Immortal and Martial Dual Cultivation 249 ปีศาจเงาปิดล้อม

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 249 ปีศาจเงาปิดล้อม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation

ตอนที่ 249 ปีศาจเงาปิดล้อม

 

เซียวเฉินผละออกมาเล็กน้อยหยิบเอากระบี่มังกรคํารนออกมา และโยนให้กับหยุนเข่อซิน เขากล่าวขึ้น “ใช้กระบี่ของข้าไปก่อน!”

 

หยุนเข่อซินพยักหน้าขอบคุณ, จากนั้นก็รับกระบี่มังกรคํารนเอาไว้ในทันทีที่มือของนางสัมผัสด้ามของกระบี่ใบหน้าที่นิ่งสงบของนางกระตุก นางกล่าวอย่างตกตะลึง “นี่คืออาวุธวิญญาณระดับสวรรค์!”

 

จิตใจอันมั่นคงของหยุนเข่อซินสั่นสะเทือนไปชั่วขณะ นางสงสัยว่าเซี่ยวเฉินคงจะโยนมาให้นางผิดเล่ม พอคิดว่าเขาโยนอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์มาได้ราวกับขว้างปาท่อนไม้

 

“ปัง!”

 

สายลมรุนแรงพัดเข้าหน้าของพวกเขา, นี่คือกระแสพลังอันตราย หยุนเข่อซินคืนสติของนางและรีบเคลื่อนออกด้านข้าง,หลบการโจมตีจากปีศาจงูแดง

 

นับตั้งแต่ที่ปีศาจงูแดงมันถูกลอบโจมตีไปสองครั้งมันก็ถูกพวกเขาทั้งสองคนกดเอาไว้อย่างไม่ลดละตอนนี้มันโกรธจัด

 

ท่อนบนที่สูงกว่าหนึ่งร้อยเมตรของมันยกขึ้นและกวาดหางของมันเป็นวง หางของมันยืดยาวขึ้น:ยาวขึ้นและยาวขึ้นอีก อีกทั้งยังคมขึ้นและคมขึ้น

 

หางงูคมกริบวาดผ่านอากาศ,สร้างเสียงเสียดแหลมพร้อมกับแทงไปที่เซี่ยวเฉิน มันรวดเร็วพอๆกับสายฟ้า,เซี่ยวเฉินตกใจพร้อมกับถอยกลับอย่างรวดเร็ว

 

“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!”

จุดที่เซียวเฉินเคยยืนอยู่ระดับออก หลุมลึกไร้กันปรากฏขึ้นบนพื้น เซี่ยวเฉินยังล้าถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง,แต่หางที่ราวกับเล็บไล่จิกเขาอย่างไม่ลดละ

 

รวดเร็วมาก,หลุมไร้กันอีกหลายหลุมปรากฏขึ้นบนพื้น ในแต่ละครั้งหางของมันก็จะเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม เซี่ยวเฉินไม่มีแม้แต่จะหันหัวไปมอง

ขณะที่หางกําลังโจมตีใส่เซียวเฉิน, ปีศาจงูแดงก็ไม่ได้รอช้า มันพ่นเปลวเพลิงสีดําไปที่หยุนเข่อซินอย่างไม่ลดละ

 

อย่างไรก็ตาม,สถานการณ์ทางด้านของหยุนเข่อซินดูดีกว่าทางด้านของเซียวเฉินอยู่หน่อย หลังจากที่นางได้รับอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์กระบี่มังกรคํารนมา,นางสามารถปัดเป่าเพลิงสีดําทองไปได้หากนางหลบไม่พ้น

“เว้ง!”

เสียงมังกรคําามดังออกมา ทันใดนั้นหยุนเข่อซินก็หยุดหลบเลี่ยง และจับกระบี่มังกรคํารนไว้มั่น มีแสงเย็นเรื่องขึ้นมาบนกระบี่ และจากนั้นก็ระเบิดออกเป็นเรื่องแสงอันไร้ขอบเขต

ท่ามกลางเรืองแสง,มันดูเหมือนกับมีมังกรคํารนกําลังว่ายวน, หมุนเวียนไปบนคมกระบี่

 

“ปัง!”

มีกระบี่แสงวูบผ่านและฟันผ่ากลางเปลวเพลิงสีดํา จากนั้น,นางก็พุ่งเข้าหาปีศาจงูแดงโดยไม่ลังเลและไม่สนใจขนาดร่างของตัวเอง

 

ต่อหน้าร่างอันใหญ่โตของปีศาจงูแดง, หยุนเข่อซินราวกับเด็กน้อย

 

ดวงตาสีแดงของปีศาจงูแดงฉายแสงออกมาราวกับตะเกียงที่สองไปหาหยุนเข่อซินที่กําลังพุ่งเข้ามา ความชั่วร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาของมันพร้อมกับหยุดพ่นเปลวเพลิงสีดํา จากนั้น,มันก็พุ่งตัวเข้าหาหยุนเข่อซินและพยายามจะกลืนนางลงไป

 

หยุนเข่อซินหลบได้อย่างง่ายดาย ราวกับว่านางมีตาหลัง,กระบี่ในมือของนางตวัดและคมกระบี่ฟันใส่ลิ้นสองแฉก

 

เมื่อปีศาจงูแดงรู้สึกถึงความเจ็บปวด,หางของมันที่กําลังโจมตีใส่เซี่ยวเฉินอยู่ก็เชื่องช้าลง เซี่ยวเฉินการรับรู้ฉับไว,และคว้าเอาโอกาสนี้ไว้ในทันที

 

“สยายปีก,หนึ่งดาบตัด!”

 

แสงบนคมกระบี่สีขาวหิมะสงวนเอาไว้ เรืองแสงสว่างวูบผ่าน,และมันสับหางสามเตรกระเด็นออกไป

 

หลังจากที่มันตกลงมา,สายตาของหยุนเข่อซินและเซี่ยวเฉินหัน มาพบกันโดยบังเอิญเยิ้มให้กันและกัน

 

แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรปีศาจระดับ 6 ขั้นต้น หลังจากที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีเต็มกําลังของทักษะระดับปฐพีขั้นสูง,มันยังคงบาดเจ็บภายในสาหัส

 

หลังจากนั้น มันก็เจ็บจากการกระหน่ําตีจากทั้งสองคน ทุกการโจมตีที่ส่งออกไป,ไม่ใช่มีไว้เพียงแสดงพลัง

 

ในตอนที่ปีศาจงูแดงกระหน่ําโจมตีอย่างไม่ลดละเมื่อก่อนหน้านี้เป็นแรงอึดสุดท้ายของมันแล้ว หากทั้งสองคนยังคงยันเอาไว้อยู่,ปีศาจงูแดงมีแต่จะพ่ายแพ้มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

หากพวกเขาไม่อาจรับการกระหน่ําตีของมันได้เช่นนั้นปีศาจงูแดงก็จะเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะไป มู่เหิง,จางเลี่ย,และเกาเชียงไม่อาจทําอะไรมันได้อีกแล้ว

“ปัง! ปัง! ปัง!”

เซี่ยวเฉินบิดกระบี่ของเขาและสําแดงสภาวะภูผาจากทักษะกระบี่หลิงหยุนจนถึงขีดสุด เขามั่นคงดั่งภูผา,ป้องกันทุกการโจมตีจากปีศาจงูแดง

 

สําหรับหยุนเขาช่อซิน,ผู้ที่กําลังถืออาวุธวิญญาณระดับสวรรค์,นางสร้างโอกาสเข้าโจมตีอย่างไม่หยุดหย่อน คนหนึ่งจดจ่อไปกับการโจมตี,อีกคนหนึ่งตั้งรับป้องกันเป็นการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบ

ความได้เปรียบในการต่อสู้เริ่มโอนเอียงมาจากกลุ่มของเซี่ยวเฉิน ความภายแพ้ของปีศาจงูแดงกําลังเข้ามาใกล้

 

“ศิษย์พี่ม! ศิษย์พี่จาง! พวกท่านเป็นเช่นไร?!” สานุศิษย์ศาลากระบี่สวรรค์สามคนที่ถูกควบคุมโดยปีศาจเงาทันใดนั้นก็เดินตรงออกมาจากด้านข้างสมรภูมิ พวกเขามีสีหน้าเป็นกังวลพร้อมกับเดินเข้ามา

จางเลี่ยรู้สึกประหลาดใจ,ดังนั้นจึงถามขึ้น “พวกเจ้ามาทําอะไรที่นี่? ไม่ใช่ว่าพวกเราบอกให้พวกเจ้ารอ?”

“พวกเราเห็นการต่อสู้ตรงนี้ช่างดุเดือด,ดังนั้นพวกเราจึงเป็นกังวล เช่นนั้นพวกเราจึงวิ่งดข้ามา” สานุศิษย์หญิงยอดเขา กางอวี่เข้ามาช่วยเหลือเกาเชียง,ผู้ที่กองอยู่กับพื้น จากนั้น,นางถามขึ้น “สถานการณ์เป็นเช่นไร?”

 

เกาเชียงขอบคุณนางก่อน, จากนั้นก็กล่าว “ไม่ช้าไม่เร็วก็จะจบลง,ปีศาจงูแดงถูกต้อนจนมุม เย่เฉินกับหยุนเข่อซินน่าจะจบการต่อสู้ลงได้เร็วๆนี้”

 

“ฟู!”

 

เชี่ยวเฉินและหยุนเข่อซินรอคอยโอกาสอย่างอดทน เมื่อพวกเขาเคลื่อนไหวไปพร้อมกันในอากาศ กระบี่แสงเป็นชุดจุดขึ้นบนท้องฟ้าและสายเลือดสีดําสายกระเซ็น

 

ร่างอันมหึมาของปีศาจงูแดงถูกการโจมตีจากทั้งสองคนเข้าไปที่จุดเดียว

 

“ระเบิดม่วงทําสองสวรรค์!” หยุนเข่อซินร้องตะโกนและกระบี่มังกรคํารนในมือของนางสั่นสะเทือน กระบี่ฉีเสียงไร้รูปเข้าไปในบาดแผลของปีศาจงูแดง

 

“ปัง! ปัง! ปัง!”

 

คลื่นเสียงกระจายไปทั่วร่างท่อนบนของปีศาจงูแดง, เกิดเป็นระเบิด ร่างกายท่อนบนที่ยาวกว่าร้อยเมตรของมันถูกทําลายอย่างรุนแรง ร่างของมันตกตายจมกองเลือด

 

หยุนเข่อซินยืนมือของนางออกไปและรับเอาแก่นกลางปีศาจของปีศาจงูแดงเอาไว้ จากนั้น,นางก็โยนให้กับเซี่ยวเฉินและกล่าว “นี่สําหรับเจ้า,ข้าไม่ต้องการ”

 

เซี่ยวเฉินยื่นมือออกไปรับเอาไว้ เขาอยู่ในอาการไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย แก่นกลางปีศาจก้อนนี้มีค่าหนึ่งพันหินวิญญาณระดับต่ํา หยุนเข่อซินกลับโยนมาให้เขาราวกับก้อนหินก้อนหนึ่ง

 

หยุนเข่อซินอธิบาย “ข้าไม่ได้ขาดแคลนหินวิญญาณแต่อย่างใด เจ้าเอาไปแบ่งกับคนที่เหลือได้จะแบ่งกันอย่างไร,ขายกให้เจ้าจัดการ”

 

เซี่ยวเฉินไม่ใช่คนอวดเก่งอะไรเขาพยักหน้าและขอบคุณนางก่อนที่จะเก็บมันไป หยุนเข่อซินไม่ได้ขาดแคลนหินวิญญาณ,แต่เซียวเฉินเองก็เช่นกัน อย่างไรก็ตาม,หินวิญญาณก็นับได้ว่าเป็นเงินทอง

 

ยิ่งมีมาก ก็ยิ่งมั่งคั่ง เซี่ยวเฉินไม่รังเกียจที่จะรับเอาไว้

 

พวกเขาทั้งสองกินเม็ดยาคนละเม็ดและหยิบเอาหินวิญญาณระดับต่ําออกมาก่อนที่จะนั่งลงฟื้นฟูพลังงานของพวกเขา พวกเขานับว่าได้สังหารสัตว์อสูรปิศาจระดับ 6 ไปโดยไร้บาดแผล ดังนั้น, พวกเขาจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย

ผ่านไปครู่หนึ่ง,พวกเขาก็ซึมซับพลังงานจิตวิญญาณทั้งหมดจากหินวิญญาณ พวกเขาทั้งคู่ยืนขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน

ด้วยระดับการบ่มเพาะพลังในปัจจุบันของพวกเขา,หินวิญญาณระดับต่ําฟื้นฟูพลังปราณของพวกขเาได้เพียงครึ่ง อย่างไรก็ตาม, พวกเขาทั้งสองรู้ว่ามีเวลาไม่มากพอให้พวกเขาฟื้นคืนพลังปราณทั้งหมด ดังนั้น,พวกเขาไม่มีความตั้งใจจะฟื้นฟูพลังเพิ่มขึ้นอีก

 

เมื่อพวกเขาเห็นเซียวเฉินและหยุนเข่อซินยืนขึ้น,มู่เหิง,จางเลี่ย,เกาเชียงและคนอื่นอีกสามคนที่ถูกควบคุมโดยปีศาจเงาตามหลังมา มู่เหิง,จางเลี่ยและเกาเชียงมีอาการบาดเจ็บภายในไม่น้อย หลังจากที่พวกเขาได้พักไปครู่หนึ่ง,พวกเขาทําได้แค่ระงับอาการบาดเจ็บเอาไว้

 

หยุนเข่อซินเห็นว่าอีกสามคนมีสายตาที่แปลกประหลาด ดังนั้น,นางส่งสัญญาณให้เซี่ยวเฉินดูอย่างลับๆ

 

เซี่ยวเฉินตกตะลึงเล็กน้อยและใช้สัมผัสวิญญาณของเขาตรวจสอบดู ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เข้าใจสถานการณ์

 

“ทําไมพวกเจ้าสามคนมาอยู่ที่นี่? ไม่ใช่ข้าบอกให้พวกเจ้าทั้งสามคนรอ?” หยุนเข่อซินถามทั้งสามคน

 

สานุศิษย์หญิงยอดเขากางอวตอบกลับ “การต่อสู้ดุเดือด พวกเราเป็นกังวล, จึงตkมเข้ามา”

 

หยุนเข่อซินไม่ได้ถามอะไรต่อ นางกล่าว “ไม่เป็นไร,ไม่มีอันตรายแล้ว อย่างไรก็ตาม,พวกเราไม่อาจเดินทางต่อได้ตอนนี้ พวกเราควรถอยกลับไปพักผ่อน”

 

ทั้งสามคนนั้นไม่ได้สงสัยอะไรนางแม้แต่น้อย พวกเขาหันหลัง และมุ่งหน้ากลับไปในทางที่พวกเขามากับมู่เหิงและคนที่เหลือ

“ฟู่ว!”

 

เซี่ยวเฉินและหยุนเข่อซินบงมือพร้อมกัน กระบี่มังกรคํารนในมือ ของหยุนเข่อซินเรืองแสงเย็นยะเยือกพร้อมกับแทงไปที่หัวใจของปีศาจเงาจากด้านหลัง

 

ร่างของเซี่ยวเฉินปรากฏออกมาจากความว่างเปล่าและชกไปที่ปีศาจเงาด้วยพลังมหาศาล จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็ลงมือต่อ คนนึงถือกระบี่,อีกคนหนึ่งมือเปล่า,ซัดไปที่ปีศาจเงาตัวสุดท้าย

 

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในช่วงพริบตา ปีศาจเงาทั้งสามตัวตอบสนองไม่ทันแม้แต่น้อย มู่เหิงและคนที่เหลือไม่เข้าใจฉากที่เห็นอยู่เบื้องหน้า

 

“ศิษย์พี่หยุน! เย่เฉิน! พวกเจ้าทําอะไร!”

 

หยุนเข่อซินไม่ได้ตอบ กลับกัน,นางกล่าวอย่างเฉยเมย “เดี๋ยวเจ้าก็เข้าใจ”

ทั้งสามคนนั้นกองอยู่กับพื้นโอดโอยอย่างเจ็บปวด จากนั้น,ต่อหน้าสายตาตกตะลึงของจางเลี่ย,มีควันสามสายออกมาจากร่างของพวกเขา สามปีศาจเงามีสีหน้าเจ็บปวดพร้อมกับพวกมัน ทรุดลงกับพื้นมันเห็นชัดว่าพวกมันบาดเจ็บไม่น้อย

“ฟู่ ฟิ้ว!”

 

มองเห็นพรรคพวกของพวกมันถูกเปิดเผยตัว,ปีศาจเงาที่เหลือก็ไม่ปิดบังตัวเองอีกต่อไปและขึ้นออกมาจากพื้น ใบหน้าซีดเซียวของปีศาจเงาเจ็ดตนทันมดนั้นก็ปรากฏต่อหน้าของทุกคน

 

สามปีศาจเงาไม่ลังเลพุ่งตัวเข้าใส่มู่เหิง, จางเลี่ย,และเกาเชียง อีกสี่ตนที่เหลือเข้าปิดล้อมหยุนเข่อซินกับเซี่ยวเฉิน สานุศิษย์ศาลากระบี่สวรรค์สองคนที่กลายเป็นศพโลหิตก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างช้าๆเช่นกัน,พุ่งตัวเข้าใส่เซียวเฉินและหยุนเข่อซิน

เพิ่งจะจบศึกใหญ่มาและพวกเขายังไม่ได้พักรักษาตัวดี แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาตกสู่อะนตรายอีกครั้ง โดยเฉพาะจางเลี้ย,มู่เหิง,และเกาเชียง,ยังฟื้นคืนพลังกําลังมาได้ไม่ถึงหนึ่งในสี่ส่วน เมื่อปีศาจเงาสามตัวเข้าจู่โจม,พวกเขาตกอยู่ในอันตรายทันที

 

เซี่ยวเฉินและหยุนเข่อซินสถานการณ์ก็ไม่ได้ดีไปกว่า พวกเขาแต่ละคนต้องรับมือกับสองปีศาจเงาและอีกหนึ่งศพโลหิต นอกจากนั้น, พวกเขายังฟื้นฟูพละกําลังมาได้เพียงครึ่ง พวกเขาไม่อาจผละตัวออกไปช่วยเหลือมู่เหิงและคนที่เหลือได้

 

การจู่โจมของปีศาจเงาช่วงแปลกประหลาด พวกมันแตกต่างจากทักษะต่อสู้จากทวีปเทียนหวี่ พวกมันพึ่งพาร่างกายของพวกมัน เพื่อโจมตีเข้ามาตรงๆไม่ได้มีลีลาลูกไม้แต่อย่างใด,ราวกับเป็นสัตว์อสูรปีศาจ

 

อย่างไรก็ตาม, หากมันมีเพียงแค่นี้ เซี่ยวเฉินจะรับมือมันได้ไม่ยากเย็น สิ่งที่ทําให้ปวดหัวมากที่สุดคือทักษะเคลื่อนไหวของพวกมัน พวกมันรวดเร็วอย่างแปลกประหลาด และไม่มีจุดอ่อนให้เล่นงาน

 

บางครั้งเมื่อพวกเขาใช้กระบี่โจมตีเข้าไป,พวกเขาพบว่าพวกเขาเพียงฟันลงไปที่กลุ่มควันไร้รูปร่าง

หากเซี่ยวเฉินสามารถฟันโดน,เขามั่นใจว่าเขาสามารถสังหารได้ในกระบี่เดียว ช่างโชคร้าย,พวกมันอยู่ทั่วทุกที่รอบตัว เขา,ด้านล่าง,ด้านบน มันยากที่จะแยกความแตกต่างของจริงออก จากของปลอด มันเป็นปัญหาอย่างยิ่ง

 

จากนั้น ยังมีสานุศิษย์ศาลากระบี่สวรรค์ที่ถูกเปลี่ยนไปเป็นศพโล หิตอีกสองคน พละกําลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นอีกสองในสิบส่วน เมื่อพวกเขาจู่โจมเข้ามา,พวกเขาไม่รับรู้ความเจ็บปวด,ดังนั้นพวกเขาจึงบุกโจมตีเข้ามาไม่มีล่าถอย

 

ข้ายันเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว แม้ว่าข้าจะเอาตัวรอดได้,มู่เหิงและคนอื่นๆจะตกตาย,เซี่ยวเฉินครุ่นคิดเคร่งเครียด

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 249 ปีศาจเงาปิดล้อม

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 249 ปีศาจเงาปิดล้อม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation

ตอนที่ 249 ปีศาจเงาปิดล้อม

 

เซียวเฉินผละออกมาเล็กน้อยหยิบเอากระบี่มังกรคํารนออกมา และโยนให้กับหยุนเข่อซิน เขากล่าวขึ้น “ใช้กระบี่ของข้าไปก่อน!”

 

หยุนเข่อซินพยักหน้าขอบคุณ, จากนั้นก็รับกระบี่มังกรคํารนเอาไว้ในทันทีที่มือของนางสัมผัสด้ามของกระบี่ใบหน้าที่นิ่งสงบของนางกระตุก นางกล่าวอย่างตกตะลึง “นี่คืออาวุธวิญญาณระดับสวรรค์!”

 

จิตใจอันมั่นคงของหยุนเข่อซินสั่นสะเทือนไปชั่วขณะ นางสงสัยว่าเซี่ยวเฉินคงจะโยนมาให้นางผิดเล่ม พอคิดว่าเขาโยนอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์มาได้ราวกับขว้างปาท่อนไม้

 

“ปัง!”

 

สายลมรุนแรงพัดเข้าหน้าของพวกเขา, นี่คือกระแสพลังอันตราย หยุนเข่อซินคืนสติของนางและรีบเคลื่อนออกด้านข้าง,หลบการโจมตีจากปีศาจงูแดง

 

นับตั้งแต่ที่ปีศาจงูแดงมันถูกลอบโจมตีไปสองครั้งมันก็ถูกพวกเขาทั้งสองคนกดเอาไว้อย่างไม่ลดละตอนนี้มันโกรธจัด

 

ท่อนบนที่สูงกว่าหนึ่งร้อยเมตรของมันยกขึ้นและกวาดหางของมันเป็นวง หางของมันยืดยาวขึ้น:ยาวขึ้นและยาวขึ้นอีก อีกทั้งยังคมขึ้นและคมขึ้น

 

หางงูคมกริบวาดผ่านอากาศ,สร้างเสียงเสียดแหลมพร้อมกับแทงไปที่เซี่ยวเฉิน มันรวดเร็วพอๆกับสายฟ้า,เซี่ยวเฉินตกใจพร้อมกับถอยกลับอย่างรวดเร็ว

 

“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!”

จุดที่เซียวเฉินเคยยืนอยู่ระดับออก หลุมลึกไร้กันปรากฏขึ้นบนพื้น เซี่ยวเฉินยังล้าถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง,แต่หางที่ราวกับเล็บไล่จิกเขาอย่างไม่ลดละ

 

รวดเร็วมาก,หลุมไร้กันอีกหลายหลุมปรากฏขึ้นบนพื้น ในแต่ละครั้งหางของมันก็จะเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม เซี่ยวเฉินไม่มีแม้แต่จะหันหัวไปมอง

ขณะที่หางกําลังโจมตีใส่เซียวเฉิน, ปีศาจงูแดงก็ไม่ได้รอช้า มันพ่นเปลวเพลิงสีดําไปที่หยุนเข่อซินอย่างไม่ลดละ

 

อย่างไรก็ตาม,สถานการณ์ทางด้านของหยุนเข่อซินดูดีกว่าทางด้านของเซียวเฉินอยู่หน่อย หลังจากที่นางได้รับอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์กระบี่มังกรคํารนมา,นางสามารถปัดเป่าเพลิงสีดําทองไปได้หากนางหลบไม่พ้น

“เว้ง!”

เสียงมังกรคําามดังออกมา ทันใดนั้นหยุนเข่อซินก็หยุดหลบเลี่ยง และจับกระบี่มังกรคํารนไว้มั่น มีแสงเย็นเรื่องขึ้นมาบนกระบี่ และจากนั้นก็ระเบิดออกเป็นเรื่องแสงอันไร้ขอบเขต

ท่ามกลางเรืองแสง,มันดูเหมือนกับมีมังกรคํารนกําลังว่ายวน, หมุนเวียนไปบนคมกระบี่

 

“ปัง!”

มีกระบี่แสงวูบผ่านและฟันผ่ากลางเปลวเพลิงสีดํา จากนั้น,นางก็พุ่งเข้าหาปีศาจงูแดงโดยไม่ลังเลและไม่สนใจขนาดร่างของตัวเอง

 

ต่อหน้าร่างอันใหญ่โตของปีศาจงูแดง, หยุนเข่อซินราวกับเด็กน้อย

 

ดวงตาสีแดงของปีศาจงูแดงฉายแสงออกมาราวกับตะเกียงที่สองไปหาหยุนเข่อซินที่กําลังพุ่งเข้ามา ความชั่วร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาของมันพร้อมกับหยุดพ่นเปลวเพลิงสีดํา จากนั้น,มันก็พุ่งตัวเข้าหาหยุนเข่อซินและพยายามจะกลืนนางลงไป

 

หยุนเข่อซินหลบได้อย่างง่ายดาย ราวกับว่านางมีตาหลัง,กระบี่ในมือของนางตวัดและคมกระบี่ฟันใส่ลิ้นสองแฉก

 

เมื่อปีศาจงูแดงรู้สึกถึงความเจ็บปวด,หางของมันที่กําลังโจมตีใส่เซี่ยวเฉินอยู่ก็เชื่องช้าลง เซี่ยวเฉินการรับรู้ฉับไว,และคว้าเอาโอกาสนี้ไว้ในทันที

 

“สยายปีก,หนึ่งดาบตัด!”

 

แสงบนคมกระบี่สีขาวหิมะสงวนเอาไว้ เรืองแสงสว่างวูบผ่าน,และมันสับหางสามเตรกระเด็นออกไป

 

หลังจากที่มันตกลงมา,สายตาของหยุนเข่อซินและเซี่ยวเฉินหัน มาพบกันโดยบังเอิญเยิ้มให้กันและกัน

 

แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรปีศาจระดับ 6 ขั้นต้น หลังจากที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีเต็มกําลังของทักษะระดับปฐพีขั้นสูง,มันยังคงบาดเจ็บภายในสาหัส

 

หลังจากนั้น มันก็เจ็บจากการกระหน่ําตีจากทั้งสองคน ทุกการโจมตีที่ส่งออกไป,ไม่ใช่มีไว้เพียงแสดงพลัง

 

ในตอนที่ปีศาจงูแดงกระหน่ําโจมตีอย่างไม่ลดละเมื่อก่อนหน้านี้เป็นแรงอึดสุดท้ายของมันแล้ว หากทั้งสองคนยังคงยันเอาไว้อยู่,ปีศาจงูแดงมีแต่จะพ่ายแพ้มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

หากพวกเขาไม่อาจรับการกระหน่ําตีของมันได้เช่นนั้นปีศาจงูแดงก็จะเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะไป มู่เหิง,จางเลี่ย,และเกาเชียงไม่อาจทําอะไรมันได้อีกแล้ว

“ปัง! ปัง! ปัง!”

เซี่ยวเฉินบิดกระบี่ของเขาและสําแดงสภาวะภูผาจากทักษะกระบี่หลิงหยุนจนถึงขีดสุด เขามั่นคงดั่งภูผา,ป้องกันทุกการโจมตีจากปีศาจงูแดง

 

สําหรับหยุนเขาช่อซิน,ผู้ที่กําลังถืออาวุธวิญญาณระดับสวรรค์,นางสร้างโอกาสเข้าโจมตีอย่างไม่หยุดหย่อน คนหนึ่งจดจ่อไปกับการโจมตี,อีกคนหนึ่งตั้งรับป้องกันเป็นการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบ

ความได้เปรียบในการต่อสู้เริ่มโอนเอียงมาจากกลุ่มของเซี่ยวเฉิน ความภายแพ้ของปีศาจงูแดงกําลังเข้ามาใกล้

 

“ศิษย์พี่ม! ศิษย์พี่จาง! พวกท่านเป็นเช่นไร?!” สานุศิษย์ศาลากระบี่สวรรค์สามคนที่ถูกควบคุมโดยปีศาจเงาทันใดนั้นก็เดินตรงออกมาจากด้านข้างสมรภูมิ พวกเขามีสีหน้าเป็นกังวลพร้อมกับเดินเข้ามา

จางเลี่ยรู้สึกประหลาดใจ,ดังนั้นจึงถามขึ้น “พวกเจ้ามาทําอะไรที่นี่? ไม่ใช่ว่าพวกเราบอกให้พวกเจ้ารอ?”

“พวกเราเห็นการต่อสู้ตรงนี้ช่างดุเดือด,ดังนั้นพวกเราจึงเป็นกังวล เช่นนั้นพวกเราจึงวิ่งดข้ามา” สานุศิษย์หญิงยอดเขา กางอวี่เข้ามาช่วยเหลือเกาเชียง,ผู้ที่กองอยู่กับพื้น จากนั้น,นางถามขึ้น “สถานการณ์เป็นเช่นไร?”

 

เกาเชียงขอบคุณนางก่อน, จากนั้นก็กล่าว “ไม่ช้าไม่เร็วก็จะจบลง,ปีศาจงูแดงถูกต้อนจนมุม เย่เฉินกับหยุนเข่อซินน่าจะจบการต่อสู้ลงได้เร็วๆนี้”

 

“ฟู!”

 

เชี่ยวเฉินและหยุนเข่อซินรอคอยโอกาสอย่างอดทน เมื่อพวกเขาเคลื่อนไหวไปพร้อมกันในอากาศ กระบี่แสงเป็นชุดจุดขึ้นบนท้องฟ้าและสายเลือดสีดําสายกระเซ็น

 

ร่างอันมหึมาของปีศาจงูแดงถูกการโจมตีจากทั้งสองคนเข้าไปที่จุดเดียว

 

“ระเบิดม่วงทําสองสวรรค์!” หยุนเข่อซินร้องตะโกนและกระบี่มังกรคํารนในมือของนางสั่นสะเทือน กระบี่ฉีเสียงไร้รูปเข้าไปในบาดแผลของปีศาจงูแดง

 

“ปัง! ปัง! ปัง!”

 

คลื่นเสียงกระจายไปทั่วร่างท่อนบนของปีศาจงูแดง, เกิดเป็นระเบิด ร่างกายท่อนบนที่ยาวกว่าร้อยเมตรของมันถูกทําลายอย่างรุนแรง ร่างของมันตกตายจมกองเลือด

 

หยุนเข่อซินยืนมือของนางออกไปและรับเอาแก่นกลางปีศาจของปีศาจงูแดงเอาไว้ จากนั้น,นางก็โยนให้กับเซี่ยวเฉินและกล่าว “นี่สําหรับเจ้า,ข้าไม่ต้องการ”

 

เซี่ยวเฉินยื่นมือออกไปรับเอาไว้ เขาอยู่ในอาการไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย แก่นกลางปีศาจก้อนนี้มีค่าหนึ่งพันหินวิญญาณระดับต่ํา หยุนเข่อซินกลับโยนมาให้เขาราวกับก้อนหินก้อนหนึ่ง

 

หยุนเข่อซินอธิบาย “ข้าไม่ได้ขาดแคลนหินวิญญาณแต่อย่างใด เจ้าเอาไปแบ่งกับคนที่เหลือได้จะแบ่งกันอย่างไร,ขายกให้เจ้าจัดการ”

 

เซี่ยวเฉินไม่ใช่คนอวดเก่งอะไรเขาพยักหน้าและขอบคุณนางก่อนที่จะเก็บมันไป หยุนเข่อซินไม่ได้ขาดแคลนหินวิญญาณ,แต่เซียวเฉินเองก็เช่นกัน อย่างไรก็ตาม,หินวิญญาณก็นับได้ว่าเป็นเงินทอง

 

ยิ่งมีมาก ก็ยิ่งมั่งคั่ง เซี่ยวเฉินไม่รังเกียจที่จะรับเอาไว้

 

พวกเขาทั้งสองกินเม็ดยาคนละเม็ดและหยิบเอาหินวิญญาณระดับต่ําออกมาก่อนที่จะนั่งลงฟื้นฟูพลังงานของพวกเขา พวกเขานับว่าได้สังหารสัตว์อสูรปิศาจระดับ 6 ไปโดยไร้บาดแผล ดังนั้น, พวกเขาจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย

ผ่านไปครู่หนึ่ง,พวกเขาก็ซึมซับพลังงานจิตวิญญาณทั้งหมดจากหินวิญญาณ พวกเขาทั้งคู่ยืนขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน

ด้วยระดับการบ่มเพาะพลังในปัจจุบันของพวกเขา,หินวิญญาณระดับต่ําฟื้นฟูพลังปราณของพวกขเาได้เพียงครึ่ง อย่างไรก็ตาม, พวกเขาทั้งสองรู้ว่ามีเวลาไม่มากพอให้พวกเขาฟื้นคืนพลังปราณทั้งหมด ดังนั้น,พวกเขาไม่มีความตั้งใจจะฟื้นฟูพลังเพิ่มขึ้นอีก

 

เมื่อพวกเขาเห็นเซียวเฉินและหยุนเข่อซินยืนขึ้น,มู่เหิง,จางเลี่ย,เกาเชียงและคนอื่นอีกสามคนที่ถูกควบคุมโดยปีศาจเงาตามหลังมา มู่เหิง,จางเลี่ยและเกาเชียงมีอาการบาดเจ็บภายในไม่น้อย หลังจากที่พวกเขาได้พักไปครู่หนึ่ง,พวกเขาทําได้แค่ระงับอาการบาดเจ็บเอาไว้

 

หยุนเข่อซินเห็นว่าอีกสามคนมีสายตาที่แปลกประหลาด ดังนั้น,นางส่งสัญญาณให้เซี่ยวเฉินดูอย่างลับๆ

 

เซี่ยวเฉินตกตะลึงเล็กน้อยและใช้สัมผัสวิญญาณของเขาตรวจสอบดู ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เข้าใจสถานการณ์

 

“ทําไมพวกเจ้าสามคนมาอยู่ที่นี่? ไม่ใช่ข้าบอกให้พวกเจ้าทั้งสามคนรอ?” หยุนเข่อซินถามทั้งสามคน

 

สานุศิษย์หญิงยอดเขากางอวตอบกลับ “การต่อสู้ดุเดือด พวกเราเป็นกังวล, จึงตkมเข้ามา”

 

หยุนเข่อซินไม่ได้ถามอะไรต่อ นางกล่าว “ไม่เป็นไร,ไม่มีอันตรายแล้ว อย่างไรก็ตาม,พวกเราไม่อาจเดินทางต่อได้ตอนนี้ พวกเราควรถอยกลับไปพักผ่อน”

 

ทั้งสามคนนั้นไม่ได้สงสัยอะไรนางแม้แต่น้อย พวกเขาหันหลัง และมุ่งหน้ากลับไปในทางที่พวกเขามากับมู่เหิงและคนที่เหลือ

“ฟู่ว!”

 

เซี่ยวเฉินและหยุนเข่อซินบงมือพร้อมกัน กระบี่มังกรคํารนในมือ ของหยุนเข่อซินเรืองแสงเย็นยะเยือกพร้อมกับแทงไปที่หัวใจของปีศาจเงาจากด้านหลัง

 

ร่างของเซี่ยวเฉินปรากฏออกมาจากความว่างเปล่าและชกไปที่ปีศาจเงาด้วยพลังมหาศาล จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็ลงมือต่อ คนนึงถือกระบี่,อีกคนหนึ่งมือเปล่า,ซัดไปที่ปีศาจเงาตัวสุดท้าย

 

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในช่วงพริบตา ปีศาจเงาทั้งสามตัวตอบสนองไม่ทันแม้แต่น้อย มู่เหิงและคนที่เหลือไม่เข้าใจฉากที่เห็นอยู่เบื้องหน้า

 

“ศิษย์พี่หยุน! เย่เฉิน! พวกเจ้าทําอะไร!”

 

หยุนเข่อซินไม่ได้ตอบ กลับกัน,นางกล่าวอย่างเฉยเมย “เดี๋ยวเจ้าก็เข้าใจ”

ทั้งสามคนนั้นกองอยู่กับพื้นโอดโอยอย่างเจ็บปวด จากนั้น,ต่อหน้าสายตาตกตะลึงของจางเลี่ย,มีควันสามสายออกมาจากร่างของพวกเขา สามปีศาจเงามีสีหน้าเจ็บปวดพร้อมกับพวกมัน ทรุดลงกับพื้นมันเห็นชัดว่าพวกมันบาดเจ็บไม่น้อย

“ฟู่ ฟิ้ว!”

 

มองเห็นพรรคพวกของพวกมันถูกเปิดเผยตัว,ปีศาจเงาที่เหลือก็ไม่ปิดบังตัวเองอีกต่อไปและขึ้นออกมาจากพื้น ใบหน้าซีดเซียวของปีศาจเงาเจ็ดตนทันมดนั้นก็ปรากฏต่อหน้าของทุกคน

 

สามปีศาจเงาไม่ลังเลพุ่งตัวเข้าใส่มู่เหิง, จางเลี่ย,และเกาเชียง อีกสี่ตนที่เหลือเข้าปิดล้อมหยุนเข่อซินกับเซี่ยวเฉิน สานุศิษย์ศาลากระบี่สวรรค์สองคนที่กลายเป็นศพโลหิตก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างช้าๆเช่นกัน,พุ่งตัวเข้าใส่เซียวเฉินและหยุนเข่อซิน

เพิ่งจะจบศึกใหญ่มาและพวกเขายังไม่ได้พักรักษาตัวดี แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาตกสู่อะนตรายอีกครั้ง โดยเฉพาะจางเลี้ย,มู่เหิง,และเกาเชียง,ยังฟื้นคืนพลังกําลังมาได้ไม่ถึงหนึ่งในสี่ส่วน เมื่อปีศาจเงาสามตัวเข้าจู่โจม,พวกเขาตกอยู่ในอันตรายทันที

 

เซี่ยวเฉินและหยุนเข่อซินสถานการณ์ก็ไม่ได้ดีไปกว่า พวกเขาแต่ละคนต้องรับมือกับสองปีศาจเงาและอีกหนึ่งศพโลหิต นอกจากนั้น, พวกเขายังฟื้นฟูพละกําลังมาได้เพียงครึ่ง พวกเขาไม่อาจผละตัวออกไปช่วยเหลือมู่เหิงและคนที่เหลือได้

 

การจู่โจมของปีศาจเงาช่วงแปลกประหลาด พวกมันแตกต่างจากทักษะต่อสู้จากทวีปเทียนหวี่ พวกมันพึ่งพาร่างกายของพวกมัน เพื่อโจมตีเข้ามาตรงๆไม่ได้มีลีลาลูกไม้แต่อย่างใด,ราวกับเป็นสัตว์อสูรปีศาจ

 

อย่างไรก็ตาม, หากมันมีเพียงแค่นี้ เซี่ยวเฉินจะรับมือมันได้ไม่ยากเย็น สิ่งที่ทําให้ปวดหัวมากที่สุดคือทักษะเคลื่อนไหวของพวกมัน พวกมันรวดเร็วอย่างแปลกประหลาด และไม่มีจุดอ่อนให้เล่นงาน

 

บางครั้งเมื่อพวกเขาใช้กระบี่โจมตีเข้าไป,พวกเขาพบว่าพวกเขาเพียงฟันลงไปที่กลุ่มควันไร้รูปร่าง

หากเซี่ยวเฉินสามารถฟันโดน,เขามั่นใจว่าเขาสามารถสังหารได้ในกระบี่เดียว ช่างโชคร้าย,พวกมันอยู่ทั่วทุกที่รอบตัว เขา,ด้านล่าง,ด้านบน มันยากที่จะแยกความแตกต่างของจริงออก จากของปลอด มันเป็นปัญหาอย่างยิ่ง

 

จากนั้น ยังมีสานุศิษย์ศาลากระบี่สวรรค์ที่ถูกเปลี่ยนไปเป็นศพโล หิตอีกสองคน พละกําลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นอีกสองในสิบส่วน เมื่อพวกเขาจู่โจมเข้ามา,พวกเขาไม่รับรู้ความเจ็บปวด,ดังนั้นพวกเขาจึงบุกโจมตีเข้ามาไม่มีล่าถอย

 

ข้ายันเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว แม้ว่าข้าจะเอาตัวรอดได้,มู่เหิงและคนอื่นๆจะตกตาย,เซี่ยวเฉินครุ่นคิดเคร่งเครียด

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+