Immortal and Martial Dual Cultivation 286 ทิ้งอันตรายไว้เบื้องหลัง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 286 ทิ้งอันตรายไว้เบื้องหลัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 286 ทิ้งอันตรายไว้เบื้องหลัง

“ข้าจําได้ว่ายังมีอีกคนที่แคว้นตงหมิงผู้ที่คว่ํา เหล่าอัจฉริยะหลายคนลงที่นั้น เขาได้จ่ายเงินไปเป็นจํานวนมหาศาลเพื่อท้าทายหลายตระกูลชั้นสูง เขามีจิตใจที่กล้าหาญ,เขา,เขาโดดเด่นในหมู่รุ่นเยาว์ด้วยกัน”

“ใช่แล้ว,ตระกูลชั้นสูงเพิ่มค่าหัวของเขาขึ้นอีกครั้ง ค่าหัวของเขาตอนนี้เป็นหมื่นหินวิญญาณขั้นกลาง อย่างไรก็ตาม,คนผู้นี้เหมือนกับได้หายตัวไปอย่างสมบูรณ์ เขาไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง”

หลังจากที่ผู้คนบนดาดฟ้าเห็นเซียวเฉินล้ม เยวหมิงชานบงได้อย่างง่ายดายจนน่ากลัว,พวกเขาต่างถอนหายใจ การต่อสู้ในครั้งนี้เต็มไปด้วยการพลิกแพลงกลับไปกลับมา มันดุเดือดอันตรายเป็นอย่างมากและควรค่าแก่การชื่นชม

เซียวเฉินพุ่งทะลุการคาดการณ์ของทุกคนอยู่เสมอ ขณะที่ทุกคนคิดว่าเขาเสร็จแน่,เขากลับพลิกสถานการณ์และล้มคู่ต่อสู้ลงได้

เหนือผืนน้ํา,ขึ้นไปบนท้องฟ้า,เมฆดํามืดสลายตัวและแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาอีกครั้ง เซียวเฉินยืนอยู่บนผิวน้ําและเขายิงสัมผัสวิญญาณของเขาออกไปราวกับลศรแหลมคม,ทะลวงผ่านสายน้ําลงไปค้นหาร่างของเยวหมิงชาน

ด้วยสถานการณ์ของเยวหมิงชาน,เขาไม่สามารถป้องกันตัวเองจากสัตว์อสูรน้ําได้ เซียวเฉินยังไม่อยากให้เขาตายลงตอนนี้

นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมเซียวเฉินไม่ยิงเขาด้วยลูกศรเมื่อก่อนหน้านี้ เขาเกรงว่าเขาจะพลั้งมือสังหารไปโดยไม่ได้ตั้งใจและไม่อาจเค้นถามอะไรจากเขาได้

ลึกลงไปในแม่น้ํา,เยวหมิงชานลากร่างอันสาหัสของเขา และเคลื่อนที่ไปในน้ําอย่างรวดเร็ว มีกระแสน้ําไหลเข้ามาและพัดพาร่างของเขา,ดึงความสนใจสัตว์อสูรน้ําทั้งหมดเข้ามาโจมตีใส่เขา

เซียวเฉินยิ้มขึ้นบางเบาและกล่าว “ข้าเกือบลืมไป,คนผู้นี้เป็นผู้บ่มเพาะพลังธาตุน้ํา การเอาชีวิตรอดใต้น้ําของเขาดีเยี่ยมกว่าผู้บ่มเพาะพลังทั่วไป”

ด้วยความปรารถนาในการมีชีวิตอันแรงกล้าของเยวหมิง,เซี่ยวเฉินไม่ประหลาดใจ คนผู้นี้คิดในทุกสิ่งที่เขาทํา เพื่อที่จะให้ผลออกมาดี เขาระมัดระวังทุกอย่าง ในอีกทางหนึ่งคือเขาขี้หวาดระแวงและเกรงกลัวความตาย,ขาดซึ่งความเฉิดฉายๆ

รู้สึกเหมือนกับว่าเขาแทบไม่ได้ตระหนักถึงว่า การบ่มเพาะพลังคือการต่อสู้กับสวรรค์ มันเต็มไปด้วยอันตรายและต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อไขว่คว้าเอามา ปราศจากความกล้าอันยิ่งใหญ่และจิตวิญญาณที่ไม่มีวันมอดดับ,เช่นนั้นจะก้าวข้ามความท้าทายแห่งโชคชะตาได้อย่างไร?

หากมัวแต่คิดหาลูกไม้เพื่อลบล้างความท้าทาย และสูญเสียไปซึ่งจิตวิญญาณ,พวกเขาไม่อาจไปได้ไกลในเส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลัง

“ออกมาซะ!”

เซี่ยวเฉินรวบรวมความคิดของเขาและกระโดดขึ้นจากผิวน้ํา จากนั้นเขาปรากฏตัวขึ้นเหนือตําแหน่งของเยวหมิงชานและชกลงไปในน้ําอย่างรุนแรง

“ปัง!”

เสาน้ําขนาดมหึหาปรากฏขึ้นบนแม่น้ํามังกรทมิฬ ที่จุดยอดของเสาน้ํามีร่างของเยวหมิงชานเขาถูกซัดลอยไปในอากาศ

เซี่ยวเฉินกระโดดขึ้นมาในอากาศและคว้าจับไปที่คอเสื้อของเขาก่อนที่จะลงจอดอย่างมั่นคง

เยวหมิงชานเผยความหวาดกลัวขึ้นมาบนใบหน้าอันซีดขาวของเขา เขากล่าวอย่าฆ่าข้า ข้ามีหินวิญญาณระดับต่ําห้าหมื่นก่อนและหินวิญญาณ ระดับกลางอีกหนึ่งพันก้อน มันจะเป็นของเจ้าทั้งหมดหากว่าเจ้าปล่อยข้าไป

เซี่ยวเฉินไม่คิดจะไปสนใจคําของเขา เขาเพียงกล่าวด้วยเสียงเย็นเฉียบ”บอกมา!ใครเป็นคนส่งเจ้าให้มาสังหารข้า?”

เยวหมิงชานที่ส่ายหัวในตอนแรก แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเขารู้สึกได้ถึงเจตนารมณ์ฆ่าฟันของเซียวเฉิน,เขาเปิดปากในทันที” ข้าจะบอกแล้ว!ข้าจะบอกแล้ว มันคือซ่งเฉว,ซ่งเฉวแห่งยอดเขาซื้อ วิ่น เขาสัญญาว่าจะให้ข้าสองพันหินวิญญาณระ ดับกลางหากว่าสังหารเจ้าได้”

มันเป็นซ่งเฉว? เจตนาฆ่าฟันวูบไหวในดวงตาของเซี่ยวเฉิน นี่ไม่ได้เป็นการคาดเดาของเขา มันสร้างปัญหาให้ข้าไม่จบไม่สิ้น! ข้าไม่อาจลดการป้องกันลงได้แม้แต่วินาทีเดียว

ช่างโชคร้าย,เซี่ยวเฉินไม่มีทางทําอะไรซ่งเฉวได้ นอกจากพลังจะไม่อาจเทียบแล้ว โอกาสที่จะลงมือก็ไม่มี ในตอนที่ความแข็งแกร่งของเชี่ยวเฉินเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต สิ่งแรกที่เขาจะทําก็คือกําจัดส่งเฉวทิ้งไปเสีย

“บูม! “

เซียวเฉินปลดแหวนมิติของเยวหมิงชานออกมาและซัดไปที่หน้าอกของเขาด้วยฝ่ามือ เส้นเลือดหัวใจของเขาแตกสลายและเลือดไหลออกมาจากทวารทั้งห้า เขากล่าวออกมาด้วยน้ําเสียงไม่พึงพอใจ”ไหนเจ้าว่าจะปล่อยข้าไป?”

TL’ทวารทั้งห้าที่หัวคือ 2หู 2ตา 1ปาก

เซี่ยวเฉินไร้สีหน้าพร้อมกับกล่าวเสียงมืดมัว”ข้าไม่เคยกล่าวเช่นนั้น ข้าจะไม่ปล่อยพวกตัวสร้างปัญหาไปแบบมีชีวิต,นั้นเป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยน”

จากนั้น,เขามองดูศพของเยวหมิงชานค่อยๆจมลงไปในน้ํา เซียวเฉินเหลียวไปมองเรือสินค้าที่อยู่ออกไปไม่ไกล หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง,เขาก็ได้ตัดสินใจ เขาจะเดินทางไปที่ทุ่งหญ้ามารอสูรด้วยตัวเอง

เขาจะไม่เดินทางไปกับเรือสินค้า เหตุผลหลักคือเขากลัวที่จะรับมือกับพวกช่างจ้อและเสียเวลา ร่างของเขาวูบไปในอากาศ เขาใช้ออกคาถาแรงโน้มถ่วงและบินขึ้นไป

สามวันผ่านไปในตอนเย็นค่ํา,เซี่ยวเฉินนั่งอยู่ข้างกองไฟในทุ่งหญ้ามารอสูร เขากําลังกินอาหารที่ทํามาจากเนื้อของงัวอัสนี

เนื้อของสัตว์อสูรวิญญาณอร่อยกว่าเนื้อจากโลก ก่อนของเขามากนัก มันไม่ต้องปรุงรสอะไรก็ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว

นอกจากนั้น,เนื้อของสัตว์อสูรวิญญาณยังมีพลังงานจิตวิญญาณธรรมชาติ การกินเป็นเวลานานจะสามารถเสริมความแข็งแกร่งของร่างกาย,บํารุงฉีและยกระดับจิตวิญญาณ

หากได้กินเนื้อของสัตว์อสูรวิญญาณระดับ สูง,อย่างระดับ 8 หรือระดับ 9,เพียงการกินเนื้อก็สามารถยกระดับขอบเขตพลังของผู้กินขึ้นไปได้

กลิ่นเนื้อหอมล่องลอยไปในทุ่งหญ้ามารอสูร มันดึงดูดสัตว์อสูรวิญญาณจํานวนมากเข้ามา แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกมันเห็นเซียวเฉิน,พวกมันก็ไม่กล้าที่จะทําอะไร พวกมันเพียงมองดูอยู่ห่างๆก่อนที่จะจากไป

สัมผัสวิญญาณของเซียวเฉินขยายออกไปโดยรอบและเห็นถึงทุกอย่าง เขาเผยรอยยิ้มออกมา
นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง
เบาๆ

สองวันก่อน,เขาใช้คาถาแรงโน้มถ่วงและบินเข้ามาที่ทุ่งหญ้ามารอสูรโดยตรง หลังจากนั้น,เขาใช้สัตว์อสูรวิญญาณและเหล่ากองโจรที่เขาพบเพื่อฝึกฝนทักษะกระบี่ ผลจากการต่อสู้อย่างไม่จบสิ้น เขาเริ่มที่จะคุ้นเคยกับหกกระบวนท่าแรกของทักษะกระบี่หรูขุย

นอกจากนั้นเขายังเริ่มคุ้นเคยกับทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันผ่าพันธนาการสามที่คิดคั่นขึ้นมาใหม่ เขาได้เข้าใจถึงขั้นตอนการสะสมพลังและสามารถใช้ออกได้อย่างอิสระ

ยิ่งเขารวบรวมพลังความเร็วได้นาน มันยิ่งทรงพลัง หากระยะเวลาสั้นเกินไป,มันก็จะยิ่งอ่อนพลังลง เขาจําเป็นต้องพลิกแพลงในขณะที่ใช้มั่น

พลังแห่งสายฟ้าฉับพลันคํารามมันมากกว่าที่เซียวเฉินได้คาดคิดเอาไว้ เขาสะสมพลังได้หนึ่งนาทีและเขาสามารถสังหารกองโจรกลุ่มใหญ่ได้

สิ่งที่เขาจําเป็นต้องทําในตอนนี้คือการรวบรวมพลังความเร็วให้ได้มากที่สุดในระยะเวลาอันสั้น เมื่อเขาทําได้สําเร็จ,กระบวณท่านี้จะสามารถก

ลายเป็นหนึ่งในกระบวณท่าสังหารใหม่ของเขา,กลายเป็นไพ่ตายใบสําคัญ

“ฟุ! ปิ้ว! “

ในช่วงกลางดึก,ร่างสีขาวหิมะปรากฏขึ้นมาในสายตาของเซี่ยวเฉิน เมื่อเขามองดูอย่างละเอียด,มันคือเสียวไปผู้ที่กําลังคาบสมุนไพรพร้อมกับวิ่งตรงเข้ามา

เหมือนแต่ก่อน,หากเสี่ยวไปและเซียวเฉินอยู่ด้วยกันตามลําพัง เสี่ยวไปจะช่วยเขาค้นหาสมุนไพรล้ําค่า เซี่ยวเฉินจะสกัดสมุนไพรเหล่านี้ให้เป็นเม็ดยาห้วนตีนโลหิตและเม็ดยาห้วยคืนพลังระดับสูง

นี่หมายความว่าเซี่ยวเฉินไม่จําเป็นต้องออกเงิน ซื้อสมุนไพรแต่เขาก็ยังคงมีเม็ดยาเอาไว้ใช้ มันช่วยเขาไว้ได้มาก

เสี่ยวไปนําสมุนไพรวิญญาณมามอบให้กับเซียวเฉินราวกับกําลังยื่นเรื่องบรรณาการ เชี่ยวเฉินยิ้มเล็กน้อยและนับอย่างระวัง”ระดับ 4 ดอก ทานตะวันโลหิต,ระดับ 5 หยกร้อยวิญญาณ,ระดับ 4 สายลมเหนือ, โอ้ นี่ดูเหมือนบุปผาสกัดเอ็น”

สายตาของเซี่ยวเฉินจับไปที่ดอกไม้สีขาว ดอกไม้ที่ดูธรรมดาสามัญ,มันไม่ได้มีสีฉูดฉาด,หรือกลิ่นหอมหวน มันดูธรรมดาสามัญเป็นอย่างมาก

เซี่ยวเฉินหยิบมันขึ้นมาตรวจสอบโดยละเอียด ในที่สุดเขาก็แน่ใจว่ามันคือบุปผาสกัดเย็น มันสามารถพัฒนาความทนทานเส้นปราณของผู้บ่มเพาะพลัง มันยังสามารถซ่อมแซมเส้นปราณที่เสียหายและมันมีค่าอย่างเหลือเชื่อ

มีสมุนไพรวิญญาณมากมายที่สามารถซ่อมแซมเส้นปราณแต่ไม่มีอันใดที่ดีได้เทียบเท่าบุปผาสกัดเย็น บุปผาสกัดเย็นสามารถซ่อมแซมได้ แม้กระทั่งเส้นปราณที่ขาดสะบั้นอย่างสมบูรณ์

พลังปราณต้องไหลไปตามเส้นปราณ หากเส้นปราณเสียหาย,พลังปราณก็ไม่อาจไหล หากเกิดขึ้นเช่นนั้น ผู้บ่มเพาะพลังก็เท่ากับกลายเป็นพิการ

หากสามารถเพิ่มความทนทานของเส้นปราณขึ้นไปถึงในระดับหนึ่ง,พวกเขาไม่จําเป็นต้องกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับการรีดพลังปราณเกินพิกัด และทําให้เส้นปราณเสียหายในขณะที่กําลังต่อสู้

แม้ว่าเสียวไปจะไม่รู้ถึงความสําคัญของบุปผาสกัดเย็น แต่มันก็เผยสีหน้ามีความสุขออกมาเมื่อมันเห็นเซียวเฉินดีใจ

เชี่ยวเฉินเก็บบุปผาสกัดเอ็นไปและความสงสัย ทันใดนั้นก็แล่นเข้าใจในหัวของเซียวเฉิน สมุนไพรล้ําค่าอย่างบุปผาสกัดเย็นน่าจะต้องมีสัตว์อสูรวิญญาณค่อยเฝ้าอยู่ด้านข้าง

แม้ว่าเสียวไปจะแข็งแกร่งและรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ มันก็ไม่ควรจะได้บุปผาสกัดเอ็นมาอย่างง่ายดายเช่นนี้

หรือจะมีบางสิ่งที่ข้าไม่รู้? เซี่ยวเฉินคุกเข่าลง และถามขึ้น”เสี่ยวไป,บอกข้ามาตามตรง เจ้าได้สิ่งนี้มาจากที่ไหน?”

ใบหน้าอันเบิกบานของเสี่ยวไปัจมดิ่งลงเมื่อได้ยินคําถามของเซี่ยวเฉิน มันดูเหมือนกับเด็กน้อยที่ทําผิดมาและไม่กล้าที่จะสบตาเซียวเฉิน

เป็นไปได้ว่าเสี่ยวไปไปฉกฉวยมันมาจากคนอื่น? เซี่ยวเฉินรู้สึกละอายในใจ หากเสี่ยวไปไปฉกฉวยเอามาจากสัตว์อสูรวิญญาณ,มันคงไม่คอตกเช่นนี้ ข้าสงสัยว่ามันได้มาจากใคร?

“กรุบ! กรุบ! กรุบ!“

ขณะที่เซียวเฉินคิดว่าควรจะนําบุปผาสกัดเย็นนี้ไปคืนหรือไม่,เขาก็ได้ยินเสียงควบม้าเร่งเข้ามาด้วยแรงสั่นสะเทือนจากพื้นดิน, น่าจะเป็นคนจํานวนมาก

กองโจรกว่าสองร้อยคนปรากฏขึ้นตรงหน้าของเซี่ยวเฉิน หนึ่งในพวกมันชี้ไปทางเสี่ยวไปและกล่าวอย่างตื่นเต้น” หัวหน้าหนึ่ง,ข้าไม่ได้โกหกใช่ไหม? ข้าไม่ได้ยกเอาบุปผาสกัดเอ็นไป มันถูกจิ้งจอกน้อยนั้นขโมยไป มองดูสิ ข้าพูดไม่ผิด เป็นเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนั้น” “ปะ!”

หัวหน้าหนึ่งสวมชุดคลุมสีขาวหิมะ มันช่างเตะตาในยามค่ําคืน เขาตบไปที่คนที่กําลังพูดอยู่และตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด”เจ้าโง่! เจ้ามาตื่นเต้นอะไรหลังจากที่โดนสัตว์อสูรวิญญาณขโมยของไป?”

โจรคนอื่นเริ่มหัวเราะออกมา แน่นอน,พวกเขาคือผู้คุมแห่งทุ่งหญ้ามารอสูร,กองโจรที่ปลุกปั่นความกลัวขึ้นมาเพียงแค่เอ่ยชื่อถึง พวกมันปล้นสะดมและสังหารสัตว์อสูรวิญญาณ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พวกเขาต้องถูกสัตว์อสูรวิญญาณขโมยของ? นี่เป็นเรื่องเสียหน้าสําหรับหมู่โจร

โจรคนที่กองอยู่กับพื้นรู้สึกแสบร้อนที่แก้มของเขา เมื่อเขาได้ยินทุกคนกําลังหัวเราะ,เขาเสียหน้ายิ่งนัก เขาอยากจะมองหารูแล้วมุดหัวลงไป

ทันใดนั้นเขาก็เหลียวมองไปที่เสี่ยวไปอย่างดุเดือด จากนั้นเขาก็ตะคอกและสาปด่าออกมา”ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะรับมือกับเจ้าไม่ได้ มองดูข้าจะสั่งสอนเจ้า”

เซี่ยวเฉินไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร เสี่ยวไปหันกลับไปและสะบัดอุ้งเท้าของมัน,ส่งสายลมบ้าคลั่งไปหาโจรคนทําตะคอกออกมา โจรผู้นั้นถูกเป่าปลิวกลับหลังไปในทันที

สําหรับระดับขอบเขตนักบุญขั้นต่ํา,หลิวสุยเฟิงถูกเสี่ยวไปเขี่ยเล่นได้อย่างง่ายดาย โจรระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธจะมาคู่ควรกับเสี่ยวไปได้อย่างไร?

โจรคนนั้นม้วนกลิ้งไปกับพื้นหลายตลบก่อนที่จะลุกขึ้นยืนได้ เขารู้สึกงงงวยในตอนที่ลุกขึ้นยืน

เขาเดินตรงไปที่หัวหน้าโจรด้วยความสับสน และสาปด่าออกมา”ไอ้สัตว์อสูร! อย่างคิดว่าขี่ม้าแล้วข้าจะจําเจ้าไม่ได้”

สิ้นเสียงของเขา,เขาพุ่งตัวออกไป หัวหน้าหนึ่งเกรี้ยวกราดถึงขีดสุดและซัดฝ่ามือวายุออกมา,ซัดร่างของโจรคนนั้นลอยออกไป หัวหน้าหนึ่งมีสีหน้ามืดมัวพร้อมกับกล่าวเศษขยะ,ไม่มีเสีย ยังดีกว่า!”

เมื่อเสี่ยวไปรู้สึกได้ถึงเจตนาฆ่าฟันจากหัวหน้าหนึ่ง,มันสัมผัสได้ถึงอันตราย มันกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเซียวเฉินที่มันรู้สึกปลอดภัยกว่า จากนั้น มันก็ชักสีหน้าไปที่หมู่โจร

“ให้ตาย! แม้แต่จิ้งจอกยังรู้วิธีดึงหน้า” เมื่อฝูงโจรเห็นเสี่ยวไปทําดึงหน้า,พวกเขาตกตะลึง

ในเมื่อมันเป็นของโจรและมันก็ถูกฉวยเอามาแล้ว,เช่นนั้นปล่อยไปตามเลย,เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง

เซี่ยวเฉินกวาดสายตาผ่านกองโจรตรงหน้าจากสองร้อยคน,อ่อนที่สุดคือระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นกลาง แก่นหลักของกลุ่มคือระดับขอบเขตนักบุญยี่สิบคน

หัวหน้าหนึ่งชุดขาวมีระดับขอบเขตพลังแข็งแกร่งที่สุด,เขาอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง พลังต่อสู้ของเขาน่าจะอ่อนกว่าเซี่ยวเฉินในตอนที่เขาออกมาจากนิกายเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม,ตอนนี้เซียวเฉินอยู่ในระดับที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 286 ทิ้งอันตรายไว้เบื้องหลัง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 286 ทิ้งอันตรายไว้เบื้องหลัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 286 ทิ้งอันตรายไว้เบื้องหลัง

“ข้าจําได้ว่ายังมีอีกคนที่แคว้นตงหมิงผู้ที่คว่ํา เหล่าอัจฉริยะหลายคนลงที่นั้น เขาได้จ่ายเงินไปเป็นจํานวนมหาศาลเพื่อท้าทายหลายตระกูลชั้นสูง เขามีจิตใจที่กล้าหาญ,เขา,เขาโดดเด่นในหมู่รุ่นเยาว์ด้วยกัน”

“ใช่แล้ว,ตระกูลชั้นสูงเพิ่มค่าหัวของเขาขึ้นอีกครั้ง ค่าหัวของเขาตอนนี้เป็นหมื่นหินวิญญาณขั้นกลาง อย่างไรก็ตาม,คนผู้นี้เหมือนกับได้หายตัวไปอย่างสมบูรณ์ เขาไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง”

หลังจากที่ผู้คนบนดาดฟ้าเห็นเซียวเฉินล้ม เยวหมิงชานบงได้อย่างง่ายดายจนน่ากลัว,พวกเขาต่างถอนหายใจ การต่อสู้ในครั้งนี้เต็มไปด้วยการพลิกแพลงกลับไปกลับมา มันดุเดือดอันตรายเป็นอย่างมากและควรค่าแก่การชื่นชม

เซียวเฉินพุ่งทะลุการคาดการณ์ของทุกคนอยู่เสมอ ขณะที่ทุกคนคิดว่าเขาเสร็จแน่,เขากลับพลิกสถานการณ์และล้มคู่ต่อสู้ลงได้

เหนือผืนน้ํา,ขึ้นไปบนท้องฟ้า,เมฆดํามืดสลายตัวและแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาอีกครั้ง เซียวเฉินยืนอยู่บนผิวน้ําและเขายิงสัมผัสวิญญาณของเขาออกไปราวกับลศรแหลมคม,ทะลวงผ่านสายน้ําลงไปค้นหาร่างของเยวหมิงชาน

ด้วยสถานการณ์ของเยวหมิงชาน,เขาไม่สามารถป้องกันตัวเองจากสัตว์อสูรน้ําได้ เซียวเฉินยังไม่อยากให้เขาตายลงตอนนี้

นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมเซียวเฉินไม่ยิงเขาด้วยลูกศรเมื่อก่อนหน้านี้ เขาเกรงว่าเขาจะพลั้งมือสังหารไปโดยไม่ได้ตั้งใจและไม่อาจเค้นถามอะไรจากเขาได้

ลึกลงไปในแม่น้ํา,เยวหมิงชานลากร่างอันสาหัสของเขา และเคลื่อนที่ไปในน้ําอย่างรวดเร็ว มีกระแสน้ําไหลเข้ามาและพัดพาร่างของเขา,ดึงความสนใจสัตว์อสูรน้ําทั้งหมดเข้ามาโจมตีใส่เขา

เซียวเฉินยิ้มขึ้นบางเบาและกล่าว “ข้าเกือบลืมไป,คนผู้นี้เป็นผู้บ่มเพาะพลังธาตุน้ํา การเอาชีวิตรอดใต้น้ําของเขาดีเยี่ยมกว่าผู้บ่มเพาะพลังทั่วไป”

ด้วยความปรารถนาในการมีชีวิตอันแรงกล้าของเยวหมิง,เซี่ยวเฉินไม่ประหลาดใจ คนผู้นี้คิดในทุกสิ่งที่เขาทํา เพื่อที่จะให้ผลออกมาดี เขาระมัดระวังทุกอย่าง ในอีกทางหนึ่งคือเขาขี้หวาดระแวงและเกรงกลัวความตาย,ขาดซึ่งความเฉิดฉายๆ

รู้สึกเหมือนกับว่าเขาแทบไม่ได้ตระหนักถึงว่า การบ่มเพาะพลังคือการต่อสู้กับสวรรค์ มันเต็มไปด้วยอันตรายและต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อไขว่คว้าเอามา ปราศจากความกล้าอันยิ่งใหญ่และจิตวิญญาณที่ไม่มีวันมอดดับ,เช่นนั้นจะก้าวข้ามความท้าทายแห่งโชคชะตาได้อย่างไร?

หากมัวแต่คิดหาลูกไม้เพื่อลบล้างความท้าทาย และสูญเสียไปซึ่งจิตวิญญาณ,พวกเขาไม่อาจไปได้ไกลในเส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลัง

“ออกมาซะ!”

เซี่ยวเฉินรวบรวมความคิดของเขาและกระโดดขึ้นจากผิวน้ํา จากนั้นเขาปรากฏตัวขึ้นเหนือตําแหน่งของเยวหมิงชานและชกลงไปในน้ําอย่างรุนแรง

“ปัง!”

เสาน้ําขนาดมหึหาปรากฏขึ้นบนแม่น้ํามังกรทมิฬ ที่จุดยอดของเสาน้ํามีร่างของเยวหมิงชานเขาถูกซัดลอยไปในอากาศ

เซี่ยวเฉินกระโดดขึ้นมาในอากาศและคว้าจับไปที่คอเสื้อของเขาก่อนที่จะลงจอดอย่างมั่นคง

เยวหมิงชานเผยความหวาดกลัวขึ้นมาบนใบหน้าอันซีดขาวของเขา เขากล่าวอย่าฆ่าข้า ข้ามีหินวิญญาณระดับต่ําห้าหมื่นก่อนและหินวิญญาณ ระดับกลางอีกหนึ่งพันก้อน มันจะเป็นของเจ้าทั้งหมดหากว่าเจ้าปล่อยข้าไป

เซี่ยวเฉินไม่คิดจะไปสนใจคําของเขา เขาเพียงกล่าวด้วยเสียงเย็นเฉียบ”บอกมา!ใครเป็นคนส่งเจ้าให้มาสังหารข้า?”

เยวหมิงชานที่ส่ายหัวในตอนแรก แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเขารู้สึกได้ถึงเจตนารมณ์ฆ่าฟันของเซียวเฉิน,เขาเปิดปากในทันที” ข้าจะบอกแล้ว!ข้าจะบอกแล้ว มันคือซ่งเฉว,ซ่งเฉวแห่งยอดเขาซื้อ วิ่น เขาสัญญาว่าจะให้ข้าสองพันหินวิญญาณระ ดับกลางหากว่าสังหารเจ้าได้”

มันเป็นซ่งเฉว? เจตนาฆ่าฟันวูบไหวในดวงตาของเซี่ยวเฉิน นี่ไม่ได้เป็นการคาดเดาของเขา มันสร้างปัญหาให้ข้าไม่จบไม่สิ้น! ข้าไม่อาจลดการป้องกันลงได้แม้แต่วินาทีเดียว

ช่างโชคร้าย,เซี่ยวเฉินไม่มีทางทําอะไรซ่งเฉวได้ นอกจากพลังจะไม่อาจเทียบแล้ว โอกาสที่จะลงมือก็ไม่มี ในตอนที่ความแข็งแกร่งของเชี่ยวเฉินเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต สิ่งแรกที่เขาจะทําก็คือกําจัดส่งเฉวทิ้งไปเสีย

“บูม! “

เซียวเฉินปลดแหวนมิติของเยวหมิงชานออกมาและซัดไปที่หน้าอกของเขาด้วยฝ่ามือ เส้นเลือดหัวใจของเขาแตกสลายและเลือดไหลออกมาจากทวารทั้งห้า เขากล่าวออกมาด้วยน้ําเสียงไม่พึงพอใจ”ไหนเจ้าว่าจะปล่อยข้าไป?”

TL’ทวารทั้งห้าที่หัวคือ 2หู 2ตา 1ปาก

เซี่ยวเฉินไร้สีหน้าพร้อมกับกล่าวเสียงมืดมัว”ข้าไม่เคยกล่าวเช่นนั้น ข้าจะไม่ปล่อยพวกตัวสร้างปัญหาไปแบบมีชีวิต,นั้นเป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยน”

จากนั้น,เขามองดูศพของเยวหมิงชานค่อยๆจมลงไปในน้ํา เซียวเฉินเหลียวไปมองเรือสินค้าที่อยู่ออกไปไม่ไกล หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง,เขาก็ได้ตัดสินใจ เขาจะเดินทางไปที่ทุ่งหญ้ามารอสูรด้วยตัวเอง

เขาจะไม่เดินทางไปกับเรือสินค้า เหตุผลหลักคือเขากลัวที่จะรับมือกับพวกช่างจ้อและเสียเวลา ร่างของเขาวูบไปในอากาศ เขาใช้ออกคาถาแรงโน้มถ่วงและบินขึ้นไป

สามวันผ่านไปในตอนเย็นค่ํา,เซี่ยวเฉินนั่งอยู่ข้างกองไฟในทุ่งหญ้ามารอสูร เขากําลังกินอาหารที่ทํามาจากเนื้อของงัวอัสนี

เนื้อของสัตว์อสูรวิญญาณอร่อยกว่าเนื้อจากโลก ก่อนของเขามากนัก มันไม่ต้องปรุงรสอะไรก็ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว

นอกจากนั้น,เนื้อของสัตว์อสูรวิญญาณยังมีพลังงานจิตวิญญาณธรรมชาติ การกินเป็นเวลานานจะสามารถเสริมความแข็งแกร่งของร่างกาย,บํารุงฉีและยกระดับจิตวิญญาณ

หากได้กินเนื้อของสัตว์อสูรวิญญาณระดับ สูง,อย่างระดับ 8 หรือระดับ 9,เพียงการกินเนื้อก็สามารถยกระดับขอบเขตพลังของผู้กินขึ้นไปได้

กลิ่นเนื้อหอมล่องลอยไปในทุ่งหญ้ามารอสูร มันดึงดูดสัตว์อสูรวิญญาณจํานวนมากเข้ามา แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกมันเห็นเซียวเฉิน,พวกมันก็ไม่กล้าที่จะทําอะไร พวกมันเพียงมองดูอยู่ห่างๆก่อนที่จะจากไป

สัมผัสวิญญาณของเซียวเฉินขยายออกไปโดยรอบและเห็นถึงทุกอย่าง เขาเผยรอยยิ้มออกมา
นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง
เบาๆ

สองวันก่อน,เขาใช้คาถาแรงโน้มถ่วงและบินเข้ามาที่ทุ่งหญ้ามารอสูรโดยตรง หลังจากนั้น,เขาใช้สัตว์อสูรวิญญาณและเหล่ากองโจรที่เขาพบเพื่อฝึกฝนทักษะกระบี่ ผลจากการต่อสู้อย่างไม่จบสิ้น เขาเริ่มที่จะคุ้นเคยกับหกกระบวนท่าแรกของทักษะกระบี่หรูขุย

นอกจากนั้นเขายังเริ่มคุ้นเคยกับทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันผ่าพันธนาการสามที่คิดคั่นขึ้นมาใหม่ เขาได้เข้าใจถึงขั้นตอนการสะสมพลังและสามารถใช้ออกได้อย่างอิสระ

ยิ่งเขารวบรวมพลังความเร็วได้นาน มันยิ่งทรงพลัง หากระยะเวลาสั้นเกินไป,มันก็จะยิ่งอ่อนพลังลง เขาจําเป็นต้องพลิกแพลงในขณะที่ใช้มั่น

พลังแห่งสายฟ้าฉับพลันคํารามมันมากกว่าที่เซียวเฉินได้คาดคิดเอาไว้ เขาสะสมพลังได้หนึ่งนาทีและเขาสามารถสังหารกองโจรกลุ่มใหญ่ได้

สิ่งที่เขาจําเป็นต้องทําในตอนนี้คือการรวบรวมพลังความเร็วให้ได้มากที่สุดในระยะเวลาอันสั้น เมื่อเขาทําได้สําเร็จ,กระบวณท่านี้จะสามารถก

ลายเป็นหนึ่งในกระบวณท่าสังหารใหม่ของเขา,กลายเป็นไพ่ตายใบสําคัญ

“ฟุ! ปิ้ว! “

ในช่วงกลางดึก,ร่างสีขาวหิมะปรากฏขึ้นมาในสายตาของเซี่ยวเฉิน เมื่อเขามองดูอย่างละเอียด,มันคือเสียวไปผู้ที่กําลังคาบสมุนไพรพร้อมกับวิ่งตรงเข้ามา

เหมือนแต่ก่อน,หากเสี่ยวไปและเซียวเฉินอยู่ด้วยกันตามลําพัง เสี่ยวไปจะช่วยเขาค้นหาสมุนไพรล้ําค่า เซี่ยวเฉินจะสกัดสมุนไพรเหล่านี้ให้เป็นเม็ดยาห้วนตีนโลหิตและเม็ดยาห้วยคืนพลังระดับสูง

นี่หมายความว่าเซี่ยวเฉินไม่จําเป็นต้องออกเงิน ซื้อสมุนไพรแต่เขาก็ยังคงมีเม็ดยาเอาไว้ใช้ มันช่วยเขาไว้ได้มาก

เสี่ยวไปนําสมุนไพรวิญญาณมามอบให้กับเซียวเฉินราวกับกําลังยื่นเรื่องบรรณาการ เชี่ยวเฉินยิ้มเล็กน้อยและนับอย่างระวัง”ระดับ 4 ดอก ทานตะวันโลหิต,ระดับ 5 หยกร้อยวิญญาณ,ระดับ 4 สายลมเหนือ, โอ้ นี่ดูเหมือนบุปผาสกัดเอ็น”

สายตาของเซี่ยวเฉินจับไปที่ดอกไม้สีขาว ดอกไม้ที่ดูธรรมดาสามัญ,มันไม่ได้มีสีฉูดฉาด,หรือกลิ่นหอมหวน มันดูธรรมดาสามัญเป็นอย่างมาก

เซี่ยวเฉินหยิบมันขึ้นมาตรวจสอบโดยละเอียด ในที่สุดเขาก็แน่ใจว่ามันคือบุปผาสกัดเย็น มันสามารถพัฒนาความทนทานเส้นปราณของผู้บ่มเพาะพลัง มันยังสามารถซ่อมแซมเส้นปราณที่เสียหายและมันมีค่าอย่างเหลือเชื่อ

มีสมุนไพรวิญญาณมากมายที่สามารถซ่อมแซมเส้นปราณแต่ไม่มีอันใดที่ดีได้เทียบเท่าบุปผาสกัดเย็น บุปผาสกัดเย็นสามารถซ่อมแซมได้ แม้กระทั่งเส้นปราณที่ขาดสะบั้นอย่างสมบูรณ์

พลังปราณต้องไหลไปตามเส้นปราณ หากเส้นปราณเสียหาย,พลังปราณก็ไม่อาจไหล หากเกิดขึ้นเช่นนั้น ผู้บ่มเพาะพลังก็เท่ากับกลายเป็นพิการ

หากสามารถเพิ่มความทนทานของเส้นปราณขึ้นไปถึงในระดับหนึ่ง,พวกเขาไม่จําเป็นต้องกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับการรีดพลังปราณเกินพิกัด และทําให้เส้นปราณเสียหายในขณะที่กําลังต่อสู้

แม้ว่าเสียวไปจะไม่รู้ถึงความสําคัญของบุปผาสกัดเย็น แต่มันก็เผยสีหน้ามีความสุขออกมาเมื่อมันเห็นเซียวเฉินดีใจ

เชี่ยวเฉินเก็บบุปผาสกัดเอ็นไปและความสงสัย ทันใดนั้นก็แล่นเข้าใจในหัวของเซียวเฉิน สมุนไพรล้ําค่าอย่างบุปผาสกัดเย็นน่าจะต้องมีสัตว์อสูรวิญญาณค่อยเฝ้าอยู่ด้านข้าง

แม้ว่าเสียวไปจะแข็งแกร่งและรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ มันก็ไม่ควรจะได้บุปผาสกัดเอ็นมาอย่างง่ายดายเช่นนี้

หรือจะมีบางสิ่งที่ข้าไม่รู้? เซี่ยวเฉินคุกเข่าลง และถามขึ้น”เสี่ยวไป,บอกข้ามาตามตรง เจ้าได้สิ่งนี้มาจากที่ไหน?”

ใบหน้าอันเบิกบานของเสี่ยวไปัจมดิ่งลงเมื่อได้ยินคําถามของเซี่ยวเฉิน มันดูเหมือนกับเด็กน้อยที่ทําผิดมาและไม่กล้าที่จะสบตาเซียวเฉิน

เป็นไปได้ว่าเสี่ยวไปไปฉกฉวยมันมาจากคนอื่น? เซี่ยวเฉินรู้สึกละอายในใจ หากเสี่ยวไปไปฉกฉวยเอามาจากสัตว์อสูรวิญญาณ,มันคงไม่คอตกเช่นนี้ ข้าสงสัยว่ามันได้มาจากใคร?

“กรุบ! กรุบ! กรุบ!“

ขณะที่เซียวเฉินคิดว่าควรจะนําบุปผาสกัดเย็นนี้ไปคืนหรือไม่,เขาก็ได้ยินเสียงควบม้าเร่งเข้ามาด้วยแรงสั่นสะเทือนจากพื้นดิน, น่าจะเป็นคนจํานวนมาก

กองโจรกว่าสองร้อยคนปรากฏขึ้นตรงหน้าของเซี่ยวเฉิน หนึ่งในพวกมันชี้ไปทางเสี่ยวไปและกล่าวอย่างตื่นเต้น” หัวหน้าหนึ่ง,ข้าไม่ได้โกหกใช่ไหม? ข้าไม่ได้ยกเอาบุปผาสกัดเอ็นไป มันถูกจิ้งจอกน้อยนั้นขโมยไป มองดูสิ ข้าพูดไม่ผิด เป็นเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนั้น” “ปะ!”

หัวหน้าหนึ่งสวมชุดคลุมสีขาวหิมะ มันช่างเตะตาในยามค่ําคืน เขาตบไปที่คนที่กําลังพูดอยู่และตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด”เจ้าโง่! เจ้ามาตื่นเต้นอะไรหลังจากที่โดนสัตว์อสูรวิญญาณขโมยของไป?”

โจรคนอื่นเริ่มหัวเราะออกมา แน่นอน,พวกเขาคือผู้คุมแห่งทุ่งหญ้ามารอสูร,กองโจรที่ปลุกปั่นความกลัวขึ้นมาเพียงแค่เอ่ยชื่อถึง พวกมันปล้นสะดมและสังหารสัตว์อสูรวิญญาณ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พวกเขาต้องถูกสัตว์อสูรวิญญาณขโมยของ? นี่เป็นเรื่องเสียหน้าสําหรับหมู่โจร

โจรคนที่กองอยู่กับพื้นรู้สึกแสบร้อนที่แก้มของเขา เมื่อเขาได้ยินทุกคนกําลังหัวเราะ,เขาเสียหน้ายิ่งนัก เขาอยากจะมองหารูแล้วมุดหัวลงไป

ทันใดนั้นเขาก็เหลียวมองไปที่เสี่ยวไปอย่างดุเดือด จากนั้นเขาก็ตะคอกและสาปด่าออกมา”ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะรับมือกับเจ้าไม่ได้ มองดูข้าจะสั่งสอนเจ้า”

เซี่ยวเฉินไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร เสี่ยวไปหันกลับไปและสะบัดอุ้งเท้าของมัน,ส่งสายลมบ้าคลั่งไปหาโจรคนทําตะคอกออกมา โจรผู้นั้นถูกเป่าปลิวกลับหลังไปในทันที

สําหรับระดับขอบเขตนักบุญขั้นต่ํา,หลิวสุยเฟิงถูกเสี่ยวไปเขี่ยเล่นได้อย่างง่ายดาย โจรระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธจะมาคู่ควรกับเสี่ยวไปได้อย่างไร?

โจรคนนั้นม้วนกลิ้งไปกับพื้นหลายตลบก่อนที่จะลุกขึ้นยืนได้ เขารู้สึกงงงวยในตอนที่ลุกขึ้นยืน

เขาเดินตรงไปที่หัวหน้าโจรด้วยความสับสน และสาปด่าออกมา”ไอ้สัตว์อสูร! อย่างคิดว่าขี่ม้าแล้วข้าจะจําเจ้าไม่ได้”

สิ้นเสียงของเขา,เขาพุ่งตัวออกไป หัวหน้าหนึ่งเกรี้ยวกราดถึงขีดสุดและซัดฝ่ามือวายุออกมา,ซัดร่างของโจรคนนั้นลอยออกไป หัวหน้าหนึ่งมีสีหน้ามืดมัวพร้อมกับกล่าวเศษขยะ,ไม่มีเสีย ยังดีกว่า!”

เมื่อเสี่ยวไปรู้สึกได้ถึงเจตนาฆ่าฟันจากหัวหน้าหนึ่ง,มันสัมผัสได้ถึงอันตราย มันกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเซียวเฉินที่มันรู้สึกปลอดภัยกว่า จากนั้น มันก็ชักสีหน้าไปที่หมู่โจร

“ให้ตาย! แม้แต่จิ้งจอกยังรู้วิธีดึงหน้า” เมื่อฝูงโจรเห็นเสี่ยวไปทําดึงหน้า,พวกเขาตกตะลึง

ในเมื่อมันเป็นของโจรและมันก็ถูกฉวยเอามาแล้ว,เช่นนั้นปล่อยไปตามเลย,เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง

เซี่ยวเฉินกวาดสายตาผ่านกองโจรตรงหน้าจากสองร้อยคน,อ่อนที่สุดคือระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นกลาง แก่นหลักของกลุ่มคือระดับขอบเขตนักบุญยี่สิบคน

หัวหน้าหนึ่งชุดขาวมีระดับขอบเขตพลังแข็งแกร่งที่สุด,เขาอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง พลังต่อสู้ของเขาน่าจะอ่อนกว่าเซี่ยวเฉินในตอนที่เขาออกมาจากนิกายเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม,ตอนนี้เซียวเฉินอยู่ในระดับที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+