Immortal and Martial Dual Cultivation 308 ราชวังเหมันต์ลึกล้ํา

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 308 ราชวังเหมันต์ลึกล้ํา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 308 ราชวังเหมันต์ลึกล้ํา

ปัญหานี้ก่อกวนเซียวเฉินมาเป็นเวลานาน จน ถึงตอนนี้ เขายังไม่พบหนทางแก้ไข เป็นเพราะ เช่นนี้ เขาถึงเกือบจะยอมแพ้ในทักษะกระบหลิง หยุนระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม

นี่เป็นเพราะความเข้าใจในสภาวะแห่งขุนเขาใน ทักษะกระบีของเขาได้หยุดลงอย่างถาวร และมัน แนวโน้มที่จะลดลงเรื่อยๆ สภาวะแห่งขุนผาเมฆา ได้พังทลายลง

เมื่อสภาวะพังทลาย,พลังของกระบี่ก็จะไม่สม บูรณ์ ก่อนที่เซียวเฉินจะใช้ออกกระบวณท่า มันก็ ถูกทําลายลงแล้ว เขาจะกล้าใช้มันออกมาได้ อย่างไร?

เซียวเฉินถามอย่างเฉยเมย “มันจะมีวิธีใดบ้างที่ จะรักษาพลังปราณธาตุสายฟ้าของข้า?”

หยุนเข่อซินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าว “มีอยู่หลายวิธี หาเจ้าสามารถหาทักษะต่อสู้ธาตุ สายฟ้าระดับสวรรค์,หรือกระทั่งทักษะต่อสู้ระดับสูงสุด,ก็สามารถทําได้ อย่างไรก็ตาม หากเจ้าอยากที่จะบ่มเพาะพลังธาตุคู่,การบ่มเพาะพลังของเจ้าจะล่าช้ากว่าผู้บ่มเพาะพลังทั่วไป”

ทักษะบ่มเพาะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าทักษะบ่มเพาะมังกรสัญจร มันเหมือนว่าข้าจะสามารถบ่มเพาะทักษะมังกรสัญจรได้

อย่างไรก็ตาม,เซียวเฉินมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการบ่มเพาะพลังคู่ เขาถามขึ้น “ทําไมผู้บ่มเพาะพลังธาตุคู่ที่ข้าเคยพบดูเหมือนจะไม่ได้มีการบ่มเพาะพลังล่าช้ากว่าผู้บ่มเพาะพลังทั่วไป?”

หยุนเข่อซินยิ้มและกล่าว “เจ้าจะต้องหมายถึงมู่หลงชง ตามที่ข้ารู้,เขาบ่มเพาะทักษะเมฆาวายุ นี่เป็นทักษะบ่มเพาะระดับปฐพีขั้นสูงสุดที่เป็นธาตุคู่โดยธรรมชาติ ทักษะบ่มเพาะพลังเช่นนี้หายากเป็นอย่างยิ่ง มูลค่าของมันไม่ต่ําไปกว่าทักษะบ่มเพาะระดับสวรรค์”

เซี่ยวเฉินพลันกระจ่าง เป็นเช่นนี้นี่เอง ไม่สงสัยว่าทําไมสภาวะแห่งสายลมและเมฆาของมู่หลงชงจะผสานกันได้อย่างลงตัว

หากเซียวเฉินฝึกฝนทักษะบ่มเพาะพลังธาตุคู่,ทุกอย่างจะเกิดขึ้นเมื่อถึงเวลา อย่างไรก็ตาม,ไม่รู้ว่าหยุนเข่อซินรู้ความลับเช่นนี้ได้อย่าง

ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ซักพักหนึ่งหลังจากนั้น ในที่สุด, หยุนเข่อซินก็ลุกขึ้นและกล่าว “ข้าขอตัวก่อน ข้าตั้งใจจะยกเลิกภารกิจในวันพรุ่งนี้ เจ้าควรระวังตัวให้ดี”

“ทําไม?”

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินเช่นนั้น เขาร่อนข้างประหลาดใจ เขาเชื่อว่าด้วยความแข็งแกร่งของหยุนเข่อซิน,ไม่มีปัญหาที่จะติดสิบอันดับแรกของกลุ่ม ทําไมนางเลือกที่จะยอมปล่อยไป?

หยุนเข่อซินอธิบาย “มันอันตรายเกินไป ก่อนที่ข้าจะมา,ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นป่าน้ําหมึก นอกจากนั้น ยังมีคู่แข่งอีกมากมาย ข้าเพิ่งจะได้รับทักษะบ่มเพาะระดับสวรรค์มา ท้ายที่สุด,ประสบการณ์ของข้าก็ด้อยกว่าคนเหล่านั้น”

ทํารวามเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของคู่แข่งและ ไม่มั่นใจในทักษะบ่มเพาะพลังระดับสวรรค์มากเกินไป จากนั้นก็ตัดสินใจอย่างเยือกเย็น;กรอบความคิดของหยุนเข่อซินเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะพลังส่วนมากไม่อาจทําได้
ขณะที่เซียวเฉินมองดูหยุนเข่อซินจากไป เขาไตร่ตรองอยู่ในใจ ความถ่อมตัวเช่นนี้เป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะพลังทุกคนควรจะเรียนรู้เอาไว้

ตั้งแต่สมัยโบราณ มีอัจฉริยะมากมายที่ตกตายลงเพราะมั่นใจจนดวงตามืดบอด อัจฉริยะที่ตกตายลงก็ไม่ใช่อัจฉริยะอีกต่อไป พวกเขาเป็นเพียงฐานหินให้คนอื่นเหยียบขึ้นไป

แสงลุ่มลึกเผยขึ้นในดวงตาของเซี่ยวเฉิน เขากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าไม่น่าจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายในป่าน้ําหมึก อย่างไรก็ตาม ข้าไม่อาจลดการป้องกันลง อันตรายที่แท้จริงอายจะไม่ใช่สัตว์อสูรปีศาจในป่า กลับกัน,อาจจะเป็นคู่แข่งที่อยู่รอบตัว”

เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นและเรืองแสงลงมาที่พื้น,เชี่ยวเฉินออกจากสถานะบ่มเพาะพลัง หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จ มีคนนําทางเขาไปที่ลานประลองในที่พักทันที

ผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นคนอื่นได้มาถึงที่ลานประลองทีละคน เซี่ยวเฉินมองไปรอบๆและสังเกตเห็นว่านอกจากหยุนเข่อซิน,ไม่มีคนอื่นที่ถอนตัว
“ดูนั้น! ราชวังเหมันต์ลึกล้ําของตระกูลต้วนมู่กําลังบินเข้ามา”

ทันใดนั้น,เงาขนาดใหญ่ก็ลอยผ่านทุกคน ในตอนที่พวกเขาเงยหน้าขึ้นไปมองดู,พวกเขามองเห็นวิหคน้ําแข็งขนาดใหญ่,ตัวยาวหนึ่งร้อยเมตรกับช่วงปีกยาวสี่ร้อยเมตร

มีราชวังน้ําแข็งเก้าชั้นอยู่บนหลังของวิหคน้ําแข็งตัวนี้ นี่คือราชวังเหมันต์ลึกล้ําอันเลื่องชื่อของตระกูลต้วนมู่

กล่าวได้ว่าจากสมบัติลับสมบูรณ์ประเภทบินทั้ง สิบชิ้นที่มีรูปแบบค่ายกลสู้รบในอาณาจักรต้าฉิน,อีกเก้าชิ้นที่เหลืออยู่ในมือของราชสํานัก

“ดูเหมือนตระกูลต้วนม่จะพยายามอย่างมากในภารกิจครั้งนี้ พวกเขาถึงกับเอาราชวังเหมันต์ลึกล้ําออกมาใช้ ข้าได้ยินมาว่าการรักษาระบบการบินและต่อสู้ของราชวังเหมันต์ลึกล้ําต้องใช้หินวิญญาณระดับกลางสองพันก้อนต่อวัน

“เว้ง!”

ราชวังเหมันต์ลึกล้ําลงจอดอย่างมั่นคงบนลานประลอง ต้วนมู่ฉิงเปิดประตูของราชวังน้ําแข็งและเชิญชวนให้ทุกคนเข้าไป

ฝูงชนทั้งหมดเดินเรียงแถวกันเข้าไป พวกเขาสงสัยอย่างยิ่งเกี่ยวกับราชวังเหมันต์ลึกล้ําอันโด่งดัง หลังยากที่พวกเขาเข้าไป,พวกเขามองประเมินไปรอบๆ

ราชวังเหมันต์ลึกล้ําที่หนาวเหน็บอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ได้ทําให้ผู้บ่มเพาะพลังรู้สึกหนาวเย็นหลังจากที่เข้ามา กลับกัน,พวกเขารู้สึกสดชื่นและเย็นสบาย

หลังจากที่เขาไปยังชั้นแรก,พวกเขาพบห้องโถงที่กว้างใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ ที่ตรงกลางของห้องโถงมีโต๊ะ,เก้าอี้,และเครื่องเรือนทุกชนิดทุกอย่างที่ต้องการ แน่นอน,เครื่องเรือนเหล่านี้ทํามาจากน้ําแข็ง

มีลายแกะสลักอยู่บนกําแพงโดยรอบทั้งหมด ล้วนสวยสดงดงาม ยังมีหน้าต่างอีกจํานวนมาก,สามารถมองเห็นสถานการณ์ที่ด้านนอก

ตัวนมู่ฉิงนําทุกคนขึ้นไปที่ชั้นสอง มีห้องมากมายอยู่ที่ชั้นสองมีห้องมากมายอยู่บนที่ชั้น สองคนทั้งหนึ่งร้อยคนได้รับห้องพักของตัวเอง

ก่อนที่พวกเขาจะแยกย้าย,ตัวนมู่ฉิงเตือนพวกเขาด้วยเสียงนุ่ม, “ทุกคนสามารถเดินไปมาได้อิสระที่ชั้นสอง อย่างไรก็ตาม ห้ามขึ้นไปที่ชั้นสาม ข้าหวังว่าทุกคนจะทําตามกฎ

หลังจากที่ต้วนมู่ฉิงกล่าวจบ,คนส่วนหนึ่งรู้สึกผิดหวัง อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครที่จะกล้าแหกกฎบนราชวังเหมันต์ลึกล้ําของนาง

แม้ว่าเซี่ยวเผอินจะไม่ได้ขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไป,เขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงกระแสพลังอันแข็งแกร่งอย่างน้อยสิบจุด ที่อ่อนที่สุดคือ ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นกลาง

สําหรับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด,เซี่ยวเฉินไม่สามารถบอกถึงระดับขอบเขตพลังของเขา นี่แสดงให้เห็นว่าตระกูลต้วนมู่ให้ความสําคัญกับราชวังเหมันต์ลึกล้ําถึงเพียงใด

ตอนที่เซี่ยวเฉินเข้าไปในห้องของเขา,เขาตรวจสอบห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆแห่งนี้ นอกเสียจากที่ว่าทุกอย่งถูกสร้างขึ้นมาจากน้ําแข็ง,ห้องแห่งนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากห้องธรรมดา

ข้าได้ยินมาว่าราชวังเหมันต์ลึกล้ําถูกทิ้งเอาไว้ โดยผู้เชี่ยวชาญยุคโบราณปิงโห่ว มันใช้น้ําแข็งวิญญาณอายุหนึ่งพันปีจากสถานที่หนาวเหน็บทางเหนือ จากนั้น มันถูกสลักขึ้นมาโดยวิธีการลับ

วิญญาณน้ําแข็งพันปีเป็นสิ่งที่มีจิตวิญญาณสติปัญญาที่สูงและมีการบ่มเพาะพลัง มันไม่ใช้ ชิ้นน้ําแข็งธรรมดา พลังต่อสู้ของมันเทียบเท่าได้ กับระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธ

อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถต่อต้านปิงโห่วได้ ผู้เชี่ยวชาญยุคโบราณผู้นี้เป็นผู้ที่ทุกคนปรารถนาจะเป็น

เซี่ยวเฉินนั่งลงบนเตียงและนึกดู

“ชี!”

วิหคน้ําแข็งที่อยู่ใต้ราชวังส่งเสียงร้องแหลมออกมา ตามมาด้วยสายลมที่ราวกับพายุ,พัดฝุ่นทรายทั้งหมดขึ้นจากพื้น

“โซว!” ราชวังเหมันต์ลึกล้ําลอยขึ้นและมุ่งหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ภายในพริบตา,มันขึ้นไปถึงหมู่เมฆและบินไปท่ามกลางเมฆขาว
เซี่ยวเฉินมองออกไปนอกหน้าต่างในห้องของเขาและเห็นก้อนเมฆอยู่ด้านข้าง มันเหมือนกับการนั่งเรื่องบินในชีวิตก่อนของเขา นี่ทําให้ยึดความทรงจําเก่าแก่ขึ้นมา

ภาพความทรงจําปรากฏขึ้นในดวงตาของเซียวเฉิน ขณะที่เขากอดกระบี่เงาจันทร์พิงหลังลงที่กําแพง เขาพึมพํากับตัวเอง “มันเหมือนกับผ่านไปเพียงพริบตาเดียว แต่ข้าได้อยู่ในโลกนี้มานานกว่าสองปีแล้ว ข้าสงสัยว่าตอนนี้รรอบครัวที่โลกเก่าของข้าจะเป็นเช่นไร?”

“ยังมีพ่อที่ไล่ข้าออกมาจากเมืองม่อเหอ เขาเป็นเช่นไร? เฟิงเฟยเสวี่ยสัญญากับข้าว่าจะช่วยดูแลพวกเขา,พวกเขาคงไม่ถูกดดันจากตระกูลชั้นสูง”

เซี่ยวเฉินหลับตาและจมลงไปในรวามคิด หลังจากผ่านมาเป็นเวลานาน ทันใดนั้นเขาก็มตาขึ้น ความแน่วแน่ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขากล่าว “มันเป็นการดีกว่าที่จะฝังเรื่องในอดีตให้ลึกลงไปในใจ ผู้คนไม่อาจใช้ชีวิตติดอยู่กับอดีต ในเมื่อข้าก้าวเข้ามาในเส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลัง,ข้าจะไม่หันกลับไปมองข้างหลังอีกแล้ว”

สัมผัสวิญญาณของเซียวเฉินฉีกกระชากความโศกเศร้านี้อย่างเงียบๆราวกับลูกศรคม มันเป็นความทรงจํานี้เป็นใบไม้ร่วงหล่น, ฝังมันเอาไว้ที่มุมหนึ่งของจิตใจของเขา

มันเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะไปถึงที่ป่าน้ําหมึกก่อนที่ฟ้าจะมืด เชี่ยวเฉิน,ผู้ที่ถูกความทรงจําของเขาก่อกวน,ไม่มีอารมณ์ที่จะบ่มเพาะพลังอีกต่อไป เขาลุกขึ้นและเตรียมตัวที่จะออกไปข้างนอก

เซี่ยวเฉินผลักประตูน้ําแข็งแกไปและเดินไปยังบันได ขณะที่เขาเดินไปตามทางเดิน,เขาขยายสัมผัสวิญญาณออกไปเป็นนิสัย อย่างไรก็ตาม,เขาพบว่าเขาถูกปิดกั้นโดยม่านพลังไร้รูป เขาสามารถมองเห็นได้เพียงพื้นที่สิบเมตรรอบตัวของเขา

เซี่ยวเฉินไม่ได้ประหลาดใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกท่า สัมผัสวิญญาณของเขาถูกปิดกั้น เขาถอยสัมผัสกลับมาและเดินไปถึงที่โถงชั้นหนึ่งอย่างใจเย็น

เซียวเฉินมองไปรอบๆห้องโถงและพบว่าไม่มีใครอยู่สักคน ตามจริง มีอยู่หนึ่งคน เซียวเฉินสงบเสงี่ยมตัวเองหลังจากที่เขาเห็นบุคคลนี้

เซี่ยวเฉินเห็นฉ่ฉาวอวุ่นนั่งอยู่บนเก้าอี้น้ําแข็งอันสวยงาม เขากําลังนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียว

การแต่งตัวของเขาเหมือนก่อนหน้านี้ เขาสวมเสื้อสีน้ําเงินและมีดาบยาวอยู่ที่หลังของเขา สีหน้าของเขาดูไร้ความกังวล

เซียวเฉินประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้น? ข้ามองผ่านทั่วทั้งห้องโถงอย่างชัดเจน แต่ข้าสังเกตการณ์เข้าในกวาดมองดูครั้งที่สอง

“พี่น้องเย่เฉิน,มันก็นานมาแล้ว มานั่งด้วยกันเป็นเช่นไร?”

ขณะที่เซียวเฉินกําลังงุนงง,มีเสียงดังขึ้นมาให้ได้ยิน มันคือฉ่ฉาวอขึ้นที่เชิญชวนเขา

เซี่ยวเฉินรวบรวมความคิดและเจตนาฆ่าฟันวูบไหวในดวงตาของเขา ดูเหมือนบุคคลนี้จะมองผ่านการปลอมตัวของเขาได้

กระแสพลังของเซียวเฉินถอนกลับพร้อมกับมือ ซ้ายของเขาอดไม่ได้ที่จะกําฝักกระบี่ของเขาแน่น เซียวเฉินค่อยๆเดินตรงไปที่โต๊ะกลมที่ฉู่ฉาวอวิ๋นนั่งอยู่

ในตอนที่ฉ่ฉาวอวิ่นเห็นเซียวเฉินนั่งลง,เขากล่าวขึ้น “พี่น้องเย่,ผ่อนคลายๆ ข้าไม่ได้มาที่นี่ เพื่อถามหาแก่นกลางสัตว์อสูรทองคําศักดิ์สิทธิ์อันนั้น ทําไมเจ้าถึงได้เป็นกังวลเพียงนี้?”

เซี่ยวเฉินวางกระบี่เงาจันทร์ลงบนโต๊ะน้ําแข็ง จากนั้นเขาก็หยิบองุ่นขึ้นมากิน เขากล่าวอย่างเฉยเมย “เจ้าก็ยังเป็นเหมือนเดิม ตัวจริงของเจ้าไม่อาจมองเข้าไปได้”

องุ่นให้ความสดชื่นอย่างยิ่งในปากของเซียวเฉิน มันดูเหมือนราชวังเหมันต์ลึกล้ําจะมีความสามารถในการรักษาความสดของอาหาร

ฉ่ฉาวอวุ่นยกแก้วของเขาดื่มในอีกเดียว,และยิ้มขึ้น “ในความเห็นของข้า เป็นฝ่ายเจ้าต่างหาก ที่ไม่อาจมองทะลุมันผ่านไปเพียงหนึ่งปี ข้าอยากรู้จริงว่าทําไมการบ่มเพาะพลังของเจ้าถึงได้รวดเร็วนัก”

เชี่ยวเฉินตอบกลับ “เมื่อเทียบกับเจ้า ผู้ที่มีเปลวเพลิงสวรรค์,ความรวดเร็วของข้าไม่อาจถูกกล่าวถึง”

ฉ่ฉาวอริ้นเติมเหล้าอีกครั้ง เขายิ้มขึ้น “เปลวเพลิงสวรรค์…เปลวเพลิงสวรรค์ที่สามารถแผดเผาทั่วทั้งทวีป? มันเป็นเพียงเรื่องขบขัน หากมันทรงพลังถึงเพียงนั้นจริง,เช่นนั้นราชวงศ์เทียนหวี่จะล้มสลายลงได้เช่นไร?”
มีร่องรอยความเปล่าเปลี่ยวซ่อนอยู่ในคําพูดของฉู่ฉาวอวิ๋น เซี่ยวเฉินที่เฉียบคมจับมันได้ แต่เขาไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร

“ฟุ ฟิว!”

ฉ่ฉาวอวุ่นวางจอกเหล้าของเขาลงและชูสองนิ้วขึ้น เปลวเพลิงสีทองสุกใสปรากฏขึ้นบนนิ้วของเขา แสงจากเปลวเพลิงส่องสว่างขึ้นในห้องโถงทันที

นี่คือเปลวเพลิงสวรรค์?

เซียวเฉินตกตะลึง เขาหยีตาและตรวจดูเปลวเพลิงอย่างละเอียดด้วยสีหน้าจริงจัง

เปลวเพลิงเปล่งแสงสีทองที่ดูราวกับมีร่องรอยของอํานาจบางอย่าง,อํานาจของผู้ที่ปกครองทุกสิ่งภายใต้สวรรค์,อํานาจของผู้ปกครองสูงสุด มันทําให้รู้สึกหวาดกลัวขึ้นจับใจ ต่อหน้าของเปลวเพลิงเล็กๆนี้,เซี่ยวเฉินรู้สึกว่าตัวตนของเขากระจ้อยร่อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 308 ราชวังเหมันต์ลึกล้ํา

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 308 ราชวังเหมันต์ลึกล้ํา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 308 ราชวังเหมันต์ลึกล้ํา

ปัญหานี้ก่อกวนเซียวเฉินมาเป็นเวลานาน จน ถึงตอนนี้ เขายังไม่พบหนทางแก้ไข เป็นเพราะ เช่นนี้ เขาถึงเกือบจะยอมแพ้ในทักษะกระบหลิง หยุนระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม

นี่เป็นเพราะความเข้าใจในสภาวะแห่งขุนเขาใน ทักษะกระบีของเขาได้หยุดลงอย่างถาวร และมัน แนวโน้มที่จะลดลงเรื่อยๆ สภาวะแห่งขุนผาเมฆา ได้พังทลายลง

เมื่อสภาวะพังทลาย,พลังของกระบี่ก็จะไม่สม บูรณ์ ก่อนที่เซียวเฉินจะใช้ออกกระบวณท่า มันก็ ถูกทําลายลงแล้ว เขาจะกล้าใช้มันออกมาได้ อย่างไร?

เซียวเฉินถามอย่างเฉยเมย “มันจะมีวิธีใดบ้างที่ จะรักษาพลังปราณธาตุสายฟ้าของข้า?”

หยุนเข่อซินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าว “มีอยู่หลายวิธี หาเจ้าสามารถหาทักษะต่อสู้ธาตุ สายฟ้าระดับสวรรค์,หรือกระทั่งทักษะต่อสู้ระดับสูงสุด,ก็สามารถทําได้ อย่างไรก็ตาม หากเจ้าอยากที่จะบ่มเพาะพลังธาตุคู่,การบ่มเพาะพลังของเจ้าจะล่าช้ากว่าผู้บ่มเพาะพลังทั่วไป”

ทักษะบ่มเพาะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าทักษะบ่มเพาะมังกรสัญจร มันเหมือนว่าข้าจะสามารถบ่มเพาะทักษะมังกรสัญจรได้

อย่างไรก็ตาม,เซียวเฉินมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการบ่มเพาะพลังคู่ เขาถามขึ้น “ทําไมผู้บ่มเพาะพลังธาตุคู่ที่ข้าเคยพบดูเหมือนจะไม่ได้มีการบ่มเพาะพลังล่าช้ากว่าผู้บ่มเพาะพลังทั่วไป?”

หยุนเข่อซินยิ้มและกล่าว “เจ้าจะต้องหมายถึงมู่หลงชง ตามที่ข้ารู้,เขาบ่มเพาะทักษะเมฆาวายุ นี่เป็นทักษะบ่มเพาะระดับปฐพีขั้นสูงสุดที่เป็นธาตุคู่โดยธรรมชาติ ทักษะบ่มเพาะพลังเช่นนี้หายากเป็นอย่างยิ่ง มูลค่าของมันไม่ต่ําไปกว่าทักษะบ่มเพาะระดับสวรรค์”

เซี่ยวเฉินพลันกระจ่าง เป็นเช่นนี้นี่เอง ไม่สงสัยว่าทําไมสภาวะแห่งสายลมและเมฆาของมู่หลงชงจะผสานกันได้อย่างลงตัว

หากเซียวเฉินฝึกฝนทักษะบ่มเพาะพลังธาตุคู่,ทุกอย่างจะเกิดขึ้นเมื่อถึงเวลา อย่างไรก็ตาม,ไม่รู้ว่าหยุนเข่อซินรู้ความลับเช่นนี้ได้อย่าง

ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ซักพักหนึ่งหลังจากนั้น ในที่สุด, หยุนเข่อซินก็ลุกขึ้นและกล่าว “ข้าขอตัวก่อน ข้าตั้งใจจะยกเลิกภารกิจในวันพรุ่งนี้ เจ้าควรระวังตัวให้ดี”

“ทําไม?”

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินเช่นนั้น เขาร่อนข้างประหลาดใจ เขาเชื่อว่าด้วยความแข็งแกร่งของหยุนเข่อซิน,ไม่มีปัญหาที่จะติดสิบอันดับแรกของกลุ่ม ทําไมนางเลือกที่จะยอมปล่อยไป?

หยุนเข่อซินอธิบาย “มันอันตรายเกินไป ก่อนที่ข้าจะมา,ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นป่าน้ําหมึก นอกจากนั้น ยังมีคู่แข่งอีกมากมาย ข้าเพิ่งจะได้รับทักษะบ่มเพาะระดับสวรรค์มา ท้ายที่สุด,ประสบการณ์ของข้าก็ด้อยกว่าคนเหล่านั้น”

ทํารวามเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของคู่แข่งและ ไม่มั่นใจในทักษะบ่มเพาะพลังระดับสวรรค์มากเกินไป จากนั้นก็ตัดสินใจอย่างเยือกเย็น;กรอบความคิดของหยุนเข่อซินเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะพลังส่วนมากไม่อาจทําได้
ขณะที่เซียวเฉินมองดูหยุนเข่อซินจากไป เขาไตร่ตรองอยู่ในใจ ความถ่อมตัวเช่นนี้เป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะพลังทุกคนควรจะเรียนรู้เอาไว้

ตั้งแต่สมัยโบราณ มีอัจฉริยะมากมายที่ตกตายลงเพราะมั่นใจจนดวงตามืดบอด อัจฉริยะที่ตกตายลงก็ไม่ใช่อัจฉริยะอีกต่อไป พวกเขาเป็นเพียงฐานหินให้คนอื่นเหยียบขึ้นไป

แสงลุ่มลึกเผยขึ้นในดวงตาของเซี่ยวเฉิน เขากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าไม่น่าจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายในป่าน้ําหมึก อย่างไรก็ตาม ข้าไม่อาจลดการป้องกันลง อันตรายที่แท้จริงอายจะไม่ใช่สัตว์อสูรปีศาจในป่า กลับกัน,อาจจะเป็นคู่แข่งที่อยู่รอบตัว”

เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นและเรืองแสงลงมาที่พื้น,เชี่ยวเฉินออกจากสถานะบ่มเพาะพลัง หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จ มีคนนําทางเขาไปที่ลานประลองในที่พักทันที

ผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นคนอื่นได้มาถึงที่ลานประลองทีละคน เซี่ยวเฉินมองไปรอบๆและสังเกตเห็นว่านอกจากหยุนเข่อซิน,ไม่มีคนอื่นที่ถอนตัว
“ดูนั้น! ราชวังเหมันต์ลึกล้ําของตระกูลต้วนมู่กําลังบินเข้ามา”

ทันใดนั้น,เงาขนาดใหญ่ก็ลอยผ่านทุกคน ในตอนที่พวกเขาเงยหน้าขึ้นไปมองดู,พวกเขามองเห็นวิหคน้ําแข็งขนาดใหญ่,ตัวยาวหนึ่งร้อยเมตรกับช่วงปีกยาวสี่ร้อยเมตร

มีราชวังน้ําแข็งเก้าชั้นอยู่บนหลังของวิหคน้ําแข็งตัวนี้ นี่คือราชวังเหมันต์ลึกล้ําอันเลื่องชื่อของตระกูลต้วนมู่

กล่าวได้ว่าจากสมบัติลับสมบูรณ์ประเภทบินทั้ง สิบชิ้นที่มีรูปแบบค่ายกลสู้รบในอาณาจักรต้าฉิน,อีกเก้าชิ้นที่เหลืออยู่ในมือของราชสํานัก

“ดูเหมือนตระกูลต้วนม่จะพยายามอย่างมากในภารกิจครั้งนี้ พวกเขาถึงกับเอาราชวังเหมันต์ลึกล้ําออกมาใช้ ข้าได้ยินมาว่าการรักษาระบบการบินและต่อสู้ของราชวังเหมันต์ลึกล้ําต้องใช้หินวิญญาณระดับกลางสองพันก้อนต่อวัน

“เว้ง!”

ราชวังเหมันต์ลึกล้ําลงจอดอย่างมั่นคงบนลานประลอง ต้วนมู่ฉิงเปิดประตูของราชวังน้ําแข็งและเชิญชวนให้ทุกคนเข้าไป

ฝูงชนทั้งหมดเดินเรียงแถวกันเข้าไป พวกเขาสงสัยอย่างยิ่งเกี่ยวกับราชวังเหมันต์ลึกล้ําอันโด่งดัง หลังยากที่พวกเขาเข้าไป,พวกเขามองประเมินไปรอบๆ

ราชวังเหมันต์ลึกล้ําที่หนาวเหน็บอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ได้ทําให้ผู้บ่มเพาะพลังรู้สึกหนาวเย็นหลังจากที่เข้ามา กลับกัน,พวกเขารู้สึกสดชื่นและเย็นสบาย

หลังจากที่เขาไปยังชั้นแรก,พวกเขาพบห้องโถงที่กว้างใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ ที่ตรงกลางของห้องโถงมีโต๊ะ,เก้าอี้,และเครื่องเรือนทุกชนิดทุกอย่างที่ต้องการ แน่นอน,เครื่องเรือนเหล่านี้ทํามาจากน้ําแข็ง

มีลายแกะสลักอยู่บนกําแพงโดยรอบทั้งหมด ล้วนสวยสดงดงาม ยังมีหน้าต่างอีกจํานวนมาก,สามารถมองเห็นสถานการณ์ที่ด้านนอก

ตัวนมู่ฉิงนําทุกคนขึ้นไปที่ชั้นสอง มีห้องมากมายอยู่ที่ชั้นสองมีห้องมากมายอยู่บนที่ชั้น สองคนทั้งหนึ่งร้อยคนได้รับห้องพักของตัวเอง

ก่อนที่พวกเขาจะแยกย้าย,ตัวนมู่ฉิงเตือนพวกเขาด้วยเสียงนุ่ม, “ทุกคนสามารถเดินไปมาได้อิสระที่ชั้นสอง อย่างไรก็ตาม ห้ามขึ้นไปที่ชั้นสาม ข้าหวังว่าทุกคนจะทําตามกฎ

หลังจากที่ต้วนมู่ฉิงกล่าวจบ,คนส่วนหนึ่งรู้สึกผิดหวัง อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครที่จะกล้าแหกกฎบนราชวังเหมันต์ลึกล้ําของนาง

แม้ว่าเซี่ยวเผอินจะไม่ได้ขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไป,เขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงกระแสพลังอันแข็งแกร่งอย่างน้อยสิบจุด ที่อ่อนที่สุดคือ ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นกลาง

สําหรับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด,เซี่ยวเฉินไม่สามารถบอกถึงระดับขอบเขตพลังของเขา นี่แสดงให้เห็นว่าตระกูลต้วนมู่ให้ความสําคัญกับราชวังเหมันต์ลึกล้ําถึงเพียงใด

ตอนที่เซี่ยวเฉินเข้าไปในห้องของเขา,เขาตรวจสอบห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆแห่งนี้ นอกเสียจากที่ว่าทุกอย่งถูกสร้างขึ้นมาจากน้ําแข็ง,ห้องแห่งนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากห้องธรรมดา

ข้าได้ยินมาว่าราชวังเหมันต์ลึกล้ําถูกทิ้งเอาไว้ โดยผู้เชี่ยวชาญยุคโบราณปิงโห่ว มันใช้น้ําแข็งวิญญาณอายุหนึ่งพันปีจากสถานที่หนาวเหน็บทางเหนือ จากนั้น มันถูกสลักขึ้นมาโดยวิธีการลับ

วิญญาณน้ําแข็งพันปีเป็นสิ่งที่มีจิตวิญญาณสติปัญญาที่สูงและมีการบ่มเพาะพลัง มันไม่ใช้ ชิ้นน้ําแข็งธรรมดา พลังต่อสู้ของมันเทียบเท่าได้ กับระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธ

อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถต่อต้านปิงโห่วได้ ผู้เชี่ยวชาญยุคโบราณผู้นี้เป็นผู้ที่ทุกคนปรารถนาจะเป็น

เซี่ยวเฉินนั่งลงบนเตียงและนึกดู

“ชี!”

วิหคน้ําแข็งที่อยู่ใต้ราชวังส่งเสียงร้องแหลมออกมา ตามมาด้วยสายลมที่ราวกับพายุ,พัดฝุ่นทรายทั้งหมดขึ้นจากพื้น

“โซว!” ราชวังเหมันต์ลึกล้ําลอยขึ้นและมุ่งหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ภายในพริบตา,มันขึ้นไปถึงหมู่เมฆและบินไปท่ามกลางเมฆขาว
เซี่ยวเฉินมองออกไปนอกหน้าต่างในห้องของเขาและเห็นก้อนเมฆอยู่ด้านข้าง มันเหมือนกับการนั่งเรื่องบินในชีวิตก่อนของเขา นี่ทําให้ยึดความทรงจําเก่าแก่ขึ้นมา

ภาพความทรงจําปรากฏขึ้นในดวงตาของเซียวเฉิน ขณะที่เขากอดกระบี่เงาจันทร์พิงหลังลงที่กําแพง เขาพึมพํากับตัวเอง “มันเหมือนกับผ่านไปเพียงพริบตาเดียว แต่ข้าได้อยู่ในโลกนี้มานานกว่าสองปีแล้ว ข้าสงสัยว่าตอนนี้รรอบครัวที่โลกเก่าของข้าจะเป็นเช่นไร?”

“ยังมีพ่อที่ไล่ข้าออกมาจากเมืองม่อเหอ เขาเป็นเช่นไร? เฟิงเฟยเสวี่ยสัญญากับข้าว่าจะช่วยดูแลพวกเขา,พวกเขาคงไม่ถูกดดันจากตระกูลชั้นสูง”

เซี่ยวเฉินหลับตาและจมลงไปในรวามคิด หลังจากผ่านมาเป็นเวลานาน ทันใดนั้นเขาก็มตาขึ้น ความแน่วแน่ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขากล่าว “มันเป็นการดีกว่าที่จะฝังเรื่องในอดีตให้ลึกลงไปในใจ ผู้คนไม่อาจใช้ชีวิตติดอยู่กับอดีต ในเมื่อข้าก้าวเข้ามาในเส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลัง,ข้าจะไม่หันกลับไปมองข้างหลังอีกแล้ว”

สัมผัสวิญญาณของเซียวเฉินฉีกกระชากความโศกเศร้านี้อย่างเงียบๆราวกับลูกศรคม มันเป็นความทรงจํานี้เป็นใบไม้ร่วงหล่น, ฝังมันเอาไว้ที่มุมหนึ่งของจิตใจของเขา

มันเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะไปถึงที่ป่าน้ําหมึกก่อนที่ฟ้าจะมืด เชี่ยวเฉิน,ผู้ที่ถูกความทรงจําของเขาก่อกวน,ไม่มีอารมณ์ที่จะบ่มเพาะพลังอีกต่อไป เขาลุกขึ้นและเตรียมตัวที่จะออกไปข้างนอก

เซี่ยวเฉินผลักประตูน้ําแข็งแกไปและเดินไปยังบันได ขณะที่เขาเดินไปตามทางเดิน,เขาขยายสัมผัสวิญญาณออกไปเป็นนิสัย อย่างไรก็ตาม,เขาพบว่าเขาถูกปิดกั้นโดยม่านพลังไร้รูป เขาสามารถมองเห็นได้เพียงพื้นที่สิบเมตรรอบตัวของเขา

เซี่ยวเฉินไม่ได้ประหลาดใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกท่า สัมผัสวิญญาณของเขาถูกปิดกั้น เขาถอยสัมผัสกลับมาและเดินไปถึงที่โถงชั้นหนึ่งอย่างใจเย็น

เซียวเฉินมองไปรอบๆห้องโถงและพบว่าไม่มีใครอยู่สักคน ตามจริง มีอยู่หนึ่งคน เซียวเฉินสงบเสงี่ยมตัวเองหลังจากที่เขาเห็นบุคคลนี้

เซี่ยวเฉินเห็นฉ่ฉาวอวุ่นนั่งอยู่บนเก้าอี้น้ําแข็งอันสวยงาม เขากําลังนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียว

การแต่งตัวของเขาเหมือนก่อนหน้านี้ เขาสวมเสื้อสีน้ําเงินและมีดาบยาวอยู่ที่หลังของเขา สีหน้าของเขาดูไร้ความกังวล

เซียวเฉินประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้น? ข้ามองผ่านทั่วทั้งห้องโถงอย่างชัดเจน แต่ข้าสังเกตการณ์เข้าในกวาดมองดูครั้งที่สอง

“พี่น้องเย่เฉิน,มันก็นานมาแล้ว มานั่งด้วยกันเป็นเช่นไร?”

ขณะที่เซียวเฉินกําลังงุนงง,มีเสียงดังขึ้นมาให้ได้ยิน มันคือฉ่ฉาวอขึ้นที่เชิญชวนเขา

เซี่ยวเฉินรวบรวมความคิดและเจตนาฆ่าฟันวูบไหวในดวงตาของเขา ดูเหมือนบุคคลนี้จะมองผ่านการปลอมตัวของเขาได้

กระแสพลังของเซียวเฉินถอนกลับพร้อมกับมือ ซ้ายของเขาอดไม่ได้ที่จะกําฝักกระบี่ของเขาแน่น เซียวเฉินค่อยๆเดินตรงไปที่โต๊ะกลมที่ฉู่ฉาวอวิ๋นนั่งอยู่

ในตอนที่ฉ่ฉาวอวิ่นเห็นเซียวเฉินนั่งลง,เขากล่าวขึ้น “พี่น้องเย่,ผ่อนคลายๆ ข้าไม่ได้มาที่นี่ เพื่อถามหาแก่นกลางสัตว์อสูรทองคําศักดิ์สิทธิ์อันนั้น ทําไมเจ้าถึงได้เป็นกังวลเพียงนี้?”

เซี่ยวเฉินวางกระบี่เงาจันทร์ลงบนโต๊ะน้ําแข็ง จากนั้นเขาก็หยิบองุ่นขึ้นมากิน เขากล่าวอย่างเฉยเมย “เจ้าก็ยังเป็นเหมือนเดิม ตัวจริงของเจ้าไม่อาจมองเข้าไปได้”

องุ่นให้ความสดชื่นอย่างยิ่งในปากของเซียวเฉิน มันดูเหมือนราชวังเหมันต์ลึกล้ําจะมีความสามารถในการรักษาความสดของอาหาร

ฉ่ฉาวอวุ่นยกแก้วของเขาดื่มในอีกเดียว,และยิ้มขึ้น “ในความเห็นของข้า เป็นฝ่ายเจ้าต่างหาก ที่ไม่อาจมองทะลุมันผ่านไปเพียงหนึ่งปี ข้าอยากรู้จริงว่าทําไมการบ่มเพาะพลังของเจ้าถึงได้รวดเร็วนัก”

เชี่ยวเฉินตอบกลับ “เมื่อเทียบกับเจ้า ผู้ที่มีเปลวเพลิงสวรรค์,ความรวดเร็วของข้าไม่อาจถูกกล่าวถึง”

ฉ่ฉาวอริ้นเติมเหล้าอีกครั้ง เขายิ้มขึ้น “เปลวเพลิงสวรรค์…เปลวเพลิงสวรรค์ที่สามารถแผดเผาทั่วทั้งทวีป? มันเป็นเพียงเรื่องขบขัน หากมันทรงพลังถึงเพียงนั้นจริง,เช่นนั้นราชวงศ์เทียนหวี่จะล้มสลายลงได้เช่นไร?”
มีร่องรอยความเปล่าเปลี่ยวซ่อนอยู่ในคําพูดของฉู่ฉาวอวิ๋น เซี่ยวเฉินที่เฉียบคมจับมันได้ แต่เขาไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร

“ฟุ ฟิว!”

ฉ่ฉาวอวุ่นวางจอกเหล้าของเขาลงและชูสองนิ้วขึ้น เปลวเพลิงสีทองสุกใสปรากฏขึ้นบนนิ้วของเขา แสงจากเปลวเพลิงส่องสว่างขึ้นในห้องโถงทันที

นี่คือเปลวเพลิงสวรรค์?

เซียวเฉินตกตะลึง เขาหยีตาและตรวจดูเปลวเพลิงอย่างละเอียดด้วยสีหน้าจริงจัง

เปลวเพลิงเปล่งแสงสีทองที่ดูราวกับมีร่องรอยของอํานาจบางอย่าง,อํานาจของผู้ที่ปกครองทุกสิ่งภายใต้สวรรค์,อํานาจของผู้ปกครองสูงสุด มันทําให้รู้สึกหวาดกลัวขึ้นจับใจ ต่อหน้าของเปลวเพลิงเล็กๆนี้,เซี่ยวเฉินรู้สึกว่าตัวตนของเขากระจ้อยร่อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+