Immortal and Martial Dual Cultivation 127 สมบัติโบราณ, เรือสงคราม

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 127 สมบัติโบราณ เรือสงคราม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 127 สมบัติโบราณ, เรือสงคราม

 

“ฟู่!”

 

พลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงระเบิดออกมา เรือสงครามสีเงินลอยขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียว มันลอยขึ้นไปสูงกว่าหนึ่งพันเมตร,กลายเป็นเพียงจุดสีดําในสายตาของเซียวเฉิน

 

เซียวเฉินตกตะลึงและรีบบินขึ้นไปอย่างรวดเร็ว คาถาแรงโน้มถ่วงมันไม่ใช่ทักษะเหินบินที่แท้จริง ยิ่งเซียวเฉินลอยสูงขึ้นไปมากเท่าไหร่ เขาต้องเจอแรงโน้มถ่วงที่แข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้นปริมาณพลังปราณที่เผาผลาญยิ่งเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

 

เชียวเฉินลอยสูงขึ้นและสูงขึ้นไปอีกบนท้องฟ้าเขาสามารถเห็นชั้นเมฆนับไม่ถ้วนลอยเป็นคลื่น

 

กําลังรวมตัวกันที่เสาลําแสงที่ตรงกลางของค่ายกล มันรู้สึกราวกับเขาจะขึ้นไปถึงเส้นขอบฟ้า หลังจากทะลุผ่านชั้นเมฆนับไม่ถ้วนนี้ไป

 

พลังปราณในร่างของเขาเผาผลาญไปอย่างรวดเร็ว เซียวเฉินขมวดคิ้วเขายังสามารถมองเห็นร่างเงาลางๆของเรือสงครามสีเงิน เขาไม่รู้ว่ามันจะบินขึ้นไปสูงถึงเพียงใด

 

เซียวเฉินขบฟันแน่นและหยิบเอาหินวิญญาณระดับกลางออกมา,กํามันเอาไว้ในมือ ปริมาณพลังปราณมหาศาลไหลเข้าสู่เส้นปราณของเซียวเฉินในทันที พลังปราณหนานแน่นอัดเข้าไปในเส้นปราณของเขา

 

ความรู้สึกบวมปองเติมเต็มไปทุกอณูผิวหนังและกล้ามเนื้อของเขาเขารู้สึกราวกับกําลังจะระเบิด พวกมันถูกเติมเต็มไปด้วยพลังงานอันไร้ขอบเขตและไม่สิ้นสุด

 

“บูม!”

 

เซียวเฉินตะโกนออกมา, และความเร็วของเขาทันใดนั้นก็เพิ่มขึ้นไปสองสามเท่า ร่างกายสร้างคลื่นระเบิดไปในอากาศ เพียงพริบตาเดียว,เขาก็ไล่ตามมาถึงเรือสงครามสีเงิน

 

“บึ้ม..!”

 

เรือสงครามสีเงินวนเวียนอยู่ที่สุดยอดจุดของเสาลําแสง ด้วยเสียงอันดัง, ทันใดนั้นมันก็ขยายใหญ่ขึ้น มีธงพร้อมตัวอักษรเหยียน อยู่ตรงที่หัวเรือ โบกสะบัดไปตามสายลม

 

เมฆดําทมิฬล้อมรอบตัวเรือสงคราม;ท้องฟ้าคํารามไม่หยุดหย่อน,และสายฟ้านับไม่ถ้วนหมุนเวียนไปรอบๆ

 

“มันสามารถซ่อมแซมตัวเองได้! นักปราชญ์โบราณสร้างของเช่นนี้ขึ้นมาได้เยี่ยงไร!” เซียวเฉินตกตะลึงเมื่อเขาเห็นสายฟ้าฟาดที่ล้อมรอบเรือสงครามสีเงิน

 

เซียวเฉินวางแผนไว้ว่าจะซ่อมแซมความเสียหายของค่ายกลด้วยตัวเอง เขาไม่คาดคิดว่าเรือสงครามสีเงินจะซ่อมแซมตัวเองหลังจากที่มันดูดกลืนพลังวิญญาณเข้าไป

 

ทันใดนั้นเชียวเฉินนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ หากมันซ่อมแซมตัวเองได้เช่นนี้ด้วย,ความที่เป็นสมบัติลับของนักปราชญ์,มันน่าจะลงสัญลักษณ์ของนักปราชญ์ไว้ ตอนนี้ระดับขอบเขตนักปราชญ์ต่างล่วงลับไปหมดสิ้น,มันจะต้องค้นหาผู้คนที่สืบสายเลือดของนักปราชญ์และยอมรับให้เป็นเจ้านายโดยอัตโนมัติ

 

“ข้าจําเป็นต้องลบสัญลักษณ์ของนักปราชญ์ทิ้งและตีตราสัญลักษณ์ของข้าลงไปแทน” เซียวเฉินพูดกับตัวเองช้าๆ, ทีละคํา ดวงตาของเขาเผยความแน่วแน่

 

เขาพุ่งผ่านเมฆดํามืดและประกายสายฟ้านับไม่ถ้วน เซียวเฉินจอดลงบนพื้นอย่างมั่นคงบนหัวเรือ เขามองอย่างละเอียดไปที่ตัวอักษรเหยียนบนธงที่อยู่บนหัวเรือ

 

ธงผืนใหญ่สีดําดูเหมือนจะถูกลดต่ำลงมาตั้งแต่โบราณกาล มันตั้งนิ่งอยู่ที่หัวเรือ,พริ้วไหวไปตามสายลม อักษร “เหยียน” ที่อยู่บนธงถูกเขียนแบบลักษณะเล่นหางประดิษฐ์อักษร ทุกการสะบัดเต็มไปด้วยพลังอันโดดเด่น,เผยให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและมองดูสง่างาม

 

ดวงตาของเซียวเฉินลุกโชติช่วงราวกับคบเพลิง เขาจ้องมองไปที่ตัวอักษร “เหยียน” เขารู้ว่าจะต้องทําเช่นไร เขาจะต้องเผชิญหน้ากับนักปราชญ์เข้าลบสัญลักษณ์วิญญาณของนักปราชญ์ด้วยตัวเอง

 

เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยอันตรายมีโอกาสสูงที่จะจบลงด้วยความตาย อย่างไรก็ตาม,ดวงตาของเซียวเฉินเด็ดเดี่ยวเหมือนเช่นเคย เขาไม่มีทีท่าว่าจะถอยกลับ เขาเสียบแทงสัมผัสวิญญาณของเขาลงไปบนธงเหมือนกับดาบแหลมคม

 

“บูม!” ทันใดนั้น,ฉากรอบข้างถูกลบหายไป เซียวเฉินปรากฏตัวขึ้นบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยลาวาหนาแน่น บางครั้งก็มีสายเปลวเพลิงปะทุขึ้นมา ห่างออกไป,มีภูเขาไฟกําลังประทุ,ปลดปล่อยเปลวเพลิงและลาวาออกมา

 

ช่างแปลกประหลาด,มีดวงอาทิตย์เก้าดวงลอยอยู่บนท้องฟ้า มีร่างเทพเจ้าขนาดมหึมายืนอยู่บนท้องฟ้า:เรืองแสงกว้างหมื่นเมตรเปล่งประกายอยู่ด้านหลังของเขา พลังอํานาจอันไร้ขอบเขตของเขาแผ่ขยายไปทั่วพื้นที่นี้

 

“ตึ๋ง!”

 

ทันใดนั้นองค์เทพก็ลืมตาขึ้นและยิงลําแสงสีทอง,ห่อหุ้มเซียวเฉิน เขาตะโกนขึ้น “ช่างกล้าที่ยังไม่แสดงความเคารพต่อหน้าเทพเจ้า ทําไมเจ้ายังไม่คุกเข่า?”

 

เสียงนั้นราวกับฟ้าคํารามจากเก้าสวรรค์ มันช่างน่าสะพรึงกลัว มันดังกึกก้องไปอย่างไม่รู้จบในพื้นที่แห่งนี้แสบเข้าไปในแก้วหู,สร้างความหวาดกลัว

 

ในที่สุด มันกลายเป็นเสียงสะท้อนวนซ้ำเป็นจังหวะเดียวกันหัวใจของเซียวเฉิน เสียงสะท้อนวนซ้ำเร็วขึ้นและเร็วขึ้นเช่นเดียวกับจังหวะการเต้นของหัวใจเซียวเฉิน, เป็นจังหวะเดียวกันราวกับว่าจะกระโดดออกมาจากหน้าอกของเซียวเฉิน

 

“ปัง! ปัง! ปัง!”

 

เซียวเฉินกํามือกุมไปที่หน้าอกของเขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล เขารู้สึกมึนเมาอย่างไม่น่าเชื่อเขารู้สึกเจ็บปวดและสับสน ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาชักงอและบิดเบี้ยว พร้อมเสียง “ปึง” ขาขวาของเขาคุกเข่าลงไปอย่างช่วยไม่ได้

 

“ยังไม่คุกเข่า!!” เสียงนั้นดังกึกก้องต่อเนื่องไปในหูของเซียวเฉิน,ราวกับมันประทับลงไปในใจของเซียวเฉิน ไม่สามารถลบออกไปได้

 

เสียงอันกว้างใหญ่และทรงพลังเหนือขึ้นไปจุดสูงสุดของสวรรค์,ราวกับเสียงฟ้าคํารามแต่ละคําสั่งอัญมณี,ราวกับดาบกระบี่แหลมคมไร้ทางยับยั้ง,มวลมนุษย์ดั่งมดปลวกจะไม่หวาดกลัวได้เยี่ยงไร?

 

พลังอํานาจของนักปราชญ์โบราณช่างน่าหวาดกลัว แม้จะผ่านกาลเวลามานับหมื่นปี สัญลักษณ์ของเขายังคงทรงอํานาจน่ากลัว มันครอบงําพื้นที่จิตใจแห่งนี้อย่างสมบูรณ์

 

นี้เป็นการต่อสู้ที่ผ่าฟันมานับหมื่นปี นอกจากสัมผัสวิญญาณของเซียวเฉินจะผ่านเข้าไปได้ เขาไม่มีหนทางชนะ

 

ในจังหวะที่เข่าอีกข้างหนึ่งของเขาสัมผัสพื้น,สัญลักษณ์วิญญาณของเขาจะถูกลบหายไปตลอดกาล; ร่างของเขาจะกลายเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณ

 

เซียวเฉินพยายามอย่างที่สุดเพื่อตั้งมั่นเพื่อรักษาจิตใจของเขาให้มั่นคงชัดเจน จะมีหนทางที่จะทําลายพลังอํานาจของเทพเจ้าลงได้หรือไม่? ข้าเคยเห็นบางสิ่งที่สามารถสยบเทพเจ้าลงใต้เท้าของมันได้หรือไม่?

 

นักปราชญ์โบราณผู้นี้เคยพบเห็นเทพเจ้ามาก่อน ดังนั้นเขาจึงสร้างเทพขึ้นมาใหม่ในพื้นที่แห่งนี้ อย่างไรก็ตาม,นักบ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งที่สุดที่เซียวเฉินเคยพบเจอมาก็คือเยว่หยิง นางจะเผชิญหน้าต่อกรกับทวยเทพเช่นไร?

 

ในความเห็นของเซียวเฉิน แม้แต่จักรพรรดิอัสนีหรือจักรพรรดิเทียนหวู่ยังยากที่จะต่อกรเอาชนะเทพ พลังอํานาจของนักปราชญ์โบราณเหนือกว่าพวกเขาอย่างแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย

 

หากแม้แต่นักปราชญ์ก็ไม่อาจโค่นมันลงได้ เช่นนั้นมีอะไรที่สามารถทําได้? เทพที่นักปราชญ์โบราณสร้างขึ้นมาคือเทพเจ้าในตํานาน; การดํารงอยู่ของพวกเขาน่าหวาดกลัวยิ่งกว่านักปราชญ์หรือจักรพรรดิโบราณเสียอีก

 

มีผู้หนึ่งปรากฏขึ้นในใจของเซียวเฉิน ทันใดนั้นเซียวเฉินก็นึกถึงชายที่เขาเห็นในภาพ ปราชญ์เต๋ารู้แจ้ง ชายลึกลับผู้ที่เผชิญหน้าต่อกรกับ 18 มังกรฟ้า

 

“บูม!”

 

เซียวเฉินร้องตะโกนขึ้นและทันใดนั้น; 18 มังกรฟ้าปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา เหล่ามังกรร้องคํารามออกมาไม่ขาดระยะ,ทําลายเสียงศักดิ์สิทธิ์ที่สะท้อนไปมาในเขตแดนแห่งนี้ในทันที

 

เทพบนท้องฟ้าคํารามอย่างเกรี้ยวกราด เรืองแสงด้านหลังของเขากระพริบไหวซ้ำไปมา เขาตะโกนขึ้น “ไอ้มดปลวก! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าได้ทําผิดบาปอย่างใหญ่หลวง?”

 

เซียวเฉินปิดตาของเขา และจิตใจว่างเปล่า มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยือกเย็น จากนั้น, ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น และลําแสงสีม่วงสองสายถูกยิงออกมาปะทะกับเรืองแสงสีทองของเทพอย่างไม่เกรงกลัว

 

“สิ่งที่เรียกว่าเทพเจ้าเป็นเพียงแค่จินตนาการของมวลมนุษย์ พวกเขาถือกําเนิดขึ้นมาจากความเชื่อของผู้คน หากข้าเชื่อในเทพเจ้าเช่นนั้นเทพเจ้าจะทรงพลังอํานาจ,ไร้ขีดจํากัดและเด็ดขาด หากข้าไม่เชื่อในเทพเจ้า,เช่นนั้นทุกอย่างก็จะขึ้นอยู่กับตัวข้า ข้าคือตัวข้า,และเทพเจ้าไม่อาจมายุ่มย่าม”

 

เซียวเฉินมองไปยังเทพที่อยู่บนท้องฟ้าและพูดขึ้นอย่างช้าๆ “ข้าต้องขอบคุณเจ้า หากไม่ใช่เพราะเจ้า,สิ่งที่ครอบงําในใจของเขาจะไม่มีวันดับสิ้น”

 

เส้นทางแห่งผู้บ่มเพราะพลังมันเชื่องช้าและยาวไกลผู้หนึ่งก้าวเดินไปข้างหน้า,ความต้องการสูงขึ้นอยู่กับสภาวะจิตใจของผู้นั้น สิ่งที่เรียกว่า “พรสวรรค์” ไม่สําคัญอีกต่อไป มีผู้คนมากมายในยุคโบราณ ผู้ที่มีพรสวรรค์ตั้งแต่กําเนิด ผู้ที่กลายเป็นนักปราชญ์ สิ่งที่พวกเขาจึงใช้ก็คือหัวใจที่แน่วแน่และสภาวะจิตใจที่บริสุทธิ์

 

ไม่ว่าจะมุมใดของโลก,มันเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจะยกย่องสิ่งที่พวกเขาไม่อาจอธิบายขึ้นเป็นเทพเจ้า อย่างไรก็ตามเทพเจ้าจะไม่มีตัวตนอยู่จริงๆ?

 

ไม่มีใครอาจรู้ ถึงแม้พวกเขาจะรู้มันก็ไม่เหมือนกับที่ผู้คนส่วนใหญ่เชื่อ เซียวเฉินตอนนี้จัดการกําจัดความคิดนี้ออกไปจากหัวใจของเขา นี่จะเป็นโอกาสอันดีสําหรับเซียวเฉินขณะที่เขาฝึกฝนจิตใจของเขาในอนาคต

 

ท้ายที่สุด เทพเจ้าองค์นี้ก็เป็นเพียงสัญลักษณ์ที่นักปราชญ์ทิ้งเอาไว้ ตราบใดที่เซียวเฉินรู้แจ้งถึงสิ่งนี้ไม่มีเหตุผลที่เซียวเฉินจะพ่ายแพ้ในการต่อสู้

 

หลังจากที่เซียวเฉินพูดจบ,แสงเบื้องหลังของเทพค่อยๆมีดดับลงช้าๆ เรืองแสงขนาดใหญ่ถูกลบหายไป กลายเป็นไม่มีตัวตนอยู่

 

“บึ้ม..!”

 

มหาสมุทรอันไร้ขอบเขตปรากฏขึ้นเบื้องหลังของเซียวเฉินเสียงคลื่นคําราม,และชั้นคลื่นเหนือชั้นคลื่นทับถมสาดกระหน่รุนแรง

 

มีเสียงมังกรคํารามออกมาให้ได้ยินและมังกรฟ้ากระโดดขึ้นมาจากทะเล ที่กําลังยืนอยู่บนหัวของมังกรคือชายที่กําลังถือกระบี่ ในจังหวะที่เขาปรากฏตัว,18 มังกรฟ้าที่ล้อมรอบเซียวเฉินบินไปเบื้องหลังของเขาในทันที

 

เสียงคํารามของมังกรดังซ้ำวนไปทุกพื้นที่ รอยแตกปรากฏขึ้นบนขอบพื้นที่แห่งนี้ แตกลามออกไปอย่างช้าๆ

 

ชายผู้ที่ยืนอยู่บนหัวมังกรมองไปยังเทพที่อยู่บนท้องฟ้าและเผยรอยยิ้มหยิ่งยโส เขากระโดดออกไปด้วยเท้าของเขา,และร่างของเขาก็ลบหายไปจากจุดเดิม

 

“ตึ๋ง!”

 

กระบี่วูบผ่าน,และเทพองค์นั้นถูกกุดหัว ความเร็วของเขารวดเร็วเป็นอย่างมากเซียวเฉินมองไม่ทันแม้แต่เงาของเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมองตามการเคลื่อนไหวของเขาด้วยตา

 

พื้นที่แห่งนี้ทันใดนั้นก็พังทลาย,และฉากเบื้องหน้าแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง และธงสีดําทมิฬผืนใหญ่ปรากฏขึ้นในพื้นที่รกร้าง

 

เซียวเฉินบินต่ำลงมาจากท้องฟ้า,ค่อยๆลงมายืนบนพื้น เขาเดินตรงไปที่ธงสีดํา และเขาก็เห็นตัวอักษรเหยียนเลือนลางอยู่บนธง

 

เซียวเฉินไม่ลังเลพร้อมกับเดินตรงไปหยิบธงสีดําขึ้นมาในพริบตา,หมู่เมฆพรุ่งพร่าน,และสายลมรุนแรงพัดผ่าน,เปาเอาหินทรายไปรอบๆ

 

“ฮ่ะ!”

 

เซียวเฉินเปิดปากของเขาและกลืนธงสีดําเข้าไป เขาตั้งใจที่จะกลืนเต๋าที่บรรจุอยู่ในธงผืนนี้ พื้นที่กลายเป็นเงียบเชียบในทันที

 

เซียวเฉินนั่งลงไขว้ขาขัดสมาธิและปิดตาของเขาลง,ทําความเข้าใจอย่างละเอียดถึงกฎของสวรรค์และปฐพี รู้แจ้งเกี่ยวกับเต๋าที่นักปราชญ์ทิ้งไว้ภายในผืนธง

 

รอบกายของเขาเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง เพียงครู่หนึ่ง,เปลวเพลิงสงครามห่อหุ้มเขา โลหิตสาดกระจายตลอดสมรภูมิรบโบราณ มีนักปราชญ์กําลังร่วงหล่นและมหาปีศาจกําลังตายลง จากนั้นเพียงครู่เดียว มันกลายเป็นค่ำคืนหิมะโปรยปราย กลีบดอกไม้เติมเต็มท้องฟ้าใต้แสงจันทร์ มันช่างเป็นฉากที่สวยงามและน่าประทับใจอย่างยิ่ง

 

จากนั้น มันกลายเป็นนักปราชญ์กําลังรู้แจ้ง มีปรากฏการณ์ลึกลับปรากฏขึ้นบนยอดเขา สายฟ้านับไม่ถ้วนร้องคําราม นักปราชญ์กําลังรู้แจ้งเต๋าท่ามกลางเสียงสายฟ้าคําราม

 

ในที่สุด ทั้งหมดทั้งมวลจางหายไป ทิ้งไว้เพียงฉากสีเทา มีร่างมนุษย์ยืนอยู่บนท้องฟ้า กําลังมองไปยังที่แสนไกล มีความเปล่าเปลี่ยวอย่างไม่น่าเชื่อในดวงตาของเขา

 

นี้คือชีวิตของนักปราชญ์ เขาเคยเยาว์และคึกคะนอง,ผ่านประสบการณ์ มีความรัก, โศกเศร้า,กิเลส,และเกลียดชัง, เขาเคยไร้ผู้เทียบเคียง,จรไปทั่วสวรรค์และพิภพ, ถอนดวงดาวและเด็ดเอาดวงจันทร์ไม่มีอะไรที่เขาไม่อาจทําได้

 

อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุด เขาก็ถูกทิ้งไว้กับความเปล่าเปลี่ยวเหลือคนานับ ไม่มีใครที่อาจเข้าใจถึงความเจ็บปวดของเขาได้ เขาถอนหายใจยาวเส้นทางแห่งนักปราชญ์ช่างโดดเดี่ยวและโลกมนุษย์ช่างว่างเปล่า

 

ทันใดนั้นเซียวเฉินก็ลืมตาขึ้น;ความสับสนวุ่นวายปรากฏในสายตาของเขา เขามองเห็นชีวิตของนักปราชญ์โบราณ มันราวกับหนึ่งหมื่นปีได้ผ่านเลยไปในชั่วพริบตาเดียว มันราวกับฝันไป

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 127 สมบัติโบราณ, เรือสงคราม

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 127 สมบัติโบราณ เรือสงคราม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 127 สมบัติโบราณ, เรือสงคราม

 

“ฟู่!”

 

พลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงระเบิดออกมา เรือสงครามสีเงินลอยขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียว มันลอยขึ้นไปสูงกว่าหนึ่งพันเมตร,กลายเป็นเพียงจุดสีดําในสายตาของเซียวเฉิน

 

เซียวเฉินตกตะลึงและรีบบินขึ้นไปอย่างรวดเร็ว คาถาแรงโน้มถ่วงมันไม่ใช่ทักษะเหินบินที่แท้จริง ยิ่งเซียวเฉินลอยสูงขึ้นไปมากเท่าไหร่ เขาต้องเจอแรงโน้มถ่วงที่แข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้นปริมาณพลังปราณที่เผาผลาญยิ่งเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

 

เชียวเฉินลอยสูงขึ้นและสูงขึ้นไปอีกบนท้องฟ้าเขาสามารถเห็นชั้นเมฆนับไม่ถ้วนลอยเป็นคลื่น

 

กําลังรวมตัวกันที่เสาลําแสงที่ตรงกลางของค่ายกล มันรู้สึกราวกับเขาจะขึ้นไปถึงเส้นขอบฟ้า หลังจากทะลุผ่านชั้นเมฆนับไม่ถ้วนนี้ไป

 

พลังปราณในร่างของเขาเผาผลาญไปอย่างรวดเร็ว เซียวเฉินขมวดคิ้วเขายังสามารถมองเห็นร่างเงาลางๆของเรือสงครามสีเงิน เขาไม่รู้ว่ามันจะบินขึ้นไปสูงถึงเพียงใด

 

เซียวเฉินขบฟันแน่นและหยิบเอาหินวิญญาณระดับกลางออกมา,กํามันเอาไว้ในมือ ปริมาณพลังปราณมหาศาลไหลเข้าสู่เส้นปราณของเซียวเฉินในทันที พลังปราณหนานแน่นอัดเข้าไปในเส้นปราณของเขา

 

ความรู้สึกบวมปองเติมเต็มไปทุกอณูผิวหนังและกล้ามเนื้อของเขาเขารู้สึกราวกับกําลังจะระเบิด พวกมันถูกเติมเต็มไปด้วยพลังงานอันไร้ขอบเขตและไม่สิ้นสุด

 

“บูม!”

 

เซียวเฉินตะโกนออกมา, และความเร็วของเขาทันใดนั้นก็เพิ่มขึ้นไปสองสามเท่า ร่างกายสร้างคลื่นระเบิดไปในอากาศ เพียงพริบตาเดียว,เขาก็ไล่ตามมาถึงเรือสงครามสีเงิน

 

“บึ้ม..!”

 

เรือสงครามสีเงินวนเวียนอยู่ที่สุดยอดจุดของเสาลําแสง ด้วยเสียงอันดัง, ทันใดนั้นมันก็ขยายใหญ่ขึ้น มีธงพร้อมตัวอักษรเหยียน อยู่ตรงที่หัวเรือ โบกสะบัดไปตามสายลม

 

เมฆดําทมิฬล้อมรอบตัวเรือสงคราม;ท้องฟ้าคํารามไม่หยุดหย่อน,และสายฟ้านับไม่ถ้วนหมุนเวียนไปรอบๆ

 

“มันสามารถซ่อมแซมตัวเองได้! นักปราชญ์โบราณสร้างของเช่นนี้ขึ้นมาได้เยี่ยงไร!” เซียวเฉินตกตะลึงเมื่อเขาเห็นสายฟ้าฟาดที่ล้อมรอบเรือสงครามสีเงิน

 

เซียวเฉินวางแผนไว้ว่าจะซ่อมแซมความเสียหายของค่ายกลด้วยตัวเอง เขาไม่คาดคิดว่าเรือสงครามสีเงินจะซ่อมแซมตัวเองหลังจากที่มันดูดกลืนพลังวิญญาณเข้าไป

 

ทันใดนั้นเชียวเฉินนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ หากมันซ่อมแซมตัวเองได้เช่นนี้ด้วย,ความที่เป็นสมบัติลับของนักปราชญ์,มันน่าจะลงสัญลักษณ์ของนักปราชญ์ไว้ ตอนนี้ระดับขอบเขตนักปราชญ์ต่างล่วงลับไปหมดสิ้น,มันจะต้องค้นหาผู้คนที่สืบสายเลือดของนักปราชญ์และยอมรับให้เป็นเจ้านายโดยอัตโนมัติ

 

“ข้าจําเป็นต้องลบสัญลักษณ์ของนักปราชญ์ทิ้งและตีตราสัญลักษณ์ของข้าลงไปแทน” เซียวเฉินพูดกับตัวเองช้าๆ, ทีละคํา ดวงตาของเขาเผยความแน่วแน่

 

เขาพุ่งผ่านเมฆดํามืดและประกายสายฟ้านับไม่ถ้วน เซียวเฉินจอดลงบนพื้นอย่างมั่นคงบนหัวเรือ เขามองอย่างละเอียดไปที่ตัวอักษรเหยียนบนธงที่อยู่บนหัวเรือ

 

ธงผืนใหญ่สีดําดูเหมือนจะถูกลดต่ำลงมาตั้งแต่โบราณกาล มันตั้งนิ่งอยู่ที่หัวเรือ,พริ้วไหวไปตามสายลม อักษร “เหยียน” ที่อยู่บนธงถูกเขียนแบบลักษณะเล่นหางประดิษฐ์อักษร ทุกการสะบัดเต็มไปด้วยพลังอันโดดเด่น,เผยให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและมองดูสง่างาม

 

ดวงตาของเซียวเฉินลุกโชติช่วงราวกับคบเพลิง เขาจ้องมองไปที่ตัวอักษร “เหยียน” เขารู้ว่าจะต้องทําเช่นไร เขาจะต้องเผชิญหน้ากับนักปราชญ์เข้าลบสัญลักษณ์วิญญาณของนักปราชญ์ด้วยตัวเอง

 

เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยอันตรายมีโอกาสสูงที่จะจบลงด้วยความตาย อย่างไรก็ตาม,ดวงตาของเซียวเฉินเด็ดเดี่ยวเหมือนเช่นเคย เขาไม่มีทีท่าว่าจะถอยกลับ เขาเสียบแทงสัมผัสวิญญาณของเขาลงไปบนธงเหมือนกับดาบแหลมคม

 

“บูม!” ทันใดนั้น,ฉากรอบข้างถูกลบหายไป เซียวเฉินปรากฏตัวขึ้นบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยลาวาหนาแน่น บางครั้งก็มีสายเปลวเพลิงปะทุขึ้นมา ห่างออกไป,มีภูเขาไฟกําลังประทุ,ปลดปล่อยเปลวเพลิงและลาวาออกมา

 

ช่างแปลกประหลาด,มีดวงอาทิตย์เก้าดวงลอยอยู่บนท้องฟ้า มีร่างเทพเจ้าขนาดมหึมายืนอยู่บนท้องฟ้า:เรืองแสงกว้างหมื่นเมตรเปล่งประกายอยู่ด้านหลังของเขา พลังอํานาจอันไร้ขอบเขตของเขาแผ่ขยายไปทั่วพื้นที่นี้

 

“ตึ๋ง!”

 

ทันใดนั้นองค์เทพก็ลืมตาขึ้นและยิงลําแสงสีทอง,ห่อหุ้มเซียวเฉิน เขาตะโกนขึ้น “ช่างกล้าที่ยังไม่แสดงความเคารพต่อหน้าเทพเจ้า ทําไมเจ้ายังไม่คุกเข่า?”

 

เสียงนั้นราวกับฟ้าคํารามจากเก้าสวรรค์ มันช่างน่าสะพรึงกลัว มันดังกึกก้องไปอย่างไม่รู้จบในพื้นที่แห่งนี้แสบเข้าไปในแก้วหู,สร้างความหวาดกลัว

 

ในที่สุด มันกลายเป็นเสียงสะท้อนวนซ้ำเป็นจังหวะเดียวกันหัวใจของเซียวเฉิน เสียงสะท้อนวนซ้ำเร็วขึ้นและเร็วขึ้นเช่นเดียวกับจังหวะการเต้นของหัวใจเซียวเฉิน, เป็นจังหวะเดียวกันราวกับว่าจะกระโดดออกมาจากหน้าอกของเซียวเฉิน

 

“ปัง! ปัง! ปัง!”

 

เซียวเฉินกํามือกุมไปที่หน้าอกของเขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล เขารู้สึกมึนเมาอย่างไม่น่าเชื่อเขารู้สึกเจ็บปวดและสับสน ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาชักงอและบิดเบี้ยว พร้อมเสียง “ปึง” ขาขวาของเขาคุกเข่าลงไปอย่างช่วยไม่ได้

 

“ยังไม่คุกเข่า!!” เสียงนั้นดังกึกก้องต่อเนื่องไปในหูของเซียวเฉิน,ราวกับมันประทับลงไปในใจของเซียวเฉิน ไม่สามารถลบออกไปได้

 

เสียงอันกว้างใหญ่และทรงพลังเหนือขึ้นไปจุดสูงสุดของสวรรค์,ราวกับเสียงฟ้าคํารามแต่ละคําสั่งอัญมณี,ราวกับดาบกระบี่แหลมคมไร้ทางยับยั้ง,มวลมนุษย์ดั่งมดปลวกจะไม่หวาดกลัวได้เยี่ยงไร?

 

พลังอํานาจของนักปราชญ์โบราณช่างน่าหวาดกลัว แม้จะผ่านกาลเวลามานับหมื่นปี สัญลักษณ์ของเขายังคงทรงอํานาจน่ากลัว มันครอบงําพื้นที่จิตใจแห่งนี้อย่างสมบูรณ์

 

นี้เป็นการต่อสู้ที่ผ่าฟันมานับหมื่นปี นอกจากสัมผัสวิญญาณของเซียวเฉินจะผ่านเข้าไปได้ เขาไม่มีหนทางชนะ

 

ในจังหวะที่เข่าอีกข้างหนึ่งของเขาสัมผัสพื้น,สัญลักษณ์วิญญาณของเขาจะถูกลบหายไปตลอดกาล; ร่างของเขาจะกลายเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณ

 

เซียวเฉินพยายามอย่างที่สุดเพื่อตั้งมั่นเพื่อรักษาจิตใจของเขาให้มั่นคงชัดเจน จะมีหนทางที่จะทําลายพลังอํานาจของเทพเจ้าลงได้หรือไม่? ข้าเคยเห็นบางสิ่งที่สามารถสยบเทพเจ้าลงใต้เท้าของมันได้หรือไม่?

 

นักปราชญ์โบราณผู้นี้เคยพบเห็นเทพเจ้ามาก่อน ดังนั้นเขาจึงสร้างเทพขึ้นมาใหม่ในพื้นที่แห่งนี้ อย่างไรก็ตาม,นักบ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งที่สุดที่เซียวเฉินเคยพบเจอมาก็คือเยว่หยิง นางจะเผชิญหน้าต่อกรกับทวยเทพเช่นไร?

 

ในความเห็นของเซียวเฉิน แม้แต่จักรพรรดิอัสนีหรือจักรพรรดิเทียนหวู่ยังยากที่จะต่อกรเอาชนะเทพ พลังอํานาจของนักปราชญ์โบราณเหนือกว่าพวกเขาอย่างแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย

 

หากแม้แต่นักปราชญ์ก็ไม่อาจโค่นมันลงได้ เช่นนั้นมีอะไรที่สามารถทําได้? เทพที่นักปราชญ์โบราณสร้างขึ้นมาคือเทพเจ้าในตํานาน; การดํารงอยู่ของพวกเขาน่าหวาดกลัวยิ่งกว่านักปราชญ์หรือจักรพรรดิโบราณเสียอีก

 

มีผู้หนึ่งปรากฏขึ้นในใจของเซียวเฉิน ทันใดนั้นเซียวเฉินก็นึกถึงชายที่เขาเห็นในภาพ ปราชญ์เต๋ารู้แจ้ง ชายลึกลับผู้ที่เผชิญหน้าต่อกรกับ 18 มังกรฟ้า

 

“บูม!”

 

เซียวเฉินร้องตะโกนขึ้นและทันใดนั้น; 18 มังกรฟ้าปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา เหล่ามังกรร้องคํารามออกมาไม่ขาดระยะ,ทําลายเสียงศักดิ์สิทธิ์ที่สะท้อนไปมาในเขตแดนแห่งนี้ในทันที

 

เทพบนท้องฟ้าคํารามอย่างเกรี้ยวกราด เรืองแสงด้านหลังของเขากระพริบไหวซ้ำไปมา เขาตะโกนขึ้น “ไอ้มดปลวก! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าได้ทําผิดบาปอย่างใหญ่หลวง?”

 

เซียวเฉินปิดตาของเขา และจิตใจว่างเปล่า มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยือกเย็น จากนั้น, ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น และลําแสงสีม่วงสองสายถูกยิงออกมาปะทะกับเรืองแสงสีทองของเทพอย่างไม่เกรงกลัว

 

“สิ่งที่เรียกว่าเทพเจ้าเป็นเพียงแค่จินตนาการของมวลมนุษย์ พวกเขาถือกําเนิดขึ้นมาจากความเชื่อของผู้คน หากข้าเชื่อในเทพเจ้าเช่นนั้นเทพเจ้าจะทรงพลังอํานาจ,ไร้ขีดจํากัดและเด็ดขาด หากข้าไม่เชื่อในเทพเจ้า,เช่นนั้นทุกอย่างก็จะขึ้นอยู่กับตัวข้า ข้าคือตัวข้า,และเทพเจ้าไม่อาจมายุ่มย่าม”

 

เซียวเฉินมองไปยังเทพที่อยู่บนท้องฟ้าและพูดขึ้นอย่างช้าๆ “ข้าต้องขอบคุณเจ้า หากไม่ใช่เพราะเจ้า,สิ่งที่ครอบงําในใจของเขาจะไม่มีวันดับสิ้น”

 

เส้นทางแห่งผู้บ่มเพราะพลังมันเชื่องช้าและยาวไกลผู้หนึ่งก้าวเดินไปข้างหน้า,ความต้องการสูงขึ้นอยู่กับสภาวะจิตใจของผู้นั้น สิ่งที่เรียกว่า “พรสวรรค์” ไม่สําคัญอีกต่อไป มีผู้คนมากมายในยุคโบราณ ผู้ที่มีพรสวรรค์ตั้งแต่กําเนิด ผู้ที่กลายเป็นนักปราชญ์ สิ่งที่พวกเขาจึงใช้ก็คือหัวใจที่แน่วแน่และสภาวะจิตใจที่บริสุทธิ์

 

ไม่ว่าจะมุมใดของโลก,มันเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจะยกย่องสิ่งที่พวกเขาไม่อาจอธิบายขึ้นเป็นเทพเจ้า อย่างไรก็ตามเทพเจ้าจะไม่มีตัวตนอยู่จริงๆ?

 

ไม่มีใครอาจรู้ ถึงแม้พวกเขาจะรู้มันก็ไม่เหมือนกับที่ผู้คนส่วนใหญ่เชื่อ เซียวเฉินตอนนี้จัดการกําจัดความคิดนี้ออกไปจากหัวใจของเขา นี่จะเป็นโอกาสอันดีสําหรับเซียวเฉินขณะที่เขาฝึกฝนจิตใจของเขาในอนาคต

 

ท้ายที่สุด เทพเจ้าองค์นี้ก็เป็นเพียงสัญลักษณ์ที่นักปราชญ์ทิ้งเอาไว้ ตราบใดที่เซียวเฉินรู้แจ้งถึงสิ่งนี้ไม่มีเหตุผลที่เซียวเฉินจะพ่ายแพ้ในการต่อสู้

 

หลังจากที่เซียวเฉินพูดจบ,แสงเบื้องหลังของเทพค่อยๆมีดดับลงช้าๆ เรืองแสงขนาดใหญ่ถูกลบหายไป กลายเป็นไม่มีตัวตนอยู่

 

“บึ้ม..!”

 

มหาสมุทรอันไร้ขอบเขตปรากฏขึ้นเบื้องหลังของเซียวเฉินเสียงคลื่นคําราม,และชั้นคลื่นเหนือชั้นคลื่นทับถมสาดกระหน่รุนแรง

 

มีเสียงมังกรคํารามออกมาให้ได้ยินและมังกรฟ้ากระโดดขึ้นมาจากทะเล ที่กําลังยืนอยู่บนหัวของมังกรคือชายที่กําลังถือกระบี่ ในจังหวะที่เขาปรากฏตัว,18 มังกรฟ้าที่ล้อมรอบเซียวเฉินบินไปเบื้องหลังของเขาในทันที

 

เสียงคํารามของมังกรดังซ้ำวนไปทุกพื้นที่ รอยแตกปรากฏขึ้นบนขอบพื้นที่แห่งนี้ แตกลามออกไปอย่างช้าๆ

 

ชายผู้ที่ยืนอยู่บนหัวมังกรมองไปยังเทพที่อยู่บนท้องฟ้าและเผยรอยยิ้มหยิ่งยโส เขากระโดดออกไปด้วยเท้าของเขา,และร่างของเขาก็ลบหายไปจากจุดเดิม

 

“ตึ๋ง!”

 

กระบี่วูบผ่าน,และเทพองค์นั้นถูกกุดหัว ความเร็วของเขารวดเร็วเป็นอย่างมากเซียวเฉินมองไม่ทันแม้แต่เงาของเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมองตามการเคลื่อนไหวของเขาด้วยตา

 

พื้นที่แห่งนี้ทันใดนั้นก็พังทลาย,และฉากเบื้องหน้าแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง และธงสีดําทมิฬผืนใหญ่ปรากฏขึ้นในพื้นที่รกร้าง

 

เซียวเฉินบินต่ำลงมาจากท้องฟ้า,ค่อยๆลงมายืนบนพื้น เขาเดินตรงไปที่ธงสีดํา และเขาก็เห็นตัวอักษรเหยียนเลือนลางอยู่บนธง

 

เซียวเฉินไม่ลังเลพร้อมกับเดินตรงไปหยิบธงสีดําขึ้นมาในพริบตา,หมู่เมฆพรุ่งพร่าน,และสายลมรุนแรงพัดผ่าน,เปาเอาหินทรายไปรอบๆ

 

“ฮ่ะ!”

 

เซียวเฉินเปิดปากของเขาและกลืนธงสีดําเข้าไป เขาตั้งใจที่จะกลืนเต๋าที่บรรจุอยู่ในธงผืนนี้ พื้นที่กลายเป็นเงียบเชียบในทันที

 

เซียวเฉินนั่งลงไขว้ขาขัดสมาธิและปิดตาของเขาลง,ทําความเข้าใจอย่างละเอียดถึงกฎของสวรรค์และปฐพี รู้แจ้งเกี่ยวกับเต๋าที่นักปราชญ์ทิ้งไว้ภายในผืนธง

 

รอบกายของเขาเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง เพียงครู่หนึ่ง,เปลวเพลิงสงครามห่อหุ้มเขา โลหิตสาดกระจายตลอดสมรภูมิรบโบราณ มีนักปราชญ์กําลังร่วงหล่นและมหาปีศาจกําลังตายลง จากนั้นเพียงครู่เดียว มันกลายเป็นค่ำคืนหิมะโปรยปราย กลีบดอกไม้เติมเต็มท้องฟ้าใต้แสงจันทร์ มันช่างเป็นฉากที่สวยงามและน่าประทับใจอย่างยิ่ง

 

จากนั้น มันกลายเป็นนักปราชญ์กําลังรู้แจ้ง มีปรากฏการณ์ลึกลับปรากฏขึ้นบนยอดเขา สายฟ้านับไม่ถ้วนร้องคําราม นักปราชญ์กําลังรู้แจ้งเต๋าท่ามกลางเสียงสายฟ้าคําราม

 

ในที่สุด ทั้งหมดทั้งมวลจางหายไป ทิ้งไว้เพียงฉากสีเทา มีร่างมนุษย์ยืนอยู่บนท้องฟ้า กําลังมองไปยังที่แสนไกล มีความเปล่าเปลี่ยวอย่างไม่น่าเชื่อในดวงตาของเขา

 

นี้คือชีวิตของนักปราชญ์ เขาเคยเยาว์และคึกคะนอง,ผ่านประสบการณ์ มีความรัก, โศกเศร้า,กิเลส,และเกลียดชัง, เขาเคยไร้ผู้เทียบเคียง,จรไปทั่วสวรรค์และพิภพ, ถอนดวงดาวและเด็ดเอาดวงจันทร์ไม่มีอะไรที่เขาไม่อาจทําได้

 

อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุด เขาก็ถูกทิ้งไว้กับความเปล่าเปลี่ยวเหลือคนานับ ไม่มีใครที่อาจเข้าใจถึงความเจ็บปวดของเขาได้ เขาถอนหายใจยาวเส้นทางแห่งนักปราชญ์ช่างโดดเดี่ยวและโลกมนุษย์ช่างว่างเปล่า

 

ทันใดนั้นเซียวเฉินก็ลืมตาขึ้น;ความสับสนวุ่นวายปรากฏในสายตาของเขา เขามองเห็นชีวิตของนักปราชญ์โบราณ มันราวกับหนึ่งหมื่นปีได้ผ่านเลยไปในชั่วพริบตาเดียว มันราวกับฝันไป

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+