําลายโดยสมบูรณ์โดยผู้เชี่ยวชาญยุทธระดับสิ่ง

 

“ตระกูลเจียงขนาดใหญ่ถูกทําลายลงอย่างแท้จริงโดยผู้เชี่ยวชาญยุทธระดับสูงผู้เดียว น่าเหลือเชื่ออะไรเช่นนี้!”

 

“จริงที่สุด! เซี่ยวเฉินผู้นี้เด็ดเดี่ยวมาก เขาใช้ประโยชน์ในช่วงที่ขอบเขตนักบุญไม่อยู่สังหารทุกสิ่งที่ขวางเส้นทางเขา ความกล้าหาญของเขาทําให้ข้าหมดคําพูดทีเดียว”

 

“เจ้าคิดว่าตระกูลเจียงยังสามารถผงาดขึ้นมาจากกองเถ้าได้หรือไม่?”

 

“เป็นไปไม่ได้ หลายปีที่ผ่านมาตระกูลเจียงทําให้หลายคนอุ่นเคือง พวกเขาได้สูญเสียปรมาจารย์ยุทธไปมากมายใน ซากโบราณ แถมตอนนี้รากฐานยังถูกทําลายอีก อาจจะกล่าวได้ว่าพวกเขาจบสิ้นอย่างสมบูรณ์”

 

“ดีมาก ตอนที่เจ้าสวะลูกชายของมันมีชีวิตอยู่ มันสร้างความลําบากมากมายให้แก่ผู้เฒ่าผู้นี้”

 

ฝูงชนพากันพูดถึงสิ่งที่ตระกูลเจียงทําลงไป ผู้ที่ยิ่งใหญ่อยู่ในเมืองไปสุ่ยมาหลายร้อยปี ถูกทําลายลงภายในวันเดียวบางคนรู้สึกว่าช่างน่าสังเวช แต่ผู้คนส่วนใหญ่ในนั้นมีความยินดีเต็มอยู่ในหัวใจพวกเขา ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น

 

“หาย! หายไปหมด…!” เจียงหมิงชุนพูดออกมาไม่หยุดด้วยความบ้าคลั่ง เขาเห็นเพียงแต่พื้นที่ว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยขี้เถ้า มันไม่มีห้องลับอีกต่อไปแล้ว

 

เซี่ยวเฉินกําลังขี่เรือสงครามสีเงินอยู่บนท้องนภา เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วผ่านกลุ่มเมฆ เขารวดเร็วดังสายฟ้า ฟาด ทะลุเมฆไปราวกับประกายแสง

 

เซี่ยวเฉินยืนอยู่บนหัวเรือ เส้นผมของเขาพัดไหวไปตามสายลมอันเชี่ยวกราด เซี่ยวเฉินหันหัวกลับไปข้างหลังมองไปที่พระราชวังน้ําแข็งลึกล้ำที่กําลังไล่ตามมา เขายิ้มเล็กน้อย และเก็บเรือสงครามสีเงินกลับไปในดวงตา จากนั้นเขาก็ล่วงหล่นจากนภา

 

เซี่ยวเฉินกลายเป็นดาวตกและลงจอดที่พื้นด้วยแรงระเบิดหลังจากนั้นไม่นาน เขาหายตัวไปจากสายตาหรือการรับรู้ ของพระราชวังน้ำแข็งลึกล้ำ

 

ครึ่งเดือนต่อมา เซี่ยวเฉินถูกตระกูลชั้นสูงตั้งค่าหัวเพิ่มเป็นสองเท่า เมื่อข่าวถูกปล่อยออกมาเกิดความโกลาหลขึ้นทุกที่ ทันใดนั้น ทุกผู้คนในอาณาจักรต้าฉันก็ได้รู้จักชื่อ “เซี่ยวเฉิน

 

เซี่ยวเฉินกลายมาเป็นหัวข้อสนทนาในโต๊ะอาหารค่ำ ทุกคนพูดถึงตัวตนของเซี่ยวเฉิน มีเรื่องราวหลากหลายรูปแบบที่เขาสร้างความขุ่นเคืองให้กับตระกูลชั้นสูง

 

ภายในศาลาหลับไหล จินต้าเป่าสาปแช่งออกมา “ดุร้าย อะไรเยี่ยงนี้! แม้แต่นายท่านหมูผู้นี้ก็ยังกล้าเถือนเนื้อเนื้อ แขนเหล่าตระกูลชั้นสูงเป็นครั้งคราว แต่สหายผู้นี้กลับทําลายสิ้นตระกูลเจียง”

 

ข้ารับใช้ผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาโดยถือหนังสือสัญญาเอาไว้ เขายิ้มให้จินต้าเป่าและกล่าว “นายน้อยที่ดินของตระกูลเจียง ถูกโอนมาทั้งหมดแล้ว แถมท่านเจ้าเมืองก็ได้ทําการลงตราประทับแล้ว”

 

ข้ารับใช้ผู้นี้ประหลาดใจที่นายอ้วนผู้นี้ไม่เผยรอยยิ้มเย่อหยิ่งออกมา เขาหยิบหนังสือสัญญาออกมาและกล่าว “สิ่งนี้มันไร้ความหมาย ไม่มีอะไรที่น่าท้าทายอีกแล้ว นี่เป็นการพ่ายแพ้ที่เกินยิ่งกว่าระดับปกติ”

 

ข้ารับใช้ไม่เข้าใจและถามออกมา “เป็นเช่นไร? นายน้อยท่านไม่จําเป็นต้องใช้อะไรเพื่อซื้อโรงแรมและโรงงานเหล่านี้เลย”

 

เจ้าหมูสาปแช่งออกมา “เจ้าจะไปรู้อะไร? สหายผู้นั้นเป็นผู้ที่นําสิ่งที่ดีเข้ามา ทั้งเงินและทองคํา แค่คิดก็ทําให้ใจของข้าสลายแล้ว ถ้านายท่านหมผู้นี้รู้ ข้าก็จะลงมือด้วยตนเอง”

 

ภายในเทือกเขานิกายดาบเงาหมอก ฉู่ฉาวอวิ๋นยืนอยู่บนยอดเขา เมื่อเขาได้ยินข่าว เขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย สายลมพัดอันอ่อนโยนและเสื้อผ้าที่โบกสะบัดมันทําให้เขาดูสง่างามและหล่อเหลาเป็นอย่างมาก

 

หญิงสาวที่ดูสง่างามและบอบบางที่มีดาบสะพายอยู่เบื้อง หลังกระโดดขึ้นมาจากด้านใต้ภูเขา เธอคล่องแคล่วว่องไวดั่งผีเสื้อที่เต้นระบํา ในไม่ช้าเธอก็มาอยู่เบื้องหน้าของฉู่ฉาวอวิ๋น “ศิษย์พี่ ท่านเจ้านิกายเรียกท่านไปห้องโถงใหญ่”

 

ฉู่ฉาวอวิ๋นมองไปที่หญิงสาวและเผยรอยยิ้มอบอุ่น เขาพยักหน้าเล็กน้อยและตามนางลงไป

 

อีกครึ่งเดือนผ่านไปและมีข่าวชิ้นใหญ่ถูกปล่อยออกมา เซี่ยวเฉินเก็บเหรียญทองจํานวนยี่สิบล้านไว้ในคฤหาสน์หิมะล่องลอย ถ้ามีใครสังหารสานุศิษย์ตระกูลชั้นสูง พวกเขาสามารถไปยังคฤหาสน์หิมะล่องลอยเพื่อขอรับหนึ่งพันเหรียญทอง บุคคลระดับยิ่งสูงถูกสังหารเท่าไร รางวัลก็จะมากยิ่งขึ้น

 

หากเขาสังหารผู้สืบทอดหรือบุคคลที่มีสถานะคล้ายคลึงกัน เขาก็จะได้รับห้าล้านเหรียญทองและหินจิตวิญญาณระดับกลาง

 

ข่าวนี้มาพร้อมกับเซี่ยวเฉินที่ประกาศต่อตระกูลชั้นสูง “หลังจากนี้สามปี ข้าจะสังหารเหล่าตระกูลชั้นสูงเบื้องหน้า ข้าที่ตั้งค่าหัวให้กับข้านี่เป็นคําสัญญาที่ข้าจะปฏิบัติตาม แน่นอน!”

 

คฤหาสน์หิมะล่อยลอยเป็นสมาคมนักฆ่าที่กระจายอยู่ทั่วทั้งทวีป นอกเหนือจากมือสังหารของสมาคม ผู้บ่มเพาะพลังสามารถไปรับภารกิจหรือตั้งภารกิจได้ที่คฤหาสน์

 

ตั้งแต่อาณาจักรต้าฉินถูกก่อตั้ง คฤหาสน์หิมล่องลอยมิเคยรับภารกิจที่ใหญ่ขนาดนี้ ไม่เพียงแค่ยี่สิบล้านเหรียญทองเท่านั้น แต่มันยังมีหินจิตวิญญาณระดับกลางที่หายาก มันเป็นการยากสําหรับคนผู้หนึ่งในการครอบครอง 

 

เมื่อข่าวแพร่สะพัดไปทั้งอาณาจักร ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะมีใครบางคนที่กล้าท้าทายเหล่าตระกูลชั้นสูงในเวลานี้ เหล่าตระกูลชั้นสูงดํารงมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์เทียนหวี่ พวกเขา มีสายเลือกที่ตกทอดกันมาหรือจิตวิญญาณยุทธบางส่วนในตระกูลเหล่านี้ถึงขนาดที่ดํารงอยู่มาเป็นหมื่นๆปี

 

ความแข็งแกร่งของพวกเขาน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง ถึงอย่างนั้นผู้เชี่ยวชาญยุทธระดับสูงอันต้อยต่ำก็ยังกล้าที่จะท้าทายพวกเขา เรื่องนี้ทําให้ผู้คนรู้สึกว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว

 

แคว้นตงหมิง เมืองตงหมิง ที่นี่เป็นหัวใจของทั่วทั้งแคว้นตงหมิง แถมยังเป็นเมืองที่คึกคักที่สุดในอาณาจักรต้าฉิน บนถนนเต็มไปด้วยเสียงของหม้อน้ำที่กําลังเดือด เป็นเสียงของผู้คนที่กําลังเร่ขายของใช้ลงบนใบหูของผู้คน

 

เซี่ยวเฉินแปลงกายเป็นชายหนุ่มธรรมดาผู้หนึ่ง กําลังเดินไปบนถนนสายหลักอย่างเชื่องช้า

 

ใช้เวลาหนึ่งเดือนเต็ม นอกจากเดินทางไปคฤหาสน์หิมะล่องลอย เขาก็ฝึกฝนคาถาเปลี่ยนรูปลักษณ์ หลังจากฝึกมาทั้งเดือน ในที่สุดเขาก็มาถึงจุดที่จะไม่กลับไปเป็นรูปลักษณ์เดิมในขณะที่กําลังใช้พลังปราณ

 

เส้นทางที่จะไปศาลากระบี่สวรรค์ในแคว้นซีเหอจากแคว้นตงหมิงคือการเดินทางผ่านท้องนภา นอกจากนี้สถานีขนส่งที่มีเที่ยวบินไปยังแคว้นซีเหอก็มีเพียงในเมืองตงหมิงแห่งแคว้นตงหมิง

 

เซียวเฉินสามารถใช้เรือสงครามเงินในการเดินทาง ความเร็วของมันไม่ได้ช้าไปกว่าสัตว์อสูรวิญญาณปีกของสถานีขนส่ง อย่างไรก็ตามมันมีปัญหาหนึ่งที่น่ากระอักกระอ่วนมากอยู่ คือเซี่ยวเฉินไม่รู้เส้นทาง แถมมันยังไม่มีป้ายบอกทางบนท้องฟ้าอีก

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 132 ข้าช่างรวยนัก โคตรจะรวย

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 132 ข้าช่างรวยนัก โคตรจะรวย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่ 132 ข้าช่างรวยนัก โคตรจะรวย

 

ท่ามกลางความวุ่นวาย เซี่ยวเฉินปล่อยสัมผัสจิตวิญญาณออกไปและเลิกสนใจผู้บ่มเพาะที่กําลังหนี เขากําลังค้นหาคลังสมบัติลับของตระกูลเจียง

 

มีเสียงต่อสู้มาจากศาลาทางด้านตะวันตกของบ้านตระกูลเจียง บางครั้งก็จะมีใครบางคนวิ่งออกไปพร้อมกับกองสมบัติขนาดใหญ่ที่กําลังหนีออกจากบ้านตระกูลเจียง

 

ในช่วงเวลาวิกฤต ผู้บ่มเพาะของตระกูลเจียงก็กลายมาเป็นวุ่นวาย เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นสถานที่อยู่ของคลังสมบัติลับ

 

เซี่ยวเฉินหัวเราะเบาๆขณะที่ยืนอยู่บนหลังของราชันย์สิงโตทองคําและพุ่งออกไป สายลมหนาวเย็นพัดผ่าน; เส้นผมที่เปื้อนเลือดของเขาโบกพัดไปมา เขาทําลายกําแพงและศาลาจํานวนมากในทางที่เขาผ่านไปและทิ้งซากปรักหักพังไว้เบื้องหลัง

 

ผู้บ่มเพาะพลังตระกูลเจียงตกใจเมื่อได้เห็นเซี่ยวเฉินแจ่มชัด ก่อนที่เซียวเฉินจะได้เข้ามาใกล้พวกเขาก็หนีไป

 

เซี่ยวเฉินกระโดดลงมาและสั่งให้ราชันย์สิงโตทองคําพุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นเขาก็ไม่ได้ไปสนใจอีก หลังจากใช้ราชันย์สิงโตทองคํา รูปสลักมันก็จะแตกในทันที ไม่มีทางที่จะเก็บรักษามันไว้ได้

 

เขาเดินเข้าไปในคลังสมบัติและกลืนเม็ดยาฟื้นฟูฉีอีกหนึ่งเม็ด เซี่ยวเฉินกระจายสัมผัสจิตวิญญาณออกมา และทุกสิ่งที่อยู่ในระยะก็ปรากฏในจิตใจของเขามีห้องลับอยู่ข้างใต้ ของคลังสมบัติและมันก็ดึงดูดความสนใจของเซี่ยวเฉิน

 

ด้วยการใช้สัมผัสจิตวิญญาณ เซี่ยวเฉินสํารวจทางลับและกับดับมากมาย เขาเร่งไปห้องลับที่อยู่ข้างใต้มีหินขนาดใหญ่กั้นทางเข้าไว้ เห็นได้ชัดว่ามันมีการซ่อนกลไกเพื่อที่จะเปิ ดมัน

 

หินหนาประมาณ 66 เซนติเมตร เซี่ยวเฉินขี้เกียจที่จะหากลไกลับ เขาควบแน่นเปลวเพลิงสีม่วงบนนิ้ว เปลวเพลิงสีม่วงหมุนวนอย่างต่อเนื่อง ทุกรอบที่มันหมุนพลังปราณในร่างกายของเซี่ยวเฉินก็จะลดไปอย่างรวดเร็ว

 

“ทะลวง!”

 

เซี่ยวเฉินคํารามอย่างเบา และยิ่งเปลวเพลิงอัสนีม่วงแท้จริงที่กําลังหมุนอยู่ออกไป มันทิ้งไว้เพียงประกายหางเพลิง ในขณะที่บินผ่านอากาศมันพุ่งชนเข้ากับหินจนเกิดเสียงดัง รูขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนหินใหญ่ รอยแตกยังคงกระจายออกจากรูอย่างต่อเนื่อง

 

เปลวเพลิงอัสนีม่วงแท้จริงถูกทําให้สงบโดยเซี่ยวเฉินในเวลาไม่นาน พลังทะลุทะลวงของมันรุนแรงกว่าก่อนหน้านี้ เมื่อเห็นรูที่อยู่ในหิน เซี่ยวเฉินยกขาขึ้นเตะหินออกไปจนทําให้แตกเป็นชิ้นๆ

 

เซี่ยวเฉินเข้าไปในห้องลับทันที พื้นดินถูกปูด้วยแผ่นไม้เป็นแถว เขาเปิดกล่องหนึ่งโดยไม่ตั้งใจและแสงสีทองก็ประกายออกมา ทองคํา, เงิน, ไข่มุก, และหยก มีอยู่เต็มในกล่อง

 

เซี่ยวเฉินยิ้มเล็กน้อยและกวาดทุกอย่างเข้าไปในแหวน ห้วงจักรวาลมีทั้งหมดยี่สิบกล่องที่เต็มไปด้วยสมบัติ เขาไม่ทิ้งอะไรไว้เบื้องหลัง

 

จากนั้นเขาก็หันไปสนใจชั้นวางที่อยู่ทั้งสองด้าน สิ่งที่อยู่บนชั้นวางถูกจัดเป็นระเบียบ ชั้นวางที่หนึ่งมียาโอสถ หนึ่งอาวุธจิตวิญญาณ ทักษะต่อสู้ หนึ่งชุดเกราะ

 

ในที่สุด ชั้นวางสุดท้ายเตี๋ยวเฉินก็ได้เห็นหินจิตวิญญาณระดับต่ำ มันมีอย่างน้อยสองร้อยก้อน ด้านบนของหินจิตวิญญาณยังมีลูกศรปราณแสงอย่างน้อยร้อยชิ้น

 

ความยินดีแปะอยู่เต็มใบหน้าของเซี่ยวเฉิน เขาขี้เกียจที่จะนับทุกอย่าง เขาเพียงแค่กวาดทุกอย่างเข้าไปในแหวน ห้วงจักรวาลอย่างวุ่นวาย ถึงอย่างนั้นเซี่ยวเฉินก็ยังต้องใช้เวลากว่าสิบนาทีกว่าจะกวาดล้างของทั้งหมด

 

“ฟึ่บ!” ก่อนที่เซียวเฉินจะจากไปเขาก็เผาทุกอย่างก่อนที่จะล่าถอยไป

 

ราชันย์สิงโตทองคําพุ่งเข้าทําลายทุกสิ่งในบ้านตระกูลเจียง เปลวเพลิงล่องลอยไปทั่วทุกหนแห่งราชันย์สิงโตทองคําที่บ้าคลั่งเป็นดั่งเครื่องจักรขนาดยักษ์ที่ทํางานเกิดขีดจํากัด มันห่อหุ้มบ้านตระกูลเจียงด้วยความวุ่นวายและเพลิงที่โหมกระหน่ำ

 

เซี่ยวเฉินมองไปในระยะไกล มีเรือสี่ลําที่กําลังบินไปอย่างรวดเร็ว เหล่าตระกูลชั้นสูงได้รับข่าวและตอนนี้กําลังเร่งเข้ามา

 

เซี่ยวเฉินยิ้มเล็กน้อยและเรือสงครามเงินก็ลอยออกมาจากตาขวา เขากระโดดอย่างนุ่มนวลไปยังหัวเรือ และกลายเป็นแสงแฟลชสีเงินหายไปอย่างรวดเร็ว

 

ไม่นานหลังจากเซี่ยวเฉินจากไป เรือสงครามสีดําก็จอดอยู่หน้าบ้านตระกูลเจียง เมื่อผู้นําตระกูลเจียง เจียงหมิงชุนเห็นเพลิงที่กําลังลุกไหม้โหมกระหน่ำและเศษซากบ้านตระกูลเจียง ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นโศกเศร้า ความไม่อยากจะเชื่อปรากฏอยู่ในสายตาของเขา

 

เจียงหมิงชุนหน้าซีดขณะพูด “ข้าทําผิดต่อบรรพบุรุษ รากฐานที่สร้างมาหลายร้อยปีได้หายไปหมดสิ้นแล้ว” 

 

“ผู้นําตระกูล รีบไปตรวจสอบคลังสมบัติลับเถอะ ต ราบใดที่มีความมั่งคั่งตระกูลเจียงที่อยู่มาหลายร้อยปีก็ยังค งอยู่ เราจะกลับมาผงาดอีกครั้ง” ผู้อาวุโสที่อุทิศตรให้ตระกูลกล่าวออกมาจากด้านหลังของเขา

 

เจียงหมิงชุนตอบสนองและกล่าวเสียงดัง “ถูกต้อง ถูกต้อง. ยังเหลือคลังสมบัติลับอยู่ รากฐานที่สะสมมาหลายร้อยปี ของตระกูลเจียงอยู่ในนั้น ที่นั่นมีอยู่หลายพันเหรียญทอง และยาโอสถนับไม่ถ้วน อาวุธจิตวิญญาณ และชุดเกราะ เราจะผงาดขึ้นมาได้อย่างแน่นอน”

 

ดูเหมือนว่าเขาจะได้พบความหวังสุดท้าย เขานาคนที่อยู่เบื้องหลังและรีบตรงไปที่คลังสมบัติลับ

 

จีฉางคงมองไปยังเรือสีเงินขนาดเล็กที่อยู่ในระยะไกลจาก เรือสงครามสีดําโดยปราศจากท่าทาง เขากล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว “ไล่ตามมันไป! ไม่ต้องประหยัดจิตหินวิญญาณ!”

 

เรือสงครามดําหายไปดั่งวิญญาณ ข้างหน้านั้นที่ข้างหน้านั้น วิหคน้ำแข็งที่ถูกควบคุมโดยพระราชวังน้ำแข็งลึกล้ำของตระกูลต้วนมู่ร้องเสียงดังและไล่ตามเซี่ยวเฉินไปอย่างรวดเร็ว

 

ผู้บ่มเพาะกลุ่มใหญ่รวมตัวกันด้านหน้าของบ้านตระกูลเจียง พวกเขามองดูบ้านตระกูลเจียงถูกเผาอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง และทุกคนก็มีความคิดเดียวเท่านั้น ตระกูลเจียงจบสิ้นแล้ว มันถูกทําลายโดยสมบูรณ์โดยผู้เชี่ยวชาญยุทธระดับสิ่ง

 

“ตระกูลเจียงขนาดใหญ่ถูกทําลายลงอย่างแท้จริงโดยผู้เชี่ยวชาญยุทธระดับสูงผู้เดียว น่าเหลือเชื่ออะไรเช่นนี้!”

 

“จริงที่สุด! เซี่ยวเฉินผู้นี้เด็ดเดี่ยวมาก เขาใช้ประโยชน์ในช่วงที่ขอบเขตนักบุญไม่อยู่สังหารทุกสิ่งที่ขวางเส้นทางเขา ความกล้าหาญของเขาทําให้ข้าหมดคําพูดทีเดียว”

 

“เจ้าคิดว่าตระกูลเจียงยังสามารถผงาดขึ้นมาจากกองเถ้าได้หรือไม่?”

 

“เป็นไปไม่ได้ หลายปีที่ผ่านมาตระกูลเจียงทําให้หลายคนอุ่นเคือง พวกเขาได้สูญเสียปรมาจารย์ยุทธไปมากมายใน ซากโบราณ แถมตอนนี้รากฐานยังถูกทําลายอีก อาจจะกล่าวได้ว่าพวกเขาจบสิ้นอย่างสมบูรณ์”

 

“ดีมาก ตอนที่เจ้าสวะลูกชายของมันมีชีวิตอยู่ มันสร้างความลําบากมากมายให้แก่ผู้เฒ่าผู้นี้”

 

ฝูงชนพากันพูดถึงสิ่งที่ตระกูลเจียงทําลงไป ผู้ที่ยิ่งใหญ่อยู่ในเมืองไปสุ่ยมาหลายร้อยปี ถูกทําลายลงภายในวันเดียวบางคนรู้สึกว่าช่างน่าสังเวช แต่ผู้คนส่วนใหญ่ในนั้นมีความยินดีเต็มอยู่ในหัวใจพวกเขา ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น

 

“หาย! หายไปหมด…!” เจียงหมิงชุนพูดออกมาไม่หยุดด้วยความบ้าคลั่ง เขาเห็นเพียงแต่พื้นที่ว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยขี้เถ้า มันไม่มีห้องลับอีกต่อไปแล้ว

 

เซี่ยวเฉินกําลังขี่เรือสงครามสีเงินอยู่บนท้องนภา เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วผ่านกลุ่มเมฆ เขารวดเร็วดังสายฟ้า ฟาด ทะลุเมฆไปราวกับประกายแสง

 

เซี่ยวเฉินยืนอยู่บนหัวเรือ เส้นผมของเขาพัดไหวไปตามสายลมอันเชี่ยวกราด เซี่ยวเฉินหันหัวกลับไปข้างหลังมองไปที่พระราชวังน้ําแข็งลึกล้ำที่กําลังไล่ตามมา เขายิ้มเล็กน้อย และเก็บเรือสงครามสีเงินกลับไปในดวงตา จากนั้นเขาก็ล่วงหล่นจากนภา

 

เซี่ยวเฉินกลายเป็นดาวตกและลงจอดที่พื้นด้วยแรงระเบิดหลังจากนั้นไม่นาน เขาหายตัวไปจากสายตาหรือการรับรู้ ของพระราชวังน้ำแข็งลึกล้ำ

 

ครึ่งเดือนต่อมา เซี่ยวเฉินถูกตระกูลชั้นสูงตั้งค่าหัวเพิ่มเป็นสองเท่า เมื่อข่าวถูกปล่อยออกมาเกิดความโกลาหลขึ้นทุกที่ ทันใดนั้น ทุกผู้คนในอาณาจักรต้าฉันก็ได้รู้จักชื่อ “เซี่ยวเฉิน

 

เซี่ยวเฉินกลายมาเป็นหัวข้อสนทนาในโต๊ะอาหารค่ำ ทุกคนพูดถึงตัวตนของเซี่ยวเฉิน มีเรื่องราวหลากหลายรูปแบบที่เขาสร้างความขุ่นเคืองให้กับตระกูลชั้นสูง

 

ภายในศาลาหลับไหล จินต้าเป่าสาปแช่งออกมา “ดุร้าย อะไรเยี่ยงนี้! แม้แต่นายท่านหมูผู้นี้ก็ยังกล้าเถือนเนื้อเนื้อ แขนเหล่าตระกูลชั้นสูงเป็นครั้งคราว แต่สหายผู้นี้กลับทําลายสิ้นตระกูลเจียง”

 

ข้ารับใช้ผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาโดยถือหนังสือสัญญาเอาไว้ เขายิ้มให้จินต้าเป่าและกล่าว “นายน้อยที่ดินของตระกูลเจียง ถูกโอนมาทั้งหมดแล้ว แถมท่านเจ้าเมืองก็ได้ทําการลงตราประทับแล้ว”

 

ข้ารับใช้ผู้นี้ประหลาดใจที่นายอ้วนผู้นี้ไม่เผยรอยยิ้มเย่อหยิ่งออกมา เขาหยิบหนังสือสัญญาออกมาและกล่าว “สิ่งนี้มันไร้ความหมาย ไม่มีอะไรที่น่าท้าทายอีกแล้ว นี่เป็นการพ่ายแพ้ที่เกินยิ่งกว่าระดับปกติ”

 

ข้ารับใช้ไม่เข้าใจและถามออกมา “เป็นเช่นไร? นายน้อยท่านไม่จําเป็นต้องใช้อะไรเพื่อซื้อโรงแรมและโรงงานเหล่านี้เลย”

 

เจ้าหมูสาปแช่งออกมา “เจ้าจะไปรู้อะไร? สหายผู้นั้นเป็นผู้ที่นําสิ่งที่ดีเข้ามา ทั้งเงินและทองคํา แค่คิดก็ทําให้ใจของข้าสลายแล้ว ถ้านายท่านหมผู้นี้รู้ ข้าก็จะลงมือด้วยตนเอง”

 

ภายในเทือกเขานิกายดาบเงาหมอก ฉู่ฉาวอวิ๋นยืนอยู่บนยอดเขา เมื่อเขาได้ยินข่าว เขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย สายลมพัดอันอ่อนโยนและเสื้อผ้าที่โบกสะบัดมันทําให้เขาดูสง่างามและหล่อเหลาเป็นอย่างมาก

 

หญิงสาวที่ดูสง่างามและบอบบางที่มีดาบสะพายอยู่เบื้อง หลังกระโดดขึ้นมาจากด้านใต้ภูเขา เธอคล่องแคล่วว่องไวดั่งผีเสื้อที่เต้นระบํา ในไม่ช้าเธอก็มาอยู่เบื้องหน้าของฉู่ฉาวอวิ๋น “ศิษย์พี่ ท่านเจ้านิกายเรียกท่านไปห้องโถงใหญ่”

 

ฉู่ฉาวอวิ๋นมองไปที่หญิงสาวและเผยรอยยิ้มอบอุ่น เขาพยักหน้าเล็กน้อยและตามนางลงไป

 

อีกครึ่งเดือนผ่านไปและมีข่าวชิ้นใหญ่ถูกปล่อยออกมา เซี่ยวเฉินเก็บเหรียญทองจํานวนยี่สิบล้านไว้ในคฤหาสน์หิมะล่องลอย ถ้ามีใครสังหารสานุศิษย์ตระกูลชั้นสูง พวกเขาสามารถไปยังคฤหาสน์หิมะล่องลอยเพื่อขอรับหนึ่งพันเหรียญทอง บุคคลระดับยิ่งสูงถูกสังหารเท่าไร รางวัลก็จะมากยิ่งขึ้น

 

หากเขาสังหารผู้สืบทอดหรือบุคคลที่มีสถานะคล้ายคลึงกัน เขาก็จะได้รับห้าล้านเหรียญทองและหินจิตวิญญาณระดับกลาง

 

ข่าวนี้มาพร้อมกับเซี่ยวเฉินที่ประกาศต่อตระกูลชั้นสูง “หลังจากนี้สามปี ข้าจะสังหารเหล่าตระกูลชั้นสูงเบื้องหน้า ข้าที่ตั้งค่าหัวให้กับข้านี่เป็นคําสัญญาที่ข้าจะปฏิบัติตาม แน่นอน!”

 

คฤหาสน์หิมะล่อยลอยเป็นสมาคมนักฆ่าที่กระจายอยู่ทั่วทั้งทวีป นอกเหนือจากมือสังหารของสมาคม ผู้บ่มเพาะพลังสามารถไปรับภารกิจหรือตั้งภารกิจได้ที่คฤหาสน์

 

ตั้งแต่อาณาจักรต้าฉินถูกก่อตั้ง คฤหาสน์หิมล่องลอยมิเคยรับภารกิจที่ใหญ่ขนาดนี้ ไม่เพียงแค่ยี่สิบล้านเหรียญทองเท่านั้น แต่มันยังมีหินจิตวิญญาณระดับกลางที่หายาก มันเป็นการยากสําหรับคนผู้หนึ่งในการครอบครอง 

 

เมื่อข่าวแพร่สะพัดไปทั้งอาณาจักร ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะมีใครบางคนที่กล้าท้าทายเหล่าตระกูลชั้นสูงในเวลานี้ เหล่าตระกูลชั้นสูงดํารงมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์เทียนหวี่ พวกเขา มีสายเลือกที่ตกทอดกันมาหรือจิตวิญญาณยุทธบางส่วนในตระกูลเหล่านี้ถึงขนาดที่ดํารงอยู่มาเป็นหมื่นๆปี

 

ความแข็งแกร่งของพวกเขาน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง ถึงอย่างนั้นผู้เชี่ยวชาญยุทธระดับสูงอันต้อยต่ำก็ยังกล้าที่จะท้าทายพวกเขา เรื่องนี้ทําให้ผู้คนรู้สึกว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว

 

แคว้นตงหมิง เมืองตงหมิง ที่นี่เป็นหัวใจของทั่วทั้งแคว้นตงหมิง แถมยังเป็นเมืองที่คึกคักที่สุดในอาณาจักรต้าฉิน บนถนนเต็มไปด้วยเสียงของหม้อน้ำที่กําลังเดือด เป็นเสียงของผู้คนที่กําลังเร่ขายของใช้ลงบนใบหูของผู้คน

 

เซี่ยวเฉินแปลงกายเป็นชายหนุ่มธรรมดาผู้หนึ่ง กําลังเดินไปบนถนนสายหลักอย่างเชื่องช้า

 

ใช้เวลาหนึ่งเดือนเต็ม นอกจากเดินทางไปคฤหาสน์หิมะล่องลอย เขาก็ฝึกฝนคาถาเปลี่ยนรูปลักษณ์ หลังจากฝึกมาทั้งเดือน ในที่สุดเขาก็มาถึงจุดที่จะไม่กลับไปเป็นรูปลักษณ์เดิมในขณะที่กําลังใช้พลังปราณ

 

เส้นทางที่จะไปศาลากระบี่สวรรค์ในแคว้นซีเหอจากแคว้นตงหมิงคือการเดินทางผ่านท้องนภา นอกจากนี้สถานีขนส่งที่มีเที่ยวบินไปยังแคว้นซีเหอก็มีเพียงในเมืองตงหมิงแห่งแคว้นตงหมิง

 

เซียวเฉินสามารถใช้เรือสงครามเงินในการเดินทาง ความเร็วของมันไม่ได้ช้าไปกว่าสัตว์อสูรวิญญาณปีกของสถานีขนส่ง อย่างไรก็ตามมันมีปัญหาหนึ่งที่น่ากระอักกระอ่วนมากอยู่ คือเซี่ยวเฉินไม่รู้เส้นทาง แถมมันยังไม่มีป้ายบอกทางบนท้องฟ้าอีก

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+