Immortal and Martial Dual Cultivation 174 เม็ดยาบํารุงโฉม

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 174 เม็ดยาบํารุงโฉม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่ 174 เม็ดยาบํารุงโฉม

 

เซี่ยวเฉินทําตามขั้นตอนและค่อยๆเทของเหลวยาลงในหม้อปรุงยา เมื่อของเหลวยาทั้งหมดถูกเทลงไป,กลิ่นหอมของยาก็ลอยเข้ามาแตะจมูกของเขา และกระจายไปทั่วห้อง

 

เซี่ยวเฉินควบคุมเพลิงแท้อัสนีม่วงอย่างระมัดระวังและหลอมรวมของเหลวยาเข้าด้วยกัน สิ่งเจือปนที่เกินความจําเป็นลอยออกมาจากหม้อปรุงยามังกรฟ้า

 

แม้ว่าวิธีการสกัดเม็ดยาบํารุงโฉมจะซับซ้อน,มันก็ไม่ได้ยากจนเกินไป ถึงอย่างไร มันก็ไม่ได้เป็นเม็ดยาระดับสูง เพียงแต่มันต้องใช้เวลานานในการสกัดออกมา

 

“ซี่ ซี่!”

 

หลังจากเผาไหม้มาเป็นเวลานาน,เม็ดยาก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาในที่สุด เซี่ยวเฉินเริ่มลดความร้อนของเปลวเพลิงลงและเข้าสู่ขั้นตอนที่สาม การใช้เพลิงอุ่นเพื่อทําให้เม็ดยาเสร็จสมบูรณ์

 

การก่อตัวของรูปทรงของเม็ดยาเป็นขั้นตอนที่สําคัญที่สุดในการสกัดเม็ดยาเพื่อกําหนดคุณภาพของเม็ดยา ดังนั้น เซี่ยวเฉินไม่กล้าที่จะประมาท

 

ภายใต้การควบคุมเปลวเพลิงสีม่วงของเซี่ยวเฉิน,ก้อนอ่อนของเม็ดยาก็ค่อยๆกลายเป็นผิวแข็งและราบเรียบ ในที่สุด,มันก็กลายเป็นเม็ดยาเปล่งแสงสีสว่างออกมา

 

เซี่ยวเฉินเผยรอยยิ้มพึงพอใจ หลังจากที่ถึงขั้นตอนสุดท้าย วงแสงสีสว่างปรากฏขึ้นบนผิวเม็ดยา

 

จากนั้นเม็ดยาที่สกัดแล้วก็พุ่งออกมา,ตกลงในขวดลายคราม เซี่ยวเฉินหยิบมันขึ้นมาสูดดม เขารู้สึกตื่นเต้นอยู่ในใจมันสําเร็จเรียบร้อย!

 

เขาทําสําเร็จในครั้งแรกที่สกัดมันขึ้นมา นี้เป็นสัญญาณที่ดี สีหน้าของเซี่ยวเฉินเป็นสุข

 

มีส่วนผสมอีกสี่ชุด เขาไม่สามารถปล่อยให้พวกมันเสียเปล่า,ดังนั้นเขาจึงสกัดเม็ดยาต่อไป อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้โชคดีเหมือนในครั้งแรก อัตราความสําเร็จของเขาอยู่ที่ครึ่ง-ครึ่ง จากความพยายามอีกสี่ครั้งเขาล้มเหลวไปสองครั้ง ถึงกระนั้น, อัตราความสําเร็จก็ถือว่าไม่ได้ต่ำ เซี่ยวเฉินเก็บเม็ดยาบํารุงโฉมทั้งสามเม็ดและมุ่งหน้าตรงไปที่ลานบ้านของหลิวหรูเยว่

 

ในไม่ช้าเขาก็มาถึงที่ประตูลานบ้านของหลิวหรูเยว่ ในขณะที่เขากําลังจะเคาะประตู ประตูก็เปิดออก,ปรากฏเป็นสีหน้าตกตะลึงของหลิวหรูเยว่

 

เลือดโลหิตถูกชะล้างออกจากเรือนร่างของนางอย่างหมดจด ในตอนนี้นางสวมชุดที่นางใส่อยู่เป็นประจํา ชุดนักบ่มเพาะพลังรัดรูป สีหน้าของนางดูดีขึ้นมากแล้ว

 

อย่างไรก็ตามเมีรอยแผลเป็นบางๆอยู่บนใบหน้าของนางที่ไม่ได้เลือนหายไป สําหรับหญิงสาว,มันเป็นมลทินที่ส่งผลต่อความงามของพวกนาง อย่างไรก็ตาม,มันปรากฏว่าหลิวหรูเยว่นั้นดูไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก

“เจ้ามาหาข้าทําไม?” หลิวหรูเยว่ถามขึ้น

 

เซี่ยวเฉินฟื้นคืนสติและพยักหน้า จากนั้นเขาก็ยื่นเม็ดยาบํารุงโฉมให้กับหลิวหรูเยว่ “พี่สาวหรูเยว่ นี่คือเม็ดยาบํารุงโฉมที่ข้าสกัดขึ้นมา มันสามารถลบรอยแผลเป็นบนร่างกายของเจ้าออกไป,พร้อมกับบํารุงผิวพรรณของเจ้าด้วยเช่นกัน”

 

เมื่อหลิวหรูเยว่ได้ยินดังนั้น,นางก็ยิ้มขึ้น นางรู้สึกเป็นสุขในใจ,หญิงสาวทุกนางล้วนรักสวยรักงามเป็นปกติ,หลิวหรูเยว่ก็ไม่มีข้อยกเว้น อย่างไรก็ตาม,นางก็ไม่ได้คาดหวังเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

“เจ้ากําลังจะพยายามติดสินบนอาจารย์ของเจ้า?” หลิวหรูเยว่หยอกล้อพร้อมกับรับเม็ดยามา

 

เซี่ยวเฉินยิ้มขึ้น “พี่สาวหรูเยว่,ข้ากําลังจะเตรียมตัวไปที่โถงคุณความชอบสักระยะ ข้าอาจจะไม่กลับมาที่ยอดเขาฉิงหยุนเป็นเวลาหนึ่งเดือน”

 

“โถงคุณความชอบ?” หลิวหรูเยส่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น,นางก็พูดขึ้น “ดีแล้ว หลายทักษะต่อสู้ชั้นยอดของยอดเขาฉิงหยุนต้องการแต้มสะสมเพื่อที่จะได้รับมันมา”

 

“มากับข้า ทักษะกระบี่พื้นฐานของเจ้าในตอนนี้ได้ฝึกฝนถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น ก่อนที่เจ้าจะไปให้ข้าได้สอนเจ้าถึงทักษะลับของยอดเขาฉิงหยุน”

 

เซี่ยวเฉินสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย “พี่สาวหรูเยว่,อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่ฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์ เจ้าไม่สามารถหมุนเวียนพลังปราณได้ รอจนกว่าข้าจะกลับมา!”

 

แม้ว่าเซี่ยวเฉินอยากที่จะเรียนทักษะลับของยอดเขาฉิงหยุน,แต่ด้วยสภาพในปัจจุบันของหลิวหรูเยว่ มันไม่ใช่ช่วงเวลาเหมาะสมที่นางจะถ่ายทอดทักษะวิชา หากนางหมุนเวียนพลังปราณขณะที่กําลังฟื้นตัว, มันจะสร้างความเสียหายต่อร่างกายของนาง”

 

หลิวหรูเยว่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่มีปัญหา, ข้ารู้จักร่างกายของข้าดี”

 

ยอดเขาฉิงหยุน พื้นที่ประลอง

 

หลิวหรูเยว่ยืนอยู่ตรงข้ามกับเซี่ยวเฉินและพูดขึ้น “ทั้งเจ็ดยอดเขาแห่งศาลากระบีสวรรค์มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป เอกลักษณ์ของทักษะกระบีแห่งยอดเขาฉิงหยุนก็คือความรวดเร็ว-กระบี่ที่รวดเร็วกว่าสายลม”

 

“ดังนั้น ทักษะกระบี่ของยอดเขาฉิงหยุนทั้งหมดสัมพันธ์กับความเร็ว ยอดเขาฉิงหยุนมีทักษะลับทั้งหมดเจ็ดทักษะด้วยรูปแบบของกระบี่เงาจันทร์,มีเพียงหนึ่งทักษะที่เหมาะสมกับเจ้า–สับวายุใส!”

 

สับวายุใส? เซี่ยวเฉินนึกขึ้นได้ว่าเขาเคยได้รับตําราทักษะสับวายุใส เขาอดไม่ได้ที่จะคุ้ยดูในแหวนห้วงจักรวาลของเขา หลังจากนั้นครู่หนึ่ง,เขาก็หยิบเอาตําราทักษะออกมาและยื่นให้กับหลิวหรูเยว่ “นี่คือตําราทักษะที่ข้าได้รับมาในอดีต มันคืออันเดียวกันใช่หรือไม่?”

 

หลิวหรูเยว่รู้สึกประหลาดใจ นางรับเอามันมามองดู,ภายใต้สายตาตกตะลึงของเซี่ยวเฉิน,นางโยนมันขึ้นไปในอากาศ ชักกระบี่ของนางออกมา และสร้างแสงขึ้นในอากาศติดกันต่อเนื่องฉีกเฉือนตําราทักษะสับวายุใส

 

“ชัว! ชัว!”

 

เสียงสายลมดังก้อง แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะยืนอยู่ตรงข้ามมัน,เขาสัมผัสได้ถึงสายลมไหลรุนแรง สายลมทําให้เสื้อผ้าของเขาปลิวไหวอย่างต่อเนื่อง

 

ตําราสั่นสะเทือนอยู่กลางอากาศ แต่ละหน้าของมันแยกออกและฉีกขาด จากนั้น พวกมันก็ลอยลงมาทีละหน้าทีละหน้า พวกมันทั้งหมดลอยลงบนพื้นอย่างเรียบร้อย,ซ้อนทับลงทีละแผ่น

 

เมื่อกระบี่เล็กได้กลับเข้าฝัก,หน้ากระดาษทุกใบแยกออกจากกันอย่างสมบูรณ์ ที่น่าตกใจก็คือทุกหน้ากระดาษลงมาซ้อนทับกันอย่างเป็นระเบียบ:หน้าบนสุดก็เป็นปกของตํารา

 

หากเซี่ยวเฉินไม่ได้เห็นมันกับตาของตัวเองเขาจะต้องคิดว่ามันคือตําราที่วางอยู่บนพื้นในสภาพดีเยี่ยมมันช่างเป็นระเบียบ

 

“มันคือตําราฉบับไม่สมบูรณ์ที่รั่วไหลออกไปมันไร้ค่า ที่ข้าได้แสดงไปคือสับวายุใส เจ้าเห็นมันได้ชัดเจนหรือไม่?” หลิวหรูเยว่อธิบายให้เซี่ยวเฉิน

 

ไร้สาระ,เพียงครั้งเดียว? ข้าจะเห็นมันได้อย่างชัดเจนได้เช่นไร? เซี่ยวเฉินส่ายหัวอย่างซื่อตรง

 

เมื่อหลิวหรูเยว่เห็นดังนั้น,นางก็กล่าวขึ้น “มันไม่สําคัญว่าเจ้าจะไม่เห็นมันอย่างชัดเจน เจ้าเพียงแค่ต้องจดจําหัวใจหลักของสับวายุใส วายุใส,สายลมเย็น… เจ้าเห็นเพียงสายลมเย็นไหลผ่านแต่มิใช่ตัวกระบี่”

 

เจ้าเห็นเพียงสายลมเย็นไหลผ่านแต่มิใช่ตัวกระบี่ เซี่ยวเฉินทวนประโยคนี้ในใจสองสามครั้ง จากนั้น ทันใดนั้นเขาก็ได้บรรลุ เมื่อหลิวหรูเยวชักกระบี่ของนางเมื่อครู่ คมกระบี่ตัดผ่านอากาศ,ก่อเกิดสายลมเย็น

 

มันคือสายลมเย็นที่เกิดจากกระบี่ อย่างไรก็ตาม,ตามการรับรู้ของเขา เขารู้สึกถึงสายลมเย็นได้อย่างชัดเจน แต่ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงคมกระบี่

 

มองดูเซี่ยวเฉินที่ดูเหมือนจะบรรลุได้,หลิวหรูเยว่กล่าวต่อ “ความหมายของประโยคนี้ก็คือเปิดซ่อนเจตนาฆ่าฟันท่ามกลางสายลมเย็น,ดังนั้นคู่ต่อสู้ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงคมกระบี่ เช่นนั้นพวกเขาไม่สามารถตัดสินได้ว่าคมกระบี่จะมาจากทางไหน”

 

หลังจากที่หลิวหรูเยวพูดจบ,นางก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าวและชักกระบี่ของนางออกมาอีกครั้ง อากาศหนาแน่นรวมตัวก่อเกิดเป็นสายลมเย็นที่ไม่สิ้นสุด

 

เซี่ยวเฉินพล่ามัวเขาเหมือนจะเห็นมือของหลิวหรูเยว่จางหายไปในอากาศ แม้ว่าเขาไม่อาจสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟัน,เขารู้สึกได้จากสัญชาตญาณภายในร่างของเขา

 

เขารีบถอยกลับหลังไปสองก้าว ในจังหวะที่เท้าของเขาสัมผัสพื้น,กระบี่เล็กปรากฏออกมาจากสายลมบางเฉีกเสื้อของเขาบริเวณหน้าอก

 

หลิวหรูเยวถอนกระบี่กลับและโยนตําราเล่มหนึ่งให้กับเซี่ยวเฉิน “นี่เป็นสําเนาคัดมือของสับวายุใส แม้ว่ามันจะเป็ สําเนาคัดมือ,มันก็เป็นสําเนาฉบับสมบูรณ์ สําเนาที่เจ้ามีมันเทียบไม่ได้กับฉบับนี้ จบแล้วเจ้าไปได้แล้วตอนนี้”

 

เซี่ยวเฉินมองกวาดไปที่ทักษะลับในมือของเขาและเก็บมันเข้าไป เขาถามขึ้น “เพียงแค่นี้? ข้าดูเหมือนไม่ได้เรียนอะไรสักอย่าง”

 

หลิวหรูเยว่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา นางใช้ฝึกกระบี่เคาะไปที่หัวของเซี่ยวเฉิน “เจ้าอยากจะได้อะไรอีก? นี่คือแก่นแท้ที่ข้าได้บรรลุมา มันเพียงพอที่จะไม่ทําให้เจ้าเดินไปผิดทาง แค่จําประโยคที่ข้าได้บอกเจ้า เจ้าสามารถมองเห็นเพียงสายลมเย็นแต่มิใช่ตัวกระบี่”

 

“ใช่แล้ว อย่าได้รับภารกิจที่อันตรายเกินไป หลังจากที่เจ้ากลับมา ข้าจะหาเวลาเพื่อสอนเจ้าถึงฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมัน”

 

เซี่ยวเฉินไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปเช่นไร เขารู้สึกว่าความเมตตาของหลิวหรูเยวมันไม่อาจจะรับได้มันมากล้นจนเกินไป

 

หลิวหรูเยวพูดขึ้น “เจ้าไม่ต้องไปคิดให้มาก แม้ว่าข้าจะไม่ได้แก่ไปกว่าเจ้านัก,พวกเราก็ยังเป็นศิษย์กับอาจารย์ ถ่ายทอดทักษะวรยุทธก็เป็นหนึ่งในหน้าที่ของข้า นอกจากนั้น,ช่วยเหลือเจ้าก็เท่ากับช่วยเหลือข้า”

 

เซี่ยวเฉินโค้งคํานับให้กับหลิวหรูเยว่ จากนั้นเขาก็หันหลังและออกจากพื้นที่ประลองไป เขาไปเตรียมตัวเพื่อที่จะลงจากยอดเขาฉิงหยุนและมุ่งหน้าไปที่ฐานส่องสวรรค์ หลังจากที่เซี่ยวเฉินได้จากไปไกล,หลิวหรูเยว่ก็ไอออกมาสองสามครั้งนางไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป

 

โถงคุณความชอบ,ซึ่งเป็นผู้ออกภารกิจของนิกาย ตั้งอยู่ในฐานส่องสวรรค์ที่จอแจ นี่คือสิ่งที่เซี่ยวเฉินได้ยินมาจากผู้อื่นตลอดทาง

 

หลังจากที่เซี่ยวเฉินลงมาจากยอดเขาฉิงหยุน,เขามุ่งหน้ามาไปยังฐานส่องสวรรค์ในทันที่อย่างเร่งรีบ ภายในเทือกเขาหลิงหยุน,ฐานส่องสวรรค์ช่างดูเตะตาเป็นอย่างมากฐานขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้จากทั่วทุกมุม,ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ไกลถึงเพียงใด

 

มีคําพูดที่ว่าะภูเขาปรากฏใกล้เมื่อจ้องมอง,แต่เดินไปหาช่างยากเย็น ฐานส่องสวรรค์มองเห็นได้อย่างง่ายดายจากยอดเขาฉิงหยุนแต่มันใช้เวลาถึงสองชั่วโมงในการมาถึงตีนเขาถึงแม้ว่าเซี่ยวเฉินจะวิ่งด้วยกําลังทั้งหมดของเขา

 

ครั้งสุดท้ายที่เขามายังฐานส่องสวรรค์ เขานั่งเรือหยกของเก่อหยุนปินมา มันช่างสะดวกสบาย ไม่เหมือนปัญหาที่เขาต้องเจอมาตลอดทั้งวันนี้ เมื่อเขาได้มาถึงตีนเขา,เขามองไปยังฐานส่องสวรรค์ที่ตั้งตระหง่าน เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัวเมื่อเขานึกถึงในตอนที่เขาต้องปีนขึ้นไปตลอดทาง

 

“น้องชายกําลังจะขึ้นไปบนฐานส่องสวรรค์ ใช่หรือไม่? เจ้าขี่สัตว์อสูรวิญญาณของข้าขึ้นไปเป็นไง? เจ้าต้องจ่ายเพียงหินวิญญาณระดับต่ำสองก้อน”

 

“น้องชายตัวน้อยไปกับข้า ข้าคิดเจ้าเพียงหนึ่งหินวิญญาณระดับต่ำ นอกจากนั้น,สัตว์อสูรวิญญาณของข้ายังรวดเร็วกว่าของเขา”

 

ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังเตรียมตัวที่จะปีนขึ้นไป,ทันใดนั้นก็มีกลุ่มคนมาล้อมตัวเขา ที่ด้านหลังของทุกคนมีสัตว์อสูรวิญญาณประเภทปีกะดูเหมือนพวกเขาจะเปิดกิจการแท็กซี่

 

อย่างไรก็ตาม,ราคาช่างสั่นสะเทือนแผ่นดิน เพียงรอบเดียวต้องใช้หินวิญญาณระดับต่ำหนึ่งก้อนมันแพงยิ่งกว่านั่งเครื่องบินเสียอีก

 

ในท้ายที่สุด เซี่ยวเฉินก็จ่ายหินวิญญาณระดับต่ำไปหนึ่งก้อนและจ้างสัตว์อสูรวิญญาณขึ้นไปส่งเขาบนภูเขา ด้วยความเร็วของเขา เขาประมาณการณ์ว่ากว่าเขาจะขึ้นไปถึงฐานส่องสวรรค์,มันจะมืดค่ำกันพอดี

 

มันไม่คุ้มที่จะเสียเวลา นอกจากนั้นเขาก็ไม่ได้ขัดสนหินวิญญาณเขาเพิ่งได้รับมันมากองโตเมื่อก่อนหน้านี้ มีหินวิญญาณจํานวนมหาศาลอยู่ในแหวนห้วงจักรวาลของเขาตอนนี้ ดังนั้น เขาไม่ได้ติดใจอะไรนักหากจะหยิบออกมาใช้

 

คนผู้นั้นรับหินวิญญาณของเซี่ยวเฉินไปและรับเซี่ยวเฉินขึ้นมาบนสัตว์อสูรวิญญาณของเขาทันที สัตว์อสูรวิญญาณของเขานั้นค่อนข้างพิเศษมันเป็นวิหคธาตุลม

 

มันกระพือปีก,ตบฝุ่นควันก้อนใหญ่ลอยขึ้น และทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า มันมุ่งหน้าไปที่ฐานส่องสวรรค์ด้วยความรวดเร็ว:เป็นไปตามคําของคนผู้นี้

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกว่ามันแปลกประหลาดที่มีหลายคนครอบครองสัตว์อสูรวิญญาณประเภทปีก พวกเขาได้รับมันมาได้อย่างไร? จากสัตว์อสูรวิญญาณที่สามารถฝึกได้ทั้งหมด สัตว์อสูรวิญญาณประเภทปีกมีมูลค่าสูงที่สุด นั้นเป็นเพราะมันฝึกได้ยากที่สุด

 

เจ้าของสัตว์อสูรวิญญาณมองเห็นความสับสนของเซี่ยวเฉิน เขายิ้มขึ้นพร้อมกับอธิบาย “พวกเราได้พวกมันมาจากการแลกแต้มสะสมของนิกาย พวกมันสามารถไปรับได้ที่โถงสัตว์อสูรวิญญาณของนิกาย อย่างไรก็ตาม,ระดับของสัตว์อสูรวิญญาณพวกนี้ค่อนข้างต่ำ และพวกมันไม่ได้มีประโยคมากนัก

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกว่านั้นมันแปลกประหลาด เขาถามขึ้น “เจ้าหมายความว่าเช่นไร?”

 

คนผู้นั้นอธิบาย “มันไม่มีหยกวิญญาณสีเลือด,และพวกมันก็ไม่ได้ถูกจับมาตั้งแต่ยังเยาว์ ดังนั้น, สัตว์อสูรวิญญาณที่สามารถซื้อได้จะไม่เกินระดับ 2″

 

“เจ้าสามารถจินตนาการได้ถึงความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 2 มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอามาใช้ในการต่อสู้ มันคงจะเป็นปาฏิหาริย์หากว่ามันสามารถระวังหลังให้เจ้าได้ ดังนั้นมันจึงสามารถนํามาใช้ได้เพียงแค่เครื่องมือเดินทางเท่านั้น”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 174 เม็ดยาบํารุงโฉม

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 174 เม็ดยาบํารุงโฉม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่ 174 เม็ดยาบํารุงโฉม

 

เซี่ยวเฉินทําตามขั้นตอนและค่อยๆเทของเหลวยาลงในหม้อปรุงยา เมื่อของเหลวยาทั้งหมดถูกเทลงไป,กลิ่นหอมของยาก็ลอยเข้ามาแตะจมูกของเขา และกระจายไปทั่วห้อง

 

เซี่ยวเฉินควบคุมเพลิงแท้อัสนีม่วงอย่างระมัดระวังและหลอมรวมของเหลวยาเข้าด้วยกัน สิ่งเจือปนที่เกินความจําเป็นลอยออกมาจากหม้อปรุงยามังกรฟ้า

 

แม้ว่าวิธีการสกัดเม็ดยาบํารุงโฉมจะซับซ้อน,มันก็ไม่ได้ยากจนเกินไป ถึงอย่างไร มันก็ไม่ได้เป็นเม็ดยาระดับสูง เพียงแต่มันต้องใช้เวลานานในการสกัดออกมา

 

“ซี่ ซี่!”

 

หลังจากเผาไหม้มาเป็นเวลานาน,เม็ดยาก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาในที่สุด เซี่ยวเฉินเริ่มลดความร้อนของเปลวเพลิงลงและเข้าสู่ขั้นตอนที่สาม การใช้เพลิงอุ่นเพื่อทําให้เม็ดยาเสร็จสมบูรณ์

 

การก่อตัวของรูปทรงของเม็ดยาเป็นขั้นตอนที่สําคัญที่สุดในการสกัดเม็ดยาเพื่อกําหนดคุณภาพของเม็ดยา ดังนั้น เซี่ยวเฉินไม่กล้าที่จะประมาท

 

ภายใต้การควบคุมเปลวเพลิงสีม่วงของเซี่ยวเฉิน,ก้อนอ่อนของเม็ดยาก็ค่อยๆกลายเป็นผิวแข็งและราบเรียบ ในที่สุด,มันก็กลายเป็นเม็ดยาเปล่งแสงสีสว่างออกมา

 

เซี่ยวเฉินเผยรอยยิ้มพึงพอใจ หลังจากที่ถึงขั้นตอนสุดท้าย วงแสงสีสว่างปรากฏขึ้นบนผิวเม็ดยา

 

จากนั้นเม็ดยาที่สกัดแล้วก็พุ่งออกมา,ตกลงในขวดลายคราม เซี่ยวเฉินหยิบมันขึ้นมาสูดดม เขารู้สึกตื่นเต้นอยู่ในใจมันสําเร็จเรียบร้อย!

 

เขาทําสําเร็จในครั้งแรกที่สกัดมันขึ้นมา นี้เป็นสัญญาณที่ดี สีหน้าของเซี่ยวเฉินเป็นสุข

 

มีส่วนผสมอีกสี่ชุด เขาไม่สามารถปล่อยให้พวกมันเสียเปล่า,ดังนั้นเขาจึงสกัดเม็ดยาต่อไป อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้โชคดีเหมือนในครั้งแรก อัตราความสําเร็จของเขาอยู่ที่ครึ่ง-ครึ่ง จากความพยายามอีกสี่ครั้งเขาล้มเหลวไปสองครั้ง ถึงกระนั้น, อัตราความสําเร็จก็ถือว่าไม่ได้ต่ำ เซี่ยวเฉินเก็บเม็ดยาบํารุงโฉมทั้งสามเม็ดและมุ่งหน้าตรงไปที่ลานบ้านของหลิวหรูเยว่

 

ในไม่ช้าเขาก็มาถึงที่ประตูลานบ้านของหลิวหรูเยว่ ในขณะที่เขากําลังจะเคาะประตู ประตูก็เปิดออก,ปรากฏเป็นสีหน้าตกตะลึงของหลิวหรูเยว่

 

เลือดโลหิตถูกชะล้างออกจากเรือนร่างของนางอย่างหมดจด ในตอนนี้นางสวมชุดที่นางใส่อยู่เป็นประจํา ชุดนักบ่มเพาะพลังรัดรูป สีหน้าของนางดูดีขึ้นมากแล้ว

 

อย่างไรก็ตามเมีรอยแผลเป็นบางๆอยู่บนใบหน้าของนางที่ไม่ได้เลือนหายไป สําหรับหญิงสาว,มันเป็นมลทินที่ส่งผลต่อความงามของพวกนาง อย่างไรก็ตาม,มันปรากฏว่าหลิวหรูเยว่นั้นดูไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก

“เจ้ามาหาข้าทําไม?” หลิวหรูเยว่ถามขึ้น

 

เซี่ยวเฉินฟื้นคืนสติและพยักหน้า จากนั้นเขาก็ยื่นเม็ดยาบํารุงโฉมให้กับหลิวหรูเยว่ “พี่สาวหรูเยว่ นี่คือเม็ดยาบํารุงโฉมที่ข้าสกัดขึ้นมา มันสามารถลบรอยแผลเป็นบนร่างกายของเจ้าออกไป,พร้อมกับบํารุงผิวพรรณของเจ้าด้วยเช่นกัน”

 

เมื่อหลิวหรูเยว่ได้ยินดังนั้น,นางก็ยิ้มขึ้น นางรู้สึกเป็นสุขในใจ,หญิงสาวทุกนางล้วนรักสวยรักงามเป็นปกติ,หลิวหรูเยว่ก็ไม่มีข้อยกเว้น อย่างไรก็ตาม,นางก็ไม่ได้คาดหวังเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

“เจ้ากําลังจะพยายามติดสินบนอาจารย์ของเจ้า?” หลิวหรูเยว่หยอกล้อพร้อมกับรับเม็ดยามา

 

เซี่ยวเฉินยิ้มขึ้น “พี่สาวหรูเยว่,ข้ากําลังจะเตรียมตัวไปที่โถงคุณความชอบสักระยะ ข้าอาจจะไม่กลับมาที่ยอดเขาฉิงหยุนเป็นเวลาหนึ่งเดือน”

 

“โถงคุณความชอบ?” หลิวหรูเยส่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น,นางก็พูดขึ้น “ดีแล้ว หลายทักษะต่อสู้ชั้นยอดของยอดเขาฉิงหยุนต้องการแต้มสะสมเพื่อที่จะได้รับมันมา”

 

“มากับข้า ทักษะกระบี่พื้นฐานของเจ้าในตอนนี้ได้ฝึกฝนถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น ก่อนที่เจ้าจะไปให้ข้าได้สอนเจ้าถึงทักษะลับของยอดเขาฉิงหยุน”

 

เซี่ยวเฉินสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย “พี่สาวหรูเยว่,อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่ฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์ เจ้าไม่สามารถหมุนเวียนพลังปราณได้ รอจนกว่าข้าจะกลับมา!”

 

แม้ว่าเซี่ยวเฉินอยากที่จะเรียนทักษะลับของยอดเขาฉิงหยุน,แต่ด้วยสภาพในปัจจุบันของหลิวหรูเยว่ มันไม่ใช่ช่วงเวลาเหมาะสมที่นางจะถ่ายทอดทักษะวิชา หากนางหมุนเวียนพลังปราณขณะที่กําลังฟื้นตัว, มันจะสร้างความเสียหายต่อร่างกายของนาง”

 

หลิวหรูเยว่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่มีปัญหา, ข้ารู้จักร่างกายของข้าดี”

 

ยอดเขาฉิงหยุน พื้นที่ประลอง

 

หลิวหรูเยว่ยืนอยู่ตรงข้ามกับเซี่ยวเฉินและพูดขึ้น “ทั้งเจ็ดยอดเขาแห่งศาลากระบีสวรรค์มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป เอกลักษณ์ของทักษะกระบีแห่งยอดเขาฉิงหยุนก็คือความรวดเร็ว-กระบี่ที่รวดเร็วกว่าสายลม”

 

“ดังนั้น ทักษะกระบี่ของยอดเขาฉิงหยุนทั้งหมดสัมพันธ์กับความเร็ว ยอดเขาฉิงหยุนมีทักษะลับทั้งหมดเจ็ดทักษะด้วยรูปแบบของกระบี่เงาจันทร์,มีเพียงหนึ่งทักษะที่เหมาะสมกับเจ้า–สับวายุใส!”

 

สับวายุใส? เซี่ยวเฉินนึกขึ้นได้ว่าเขาเคยได้รับตําราทักษะสับวายุใส เขาอดไม่ได้ที่จะคุ้ยดูในแหวนห้วงจักรวาลของเขา หลังจากนั้นครู่หนึ่ง,เขาก็หยิบเอาตําราทักษะออกมาและยื่นให้กับหลิวหรูเยว่ “นี่คือตําราทักษะที่ข้าได้รับมาในอดีต มันคืออันเดียวกันใช่หรือไม่?”

 

หลิวหรูเยว่รู้สึกประหลาดใจ นางรับเอามันมามองดู,ภายใต้สายตาตกตะลึงของเซี่ยวเฉิน,นางโยนมันขึ้นไปในอากาศ ชักกระบี่ของนางออกมา และสร้างแสงขึ้นในอากาศติดกันต่อเนื่องฉีกเฉือนตําราทักษะสับวายุใส

 

“ชัว! ชัว!”

 

เสียงสายลมดังก้อง แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะยืนอยู่ตรงข้ามมัน,เขาสัมผัสได้ถึงสายลมไหลรุนแรง สายลมทําให้เสื้อผ้าของเขาปลิวไหวอย่างต่อเนื่อง

 

ตําราสั่นสะเทือนอยู่กลางอากาศ แต่ละหน้าของมันแยกออกและฉีกขาด จากนั้น พวกมันก็ลอยลงมาทีละหน้าทีละหน้า พวกมันทั้งหมดลอยลงบนพื้นอย่างเรียบร้อย,ซ้อนทับลงทีละแผ่น

 

เมื่อกระบี่เล็กได้กลับเข้าฝัก,หน้ากระดาษทุกใบแยกออกจากกันอย่างสมบูรณ์ ที่น่าตกใจก็คือทุกหน้ากระดาษลงมาซ้อนทับกันอย่างเป็นระเบียบ:หน้าบนสุดก็เป็นปกของตํารา

 

หากเซี่ยวเฉินไม่ได้เห็นมันกับตาของตัวเองเขาจะต้องคิดว่ามันคือตําราที่วางอยู่บนพื้นในสภาพดีเยี่ยมมันช่างเป็นระเบียบ

 

“มันคือตําราฉบับไม่สมบูรณ์ที่รั่วไหลออกไปมันไร้ค่า ที่ข้าได้แสดงไปคือสับวายุใส เจ้าเห็นมันได้ชัดเจนหรือไม่?” หลิวหรูเยว่อธิบายให้เซี่ยวเฉิน

 

ไร้สาระ,เพียงครั้งเดียว? ข้าจะเห็นมันได้อย่างชัดเจนได้เช่นไร? เซี่ยวเฉินส่ายหัวอย่างซื่อตรง

 

เมื่อหลิวหรูเยว่เห็นดังนั้น,นางก็กล่าวขึ้น “มันไม่สําคัญว่าเจ้าจะไม่เห็นมันอย่างชัดเจน เจ้าเพียงแค่ต้องจดจําหัวใจหลักของสับวายุใส วายุใส,สายลมเย็น… เจ้าเห็นเพียงสายลมเย็นไหลผ่านแต่มิใช่ตัวกระบี่”

 

เจ้าเห็นเพียงสายลมเย็นไหลผ่านแต่มิใช่ตัวกระบี่ เซี่ยวเฉินทวนประโยคนี้ในใจสองสามครั้ง จากนั้น ทันใดนั้นเขาก็ได้บรรลุ เมื่อหลิวหรูเยวชักกระบี่ของนางเมื่อครู่ คมกระบี่ตัดผ่านอากาศ,ก่อเกิดสายลมเย็น

 

มันคือสายลมเย็นที่เกิดจากกระบี่ อย่างไรก็ตาม,ตามการรับรู้ของเขา เขารู้สึกถึงสายลมเย็นได้อย่างชัดเจน แต่ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงคมกระบี่

 

มองดูเซี่ยวเฉินที่ดูเหมือนจะบรรลุได้,หลิวหรูเยว่กล่าวต่อ “ความหมายของประโยคนี้ก็คือเปิดซ่อนเจตนาฆ่าฟันท่ามกลางสายลมเย็น,ดังนั้นคู่ต่อสู้ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงคมกระบี่ เช่นนั้นพวกเขาไม่สามารถตัดสินได้ว่าคมกระบี่จะมาจากทางไหน”

 

หลังจากที่หลิวหรูเยวพูดจบ,นางก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าวและชักกระบี่ของนางออกมาอีกครั้ง อากาศหนาแน่นรวมตัวก่อเกิดเป็นสายลมเย็นที่ไม่สิ้นสุด

 

เซี่ยวเฉินพล่ามัวเขาเหมือนจะเห็นมือของหลิวหรูเยว่จางหายไปในอากาศ แม้ว่าเขาไม่อาจสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟัน,เขารู้สึกได้จากสัญชาตญาณภายในร่างของเขา

 

เขารีบถอยกลับหลังไปสองก้าว ในจังหวะที่เท้าของเขาสัมผัสพื้น,กระบี่เล็กปรากฏออกมาจากสายลมบางเฉีกเสื้อของเขาบริเวณหน้าอก

 

หลิวหรูเยวถอนกระบี่กลับและโยนตําราเล่มหนึ่งให้กับเซี่ยวเฉิน “นี่เป็นสําเนาคัดมือของสับวายุใส แม้ว่ามันจะเป็ สําเนาคัดมือ,มันก็เป็นสําเนาฉบับสมบูรณ์ สําเนาที่เจ้ามีมันเทียบไม่ได้กับฉบับนี้ จบแล้วเจ้าไปได้แล้วตอนนี้”

 

เซี่ยวเฉินมองกวาดไปที่ทักษะลับในมือของเขาและเก็บมันเข้าไป เขาถามขึ้น “เพียงแค่นี้? ข้าดูเหมือนไม่ได้เรียนอะไรสักอย่าง”

 

หลิวหรูเยว่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา นางใช้ฝึกกระบี่เคาะไปที่หัวของเซี่ยวเฉิน “เจ้าอยากจะได้อะไรอีก? นี่คือแก่นแท้ที่ข้าได้บรรลุมา มันเพียงพอที่จะไม่ทําให้เจ้าเดินไปผิดทาง แค่จําประโยคที่ข้าได้บอกเจ้า เจ้าสามารถมองเห็นเพียงสายลมเย็นแต่มิใช่ตัวกระบี่”

 

“ใช่แล้ว อย่าได้รับภารกิจที่อันตรายเกินไป หลังจากที่เจ้ากลับมา ข้าจะหาเวลาเพื่อสอนเจ้าถึงฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมัน”

 

เซี่ยวเฉินไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปเช่นไร เขารู้สึกว่าความเมตตาของหลิวหรูเยวมันไม่อาจจะรับได้มันมากล้นจนเกินไป

 

หลิวหรูเยวพูดขึ้น “เจ้าไม่ต้องไปคิดให้มาก แม้ว่าข้าจะไม่ได้แก่ไปกว่าเจ้านัก,พวกเราก็ยังเป็นศิษย์กับอาจารย์ ถ่ายทอดทักษะวรยุทธก็เป็นหนึ่งในหน้าที่ของข้า นอกจากนั้น,ช่วยเหลือเจ้าก็เท่ากับช่วยเหลือข้า”

 

เซี่ยวเฉินโค้งคํานับให้กับหลิวหรูเยว่ จากนั้นเขาก็หันหลังและออกจากพื้นที่ประลองไป เขาไปเตรียมตัวเพื่อที่จะลงจากยอดเขาฉิงหยุนและมุ่งหน้าไปที่ฐานส่องสวรรค์ หลังจากที่เซี่ยวเฉินได้จากไปไกล,หลิวหรูเยว่ก็ไอออกมาสองสามครั้งนางไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป

 

โถงคุณความชอบ,ซึ่งเป็นผู้ออกภารกิจของนิกาย ตั้งอยู่ในฐานส่องสวรรค์ที่จอแจ นี่คือสิ่งที่เซี่ยวเฉินได้ยินมาจากผู้อื่นตลอดทาง

 

หลังจากที่เซี่ยวเฉินลงมาจากยอดเขาฉิงหยุน,เขามุ่งหน้ามาไปยังฐานส่องสวรรค์ในทันที่อย่างเร่งรีบ ภายในเทือกเขาหลิงหยุน,ฐานส่องสวรรค์ช่างดูเตะตาเป็นอย่างมากฐานขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้จากทั่วทุกมุม,ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ไกลถึงเพียงใด

 

มีคําพูดที่ว่าะภูเขาปรากฏใกล้เมื่อจ้องมอง,แต่เดินไปหาช่างยากเย็น ฐานส่องสวรรค์มองเห็นได้อย่างง่ายดายจากยอดเขาฉิงหยุนแต่มันใช้เวลาถึงสองชั่วโมงในการมาถึงตีนเขาถึงแม้ว่าเซี่ยวเฉินจะวิ่งด้วยกําลังทั้งหมดของเขา

 

ครั้งสุดท้ายที่เขามายังฐานส่องสวรรค์ เขานั่งเรือหยกของเก่อหยุนปินมา มันช่างสะดวกสบาย ไม่เหมือนปัญหาที่เขาต้องเจอมาตลอดทั้งวันนี้ เมื่อเขาได้มาถึงตีนเขา,เขามองไปยังฐานส่องสวรรค์ที่ตั้งตระหง่าน เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัวเมื่อเขานึกถึงในตอนที่เขาต้องปีนขึ้นไปตลอดทาง

 

“น้องชายกําลังจะขึ้นไปบนฐานส่องสวรรค์ ใช่หรือไม่? เจ้าขี่สัตว์อสูรวิญญาณของข้าขึ้นไปเป็นไง? เจ้าต้องจ่ายเพียงหินวิญญาณระดับต่ำสองก้อน”

 

“น้องชายตัวน้อยไปกับข้า ข้าคิดเจ้าเพียงหนึ่งหินวิญญาณระดับต่ำ นอกจากนั้น,สัตว์อสูรวิญญาณของข้ายังรวดเร็วกว่าของเขา”

 

ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังเตรียมตัวที่จะปีนขึ้นไป,ทันใดนั้นก็มีกลุ่มคนมาล้อมตัวเขา ที่ด้านหลังของทุกคนมีสัตว์อสูรวิญญาณประเภทปีกะดูเหมือนพวกเขาจะเปิดกิจการแท็กซี่

 

อย่างไรก็ตาม,ราคาช่างสั่นสะเทือนแผ่นดิน เพียงรอบเดียวต้องใช้หินวิญญาณระดับต่ำหนึ่งก้อนมันแพงยิ่งกว่านั่งเครื่องบินเสียอีก

 

ในท้ายที่สุด เซี่ยวเฉินก็จ่ายหินวิญญาณระดับต่ำไปหนึ่งก้อนและจ้างสัตว์อสูรวิญญาณขึ้นไปส่งเขาบนภูเขา ด้วยความเร็วของเขา เขาประมาณการณ์ว่ากว่าเขาจะขึ้นไปถึงฐานส่องสวรรค์,มันจะมืดค่ำกันพอดี

 

มันไม่คุ้มที่จะเสียเวลา นอกจากนั้นเขาก็ไม่ได้ขัดสนหินวิญญาณเขาเพิ่งได้รับมันมากองโตเมื่อก่อนหน้านี้ มีหินวิญญาณจํานวนมหาศาลอยู่ในแหวนห้วงจักรวาลของเขาตอนนี้ ดังนั้น เขาไม่ได้ติดใจอะไรนักหากจะหยิบออกมาใช้

 

คนผู้นั้นรับหินวิญญาณของเซี่ยวเฉินไปและรับเซี่ยวเฉินขึ้นมาบนสัตว์อสูรวิญญาณของเขาทันที สัตว์อสูรวิญญาณของเขานั้นค่อนข้างพิเศษมันเป็นวิหคธาตุลม

 

มันกระพือปีก,ตบฝุ่นควันก้อนใหญ่ลอยขึ้น และทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า มันมุ่งหน้าไปที่ฐานส่องสวรรค์ด้วยความรวดเร็ว:เป็นไปตามคําของคนผู้นี้

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกว่ามันแปลกประหลาดที่มีหลายคนครอบครองสัตว์อสูรวิญญาณประเภทปีก พวกเขาได้รับมันมาได้อย่างไร? จากสัตว์อสูรวิญญาณที่สามารถฝึกได้ทั้งหมด สัตว์อสูรวิญญาณประเภทปีกมีมูลค่าสูงที่สุด นั้นเป็นเพราะมันฝึกได้ยากที่สุด

 

เจ้าของสัตว์อสูรวิญญาณมองเห็นความสับสนของเซี่ยวเฉิน เขายิ้มขึ้นพร้อมกับอธิบาย “พวกเราได้พวกมันมาจากการแลกแต้มสะสมของนิกาย พวกมันสามารถไปรับได้ที่โถงสัตว์อสูรวิญญาณของนิกาย อย่างไรก็ตาม,ระดับของสัตว์อสูรวิญญาณพวกนี้ค่อนข้างต่ำ และพวกมันไม่ได้มีประโยคมากนัก

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกว่านั้นมันแปลกประหลาด เขาถามขึ้น “เจ้าหมายความว่าเช่นไร?”

 

คนผู้นั้นอธิบาย “มันไม่มีหยกวิญญาณสีเลือด,และพวกมันก็ไม่ได้ถูกจับมาตั้งแต่ยังเยาว์ ดังนั้น, สัตว์อสูรวิญญาณที่สามารถซื้อได้จะไม่เกินระดับ 2″

 

“เจ้าสามารถจินตนาการได้ถึงความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 2 มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอามาใช้ในการต่อสู้ มันคงจะเป็นปาฏิหาริย์หากว่ามันสามารถระวังหลังให้เจ้าได้ ดังนั้นมันจึงสามารถนํามาใช้ได้เพียงแค่เครื่องมือเดินทางเท่านั้น”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+