Immortal and Martial Dual Cultivation 215 ชายดุร้าย

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 215 ชายดุร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 215 ชายดุร้าย – หวังหลง

หลิวสุยเฟิงพูดต่อ “เกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าทั้งสองคนต่างเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่น อยู่ด้วยกันไม่น่าจะทําให้การบ่มเพาะพลังล่าช้า กลับกัน,พวกเจ้าอาจจะสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ด้วยซ้ํา มันไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล”

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินเช่นนี้ เขายิ้มขึ้น เขาขบขันอย่างมากจากคําของหลิวสุยเฟิง “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว อย่าคิดว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าคิดจะทําอะไร เจ้าอยากจะให้ข้าไปหันเหความสนใจพี่สาวของเจ้า เพื่อที่เจ้าจะได้ไล่ตามฉู่ซินอวิ๋นได้อย่างสงบสุข”

“ถึงอย่างนั้น!” เซี่ยวเฉินหุบยิ้มและชักสีหน้าจริงจัง “พี่สาวของเจ้าพูดถูกแล้ว ในโลกแห่งนี้ที่ความแข็งแกร่งเป็นใหญ่เจ้าไม่อาจประมาทเลินเล่อ สักวันหนึ่งเจ้าจะเข้าใจ”

หลิวสุยเฟิงใช้ชีวิตมาภายใต้การปกป้องของหลิวหรูเยวตั้งแต่ที่เขายังเยาว์ เขาอาจจะไม่มีโอกาสได้ออกไปจากเทือกเขามากนัก เขาไม่เข้าใจว่าโลกนี้เป็นเช่นไรเขาไม่เคยพบเห็นอย่างที่เซี่ยวเฉินพบเจอมา

ด้วยเหตุนี้ สักวันหนึ่งเข้าจะต้องจบลงพบกับความทุกข์ทรมาน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเซี่ยวเฉินมีอายุพอกันกับเขา,จึงไม่เหมาะนักที่จะว่ากล่าวเขาโดยตรง เขาทําได้เพียงส่ายหัว

เมื่อหลิวสุยเฟิงเห็นว่าแผนของเขาถูกมองทะลุปรุโปร่ง,เขาหัวเราะออกมาอย่างเลิ่กลั่ก “ไม่เป็นไร,ข้าจะไม่หยิบมันขึ้นมาพูดอีก รีบไปกันเถอะ,พวกเราล้าช้าไปมากแล้ว”

หลังจากนั้น, พวกเขาทั้งสองก็หยุดปากและก้าวเท้าให้เร็วขึ้น ภายใต้การนําทางของหลิวสุยเฟิว,พวกเขาได้มาถึงห้องสมุดของยอดเขาฉิงหยุน

มีมือกระบี่จากค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์สิบคนสองแถวกําลังยืนอยู่ ด้านหน้าของห้องสมุดอย่างไร้สีหน้าอารมณ์ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะระงับสังหารของพวกเขาเอาไว้,พวกเขาก็ยังคงส่งแรงกดดันออกมา

เซี่ยวเฉินไม่คาดคิดว่าจะมาพบกับคนของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน,เขาก็เข้าใจได้ว่าทําไม ห้องสมุดของยอดเขาใดก็ตามถือว่าเป็นเขตหวงห้ามและถูกคุ้มกันอย่างเข้มงวด

การส่งคนของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์มาคุ้มกันห้องสมุดเป็นเรื่องปกติของศาลากระบี่สวรรค์ มีโอกาสที่จะมีคนคุ้มกันซ่อนตัวอยู่อีกนอกจากคนที่อยู่ข้างหน้า

เซี่ยวเฉินไม่กล้าปล่อยสัมผัสวิญญาณออกพร้อมกับเดินตามหลิวสุยเฟิงไป เซี่ยวเฉินค่อยๆเดินผ่านประตูของห้องสมุดและยื่นเหรียญแสดงตนออกไป มือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้พูดอะไร และปล่อยเขาผ่านเข้าไป

ด้านหลังของประตู.มันมีโต๊ะสูงตั้งอยู่ มันดูคล้ายกับเคาน์เตอร์ ด้านหลังของโต๊ะมีชายชราที่แต่งชุดสีดํา เซี่ยวเฉินไม่อาจมองออกถึงระดับพลังของเขาได้ เขากําลังจิบชาพร้อมกับจดจ่อไปกับการอ่านหนังสือ

ชายชราสัมผัสได้ถึงสายตาของเซี่ยวเฉินและค่อยๆวางหนังสือในมือลง เขายิ้มมาที่เซี่ยวเฉินและพูดขึ้น “น้องชายตัวน้อย,ในที่สุดเจ้าก็มา”

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้นเขาก็ประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่รู้จักชายชราผู้นี้

เมื่อหลิวสุยเฟิงเป็นถึงสถานการณ์,เขารีบอธิบายกับเซี่ยวเฉิน “ท่านนี้คือท่านลุงหนึ่ง,หลิวฉิง เขาได้รับบาดเจ็บจากเมื่อยี่สิบปีก่อน บุปผาผลึกน้ําแข็งที่เจ้าเอามาช่วยชีวิตของเขาเอาไว้”

เซี่ยวเฉินเข้าใจถึงสถานการณ์ในทันที เขาอยู่ในรุ่นเดียวกับท่าน เข้ายอดเขาคนก่อนและจะต้องมีตําแหน่งสูงส่ง เขาไม่กล้าที่จะเสียมารยาท,ดังนั้นเขาจึงเดินขึ้นหน้าและกล่าว “เย่เฉินทักทายผู้อายุ

หลิวฉิงยิ้มบางเบา “ไม่จําเป็นต้องมาพิธีในตอนท้าย,ข้าควรจะเป็นคนที่คํานับเจ้า หากไม่ใช่เพราะเจ้า,ข้าจะต้องตกตายไปแล้ว”

เซี่ยวเฉินไม่สามารถสัมผัสได้ถึงระดับการบ่มเพาะพลังของหลิวฉิง นอกจากนั้นเขายังเป็นผู้อาวุโส เซี่ยวเฉินจะกล้ารับคํานับ จากเขาได้เช่นไร? เขารีบพูดขึ้น “ผู้อาวุโสกล่าวเกินไปแล้ว ข้าได้ช่วยเพียงเล็กน้อย”

“สุยเฟิง,พาเขาไปที่ชั้นสอง ข้าจะคิดเพียงครึ่งราคาสําหรับทักษะต่อสู้ที่เขาเลือกในวันนี้” หลิวฉิงพยักหน้า เขาพึงพอใจกับทัศนคติของเซี่ยวเฉิน

เซี่ยวเฉินไม่คาดคิดว่าเขาจะได้รับผลประโยชน์เช่นนี้ เขารีบขอบคุณและตามหลิวสุยเฟิงไป,มาถึงชั้นสองของห้องสมุดยอดเขา ฉิงหยุนอย่างรวดเร็ว

ห้องสมุดแบ่งเป็นสองชั้น ชั้นที่หนึ่งมีทักษะต่อสู้ระดับเหลือง และลึกล้ําไม่มีทักษะระดับปฐพี ทักษะระดับต่ําที่สุดบนชั้นสองคือระดับลึกล้ําขั้นสูง

“ฟีบ! ฟีบ!”

เพียงเซี่ยวเฉินขึ้นมาถึงชั้นสอง,เขาได้ยินเสียงหน้ากระดาษที่กําลังถูกพลิก มันค่อนข้างดังชัดบนชั้นสองที่เงียบสงัด หรือจะมีคนอื่นอยู่ที่นี่ ?

เมื่อเซี่ยวเฉินมองดูอย่างละเอียด,เขาพลว่ามีคนจากยอดเขาอื่นอยู่ที่นี่พวกเขากําลังเลือกทักษะต่อสู้อย่างจริงจัง หลิวสุยเฟิงอธิบาย “ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร พวกนั้นคือศิษย์แก่นกลางของนิกาย ศิษย์แก่นกลางมีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงทักษะต่อสู้ของยอดเขาอื่น”

เซี่ยวเฉินพยักหน้าและไม่ไปสนใจ เขาถามถึงตําแหน่งของทักษะกระบี่และตรงเข้าไปในทันที

มีเพียง 15 ทักษะต่อสู้ระดับปฐพีในห้องสมุดของยอดเขาฉิงหยุน ไม่รวมทักษะบ่มเพาะพลัง,ทักษะหมัด,และทักษะเคลื่อนไหว,เซี่ยวเฉินพบสามทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นต่ําและหนึ่งทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นกลางไม่มีทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นสูง

ทักษะหระบี่ระดับปฐพีขั้นกลาง ทักษะกระบี่ต้นไม้อับเฉา มีทั้งหมด 18 กระบวณท่า มันถูกเข้าใจโดยผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ต่อหน้าต้นไม้เที่ยวเฉาที่คงอยู่มานับหมื่นปี

ทักษะกระบี่นี่เรียบง่ายและกระชับ,มั่นคงและน่าประทับใจ ไม่มีท่วงท่าที่แพรวพราวและซับซ้อน มันไม่ต้องการความสามารถในการเข้าใจที่สูงมากนัก อย่างไรก็ตาม,มันง่ายดายที่จะเข้าใจแต่ยากที่จะเชี่ยวชาญ

แก่นสารของมันอยู่ที่ความยืนยาวของต้นไม้ที่เที่ยวเฉาเหตุที่ว่า ทําไมมันยืนต้นอยู่ได้นับหมื่นปีโดยไม่ล้มลง จากนั้นถึงจะฝึกฝนได้ถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม

ทักษะกระบี่ต้นไม้อับเฉาเพียงได้ยินชื่อก็สามารถกล่าวได้ถึงรูปแบบของทักษะนี้ มันดื้อรั้นและหนักแน่น เป็นทักษะที่เรียบง่าย และธรรมดา

มันค่อนข้างดี แต่มันไม่เข้ากับรูปแบบของเซี่ยวเฉิน นอกจากนั้น, จิตวิญญาณยุทธของเขายังไม่ใช้ธาตุไม้ มันเป็นการยากที่จะก้าวไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม

มีทักษะกระบี่ระดับปฐพี่ขั้นกลางเพียงหนึ่ง,แต่น่าเสียดายที่มันไม่เหมาะกับเขา เขามองไปยังสามทักษะกระบี่ระดับปฐพี่ขั้นต่ําที่เหลืออยู่

ทักษะกระบี่ผ่าภูผา,ทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นต่ํา มีทั้งหมดเก้ากระบวนท่า มันยิ่งใหญ่,ดุร้าย,และกดข่ม เมื่อฝึกฝนไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม,มันเป็นเรื่องง่ายดายที่จะสะบั้นภูผา

นี่เป็นทักษะกระบี่ที่แสนธรรมดา ภายในศาลากระบี่สวรรค์มีหลายคนที่ฝึกมัน เมื่อตอนที่เซี่ยวเฉินยังอยู่ในเหมืองวิญญาณ,เขาเคยเห็นมาเฉินใช้มันออกมา มันช่างมีพลังน่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง

มันไม่ต้องใช้ธาตุของจิตวิญญาณยุทธ,ดังนั้นจึงเย็นตัวเลือกที่เหมาะสม เซี่ยวเฉินวางมันลงช้าๆ หากเขาไม่เหลือทางเลือกอื่นจริงๆ เขาจะเลือกมัน

เซี่ยวเฉินไล่อ่านทักษะกระบี่อีกสองเล่มที่เหลือทักษะกระบี่วายุอัสนี,และทักษะกระบี่หลิงหยุน

ทักษะกระบวายุอัสนีแต่เดิมเป็นทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นสูง อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อกําหนดที่สาหัสของมัน มันต้องการจิตวิญญาณยุทธธาตุคู่เพื่อที่จะบ่มเพาะบุลคลเช่นนี้หายาก ดังนั้นมันจึงถูกทอดทิ้งและตกลงมาเป็นทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นต่ํา

ทักษะกระบี่หลิงหยุนมีทั้งหมด 18 กระบวณท่า มันถูกเข้าใจโดยผู้อาวุโสของศาลากระบี่สวรรค์บนยอดเขาที่สุดที่สุดในเทือกเขาหลิงหยุน หลังจากบ่มเพาะพลังมานับร้อยปี,ทันใดนั้นเขาก็ได้บรรลุ มันเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของเทือกเขาหลิงหยุน

ช่างน่าเสียดาย,ทักษะกระบี่นี้มันไม่ใช่ทักษะกระบี่ที่สมบูรณ์ มันไม่อาจรู้ถึงเหตุผล,แต่ผู้อาวุโสได้ทําลายสามกระบวณท่าสุดท้ายของทักษะกระบี่นี้ ส่งผลให้ทักษะกระบี่,ที่อาจจะเทียบเท่าได้ กับทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นสูงสุด,กลับกลายมาเป็นทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นต่ํา

เนื่องจากขาดสามกระบวณท่าสุดท้ายไป,มันเป็นที่กษะกระบี่ที่ไม่สมบูรณ์ นอกจากนั้น,มันยังต้องการความสามารถในการเข้าใจที่ระดับสูง ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทําให้มีน้อยคนที่จะฝึกฝนมัน เหมือนกับทักษะกระบี่วายุอัสนี

จากทักษะกระบี่ทั้งสี่,ธาตุของทักษะกระบี่ต้นไม้อับเฉาไม่เหมาะสม,และข้อกําหนดของทักษะกระบวายุอัสนีมันสูงเกินไป มีเพียงทักษะกระบี่ผ่าภูผาและทักษะกระบี่หลิงหยุนที่เหลือยู่

ชื่อของทักษะหรพบทั้งสองก็น่าสนใจ หนึ่งคือ “ผ่าภูผา และอีกหนึ่งคือตั้งตามชื่อของเทือกเขาหลิงหยุน ไม่รู้ว่าทักษะกระบี่ผ่าภูเขาจะสามารถผ่าเทือกเขาหลิงหยุนได้จริงๆหลังจากที่ฝึกฝนจนถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม

ทักษะกระบี่ทั้งสองมีจุดเด่นของตัวเอง อย่างไรก็ตาม,ทักษะกระบี่หลิงหยุนอยู่สูงกว่าหนึ่งขั้น เป็นเพราะต้องการความสามารถในการเข้าใจที่สูง และความจริงที่ว่าสามกระบวณท่าสุดท้ายของมันหายไป จึงเป็นผลให้มีคนฝึกฝนมันน้อยกว่าทักษะกระบี่ผ่าภูผา

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง,เซี่ยวเฉินก็เลือกที่กษะกระบี่หลิงหยุน “ข้าเลือกนี้ แม้ว่าที่กษะกระบี่ผ่าภูผามันจะสมบูรณ์,แต่มีคนฝึกฝนมันมากมายในศาลากระบี่สวรรค์ มันธรรมดาสามัญเกินไป”

การเลือกทักษะกระบี่หลิงหยุนน่าจะเหมาะกับเซี่ยวเฉินมากกว่า แม้ว่ามันต้องการความสามารถในการเข้าใจที่สูง,เซี่ยวเฉินก็ไม่ได้ขาดแคลน เขาไม่กลัวที่จะล้มเหลวในการฝึกฝนทักษะกระบี่หลิงหยุน

ใครจะรู้ ด้วยความสามารถในการเข้าใจของเขาเขาอาจจะบรรลุถึงสามกระบวณท่าสุดท้ายได้ด้วยตัวเอง มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว

หลังจากที่เซี่ยวเฉินตัดสินใจได้ เขาก็เริ่มมองดูทักษะกระบี่หลิงหยุน, พลิกมองผ่านไปสองสามหน้า หลังจากที่เขาอ่านส่วนนํา,เขาพบว่าที่เหลือเป็นหน้าว่างเปล่า

วิธีการหมุนเวียน, คําร่าย,ชื่อของกระบวณท่าล้วนว่างเปล่า เซี่ยวเฉินพลิกไปที่หน้าอื่นและก็พบว่ามันว่างเปล่าเช่นกัน มีเพียงส่วนนําเรียบง่าย ที่เหลือว่างเปล่า

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง,เซี่ยวเฉินก็เข้าใจได้ นักบ่มเพาะพลังส่วนใหญ่มีความจําเป็นเลิศ พวกเขาอาจจะสามารถจดจําทุกอย่างภายในหนังสือตําราได้อย่างสมบูรณ์

พวกเขาต้องการเพียงครึ่งวันในการจดจําที่กษะต่อสู้ได้อย่างสมบูรณ์ ยังคงมีอัจฉริยะที่จดจําได้เป็นภาพ ภายในหนึ่งวัน,มันเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะสามารถจดจําทักษะต่อสู้ทั้งหมดภายในห้องสมุด

หากเป็นเช่นนั้น,ระบบในการใช้แต้มสะสมมาแลกเปลี่ยนทักษะต่อสู้ก็ไร้ความหมาย

เซี่ยวเฉินวางที่กษะกระบี่หลิงหยุนอย่างระวัง เขาไม่เห็นหลิวสุยเฟิงอยู่โดยรอบ เขาจึงไม่ได้รีบที่จะกลับ ดังนั้นเขาเริ่มที่จะเดินไปรอบๆบนชั้นสอง

เซี่ยวเฉินเริ่มเดินไปรอบๆชั้นหนังสือ,หยิบตําราออกมาเปิดดูบ้างเป็นครั้งคราว เขาเปิดดูทักษะต่อสู้ทุกชนิดเพียงอ่านดูสวนนําก็เปิดหูเปิดตาให้กับเขาในอนาคต

หากเขาประมือกับศัตรูที่ใช้ทักษะพวกนี้เขาจะมีวิธีที่จะรับมือ

ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังเดินไปรอบๆ เขาเห็นทักษะต่อสู้ที่มีชื่อแปลกประหลาดตรงมุมของชั้นหนังสือ มันชื่อค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์(ฉบับดั้งเดิม) มันมีบันทึกอยู่ด้านหลัง,พูดถึงทฤษฎีมันไม่สมบูรณ์และเป็นเพียงของอ้างอิง

ค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์…นี่ไม่ใช่ว่าเป็นหนึ่งในสามสุดยอดค่ายกลแห่งศาลากระบี่สวรรค์หรอกรี? มันเป็นถึงฉบับดั้งเดิม เซี่ยวเฉินรีบหยิบมาดู,อย่างสนใจ

น่าเสียดาย,มันเป็นเหมือนทักษะต่อสู้อื่นๆ ค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์(ฉบับดั้งเดิม)มีเพียงส่วนนํา รายละเอียดวิธีทางทั้งหมดว่างเปล่า

“เย่เฉิน,เจ้าเลือกทักษะต่อสู้ได้หรือยัง?” หลิวสุยเชิงกล่าวขณะที่เดินผ่านเข้ามา

เซี่ยวเฉินค่อยๆเก็บค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์(ฉบับดั้งเดิม) เขามองไปที่ตําราในมือของหลิวสุยเฟิงและอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ “ดูเหมือนเจ้ากําลังถือตําราระดับปฐพี!”

หลิวสุยเฟิง “อือ! ทักษะบ่มเพาะพลังระดับปฐพีขั้นต่ํา มันต้องใช้แต้มสะสมทั้งหมดที่ข้าได้รับมาจากการเฝ้าทุ่งสมุนไพรบนยอดเขาสตรีหยก มันจะมีประโยชน์สําหรับการทดสอบศิษย์แก่นกลางในครั้งนี้”

หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันจบ,พวกเขาก็มุ่งหน้าลงบันได ที่ด้านล่างของบันได,พวกเขาเห็นชายในวัยยี่สิบ เขาสวมชุดคลุมผู้บ่มเพาะพลังสีเทาของยอดเขากางอวี่ เขามีหน้าตาที่นับได้ว่าหล่อเหลา,แต่ก็ให้ความรู้สึกที่อันตราย

ในตอนที่หลิวสุยเฟิงเห็นคนผู้นี้สีหน้าของเขาเปลี่ยน เขากล่าวอย่างตกตะลึง “หวังหลง! เจ้ากลับมาตอนไหน?”

เมื่อหวังหลงเห็นหลิวสุยเฟิง เขายิ้มเบาๆและเผยสีหน้าดูถูก “มันก็ผ่านมาเป็นปีแล้ว แต่เจ้าก็ไม่เปลี่ยนไป ไม่,เจ้ายังอ่อนแอเสียยิ่งกว่าเดิม ขยับไป!”

หวังหลงใช้ฝ่ามือของเขาผลักไปที่ไหล่ของหลิวสุยเฟิง มันดูเหมือนไม่ได้ใช้พลังมากนัก แต่หลิวสุยเฟิงถูกผลักกลับอย่างควบคุมไม่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 215 ชายดุร้าย

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 215 ชายดุร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 215 ชายดุร้าย – หวังหลง

หลิวสุยเฟิงพูดต่อ “เกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าทั้งสองคนต่างเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่น อยู่ด้วยกันไม่น่าจะทําให้การบ่มเพาะพลังล่าช้า กลับกัน,พวกเจ้าอาจจะสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ด้วยซ้ํา มันไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล”

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินเช่นนี้ เขายิ้มขึ้น เขาขบขันอย่างมากจากคําของหลิวสุยเฟิง “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว อย่าคิดว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าคิดจะทําอะไร เจ้าอยากจะให้ข้าไปหันเหความสนใจพี่สาวของเจ้า เพื่อที่เจ้าจะได้ไล่ตามฉู่ซินอวิ๋นได้อย่างสงบสุข”

“ถึงอย่างนั้น!” เซี่ยวเฉินหุบยิ้มและชักสีหน้าจริงจัง “พี่สาวของเจ้าพูดถูกแล้ว ในโลกแห่งนี้ที่ความแข็งแกร่งเป็นใหญ่เจ้าไม่อาจประมาทเลินเล่อ สักวันหนึ่งเจ้าจะเข้าใจ”

หลิวสุยเฟิงใช้ชีวิตมาภายใต้การปกป้องของหลิวหรูเยวตั้งแต่ที่เขายังเยาว์ เขาอาจจะไม่มีโอกาสได้ออกไปจากเทือกเขามากนัก เขาไม่เข้าใจว่าโลกนี้เป็นเช่นไรเขาไม่เคยพบเห็นอย่างที่เซี่ยวเฉินพบเจอมา

ด้วยเหตุนี้ สักวันหนึ่งเข้าจะต้องจบลงพบกับความทุกข์ทรมาน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเซี่ยวเฉินมีอายุพอกันกับเขา,จึงไม่เหมาะนักที่จะว่ากล่าวเขาโดยตรง เขาทําได้เพียงส่ายหัว

เมื่อหลิวสุยเฟิงเห็นว่าแผนของเขาถูกมองทะลุปรุโปร่ง,เขาหัวเราะออกมาอย่างเลิ่กลั่ก “ไม่เป็นไร,ข้าจะไม่หยิบมันขึ้นมาพูดอีก รีบไปกันเถอะ,พวกเราล้าช้าไปมากแล้ว”

หลังจากนั้น, พวกเขาทั้งสองก็หยุดปากและก้าวเท้าให้เร็วขึ้น ภายใต้การนําทางของหลิวสุยเฟิว,พวกเขาได้มาถึงห้องสมุดของยอดเขาฉิงหยุน

มีมือกระบี่จากค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์สิบคนสองแถวกําลังยืนอยู่ ด้านหน้าของห้องสมุดอย่างไร้สีหน้าอารมณ์ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะระงับสังหารของพวกเขาเอาไว้,พวกเขาก็ยังคงส่งแรงกดดันออกมา

เซี่ยวเฉินไม่คาดคิดว่าจะมาพบกับคนของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน,เขาก็เข้าใจได้ว่าทําไม ห้องสมุดของยอดเขาใดก็ตามถือว่าเป็นเขตหวงห้ามและถูกคุ้มกันอย่างเข้มงวด

การส่งคนของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์มาคุ้มกันห้องสมุดเป็นเรื่องปกติของศาลากระบี่สวรรค์ มีโอกาสที่จะมีคนคุ้มกันซ่อนตัวอยู่อีกนอกจากคนที่อยู่ข้างหน้า

เซี่ยวเฉินไม่กล้าปล่อยสัมผัสวิญญาณออกพร้อมกับเดินตามหลิวสุยเฟิงไป เซี่ยวเฉินค่อยๆเดินผ่านประตูของห้องสมุดและยื่นเหรียญแสดงตนออกไป มือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้พูดอะไร และปล่อยเขาผ่านเข้าไป

ด้านหลังของประตู.มันมีโต๊ะสูงตั้งอยู่ มันดูคล้ายกับเคาน์เตอร์ ด้านหลังของโต๊ะมีชายชราที่แต่งชุดสีดํา เซี่ยวเฉินไม่อาจมองออกถึงระดับพลังของเขาได้ เขากําลังจิบชาพร้อมกับจดจ่อไปกับการอ่านหนังสือ

ชายชราสัมผัสได้ถึงสายตาของเซี่ยวเฉินและค่อยๆวางหนังสือในมือลง เขายิ้มมาที่เซี่ยวเฉินและพูดขึ้น “น้องชายตัวน้อย,ในที่สุดเจ้าก็มา”

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้นเขาก็ประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่รู้จักชายชราผู้นี้

เมื่อหลิวสุยเฟิงเป็นถึงสถานการณ์,เขารีบอธิบายกับเซี่ยวเฉิน “ท่านนี้คือท่านลุงหนึ่ง,หลิวฉิง เขาได้รับบาดเจ็บจากเมื่อยี่สิบปีก่อน บุปผาผลึกน้ําแข็งที่เจ้าเอามาช่วยชีวิตของเขาเอาไว้”

เซี่ยวเฉินเข้าใจถึงสถานการณ์ในทันที เขาอยู่ในรุ่นเดียวกับท่าน เข้ายอดเขาคนก่อนและจะต้องมีตําแหน่งสูงส่ง เขาไม่กล้าที่จะเสียมารยาท,ดังนั้นเขาจึงเดินขึ้นหน้าและกล่าว “เย่เฉินทักทายผู้อายุ

หลิวฉิงยิ้มบางเบา “ไม่จําเป็นต้องมาพิธีในตอนท้าย,ข้าควรจะเป็นคนที่คํานับเจ้า หากไม่ใช่เพราะเจ้า,ข้าจะต้องตกตายไปแล้ว”

เซี่ยวเฉินไม่สามารถสัมผัสได้ถึงระดับการบ่มเพาะพลังของหลิวฉิง นอกจากนั้นเขายังเป็นผู้อาวุโส เซี่ยวเฉินจะกล้ารับคํานับ จากเขาได้เช่นไร? เขารีบพูดขึ้น “ผู้อาวุโสกล่าวเกินไปแล้ว ข้าได้ช่วยเพียงเล็กน้อย”

“สุยเฟิง,พาเขาไปที่ชั้นสอง ข้าจะคิดเพียงครึ่งราคาสําหรับทักษะต่อสู้ที่เขาเลือกในวันนี้” หลิวฉิงพยักหน้า เขาพึงพอใจกับทัศนคติของเซี่ยวเฉิน

เซี่ยวเฉินไม่คาดคิดว่าเขาจะได้รับผลประโยชน์เช่นนี้ เขารีบขอบคุณและตามหลิวสุยเฟิงไป,มาถึงชั้นสองของห้องสมุดยอดเขา ฉิงหยุนอย่างรวดเร็ว

ห้องสมุดแบ่งเป็นสองชั้น ชั้นที่หนึ่งมีทักษะต่อสู้ระดับเหลือง และลึกล้ําไม่มีทักษะระดับปฐพี ทักษะระดับต่ําที่สุดบนชั้นสองคือระดับลึกล้ําขั้นสูง

“ฟีบ! ฟีบ!”

เพียงเซี่ยวเฉินขึ้นมาถึงชั้นสอง,เขาได้ยินเสียงหน้ากระดาษที่กําลังถูกพลิก มันค่อนข้างดังชัดบนชั้นสองที่เงียบสงัด หรือจะมีคนอื่นอยู่ที่นี่ ?

เมื่อเซี่ยวเฉินมองดูอย่างละเอียด,เขาพลว่ามีคนจากยอดเขาอื่นอยู่ที่นี่พวกเขากําลังเลือกทักษะต่อสู้อย่างจริงจัง หลิวสุยเฟิงอธิบาย “ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร พวกนั้นคือศิษย์แก่นกลางของนิกาย ศิษย์แก่นกลางมีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงทักษะต่อสู้ของยอดเขาอื่น”

เซี่ยวเฉินพยักหน้าและไม่ไปสนใจ เขาถามถึงตําแหน่งของทักษะกระบี่และตรงเข้าไปในทันที

มีเพียง 15 ทักษะต่อสู้ระดับปฐพีในห้องสมุดของยอดเขาฉิงหยุน ไม่รวมทักษะบ่มเพาะพลัง,ทักษะหมัด,และทักษะเคลื่อนไหว,เซี่ยวเฉินพบสามทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นต่ําและหนึ่งทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นกลางไม่มีทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นสูง

ทักษะหระบี่ระดับปฐพีขั้นกลาง ทักษะกระบี่ต้นไม้อับเฉา มีทั้งหมด 18 กระบวณท่า มันถูกเข้าใจโดยผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ต่อหน้าต้นไม้เที่ยวเฉาที่คงอยู่มานับหมื่นปี

ทักษะกระบี่นี่เรียบง่ายและกระชับ,มั่นคงและน่าประทับใจ ไม่มีท่วงท่าที่แพรวพราวและซับซ้อน มันไม่ต้องการความสามารถในการเข้าใจที่สูงมากนัก อย่างไรก็ตาม,มันง่ายดายที่จะเข้าใจแต่ยากที่จะเชี่ยวชาญ

แก่นสารของมันอยู่ที่ความยืนยาวของต้นไม้ที่เที่ยวเฉาเหตุที่ว่า ทําไมมันยืนต้นอยู่ได้นับหมื่นปีโดยไม่ล้มลง จากนั้นถึงจะฝึกฝนได้ถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม

ทักษะกระบี่ต้นไม้อับเฉาเพียงได้ยินชื่อก็สามารถกล่าวได้ถึงรูปแบบของทักษะนี้ มันดื้อรั้นและหนักแน่น เป็นทักษะที่เรียบง่าย และธรรมดา

มันค่อนข้างดี แต่มันไม่เข้ากับรูปแบบของเซี่ยวเฉิน นอกจากนั้น, จิตวิญญาณยุทธของเขายังไม่ใช้ธาตุไม้ มันเป็นการยากที่จะก้าวไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม

มีทักษะกระบี่ระดับปฐพี่ขั้นกลางเพียงหนึ่ง,แต่น่าเสียดายที่มันไม่เหมาะกับเขา เขามองไปยังสามทักษะกระบี่ระดับปฐพี่ขั้นต่ําที่เหลืออยู่

ทักษะกระบี่ผ่าภูผา,ทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นต่ํา มีทั้งหมดเก้ากระบวนท่า มันยิ่งใหญ่,ดุร้าย,และกดข่ม เมื่อฝึกฝนไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม,มันเป็นเรื่องง่ายดายที่จะสะบั้นภูผา

นี่เป็นทักษะกระบี่ที่แสนธรรมดา ภายในศาลากระบี่สวรรค์มีหลายคนที่ฝึกมัน เมื่อตอนที่เซี่ยวเฉินยังอยู่ในเหมืองวิญญาณ,เขาเคยเห็นมาเฉินใช้มันออกมา มันช่างมีพลังน่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง

มันไม่ต้องใช้ธาตุของจิตวิญญาณยุทธ,ดังนั้นจึงเย็นตัวเลือกที่เหมาะสม เซี่ยวเฉินวางมันลงช้าๆ หากเขาไม่เหลือทางเลือกอื่นจริงๆ เขาจะเลือกมัน

เซี่ยวเฉินไล่อ่านทักษะกระบี่อีกสองเล่มที่เหลือทักษะกระบี่วายุอัสนี,และทักษะกระบี่หลิงหยุน

ทักษะกระบวายุอัสนีแต่เดิมเป็นทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นสูง อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อกําหนดที่สาหัสของมัน มันต้องการจิตวิญญาณยุทธธาตุคู่เพื่อที่จะบ่มเพาะบุลคลเช่นนี้หายาก ดังนั้นมันจึงถูกทอดทิ้งและตกลงมาเป็นทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นต่ํา

ทักษะกระบี่หลิงหยุนมีทั้งหมด 18 กระบวณท่า มันถูกเข้าใจโดยผู้อาวุโสของศาลากระบี่สวรรค์บนยอดเขาที่สุดที่สุดในเทือกเขาหลิงหยุน หลังจากบ่มเพาะพลังมานับร้อยปี,ทันใดนั้นเขาก็ได้บรรลุ มันเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของเทือกเขาหลิงหยุน

ช่างน่าเสียดาย,ทักษะกระบี่นี้มันไม่ใช่ทักษะกระบี่ที่สมบูรณ์ มันไม่อาจรู้ถึงเหตุผล,แต่ผู้อาวุโสได้ทําลายสามกระบวณท่าสุดท้ายของทักษะกระบี่นี้ ส่งผลให้ทักษะกระบี่,ที่อาจจะเทียบเท่าได้ กับทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นสูงสุด,กลับกลายมาเป็นทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นต่ํา

เนื่องจากขาดสามกระบวณท่าสุดท้ายไป,มันเป็นที่กษะกระบี่ที่ไม่สมบูรณ์ นอกจากนั้น,มันยังต้องการความสามารถในการเข้าใจที่ระดับสูง ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทําให้มีน้อยคนที่จะฝึกฝนมัน เหมือนกับทักษะกระบี่วายุอัสนี

จากทักษะกระบี่ทั้งสี่,ธาตุของทักษะกระบี่ต้นไม้อับเฉาไม่เหมาะสม,และข้อกําหนดของทักษะกระบวายุอัสนีมันสูงเกินไป มีเพียงทักษะกระบี่ผ่าภูผาและทักษะกระบี่หลิงหยุนที่เหลือยู่

ชื่อของทักษะหรพบทั้งสองก็น่าสนใจ หนึ่งคือ “ผ่าภูผา และอีกหนึ่งคือตั้งตามชื่อของเทือกเขาหลิงหยุน ไม่รู้ว่าทักษะกระบี่ผ่าภูเขาจะสามารถผ่าเทือกเขาหลิงหยุนได้จริงๆหลังจากที่ฝึกฝนจนถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม

ทักษะกระบี่ทั้งสองมีจุดเด่นของตัวเอง อย่างไรก็ตาม,ทักษะกระบี่หลิงหยุนอยู่สูงกว่าหนึ่งขั้น เป็นเพราะต้องการความสามารถในการเข้าใจที่สูง และความจริงที่ว่าสามกระบวณท่าสุดท้ายของมันหายไป จึงเป็นผลให้มีคนฝึกฝนมันน้อยกว่าทักษะกระบี่ผ่าภูผา

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง,เซี่ยวเฉินก็เลือกที่กษะกระบี่หลิงหยุน “ข้าเลือกนี้ แม้ว่าที่กษะกระบี่ผ่าภูผามันจะสมบูรณ์,แต่มีคนฝึกฝนมันมากมายในศาลากระบี่สวรรค์ มันธรรมดาสามัญเกินไป”

การเลือกทักษะกระบี่หลิงหยุนน่าจะเหมาะกับเซี่ยวเฉินมากกว่า แม้ว่ามันต้องการความสามารถในการเข้าใจที่สูง,เซี่ยวเฉินก็ไม่ได้ขาดแคลน เขาไม่กลัวที่จะล้มเหลวในการฝึกฝนทักษะกระบี่หลิงหยุน

ใครจะรู้ ด้วยความสามารถในการเข้าใจของเขาเขาอาจจะบรรลุถึงสามกระบวณท่าสุดท้ายได้ด้วยตัวเอง มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว

หลังจากที่เซี่ยวเฉินตัดสินใจได้ เขาก็เริ่มมองดูทักษะกระบี่หลิงหยุน, พลิกมองผ่านไปสองสามหน้า หลังจากที่เขาอ่านส่วนนํา,เขาพบว่าที่เหลือเป็นหน้าว่างเปล่า

วิธีการหมุนเวียน, คําร่าย,ชื่อของกระบวณท่าล้วนว่างเปล่า เซี่ยวเฉินพลิกไปที่หน้าอื่นและก็พบว่ามันว่างเปล่าเช่นกัน มีเพียงส่วนนําเรียบง่าย ที่เหลือว่างเปล่า

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง,เซี่ยวเฉินก็เข้าใจได้ นักบ่มเพาะพลังส่วนใหญ่มีความจําเป็นเลิศ พวกเขาอาจจะสามารถจดจําทุกอย่างภายในหนังสือตําราได้อย่างสมบูรณ์

พวกเขาต้องการเพียงครึ่งวันในการจดจําที่กษะต่อสู้ได้อย่างสมบูรณ์ ยังคงมีอัจฉริยะที่จดจําได้เป็นภาพ ภายในหนึ่งวัน,มันเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะสามารถจดจําทักษะต่อสู้ทั้งหมดภายในห้องสมุด

หากเป็นเช่นนั้น,ระบบในการใช้แต้มสะสมมาแลกเปลี่ยนทักษะต่อสู้ก็ไร้ความหมาย

เซี่ยวเฉินวางที่กษะกระบี่หลิงหยุนอย่างระวัง เขาไม่เห็นหลิวสุยเฟิงอยู่โดยรอบ เขาจึงไม่ได้รีบที่จะกลับ ดังนั้นเขาเริ่มที่จะเดินไปรอบๆบนชั้นสอง

เซี่ยวเฉินเริ่มเดินไปรอบๆชั้นหนังสือ,หยิบตําราออกมาเปิดดูบ้างเป็นครั้งคราว เขาเปิดดูทักษะต่อสู้ทุกชนิดเพียงอ่านดูสวนนําก็เปิดหูเปิดตาให้กับเขาในอนาคต

หากเขาประมือกับศัตรูที่ใช้ทักษะพวกนี้เขาจะมีวิธีที่จะรับมือ

ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังเดินไปรอบๆ เขาเห็นทักษะต่อสู้ที่มีชื่อแปลกประหลาดตรงมุมของชั้นหนังสือ มันชื่อค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์(ฉบับดั้งเดิม) มันมีบันทึกอยู่ด้านหลัง,พูดถึงทฤษฎีมันไม่สมบูรณ์และเป็นเพียงของอ้างอิง

ค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์…นี่ไม่ใช่ว่าเป็นหนึ่งในสามสุดยอดค่ายกลแห่งศาลากระบี่สวรรค์หรอกรี? มันเป็นถึงฉบับดั้งเดิม เซี่ยวเฉินรีบหยิบมาดู,อย่างสนใจ

น่าเสียดาย,มันเป็นเหมือนทักษะต่อสู้อื่นๆ ค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์(ฉบับดั้งเดิม)มีเพียงส่วนนํา รายละเอียดวิธีทางทั้งหมดว่างเปล่า

“เย่เฉิน,เจ้าเลือกทักษะต่อสู้ได้หรือยัง?” หลิวสุยเชิงกล่าวขณะที่เดินผ่านเข้ามา

เซี่ยวเฉินค่อยๆเก็บค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์(ฉบับดั้งเดิม) เขามองไปที่ตําราในมือของหลิวสุยเฟิงและอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ “ดูเหมือนเจ้ากําลังถือตําราระดับปฐพี!”

หลิวสุยเฟิง “อือ! ทักษะบ่มเพาะพลังระดับปฐพีขั้นต่ํา มันต้องใช้แต้มสะสมทั้งหมดที่ข้าได้รับมาจากการเฝ้าทุ่งสมุนไพรบนยอดเขาสตรีหยก มันจะมีประโยชน์สําหรับการทดสอบศิษย์แก่นกลางในครั้งนี้”

หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันจบ,พวกเขาก็มุ่งหน้าลงบันได ที่ด้านล่างของบันได,พวกเขาเห็นชายในวัยยี่สิบ เขาสวมชุดคลุมผู้บ่มเพาะพลังสีเทาของยอดเขากางอวี่ เขามีหน้าตาที่นับได้ว่าหล่อเหลา,แต่ก็ให้ความรู้สึกที่อันตราย

ในตอนที่หลิวสุยเฟิงเห็นคนผู้นี้สีหน้าของเขาเปลี่ยน เขากล่าวอย่างตกตะลึง “หวังหลง! เจ้ากลับมาตอนไหน?”

เมื่อหวังหลงเห็นหลิวสุยเฟิง เขายิ้มเบาๆและเผยสีหน้าดูถูก “มันก็ผ่านมาเป็นปีแล้ว แต่เจ้าก็ไม่เปลี่ยนไป ไม่,เจ้ายังอ่อนแอเสียยิ่งกว่าเดิม ขยับไป!”

หวังหลงใช้ฝ่ามือของเขาผลักไปที่ไหล่ของหลิวสุยเฟิง มันดูเหมือนไม่ได้ใช้พลังมากนัก แต่หลิวสุยเฟิงถูกผลักกลับอย่างควบคุมไม่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+