Immortal and Martial Dual Cultivation 371 สิทธิ์ที่จะโอ้อวด

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 371 สิทธิ์ที่จะโอ้อวด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 371 สิทธิ์ที่จะโอ้อวด

ก่อนหน้านี้ เซี่ยวเฉินได้ปฏิเสธจินอูจี๋ ในใจของจินอูจี๋,เขาหวังว่าไปสุ่ยเหิงจะสั่งสอนเซี่ยวเฉิน

แต่อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินเป็นสหายของซูเสียวเสี่ยว นอกจากนั้น,เยว่เฉินซียังนั่งอยู่ตาของเขา ณ จุดนี้,หากเขาออกตัวอย่างเถรตรง,เขาอาจจะถูกอีกฝ่ายสังเกตเห็น

อย่างไรก็ตาม, เซี่ยวเฉินเมินเฉยคําของเขาไปเสียสนิท เขามองเห็นกระแสไฟฟ้าสีม่วงบางๆปรากฏขึ้นลบตัวของผู้ที่มาทักทายเขาและตื่นเต้นขึ้นมาในทันที

อีกฝ่ายเป็นมือดาบที่บรรลุถึงสภาวะแห่งสายฟ้า เซียวเฉินยืนขึ้นและมองไปยังไปสู่ยเหิง เขากล่าวขึ้น “ข้ารับคําท้า!”

สภาวะแห่งสายฟ้าเป็นสภาวะที่บรรลได้ยากเย็นที่สุด มันมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดเมื่อเทียบกับสภาวะพลังงานอื่นๆ

สภาวะแห่งสายฟ้าไม่ได้มีลูกเล่นมากมาย มันพึ่งพาพลังโจมตีที่บริสุทธิ์และบ้าคลั่ง นี่เป็นการโจมตีที่บริสุทธิ์ที่สุดแห่งเต๋สวรรค์

ตั้งแต่ที่เซียวเฉินสําเร็จสภาวะแห่งสายฟ้า,เขาไม่เคยปะมือกับผู้บ่มเพาะพลังคนใดที่สําเร็จสภาวะแห่งสายฟ้าเช่นเดียวกัน ดังนั้น,ไป๋สู่ยเหิงจึงทําให้เขาเกิดความสนใจ

ไปสู่ยเหิงกล่าวอย่างเฉยเมย “ปากของเจ้าเต็มไปด้วยคําโอ้อวดหรูหรา ข้าอยากจะเห็นว่าเจ้า มีความแข็งแกร่งถึงเพียงใด อย่าได้กล่าวหาว่าข้าใช้ขอบเขตพลังข่มเหงเจ้า วางใจได้; ข้าจะใช้พ ลังเพียงห้าสิบเปอร์เซ็นต่อสู้กับเจ้า”

เซี่ยวเฉินถือกระบี่เงาจันทร์เอาไว้ในมือและเดินตรงไปยังพื้นที่ว่าง เขากล่าวขึ้นอย่างเฉยเมย “ไม่จําเป็น เข้ามาซะ”

“ดี! ข้าอยากจะเห็นว่าเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาโอ้อวด!”

“บูม!”

แสงไฟฟ้ากระพริบไหว,และไปสู่ยเหิงชักดาบของเขาออกมาอย่างรวดเร็ว เสียงฟ้าร้องคําราม ในพื้นที่,ทําให้แก้วหูของเหล่าผู้ชมสั่นสะเทือน

ในมือของไป๋สู่ยเหิง,ดาบของเขาเราก็เป็นเส้นสายฟ้าขณะที่เขาชักมันออกมามันดูรุ่งโรจน์ยังไม่น่าเชื่อ

ไป๋สู่ยเหิงเลื่อนผ่านระยะหนึ่งร้อยเมตรภายในก้าวเดียว เขาส่งด่านที่เจิดจ้าด้วยแสงกระแสไฟฟ้าตรงไปที่หัวของเซี่ยวเฉิน

ดาบเล่มนี้แบกความเร็วและความบ้าคลั่งโดยธรรมชาติของสายฟ้า ก่อนที่ดาบจะไปถึงมันก็เกิดเป็นสายลมรุนแรง

นี่ทําให้ผมของผู้คนที่อยู่ด้านหลังของเซียวเฉินปลิวไหว พวกเขาช่วยไม่ได้ที่จะต้องหรี่ตาลง

ช่างเป็นดาบที่ทรงพลัง หลังจากที่ไม่ได้พบไป๋สู่ยเหิงมาเป็นเวลาสองสามปี,ความแข็งแกร่งของเขาเติบโตขึ้นอีกครั้ง คนพวกนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าโฉวหลิงเหิง

ในตอนที่ผู้ชมมองเห็นสายลมที่รวดเร็วและดาบที่น่าตกตะลึง,พวกเขาต่างอุทานขึ้นในใจของพวกเขา

สีหน้าของเซี่ยวเฉินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ในตอนที่ดาบอยู่ห่างออกไปจากตัวเขาประมาณห้าเมตร,เขาใช้มือขวาชักกระบี่เงาจันทร์ออกมาด้วยความรวดเร็ว

“เคร้ง!”

เสียงอาวุธกระทบกันดังไพเราะออกมา คนส่วนใหญ่ไม่อาจมองเห็นว่าเซียวเฉินชักกระบออก มาได้อย่างไร ในตอนที่พวกเขาได้ยินเสียงเหล็กกระทบ,ไป๋สู่ยเหิงก็ถอยหลังออกไปห้าก้าวแล้ว เขามีสีหน้าร้ายแรง

“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าหมอนั่นชักกระบออกมาตอนไหน? ข้ามองไม่เห็น”

“น่าแปลก,ตาก็มองไม่เห็นเช่นกัน ในจังหวะที่ได้ยินเสียงกระทบ,ไป๋สู่ยเหิง ก็ก้าวถอยกลับไปแล้ว”

จากหนึ่งร้อยคนที่อยู่บนชั้นสี่, มีน้อยกว่าสิบคนที่เห็นว่าเขาชักกระบออกมาได้อย่างไร

เซี่ยวเฉินชักกระบี่ที่หลังแต่ซัดออกไปก่อน ความเร็วของเขาขึ้นไปถึงสองมัคในทันที เขาใช้สภาวะแห่งสายฟ้าจี้เข้าที่จุดอ่อนในทักษะดาบของคู่ต่อสู้,ทําลายกระบวนท่าของผู้ต่อสู้ลงในทัน

ความตกตะลึงเติมเต็มใบหน้าของจินอจี้ เขาพึมพํา “เป็นสภาวะแห่งสายฟ้าที่แข็งแกร่งอะไรเช่นนี้ เห็นชัดว่าเขาสําเร็จไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น,แต่มันแข็งแกร่งกว่าของไปสู่ยเหิงไปหลายเท่า คนผู้นี้ได้บ่มเพาะทักษะบ่มเพาะธาตุสายฟ้าระดับสูง

เยว่เฉินซีกว่าขึ้นเบาๆ “คนผู้นี้คือใคร? นายน้อยจนรู้จักหรือไม่?”

จินอูจี๋นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดว่าเยว่เฉินซีจะสนใจในตัวคนผู้นี้ ความเย็นชาวบไหวในดวงตาของเขาพร้อมกับกล่าวขึ้นเบาๆ “ข้าไม่รู้จัก แม่นางเสี่ยวเสี่ยวเป็นคนพาเข้ามา”

เยว่เฉินซีกล่าว “โอ้,มาชมกันต่อเถอะ!”

เซียวเฉินมองไปยังไปสู่ยเหิงและกล่าวอย่างเฉยเมย “ใช้เต็มพลังของเจ้าซะ สภาวะของเจ้าเทียบกับข้าไม่ได้ เจ้าสามารถใช้ความได้เปรียบในด้านพลังปราณในการปะมือกับข้า มิฉะนั้น,เจ้าจะพ่ายแพ้ภายในสิบกระบวณท่า

เมื่อคนอื่นๆได้ยินเซี่ยวเฉินกล่าวว่าที่น่าตกตะลึงออกมาในที่ท่านิ่งสงบ,พวกเขารู้สึกหวั่นไหว

ในตอนที่เซี่ยวเฉินกล่าวออก,มันไม่รู้สึกว่าไม่เหมาะสม น้ําเสียงของเขานิ่งสงเป็นธรรมชาติราวกับกําลังกล่าวความจริง

ดูจากความมั่นใจของเซี่ยวเฉิน,คนเหล่านี้ตระหนักได้แล้วว่าเขาไม่ใช่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงทั่วไป

“โอหัง อย่าได้กล่าวราวกับว่าข้าได้พ่ายแพ้ไปแล้ว ดาบเมฆาอัสนี!” ไปสู่ยเหิงยิ้มอย่างเย็ฯชาและพุ่งตรงเข้าไปอีกครั้ง

เมฆาอัสนีปรากฏขึ้นรอบกายของไปสัยเหิง กระแสไฟฟ้าอันไร้ขอบเขตวูบไหวท่ามกลางหมู่เมฆมีกระแสไฟฟ้าล้อมรอบกายของเขา

ขณะที่เมฆาอัสนีก่าลังหมุนวน,กระแสพลังของเขาเร่งขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนราวกับดาบสมบัติที่เฉียบคม,รอคอยที่จะถูกชักออกมา

ในตอนที่ผู้คนรู้สึกได้ถึงพลังของดาบเล่มนี้ พวกเขามั่นใจในไปสู่ยเหิง ไม่ว่าสภาวะของเขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด,ขอบเขตนักบุญขั้นสูงไม่อาจหลบดาบนี้ไปได้

“สับ!”

แสงดาบวูบผ่าน,และไปสู่ยเหิงปรากฎตัวออกมาจากเมฆาอัสนี,เคลื่อนไหวไปราวกับเส้นสายฟ้า

“เคร้ง!”

มีเสียงอาวุธกระทบเกิดขึ้นอีกครั้ง ผู้ชมส่วนใหญ่ไม่เห็นว่าเซี่ยวเฉินเคลื่อนไหวอะไรในจังหวะ ที่พวกเขาได้ยินเสียง,ไป๋สู่ยเหองก็ถูกส่งลอยกลับไปแล้ว

มันเป็นอย่างรู้สึกที่แปลกประหลาดยิ่งมันเห็นชัดว่าเกิดอะไรขึ้นตรงหน้าของพวกเขา,แต่พวกเขาสามารถมองเห็นได้หลังจากที่พวกเขาได้ยินเสียง

จินอู๋จี้พึมพํา “คนส่วนใหญ่สามารเร่งความเร็วได้ถึง 2 มัคอย่างช้าๆ มันยากเกินไปที่จะเร่งความเร็วถึงระดับนั้นได้ในทันทีข้าสงสัยว่าเขาทําได้อย่างไร”

ยิ่งเยว่เฉินซีได้มองดูเซียวเฉิน,นางยิ่งเกิดความสนใจ นางกล่าวขึ้นเบาๆ “นี่เป็นเพียงทักษะวา ดกระบี่ธรรมดา อย่างไรก็ตาม,ข้าเห็นไม่บ่อยนักที่จะมีคนฝึกฝนจนไปถึงระดับนี้”

“เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!”

ไป๋สู่ยเหิงออกอีกสามกระบวณท่า,แต่เซียวเฉินทําลานมันลงทั้งหมดในกระบี่เดียว ในแต่ละครั้ง,เซี่ยวเฉินใช้เพียงทักษะวาดกระบี่ที่เกือบจะสมบูรณ์ของเขา เขามักจะพบจุดอ่อนของคู่ต่อสู้

“สภาวะสายฟ้าที่แข็งแกร่งและทักษะกระบี่ที่รวดเร็ว,สมบูรณ์…เขาคือมือกระบี่ชุดขาว,เซี่ยวเฉิน!”

“ต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน เขาสวมชุดขาวพร้อมกระบี่และผ้าคาดเอวสีฟ้าบนหน้าผากของเขาดูจากการแต่งตัวของเขา,จะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน”

ในที่สุด,มีบางคนในฝูงชนคาดเดาตัวตนของเซียวเฉิน อย่างไรก็ตาม มีหลายคนที่ไม่ไม่เคยได้ยินชื่อมือกระบี่ชุดขาวมาก่อน ดังนั้นพวกเขาถึงถามขึ้นเกี่ยวกับมัน

อาณาจักรของบุคคลเหล่านี้อยู่ห่างออกไปจากอาณาจักรตาฉิน เรื่องที่เกิดขึ้นในศาลากระบี่สวรรค์ยังกระจายไปไม่ไกลขนาดนั้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องราวของเซี่ยวเฉิน,ความเหยียดหยามของผู้บ่มเพาะพลังหลายคนจางหายไป,แลสีหน้าของพวกเขากลายเป็นร้านแรง

หากเป็นเรื่องที่เขาล้มต่วนมู่ฉิงและคนอื่นๆ, มันไม่มีอะไร ถึงอย่างไร,ความแข็งแกร่งของคนเหล่านั้นไม่ได้อยู่ระดับชั้นยอด แต่อย่างไรก็ตามในตอนที่พวกเขาได้ยินว่าเซียวเฉินล้มสานุศิษย์ชั้นนอกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดายมันอดไม่ได้ที่พวกเขานะตกตะลึง

จินอจี้ดูเหมือนว่าเขากําลังไตร่ตรองเขาคิดกับตัวเอง,เขาคือมือกระบี่ชุดขาว,เซี่ยวเฉิน ในที่สุดข้าก็ได้พบกับเขาตัวเป็นๆ

“ข้ารับห้ากระบวณท่าของเจ้าได้เวลาที่เจ้าจะรับหนึ่งกระบวณท่าจากข้า”

ไปสู่ยเหิงก้าวถอยเล็กน้อยและรวบรวมกระแสพลังของเขาอย่างต่อเนื่อง เขากล่าวอย่างเฉยเมย “เพียงหนึ่งกระบวณท่า? การป้องกันของข้าเพียงพอที่จะตานทานนับสิบกระบวณท่าจากเจ้า”

แม้ว่าไปสุ่ยเหิงจะได้ลงมือก่อน,ความสนใจของเซียวเฉินลดหายไปอย่างรวดเร็ว;เขามันน่าติดหวัง

แม้ว่าคนผู้นี้จะสําเร็จสภาวะแห่งสายฟ้า,แต่เขาได้เดินไปผิดทางเขาเพียงไล่ตามความแข็งแกร่งของสภาวะแต่ไม่ได้จดจ่อไปกับการหลอมรวมสภาวะเข้ากับทักษะดาบของเขาอย่างสมบูรณ์

ไป๋สู่ยเหิงหยุดหลอมรวมพื้นฐานสภาวะเข้ากับทักษะดาบของเขา หลังจากที่เขาโจมตี,มันดูเหมือนทรงพลัง,กระแสพลังของเขาเปล่งประกายเขาสามารถกดสภาวะที่อยู่ในระดับที่คล้ายกันได้อย่างง่ายดาย,เขาสามารถสังหารสภาวะที่อ่อนแอกว่าเพียงเล็กนแยได้ในทันที

แต่อย่างไรก็ตาม,หากไป๋สู่ยเหิงพบกับผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งกว่าเขา,ปราศจากการหลอมรวมสภาวะเข้ากับทักษะดาบ,กระบวณท่าของเขาเต็มไปด้วยช่องว่าง

นี่เป็นเหตุว่าทําไมเซียวเฉินสามารถทําลายกระบวณท่าของเขาลงได้อย่างง่ายดาย หากเขาปะมือกับคู่ต่อสู้คนอื่น,มันจะยากยิ่งที่จะทาได้เช่นนี้

การแลกเปลี่ยนกระบวณท่าในครั้งนี้ไม่เกิดประโยชน์กับเซี่ยวเฉิน ดังนั้นเขาจึงพยายามจะจบลงให้เร็วที่สุด

“ซี่ ซี่!”

ไป๋สู่ยเหิงใช้กระแสไฟฟ้ารางเป็นโล่หนาสามชั้นรอบตัวของเขา ห่อหุ้มซ้อนทับทีละชั้น

ชั้นสุดท้ายอยู่ติดแน่นกับผิวของไปสู่ยเหิง กระแสไฟฟ้าสีม่วงทําหน้าที่ราวกับชุกเกราะ

“ไปสู่ยเหิงผู้นี้…ปากเขากล่าวว่าไม่เกรงกลัว,แต่ดูสิเขาใช้แม้กระทั่งใบตายประจําตระกูลของเขา ถึงกับใช้การป้องกันสามชั้น” ผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งบางคนเยาะเย้ยเขา

เซี่ยวเฉินจับกระบี่เงาจันทร์เอาไว้แน่น จากนั้น มันกระพริบสลับสีแดงและสีม่วง เซี่ยวเฉินดีดตัวออกเบาๆและใช้มังกรฟ้าเมฆาทะยาน,ส่งกระบี่จู่โจมออกไป

“ปัง! ปัง! ปัง!”

ทักษะกระบี่นี้ที่แบกทั้งสภาวะแห่งสายฟ้าและสภาวะแห่งการฆ่าล้างทะลุเกราะสายฟ้าสามชั้นได้อย่างง่ายดาย

กระบี่ที่มีพลังงานอันพลุ่งพล่าน:มันซัดไปสู่ยเหิงลอยออกไป,ตกลงพื้นอย่างน่าสังเวช

“เขาสามารถล้มไปสู่ยเหิงได้ในกระบี่เดียวชื่อเสียงของมือกระบี่ชุดขาวไม่ได้เกินจริง เขาจัดอยู่ในอันดับต้นๆของคนที่นี่ได้อย่างง่ายดาย

“ยากที่จะจินตนาการว่าเขามาจากอาณาจักรตาฉันการป้องกันของไปสู่ยเหิงไร้ประโยชน์เมื่อเผชิญหน้ากับเขา”

“ความเฉียบคมของกระบี่ช่างน่าตกตะลึงไปสู่ยเหองมันอวดดีเกินไป”

เซี่ยวเฉินล้มไปสู่ยเหองได้ในกระบี่เดียว ผู้คนที่เหยียดหยามเขาเมื่อก่อนหน้านี้พากันเงียบ,พวกเขาไม่กล้าดูแคลนเขาแล้ว

ผู้คนต่างพากันแสดงความคิดเห็นกับการประมือของทั้งสอง พวกเขาประเมินความแข็งแกร่งของเซี่ยวเฉิน

ตามที่เซียวเฉินคาดเอาไว้,เพื่อที่จะได้ความเคารพของพวกเขา,เขาจ่าต้องใช้กระบี่ที่อยู่มนมือนี่เป็นวิธีที่เถรตรงและน่าเชื่อถือที่สุด

เซี่ยวเฉินเผชิญหน้ากับไปสู่ยเหิง ผู้ที่กําลังลุกขึ้นยืน, และค่านับมือของเขา “ขอบคุณที่เบามือกับข้า!”

เซี่ยวเฉินออมแรงเอาไว้ในกระบี่ก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้ฉีดสภาวะเข้าไปในร่างของอีกฝ่าย ดังนั้น,ฝ่ายตรงข้ามจึงมีบาดแผลภายนอกเพียงเล็กน้อย

ไปสุ่นเพิ่งรู้สึกอับอาย;เดิมที่เขาตั้งใจจะช่วยกู้เกียรติของสหาย แต่อย่างไรก็ตาม,เขาถูกล้มในกระบี่เดียว เขาเดินกลับไปยังที่นั่งอย่างเงียบเชียบ

“เขาสําเร็จถึงสภาวะแห่งการฆ่าล้าง ไม่แปลกใจที่เขาสามารถท้าทายผู้ที่มีขอบเขตพลังใกล้เคียงกับเขาได้”

เยว่เฉินซีจ้องมองขณะที่เซียวเฉินกลับมานั่งที่ นางครุ่นคิดกับตัวเอง,น่าเสียดาย,ขอบเขตพลังของเขาต่ําเกินไป นอกจากนั้น,สภาวะแห่งการฆ่าล้างของเขายังไม่สมบูรณ์เท่ากับสภาวะแห่งสายฟ้า

เขาอ่อนแอกว่าที่คาดแต่อย่างไรก็ตาม,ศักยภาพของเขาไม่อาจประเมินได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 371 สิทธิ์ที่จะโอ้อวด

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 371 สิทธิ์ที่จะโอ้อวด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 371 สิทธิ์ที่จะโอ้อวด

ก่อนหน้านี้ เซี่ยวเฉินได้ปฏิเสธจินอูจี๋ ในใจของจินอูจี๋,เขาหวังว่าไปสุ่ยเหิงจะสั่งสอนเซี่ยวเฉิน

แต่อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินเป็นสหายของซูเสียวเสี่ยว นอกจากนั้น,เยว่เฉินซียังนั่งอยู่ตาของเขา ณ จุดนี้,หากเขาออกตัวอย่างเถรตรง,เขาอาจจะถูกอีกฝ่ายสังเกตเห็น

อย่างไรก็ตาม, เซี่ยวเฉินเมินเฉยคําของเขาไปเสียสนิท เขามองเห็นกระแสไฟฟ้าสีม่วงบางๆปรากฏขึ้นลบตัวของผู้ที่มาทักทายเขาและตื่นเต้นขึ้นมาในทันที

อีกฝ่ายเป็นมือดาบที่บรรลุถึงสภาวะแห่งสายฟ้า เซียวเฉินยืนขึ้นและมองไปยังไปสู่ยเหิง เขากล่าวขึ้น “ข้ารับคําท้า!”

สภาวะแห่งสายฟ้าเป็นสภาวะที่บรรลได้ยากเย็นที่สุด มันมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดเมื่อเทียบกับสภาวะพลังงานอื่นๆ

สภาวะแห่งสายฟ้าไม่ได้มีลูกเล่นมากมาย มันพึ่งพาพลังโจมตีที่บริสุทธิ์และบ้าคลั่ง นี่เป็นการโจมตีที่บริสุทธิ์ที่สุดแห่งเต๋สวรรค์

ตั้งแต่ที่เซียวเฉินสําเร็จสภาวะแห่งสายฟ้า,เขาไม่เคยปะมือกับผู้บ่มเพาะพลังคนใดที่สําเร็จสภาวะแห่งสายฟ้าเช่นเดียวกัน ดังนั้น,ไป๋สู่ยเหิงจึงทําให้เขาเกิดความสนใจ

ไปสู่ยเหิงกล่าวอย่างเฉยเมย “ปากของเจ้าเต็มไปด้วยคําโอ้อวดหรูหรา ข้าอยากจะเห็นว่าเจ้า มีความแข็งแกร่งถึงเพียงใด อย่าได้กล่าวหาว่าข้าใช้ขอบเขตพลังข่มเหงเจ้า วางใจได้; ข้าจะใช้พ ลังเพียงห้าสิบเปอร์เซ็นต่อสู้กับเจ้า”

เซี่ยวเฉินถือกระบี่เงาจันทร์เอาไว้ในมือและเดินตรงไปยังพื้นที่ว่าง เขากล่าวขึ้นอย่างเฉยเมย “ไม่จําเป็น เข้ามาซะ”

“ดี! ข้าอยากจะเห็นว่าเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาโอ้อวด!”

“บูม!”

แสงไฟฟ้ากระพริบไหว,และไปสู่ยเหิงชักดาบของเขาออกมาอย่างรวดเร็ว เสียงฟ้าร้องคําราม ในพื้นที่,ทําให้แก้วหูของเหล่าผู้ชมสั่นสะเทือน

ในมือของไป๋สู่ยเหิง,ดาบของเขาเราก็เป็นเส้นสายฟ้าขณะที่เขาชักมันออกมามันดูรุ่งโรจน์ยังไม่น่าเชื่อ

ไป๋สู่ยเหิงเลื่อนผ่านระยะหนึ่งร้อยเมตรภายในก้าวเดียว เขาส่งด่านที่เจิดจ้าด้วยแสงกระแสไฟฟ้าตรงไปที่หัวของเซี่ยวเฉิน

ดาบเล่มนี้แบกความเร็วและความบ้าคลั่งโดยธรรมชาติของสายฟ้า ก่อนที่ดาบจะไปถึงมันก็เกิดเป็นสายลมรุนแรง

นี่ทําให้ผมของผู้คนที่อยู่ด้านหลังของเซียวเฉินปลิวไหว พวกเขาช่วยไม่ได้ที่จะต้องหรี่ตาลง

ช่างเป็นดาบที่ทรงพลัง หลังจากที่ไม่ได้พบไป๋สู่ยเหิงมาเป็นเวลาสองสามปี,ความแข็งแกร่งของเขาเติบโตขึ้นอีกครั้ง คนพวกนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าโฉวหลิงเหิง

ในตอนที่ผู้ชมมองเห็นสายลมที่รวดเร็วและดาบที่น่าตกตะลึง,พวกเขาต่างอุทานขึ้นในใจของพวกเขา

สีหน้าของเซี่ยวเฉินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ในตอนที่ดาบอยู่ห่างออกไปจากตัวเขาประมาณห้าเมตร,เขาใช้มือขวาชักกระบี่เงาจันทร์ออกมาด้วยความรวดเร็ว

“เคร้ง!”

เสียงอาวุธกระทบกันดังไพเราะออกมา คนส่วนใหญ่ไม่อาจมองเห็นว่าเซียวเฉินชักกระบออก มาได้อย่างไร ในตอนที่พวกเขาได้ยินเสียงเหล็กกระทบ,ไป๋สู่ยเหิงก็ถอยหลังออกไปห้าก้าวแล้ว เขามีสีหน้าร้ายแรง

“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าหมอนั่นชักกระบออกมาตอนไหน? ข้ามองไม่เห็น”

“น่าแปลก,ตาก็มองไม่เห็นเช่นกัน ในจังหวะที่ได้ยินเสียงกระทบ,ไป๋สู่ยเหิง ก็ก้าวถอยกลับไปแล้ว”

จากหนึ่งร้อยคนที่อยู่บนชั้นสี่, มีน้อยกว่าสิบคนที่เห็นว่าเขาชักกระบออกมาได้อย่างไร

เซี่ยวเฉินชักกระบี่ที่หลังแต่ซัดออกไปก่อน ความเร็วของเขาขึ้นไปถึงสองมัคในทันที เขาใช้สภาวะแห่งสายฟ้าจี้เข้าที่จุดอ่อนในทักษะดาบของคู่ต่อสู้,ทําลายกระบวนท่าของผู้ต่อสู้ลงในทัน

ความตกตะลึงเติมเต็มใบหน้าของจินอจี้ เขาพึมพํา “เป็นสภาวะแห่งสายฟ้าที่แข็งแกร่งอะไรเช่นนี้ เห็นชัดว่าเขาสําเร็จไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น,แต่มันแข็งแกร่งกว่าของไปสู่ยเหิงไปหลายเท่า คนผู้นี้ได้บ่มเพาะทักษะบ่มเพาะธาตุสายฟ้าระดับสูง

เยว่เฉินซีกว่าขึ้นเบาๆ “คนผู้นี้คือใคร? นายน้อยจนรู้จักหรือไม่?”

จินอูจี๋นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดว่าเยว่เฉินซีจะสนใจในตัวคนผู้นี้ ความเย็นชาวบไหวในดวงตาของเขาพร้อมกับกล่าวขึ้นเบาๆ “ข้าไม่รู้จัก แม่นางเสี่ยวเสี่ยวเป็นคนพาเข้ามา”

เยว่เฉินซีกล่าว “โอ้,มาชมกันต่อเถอะ!”

เซียวเฉินมองไปยังไปสู่ยเหิงและกล่าวอย่างเฉยเมย “ใช้เต็มพลังของเจ้าซะ สภาวะของเจ้าเทียบกับข้าไม่ได้ เจ้าสามารถใช้ความได้เปรียบในด้านพลังปราณในการปะมือกับข้า มิฉะนั้น,เจ้าจะพ่ายแพ้ภายในสิบกระบวณท่า

เมื่อคนอื่นๆได้ยินเซี่ยวเฉินกล่าวว่าที่น่าตกตะลึงออกมาในที่ท่านิ่งสงบ,พวกเขารู้สึกหวั่นไหว

ในตอนที่เซี่ยวเฉินกล่าวออก,มันไม่รู้สึกว่าไม่เหมาะสม น้ําเสียงของเขานิ่งสงเป็นธรรมชาติราวกับกําลังกล่าวความจริง

ดูจากความมั่นใจของเซี่ยวเฉิน,คนเหล่านี้ตระหนักได้แล้วว่าเขาไม่ใช่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงทั่วไป

“โอหัง อย่าได้กล่าวราวกับว่าข้าได้พ่ายแพ้ไปแล้ว ดาบเมฆาอัสนี!” ไปสู่ยเหิงยิ้มอย่างเย็ฯชาและพุ่งตรงเข้าไปอีกครั้ง

เมฆาอัสนีปรากฏขึ้นรอบกายของไปสัยเหิง กระแสไฟฟ้าอันไร้ขอบเขตวูบไหวท่ามกลางหมู่เมฆมีกระแสไฟฟ้าล้อมรอบกายของเขา

ขณะที่เมฆาอัสนีก่าลังหมุนวน,กระแสพลังของเขาเร่งขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนราวกับดาบสมบัติที่เฉียบคม,รอคอยที่จะถูกชักออกมา

ในตอนที่ผู้คนรู้สึกได้ถึงพลังของดาบเล่มนี้ พวกเขามั่นใจในไปสู่ยเหิง ไม่ว่าสภาวะของเขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด,ขอบเขตนักบุญขั้นสูงไม่อาจหลบดาบนี้ไปได้

“สับ!”

แสงดาบวูบผ่าน,และไปสู่ยเหิงปรากฎตัวออกมาจากเมฆาอัสนี,เคลื่อนไหวไปราวกับเส้นสายฟ้า

“เคร้ง!”

มีเสียงอาวุธกระทบเกิดขึ้นอีกครั้ง ผู้ชมส่วนใหญ่ไม่เห็นว่าเซี่ยวเฉินเคลื่อนไหวอะไรในจังหวะ ที่พวกเขาได้ยินเสียง,ไป๋สู่ยเหองก็ถูกส่งลอยกลับไปแล้ว

มันเป็นอย่างรู้สึกที่แปลกประหลาดยิ่งมันเห็นชัดว่าเกิดอะไรขึ้นตรงหน้าของพวกเขา,แต่พวกเขาสามารถมองเห็นได้หลังจากที่พวกเขาได้ยินเสียง

จินอู๋จี้พึมพํา “คนส่วนใหญ่สามารเร่งความเร็วได้ถึง 2 มัคอย่างช้าๆ มันยากเกินไปที่จะเร่งความเร็วถึงระดับนั้นได้ในทันทีข้าสงสัยว่าเขาทําได้อย่างไร”

ยิ่งเยว่เฉินซีได้มองดูเซียวเฉิน,นางยิ่งเกิดความสนใจ นางกล่าวขึ้นเบาๆ “นี่เป็นเพียงทักษะวา ดกระบี่ธรรมดา อย่างไรก็ตาม,ข้าเห็นไม่บ่อยนักที่จะมีคนฝึกฝนจนไปถึงระดับนี้”

“เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!”

ไป๋สู่ยเหิงออกอีกสามกระบวณท่า,แต่เซียวเฉินทําลานมันลงทั้งหมดในกระบี่เดียว ในแต่ละครั้ง,เซี่ยวเฉินใช้เพียงทักษะวาดกระบี่ที่เกือบจะสมบูรณ์ของเขา เขามักจะพบจุดอ่อนของคู่ต่อสู้

“สภาวะสายฟ้าที่แข็งแกร่งและทักษะกระบี่ที่รวดเร็ว,สมบูรณ์…เขาคือมือกระบี่ชุดขาว,เซี่ยวเฉิน!”

“ต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน เขาสวมชุดขาวพร้อมกระบี่และผ้าคาดเอวสีฟ้าบนหน้าผากของเขาดูจากการแต่งตัวของเขา,จะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน”

ในที่สุด,มีบางคนในฝูงชนคาดเดาตัวตนของเซียวเฉิน อย่างไรก็ตาม มีหลายคนที่ไม่ไม่เคยได้ยินชื่อมือกระบี่ชุดขาวมาก่อน ดังนั้นพวกเขาถึงถามขึ้นเกี่ยวกับมัน

อาณาจักรของบุคคลเหล่านี้อยู่ห่างออกไปจากอาณาจักรตาฉิน เรื่องที่เกิดขึ้นในศาลากระบี่สวรรค์ยังกระจายไปไม่ไกลขนาดนั้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องราวของเซี่ยวเฉิน,ความเหยียดหยามของผู้บ่มเพาะพลังหลายคนจางหายไป,แลสีหน้าของพวกเขากลายเป็นร้านแรง

หากเป็นเรื่องที่เขาล้มต่วนมู่ฉิงและคนอื่นๆ, มันไม่มีอะไร ถึงอย่างไร,ความแข็งแกร่งของคนเหล่านั้นไม่ได้อยู่ระดับชั้นยอด แต่อย่างไรก็ตามในตอนที่พวกเขาได้ยินว่าเซียวเฉินล้มสานุศิษย์ชั้นนอกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดายมันอดไม่ได้ที่พวกเขานะตกตะลึง

จินอจี้ดูเหมือนว่าเขากําลังไตร่ตรองเขาคิดกับตัวเอง,เขาคือมือกระบี่ชุดขาว,เซี่ยวเฉิน ในที่สุดข้าก็ได้พบกับเขาตัวเป็นๆ

“ข้ารับห้ากระบวณท่าของเจ้าได้เวลาที่เจ้าจะรับหนึ่งกระบวณท่าจากข้า”

ไปสู่ยเหิงก้าวถอยเล็กน้อยและรวบรวมกระแสพลังของเขาอย่างต่อเนื่อง เขากล่าวอย่างเฉยเมย “เพียงหนึ่งกระบวณท่า? การป้องกันของข้าเพียงพอที่จะตานทานนับสิบกระบวณท่าจากเจ้า”

แม้ว่าไปสุ่ยเหิงจะได้ลงมือก่อน,ความสนใจของเซียวเฉินลดหายไปอย่างรวดเร็ว;เขามันน่าติดหวัง

แม้ว่าคนผู้นี้จะสําเร็จสภาวะแห่งสายฟ้า,แต่เขาได้เดินไปผิดทางเขาเพียงไล่ตามความแข็งแกร่งของสภาวะแต่ไม่ได้จดจ่อไปกับการหลอมรวมสภาวะเข้ากับทักษะดาบของเขาอย่างสมบูรณ์

ไป๋สู่ยเหิงหยุดหลอมรวมพื้นฐานสภาวะเข้ากับทักษะดาบของเขา หลังจากที่เขาโจมตี,มันดูเหมือนทรงพลัง,กระแสพลังของเขาเปล่งประกายเขาสามารถกดสภาวะที่อยู่ในระดับที่คล้ายกันได้อย่างง่ายดาย,เขาสามารถสังหารสภาวะที่อ่อนแอกว่าเพียงเล็กนแยได้ในทันที

แต่อย่างไรก็ตาม,หากไป๋สู่ยเหิงพบกับผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งกว่าเขา,ปราศจากการหลอมรวมสภาวะเข้ากับทักษะดาบ,กระบวณท่าของเขาเต็มไปด้วยช่องว่าง

นี่เป็นเหตุว่าทําไมเซียวเฉินสามารถทําลายกระบวณท่าของเขาลงได้อย่างง่ายดาย หากเขาปะมือกับคู่ต่อสู้คนอื่น,มันจะยากยิ่งที่จะทาได้เช่นนี้

การแลกเปลี่ยนกระบวณท่าในครั้งนี้ไม่เกิดประโยชน์กับเซี่ยวเฉิน ดังนั้นเขาจึงพยายามจะจบลงให้เร็วที่สุด

“ซี่ ซี่!”

ไป๋สู่ยเหิงใช้กระแสไฟฟ้ารางเป็นโล่หนาสามชั้นรอบตัวของเขา ห่อหุ้มซ้อนทับทีละชั้น

ชั้นสุดท้ายอยู่ติดแน่นกับผิวของไปสู่ยเหิง กระแสไฟฟ้าสีม่วงทําหน้าที่ราวกับชุกเกราะ

“ไปสู่ยเหิงผู้นี้…ปากเขากล่าวว่าไม่เกรงกลัว,แต่ดูสิเขาใช้แม้กระทั่งใบตายประจําตระกูลของเขา ถึงกับใช้การป้องกันสามชั้น” ผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งบางคนเยาะเย้ยเขา

เซี่ยวเฉินจับกระบี่เงาจันทร์เอาไว้แน่น จากนั้น มันกระพริบสลับสีแดงและสีม่วง เซี่ยวเฉินดีดตัวออกเบาๆและใช้มังกรฟ้าเมฆาทะยาน,ส่งกระบี่จู่โจมออกไป

“ปัง! ปัง! ปัง!”

ทักษะกระบี่นี้ที่แบกทั้งสภาวะแห่งสายฟ้าและสภาวะแห่งการฆ่าล้างทะลุเกราะสายฟ้าสามชั้นได้อย่างง่ายดาย

กระบี่ที่มีพลังงานอันพลุ่งพล่าน:มันซัดไปสู่ยเหิงลอยออกไป,ตกลงพื้นอย่างน่าสังเวช

“เขาสามารถล้มไปสู่ยเหิงได้ในกระบี่เดียวชื่อเสียงของมือกระบี่ชุดขาวไม่ได้เกินจริง เขาจัดอยู่ในอันดับต้นๆของคนที่นี่ได้อย่างง่ายดาย

“ยากที่จะจินตนาการว่าเขามาจากอาณาจักรตาฉันการป้องกันของไปสู่ยเหิงไร้ประโยชน์เมื่อเผชิญหน้ากับเขา”

“ความเฉียบคมของกระบี่ช่างน่าตกตะลึงไปสู่ยเหองมันอวดดีเกินไป”

เซี่ยวเฉินล้มไปสู่ยเหองได้ในกระบี่เดียว ผู้คนที่เหยียดหยามเขาเมื่อก่อนหน้านี้พากันเงียบ,พวกเขาไม่กล้าดูแคลนเขาแล้ว

ผู้คนต่างพากันแสดงความคิดเห็นกับการประมือของทั้งสอง พวกเขาประเมินความแข็งแกร่งของเซี่ยวเฉิน

ตามที่เซียวเฉินคาดเอาไว้,เพื่อที่จะได้ความเคารพของพวกเขา,เขาจ่าต้องใช้กระบี่ที่อยู่มนมือนี่เป็นวิธีที่เถรตรงและน่าเชื่อถือที่สุด

เซี่ยวเฉินเผชิญหน้ากับไปสู่ยเหิง ผู้ที่กําลังลุกขึ้นยืน, และค่านับมือของเขา “ขอบคุณที่เบามือกับข้า!”

เซี่ยวเฉินออมแรงเอาไว้ในกระบี่ก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้ฉีดสภาวะเข้าไปในร่างของอีกฝ่าย ดังนั้น,ฝ่ายตรงข้ามจึงมีบาดแผลภายนอกเพียงเล็กน้อย

ไปสุ่นเพิ่งรู้สึกอับอาย;เดิมที่เขาตั้งใจจะช่วยกู้เกียรติของสหาย แต่อย่างไรก็ตาม,เขาถูกล้มในกระบี่เดียว เขาเดินกลับไปยังที่นั่งอย่างเงียบเชียบ

“เขาสําเร็จถึงสภาวะแห่งการฆ่าล้าง ไม่แปลกใจที่เขาสามารถท้าทายผู้ที่มีขอบเขตพลังใกล้เคียงกับเขาได้”

เยว่เฉินซีจ้องมองขณะที่เซียวเฉินกลับมานั่งที่ นางครุ่นคิดกับตัวเอง,น่าเสียดาย,ขอบเขตพลังของเขาต่ําเกินไป นอกจากนั้น,สภาวะแห่งการฆ่าล้างของเขายังไม่สมบูรณ์เท่ากับสภาวะแห่งสายฟ้า

เขาอ่อนแอกว่าที่คาดแต่อย่างไรก็ตาม,ศักยภาพของเขาไม่อาจประเมินได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+