Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 331 ความอึดอัด,เฟิงเฟยเสวี่ย

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 331 ความอึดอัดเฟิงเฟยเสวี่ย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 331 ความอึดอัด,เฟิงเฟยเสวี่ย

เซี่ยวเฉินรู้สึกแปลกใจ:เขาไม่รู้ว่าเขามีชื่อเสียงโด่งดังถึงเพียงนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจะมาที่นี่ อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ไม่จําเป็นต้องกังวลที่จะทิ้งหม้อมังกรฟินิกซ์เอาไว้ที่นี่

อย่างไรก็ตาม มีอีกเรื่องที่เซี่ยวเฉินต้องจัดการในตอนนี้ เขากล่าว “เรื่องนี้ก็ตกลงกันแล้ว ข้า ยังมีแก่นกลางปีศาจอยู่จํานวนหนึ่ง ข้าสงสัยว่าอาจารย์หวงจะประเมินราคาพวกมันได้หรือไม่?”

อาจารย์หวงยิ้มและกล่าว “เอาให้ชัดเจนก่อนว่าท่านจะขายหรือจํานําพวกมัน?”

“ข้าจะขาย” หลังจากที่เซี่ยวเฉินกล่าวจบ,เขาเทแก่นกลางปีศาจสามกองออกมาจากแหวนห้วงจักรวาลของเขาในทันที กองที่ใหญ่ที่สุดคือแก่นกลางปีศาจระดับ 4 รองลงมาคือแก่นกลางปีศาจระดับ 5,และกองเล็กที่สุดคือแก่นกลางปีศาจระดับ 6

รอยยิ้มของอาจารย์หวงแช่แข็งอยู่บนใบหน้าของเขา เขาหมดคําพูด,แก่นกลางปีศาจจํานวนหนึ่ง? ข้านับคราวๆได้มากกว่าสามพัน

จํานวนมหาศาลเช่นนี้ นี่มันเทียบเท่าได้กับผลกําไรทั้งปีจากธุรกิจของโรงจํานําผู้นําชัย

ผู้ช่วยร้านที่อยู่ด้านข้างนิ่งอึ้งไปสมบูรณ์ เขาครุ่นคิดกับตัวเอง,โชคดีที่ข้าไม่ได้ไปพูดจายั่วยุคนผู้นี้เมื่อก่อนหน้านี้ เมื่อเขาคิดถึงตอนแรกที่เขาคิดจะกล่าวดูถูกคนผู้นี้,เขาคิดว่าโชคดีอย่างมากที่เขาไม่ได้กล่าวอะไรออกไป

เซี่ยวเฉินกล่าว “อาจารย์หวง, เกิดอะไรขึ้น? หรือมันจะมากเกินไป?”

อาจารย์หวงฟื้นสติกลับมาและถอนหายใจ “ไม่ ไม่ได้มากเกินไป ข้าจะปลุกผู้ประเมินทุกคนมา พวกเราจะประเมินให้ท่านภายในหนึ่งชั่วโมง”

เซี่ยวเฉินยิ้มและกล่าว “ไม่จําเป็นต้องเร่งรีบ ข้าไม่ถือที่จะอยู่รออีกสักหน่อย”

หนึ่งชั่วโมงให้หลัง,อาจารย์หวงเดินออกมา,สีหน้าดูเหนื่อยล้า เขาส่งกระดาษสองสามแผ่นให้กับเซี่ยวเฉินและกล่าว “นายน้อยเย่,พวกเราประเมินแก่นกลางปีศาจทุกธาตุและลงรายการาคาของแต่ละชิ้นเอาไว้แล้ว อ่านดูก่อน:ดูว่ามีอะไรที่ต้องเพิ่มเติมอีกหรือไม่

เซี่ยวเฉินรับกระดาษมาอ่านอย่างละเอียด เขาพบว่ามันเป็นไปตามที่อาจารย์หวงกล่าว

ไม่เพียงแต่จัดรายการธาตุของแก่นกลางปีศาจ,แต่เขายังลงรายละเอียดว่าเป็นแก่นกลาง ปีศาจที่มาจากสัตว์อสูรปีศาจอะไร นอกจากนั้น,เขายังทําถูกต้องสมบูรณ์ มีราคาประเมินอยู่ที่ด้านข้างของแก่นกลางปีศาจทุกชิ้น:มันลงรายละเอียดแม้กระทั่งเหตุผลที่ประเมินได้ราคานี้

ดูเหมือนว่าผู้ประเมินของผู้นําชัยจะไม่ธรรมดา นี่เป็นการเปิดหูเปิดตามห้กับเซี่ยวเฉิน มันเหนือกว่าความเข้าใจก่อนหน้านี้ของเซี่ยวเฉิน

ยกตัวอย่าง,มันมีแก่นกลางสัตว์อสูรปีศาจระดับ 4 ที่ประเมินได้ราคาสูงกว่าแก่นกลางปีศาจระดับ 5 นี่เป็นเพราะHeavenly Craft Manorเมื่อเร็วๆนี้ได้พัฒนาอาวุธวิญญาณที่ต้องใช้แก่นกลางปีศาจประเภทนี้เป็นการเร่งด่วน

มีตัวอย่างอีกมากมาย มูลค่าของแก่นกลางปีศาจไม่ได้เพียงแค่ตัดสินจากระดับของพวกมันเพียงอย่างเดียว นี่ทําให้เซี่ยวเฉินรู้แจ้ง

ท้ายสุด,เซี่ยวเฉินก็มองลงไปที่จํานวนรวมสุดท้าย ด้วยแก่นกลางปีศาจทั้งหมดรวมกัน พวกมันมีมูลค่า 450,000 หินวิญญาณระดับต่า

เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นค่าว่า หินวิญญาณระดับต่ำ” เขาคิ้วขมวดเล็กน้อย กล่าวตามตรง,เขาไม่ได้ต้องใช้หินวิญญาณระดับต่ำมากมายนักเขาใช้มันเป็นเพียงเงินแลกเปลี่ยน

เซี่ยวเฉินไม่ได้ใช้มันในการบ่มเพาะพลัง อย่างดีที่สุด,เขาสามารถใช้มันในการเติมพลังปราณเล็กน้อย หากเขาผลาญพลังปราณไปจํานวนมาก,เขาต้องใช้หินวิญญาณระดับกลางเท่านั้น;หินวิญญาณระดับต่าหนึ่งก่อนมันไม่เพียงพอ

เมื่ออาจารย์หวงเห็นสีหน้าของเซี่ยวเฉิน,เขาถามขึ้น “นายน้อยเย่,ท่านไม่พอใจกับราคานี้?”

เซี่ยวเฉินส่ายหัวและกล่าว “ไม่ใช่, 450,000 หินวิญญาณระดับต่าเป็นราคาที่ดีมากแล้ว เพียงแต่..ข้าสงสัยว่าพวกเราจะเปลี่ยนเป็นหินวิญญาณระดับกลางแทนได้หรือไม่?”

เมื่ออาจารย์หวงได้ยินดังนั้น,เขากล่าวด้วยเสียงต่ำ “ได้แน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม นายน้อยเย่จะต้องรู้ให้ชัดเจน แม้ว่าหินวิญญาณระดับต่ำจะไม่มีประโยชน์นักต่อระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางหรือสูงกว่า,แต่พวกมันใช้เป็นเงินตราหลักในการแลกเปลี่ยนระดับสูงภายในทวีปนี้ มูลค่าของมันมันคงและไม่ผันผวนมากนัก”

ที่อาจารย์หวงกล่าวมาไม่ผิด ในการประมูลที่เมืองซีเหอ,พวกเขาใช้หินวิญญาณระดับต่ำเป็นเงินตราหลักเช่นเดียวกัน

อาจารย์หวงกล่าวต่อ “หากท่านแลกเปลี่ยนหินวิญญาณระดับต่าเป็นหินวิญญาณระดับกลาง,ท่านจะขาดทุนไปมหาศาล นายน้อยเย่,ท่านควรคิดให้ละเอียดก่อนที่จะตัดสินใจ”

เซี่ยวเฉินขาดทุนไปเยอะแล้วในการประมูลที่เมืองซีเหอ เพื่อที่จะซื้อสมบัติลับ,เขาต้องแลกเปลี่ยนหินวิญญาณระดับกลางไปเป็นหินวิญญาณระดับต่ำ

หากเซี่ยวเฉอนตระเตรียมหินวิญญาณระดับต่ำไปเผื่อเพียงพอ,เหตุการณ์เช่นนั้นคงไม่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินมีความต้องการหินวิญญาณระดับกลางเร่งด่วน เขารู้สึกว่ามันจะมีประโยชน์มากในอนาคต หากเขามีโอกาส,เขาควรจะแลกเปลี่ยนเป็นหินวิญญาณระดับกลางเอาไว้

เซี่ยวเฉินถาม “ข้าขอจํานวน 450,000 หินวิญญาณระดับต่ำจะแลกเปลี่ยนเป็นหินวิญญาณระดับกลางได้เท่าไหร่?”

อาจารย์หวงตอบตามตรง “อย่างมากที่สุด,สามพันก้อน นอกจากนั้น นี่ยังเป็นคิดจากไมตรีของท่านกับแม่นางเฟง,ลดราคาให้ท่านแล้ว”

หนึ่งหินวิญญาณระดับกลางแลกเป็นหินวิญญาณระดับต่ำได้หนึ่งพัน แน่นอน, นี่หมายถึงตอนแลกเปลี่ยนหินวิญญาณระดับกลางเป็นหินวิญญาณระดับต่า หากหาในทางกลับกัน,หินวิญญาณระดับต่าสองพันก้อนแลกเป็นหินวิญญาณระดับกลางได้หนึ่งก้อนก็น่าดีใจมากแล้ว

ดังนั้น,ราคาที่อาจารย์หวงเสนอมาเป็นราคาที่ดีมาก นอกจากนั้น, นี่ก็ยังเป็นราคาที่ดีกว่าที่เซี่ยวเฉินคาดเอาไว้ในตอนแรก

เซี่ยวเฉินวางเอกสารรายละเอียดราคาของแก่นกลางปีศาจและยิ้มขึ้น เขากล่าว “ขอบคุณอาจารย์หวง”

สามพันหินวิญญาณระดับกลางเป็นจํานวนที่มหาศาล พวกเขาต้องผ่านหลายขั้นตอนก่อนที่มันจะมาถึงมือของเซี่ยวเฉิน

เซี่ยวเฉินรออยู่เป็นเวลาสี่ชั่วโมงก่อนที่ในที่สุดเขาจะได้รับหินวิญญาณระดับกลางสามพันก้อนมาอยู่ในมือ

รวมกับหินวิญญาณระดับกลางห้าพันก่อนที่อยู่ในแหวนหัวงจักรวาลของเขา, เซี่ยวเฉินมีหินวิญญาณระดับกลางทั้งหมดแปดพันก้อน

เป้าหมายในการมาของเซี่ยวเฉินเสร็จไปเยอะแล้ว ที่เหลืออยู่ก็คือการมาพบเฟิงเฟยเสวี่ยในวันต่อมา

ขณะที่เซี่ยวเฉินเปิดประตูโรงจํานําออกมา, ท้องฟ้าที่มืดมิดก็มีแสงเรืองออกมาจากทางทิศตะวันออกแล้ว แสงตะวันแรกกําลังขับความมืดมิดของค่ำคืน

เริ่มมีผู้คนออกมาเดินเหินตามท้องถนน พวกเขาคือคนสามัญที่ออกมาเริ่มกิจการของพวกเขายังไม่มีร่องรอยของผู้บ่มเพาะพลัง

เซี่ยวเฉินเผยรอยยิ้มสงบสุขพร้อมกับเดินกลับไปที่โรงเตี้ยมอย่างไม่รีบร้อน ย่างก้าวของเขาไม่ช้าไม่เร็ว ขณะที่เขาได้ยินเสียงจ้อกแจ้กจากผู้คนที่อยู่โดยรอบ,สภาวะจิตใจของเขาค่อยๆสงบ
ลง

ในเวลาที่เซี่ยวเฉินเดินมาถึงประตูของโรงเตี้ยม,ดวงอาทิตย์ก็ปรากฎบนเส้นขอบฟ้า,ขับเป่าบรรยากาศเลื่อยเฉื่อยของค่ำคืน

เซี่ยวเฉินก้าวช้าลงและมองขึ้นไป ดวงอาทิตย์ขึ้นส่องแสงสว่าง,แต่มันไม่ได้รุนแรงเกินกว่าที่จะจ้องมอง คนธรรมดาก็สามัญจ้องมองไปที่ดวงอาทิตย์ได้ในเวลานี้

เซี่ยวเฉินครุ่นคิดลุ่มลึก;เขาเหมือนกับดวงอาทิตย์รุ่งอรุณที่เจิดจ้า อนาคตของเขาสดใส บางทีเขาอาจจะไม่ได้เรืองแสงเจิดจ้าได้เท่ากับดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน,แต่อนาคตของเขาเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

ตั้งแต่โบราณกาล มีผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นนับไม่ถ้วน พวกเขาตกตายลงขณะที่กําลังเติบโต,ร่วงหล่นลงมาจากฟ้าสูง ถนนเบื้องหน้าเต็มไปด้วยทางขรุขระ,จะต้องระมัดระวัง

ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังครุ่นคิดลึก,บริกรที่โรงเตี้ยมก็เปิดประตูออกมา เขารวบรวมความคิดและเดินเข้าไป,แม่จะมีสายตาตกตะลึงของบริกร

“น่าแปลก,ไม่ใช่ว่าคนผู้นี้อยู่ในห้องตลอดทั้งคืน? เขาออกมายืนข้างนอกตอนเช้าได้อย่างไร?” บริกรคนนั้นพึมพําขณะที่จ้องมองไปยังเซี่ยวเฉิน

หลังจากที่เซี่ยวเฉินเดินไปที่ห้องของเขาและล้างหน้าล้างตา, เขาตรงไปที่เตียงนอนและเริ่มบ่มเพาะพลังในทันที

เซี่ยวเฉินได้มาอยู่ที่ชั้นที่ห้าของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ หลังจากชั้นที่สามเป็นต้นมา,การบ่มเพาะพลังทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์กลายเป็ยากเย็นมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในแต่ละครั้งที่เซี่ยวเฉินทะลวงชั้นพลัง,ความแข็งแกร่งของเขามีการเปลี่ยนแปลงลักษณะ ในตอนที่เขาทะลวงชั้นที่สาม,เพลิงแท้อัสนีม่วงของเขาก่อตัวเป็นต้นกําเนิดเปลวเพลิง ในตอนที่เขาทะลวงชั้นที่สี่,อ่านาจของเพลิงแท้อัสนีม่วงพัฒนาการขึ้น,และต้นกําเนิดสายฟ้าที่บรรจุอยู่ภายในกลายเป็นหนาแน่นและบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น

เซี่ยวเฉินสงสัยว่าจะมีอะไรให้ประหลาดใจหลังจากที่ทะลวงชั้นที่ห้า เขาหวังเอาไว้ว่าเพลิงแท้อัสนีม่วงจะสามารถกักเก็บพลังงานได้มากขึ้น และพลังอํานาจของมันจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

เซี่ยวเฉินบ่มเพาะพลังจนไปถึงค่ำ จากนั้นเขาก็ค่อยๆลืมตาขึ้น เขาโบกมือ,และประกายกระแสไฟฟ้าที่เป็นผลมาจากการบ่มเพาะพลังของเขาก็มารวมตัวกันที่มือขวาของเขาและเปลี่ยนกลายเป็นลูกบอลเพลิงสีม่วงเจิดจ้า

เพลิงสีม่วงค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในฝ่ามือของเซี่ยวเฉิน จากนั้น, มันก็ไหลไปตามเส้นปราณในแขนของเขาก่อนที่จะไปรวมตัวกันที่ต้นกําเนิดเปลวเพลิงในดวงตาขวาของเขา

หลังจากที่ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน,เซี่ยวเฉินรู้สึกหิวเล็กน้อย ดังนั้น เขาจึงเตรียมตัวลงไปชั้นล่างเพื่อหาอะไรกิน

ไม่ว่าจะเป็นโรงเตี้ยมหรือร้านอาหารไหน,ช่วงค่ำก็เป็นช่วงที่วุ่นวายที่สุด หลังจากรอมาเป็นเวลานานบนชั้นสอง, ในที่สุดเซี่ยวเฉินก็ได้โต๊ะนั่งติดริมหน้าต่าง

“เจ้าได้ยินมาหรือไม่? มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นที่แคว้นตงหมิงอีกแล้ว มันจะต้องสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งอาณาจักรต้าฉัน” ขณะที่เซี่ยวเฉินกําาลังรออาหาร,เขาได้ยินเสียงพูดคุยกันของผู้บ่มเพาะพลังกลุ่มหนึ่ง

อีกคนหนึ่งกล่าวต่อ “ฮา! ฮ่า! จะมีเรื่องใหญ่อะไรอีก? เรื่องใหญ่กว่าที่เซี่ยวเฉินท้าชนเหล่าตระกูลชั้นสูงเมื่อปีก่อน?”

“เซี่ยวเฉิน? นั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว คนผู้นี้ไม่ได้ปรากฏนัวมานานนับปี ข้าเชื่อว่าตั้งแต่ที่มีตระกูลชั้นสูงหลายตระกูลไล่บ่าตัวเขา,ไม่เขาออกจากอาณาจักรต้าฉันไปแล้วก็ซ่อนตัวอยู่ตามป่าหรือเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามไปแล้ว”

“มีที่ใดภายในอาณาจักรตาฉินที่เขาจะปักหลักได้? มีใบประกาศจับตัวเขากระจายออกไปทุกแห่งในแคว้นตงหมิง,แคว้นซีเหอ,แคว้นหนานหลิง,และอีกทั้งราชสํานักหลวง”

“ใช่แล้ว บอกพวกเรามา:มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก?” มีคนถามขึ้นอย่างสนใจ

ผู้ที่เอ่ยปากขึ้นมาคนแรกยกเหล้าขึ้นมาจิบก่อนที่จะกล่าว “พวกเจ้าทั้งหมดต้องรู้เรื่องนี้,หนึ่งเดือนก่อน,ตัวนมาจึงรวบรวมผู้โดดเด่นมาจากทั่วทุกสารทิศ จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้,พวกเขารวมตัวกันเพื่อหมอมังกรฟีนิกซ์ที่อยู่ในซากนิกายหลเพลิง”

“นอกจากนั้น,พวกเขายังตาหามันเจอ แต่ท้ายที่สุด,ผู้บ่มเพาะพลังไร้ชื่อจากศาลากระบี่สวรรค์ลุ่มผู้โด่ดเด่นคนอื่นๆลงและชิงเอาหม้อมังกรฟินิกซ์หนีไปได้”

“เป็นเรื่องจริง? หม้อมังกรฟินิกซ์เป็นของในตํานาน ถูกค้นพบอีกใบหนึ่งแล้ว” คนอื่นๆอุทานขึ้นด้วยควาาตกตะลึง

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินเช่นนั้น เขาคิ้วขมวดเล็กน้อย เขาครุ่นคิดกับตัวเอง,หม้อใบนั้นก็เหมือนกับเผือกร้อน ข้าจะต้องถูกไล่ตามในตอนที่กลับไปยังศาลากระปสวรรค์

คนกลุ่มนั้นยังพูดคุยกันต่อไป แต่เซี่ยวเฉินไม่สนใจจะฟังต่อ เขารีบจัดการมื้ออาหารของเขาและกลับไปที่ห้องเพื่อบ่มเพาะพลัง

เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วในตอนที่เซี่ยวเฉินบ่มเพาะพลัง ตอนที่เขาลืมตาขึ้น,ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว

เมื่อเซี่ยวเฉินเปิดหน้าต่างด้านนอกมืดมิด มีผู้คนมากมายกําลังเดินไปตามถนน เซี่ยวเฉินพกกระบี่เงาจันทร์ของเขาแซลกระโดดออกไปอย่าเงียบๆ มุ่งหน้าสู่ผู้นําชัย

เซี่ยวเฉินจําได้ว่า ครั้งสุดท้ายที่เขาพบกันเฟิงเฟยเสวี่ย มันก็เป็นเมืองตงหมิงแห่งนี้เช่นกัน ดูเหมือนเมืองตงหมิงจะเป็นต้องชะตากับพวกเขาทั้งสอง

เซี่ยวเฉินใช้ออกมังกรฟ้าเมฆาทะยานถึงขีดสุด ในไม่ช้า,เขาก็มาถึงตรงหน้าโรงจํานําผู้นําชัยสถานการณ์ในตอนนี้ต่างออกไป;ไม่มีกระแสพลังแข็งแกร่งเข้ามาตรวจสอบเขา ในตอนที่เขาเดินขึ้นบันไดไป,ประตูก็เปิดออก

อาจารย์หวงยืนอยู่ตรงนั้น,พร้อมรอยยิ้ม เขากล่าว “นายน้อยเย่,โปรดตามข้ามา แม่นางเฟิงกำลังรอท่านอยู่”

เซี่ยวเฉินพยักหน้าเบาๆและเดินตามอาจารย์หวงไปยังห้องรับแขกที่ชั้นบนสุดของผู้นําชัยในตอนที่พวกเขามาถึงที่ประตู,อาจารย์หวงก็ปลีกตัวออกไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 331 ความอึดอัด,เฟิงเฟยเสวี่ย

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 331 ความอึดอัดเฟิงเฟยเสวี่ย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 331 ความอึดอัด,เฟิงเฟยเสวี่ย

เซี่ยวเฉินรู้สึกแปลกใจ:เขาไม่รู้ว่าเขามีชื่อเสียงโด่งดังถึงเพียงนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจะมาที่นี่ อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ไม่จําเป็นต้องกังวลที่จะทิ้งหม้อมังกรฟินิกซ์เอาไว้ที่นี่

อย่างไรก็ตาม มีอีกเรื่องที่เซี่ยวเฉินต้องจัดการในตอนนี้ เขากล่าว “เรื่องนี้ก็ตกลงกันแล้ว ข้า ยังมีแก่นกลางปีศาจอยู่จํานวนหนึ่ง ข้าสงสัยว่าอาจารย์หวงจะประเมินราคาพวกมันได้หรือไม่?”

อาจารย์หวงยิ้มและกล่าว “เอาให้ชัดเจนก่อนว่าท่านจะขายหรือจํานําพวกมัน?”

“ข้าจะขาย” หลังจากที่เซี่ยวเฉินกล่าวจบ,เขาเทแก่นกลางปีศาจสามกองออกมาจากแหวนห้วงจักรวาลของเขาในทันที กองที่ใหญ่ที่สุดคือแก่นกลางปีศาจระดับ 4 รองลงมาคือแก่นกลางปีศาจระดับ 5,และกองเล็กที่สุดคือแก่นกลางปีศาจระดับ 6

รอยยิ้มของอาจารย์หวงแช่แข็งอยู่บนใบหน้าของเขา เขาหมดคําพูด,แก่นกลางปีศาจจํานวนหนึ่ง? ข้านับคราวๆได้มากกว่าสามพัน

จํานวนมหาศาลเช่นนี้ นี่มันเทียบเท่าได้กับผลกําไรทั้งปีจากธุรกิจของโรงจํานําผู้นําชัย

ผู้ช่วยร้านที่อยู่ด้านข้างนิ่งอึ้งไปสมบูรณ์ เขาครุ่นคิดกับตัวเอง,โชคดีที่ข้าไม่ได้ไปพูดจายั่วยุคนผู้นี้เมื่อก่อนหน้านี้ เมื่อเขาคิดถึงตอนแรกที่เขาคิดจะกล่าวดูถูกคนผู้นี้,เขาคิดว่าโชคดีอย่างมากที่เขาไม่ได้กล่าวอะไรออกไป

เซี่ยวเฉินกล่าว “อาจารย์หวง, เกิดอะไรขึ้น? หรือมันจะมากเกินไป?”

อาจารย์หวงฟื้นสติกลับมาและถอนหายใจ “ไม่ ไม่ได้มากเกินไป ข้าจะปลุกผู้ประเมินทุกคนมา พวกเราจะประเมินให้ท่านภายในหนึ่งชั่วโมง”

เซี่ยวเฉินยิ้มและกล่าว “ไม่จําเป็นต้องเร่งรีบ ข้าไม่ถือที่จะอยู่รออีกสักหน่อย”

หนึ่งชั่วโมงให้หลัง,อาจารย์หวงเดินออกมา,สีหน้าดูเหนื่อยล้า เขาส่งกระดาษสองสามแผ่นให้กับเซี่ยวเฉินและกล่าว “นายน้อยเย่,พวกเราประเมินแก่นกลางปีศาจทุกธาตุและลงรายการาคาของแต่ละชิ้นเอาไว้แล้ว อ่านดูก่อน:ดูว่ามีอะไรที่ต้องเพิ่มเติมอีกหรือไม่

เซี่ยวเฉินรับกระดาษมาอ่านอย่างละเอียด เขาพบว่ามันเป็นไปตามที่อาจารย์หวงกล่าว

ไม่เพียงแต่จัดรายการธาตุของแก่นกลางปีศาจ,แต่เขายังลงรายละเอียดว่าเป็นแก่นกลาง ปีศาจที่มาจากสัตว์อสูรปีศาจอะไร นอกจากนั้น,เขายังทําถูกต้องสมบูรณ์ มีราคาประเมินอยู่ที่ด้านข้างของแก่นกลางปีศาจทุกชิ้น:มันลงรายละเอียดแม้กระทั่งเหตุผลที่ประเมินได้ราคานี้

ดูเหมือนว่าผู้ประเมินของผู้นําชัยจะไม่ธรรมดา นี่เป็นการเปิดหูเปิดตามห้กับเซี่ยวเฉิน มันเหนือกว่าความเข้าใจก่อนหน้านี้ของเซี่ยวเฉิน

ยกตัวอย่าง,มันมีแก่นกลางสัตว์อสูรปีศาจระดับ 4 ที่ประเมินได้ราคาสูงกว่าแก่นกลางปีศาจระดับ 5 นี่เป็นเพราะHeavenly Craft Manorเมื่อเร็วๆนี้ได้พัฒนาอาวุธวิญญาณที่ต้องใช้แก่นกลางปีศาจประเภทนี้เป็นการเร่งด่วน

มีตัวอย่างอีกมากมาย มูลค่าของแก่นกลางปีศาจไม่ได้เพียงแค่ตัดสินจากระดับของพวกมันเพียงอย่างเดียว นี่ทําให้เซี่ยวเฉินรู้แจ้ง

ท้ายสุด,เซี่ยวเฉินก็มองลงไปที่จํานวนรวมสุดท้าย ด้วยแก่นกลางปีศาจทั้งหมดรวมกัน พวกมันมีมูลค่า 450,000 หินวิญญาณระดับต่า

เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นค่าว่า หินวิญญาณระดับต่ำ” เขาคิ้วขมวดเล็กน้อย กล่าวตามตรง,เขาไม่ได้ต้องใช้หินวิญญาณระดับต่ำมากมายนักเขาใช้มันเป็นเพียงเงินแลกเปลี่ยน

เซี่ยวเฉินไม่ได้ใช้มันในการบ่มเพาะพลัง อย่างดีที่สุด,เขาสามารถใช้มันในการเติมพลังปราณเล็กน้อย หากเขาผลาญพลังปราณไปจํานวนมาก,เขาต้องใช้หินวิญญาณระดับกลางเท่านั้น;หินวิญญาณระดับต่าหนึ่งก่อนมันไม่เพียงพอ

เมื่ออาจารย์หวงเห็นสีหน้าของเซี่ยวเฉิน,เขาถามขึ้น “นายน้อยเย่,ท่านไม่พอใจกับราคานี้?”

เซี่ยวเฉินส่ายหัวและกล่าว “ไม่ใช่, 450,000 หินวิญญาณระดับต่าเป็นราคาที่ดีมากแล้ว เพียงแต่..ข้าสงสัยว่าพวกเราจะเปลี่ยนเป็นหินวิญญาณระดับกลางแทนได้หรือไม่?”

เมื่ออาจารย์หวงได้ยินดังนั้น,เขากล่าวด้วยเสียงต่ำ “ได้แน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม นายน้อยเย่จะต้องรู้ให้ชัดเจน แม้ว่าหินวิญญาณระดับต่ำจะไม่มีประโยชน์นักต่อระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางหรือสูงกว่า,แต่พวกมันใช้เป็นเงินตราหลักในการแลกเปลี่ยนระดับสูงภายในทวีปนี้ มูลค่าของมันมันคงและไม่ผันผวนมากนัก”

ที่อาจารย์หวงกล่าวมาไม่ผิด ในการประมูลที่เมืองซีเหอ,พวกเขาใช้หินวิญญาณระดับต่ำเป็นเงินตราหลักเช่นเดียวกัน

อาจารย์หวงกล่าวต่อ “หากท่านแลกเปลี่ยนหินวิญญาณระดับต่าเป็นหินวิญญาณระดับกลาง,ท่านจะขาดทุนไปมหาศาล นายน้อยเย่,ท่านควรคิดให้ละเอียดก่อนที่จะตัดสินใจ”

เซี่ยวเฉินขาดทุนไปเยอะแล้วในการประมูลที่เมืองซีเหอ เพื่อที่จะซื้อสมบัติลับ,เขาต้องแลกเปลี่ยนหินวิญญาณระดับกลางไปเป็นหินวิญญาณระดับต่ำ

หากเซี่ยวเฉอนตระเตรียมหินวิญญาณระดับต่ำไปเผื่อเพียงพอ,เหตุการณ์เช่นนั้นคงไม่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินมีความต้องการหินวิญญาณระดับกลางเร่งด่วน เขารู้สึกว่ามันจะมีประโยชน์มากในอนาคต หากเขามีโอกาส,เขาควรจะแลกเปลี่ยนเป็นหินวิญญาณระดับกลางเอาไว้

เซี่ยวเฉินถาม “ข้าขอจํานวน 450,000 หินวิญญาณระดับต่ำจะแลกเปลี่ยนเป็นหินวิญญาณระดับกลางได้เท่าไหร่?”

อาจารย์หวงตอบตามตรง “อย่างมากที่สุด,สามพันก้อน นอกจากนั้น นี่ยังเป็นคิดจากไมตรีของท่านกับแม่นางเฟง,ลดราคาให้ท่านแล้ว”

หนึ่งหินวิญญาณระดับกลางแลกเป็นหินวิญญาณระดับต่ำได้หนึ่งพัน แน่นอน, นี่หมายถึงตอนแลกเปลี่ยนหินวิญญาณระดับกลางเป็นหินวิญญาณระดับต่า หากหาในทางกลับกัน,หินวิญญาณระดับต่าสองพันก้อนแลกเป็นหินวิญญาณระดับกลางได้หนึ่งก้อนก็น่าดีใจมากแล้ว

ดังนั้น,ราคาที่อาจารย์หวงเสนอมาเป็นราคาที่ดีมาก นอกจากนั้น, นี่ก็ยังเป็นราคาที่ดีกว่าที่เซี่ยวเฉินคาดเอาไว้ในตอนแรก

เซี่ยวเฉินวางเอกสารรายละเอียดราคาของแก่นกลางปีศาจและยิ้มขึ้น เขากล่าว “ขอบคุณอาจารย์หวง”

สามพันหินวิญญาณระดับกลางเป็นจํานวนที่มหาศาล พวกเขาต้องผ่านหลายขั้นตอนก่อนที่มันจะมาถึงมือของเซี่ยวเฉิน

เซี่ยวเฉินรออยู่เป็นเวลาสี่ชั่วโมงก่อนที่ในที่สุดเขาจะได้รับหินวิญญาณระดับกลางสามพันก้อนมาอยู่ในมือ

รวมกับหินวิญญาณระดับกลางห้าพันก่อนที่อยู่ในแหวนหัวงจักรวาลของเขา, เซี่ยวเฉินมีหินวิญญาณระดับกลางทั้งหมดแปดพันก้อน

เป้าหมายในการมาของเซี่ยวเฉินเสร็จไปเยอะแล้ว ที่เหลืออยู่ก็คือการมาพบเฟิงเฟยเสวี่ยในวันต่อมา

ขณะที่เซี่ยวเฉินเปิดประตูโรงจํานําออกมา, ท้องฟ้าที่มืดมิดก็มีแสงเรืองออกมาจากทางทิศตะวันออกแล้ว แสงตะวันแรกกําลังขับความมืดมิดของค่ำคืน

เริ่มมีผู้คนออกมาเดินเหินตามท้องถนน พวกเขาคือคนสามัญที่ออกมาเริ่มกิจการของพวกเขายังไม่มีร่องรอยของผู้บ่มเพาะพลัง

เซี่ยวเฉินเผยรอยยิ้มสงบสุขพร้อมกับเดินกลับไปที่โรงเตี้ยมอย่างไม่รีบร้อน ย่างก้าวของเขาไม่ช้าไม่เร็ว ขณะที่เขาได้ยินเสียงจ้อกแจ้กจากผู้คนที่อยู่โดยรอบ,สภาวะจิตใจของเขาค่อยๆสงบ
ลง

ในเวลาที่เซี่ยวเฉินเดินมาถึงประตูของโรงเตี้ยม,ดวงอาทิตย์ก็ปรากฎบนเส้นขอบฟ้า,ขับเป่าบรรยากาศเลื่อยเฉื่อยของค่ำคืน

เซี่ยวเฉินก้าวช้าลงและมองขึ้นไป ดวงอาทิตย์ขึ้นส่องแสงสว่าง,แต่มันไม่ได้รุนแรงเกินกว่าที่จะจ้องมอง คนธรรมดาก็สามัญจ้องมองไปที่ดวงอาทิตย์ได้ในเวลานี้

เซี่ยวเฉินครุ่นคิดลุ่มลึก;เขาเหมือนกับดวงอาทิตย์รุ่งอรุณที่เจิดจ้า อนาคตของเขาสดใส บางทีเขาอาจจะไม่ได้เรืองแสงเจิดจ้าได้เท่ากับดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน,แต่อนาคตของเขาเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

ตั้งแต่โบราณกาล มีผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นนับไม่ถ้วน พวกเขาตกตายลงขณะที่กําลังเติบโต,ร่วงหล่นลงมาจากฟ้าสูง ถนนเบื้องหน้าเต็มไปด้วยทางขรุขระ,จะต้องระมัดระวัง

ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังครุ่นคิดลึก,บริกรที่โรงเตี้ยมก็เปิดประตูออกมา เขารวบรวมความคิดและเดินเข้าไป,แม่จะมีสายตาตกตะลึงของบริกร

“น่าแปลก,ไม่ใช่ว่าคนผู้นี้อยู่ในห้องตลอดทั้งคืน? เขาออกมายืนข้างนอกตอนเช้าได้อย่างไร?” บริกรคนนั้นพึมพําขณะที่จ้องมองไปยังเซี่ยวเฉิน

หลังจากที่เซี่ยวเฉินเดินไปที่ห้องของเขาและล้างหน้าล้างตา, เขาตรงไปที่เตียงนอนและเริ่มบ่มเพาะพลังในทันที

เซี่ยวเฉินได้มาอยู่ที่ชั้นที่ห้าของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ หลังจากชั้นที่สามเป็นต้นมา,การบ่มเพาะพลังทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์กลายเป็ยากเย็นมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในแต่ละครั้งที่เซี่ยวเฉินทะลวงชั้นพลัง,ความแข็งแกร่งของเขามีการเปลี่ยนแปลงลักษณะ ในตอนที่เขาทะลวงชั้นที่สาม,เพลิงแท้อัสนีม่วงของเขาก่อตัวเป็นต้นกําเนิดเปลวเพลิง ในตอนที่เขาทะลวงชั้นที่สี่,อ่านาจของเพลิงแท้อัสนีม่วงพัฒนาการขึ้น,และต้นกําเนิดสายฟ้าที่บรรจุอยู่ภายในกลายเป็นหนาแน่นและบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น

เซี่ยวเฉินสงสัยว่าจะมีอะไรให้ประหลาดใจหลังจากที่ทะลวงชั้นที่ห้า เขาหวังเอาไว้ว่าเพลิงแท้อัสนีม่วงจะสามารถกักเก็บพลังงานได้มากขึ้น และพลังอํานาจของมันจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

เซี่ยวเฉินบ่มเพาะพลังจนไปถึงค่ำ จากนั้นเขาก็ค่อยๆลืมตาขึ้น เขาโบกมือ,และประกายกระแสไฟฟ้าที่เป็นผลมาจากการบ่มเพาะพลังของเขาก็มารวมตัวกันที่มือขวาของเขาและเปลี่ยนกลายเป็นลูกบอลเพลิงสีม่วงเจิดจ้า

เพลิงสีม่วงค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในฝ่ามือของเซี่ยวเฉิน จากนั้น, มันก็ไหลไปตามเส้นปราณในแขนของเขาก่อนที่จะไปรวมตัวกันที่ต้นกําเนิดเปลวเพลิงในดวงตาขวาของเขา

หลังจากที่ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน,เซี่ยวเฉินรู้สึกหิวเล็กน้อย ดังนั้น เขาจึงเตรียมตัวลงไปชั้นล่างเพื่อหาอะไรกิน

ไม่ว่าจะเป็นโรงเตี้ยมหรือร้านอาหารไหน,ช่วงค่ำก็เป็นช่วงที่วุ่นวายที่สุด หลังจากรอมาเป็นเวลานานบนชั้นสอง, ในที่สุดเซี่ยวเฉินก็ได้โต๊ะนั่งติดริมหน้าต่าง

“เจ้าได้ยินมาหรือไม่? มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นที่แคว้นตงหมิงอีกแล้ว มันจะต้องสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งอาณาจักรต้าฉัน” ขณะที่เซี่ยวเฉินกําาลังรออาหาร,เขาได้ยินเสียงพูดคุยกันของผู้บ่มเพาะพลังกลุ่มหนึ่ง

อีกคนหนึ่งกล่าวต่อ “ฮา! ฮ่า! จะมีเรื่องใหญ่อะไรอีก? เรื่องใหญ่กว่าที่เซี่ยวเฉินท้าชนเหล่าตระกูลชั้นสูงเมื่อปีก่อน?”

“เซี่ยวเฉิน? นั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว คนผู้นี้ไม่ได้ปรากฏนัวมานานนับปี ข้าเชื่อว่าตั้งแต่ที่มีตระกูลชั้นสูงหลายตระกูลไล่บ่าตัวเขา,ไม่เขาออกจากอาณาจักรต้าฉันไปแล้วก็ซ่อนตัวอยู่ตามป่าหรือเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามไปแล้ว”

“มีที่ใดภายในอาณาจักรตาฉินที่เขาจะปักหลักได้? มีใบประกาศจับตัวเขากระจายออกไปทุกแห่งในแคว้นตงหมิง,แคว้นซีเหอ,แคว้นหนานหลิง,และอีกทั้งราชสํานักหลวง”

“ใช่แล้ว บอกพวกเรามา:มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก?” มีคนถามขึ้นอย่างสนใจ

ผู้ที่เอ่ยปากขึ้นมาคนแรกยกเหล้าขึ้นมาจิบก่อนที่จะกล่าว “พวกเจ้าทั้งหมดต้องรู้เรื่องนี้,หนึ่งเดือนก่อน,ตัวนมาจึงรวบรวมผู้โดดเด่นมาจากทั่วทุกสารทิศ จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้,พวกเขารวมตัวกันเพื่อหมอมังกรฟีนิกซ์ที่อยู่ในซากนิกายหลเพลิง”

“นอกจากนั้น,พวกเขายังตาหามันเจอ แต่ท้ายที่สุด,ผู้บ่มเพาะพลังไร้ชื่อจากศาลากระบี่สวรรค์ลุ่มผู้โด่ดเด่นคนอื่นๆลงและชิงเอาหม้อมังกรฟินิกซ์หนีไปได้”

“เป็นเรื่องจริง? หม้อมังกรฟินิกซ์เป็นของในตํานาน ถูกค้นพบอีกใบหนึ่งแล้ว” คนอื่นๆอุทานขึ้นด้วยควาาตกตะลึง

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินเช่นนั้น เขาคิ้วขมวดเล็กน้อย เขาครุ่นคิดกับตัวเอง,หม้อใบนั้นก็เหมือนกับเผือกร้อน ข้าจะต้องถูกไล่ตามในตอนที่กลับไปยังศาลากระปสวรรค์

คนกลุ่มนั้นยังพูดคุยกันต่อไป แต่เซี่ยวเฉินไม่สนใจจะฟังต่อ เขารีบจัดการมื้ออาหารของเขาและกลับไปที่ห้องเพื่อบ่มเพาะพลัง

เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วในตอนที่เซี่ยวเฉินบ่มเพาะพลัง ตอนที่เขาลืมตาขึ้น,ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว

เมื่อเซี่ยวเฉินเปิดหน้าต่างด้านนอกมืดมิด มีผู้คนมากมายกําลังเดินไปตามถนน เซี่ยวเฉินพกกระบี่เงาจันทร์ของเขาแซลกระโดดออกไปอย่าเงียบๆ มุ่งหน้าสู่ผู้นําชัย

เซี่ยวเฉินจําได้ว่า ครั้งสุดท้ายที่เขาพบกันเฟิงเฟยเสวี่ย มันก็เป็นเมืองตงหมิงแห่งนี้เช่นกัน ดูเหมือนเมืองตงหมิงจะเป็นต้องชะตากับพวกเขาทั้งสอง

เซี่ยวเฉินใช้ออกมังกรฟ้าเมฆาทะยานถึงขีดสุด ในไม่ช้า,เขาก็มาถึงตรงหน้าโรงจํานําผู้นําชัยสถานการณ์ในตอนนี้ต่างออกไป;ไม่มีกระแสพลังแข็งแกร่งเข้ามาตรวจสอบเขา ในตอนที่เขาเดินขึ้นบันไดไป,ประตูก็เปิดออก

อาจารย์หวงยืนอยู่ตรงนั้น,พร้อมรอยยิ้ม เขากล่าว “นายน้อยเย่,โปรดตามข้ามา แม่นางเฟิงกำลังรอท่านอยู่”

เซี่ยวเฉินพยักหน้าเบาๆและเดินตามอาจารย์หวงไปยังห้องรับแขกที่ชั้นบนสุดของผู้นําชัยในตอนที่พวกเขามาถึงที่ประตู,อาจารย์หวงก็ปลีกตัวออกไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+