Immortal and Martial Dual Cultivation 226 หนึ่งในร้อย

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 226 หนึ่งในร้อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation

ตอนที่ 226 หนึ่งในร้อย

ในระยะไกลออกไป,หลิวสุยเฟิงมองดูสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงฉับพลัน เขางุนงงพร้อมกับพูดขึ้น “ทําไมสองคนนั้นถึงได้เริ่มต่อสู้กัน? ข้ารู้จักเกาหยาง นี่เป็นครั้งนี้สามที่เขาเข้าร่วมการทดสอบศิษย์แก่นกลาง เขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่เขาไม่น่าจะคู่ควรกับจางเลี่ย”

 

เซี่ยวเฉินหัวเราะและกล่าวขึ้น “เจ้าหมอนั้นมันเจ้าเล่ห์ เขาแกล้งทําเป็นอ่อนแอเมื่อก่อนหน้านี้ ไม่มีเหตุที่เขาจะปกป้องกระบี่ฉีแบบฉิวเฉียดเช่นนั้น”

 

“เขากําลังคิดอะไร? หรือว่าเขาจะไม่เกรงกลัวจางเลี่ยจะทําลายเขาจริงๆ?” หลิวสุยฟังถามขึ้น,สงสัยในกลอุบาย

 

เชี่ยวเฉินลบรอยยิ้มออกจากใบหน้าและกล่าวขึ้นอย่างจริงจัง “นี่แหละที่หลอกได้อย่างหลักแหลม เขาจะต้องมีกระบวณท่าสังหารหรืออะไรทํานองนั้น มันเป็นไปได้ว่าจากช่วงที่จางเลี่ยร่อนลงตรงหน้าของเขา เขาสามารถปิดงานลงได้”

 

ขณะที่เซี่ยวเฉินพูดจบลง, ท้องฟ้าที่แต่เดิมสว่างไสวกลายเป็นมืดมิด สายลมรุนแรงพัดผ่านไปบนพื้น,ตบฝุ่นควันลอยขึ้นมาในอากาศ

 

จางเลี่ย.ผู้ที่เตรียมพร้อมจะจัดการกับเกาหยาง,กลายเป็นหน้าซีด เขาพบว่ามีเกราะปราณอยู่ตรงหน้าของเขา,ปัดป้องฝุ่นทรายเอาไว้ เขางุนงงพร้อมกับกล่าวขึ้น “เกิดอะไรขึ้น? ทําไมจู่ๆถึงได้มีสายลมรุนแรงปรากฏขึ้นมา? ทําไมดินฟ้าอากาศถึงแปลเปลี่ยนฉับพลัน?”

 

เกาหยางมองดูสายลมรุนแรงที่พัดเข้ามาฉับพลัน จางเลี่ยหยุดมือลงเป็นเพราะมัน เขานึกผิดหวังอย่างช่วยไม่ได้ ช่างน่าเสียดาย!

 

หลังจากสายลมรุนแรงจางหายไป,ธงสีดําปรากฏขึ้นในสายตาของทุกคน มันลอยผ่านจากเส้นขอบฟ้า,เข้ามาใกล้จนถึงลานฝึกฝน

 

ธงนั้นมีพื้นสีดําพร้อมตัวอักษรสีขาวและขอบสีเหลือง มีสองคํา เขียนอยู่บนธงที่กําลังปลิวไหว – กระบี่สวรรค์ที่เสาธงมีลวดลาย ดอกไม้ที่เรียบง่ายกับมังกรทองที่ขดตัวอยู่รอบเสา

ความเร็วของธงลอยมาอย่างช้าๆ แต่พลังที่มันแบกเอาไว้ ช่างน่าตกตะลึงอย่างยิ่ง ทุกที่ที่มันลอยผ่าน,อากาศแยกออกราวกับพื้นน้ํา

สานุศิษย์ชั้นในผู้หนึ่งไม่รู้ว่ามันคืออะไร ท้ายที่สุด เขาถูกธงนั้นซัดเข้าและกระอักเลือดออกมาคําใหญ่ ผู้อาวุโสยอดเขาสตรีหยกรีบตรงเข้ามารับตัวเขาเอาไว้ทันที:เขาเสียสิทธิ์ที่จําดําเนินการทดสอบต่อ

 

“กระจายออก!”

 

ทุกคนหน้าซีดพร้อมกับกระจายออกไปทั่วพื้นที่ พวกเขามองดูธงสีดําพร้อมกับแหวกทางให้กับมัน ไม่นานนัก,ธงนั้นก็ลอยมายังพื้นที่ไม่ไกลจากเซี่ยวเฉินนัก

ทันใดนั้น,หัวหน้าผู้คุมสอบ.ผู้ที่อยู่บนพื้น,กล่าวขึ้น “ผู้ที่เข้าไปจับธงนี้ได้เท่านั้นถึงจะผ่านการทดสอบ ผู้ใดที่จับธงได้การทดสอบจะจบลงในทันที”

หลังจากสิ้นเสียงของหัวหน้าผู้คมสอบ,ธงสีดําที่ทุกคนต่างหลีกหนีกลายเป็นที่ต้องการตัวในทันที ทุกคนทําทุกวิถีทางที่ทําได้เพื่อไล่จับธง

 

หลิวสุยเฟิง ผู้ที่อยู่ด้านหลังเซี่ยวเฉินไม่อาจอดทนได้และจะเข้าไปร่วมด้วย นี่เป็นเพราะเขาและเซี่ยวเฉินคือคนที่อยู่ใกล้กับธงที่สุด หากพวกเขาลงมือ,มันเป็นไปได้ที่พวกเขาจะคล้าเอาธงมาได้

“อย่าลงมือก่อน” เซี่ยวเฉินรีบกล่าวขึ้น

 

หลิวสุยเฟิงไม่เข้าใจและถามขึ้น “ทําไม? หลังจากคว้าเอามันมาได้,พวกเขาสามารถกระโดดลงไปและจบการทดสอบในทันที มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร!”

 

เซี่ยวเฉินชี้นิ้วและกล่าวขึ้น “มองดูคนพวกนั้น,หนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายนี้ มีใครสักคนที่เริ่มเคลื่อนไหว?”

 

เมื่อหลิวสุยเฟิงได้ยินดังนั้น,เขาพบว่ามันเป็นไปอย่างที่เชี่ยวเฉินกล่าว มู่เหิง, จางเลี่ย,เกาหยาง, คนเหล่านี้ไม่มีใครเคลื่อนไหว ราวกับว่ามันไม่ได้เป็นกงการอะไรกับพวกเขา

 

“ข้าได้มันมาแล้ว!” ศิษย์ยอดเขากางอผู้หนึ่งตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น พร้อมกับจับไปที่เสาธงด้วยมือข้างหนึ่งของเขา

 

“บูม!”

 

ขณะที่เขาอยากจะกระโดดอกจากค่ายกลหอก,สารพัดท่าโจมตีลอยเข้าหาเขา

ทุกการโจมตีดูหนานแน่นตื่นตะลึง นอกจากศิษย์ยอดเขากางอวสานุศิษย์จากยอดเขาอื่นใช้ออกทักษะต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาออกมา

 

ด้วยการโจมตีหลากหลายเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้น,เขาก็ไม่สามารถป้องกันได้ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุจะไปทําได้เช่นไร?

ก่อนที่เขาจะได้ลงถึงพื้น,เขาก็เจ็บสาหัส เขาปกคุลมไปด้วยบาดแผลทั่วทั้งตัว,สายเลือดสาดออกมา ธงสีดําในมือซ้ายของเขาลอยกลับขึ้นไปบนฟ้า

 

หัวใจของหลิวสุยเฟิงเต้นแรงเมื่อเห็นดังนี้ โชคดีเหลือเกินที่เชี่ยวเฉินรั้งเขาเอาไว้ มิฉะนั้นผู้ที่ลงไปกองกับพื้นจะต้องเป็นตัวเขา

 

“น่าสงสาร,คนผู้นั้นจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือนถึงจะฟื้นกําลังกลับมาได้”

 

“โหดร้าย พวกเขาไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย เกิดอะไรขึ้นกับการทดสอบศิษย์แก่นกลางในครั้งนี้?”

 

เมื่อสานุศิษย์ที่อยู่บนที่นั่งผู้ชมเห็นสถานการณ์น่าสลดใจเช่นนี้,พวกเขาตกตะลึง การทดสอบศิษย์แก่นกลางครั้งก่อนดุเดือดรุนแรงเช่นกัน แต่การทดสอบในครั้งนี้มันน่าสลด:มันโหดร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ

 

การทดสอบจะจบลงได้หลังจากจับธงได้แล้ว ด้วยผู้คนมากมายที่นี่, จะต้องมีธงมากกว่าหนึ่งอย่างแน่นอน ดังนั้น มันไม่มีความจําเป็นที่จะพุ่งเข้าไปที่ธงผืนเดียว ผู้ใดก็ตามที่คว้าธงผืนแรกเอาไว้ได้จะต้องทรมานจากการโจมตีจากทุกคนอย่างแน่นอน คือหลักการที่ว่า “กระสุนจะโดนนกที่โผล่หัวออกมา”

 

แม้จะเป็นตัวเซี่ยวเฉินเอง,เขาก็ไม่สามารถหลบหนีออกไปได้โดยไร้บาดแผล

 

เซียวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไปและค้นหาในทิศทางที่ธงลอยเข้ามา เขาขยายออกไปเรื่อยๆ จนเขามองเห็นเจ้าของธงที่อยู่ห่างออกไปมากกว่าหนึ่งพันเมตรจากลานฝึกฝน

 

ชายชุดดํากําลังยืนอยู่บนหอคอยสูง มีธงห้าพื้นที่กําลังโบกสะบัดในสายลมที่ด้านหลังของเขา ใบหน้าของคนผู้นี้พล่ามัวจากแสงแดด

 

ฉีและโลหิตในร่างกายของเขาหนาแน่นอย่างไม่มีที่เปรียบ เมื่อรวมกับธงที่ด้านหลังของเขา,กระแสพลังของเขาพลุ่งพล่าน เขามีพลังของกองทัพทรงพลัง,ราวกับว่าเขาสามารถที่จะสั่นสะเทือนสวรรค์

 

เขาอยู่ห่างออกไปเกือบสองพันเมตร,ถึงขีดจํากัดของสัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉิน ดังนั้น,เซี่ยวเฉินไม่สามารถมองเห็นรูปร่างหน้าของคนผู้นี้ได้อย่างชัดเจน,เขาสามารถจับรูปร่างได้คลุมเครือเท่านั้น

 

“คนผู้นี้อยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธเป็นอย่างต่ํา ศาลากระบี่สวรรค์เต็มไปด้วยผู้มากพรสวรรค์ มีผู้เชี่ยวชาญอยู่ทุกที่” เซี่ยวเฉินถอนหายใจกับตัวเอง

 

จากสัมผัสวิญญาณของเขา เขาสามารถมองเห็นธงสีดําห้าพื้นล้อมรอบคนผู้นั้น ธงพวกนั้นหมุนวนอย่างต่อเนื่อง,สร้างอากาศหมุนวนขึ้น

 

“โซว!”

ในจังหวะต่อมา,ธงทั้งห้าก็มุ่งหน้าที่ค่ายกลบนลานฝึกฝน เดิมที,พวกมันพุ่งมาอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกมันเข้ามาใกล้,พวกมันก็ช้าลง

อย่างไรก็ตาม,มันช้าลงสําหรับผู้บ่มเพาะพลังระดับสูง สําหรับคนทั่วไปหรือผู้บ่มเพาะพลังระดับต่ํา สําหรับพวกเขา มันเร็วกว่ารถม้าไปหลายเท่า

 

“เสี้ยว!”

 

เวลานี้,สานุศิษย์แข็งแกร่งบางคนบนหอกแหลมไม่นิ่งเฉย พลังปราณของพวกเขาพุ่งทะยานและพวกเขาตะโกนออกมา ทิ้งไว้เพียงภาพติดตา

 

หลิวสุยเฟิงเห็นว่าเซี่ยวเฉินยังคงไม่เคลื่อนไหว เขาถามขึ้น, “เย่เฉิน,พวกเราจะยังไม่ลงมืออีก? จํานวนธงมีจํากัด”

 

เซี่ยวเฉินกล่าวอย่างเฉยเมย “เจ้าไปคว้ามันได้ แต่มันยังไม่ใช่เวลาของข้า”

 

“โซว! โซว!”

มีธงอีกสิบผืนลอยเข้ามา สายลมพัดรุนแรงภายในค่ายกล,ฝุ่นควันลอยขึ้นทั่วพื้นที่ ในเวลานี้ ทุกคนดีดตัวขึ้นไป แม้แต่บางคนที่ปิดซ่อนตัวเองอยู่ก็เริ่มเคลื่อนไหว

 

สายลมพัดเปารุนแรงและฝุ่นทรายลอยไปทั่วทุกที่ของค่ายกล มีหลายร่างก็เคลื่อนไหวไปบนอากาศ,ไล่ตามผืนธงอย่างไม่ลดละ การต่อสู้ช่างดูน่าอดสู บางครั้ง,จะมีคนที่ถูกลอบโจมตี, ทําให้เขาต้องสอบตกไปโดยปริยาย

 

อย่างไรก็ตาม ภายใต้เงื่อนไขเช่นนี้ มีบางคนเลือกที่จะไม่เคลื่อนไหว พวกเขายืนนิ่งเงียบอยู่บนปลายหอก พวกเขาไม่เป็นกังวลแม้แต่น้อย,ราวกับว่าพวกเขาได้ลืมเกี่ยวกับการทดสอบไปแล้ว

 

นอกจากเซียวเฉิน,จางเลี่ย,มู่เหิง,และเกาหยาง,ยังมีอีกคนหนึ่งจากอีกสามยอดเขาที่เหลือที่ไม่ได้เคลื่อนไหวลงมืออะไร พวกเขาทั้งเจ็ดเป็นดั่งตัวแทนของแต่ละยอดเขา ความจริง,พวกเขายังเป็นเจ็ดผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในการทดสอบครั้งนี้

 

“ในที่สุดข้าก็ได้มา!” ศิษย์ยอดเขาเทียนเยว่ผู้หนึ่งตะโกนออกมาพร้อมกับกอดธงของเขาเอาไว้หลังจากที่เขาเท้าลงมาแตะพื้น เขาเมินเฉยต่อทุกบาดแผลทั่วร่างของเขา บาดแผลของเขานองไปด้วยเลือดพร้อมกับรอยยิ้มเป็นสุข

 

ผู้อาวุโสยอดเขาสตรีหยกพุ่งตรงเข้ามาและตรวจดูอาการบาดเจ็บของเขาในทันที หัวฟน้าผู้คุมสอบพยักหน้าของเขาและบันทึกหมายเลขของเขาลง ในที่สุดก็มีคนที่ผ่านการทดสอบรอบที่สอง

“เสี้ยว! เสี้ยว! เสี้ยว!”

 

การต่อสู้ที่น่าอดสูดําเนินต่อไป มีคนที่กระโดดลงมาพร้อมกับผืนธงอย่างต่อเนื่อง,ผ่านการทดสอบรอบที่สองไป อย่างไรก็ตาม,มีหลายคนที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล พวกเขาล้มลงมากับมือที่ว่างเปล่า,เสียสิทธิ์ในการทดสอบ

 

หลิวสุยเฟิงคว้าจับธงสีดําและรอยยิ้มตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาใช้ออกทักษะเคลื่อนไหวด้วยพลังทั้งหมดของเขา,ทําอย่างที่สุดเพื่อหลบหลีกการโจมตีทั้งหมดที่มุ่งมาทางเขา

 

มันดูเหมือนเขากําลังจะสําเร็จในการหลบหลีกการโจมตีทั้งหมด เมื่อมีเพียงไม่กี่คนที่ไล่ตามเขามา ในจังหวะนั้นเอง,หลิวสุยเฟิงก็หมดพลังลงเขาไร้หนทางที่จะเคลื่อนไหวกลางอากาศ สถานการณ์ดูเลวร้าย

“เพลิงแม้อัสนีม่วง! ยิง!”

 

เปลวเพลิงอะนไร้ขอบเขต,ไม่มีขีดจํากัดเริ่มเผาไหม้ในดวงตาขวาของเซี่ยวเฉิน เส้นสายเปลวเพลิงยิงออกไปยังผู้ครที่อยู่กลางอากาศ

ความรวดเร็วของเพลิงสีม่วงนี้สูงมาก สองสามคนที่อยู่กลางอากาศไม่มีเวลามากพอที่จะหลบหลีกและถูกซัดเข้า พวกเขาร้องออกมาอย่างน่าอนาถและร่วงลงสู่พื้น หลิวสุยเฟิงคว้าโอกาสนี้และลงถึงพื้นอย่างรวดเร็ว

 

“มันน่าแปลก,เปลวเพลองนั้นค่อนข้างดูธรรมดา อย่างไรก็ตาม มันก็เผยออกมาแล้ว น่าจะง่ายดายที่จะรับมือ!” หนึ่งในเจ็ดคนที่ไม่เคลื่อนไหวพึมพํากับตัวเอง

ในจังหวะที่สัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินพบว่าหลิวสุยเฟิงลงถึงพื้นอย่างปลอดภัย,เขาก็โล่งใจ แม้ว่าเขาจะต้องเผยไพ่ตายของเขาไปหนึ่งใบ,มันก็คุ้มค่า

 

สายลมแรงพัดกระจายและธงทั้งสิบห้าผืนก็ถูกคว้าเอาไปทั้งหมด สานุศิษย์ยอดเขาเทียนเยว่แข็งแกร่งจริง;ธงทั้งสิบฟ้าพื้น,กว่าครึ่งที่ถูกพวกเขาคว้าเอาไป

 

คนที่เหลือสังเกตเห็นเจ็ดคนที่ไม่เคลื่อนไหว พวกเขารู้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องและพวกเขาทั้งหมดกระโดดลงข้างล่าง,สละสิทธิ์ของพวกเขาในการทดสอบ

 

ในจังหวะนี้มันกลายเป็นเงียบสงัด ไม่มีใครคาดคิดว่าความวุ่นวายเพียงเมื่อนาทีก่อนหน้านี้ มีเพียงเสียงเลือดหยดลงทรายที่ดังขึ้นจากการต่อสู้ที่น่าอนาถใจ

 

สานุศิษย์บนที่นั่งผู้ชม,สานุศิษย์ที่ไม่ผ่านการทดสอบ,ทั้งท่านเจ้ายอดเขาและผู้อาวุโสจากโถงหลักที่อยู่บนฐานสูงต่างจับจ้องไปที่เจ็ดคนนี้

 

“ที่หนึ่งของการทดสอบศิษย์แก่นกลางจะตัดสินจากเจ็ดคน ตรงนี้ การทดสอบในครั้งนี้เข้มข้นเป็นพิเศษ”

“มันเป็นเพียงด่านที่สองและมากกว่า 200 คนถูกคัดออกไปแล้ว มีสานุศิษย์เพียงยี่สิบกว่าคนที่เหลืออยู่ หากกติกาเป็นแบบที่ผ่านมา,มีที่นั่งสานุศิษย์แก่นกลางห้าสิบที่นั่ง,คนพวกนี้ทั้งหมดก็ผ่านการทดสอบไปแล้ว”

 

“เหลือน้อยกว่าห้าสิบแล้ว เจ้ามองแว่บเดียวก็จะรู้ได้ว่าการทดสอบครั้งนี้ไม่ธรรมดา ข้าว่าเหลืออย่างมากก็สิบที่นั่ง”

“ข้าสงสัยว่าจะมีธงผืนที่ลอยเข้ามาในรอบนี้ หากมันมีต่ํากว่าเจ็ดเช่นนั้นบางคนในเจ็ดคนที่แข็งแกร่งที่สุดตรงก็จะถูกคัดออก”

 

สานุศิษย์ชั้นในทั่วไปบนที่นั่งผู้ชมจ้องมองไปที่ทั้งเจ็ดคน พวกเขาทั้งหมดต่างมีสีหน้าซับซ้อน คนเหล่านี้ด้วยเหตุผลต่างๆนานา,ไม่อาจก้าวข้ามเป็นศิษย์แก่นกลางได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขามองดูการทดสอบในครั้งนี้ พวกเขารู้สึกว่าตัวเองนั้นโชคดีแล้ว

หยาดโลหิตด้านล่างค่ายกลไม่ใช้ไร้ที่มาที่ไป พวกมันหลั่งออกมาจากสานุศิษย์ที่เข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ มีหลายคนที่เกือบจะสิ้นชีวิต นอกจากผู้คนที่ยอมสละสิทธิ์กระโดดออกมาเกือบจะไม่มีใครที่ออกมาได้ในสภาพดูดี

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 226 หนึ่งในร้อย

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 226 หนึ่งในร้อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation

ตอนที่ 226 หนึ่งในร้อย

ในระยะไกลออกไป,หลิวสุยเฟิงมองดูสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงฉับพลัน เขางุนงงพร้อมกับพูดขึ้น “ทําไมสองคนนั้นถึงได้เริ่มต่อสู้กัน? ข้ารู้จักเกาหยาง นี่เป็นครั้งนี้สามที่เขาเข้าร่วมการทดสอบศิษย์แก่นกลาง เขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่เขาไม่น่าจะคู่ควรกับจางเลี่ย”

 

เซี่ยวเฉินหัวเราะและกล่าวขึ้น “เจ้าหมอนั้นมันเจ้าเล่ห์ เขาแกล้งทําเป็นอ่อนแอเมื่อก่อนหน้านี้ ไม่มีเหตุที่เขาจะปกป้องกระบี่ฉีแบบฉิวเฉียดเช่นนั้น”

 

“เขากําลังคิดอะไร? หรือว่าเขาจะไม่เกรงกลัวจางเลี่ยจะทําลายเขาจริงๆ?” หลิวสุยฟังถามขึ้น,สงสัยในกลอุบาย

 

เชี่ยวเฉินลบรอยยิ้มออกจากใบหน้าและกล่าวขึ้นอย่างจริงจัง “นี่แหละที่หลอกได้อย่างหลักแหลม เขาจะต้องมีกระบวณท่าสังหารหรืออะไรทํานองนั้น มันเป็นไปได้ว่าจากช่วงที่จางเลี่ยร่อนลงตรงหน้าของเขา เขาสามารถปิดงานลงได้”

 

ขณะที่เซี่ยวเฉินพูดจบลง, ท้องฟ้าที่แต่เดิมสว่างไสวกลายเป็นมืดมิด สายลมรุนแรงพัดผ่านไปบนพื้น,ตบฝุ่นควันลอยขึ้นมาในอากาศ

 

จางเลี่ย.ผู้ที่เตรียมพร้อมจะจัดการกับเกาหยาง,กลายเป็นหน้าซีด เขาพบว่ามีเกราะปราณอยู่ตรงหน้าของเขา,ปัดป้องฝุ่นทรายเอาไว้ เขางุนงงพร้อมกับกล่าวขึ้น “เกิดอะไรขึ้น? ทําไมจู่ๆถึงได้มีสายลมรุนแรงปรากฏขึ้นมา? ทําไมดินฟ้าอากาศถึงแปลเปลี่ยนฉับพลัน?”

 

เกาหยางมองดูสายลมรุนแรงที่พัดเข้ามาฉับพลัน จางเลี่ยหยุดมือลงเป็นเพราะมัน เขานึกผิดหวังอย่างช่วยไม่ได้ ช่างน่าเสียดาย!

 

หลังจากสายลมรุนแรงจางหายไป,ธงสีดําปรากฏขึ้นในสายตาของทุกคน มันลอยผ่านจากเส้นขอบฟ้า,เข้ามาใกล้จนถึงลานฝึกฝน

 

ธงนั้นมีพื้นสีดําพร้อมตัวอักษรสีขาวและขอบสีเหลือง มีสองคํา เขียนอยู่บนธงที่กําลังปลิวไหว – กระบี่สวรรค์ที่เสาธงมีลวดลาย ดอกไม้ที่เรียบง่ายกับมังกรทองที่ขดตัวอยู่รอบเสา

ความเร็วของธงลอยมาอย่างช้าๆ แต่พลังที่มันแบกเอาไว้ ช่างน่าตกตะลึงอย่างยิ่ง ทุกที่ที่มันลอยผ่าน,อากาศแยกออกราวกับพื้นน้ํา

สานุศิษย์ชั้นในผู้หนึ่งไม่รู้ว่ามันคืออะไร ท้ายที่สุด เขาถูกธงนั้นซัดเข้าและกระอักเลือดออกมาคําใหญ่ ผู้อาวุโสยอดเขาสตรีหยกรีบตรงเข้ามารับตัวเขาเอาไว้ทันที:เขาเสียสิทธิ์ที่จําดําเนินการทดสอบต่อ

 

“กระจายออก!”

 

ทุกคนหน้าซีดพร้อมกับกระจายออกไปทั่วพื้นที่ พวกเขามองดูธงสีดําพร้อมกับแหวกทางให้กับมัน ไม่นานนัก,ธงนั้นก็ลอยมายังพื้นที่ไม่ไกลจากเซี่ยวเฉินนัก

ทันใดนั้น,หัวหน้าผู้คุมสอบ.ผู้ที่อยู่บนพื้น,กล่าวขึ้น “ผู้ที่เข้าไปจับธงนี้ได้เท่านั้นถึงจะผ่านการทดสอบ ผู้ใดที่จับธงได้การทดสอบจะจบลงในทันที”

หลังจากสิ้นเสียงของหัวหน้าผู้คมสอบ,ธงสีดําที่ทุกคนต่างหลีกหนีกลายเป็นที่ต้องการตัวในทันที ทุกคนทําทุกวิถีทางที่ทําได้เพื่อไล่จับธง

 

หลิวสุยเฟิง ผู้ที่อยู่ด้านหลังเซี่ยวเฉินไม่อาจอดทนได้และจะเข้าไปร่วมด้วย นี่เป็นเพราะเขาและเซี่ยวเฉินคือคนที่อยู่ใกล้กับธงที่สุด หากพวกเขาลงมือ,มันเป็นไปได้ที่พวกเขาจะคล้าเอาธงมาได้

“อย่าลงมือก่อน” เซี่ยวเฉินรีบกล่าวขึ้น

 

หลิวสุยเฟิงไม่เข้าใจและถามขึ้น “ทําไม? หลังจากคว้าเอามันมาได้,พวกเขาสามารถกระโดดลงไปและจบการทดสอบในทันที มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร!”

 

เซี่ยวเฉินชี้นิ้วและกล่าวขึ้น “มองดูคนพวกนั้น,หนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายนี้ มีใครสักคนที่เริ่มเคลื่อนไหว?”

 

เมื่อหลิวสุยเฟิงได้ยินดังนั้น,เขาพบว่ามันเป็นไปอย่างที่เชี่ยวเฉินกล่าว มู่เหิง, จางเลี่ย,เกาหยาง, คนเหล่านี้ไม่มีใครเคลื่อนไหว ราวกับว่ามันไม่ได้เป็นกงการอะไรกับพวกเขา

 

“ข้าได้มันมาแล้ว!” ศิษย์ยอดเขากางอผู้หนึ่งตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น พร้อมกับจับไปที่เสาธงด้วยมือข้างหนึ่งของเขา

 

“บูม!”

 

ขณะที่เขาอยากจะกระโดดอกจากค่ายกลหอก,สารพัดท่าโจมตีลอยเข้าหาเขา

ทุกการโจมตีดูหนานแน่นตื่นตะลึง นอกจากศิษย์ยอดเขากางอวสานุศิษย์จากยอดเขาอื่นใช้ออกทักษะต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาออกมา

 

ด้วยการโจมตีหลากหลายเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้น,เขาก็ไม่สามารถป้องกันได้ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุจะไปทําได้เช่นไร?

ก่อนที่เขาจะได้ลงถึงพื้น,เขาก็เจ็บสาหัส เขาปกคุลมไปด้วยบาดแผลทั่วทั้งตัว,สายเลือดสาดออกมา ธงสีดําในมือซ้ายของเขาลอยกลับขึ้นไปบนฟ้า

 

หัวใจของหลิวสุยเฟิงเต้นแรงเมื่อเห็นดังนี้ โชคดีเหลือเกินที่เชี่ยวเฉินรั้งเขาเอาไว้ มิฉะนั้นผู้ที่ลงไปกองกับพื้นจะต้องเป็นตัวเขา

 

“น่าสงสาร,คนผู้นั้นจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือนถึงจะฟื้นกําลังกลับมาได้”

 

“โหดร้าย พวกเขาไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย เกิดอะไรขึ้นกับการทดสอบศิษย์แก่นกลางในครั้งนี้?”

 

เมื่อสานุศิษย์ที่อยู่บนที่นั่งผู้ชมเห็นสถานการณ์น่าสลดใจเช่นนี้,พวกเขาตกตะลึง การทดสอบศิษย์แก่นกลางครั้งก่อนดุเดือดรุนแรงเช่นกัน แต่การทดสอบในครั้งนี้มันน่าสลด:มันโหดร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ

 

การทดสอบจะจบลงได้หลังจากจับธงได้แล้ว ด้วยผู้คนมากมายที่นี่, จะต้องมีธงมากกว่าหนึ่งอย่างแน่นอน ดังนั้น มันไม่มีความจําเป็นที่จะพุ่งเข้าไปที่ธงผืนเดียว ผู้ใดก็ตามที่คว้าธงผืนแรกเอาไว้ได้จะต้องทรมานจากการโจมตีจากทุกคนอย่างแน่นอน คือหลักการที่ว่า “กระสุนจะโดนนกที่โผล่หัวออกมา”

 

แม้จะเป็นตัวเซี่ยวเฉินเอง,เขาก็ไม่สามารถหลบหนีออกไปได้โดยไร้บาดแผล

 

เซียวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไปและค้นหาในทิศทางที่ธงลอยเข้ามา เขาขยายออกไปเรื่อยๆ จนเขามองเห็นเจ้าของธงที่อยู่ห่างออกไปมากกว่าหนึ่งพันเมตรจากลานฝึกฝน

 

ชายชุดดํากําลังยืนอยู่บนหอคอยสูง มีธงห้าพื้นที่กําลังโบกสะบัดในสายลมที่ด้านหลังของเขา ใบหน้าของคนผู้นี้พล่ามัวจากแสงแดด

 

ฉีและโลหิตในร่างกายของเขาหนาแน่นอย่างไม่มีที่เปรียบ เมื่อรวมกับธงที่ด้านหลังของเขา,กระแสพลังของเขาพลุ่งพล่าน เขามีพลังของกองทัพทรงพลัง,ราวกับว่าเขาสามารถที่จะสั่นสะเทือนสวรรค์

 

เขาอยู่ห่างออกไปเกือบสองพันเมตร,ถึงขีดจํากัดของสัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉิน ดังนั้น,เซี่ยวเฉินไม่สามารถมองเห็นรูปร่างหน้าของคนผู้นี้ได้อย่างชัดเจน,เขาสามารถจับรูปร่างได้คลุมเครือเท่านั้น

 

“คนผู้นี้อยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธเป็นอย่างต่ํา ศาลากระบี่สวรรค์เต็มไปด้วยผู้มากพรสวรรค์ มีผู้เชี่ยวชาญอยู่ทุกที่” เซี่ยวเฉินถอนหายใจกับตัวเอง

 

จากสัมผัสวิญญาณของเขา เขาสามารถมองเห็นธงสีดําห้าพื้นล้อมรอบคนผู้นั้น ธงพวกนั้นหมุนวนอย่างต่อเนื่อง,สร้างอากาศหมุนวนขึ้น

 

“โซว!”

ในจังหวะต่อมา,ธงทั้งห้าก็มุ่งหน้าที่ค่ายกลบนลานฝึกฝน เดิมที,พวกมันพุ่งมาอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกมันเข้ามาใกล้,พวกมันก็ช้าลง

อย่างไรก็ตาม,มันช้าลงสําหรับผู้บ่มเพาะพลังระดับสูง สําหรับคนทั่วไปหรือผู้บ่มเพาะพลังระดับต่ํา สําหรับพวกเขา มันเร็วกว่ารถม้าไปหลายเท่า

 

“เสี้ยว!”

 

เวลานี้,สานุศิษย์แข็งแกร่งบางคนบนหอกแหลมไม่นิ่งเฉย พลังปราณของพวกเขาพุ่งทะยานและพวกเขาตะโกนออกมา ทิ้งไว้เพียงภาพติดตา

 

หลิวสุยเฟิงเห็นว่าเซี่ยวเฉินยังคงไม่เคลื่อนไหว เขาถามขึ้น, “เย่เฉิน,พวกเราจะยังไม่ลงมืออีก? จํานวนธงมีจํากัด”

 

เซี่ยวเฉินกล่าวอย่างเฉยเมย “เจ้าไปคว้ามันได้ แต่มันยังไม่ใช่เวลาของข้า”

 

“โซว! โซว!”

มีธงอีกสิบผืนลอยเข้ามา สายลมพัดรุนแรงภายในค่ายกล,ฝุ่นควันลอยขึ้นทั่วพื้นที่ ในเวลานี้ ทุกคนดีดตัวขึ้นไป แม้แต่บางคนที่ปิดซ่อนตัวเองอยู่ก็เริ่มเคลื่อนไหว

 

สายลมพัดเปารุนแรงและฝุ่นทรายลอยไปทั่วทุกที่ของค่ายกล มีหลายร่างก็เคลื่อนไหวไปบนอากาศ,ไล่ตามผืนธงอย่างไม่ลดละ การต่อสู้ช่างดูน่าอดสู บางครั้ง,จะมีคนที่ถูกลอบโจมตี, ทําให้เขาต้องสอบตกไปโดยปริยาย

 

อย่างไรก็ตาม ภายใต้เงื่อนไขเช่นนี้ มีบางคนเลือกที่จะไม่เคลื่อนไหว พวกเขายืนนิ่งเงียบอยู่บนปลายหอก พวกเขาไม่เป็นกังวลแม้แต่น้อย,ราวกับว่าพวกเขาได้ลืมเกี่ยวกับการทดสอบไปแล้ว

 

นอกจากเซียวเฉิน,จางเลี่ย,มู่เหิง,และเกาหยาง,ยังมีอีกคนหนึ่งจากอีกสามยอดเขาที่เหลือที่ไม่ได้เคลื่อนไหวลงมืออะไร พวกเขาทั้งเจ็ดเป็นดั่งตัวแทนของแต่ละยอดเขา ความจริง,พวกเขายังเป็นเจ็ดผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในการทดสอบครั้งนี้

 

“ในที่สุดข้าก็ได้มา!” ศิษย์ยอดเขาเทียนเยว่ผู้หนึ่งตะโกนออกมาพร้อมกับกอดธงของเขาเอาไว้หลังจากที่เขาเท้าลงมาแตะพื้น เขาเมินเฉยต่อทุกบาดแผลทั่วร่างของเขา บาดแผลของเขานองไปด้วยเลือดพร้อมกับรอยยิ้มเป็นสุข

 

ผู้อาวุโสยอดเขาสตรีหยกพุ่งตรงเข้ามาและตรวจดูอาการบาดเจ็บของเขาในทันที หัวฟน้าผู้คุมสอบพยักหน้าของเขาและบันทึกหมายเลขของเขาลง ในที่สุดก็มีคนที่ผ่านการทดสอบรอบที่สอง

“เสี้ยว! เสี้ยว! เสี้ยว!”

 

การต่อสู้ที่น่าอดสูดําเนินต่อไป มีคนที่กระโดดลงมาพร้อมกับผืนธงอย่างต่อเนื่อง,ผ่านการทดสอบรอบที่สองไป อย่างไรก็ตาม,มีหลายคนที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล พวกเขาล้มลงมากับมือที่ว่างเปล่า,เสียสิทธิ์ในการทดสอบ

 

หลิวสุยเฟิงคว้าจับธงสีดําและรอยยิ้มตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาใช้ออกทักษะเคลื่อนไหวด้วยพลังทั้งหมดของเขา,ทําอย่างที่สุดเพื่อหลบหลีกการโจมตีทั้งหมดที่มุ่งมาทางเขา

 

มันดูเหมือนเขากําลังจะสําเร็จในการหลบหลีกการโจมตีทั้งหมด เมื่อมีเพียงไม่กี่คนที่ไล่ตามเขามา ในจังหวะนั้นเอง,หลิวสุยเฟิงก็หมดพลังลงเขาไร้หนทางที่จะเคลื่อนไหวกลางอากาศ สถานการณ์ดูเลวร้าย

“เพลิงแม้อัสนีม่วง! ยิง!”

 

เปลวเพลิงอะนไร้ขอบเขต,ไม่มีขีดจํากัดเริ่มเผาไหม้ในดวงตาขวาของเซี่ยวเฉิน เส้นสายเปลวเพลิงยิงออกไปยังผู้ครที่อยู่กลางอากาศ

ความรวดเร็วของเพลิงสีม่วงนี้สูงมาก สองสามคนที่อยู่กลางอากาศไม่มีเวลามากพอที่จะหลบหลีกและถูกซัดเข้า พวกเขาร้องออกมาอย่างน่าอนาถและร่วงลงสู่พื้น หลิวสุยเฟิงคว้าโอกาสนี้และลงถึงพื้นอย่างรวดเร็ว

 

“มันน่าแปลก,เปลวเพลองนั้นค่อนข้างดูธรรมดา อย่างไรก็ตาม มันก็เผยออกมาแล้ว น่าจะง่ายดายที่จะรับมือ!” หนึ่งในเจ็ดคนที่ไม่เคลื่อนไหวพึมพํากับตัวเอง

ในจังหวะที่สัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินพบว่าหลิวสุยเฟิงลงถึงพื้นอย่างปลอดภัย,เขาก็โล่งใจ แม้ว่าเขาจะต้องเผยไพ่ตายของเขาไปหนึ่งใบ,มันก็คุ้มค่า

 

สายลมแรงพัดกระจายและธงทั้งสิบห้าผืนก็ถูกคว้าเอาไปทั้งหมด สานุศิษย์ยอดเขาเทียนเยว่แข็งแกร่งจริง;ธงทั้งสิบฟ้าพื้น,กว่าครึ่งที่ถูกพวกเขาคว้าเอาไป

 

คนที่เหลือสังเกตเห็นเจ็ดคนที่ไม่เคลื่อนไหว พวกเขารู้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องและพวกเขาทั้งหมดกระโดดลงข้างล่าง,สละสิทธิ์ของพวกเขาในการทดสอบ

 

ในจังหวะนี้มันกลายเป็นเงียบสงัด ไม่มีใครคาดคิดว่าความวุ่นวายเพียงเมื่อนาทีก่อนหน้านี้ มีเพียงเสียงเลือดหยดลงทรายที่ดังขึ้นจากการต่อสู้ที่น่าอนาถใจ

 

สานุศิษย์บนที่นั่งผู้ชม,สานุศิษย์ที่ไม่ผ่านการทดสอบ,ทั้งท่านเจ้ายอดเขาและผู้อาวุโสจากโถงหลักที่อยู่บนฐานสูงต่างจับจ้องไปที่เจ็ดคนนี้

 

“ที่หนึ่งของการทดสอบศิษย์แก่นกลางจะตัดสินจากเจ็ดคน ตรงนี้ การทดสอบในครั้งนี้เข้มข้นเป็นพิเศษ”

“มันเป็นเพียงด่านที่สองและมากกว่า 200 คนถูกคัดออกไปแล้ว มีสานุศิษย์เพียงยี่สิบกว่าคนที่เหลืออยู่ หากกติกาเป็นแบบที่ผ่านมา,มีที่นั่งสานุศิษย์แก่นกลางห้าสิบที่นั่ง,คนพวกนี้ทั้งหมดก็ผ่านการทดสอบไปแล้ว”

 

“เหลือน้อยกว่าห้าสิบแล้ว เจ้ามองแว่บเดียวก็จะรู้ได้ว่าการทดสอบครั้งนี้ไม่ธรรมดา ข้าว่าเหลืออย่างมากก็สิบที่นั่ง”

“ข้าสงสัยว่าจะมีธงผืนที่ลอยเข้ามาในรอบนี้ หากมันมีต่ํากว่าเจ็ดเช่นนั้นบางคนในเจ็ดคนที่แข็งแกร่งที่สุดตรงก็จะถูกคัดออก”

 

สานุศิษย์ชั้นในทั่วไปบนที่นั่งผู้ชมจ้องมองไปที่ทั้งเจ็ดคน พวกเขาทั้งหมดต่างมีสีหน้าซับซ้อน คนเหล่านี้ด้วยเหตุผลต่างๆนานา,ไม่อาจก้าวข้ามเป็นศิษย์แก่นกลางได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขามองดูการทดสอบในครั้งนี้ พวกเขารู้สึกว่าตัวเองนั้นโชคดีแล้ว

หยาดโลหิตด้านล่างค่ายกลไม่ใช้ไร้ที่มาที่ไป พวกมันหลั่งออกมาจากสานุศิษย์ที่เข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ มีหลายคนที่เกือบจะสิ้นชีวิต นอกจากผู้คนที่ยอมสละสิทธิ์กระโดดออกมาเกือบจะไม่มีใครที่ออกมาได้ในสภาพดูดี

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+