Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 372 ทักษะยุทธของเยว่เฉินซี

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 372 ทักษะยุทธของเยว่เฉินซี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 372 ทักษะยุทธของเยว่เฉินซี

การประมือแลกเปลี่ยนคําแนะนําดําเนินต่อไป:บรรยากาศมีชีวิตชีวามากขึ้นเรื่อยๆหลังจากจบแต่ละคู่,ก็จะมีบางคนในฝูงชนแสดงความคิดเห็นออกมา

จากกลุ่มนี้ มีห้าหกคนที่ดึงดูความสนใจของเซี่ยวเฉิน คนเหล่านี้สําเร็จสภาวะของพวกเขาถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมที่สําคัญยิ่งกว่านั้น,พวกเขามีความเข้าใจเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

ยกตัวอย่าง,มีมือดาบคนหนึ่งจากอาณาจักรต้าเซียผู้ที่สําเร็จสภาวะแห่งสายลมเขาได้หลอมรวมลักษณะไร้ร่องรอยและไร้รูปเข้ากับทักษะดาบของเขา

ในตอนที่นักดาบผู้นี้ใช้ดาบของเขา,มันไร้ร่องรอยยากที่จะติดตาม เขาผสานเข้ากับทักษะยุทธของเขาได้อย่างลงตัว อย่างน้อยที่สุด,เซียวเฉินก็ไม่พบจุดอ่อนใดๆ

ยังมีผู้บ่มเพาะพลังจากอาณาจักรต้าชู เขาได้สําเร็จสภาวะแห่งสายลมเช่นกันแต่อย่างไรก็ตาม,ความรวดเร็วของสภาวะแห่งสายลมไม่ใช่หัวใจหลักของเขา

กลับกัน,ผู้บ่มเพาะพลังจากอาณาจักรต้าชูผู้นี้มุ่งเน้นไปที่พลังและความบ้าคลั่งธรรมชาติของสภาวะแห่งสายลม เขาหลอมรวมเข้ากับทักษะดาบที่พลุ่งพล่านของเขา

ในตอนที่ผู้บ่มเพาะพลังคนนี้ลงมือ,สายลมรุนแรงโหร้องและก่อเกิดพายุที่น่ากลัวมันราวกับว่าดาบสายลมสามารถระเบิดออกได้

มีแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญที่สําเร็จสภาวะแห่งน้ำ พวกเขาได้หลอมรวมลักษณะพิเศษของสายน้ำไหลนิรันดร์เข้าไปในกระบวณท่าของพวกเขา

ในตนอที่พวกเขาเคลื่อนไหว, พวกเขาไม่ทิ้งร่องรอย แสงดาบที่เฉียบคมราวกับปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ทําให้ยากที่จะติดตามการเคลื่อนไหวของเขา

นี้เป็นการเปิดหูเปิดต่ครั้งใหญ่ให้กับเซี่ยวเฉิน เขารู้สึกเหมือนกับได้รู้แจ้งถึงความเข้าใจในสภาวะแห่งสายฟ้าของเขา

เซี่ยวเฉินหลอมรวมสภาวะแห่งสายฟ้าเข้ากับทักษะกระบีของเขามานานแล้วสิ่งที่เขามุ่งเน้นคือความบ้าคลั่งและความรุนแรงตามธรรมชาติของสายฟ้า

สายฟ้าธรรมชาติมีคุณลักษณะสองอย่างนี้ ในตนอที่หมู่เมฆชนปะทะกัน,มันจะสะสมพลังงานอย่างต่อเนื่องและปล่อยออกมา,แสดงถึงความบ้าคลั่งและรุนแรงตามธรรมชาติ

เมื่อเปรียบเทียบกับสภาวะอื่นๆพลังโจมตีและทําลายล้างของมันยิ่งใหญ่กว่ามากจุดอ่อนของมันคือมันยากที่จะร้อยเรียวเข้าด้วยกัน

พลังทําลายล้างที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้จะผลาญพลังปราณไปไม่น้อยในแต่ละการโจมตีนอกจากนั้นยังจะต้องสร้างแรงเหนี่ยวนําอย่างต่อเนื่องดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับสภาวะอื่นๆมันขาดความต่อเนื่องและยืดหยุ่น

เซียวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง, เกี่ยวกับสภาวะอห่งสายฟ้า,ข้าสามารถมองเห็นเพียงจากมุมรุนแรง,และบ้าคลั่งของมัน ข้าได้ใช้ออกมันจนไปถึงขีดสุดแล้ว

อย่างไรก็ตาม การได้ชมผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ที่นี่,พวกเขาได้สําเร็จถึงมุมมองที่แตกต่างออกไปในสภาวะของพวกเขา เห็นชัดว่าสภาวะแห่งสายฟ้าก็มีมุมมองที่แตกต่างออกไปอีกเช่นกัน

มันเพียงพอแล้วในตอนนี้ที่ข้าสําเร็จสองลักษณะแห่งสายฟ้าและหลอมรวมเข้ากับทักษะยุทธของข้าได้อย่างสมบูรณ์

แต่อย่างไรก็ตาม,ในอนาคต,หากข้าอยากที่จะเปลี่ยนสภาวะของข้าให้เป็นเจตจํานงข้าจะต้องได้รับความเข้าใจที่ครอบคลุมของสภาวะแห่งสายฟ้าดังนั้น,ข้าต้องเริ่มเตรียมตัวข้าจะต้องเข้าใจในสภาวะแห่งสายฟ้าให้ลึกยิ่งขึ้น

การประมือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นดําเนินต่อไป จนอจี้ก็ได้เข้าร่วมด้วยเช่นกันความแข็งแกร่งที่เขาได้แสดงออกมาสมกับชื่อเสียงหนึ่งในร้อยอันดับต้นจากการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักร

จินอจี้สําเร็จถึงสภาวะแห่งโลหะที่เฉียบคม จากสภาวะทั้งหมด,ในด้านของความเฉียบคม,สภาวะแห่งโลหะแข็งแกร่งที่สุด

สภาวะแห่งโลหะมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งและความคมที่เหนือชั้น น้อยคนที่จะสามารรับดาบของจินอจี้เขาสามารถทะลวงแม้กระทั่งการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด

กระแสพลังของจินอุจีราวกับดาบที่คมกริบ ดาบจีที่เขาส่งออกไปแสดงให้เห็นถึงความเฉียบคม

ผู้บ่มเพาะพลังที่สําเร็จลักษณะบ้าคลั่งของสภาวะแห่งสายลมเผชิญหน้ากับจินอูจได้เพียงสิบห้ากระบวณท่า เขาเจาะรูเล็กๆลงบนดาบวายุที่บ้าคลังและแตกสลายกลายเป็นพายุเล็กๆ

แน่นอน นี้เป็นผลมาจากการที่ทั้งสองฝ่ายออมพลังของพวกเขาเอาไว้ หากพวกเขาต่อสู้กันเต็มกําลัง,การต่อสู้จะยืดเยื้อนานยิ่งกว่านี้

การต่อสู้ระหว่างทั้งสองสามารถทําลายร้านอาหารที่ทําขึ้นจากไม่ได้อย่างง่ายดาย

ในตอนที่จอจเลือกสถานที่อห่งนี้ เขาอยากที่จะให้ผู้บ่มเพาะพลังตระหนักถึงการควบคุมความแข็งแกร่งของพวกเขา มิฉะนั้น,หากพวกเขาต่อสู้กับเต็มกําลัง,สถานการณ์อาจจะหลุดการควบคุมไปอย่างง่ายดาย

“พี่น้องจิน,ข้าเคารพในความแข็งแกร่งของเจ้า ตําแหน่งในการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรครั้งหน้าจะต้องเพิ่มขึ้นนับสิบอันดับ”เหอฮวน,นักดาบที่จินอล้มลงไปยอมรับความพ่ายแพ้ของเขา

จินอจี้รู้สึกยินดียิ่งในใจอย่างไรก็ตาม,เขาก็ยิ้มและกล่าวอย่างถ่อมตน “พี่น้องเหอ,เจ้าสุภาพกับข้าเกินไปแล้วสภาวะแห่งสายลมของเจ้ามีเอกลักษณ์;มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อสามปีก่อนมากหากเจ้าสําเร็จถึงคุณลักษณะอื่นและหลอมรวมเข้ากับทักษะดาบของเจ้า,ข้าไม่อาจเทียบเจ้าได้”

เหอฮวนคํานับมือและกล่าวขึ้น “การผสานหนึ่งคุณลักษณะของสภาวะมันยากเย็นเป็นอย่างมาก หากข้าอยากที่จะผสาน
คุณลักษณะอื่น,ข้าจะต้องตามหาทักษะดาบระดับสูงเมื่อถึงตอนนั้น,หากพี่น้องจินมีทักษะดาบดีๆ,พวกเราสามารถแลกเปลี่ยนกันได้
“ตกลง!”

ทั้งสองถอยกลับ ในตอนนั้นเอง,ผู้คนส่วนใหญ่แลกเปลี่ยนมุมมองกันมีบางคนเหลียวมองไปที่เยว่เฉินซี

ผู้นี้คือศิษย์ที่นิกายนภาสูงภูมิใจ ที่อายุสิบหกปี,นางสามารถติดหาสิบอันดับต้นในการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรตอนนี้ได้ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว,ไม่รู้ว่านางเติบโตขึ้นมาถึงเพียงใด

“ข้าชื่อหลิวเมิง:ข้าอยากจะขอคําชี้แนะจากแม่นางเฉนซี” ในที่สุด ก็มีคนอดไม่ได้อีกต่อไปหลิวเมิงยืนขึ้นและแสดงความตั้งใจที่จะประมือแลกเปลี่ยนมุมมองกับเยว่เฉินซี

หลิวเมิงในตอนนี้กังวลเป็นอย่างยิ่ง อีกฝ่ายมาจากหนึ่งในสิบนิกายใหญ่แห่งอาณาจักรต้าจีนนางเป็นศิษย์ของท่านเจ้านิกายนภาสูง นางมีชื่อเสียง,ไม่เพียงแต่ภายในอาณาจักรต้าจีนแต่เป็นทั่วทั้งทวีป

หลิวเมิงมาจากสถานที่ที่แตกต่างกับเยว่เฉินซีอย่างสิ้นเชิง การได้มาเห็นนางที่นี่นับเป็นโชคของเขาแล้ว

หลิวเมิงกังวลว่าเยว่เฉินซีจะดูถูกความแข็งแกร่งของเขาและปฏิเสธ

เยว่เฉินซีมีนิสัยที่ไม่ธรรมดา นางเผยรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าอันงดงามของนางและกล่าวขึ้น “ข้าไม่กล้าที่จะให้คําชี้แนะ อย่างไรก็ตาม,เป็นเรื่องดีที่พวกเราจะแลกเปลี่ยนมุมมองกัน”

อย่างไม่คาดคิด,เยว่เฉินซีตอบตกลงอย่างง่ายดาย มีผู้บ่มเพาะพลังบางคนรู้สึกเสียดายในทันที่หากพวกเขารู้เช่นนี้,พวกเขาคงจะถามนางไปก่อนแล้ว

ตอนนี้,หลิวเมิงได้เริ่มนําไปแล้ว พวกเขาทําได้เพียงนิ่งมองดู

หลิวเพิ่งคํานับมืออย่างมีความสุขและกล่าวขึ้น “แม่นางเยว่,ขอความกรุณา!”

การต่อสู้ระหว่างจินอจี้และเหอฮวนได้ยกระดับบรรยากาศในการประชุมครั้งนี้ให้สูงขึ้นมากตอนนี้เยว่เฉินซีกําลังนะลงมือ,จุดสูงสุดในการประชุมครั้งนี้ยกขึ้นไปอีก

ผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นจากหลากหลายอาณาจักร, นั่งอยู่บนชั้นสี่หลังชนกําแพง,จดจ่อสายตาไปที่คนสองคนที่อยู่ตรงกลาง พวกเขาไม่มีเหลียวมองไปทางอื่น,แม้กระทั่งลืมหายใจ

เซี่ยวเฉินก็ไม่ยกเว้น เขามีความสนใจยิ่งในตัวของเยว่เฉินซีจากอาณาจักรต้าจินนางนี้เขาอยากที่จะเห็นว่าอะไรที่ทําให้อัจฉริยะจากอาณาจักรต่าจินต่างออกไป

ทุกคนเห็นถึงความแข็งแกร่งของหลิวเมิงในการประมือครั้งก่อนของเขา เขาเป็นหนึ่งในผู้บ่มเพาะพลังไม่กี่คนที่ได้หลอมรวมความเข้าใจของตัวเองเข้ากับสภาวะของเขา

เขามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะปะมือแลกเปลี่ยนกระบวณท่ากับเยว่เฉินซี

พวกเขาทั้งสองคํานับและแสดงความเคารพกันและกัน จากนั้น,พวกเขาค่อยๆยืนขึ้นในตอนที่เผชิญหน้ากับเยว่เฉินซี,หลิวเมิงไม่กล้าที่จะออมมือ เขาปลดกระบี่เล่มใหญ่มหึมาบนหลังของเขาลงมาและสําแดงสภาวะแห่งไฟของเขา

สัตว์อสรชั่วร้ายก่อตัวเหนือหัวของเขา สภาวะแห่งไฟของหลิวเมิงเร่งถึงขีดสุดคลื่นความร้อน แกระจายไปทั่วในพื้นที่,ทําให้อากาศเดือดแห้ง

“ฮ่ะ!”

กระบีของหลิงเมิงแบกเปลวเพลิงอันไร้ขอบเขตพร้อมกับเข้าโจมตี ก่อนที่เขาจะได้เข้าไปใกล,สัตว์อสูรชั่วร้ายที่เหนือหัวของเขาบินออกไปอย่างรวดเร็ว

สภาวะแห่งไฟอันบริสุทธิ์ก่อเกิดเป็นสัตว์อสูรชั่วร้ายตนนี้;พลังของมันไม่ธรรมดาในตอนที่มันจู่โจม,แม้แต่ระดับขอบเขตกษัตริย์ขั้นสูงยังต้องระวัง

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันงดงามของเยว่เฉินซี “กระบวณท่ายอดเยี่ยม!”

“บูม!”

เยว่เฉินซีกํามืออันประณีตของนางเป็นกําปั้น ในตอนที่นางเห็นสัตว์อสูรชั่วร้ายพลุ่งพล่านกําลังเข้ามาใกล์,นางไม่ได้หลบหลีก กลับกัน,นางก้าวขึ้นหน้าและชกหมัดออกไป

แสงรุ่งอรุณปรากฏขึ้นบนกําปั้นของเยว่เฉินซี มันราวกับเส้นล่าแสงดวงตะวันที่กําลังปัดเป่าความมืดสุดท้ายของค่ําคืน มันรุ่งโรจน์และเป็นประกาย

TL:ชื่อของเยว่เฉินซีแปลว่าแสงรุ่งอรุณ

มีพลังงานพลุ่งพล่านขณะที่แสงบนกําปั้นของนางระเบิดออก สัตว์อสูรเปลวเพลิงชั่วร้ายถูกบดขยี้แตกสลายกลายเป็นประกายแสงนับไม่ถ้วนในทันทีพลังงานอันยิ่งใหญ่ยังไม่ได้จางหายไป:มันเคลื่อนตรงต่อไปโจมตีใส่หลิวเมิง,ผู้ที่ตามหลังสัตว์อสูรชั่วร้ายเข้ามา

สีหน้าของหลิวเมิงเปลี่ยนเล็กน้อย เขาหยุดฝีเท้าและยืนหยัดในจุดที่เขายืนอยู่ เขาบีบอัดกระแสพลังของเขากลายเป็นเส้นสายและหมุนเวียนความแข็งแกร่งทั้งหมดในร่างของเขา,ใช้กระบี่ของเขาฟันผ่าหมัดวายนี้

แสงบนกําปั้นกระตายออกไป มันก่อเกิดเป็นผลึกแสงขึ้นในพื้นที่กว้างขวางบนชั้นสี่

เยว่เฉินซีกระโดดขึ้นไปในอากาศและโจมตี นางส่งอีกกําปั้นไปที่หลิวเมิง แสงรุ่งอรุณในหมัดวายุส่องแสงแพรวพราว

ภายใต้แสงสีทองจางๆ,ชั้นแสงนุ่มนวลปรากฏขึ้นบนเรือนร่างอันงดงามของเยว่เฉินซี:นางมองดูศักดิ์สิทธิ์และกดข่ม

มันยากที่จะจินตนาการว่าหญิงสาวผู้บอบบางอารมณ์อ่อนช้อยจะสามารถปลดปล่อยพลังงานที่แข็งแกร่งและกดข่มเช่นนี้ออกมาได้

“ปัง! ปัง! ปัง!”

หลิวเมิงสําแดงสภาวะแห่งไฟของเขาจนถึงขีดสุด กระบี่แสงร่ายรําขณะที่เขาทําอย่างที่สุดเพื่อป้องกันหมัดวายุที่โปรยลงมาจากด้านบน

เยว่เฉินซ์ไม่แม้แต่จะใช้สภาวะของนาง นางพึ่งพาเพียงปราณอันหนานแน่นและหมัดวายุที่ดุร้ายของนาง

ในตอนที่เยว่เฉินซีชกออกไปในอากาศ,นางปลดปล่อยแสงแห่งรุ่งอรุณ นางกดดันหลิวเมิง ถอยกลับ,ทีละก้าวทีละก้าว;เขาไม่มีหนทางที่จะตอบโต้
“ปัง!”

อีกหนึ่งหมัดวายุซัดลงบนกระบี่ของหลิวเมิง ในตอนที่แสงระเบิดออก,เขาถูกดันถอยหลังไปห้าก้าวสีผิวของเขาดูซีดเซียว

ความแตกต่างในความแข็งแกร่งของพวกเขากว้างเกินไป ไม่มีทางที่หลิวเมิงจะตอบโต้เยว่เฉินซีอยู่ในระดับที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

หลิวเมิงสลายสภาวะของเขาและคืนกระบกลับขึ้นไปบนหลัง เขายิ้มอย่างขมขึ้นและกล่าว“ข้าแพ้แล้วสมชื่อเสียงหมัดอาทิตย์รุ่งอรุณของนิกายนภาสูง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 372 ทักษะยุทธของเยว่เฉินซี

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 372 ทักษะยุทธของเยว่เฉินซี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 372 ทักษะยุทธของเยว่เฉินซี

การประมือแลกเปลี่ยนคําแนะนําดําเนินต่อไป:บรรยากาศมีชีวิตชีวามากขึ้นเรื่อยๆหลังจากจบแต่ละคู่,ก็จะมีบางคนในฝูงชนแสดงความคิดเห็นออกมา

จากกลุ่มนี้ มีห้าหกคนที่ดึงดูความสนใจของเซี่ยวเฉิน คนเหล่านี้สําเร็จสภาวะของพวกเขาถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมที่สําคัญยิ่งกว่านั้น,พวกเขามีความเข้าใจเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

ยกตัวอย่าง,มีมือดาบคนหนึ่งจากอาณาจักรต้าเซียผู้ที่สําเร็จสภาวะแห่งสายลมเขาได้หลอมรวมลักษณะไร้ร่องรอยและไร้รูปเข้ากับทักษะดาบของเขา

ในตอนที่นักดาบผู้นี้ใช้ดาบของเขา,มันไร้ร่องรอยยากที่จะติดตาม เขาผสานเข้ากับทักษะยุทธของเขาได้อย่างลงตัว อย่างน้อยที่สุด,เซียวเฉินก็ไม่พบจุดอ่อนใดๆ

ยังมีผู้บ่มเพาะพลังจากอาณาจักรต้าชู เขาได้สําเร็จสภาวะแห่งสายลมเช่นกันแต่อย่างไรก็ตาม,ความรวดเร็วของสภาวะแห่งสายลมไม่ใช่หัวใจหลักของเขา

กลับกัน,ผู้บ่มเพาะพลังจากอาณาจักรต้าชูผู้นี้มุ่งเน้นไปที่พลังและความบ้าคลั่งธรรมชาติของสภาวะแห่งสายลม เขาหลอมรวมเข้ากับทักษะดาบที่พลุ่งพล่านของเขา

ในตอนที่ผู้บ่มเพาะพลังคนนี้ลงมือ,สายลมรุนแรงโหร้องและก่อเกิดพายุที่น่ากลัวมันราวกับว่าดาบสายลมสามารถระเบิดออกได้

มีแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญที่สําเร็จสภาวะแห่งน้ำ พวกเขาได้หลอมรวมลักษณะพิเศษของสายน้ำไหลนิรันดร์เข้าไปในกระบวณท่าของพวกเขา

ในตนอที่พวกเขาเคลื่อนไหว, พวกเขาไม่ทิ้งร่องรอย แสงดาบที่เฉียบคมราวกับปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ทําให้ยากที่จะติดตามการเคลื่อนไหวของเขา

นี้เป็นการเปิดหูเปิดต่ครั้งใหญ่ให้กับเซี่ยวเฉิน เขารู้สึกเหมือนกับได้รู้แจ้งถึงความเข้าใจในสภาวะแห่งสายฟ้าของเขา

เซี่ยวเฉินหลอมรวมสภาวะแห่งสายฟ้าเข้ากับทักษะกระบีของเขามานานแล้วสิ่งที่เขามุ่งเน้นคือความบ้าคลั่งและความรุนแรงตามธรรมชาติของสายฟ้า

สายฟ้าธรรมชาติมีคุณลักษณะสองอย่างนี้ ในตนอที่หมู่เมฆชนปะทะกัน,มันจะสะสมพลังงานอย่างต่อเนื่องและปล่อยออกมา,แสดงถึงความบ้าคลั่งและรุนแรงตามธรรมชาติ

เมื่อเปรียบเทียบกับสภาวะอื่นๆพลังโจมตีและทําลายล้างของมันยิ่งใหญ่กว่ามากจุดอ่อนของมันคือมันยากที่จะร้อยเรียวเข้าด้วยกัน

พลังทําลายล้างที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้จะผลาญพลังปราณไปไม่น้อยในแต่ละการโจมตีนอกจากนั้นยังจะต้องสร้างแรงเหนี่ยวนําอย่างต่อเนื่องดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับสภาวะอื่นๆมันขาดความต่อเนื่องและยืดหยุ่น

เซียวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง, เกี่ยวกับสภาวะอห่งสายฟ้า,ข้าสามารถมองเห็นเพียงจากมุมรุนแรง,และบ้าคลั่งของมัน ข้าได้ใช้ออกมันจนไปถึงขีดสุดแล้ว

อย่างไรก็ตาม การได้ชมผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ที่นี่,พวกเขาได้สําเร็จถึงมุมมองที่แตกต่างออกไปในสภาวะของพวกเขา เห็นชัดว่าสภาวะแห่งสายฟ้าก็มีมุมมองที่แตกต่างออกไปอีกเช่นกัน

มันเพียงพอแล้วในตอนนี้ที่ข้าสําเร็จสองลักษณะแห่งสายฟ้าและหลอมรวมเข้ากับทักษะยุทธของข้าได้อย่างสมบูรณ์

แต่อย่างไรก็ตาม,ในอนาคต,หากข้าอยากที่จะเปลี่ยนสภาวะของข้าให้เป็นเจตจํานงข้าจะต้องได้รับความเข้าใจที่ครอบคลุมของสภาวะแห่งสายฟ้าดังนั้น,ข้าต้องเริ่มเตรียมตัวข้าจะต้องเข้าใจในสภาวะแห่งสายฟ้าให้ลึกยิ่งขึ้น

การประมือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นดําเนินต่อไป จนอจี้ก็ได้เข้าร่วมด้วยเช่นกันความแข็งแกร่งที่เขาได้แสดงออกมาสมกับชื่อเสียงหนึ่งในร้อยอันดับต้นจากการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักร

จินอจี้สําเร็จถึงสภาวะแห่งโลหะที่เฉียบคม จากสภาวะทั้งหมด,ในด้านของความเฉียบคม,สภาวะแห่งโลหะแข็งแกร่งที่สุด

สภาวะแห่งโลหะมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งและความคมที่เหนือชั้น น้อยคนที่จะสามารรับดาบของจินอจี้เขาสามารถทะลวงแม้กระทั่งการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด

กระแสพลังของจินอุจีราวกับดาบที่คมกริบ ดาบจีที่เขาส่งออกไปแสดงให้เห็นถึงความเฉียบคม

ผู้บ่มเพาะพลังที่สําเร็จลักษณะบ้าคลั่งของสภาวะแห่งสายลมเผชิญหน้ากับจินอูจได้เพียงสิบห้ากระบวณท่า เขาเจาะรูเล็กๆลงบนดาบวายุที่บ้าคลังและแตกสลายกลายเป็นพายุเล็กๆ

แน่นอน นี้เป็นผลมาจากการที่ทั้งสองฝ่ายออมพลังของพวกเขาเอาไว้ หากพวกเขาต่อสู้กันเต็มกําลัง,การต่อสู้จะยืดเยื้อนานยิ่งกว่านี้

การต่อสู้ระหว่างทั้งสองสามารถทําลายร้านอาหารที่ทําขึ้นจากไม่ได้อย่างง่ายดาย

ในตอนที่จอจเลือกสถานที่อห่งนี้ เขาอยากที่จะให้ผู้บ่มเพาะพลังตระหนักถึงการควบคุมความแข็งแกร่งของพวกเขา มิฉะนั้น,หากพวกเขาต่อสู้กับเต็มกําลัง,สถานการณ์อาจจะหลุดการควบคุมไปอย่างง่ายดาย

“พี่น้องจิน,ข้าเคารพในความแข็งแกร่งของเจ้า ตําแหน่งในการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรครั้งหน้าจะต้องเพิ่มขึ้นนับสิบอันดับ”เหอฮวน,นักดาบที่จินอล้มลงไปยอมรับความพ่ายแพ้ของเขา

จินอจี้รู้สึกยินดียิ่งในใจอย่างไรก็ตาม,เขาก็ยิ้มและกล่าวอย่างถ่อมตน “พี่น้องเหอ,เจ้าสุภาพกับข้าเกินไปแล้วสภาวะแห่งสายลมของเจ้ามีเอกลักษณ์;มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อสามปีก่อนมากหากเจ้าสําเร็จถึงคุณลักษณะอื่นและหลอมรวมเข้ากับทักษะดาบของเจ้า,ข้าไม่อาจเทียบเจ้าได้”

เหอฮวนคํานับมือและกล่าวขึ้น “การผสานหนึ่งคุณลักษณะของสภาวะมันยากเย็นเป็นอย่างมาก หากข้าอยากที่จะผสาน
คุณลักษณะอื่น,ข้าจะต้องตามหาทักษะดาบระดับสูงเมื่อถึงตอนนั้น,หากพี่น้องจินมีทักษะดาบดีๆ,พวกเราสามารถแลกเปลี่ยนกันได้
“ตกลง!”

ทั้งสองถอยกลับ ในตอนนั้นเอง,ผู้คนส่วนใหญ่แลกเปลี่ยนมุมมองกันมีบางคนเหลียวมองไปที่เยว่เฉินซี

ผู้นี้คือศิษย์ที่นิกายนภาสูงภูมิใจ ที่อายุสิบหกปี,นางสามารถติดหาสิบอันดับต้นในการประลองรุ่นเยาว์หาอาณาจักรตอนนี้ได้ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว,ไม่รู้ว่านางเติบโตขึ้นมาถึงเพียงใด

“ข้าชื่อหลิวเมิง:ข้าอยากจะขอคําชี้แนะจากแม่นางเฉนซี” ในที่สุด ก็มีคนอดไม่ได้อีกต่อไปหลิวเมิงยืนขึ้นและแสดงความตั้งใจที่จะประมือแลกเปลี่ยนมุมมองกับเยว่เฉินซี

หลิวเมิงในตอนนี้กังวลเป็นอย่างยิ่ง อีกฝ่ายมาจากหนึ่งในสิบนิกายใหญ่แห่งอาณาจักรต้าจีนนางเป็นศิษย์ของท่านเจ้านิกายนภาสูง นางมีชื่อเสียง,ไม่เพียงแต่ภายในอาณาจักรต้าจีนแต่เป็นทั่วทั้งทวีป

หลิวเมิงมาจากสถานที่ที่แตกต่างกับเยว่เฉินซีอย่างสิ้นเชิง การได้มาเห็นนางที่นี่นับเป็นโชคของเขาแล้ว

หลิวเมิงกังวลว่าเยว่เฉินซีจะดูถูกความแข็งแกร่งของเขาและปฏิเสธ

เยว่เฉินซีมีนิสัยที่ไม่ธรรมดา นางเผยรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าอันงดงามของนางและกล่าวขึ้น “ข้าไม่กล้าที่จะให้คําชี้แนะ อย่างไรก็ตาม,เป็นเรื่องดีที่พวกเราจะแลกเปลี่ยนมุมมองกัน”

อย่างไม่คาดคิด,เยว่เฉินซีตอบตกลงอย่างง่ายดาย มีผู้บ่มเพาะพลังบางคนรู้สึกเสียดายในทันที่หากพวกเขารู้เช่นนี้,พวกเขาคงจะถามนางไปก่อนแล้ว

ตอนนี้,หลิวเมิงได้เริ่มนําไปแล้ว พวกเขาทําได้เพียงนิ่งมองดู

หลิวเพิ่งคํานับมืออย่างมีความสุขและกล่าวขึ้น “แม่นางเยว่,ขอความกรุณา!”

การต่อสู้ระหว่างจินอจี้และเหอฮวนได้ยกระดับบรรยากาศในการประชุมครั้งนี้ให้สูงขึ้นมากตอนนี้เยว่เฉินซีกําลังนะลงมือ,จุดสูงสุดในการประชุมครั้งนี้ยกขึ้นไปอีก

ผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นจากหลากหลายอาณาจักร, นั่งอยู่บนชั้นสี่หลังชนกําแพง,จดจ่อสายตาไปที่คนสองคนที่อยู่ตรงกลาง พวกเขาไม่มีเหลียวมองไปทางอื่น,แม้กระทั่งลืมหายใจ

เซี่ยวเฉินก็ไม่ยกเว้น เขามีความสนใจยิ่งในตัวของเยว่เฉินซีจากอาณาจักรต้าจินนางนี้เขาอยากที่จะเห็นว่าอะไรที่ทําให้อัจฉริยะจากอาณาจักรต่าจินต่างออกไป

ทุกคนเห็นถึงความแข็งแกร่งของหลิวเมิงในการประมือครั้งก่อนของเขา เขาเป็นหนึ่งในผู้บ่มเพาะพลังไม่กี่คนที่ได้หลอมรวมความเข้าใจของตัวเองเข้ากับสภาวะของเขา

เขามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะปะมือแลกเปลี่ยนกระบวณท่ากับเยว่เฉินซี

พวกเขาทั้งสองคํานับและแสดงความเคารพกันและกัน จากนั้น,พวกเขาค่อยๆยืนขึ้นในตอนที่เผชิญหน้ากับเยว่เฉินซี,หลิวเมิงไม่กล้าที่จะออมมือ เขาปลดกระบี่เล่มใหญ่มหึมาบนหลังของเขาลงมาและสําแดงสภาวะแห่งไฟของเขา

สัตว์อสรชั่วร้ายก่อตัวเหนือหัวของเขา สภาวะแห่งไฟของหลิวเมิงเร่งถึงขีดสุดคลื่นความร้อน แกระจายไปทั่วในพื้นที่,ทําให้อากาศเดือดแห้ง

“ฮ่ะ!”

กระบีของหลิงเมิงแบกเปลวเพลิงอันไร้ขอบเขตพร้อมกับเข้าโจมตี ก่อนที่เขาจะได้เข้าไปใกล,สัตว์อสูรชั่วร้ายที่เหนือหัวของเขาบินออกไปอย่างรวดเร็ว

สภาวะแห่งไฟอันบริสุทธิ์ก่อเกิดเป็นสัตว์อสูรชั่วร้ายตนนี้;พลังของมันไม่ธรรมดาในตอนที่มันจู่โจม,แม้แต่ระดับขอบเขตกษัตริย์ขั้นสูงยังต้องระวัง

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันงดงามของเยว่เฉินซี “กระบวณท่ายอดเยี่ยม!”

“บูม!”

เยว่เฉินซีกํามืออันประณีตของนางเป็นกําปั้น ในตอนที่นางเห็นสัตว์อสูรชั่วร้ายพลุ่งพล่านกําลังเข้ามาใกล์,นางไม่ได้หลบหลีก กลับกัน,นางก้าวขึ้นหน้าและชกหมัดออกไป

แสงรุ่งอรุณปรากฏขึ้นบนกําปั้นของเยว่เฉินซี มันราวกับเส้นล่าแสงดวงตะวันที่กําลังปัดเป่าความมืดสุดท้ายของค่ําคืน มันรุ่งโรจน์และเป็นประกาย

TL:ชื่อของเยว่เฉินซีแปลว่าแสงรุ่งอรุณ

มีพลังงานพลุ่งพล่านขณะที่แสงบนกําปั้นของนางระเบิดออก สัตว์อสูรเปลวเพลิงชั่วร้ายถูกบดขยี้แตกสลายกลายเป็นประกายแสงนับไม่ถ้วนในทันทีพลังงานอันยิ่งใหญ่ยังไม่ได้จางหายไป:มันเคลื่อนตรงต่อไปโจมตีใส่หลิวเมิง,ผู้ที่ตามหลังสัตว์อสูรชั่วร้ายเข้ามา

สีหน้าของหลิวเมิงเปลี่ยนเล็กน้อย เขาหยุดฝีเท้าและยืนหยัดในจุดที่เขายืนอยู่ เขาบีบอัดกระแสพลังของเขากลายเป็นเส้นสายและหมุนเวียนความแข็งแกร่งทั้งหมดในร่างของเขา,ใช้กระบี่ของเขาฟันผ่าหมัดวายนี้

แสงบนกําปั้นกระตายออกไป มันก่อเกิดเป็นผลึกแสงขึ้นในพื้นที่กว้างขวางบนชั้นสี่

เยว่เฉินซีกระโดดขึ้นไปในอากาศและโจมตี นางส่งอีกกําปั้นไปที่หลิวเมิง แสงรุ่งอรุณในหมัดวายุส่องแสงแพรวพราว

ภายใต้แสงสีทองจางๆ,ชั้นแสงนุ่มนวลปรากฏขึ้นบนเรือนร่างอันงดงามของเยว่เฉินซี:นางมองดูศักดิ์สิทธิ์และกดข่ม

มันยากที่จะจินตนาการว่าหญิงสาวผู้บอบบางอารมณ์อ่อนช้อยจะสามารถปลดปล่อยพลังงานที่แข็งแกร่งและกดข่มเช่นนี้ออกมาได้

“ปัง! ปัง! ปัง!”

หลิวเมิงสําแดงสภาวะแห่งไฟของเขาจนถึงขีดสุด กระบี่แสงร่ายรําขณะที่เขาทําอย่างที่สุดเพื่อป้องกันหมัดวายุที่โปรยลงมาจากด้านบน

เยว่เฉินซ์ไม่แม้แต่จะใช้สภาวะของนาง นางพึ่งพาเพียงปราณอันหนานแน่นและหมัดวายุที่ดุร้ายของนาง

ในตอนที่เยว่เฉินซีชกออกไปในอากาศ,นางปลดปล่อยแสงแห่งรุ่งอรุณ นางกดดันหลิวเมิง ถอยกลับ,ทีละก้าวทีละก้าว;เขาไม่มีหนทางที่จะตอบโต้
“ปัง!”

อีกหนึ่งหมัดวายุซัดลงบนกระบี่ของหลิวเมิง ในตอนที่แสงระเบิดออก,เขาถูกดันถอยหลังไปห้าก้าวสีผิวของเขาดูซีดเซียว

ความแตกต่างในความแข็งแกร่งของพวกเขากว้างเกินไป ไม่มีทางที่หลิวเมิงจะตอบโต้เยว่เฉินซีอยู่ในระดับที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

หลิวเมิงสลายสภาวะของเขาและคืนกระบกลับขึ้นไปบนหลัง เขายิ้มอย่างขมขึ้นและกล่าว“ข้าแพ้แล้วสมชื่อเสียงหมัดอาทิตย์รุ่งอรุณของนิกายนภาสูง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+