Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 348 วิธีการเปิดเส้นปราณย่อย

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 348 วิธีการเปิดเส้นปราณย่อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 348 วิธีการเปิดเส้นปราณย่อย

ตัวเลือกที่สองคือการใช้พลังปราณในการฝืนเปิดเส้นปราณย่อยเมื่อเส้นปราณย่อยเปิดออก,เซี่ยวเฉินจะสามารถบ่มเพาะชั้นที่หกของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์

เมื่อเป็นเช่นนั้น,เซี่ยวเฉินจะสามารถเร่งความแข็งแกร่งของเขาขึ้นมาได้ในระยะเวลาสั้นๆ

อย่างไรก็ตาม,ก่อนที่จะพูดถึงโอกาสสําเร็จอะนน้อยนิด,การฝืนเปิดเส้นปราณย่อยจะทิ้งความเสียหายแฝงเอาไว้อย่างแน่นอน หากไม่จัดการให้ดี,มันจะส่งผลต่อการบ่มเพาะพลังของเซี่ยวเฉินในอนาคต

หลังจากที่ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์หมุนเวียนครบอีกหนึ่งรอบใหญ่,เซี่ยวเงินก็ลืมตาขึ้น มีแสงสีม่วงออกมาจากดวงตาของเขา ฉายออกไปทั่วป่าที่มืดมิดในทันที

หลังจากแสงวูบผ่านไป,มันซ่อนเร้นอยู่ในส่วนลึกของดวงตาเซี่ยวเฉิน เมื่อเขามองเห็นเศษพลังงานธาตุสายฟ้าสีม่วงที่หลงเหลืออยู่ในอากาศ,เขาโบกมือเบาๆ

พลังงานสีม่วงก่อนเป็นวังวนและมารวมตัวกันที่ฝ่ามือของเซี่ยวเฉินในทันที,เกิดเป็นก้อนเปลวเพลิงสีม่วง

เซี่ยวเฉินเหวี่ยงมือของเขาออกและยิงเปลวเพลิงสีม่วงออกไป มันเผาต้นไม้ที่อยู่ในทางจนกลายเป็นเถ้าถ่านโดยปราศจากเสียง

“ปัง!”

ในที่สุด มันก็ไปชนเข้ากับหน้าผา มันระเบิดเกิดเป็นหลุมกว้างร้อยเมตรที่ด้านข้างหน้าผายอดเขาสั่นสะเทือนเบาๆขณะที่หินดินร่วงหล่นลงมา

การยิงออกไปเบาๆก็ส่งผลถึงเพียงนี้ หากเป็นในอดีต,เซี่ยวเฉินจะรู้สึกพึ่งพอใจเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม,ตอนนี้เขาได้เห็นถึงพลังของระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ,เขารู้ว่านี้มันไม่คู่ควรที่จกกล่าวถึงหากเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง,เขาเป็นเพียงเด็กเล่น

เซี่ยวเฉินรวบรวมความคิดของเขาและพึมพํา “ตอนนี้ข้าอยู่ระดับยอดสุดขอบเขตนักบุญขั้นกลางข้าจําเป็นต้องเปิดเส้นปราณย่อยสี่เส้น”

“เมื่อข้าเลื่อนสู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง,หนึ่งในเส้นปราณสีเส้นจะเปิดออก… เมื่อข้าเลื่อนสู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด,ข้าจะเปิดเพิ่มอีกหนึ่งเส้น ในตอนที่เลื่อนสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ,ข้าจะเปิดอีกสองเส้นที่เหลือ

“กล่าวได้ว่า,ข้าสามารถบ่มเพาะชั้นที่หกของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ได้ในตอนที่ข้าขึ้นสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ

เซี่ยวเฉินไม่แน่ใจว่าตัวเลือดไหนจะเป็นทางที่ดีที่สุด ฝืนเปิดเส้นปราณต้องแบกรับความเสี่ยง หากเขารอจนถึงระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ,เขาจะเสียเวลามากเกินไป

“ไม่เป็นไร ข้าจะไม่ไปคิดเกี่ยวกับมันในตอนนี้ ข้าจะกลับไปนึกษาเรื่องนี้กับหรูเยวและฟังความคิดเห็นของนาง” เซี่ยวเฉินส่ายหัวและพักเรื่องปัญหานี้เอาไว้ จากนั้นเขาก็ออกเดินกลับไปที่ลานของเขา

ตอนนี้, ศึกใหญ่ที่ศาลากระปสวรรค์ได้ผ่านเลยไปสามวันแล้ว ในตลอดสามวันที่ผ่านมา,ศาลากระปสวรรค์ยุ่งวุ่นวาย

พวกเขายุ่งไปกับการซ่อมแซมตึกอาคารที่ถูกทําลายและรักษาสานุศิษย์ที่บาดเจ็บ

สําหรับเหล่าผู้อาวุโส,พวกเขายุ่งเสียยิ่งกว่าพวกเขาไม่เพียงแต่ต้องสั่งการทุกอย่าง เท่านั้น แต่พวกเขาต้องคํานวณขอบเขตความเสียหาย,ปลุกใจผู้คน และชดเชยให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต,รวมถึงงานอื่นๆมันเป็นปัญหาที่เรียงแถวเข้ามาไม่หยุด

ภายในสามวันนี้,ข่าวลือทั้งหมดเกี่ยวกับศาลากระปสวรรค์แผ่กระจายไปทั่วทั้งแคว้นซีเหอ

มีผู้เชี่ยวมากมายที่ที่กําลังมองดูความเสียหายในวันนั้น พวกเขายังรู้ถึงการที่กองทัพจักรวรรดิมังกรเข้าออกตามใจชอบเรื่องทั้งหมดนี้ไม่อาจปกปิดเอาไว้

ข่าวยิ่งลือไปไกลยิ่งออกทะเล มีข่าวลือที่ว่าผู้อาวุโสระดับสูงทั้งหมดตกตายและสานุศิษย์ถูกสังหารไปกว่าครึ่ง;มีกระทั่งข่าวลือว่าผู้อาวุโสหนึ่งถูกสังหาร

ข่าวลือทั้งหมดเกินจริงไปจากที่ศาลากระบี่สวรรค์ได้ประสบมา

จากนั้น พวกเขาก็เชื่อมโยงกับการเลื่อนสงครามจัดอันดับปลายปีเข้ากับข่าวลือ ทําให้เกิดภาพลักษณ์ที่ว่าศาลากระบี่สวรรค์ได้เสื่อมโทรมลงอย่างสมบูรณ์

นิกายและตระกูลเล็กที่รักษาความสัมพันธ์กับศาลากระบี่สวรรค์ทั้งหมดล้วนมีความคิดไม่มั่นคง

เซี่ยวเฉินรู้สึกประหลาดใจที่ศาลากระบี่สวรรค์ไม่สนใจจะออกไปชี้แจ้งแม้แต่น้อย

โดยไม่สนใจข่าวลือในโลกภายนอก,พวกเขาจดจ่อไปกับการฟื้นฟูศาลากระบีสวรรค์และรักษาสานุศิษย์

ในความคิดเห็นของเซี่ยวเฉิน,แม้ว่าศาลากระบี่สวรรค์ในอยู่ในช่วงเสื่อมโทรม,พวกเขาก็ยังเป็นขุมอํานาจที่แข็งแกร่งที่สุดภายในแคว้นซีเหอ

ศาลากระบี่สวรรค์มีห้าผู้อาวุโสระดับสูงขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ แค่เรื่องนี้ก็ทําให้พวกเขานําหน้าขุมอํานาจอื่นๆไปไกลนอกจากนั้นยังมีผู้เชี่ยวชาญลึกลับที่ถือครองอาวุธเทพ

พวกเขายังควบคุมเหมืองวิญญาณที่ผลิตหินวิญญาณออกมาได้ไม่สิ้นสุด รวมกันทั้งหมดนี้,ตำแหน่งนิกายที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นซีเหอของศาลากระบี่สวรรค์มั่นคงดี

ความเสียหายที่ใหญ่หลวงที่สุดในศึกนี้ก็คือค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ของศาลากระปสวรรค์ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการจะลาดเจ็บสาหัส แต่พวกเขาก็ยังมีชีวิตอยู่

เซี่ยวเฉินไม่อาจไปสนใจเรื่องทั้งหมดนี้ นี่เป็นความคิดที่เข้ามาในตอนที่เขาเบื่อหน่าย เขาทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการบ่มเพาะพลัง

แม้จะไม่ได้ใช้ทักษะเคลื่อนไหว,เซี่ยวเฉินก็รวดเร็วมาก ในไม่ช้า,เขาก็มาถึงที่ลานของเขาโดยไม่รู้ตัว

หลิวหรูเยว่และเสียวไปนั่งอยู่ลนโต๊ะหินในลาน พวกนางกําาลังเล่นหมากล้อมกันอย่างร่าเริง

หมากล้อมเป็นของที่เซี่ยวเฉินสร้างขึ้นในตอนที่เบื่อหน่าย นี่เป็นสิ่งที่ติดมาจากโลกก่อนของเขา ปกติ,ในที่เขามีเวลา,เขาจะเล่นกับเสี่ยวไปสองสามรอบ

เสี่ยวไป๋เฉลียวฉลาดตั้งแต่กําเนิด หลังจากที่อธิบายกฎให้นาง,นางก็เรียนรู้ได้ นอกจากนั้น,นางยังพัฒนาอย่างรวดเร็วตอนนี้ มันไม่ง่ายสําหรับเซี่ยวเฉินอีกต่อไปที่จะชนะนาง

เซี่ยวเฉินเดินเข้ามาเงียบๆและมองดูสถานการณ์บนกระดาน หลิวหรูเยว่กําลังได้เปรียบ,และเสี่ยวไป๋กําลังหมกมุ่นครุ่นคิดวิธีตอบโต้นางช่างแลดูน่ารัก

เมื่อหลิวหรูเยว่เห็นเซี่ยวเฉินที่ด้านข้าง,นางยิ้มขึ้นเบาๆ “เจ้ากลับมาแล้ว ความแข็งแกร่งของเจ้าดูเหมือนจะพัฒนาขึ้นอีกแล้ว”

เซี่ยวเฉินยิ้มตอบ “ข้าเจอกับกําลังปัญหาบางอย่าง เจ้าเล่นต่อไปให้จบก่อนแล้วข้าจะมาปรึกษากับเจ้าทีหลัง”

เมื่อเสี่ยวไป๋เห็นเซี่ยวเฉินกลับมาแล้ว,นางยิ้มอย่างมีความสุขในทันที “พี่ใหญ่เย่เฉิน,ช่วยข้าด้วยพี่สาวหรูเยว่เก่งเกินไปแล้ว;ข้าไม่เคยชนะนางสักครั้ง”

ทุกครั้งที่หลิวหรูเยว่อยู่ด้วย,เซี่ยวเฉินจะให้เสี่ยวไป๋เรียกเขาด้วยชื่อปลอม แม้ว่านางจะไม่เข้าใจว่าทําไม,แต่นางก็ทําตามอย่างเชื่อฟัง

เซี่ยวเฉินลูบหัวเสี่ยวไป๋เบาๆและยิ้มขึ้น “เข้าควรคิดด้วยตัวเอง เจ้าไม่อาจขอให้คนอื่นช่วยใน ตอนที่เล่น เจ้าต้องฝึกฝนและค้นหาแนวคิดด้วยตัวเอง”

เสี่ยวไปมุ่ยปากและกล่าว “พี่ใหญ่เย่เฉินก็เข้าข้างพี่สาวหรูเยวตลอด ท่านไม่ยินดีจะช่วยข้า

เซี่ยวเฉินส่ายหัวและยิ้ม จากนั้นเขาก็เป็นที่เสี่ยวไปกล่าวและหลบไปด้านข้างหลับตาลงและ พักผ่อน

ผ่านไปครู่หนึ่ง เสี่ยวไปพ่ายแพ้หลิวหรูเยว่อีกครั้ง นางเก็บกระดานและร้องขึ้น “อออ,พี่สาวหรูเยว่เก่งเกินไป เสี่ยวไปไม่เล่นด้วยแล้วเหะเหะ, เสี่ยวไปจะไปเล่นกับพี่สาวเสี่ยวเมิ่ง ถึงแม้ว่านางจะร่วมมือกับพี่ชายเชาหยาง, พวกเขาก็เอาชนะเสี่ยวไปไม่ได้”

เมื่อนางกล่าวจบ,นางก็หอบเอากระดานหนีออกไปจากนั้น,นางก็ออกไปจากลานอย่างร่าเร็ง;ไม่มีร่องรอยความผิดหวังแม่แต่น้อย เห็นชัดว่านางไม่ได้สนใจเรื่องแพ้ชนะ

หลังจากที่เสี่ยวไปจากไป,เซี่ยวเฉินก็ลืมตาขึ้นและเดินไปที่ด้านข้างของหลิวหรูเยว่

หลิวหรูเยวถามขึ้น “เจ้าเจอเข้ากับปัญหาอะไร? บางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าได้”

เซี่ยวเฉินพยักหน้าและอธิบายถึงปัญหาที่เขาพบเกี่ยวกับการบ่มเพาะทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์อย่างละเอียดกับหลิวหรูเยว่

หลังจากที่หลิวหรเยว่ได้ฟัง,นางคิ้วขมวดเล็กน้อย ใบหน้าที่งดงาม,ทรงเสน่ห์ของนางเผยสีหน้าครุ่นคิดไตร่ตรอง

ผ่านไปครู่หนึ่ง,หลิวหรูเยสก็ผ่อนคลายและเผยรอยยิ้ม นางกล่าวอย่างนิ่มนวล “เจ้าสามารถลองดูได้การเปิดเส้นปราณย่อยสี่เส้นพร้อมกันมันเสี่ยง,แต่หากเจ้าเปิดเพียงสองเส้น,ความเสี่ยงจะไม่มากนัก”

ดวงตาของเซี่ยวเฉินเปล่งประกาย เขากล่าว “เจ้ากําลังจะแนะนําว่าข้าควรรอจนกว่าข้าจะอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดก่อนที่จะเปิดเส้นปราณอีกสองเส้นที่เหลือ?”

หลิวหรูเยส่พยักหน้าและกล่าว “ถูกต้อง เมื่อถึงตอนนั้น,เจ้าจะต้องเตรียมตัวที่จะทะลวงสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ หากเจ้าสามารถบ่มเพาะทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ชั้นที่หก,มันจะเป็นการง่ายกว่าที่เจ้าจะทะลวงสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ”

“ในตอนที่เตรียมพร้อมในการเปิดเส้นปราณย่อย,อย่าลืมเตรียมสมุนไพรวิญญาณเอาไว้เพื่อบำรงเส้นปราณหากเจาสามารถหาซื้อเม็ดยาสําหรับบํารุงเส้นปราณ,ก็จะเป็นการดีกว่า”

“การฝันเปิดเส้นปราณมันบอบบางกว่าการเปิดเส้นปราณโดยธรรมชาติ หากไม่ป้องกันให้ดี,เส้นปราณย่อยอาจจะค่อยๆเหี่ยวแห้งไป”

“อย่างไรก็ตาม หากได้รับการบํารุงอย่างเหมาะสม,จะไม่มีความเสียหายแฝงหลงเหลือต่อเส้นปราณ”

เซี่ยวเฉินพลันรู้แจ้งในทันที แม้ว่าเซี่ยวเฉินจําเป็นต้องใช้เวลาเพื่อบ่มเพาะถึงระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด,แต่มันก็เร็วกว่าหารบ่มเพาะถึงระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธมาก

นอกจากนั้น,ตามวิธีของหลิวหรูเยว่ มันจะเป็นการง่ายกว่าในตอนที่ทะลวงขึ้นสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ

เซี่ยวเฉินเป็นสุขและขอบคุณหลิวหรูเยว่ “หรูเยว่,ขอบคุณจากใจจริง ช่วยได้ช่วยเหลือข้าอย่างใหญ่หลวงอีกครั้ง”

หลิวหรูเยวยิ้มอย่างอ่อนโยน ในตอนที่นางเห็นรอยยิ้มของเซี่ยวเฉิน,นางรู้สึกมีความสุขไปกับเขาจากก้นบึงของหัวใจ

หลิวหรูเยวพลันนึกอะไรขึ้นมาได้และกล่าวขึ้น “ใช่แล้ว พ่อของข้าให้บอกเจ้าให้ขึ้นไปที่ยอดเขาในคืนนี้ เขามีเรื่องที่จะพูดคุยกับเจ้า

ค่ําคืนมาเยือนดวงดาวประดับท้องฟ้า เซี่ยวเฉินมองขึ้นไปที่ยอดเขาด้านบน,ความลังเลเติมเต็มสายตาขอบเขา

หากจะมีใครสักคนที่เขาหลาดกลัวจากกันบึงของหัวใจ ก็น่าจะเป็นคนผู้นี้ หลิวเทียนยู่

ความแข็งแกร่งของซ่งเฉว,หรืออ่านาจที่ผู้อาวุโสหนึ่งมี,แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะเกรงกลัวพวกเขา,เขาก็ไม่ได้กลัวจนควบคุมไม่อยู่

เซี่ยวเฉินสามารถมองเห็นถึงขีดจํากัดบนและล่างของพวกเขา ในเมื่อเขารู้ถึงขีดจํากัด,เขาก็ไม่เกรงกลัวอีกต่อไป

มีเพียงหลิวเทัยนยู่…หากเซี่ยวเฉินเลือกได้ว่าจะไม่ไปพลเขา,เขาก็จะไม่ไปพบ

ในตอนที่เซี่ยวเฉินมาถึงศาลากระบี่สวรรค์ครั้งแรก,คนผู้นี้มอบผักกระบี่ให้กับเขามันช่วยให้เซี่ยวเฉินลบร่องรอยของจักรพรรดิอัสนีออกจากกระบี่เงาจันทร์

หลิวเทียนยู่มองเห็นถึงสถานะผู้สืบทอดจักรพรรดิอัสนีของเขา หลังจากนั้นเขาก็ถึงข่กึ่งบังคับเซี่ยวเฉินและส่งเขาเข้าไปในมิติแปลกประหลาด;เขาเกือบจะตายและไม่ได้กลับออกมา

ต่อหน้าหลิวเทียนยู่,เซี่ยวเฉินไม่มีความลับ คนผู้นี้ช่างน่าหวาดกลัว

ไม่ว่าเซี่ยวเฉินจะโลเลอย่างไร เขาก็จําต้องไป เขาไม่อาจซ่อนตัว

เซี่ยวเฉินสงบสติอารมณ์ของเขาและดีดตัวออกจากพื้น,ไปตามทางอย่างรวดเร็ว

ในตอนที่เซี่ยวเฉินมาถึงหน้าผาตั้งฉาก,เขาใช้คาถาแรงโน้มถ่วงบินขึ้นไป ผ่านไปครู่หนึ่ง,เขาก็ลงจอดอย่างมั่นคง

ที่บนยอดเขา,สายลมพัดรุนแรง,เป่าผมของเซี่ยวเฉินลอยสยาย เสื้อผ้าของเขาสั่นไหว,และเขาไม่อาจลืมตาขึ้นได้

หลิวเทียนยู่นั่งเงียบอยู่บนก้อนหิน สายลมพัดทะลุผ่าวราวกับเขาเป็นอากาศธาตุไม่มีความผันผวนแม้แต่น้อย

มีเพียงคนสองคนอยู่บนจุดยอดเขา

หลิวเทียนยู่ลืมตาขึ้นและจ้องมองมายังเซี่ยวเฉินอย่างเงียบๆด้วยสายตาที่ขุ่นมัว

ใบหน้าของหลิวเทียนยู่เต็มไปด้วยริ้วรอย;เขาดูแก่ชรายิ่งกว่าเมื่อก่อนหน้านี้ นี่คือคนที่แก่ชราไปตามอายุ

เซี่ยวเฉินรู้สึกไม่สบายภายใต้การจ้องมองของหลิวเทียนยู่ เขาถามขึ้นเงียบๆ “ผู้อาวุโส,ท่านเรียกหาข้ามีเรื่องอะไร? โปรดแจ้งให้ข้าร์

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 348 วิธีการเปิดเส้นปราณย่อย

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 348 วิธีการเปิดเส้นปราณย่อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 348 วิธีการเปิดเส้นปราณย่อย

ตัวเลือกที่สองคือการใช้พลังปราณในการฝืนเปิดเส้นปราณย่อยเมื่อเส้นปราณย่อยเปิดออก,เซี่ยวเฉินจะสามารถบ่มเพาะชั้นที่หกของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์

เมื่อเป็นเช่นนั้น,เซี่ยวเฉินจะสามารถเร่งความแข็งแกร่งของเขาขึ้นมาได้ในระยะเวลาสั้นๆ

อย่างไรก็ตาม,ก่อนที่จะพูดถึงโอกาสสําเร็จอะนน้อยนิด,การฝืนเปิดเส้นปราณย่อยจะทิ้งความเสียหายแฝงเอาไว้อย่างแน่นอน หากไม่จัดการให้ดี,มันจะส่งผลต่อการบ่มเพาะพลังของเซี่ยวเฉินในอนาคต

หลังจากที่ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์หมุนเวียนครบอีกหนึ่งรอบใหญ่,เซี่ยวเงินก็ลืมตาขึ้น มีแสงสีม่วงออกมาจากดวงตาของเขา ฉายออกไปทั่วป่าที่มืดมิดในทันที

หลังจากแสงวูบผ่านไป,มันซ่อนเร้นอยู่ในส่วนลึกของดวงตาเซี่ยวเฉิน เมื่อเขามองเห็นเศษพลังงานธาตุสายฟ้าสีม่วงที่หลงเหลืออยู่ในอากาศ,เขาโบกมือเบาๆ

พลังงานสีม่วงก่อนเป็นวังวนและมารวมตัวกันที่ฝ่ามือของเซี่ยวเฉินในทันที,เกิดเป็นก้อนเปลวเพลิงสีม่วง

เซี่ยวเฉินเหวี่ยงมือของเขาออกและยิงเปลวเพลิงสีม่วงออกไป มันเผาต้นไม้ที่อยู่ในทางจนกลายเป็นเถ้าถ่านโดยปราศจากเสียง

“ปัง!”

ในที่สุด มันก็ไปชนเข้ากับหน้าผา มันระเบิดเกิดเป็นหลุมกว้างร้อยเมตรที่ด้านข้างหน้าผายอดเขาสั่นสะเทือนเบาๆขณะที่หินดินร่วงหล่นลงมา

การยิงออกไปเบาๆก็ส่งผลถึงเพียงนี้ หากเป็นในอดีต,เซี่ยวเฉินจะรู้สึกพึ่งพอใจเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม,ตอนนี้เขาได้เห็นถึงพลังของระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ,เขารู้ว่านี้มันไม่คู่ควรที่จกกล่าวถึงหากเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง,เขาเป็นเพียงเด็กเล่น

เซี่ยวเฉินรวบรวมความคิดของเขาและพึมพํา “ตอนนี้ข้าอยู่ระดับยอดสุดขอบเขตนักบุญขั้นกลางข้าจําเป็นต้องเปิดเส้นปราณย่อยสี่เส้น”

“เมื่อข้าเลื่อนสู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง,หนึ่งในเส้นปราณสีเส้นจะเปิดออก… เมื่อข้าเลื่อนสู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด,ข้าจะเปิดเพิ่มอีกหนึ่งเส้น ในตอนที่เลื่อนสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ,ข้าจะเปิดอีกสองเส้นที่เหลือ

“กล่าวได้ว่า,ข้าสามารถบ่มเพาะชั้นที่หกของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ได้ในตอนที่ข้าขึ้นสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ

เซี่ยวเฉินไม่แน่ใจว่าตัวเลือดไหนจะเป็นทางที่ดีที่สุด ฝืนเปิดเส้นปราณต้องแบกรับความเสี่ยง หากเขารอจนถึงระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ,เขาจะเสียเวลามากเกินไป

“ไม่เป็นไร ข้าจะไม่ไปคิดเกี่ยวกับมันในตอนนี้ ข้าจะกลับไปนึกษาเรื่องนี้กับหรูเยวและฟังความคิดเห็นของนาง” เซี่ยวเฉินส่ายหัวและพักเรื่องปัญหานี้เอาไว้ จากนั้นเขาก็ออกเดินกลับไปที่ลานของเขา

ตอนนี้, ศึกใหญ่ที่ศาลากระปสวรรค์ได้ผ่านเลยไปสามวันแล้ว ในตลอดสามวันที่ผ่านมา,ศาลากระปสวรรค์ยุ่งวุ่นวาย

พวกเขายุ่งไปกับการซ่อมแซมตึกอาคารที่ถูกทําลายและรักษาสานุศิษย์ที่บาดเจ็บ

สําหรับเหล่าผู้อาวุโส,พวกเขายุ่งเสียยิ่งกว่าพวกเขาไม่เพียงแต่ต้องสั่งการทุกอย่าง เท่านั้น แต่พวกเขาต้องคํานวณขอบเขตความเสียหาย,ปลุกใจผู้คน และชดเชยให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต,รวมถึงงานอื่นๆมันเป็นปัญหาที่เรียงแถวเข้ามาไม่หยุด

ภายในสามวันนี้,ข่าวลือทั้งหมดเกี่ยวกับศาลากระปสวรรค์แผ่กระจายไปทั่วทั้งแคว้นซีเหอ

มีผู้เชี่ยวมากมายที่ที่กําลังมองดูความเสียหายในวันนั้น พวกเขายังรู้ถึงการที่กองทัพจักรวรรดิมังกรเข้าออกตามใจชอบเรื่องทั้งหมดนี้ไม่อาจปกปิดเอาไว้

ข่าวยิ่งลือไปไกลยิ่งออกทะเล มีข่าวลือที่ว่าผู้อาวุโสระดับสูงทั้งหมดตกตายและสานุศิษย์ถูกสังหารไปกว่าครึ่ง;มีกระทั่งข่าวลือว่าผู้อาวุโสหนึ่งถูกสังหาร

ข่าวลือทั้งหมดเกินจริงไปจากที่ศาลากระบี่สวรรค์ได้ประสบมา

จากนั้น พวกเขาก็เชื่อมโยงกับการเลื่อนสงครามจัดอันดับปลายปีเข้ากับข่าวลือ ทําให้เกิดภาพลักษณ์ที่ว่าศาลากระบี่สวรรค์ได้เสื่อมโทรมลงอย่างสมบูรณ์

นิกายและตระกูลเล็กที่รักษาความสัมพันธ์กับศาลากระบี่สวรรค์ทั้งหมดล้วนมีความคิดไม่มั่นคง

เซี่ยวเฉินรู้สึกประหลาดใจที่ศาลากระบี่สวรรค์ไม่สนใจจะออกไปชี้แจ้งแม้แต่น้อย

โดยไม่สนใจข่าวลือในโลกภายนอก,พวกเขาจดจ่อไปกับการฟื้นฟูศาลากระบีสวรรค์และรักษาสานุศิษย์

ในความคิดเห็นของเซี่ยวเฉิน,แม้ว่าศาลากระบี่สวรรค์ในอยู่ในช่วงเสื่อมโทรม,พวกเขาก็ยังเป็นขุมอํานาจที่แข็งแกร่งที่สุดภายในแคว้นซีเหอ

ศาลากระบี่สวรรค์มีห้าผู้อาวุโสระดับสูงขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ แค่เรื่องนี้ก็ทําให้พวกเขานําหน้าขุมอํานาจอื่นๆไปไกลนอกจากนั้นยังมีผู้เชี่ยวชาญลึกลับที่ถือครองอาวุธเทพ

พวกเขายังควบคุมเหมืองวิญญาณที่ผลิตหินวิญญาณออกมาได้ไม่สิ้นสุด รวมกันทั้งหมดนี้,ตำแหน่งนิกายที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นซีเหอของศาลากระบี่สวรรค์มั่นคงดี

ความเสียหายที่ใหญ่หลวงที่สุดในศึกนี้ก็คือค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ของศาลากระปสวรรค์ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการจะลาดเจ็บสาหัส แต่พวกเขาก็ยังมีชีวิตอยู่

เซี่ยวเฉินไม่อาจไปสนใจเรื่องทั้งหมดนี้ นี่เป็นความคิดที่เข้ามาในตอนที่เขาเบื่อหน่าย เขาทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการบ่มเพาะพลัง

แม้จะไม่ได้ใช้ทักษะเคลื่อนไหว,เซี่ยวเฉินก็รวดเร็วมาก ในไม่ช้า,เขาก็มาถึงที่ลานของเขาโดยไม่รู้ตัว

หลิวหรูเยว่และเสียวไปนั่งอยู่ลนโต๊ะหินในลาน พวกนางกําาลังเล่นหมากล้อมกันอย่างร่าเริง

หมากล้อมเป็นของที่เซี่ยวเฉินสร้างขึ้นในตอนที่เบื่อหน่าย นี่เป็นสิ่งที่ติดมาจากโลกก่อนของเขา ปกติ,ในที่เขามีเวลา,เขาจะเล่นกับเสี่ยวไปสองสามรอบ

เสี่ยวไป๋เฉลียวฉลาดตั้งแต่กําเนิด หลังจากที่อธิบายกฎให้นาง,นางก็เรียนรู้ได้ นอกจากนั้น,นางยังพัฒนาอย่างรวดเร็วตอนนี้ มันไม่ง่ายสําหรับเซี่ยวเฉินอีกต่อไปที่จะชนะนาง

เซี่ยวเฉินเดินเข้ามาเงียบๆและมองดูสถานการณ์บนกระดาน หลิวหรูเยว่กําลังได้เปรียบ,และเสี่ยวไป๋กําลังหมกมุ่นครุ่นคิดวิธีตอบโต้นางช่างแลดูน่ารัก

เมื่อหลิวหรูเยว่เห็นเซี่ยวเฉินที่ด้านข้าง,นางยิ้มขึ้นเบาๆ “เจ้ากลับมาแล้ว ความแข็งแกร่งของเจ้าดูเหมือนจะพัฒนาขึ้นอีกแล้ว”

เซี่ยวเฉินยิ้มตอบ “ข้าเจอกับกําลังปัญหาบางอย่าง เจ้าเล่นต่อไปให้จบก่อนแล้วข้าจะมาปรึกษากับเจ้าทีหลัง”

เมื่อเสี่ยวไป๋เห็นเซี่ยวเฉินกลับมาแล้ว,นางยิ้มอย่างมีความสุขในทันที “พี่ใหญ่เย่เฉิน,ช่วยข้าด้วยพี่สาวหรูเยว่เก่งเกินไปแล้ว;ข้าไม่เคยชนะนางสักครั้ง”

ทุกครั้งที่หลิวหรูเยว่อยู่ด้วย,เซี่ยวเฉินจะให้เสี่ยวไป๋เรียกเขาด้วยชื่อปลอม แม้ว่านางจะไม่เข้าใจว่าทําไม,แต่นางก็ทําตามอย่างเชื่อฟัง

เซี่ยวเฉินลูบหัวเสี่ยวไป๋เบาๆและยิ้มขึ้น “เข้าควรคิดด้วยตัวเอง เจ้าไม่อาจขอให้คนอื่นช่วยใน ตอนที่เล่น เจ้าต้องฝึกฝนและค้นหาแนวคิดด้วยตัวเอง”

เสี่ยวไปมุ่ยปากและกล่าว “พี่ใหญ่เย่เฉินก็เข้าข้างพี่สาวหรูเยวตลอด ท่านไม่ยินดีจะช่วยข้า

เซี่ยวเฉินส่ายหัวและยิ้ม จากนั้นเขาก็เป็นที่เสี่ยวไปกล่าวและหลบไปด้านข้างหลับตาลงและ พักผ่อน

ผ่านไปครู่หนึ่ง เสี่ยวไปพ่ายแพ้หลิวหรูเยว่อีกครั้ง นางเก็บกระดานและร้องขึ้น “อออ,พี่สาวหรูเยว่เก่งเกินไป เสี่ยวไปไม่เล่นด้วยแล้วเหะเหะ, เสี่ยวไปจะไปเล่นกับพี่สาวเสี่ยวเมิ่ง ถึงแม้ว่านางจะร่วมมือกับพี่ชายเชาหยาง, พวกเขาก็เอาชนะเสี่ยวไปไม่ได้”

เมื่อนางกล่าวจบ,นางก็หอบเอากระดานหนีออกไปจากนั้น,นางก็ออกไปจากลานอย่างร่าเร็ง;ไม่มีร่องรอยความผิดหวังแม่แต่น้อย เห็นชัดว่านางไม่ได้สนใจเรื่องแพ้ชนะ

หลังจากที่เสี่ยวไปจากไป,เซี่ยวเฉินก็ลืมตาขึ้นและเดินไปที่ด้านข้างของหลิวหรูเยว่

หลิวหรูเยวถามขึ้น “เจ้าเจอเข้ากับปัญหาอะไร? บางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าได้”

เซี่ยวเฉินพยักหน้าและอธิบายถึงปัญหาที่เขาพบเกี่ยวกับการบ่มเพาะทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์อย่างละเอียดกับหลิวหรูเยว่

หลังจากที่หลิวหรเยว่ได้ฟัง,นางคิ้วขมวดเล็กน้อย ใบหน้าที่งดงาม,ทรงเสน่ห์ของนางเผยสีหน้าครุ่นคิดไตร่ตรอง

ผ่านไปครู่หนึ่ง,หลิวหรูเยสก็ผ่อนคลายและเผยรอยยิ้ม นางกล่าวอย่างนิ่มนวล “เจ้าสามารถลองดูได้การเปิดเส้นปราณย่อยสี่เส้นพร้อมกันมันเสี่ยง,แต่หากเจ้าเปิดเพียงสองเส้น,ความเสี่ยงจะไม่มากนัก”

ดวงตาของเซี่ยวเฉินเปล่งประกาย เขากล่าว “เจ้ากําลังจะแนะนําว่าข้าควรรอจนกว่าข้าจะอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดก่อนที่จะเปิดเส้นปราณอีกสองเส้นที่เหลือ?”

หลิวหรูเยส่พยักหน้าและกล่าว “ถูกต้อง เมื่อถึงตอนนั้น,เจ้าจะต้องเตรียมตัวที่จะทะลวงสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ หากเจ้าสามารถบ่มเพาะทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ชั้นที่หก,มันจะเป็นการง่ายกว่าที่เจ้าจะทะลวงสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ”

“ในตอนที่เตรียมพร้อมในการเปิดเส้นปราณย่อย,อย่าลืมเตรียมสมุนไพรวิญญาณเอาไว้เพื่อบำรงเส้นปราณหากเจาสามารถหาซื้อเม็ดยาสําหรับบํารุงเส้นปราณ,ก็จะเป็นการดีกว่า”

“การฝันเปิดเส้นปราณมันบอบบางกว่าการเปิดเส้นปราณโดยธรรมชาติ หากไม่ป้องกันให้ดี,เส้นปราณย่อยอาจจะค่อยๆเหี่ยวแห้งไป”

“อย่างไรก็ตาม หากได้รับการบํารุงอย่างเหมาะสม,จะไม่มีความเสียหายแฝงหลงเหลือต่อเส้นปราณ”

เซี่ยวเฉินพลันรู้แจ้งในทันที แม้ว่าเซี่ยวเฉินจําเป็นต้องใช้เวลาเพื่อบ่มเพาะถึงระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด,แต่มันก็เร็วกว่าหารบ่มเพาะถึงระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธมาก

นอกจากนั้น,ตามวิธีของหลิวหรูเยว่ มันจะเป็นการง่ายกว่าในตอนที่ทะลวงขึ้นสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ

เซี่ยวเฉินเป็นสุขและขอบคุณหลิวหรูเยว่ “หรูเยว่,ขอบคุณจากใจจริง ช่วยได้ช่วยเหลือข้าอย่างใหญ่หลวงอีกครั้ง”

หลิวหรูเยวยิ้มอย่างอ่อนโยน ในตอนที่นางเห็นรอยยิ้มของเซี่ยวเฉิน,นางรู้สึกมีความสุขไปกับเขาจากก้นบึงของหัวใจ

หลิวหรูเยวพลันนึกอะไรขึ้นมาได้และกล่าวขึ้น “ใช่แล้ว พ่อของข้าให้บอกเจ้าให้ขึ้นไปที่ยอดเขาในคืนนี้ เขามีเรื่องที่จะพูดคุยกับเจ้า

ค่ําคืนมาเยือนดวงดาวประดับท้องฟ้า เซี่ยวเฉินมองขึ้นไปที่ยอดเขาด้านบน,ความลังเลเติมเต็มสายตาขอบเขา

หากจะมีใครสักคนที่เขาหลาดกลัวจากกันบึงของหัวใจ ก็น่าจะเป็นคนผู้นี้ หลิวเทียนยู่

ความแข็งแกร่งของซ่งเฉว,หรืออ่านาจที่ผู้อาวุโสหนึ่งมี,แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะเกรงกลัวพวกเขา,เขาก็ไม่ได้กลัวจนควบคุมไม่อยู่

เซี่ยวเฉินสามารถมองเห็นถึงขีดจํากัดบนและล่างของพวกเขา ในเมื่อเขารู้ถึงขีดจํากัด,เขาก็ไม่เกรงกลัวอีกต่อไป

มีเพียงหลิวเทัยนยู่…หากเซี่ยวเฉินเลือกได้ว่าจะไม่ไปพลเขา,เขาก็จะไม่ไปพบ

ในตอนที่เซี่ยวเฉินมาถึงศาลากระบี่สวรรค์ครั้งแรก,คนผู้นี้มอบผักกระบี่ให้กับเขามันช่วยให้เซี่ยวเฉินลบร่องรอยของจักรพรรดิอัสนีออกจากกระบี่เงาจันทร์

หลิวเทียนยู่มองเห็นถึงสถานะผู้สืบทอดจักรพรรดิอัสนีของเขา หลังจากนั้นเขาก็ถึงข่กึ่งบังคับเซี่ยวเฉินและส่งเขาเข้าไปในมิติแปลกประหลาด;เขาเกือบจะตายและไม่ได้กลับออกมา

ต่อหน้าหลิวเทียนยู่,เซี่ยวเฉินไม่มีความลับ คนผู้นี้ช่างน่าหวาดกลัว

ไม่ว่าเซี่ยวเฉินจะโลเลอย่างไร เขาก็จําต้องไป เขาไม่อาจซ่อนตัว

เซี่ยวเฉินสงบสติอารมณ์ของเขาและดีดตัวออกจากพื้น,ไปตามทางอย่างรวดเร็ว

ในตอนที่เซี่ยวเฉินมาถึงหน้าผาตั้งฉาก,เขาใช้คาถาแรงโน้มถ่วงบินขึ้นไป ผ่านไปครู่หนึ่ง,เขาก็ลงจอดอย่างมั่นคง

ที่บนยอดเขา,สายลมพัดรุนแรง,เป่าผมของเซี่ยวเฉินลอยสยาย เสื้อผ้าของเขาสั่นไหว,และเขาไม่อาจลืมตาขึ้นได้

หลิวเทียนยู่นั่งเงียบอยู่บนก้อนหิน สายลมพัดทะลุผ่าวราวกับเขาเป็นอากาศธาตุไม่มีความผันผวนแม้แต่น้อย

มีเพียงคนสองคนอยู่บนจุดยอดเขา

หลิวเทียนยู่ลืมตาขึ้นและจ้องมองมายังเซี่ยวเฉินอย่างเงียบๆด้วยสายตาที่ขุ่นมัว

ใบหน้าของหลิวเทียนยู่เต็มไปด้วยริ้วรอย;เขาดูแก่ชรายิ่งกว่าเมื่อก่อนหน้านี้ นี่คือคนที่แก่ชราไปตามอายุ

เซี่ยวเฉินรู้สึกไม่สบายภายใต้การจ้องมองของหลิวเทียนยู่ เขาถามขึ้นเงียบๆ “ผู้อาวุโส,ท่านเรียกหาข้ามีเรื่องอะไร? โปรดแจ้งให้ข้าร์

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+