Immortal and Martial Dual Cultivation บทที่ 353 คําสั่งฆ่า

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 353 คําสั่งฆ่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 353 คําสั่งฆ่า

ผู้เยาว์ในชุดสีขาว,อายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี,นั่งอยู่ด้านข้างของฟงซวน

ผู้เยาว์ผู้นี้หน้าตาหล่อเหลาและมีความอ่อนเยาว์ แต่อย่างไรก็ตาม,เขามีกระแสพลังที่นิ่งสงบอย่ายิ่งในตอนที่เขาได้ยินผู้อาวุโสกําลังพูดคุยกันเกี่ยวกับตัวเขา,สีหน้าของเขาก็ไม่มีผันผวนแม้แต่น้อยเขาราวกับเป็นดาบในฝักที่นิ่งสงบ

หลิงเฉินหัวเราะเบาๆและเหลียวไปมองผู้เยาที่เมินเฉยเขาอย่างนิ่งสงบ เขารู้สึกว่าช่างโชคไม่ดีพรสวรรค์ของผู้เยาว์ผู้นี้ต่ํากว่าฉ่ฉาวอริ้นเพียงเล็กน้อย

ที่โต๊ะน้ําชาที่อยู่ด้านหลังไปเล็กน้อย,สายตาอันเย็นชาไร้อารมณ์ของต้วนมู่ฉิงมองกวาดไปตามโต๊ะน้ําชาของศาบากระบี่สวรรค์ราวกับกําลังมองหาใครบางคนอยู่

เมื่อจีชางคงเห็นสายตาของตัวนมู่ฉิง,เขาหัวเราะออกเบาๆและกล่าว “แม่นางตัวนม,เจ้ากําลังมองหาใครบางคน?”

ตัวนมู่ลิ้งถอนสายตากลับมาและกล่าวอย่างไม่แยแส “เจ้าน่าจะกล่าวออกมาเลยว่าข้าถ่าลังมองหาใคร”

ฮวาหยุนเฟย, ที่นั่งอยู่ข้างๆ เข้ามาร่วมสนทนา “คนผู้นั้นยังไม่มาถึง ในครั้งสุดท้ายที่พวกเราพบเขา,เขายังไม่เผยตัวตนออกมา บางที่พวกเราสามารถยืนยันตัวตนของเขาได้ในครั้งนี้

ในปีที่ผ่านมา,ตระกูลเหล่านี้มีสานุศิษย์สายนอกหลายคนที่ตกตาย,ถูกตัดเอาหัวไป

ชัดเจนว่าหัวของพวกเขาถูกนําไปขึ้นรางวัลที่คฤหาสน์หิมะล่องลอย ความตายของสานุศิษย์สายนอกเหล่านั้นไม่ได้ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับตระกูลมากนักแต่อย่างไรก็ตามมันส่งผลให้ตระกูลของพวกเขาเสียความน่าเชื่อถือ

มันทําให้คนของพวกเขาตื่นกลัว นอกจากนั้น ในปีที่ผ่านมา,สองสามตระกูลชั้นสูงไม่อาจพบแม้แต่ร่องรอยของเซียวเฉิน มันทําให้พวกเขาดูเป็นตัวตลกสําหรับคนทั้งโลก

ตัวนมู่ฉิงกล่าวอย่างมืดมัว “มีใครที่มีคําถามเกี่ยวกับที่พวกเราตกลงกับก่อนที่จะมาถึงหรือไม่?”

ร่องรอยเจตนาฆ่าฟันวูบไหวในดวงตาของฮวาหยุนเฟย เขากล่าวอย่างชั่วร้าย “เบาใจได้เจ้าหมอนั้นสังหารผู้อาวุโสของตระกูลข้าไปหลายคน หากพวกเราสามารถยืนยันตัวตนของมันได้,ข้า,ฮวาหยุนเฟย,จะเป็นคนแรกที่ลงมือ”

สายตาของจีชางคงนิ่งสงบ เขากล่าวอย่างเฉยเมย “มันสังหารลุงของข้า แม่ของข้าสั่งให้ข้าตามสังหารมัน”

ฉ่ฉาวอวน,ที่นั่งอยู่ด้านหน้า,เมื่อได้ยินทั้งหมด ความเย้ยหยันปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาอย่างไรก็ตาม,เขาก็ปิดซ่อนเอาไว้อย่างดี,ไม่มีใครสังเกตเห็น

ด้านข้างโต๊ะของนิกายดาบเงาหมอก,เป็นโต๊ะของวังจิตวิญญาณค่ำคืน,มู่เฉิงเสวี่ยยกถ้วยชาขึ้นเบาๆ บางครั้ง,เขาจะเหลือบมองไปที่โต๊ะน้ําชาทางด้านซ้ายเป็นโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้สําหรับยอดเขาฉิงหยุน

มู่เฉิงเสวียนั่งนิ่งเงียบอยู่ด้านข้าวมู่เยี่ยนเสวี่ยและชรือเฟิง เป็นเพราะวังจิตวิญญาณค่ำคืนอยู่ติดด้านหน้ามากกว่าโต๊ะของตระกูลชรือ,หรือเพิ่งจึงไม่ได้นั่งกับพวกเขาเขาเลือกที่จะเพลิดเพลินไปกับสิทธิพิเศษของวังจิตวิญญาณค่ำคืนที่อยู่โต๊ะที่สองจากด้านขวา

“พี่ใหญ่,ดูเหมือนเจ้าหมอนั้นจะยังมาไม่ถึง ท่านสัญญากับข้าว่าจะสั่งสอนมันแทนข้าท่านคงไม่กลับค่าพูด,ใช่หรือไม่?” ชรือเฟิงถามขึ้นด้วยน้ําเสียงบดบัง

มู่เฉิงเสวี่ยยิ้มเบาๆ,และกระจกทองแดงที่อยู่ส่วนลึกในดวงตาของเขาหมุนวนไม่หยุดเขาวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและกล่าวขึ้น “วางใจได้ เจ้าต้องให้ข้าถึงหนึ่งพันหินวิญญาณระดับกลางข้าจะไม่เอาของของเจ้าไปเปล่าๆ”

ผู้นํากลุ่มวังจิตวิญญาณค่ำคืนก็เป็นผู้อาวุโสหนึ่งของพวกเขา เขานั่งอยู่ที่ตําแหน่งหน้าสุดของโต๊ะน้ําชา เมื่อเขาได้ยินคําของมู่เฉิงเสวี่ย,เขาคิ้วขมวดเล็กน้อย “เฉิงเสวี่ยวงจิตวิญญาณค่ำคืนจะได้เกาะชายเสื้อของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าและมู่เยียนเสวี่ยอย่าทําลายโอกาสอันดีเช่นนี้ลงไปเพราะเรื่องส่วนตัว”

มู่เฉิงเสวี่ยตอบกลับอย่างเคารพ “ข้าเห็นด้วยกับผู้อาวุโสหนึ่งแต่อย่างไรก็ตาม,ข้าเพียงช่วยทําให้น้องชรือสบายใจในขณะเดียวกัน พวกเราสามารถสั่งสอนพวกศาลากระปสวรรค์ว่าวังจิตวิญญาณค่ำคืนของพวกเราไม่ได้ถูกรังแกอย่างง่านดาย”

ผู้อาวุโสหนึ่งพยักหน้าและกล่าว “ข้าได้ยินเรื่องของชรือเฟิลมาแล้ว มันเสื่อมเสียชื่อเสียงของวังจิตวิญญาณค่ำคืนอย่างแน่นอน การสั่งสอนไอ้คนผู้นั้นเกิดประโยชน์

บนถนนตามเส้นทางของฐานส่องสวรรค์,เซี่ยวเฉินเดินตามฝูงชนไปพร้อมกับความมุ่งมั่นเขาไม่รู้ว่าก่อนที่เขาจะได้ไปถึงก็มีคนปักเป้าลงบนหลังของเขาแล้ว

หลิวหรูเยวมองดูฝูงชนที่แออัดและกล่าว “เย่เฉิน,มีคนมากมายเกินไป พวกเราจะเสียเวลามากร่วมมือกันเปิดทางกันเถอะ”

เซี่ยวเฉินก็ตั้งใจจะทําเช่นนั้น ฝูงชนที่แออัดทําให้เริ่มรู้สึกกังวล

พวกเขาทั้งคู่ปลดปล่อยพลังงานของพวกเขาและทําให้เป็นรูปทรงกรวย จากนั้น พวกเขาก็ผสายพลังงานที่ดร้าย,และทางเดินกว้างก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางฝูงชนในทันที

พวกเขาไม่สนใจคําสาปด่าและรีบเดินหน้าต่อไปอย่างรวดเร็ว ความเร็วของพวกเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่าในทันที

หลิวสุยเฟิงยิ้มและกล่าว “พวกเราควรจะทําเช่นนี้นานแล้ว หลังจากที่เย่เฉินและข้าต่อสู้เพื่อยอดเขาจึงหยุนและผลลัพธ์ออกมาดี,พวกเราน่าจะขอสภาสูงให้ส่งเรือสงครามมาให้พวกเราสักล่าในอนาคต,ปัญหาพวกนี้ก็จะหมดไป”

สิบนาทีต่อมา,กลุ่มคนทั้งหกก็มาถึงที่หน้าประตูของลานฝึกฝน หลิวหรูเยว่แสดงเหรียญแสดงตนสีทองของนาง,และสานุศิษย์ที่เฝ้าประตูก็นําคนทั้งหกไปที่ทางลในทันทีนอกจากนั้น,มันดูเหมือนว่าสานุศิษย์เหล่านั้นจะไม่ได้นําทางพวกเขาไปที่อัฒจันทร์เหมือนกับคนอื่นๆ

ทางออกของเส้นทางลับนําไปที่ด้านหลังของฐาน สานุศิษย์คนนั้นกล่าวอย่างเคารพ“อาจารย์ ป้าหลิว,ท่านควรเร่งฝีเท้า;เหล่าผู้อาวุโสรอท่านมาเป็นเวลานานแล้ว”

หลังจากที่หลิวหรูเยว่กล่าวขอบคุณ,นางก็นําทั้งห้าคนก้าวไปที่บันไดของฐานดาดฟ้าก่อนที่พวกเขาจะขึ้นไปบนฐาน,เซี่ยวเฉันรู้สึกได้ถึงกระแสพลังอันแข็งแกร่งในทันทีนอกจากนั้นยังมีกระแสพลังที่คุ้นเคย

หลังจากเดินไปตามตามบันไดยาวเหยียด,ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงบนฐานดาดฟ้าเซี่ยวเฉินรู้สึกถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายตรงมาทางเขา

เซียวเฉินจดจ่อ,รักษาความนิ่งสงบและเมินเฉยสายตาเหล่านั้น

“หรเยวมาช้า ผู้อาวุโสหนึ่ง,โปรดให้อภัย” หลิวหรูเยว่กล่าวและค่านับมือของนางอย่างเคารพต่อเจียงชื่อ

เจียงชื่อยิ้มและกล่าว “เจ้าก็ไม่ได้มาช้ คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังมาไม่ถึง นั่งลงก่อนสิข้าคาดหวังถึงศักยภาพของเยเงินอย่างเต็มที่”

ทั้งกลุ่มนั่งลงที่,และคนรับใช้ก็นําผลไม้เข้ามาและเติมถ้วยน้ําชาของพวกเขา

เซี่ยวเฉินมองเห็นเจตนาสังหารวูบไหวในดวงตาของท่านเจ้ายอดเขาซื้อวัน,ซ่งเฉว ซึ่งเฉวเหลียวมองเซี่ยวเฉินอย่างมีนัยก่อนที่จะถอนสายตากลับไป

ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาวอแวกับคนคนนี้ ก่อนที่ข้าจะได้รับการสนับสนุนจากเหล่าผู้อาวุโส,การสั่งหารบุคคลนี้จะเป็นการสร้างความขุ่นเคืองให้กับศาลากระบีสวรรค์

เมื่อช่วเฉวหันหลังให้กับเซียวเฉิน, มันรู้สึกราวกับมีคนที่มแทงหลังของเขาด้วยกระบี่แหลมคม:มันเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง

มันจะต้องเป็นเจตนาฆ่าฟันของไอ้เด็กเหลือขอนั้น มันเติบโตขึ้นมาได้อย่างน่ากลัว,ซ่งเฉวครุ่ยคิดพร้อมกับกําหมัดแน่น;ความเกลีดชังเติมเต็มหัวใจของเขา

ในตอนที่เซี่ยวเฉินเดินขึ้นมาบนฐานดาดฟ้า,ผู้เยาว์หน้าตาหล่อเหลาที่นั่งอยู่ข้างฟงซวนคิ้วขมวดเล็กน้อยเจตนารมณ์แห่งดาบของเขาระเบิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดและไม่อาจควบคุมได้

“เกิดอะไรขึ้น? ข้าไม่สามารถควบคุมเจตนารมณ์แห่งดาบของข้าได้” ผู้เยาว์ตัวสั้นสายตาระมัดระวังของเขาตรงไปที่เซี่ยวเฉิน

เจตนารมณ์แห่งดาบจะตอบสนองเช่นนี้ก็ร่อเมื่อมันรู้สึกได้ถึงอันตรายหรือเจตนาฆ่าฟันอันแข็งแกร่งนี้เป็นการรับประกันว่าเจ้านายของมันจะไม่ได้รับอันตราย

อย่างไรก็ตาม,ผู้เยาว์ผู้นี่สัมผัสไม่ได้ถึงเจตนารมณ์ฆ่าฟันจากเซียวเฉินแม้แต่น้อยขณะที่เขาจ้องมองผู้เยาว์ในชุดขาว,สีหน้าของเขานิ่งสงบ;ไม่มีความผันผวนในอารมณ์ของเขา

ผู้เยาว์คนนั้นคิ้วขมวดเขาไม่อาจเข้าใจถึงเหตุผล ดังนั้นเขาจึงกระซิบกับเฟิงซวย,เล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้

หลังจากที่ฟังชวนย์ได้ฟังดังนั้น,เขารู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เขาตรวจสอบเซียวเฉินแย่างละเอียดราวกับว่าการจ้องมองของเขาเป็นดาบคมกําลังทะลุทะลวงผ่านมอติ,พยายามมองลึกลงไปที่ความลับของเซี่ยวเฉิน

สัมผัสวิญญาณของเซียวเฉินตรวจจับพลังงานจิตที่แข็งแกร่งที่กําลังตรวจสอบเขาได้ในทันทีสัมผัสวิญญาณอันแข็งแกร่งเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่แหลมคมและตัดพลังงานจิตนั้นลงในทันที

จากนั้นสัมผัสวิญญาณก็รีบเปลี่ยนรูปเป็นเกราะป้องกัน,ขัดขวางไม่ให้พลังงานจิตเข้ามาตรวจสอบเขาเป็นครั้งที่สองในเวลาเดียวกัน,สัมผัสวิญญาณก็ขยายออกไปในทิศทางที่พบังงานจิตนั้นออกมา,พยายามมองหาผู้ที่มาตรวจสอบเขา

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา,มันรวดเร็วจนน่าตกใจ

อย่างไรก็ตาม อีกฝ่าตัดขาดพลังงานจิตนี้ทิ้งไป ทําให้เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะติดตามร่องรอยสัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินหมุนวนอยู่ในอากาศอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถอนกลับมาอย่างช่วยไม่ได้อย่างไรก็ตาม,เกราะป้องกันได้ตั้งขึ้นมาแล้ว

เซียวเฉินมองกวาดผ่านฝูงชน เขารู้สึกสงสัย: ใครเป็นคนที่ตรวจสอบเขา?

พลังงานจิตที่แข็งแกร่งเมื่อครู่นี้แตกต่างจากระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธทั่วไป มีเพียงครึ่งการสู่ระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธหรือสูงกว่าที่จะมีความสามารถระดับนี้

ครึ่งก้าวสู่ระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธหรือระดับที่สูงกว่าเป็นตัวตนที่เซียวเฉินไม่อาจไปขัดใจได้ในตอนนี้: ไม่มีความจําเป็นที่จะต้องตามหาว่าเขาคือใคร

ข้าเพียงต้องระวังตัว เซียวเฉินถอนสายตากลับมาและเมินเฉยไป

อีกฝ่ายหนึ่ง,ฟงซวนที่ได้เห็นการตอบสนองที่รวดเร็วและพลังงานจิตอันแข็งแกร่งของเซี่ยวเฉิน,เขาตกตะลึงไร้คําพูด

ฟงซวนไม่คาดคิดว่าอีกใยจะตอบสนองได้รวดเร็วเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ตาม,เขารู้แล้วว่าทําไมเจตนารมณ์แห่งดาบของหลานชายของเขาถึงไม่อาจควบคุมได้

“ฟงเซ็น,ระวังตัวหากเจ้าเผชิญหน้ากับเขา คนผู้นี้ปิดซ่อนความแข็งแกร่งในสภาวะแห่งการฆ่าล้างเจตจํานงแห่งดาบของเจ้ามาถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น มันรู้สึกถึงภัยคุกคามเป็นเหตุให้มันปกป้องเจ้าโดยอัตโนมัติ”

ฟงซวนยอธิบายให้ฟังเชินฟังทุกรายละเอียด

เดิมที่เขาตั้งใจจะสังเกตการณ์ต่ออีกสักเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม การตอบสนองของเซียวเฉินรวดเร็วเกินไป นอกจากนั้น พลังงานจิตของเขายังรวดเร็วอย่าน่าประหลาดเป็นผลให้สิ่งเดียวที่ฟงซวนพบก็คือสภาวะแห่งการฆ่าล่าง

ขณะที่พวกเขากําลังรอคอยการมาถึงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์,ฝูงชนที่โต๊ะน้ําชาก็เริ่มพูดคุยกัน

ถึงอย่างไร มันก็หายากที่จะมีอัจฉริยะมากมายมารวมตัวกันเช่นนี้ การพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาในการบ่มเพาะพลังของพวกเขาเป็นประโยชน์ให้กับทุกคน

ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง,ดวงตะวันสีแดงพลันปรากฎขึ้นหมื่นหมตรบนท้องฟ้า

เมื่อผู้คนมองขึ้นไปและสังเกตอย่างละเอียด,พวกเขาพบส่ามันไม่ใช่ดวงอาทิตย์มันเป็นวิหคเพลิงสีแดงตัวมหึมา

ขนทุกเส้นบนตัวของวิหคมีเปลวเพลิงสีแดง:พวกมันร้อนและรุ่งโรจน์อย่างไร้ขอบเขตกล่าวสั้นๆคือมันดูราวกับดวงอาทิตย์

อณหภูมิภายในลานฝึกฝนเพิ่มขึ้นในทันที มันราวกับอากาศถูกเผาจนเดือดแห้งเป็นผลทําให้หายใจไม่สบายปอด

“ซี่!”

เสียงร้องอันไพเราะดังสะท้อนบนท้องฟ้า วิหคสีแดงขมิ้นสยายปีก,และอํานาจแห่งสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์โบราณแผ่ขยายออกไปทั่วลานฝึกฝน

ผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งรู้สึกถึงแรงกดดัน จิตวิญญาณยุทธภายในร่างของพวกเขารู้สึกร้อนรนพวกมันหวาดกลัวออกมาจากก้นบึงของจิตใจ

พลังปราณของพวกเขาปั่นป่วนและสะบัดไปรอบอย่างไร้การควบคุม,สร้างความเจ็บปวดในเส้นปราณของพวกเขา

ผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดรีบเร่งพยายามระงับปราณที่ปั่นป่วนในร่างของพวกเขาและสงบจิตใจลง,พยายามควบคุมจิตวิญญาณยุทธที่บ้าคลั่งของพวกเขา

“ฟู!”

วิหคสีเพลิงแดงกระพือปีกของมันและถอนกระแสพลังของมันกลับ ทันใดนั้น,ฝูงชนรู้สึกกดดันลดลง,ความรู้สึกไม่สบายก็หายไปพวกเขาผ่อนคลายลงหลังจากนั้น

“นี่คือสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์, วิหคสีชาด ช่างเป็นแรงกดดันที่น่าหวาดกลัว โชคดี,ที่มันเป็นเวลาเพียงชั่วครู่มิฉะนั้นหากมันกินเวลานานกว่านี้ข้าจะไม่อาจควบคุมจิตวิญญาณยุทธของข้าได้”

“ก่อนการต่อสู้,พลังปราณของพวกเขากลายเป็นปั่นป่วน,และจิตวิญญาณยุทธก็ไม่อาจควบคุมหากเขาประมือกับคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์,พวกเราจะพ่ายแพ้ภายในกระบวณท่าเดียว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation บทที่ 353 คําสั่งฆ่า

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter บทที่ 353 คําสั่งฆ่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 353 คําสั่งฆ่า

ผู้เยาว์ในชุดสีขาว,อายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี,นั่งอยู่ด้านข้างของฟงซวน

ผู้เยาว์ผู้นี้หน้าตาหล่อเหลาและมีความอ่อนเยาว์ แต่อย่างไรก็ตาม,เขามีกระแสพลังที่นิ่งสงบอย่ายิ่งในตอนที่เขาได้ยินผู้อาวุโสกําลังพูดคุยกันเกี่ยวกับตัวเขา,สีหน้าของเขาก็ไม่มีผันผวนแม้แต่น้อยเขาราวกับเป็นดาบในฝักที่นิ่งสงบ

หลิงเฉินหัวเราะเบาๆและเหลียวไปมองผู้เยาที่เมินเฉยเขาอย่างนิ่งสงบ เขารู้สึกว่าช่างโชคไม่ดีพรสวรรค์ของผู้เยาว์ผู้นี้ต่ํากว่าฉ่ฉาวอริ้นเพียงเล็กน้อย

ที่โต๊ะน้ําชาที่อยู่ด้านหลังไปเล็กน้อย,สายตาอันเย็นชาไร้อารมณ์ของต้วนมู่ฉิงมองกวาดไปตามโต๊ะน้ําชาของศาบากระบี่สวรรค์ราวกับกําลังมองหาใครบางคนอยู่

เมื่อจีชางคงเห็นสายตาของตัวนมู่ฉิง,เขาหัวเราะออกเบาๆและกล่าว “แม่นางตัวนม,เจ้ากําลังมองหาใครบางคน?”

ตัวนมู่ลิ้งถอนสายตากลับมาและกล่าวอย่างไม่แยแส “เจ้าน่าจะกล่าวออกมาเลยว่าข้าถ่าลังมองหาใคร”

ฮวาหยุนเฟย, ที่นั่งอยู่ข้างๆ เข้ามาร่วมสนทนา “คนผู้นั้นยังไม่มาถึง ในครั้งสุดท้ายที่พวกเราพบเขา,เขายังไม่เผยตัวตนออกมา บางที่พวกเราสามารถยืนยันตัวตนของเขาได้ในครั้งนี้

ในปีที่ผ่านมา,ตระกูลเหล่านี้มีสานุศิษย์สายนอกหลายคนที่ตกตาย,ถูกตัดเอาหัวไป

ชัดเจนว่าหัวของพวกเขาถูกนําไปขึ้นรางวัลที่คฤหาสน์หิมะล่องลอย ความตายของสานุศิษย์สายนอกเหล่านั้นไม่ได้ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับตระกูลมากนักแต่อย่างไรก็ตามมันส่งผลให้ตระกูลของพวกเขาเสียความน่าเชื่อถือ

มันทําให้คนของพวกเขาตื่นกลัว นอกจากนั้น ในปีที่ผ่านมา,สองสามตระกูลชั้นสูงไม่อาจพบแม้แต่ร่องรอยของเซียวเฉิน มันทําให้พวกเขาดูเป็นตัวตลกสําหรับคนทั้งโลก

ตัวนมู่ฉิงกล่าวอย่างมืดมัว “มีใครที่มีคําถามเกี่ยวกับที่พวกเราตกลงกับก่อนที่จะมาถึงหรือไม่?”

ร่องรอยเจตนาฆ่าฟันวูบไหวในดวงตาของฮวาหยุนเฟย เขากล่าวอย่างชั่วร้าย “เบาใจได้เจ้าหมอนั้นสังหารผู้อาวุโสของตระกูลข้าไปหลายคน หากพวกเราสามารถยืนยันตัวตนของมันได้,ข้า,ฮวาหยุนเฟย,จะเป็นคนแรกที่ลงมือ”

สายตาของจีชางคงนิ่งสงบ เขากล่าวอย่างเฉยเมย “มันสังหารลุงของข้า แม่ของข้าสั่งให้ข้าตามสังหารมัน”

ฉ่ฉาวอวน,ที่นั่งอยู่ด้านหน้า,เมื่อได้ยินทั้งหมด ความเย้ยหยันปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาอย่างไรก็ตาม,เขาก็ปิดซ่อนเอาไว้อย่างดี,ไม่มีใครสังเกตเห็น

ด้านข้างโต๊ะของนิกายดาบเงาหมอก,เป็นโต๊ะของวังจิตวิญญาณค่ำคืน,มู่เฉิงเสวี่ยยกถ้วยชาขึ้นเบาๆ บางครั้ง,เขาจะเหลือบมองไปที่โต๊ะน้ําชาทางด้านซ้ายเป็นโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้สําหรับยอดเขาฉิงหยุน

มู่เฉิงเสวียนั่งนิ่งเงียบอยู่ด้านข้าวมู่เยี่ยนเสวี่ยและชรือเฟิง เป็นเพราะวังจิตวิญญาณค่ำคืนอยู่ติดด้านหน้ามากกว่าโต๊ะของตระกูลชรือ,หรือเพิ่งจึงไม่ได้นั่งกับพวกเขาเขาเลือกที่จะเพลิดเพลินไปกับสิทธิพิเศษของวังจิตวิญญาณค่ำคืนที่อยู่โต๊ะที่สองจากด้านขวา

“พี่ใหญ่,ดูเหมือนเจ้าหมอนั้นจะยังมาไม่ถึง ท่านสัญญากับข้าว่าจะสั่งสอนมันแทนข้าท่านคงไม่กลับค่าพูด,ใช่หรือไม่?” ชรือเฟิงถามขึ้นด้วยน้ําเสียงบดบัง

มู่เฉิงเสวี่ยยิ้มเบาๆ,และกระจกทองแดงที่อยู่ส่วนลึกในดวงตาของเขาหมุนวนไม่หยุดเขาวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและกล่าวขึ้น “วางใจได้ เจ้าต้องให้ข้าถึงหนึ่งพันหินวิญญาณระดับกลางข้าจะไม่เอาของของเจ้าไปเปล่าๆ”

ผู้นํากลุ่มวังจิตวิญญาณค่ำคืนก็เป็นผู้อาวุโสหนึ่งของพวกเขา เขานั่งอยู่ที่ตําแหน่งหน้าสุดของโต๊ะน้ําชา เมื่อเขาได้ยินคําของมู่เฉิงเสวี่ย,เขาคิ้วขมวดเล็กน้อย “เฉิงเสวี่ยวงจิตวิญญาณค่ำคืนจะได้เกาะชายเสื้อของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าและมู่เยียนเสวี่ยอย่าทําลายโอกาสอันดีเช่นนี้ลงไปเพราะเรื่องส่วนตัว”

มู่เฉิงเสวี่ยตอบกลับอย่างเคารพ “ข้าเห็นด้วยกับผู้อาวุโสหนึ่งแต่อย่างไรก็ตาม,ข้าเพียงช่วยทําให้น้องชรือสบายใจในขณะเดียวกัน พวกเราสามารถสั่งสอนพวกศาลากระปสวรรค์ว่าวังจิตวิญญาณค่ำคืนของพวกเราไม่ได้ถูกรังแกอย่างง่านดาย”

ผู้อาวุโสหนึ่งพยักหน้าและกล่าว “ข้าได้ยินเรื่องของชรือเฟิลมาแล้ว มันเสื่อมเสียชื่อเสียงของวังจิตวิญญาณค่ำคืนอย่างแน่นอน การสั่งสอนไอ้คนผู้นั้นเกิดประโยชน์

บนถนนตามเส้นทางของฐานส่องสวรรค์,เซี่ยวเฉินเดินตามฝูงชนไปพร้อมกับความมุ่งมั่นเขาไม่รู้ว่าก่อนที่เขาจะได้ไปถึงก็มีคนปักเป้าลงบนหลังของเขาแล้ว

หลิวหรูเยวมองดูฝูงชนที่แออัดและกล่าว “เย่เฉิน,มีคนมากมายเกินไป พวกเราจะเสียเวลามากร่วมมือกันเปิดทางกันเถอะ”

เซี่ยวเฉินก็ตั้งใจจะทําเช่นนั้น ฝูงชนที่แออัดทําให้เริ่มรู้สึกกังวล

พวกเขาทั้งคู่ปลดปล่อยพลังงานของพวกเขาและทําให้เป็นรูปทรงกรวย จากนั้น พวกเขาก็ผสายพลังงานที่ดร้าย,และทางเดินกว้างก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางฝูงชนในทันที

พวกเขาไม่สนใจคําสาปด่าและรีบเดินหน้าต่อไปอย่างรวดเร็ว ความเร็วของพวกเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่าในทันที

หลิวสุยเฟิงยิ้มและกล่าว “พวกเราควรจะทําเช่นนี้นานแล้ว หลังจากที่เย่เฉินและข้าต่อสู้เพื่อยอดเขาจึงหยุนและผลลัพธ์ออกมาดี,พวกเราน่าจะขอสภาสูงให้ส่งเรือสงครามมาให้พวกเราสักล่าในอนาคต,ปัญหาพวกนี้ก็จะหมดไป”

สิบนาทีต่อมา,กลุ่มคนทั้งหกก็มาถึงที่หน้าประตูของลานฝึกฝน หลิวหรูเยว่แสดงเหรียญแสดงตนสีทองของนาง,และสานุศิษย์ที่เฝ้าประตูก็นําคนทั้งหกไปที่ทางลในทันทีนอกจากนั้น,มันดูเหมือนว่าสานุศิษย์เหล่านั้นจะไม่ได้นําทางพวกเขาไปที่อัฒจันทร์เหมือนกับคนอื่นๆ

ทางออกของเส้นทางลับนําไปที่ด้านหลังของฐาน สานุศิษย์คนนั้นกล่าวอย่างเคารพ“อาจารย์ ป้าหลิว,ท่านควรเร่งฝีเท้า;เหล่าผู้อาวุโสรอท่านมาเป็นเวลานานแล้ว”

หลังจากที่หลิวหรูเยว่กล่าวขอบคุณ,นางก็นําทั้งห้าคนก้าวไปที่บันไดของฐานดาดฟ้าก่อนที่พวกเขาจะขึ้นไปบนฐาน,เซี่ยวเฉันรู้สึกได้ถึงกระแสพลังอันแข็งแกร่งในทันทีนอกจากนั้นยังมีกระแสพลังที่คุ้นเคย

หลังจากเดินไปตามตามบันไดยาวเหยียด,ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงบนฐานดาดฟ้าเซี่ยวเฉินรู้สึกถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายตรงมาทางเขา

เซียวเฉินจดจ่อ,รักษาความนิ่งสงบและเมินเฉยสายตาเหล่านั้น

“หรเยวมาช้า ผู้อาวุโสหนึ่ง,โปรดให้อภัย” หลิวหรูเยว่กล่าวและค่านับมือของนางอย่างเคารพต่อเจียงชื่อ

เจียงชื่อยิ้มและกล่าว “เจ้าก็ไม่ได้มาช้ คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังมาไม่ถึง นั่งลงก่อนสิข้าคาดหวังถึงศักยภาพของเยเงินอย่างเต็มที่”

ทั้งกลุ่มนั่งลงที่,และคนรับใช้ก็นําผลไม้เข้ามาและเติมถ้วยน้ําชาของพวกเขา

เซี่ยวเฉินมองเห็นเจตนาสังหารวูบไหวในดวงตาของท่านเจ้ายอดเขาซื้อวัน,ซ่งเฉว ซึ่งเฉวเหลียวมองเซี่ยวเฉินอย่างมีนัยก่อนที่จะถอนสายตากลับไป

ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาวอแวกับคนคนนี้ ก่อนที่ข้าจะได้รับการสนับสนุนจากเหล่าผู้อาวุโส,การสั่งหารบุคคลนี้จะเป็นการสร้างความขุ่นเคืองให้กับศาลากระบีสวรรค์

เมื่อช่วเฉวหันหลังให้กับเซียวเฉิน, มันรู้สึกราวกับมีคนที่มแทงหลังของเขาด้วยกระบี่แหลมคม:มันเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง

มันจะต้องเป็นเจตนาฆ่าฟันของไอ้เด็กเหลือขอนั้น มันเติบโตขึ้นมาได้อย่างน่ากลัว,ซ่งเฉวครุ่ยคิดพร้อมกับกําหมัดแน่น;ความเกลีดชังเติมเต็มหัวใจของเขา

ในตอนที่เซี่ยวเฉินเดินขึ้นมาบนฐานดาดฟ้า,ผู้เยาว์หน้าตาหล่อเหลาที่นั่งอยู่ข้างฟงซวนคิ้วขมวดเล็กน้อยเจตนารมณ์แห่งดาบของเขาระเบิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดและไม่อาจควบคุมได้

“เกิดอะไรขึ้น? ข้าไม่สามารถควบคุมเจตนารมณ์แห่งดาบของข้าได้” ผู้เยาว์ตัวสั้นสายตาระมัดระวังของเขาตรงไปที่เซี่ยวเฉิน

เจตนารมณ์แห่งดาบจะตอบสนองเช่นนี้ก็ร่อเมื่อมันรู้สึกได้ถึงอันตรายหรือเจตนาฆ่าฟันอันแข็งแกร่งนี้เป็นการรับประกันว่าเจ้านายของมันจะไม่ได้รับอันตราย

อย่างไรก็ตาม,ผู้เยาว์ผู้นี่สัมผัสไม่ได้ถึงเจตนารมณ์ฆ่าฟันจากเซียวเฉินแม้แต่น้อยขณะที่เขาจ้องมองผู้เยาว์ในชุดขาว,สีหน้าของเขานิ่งสงบ;ไม่มีความผันผวนในอารมณ์ของเขา

ผู้เยาว์คนนั้นคิ้วขมวดเขาไม่อาจเข้าใจถึงเหตุผล ดังนั้นเขาจึงกระซิบกับเฟิงซวย,เล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้

หลังจากที่ฟังชวนย์ได้ฟังดังนั้น,เขารู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เขาตรวจสอบเซียวเฉินแย่างละเอียดราวกับว่าการจ้องมองของเขาเป็นดาบคมกําลังทะลุทะลวงผ่านมอติ,พยายามมองลึกลงไปที่ความลับของเซี่ยวเฉิน

สัมผัสวิญญาณของเซียวเฉินตรวจจับพลังงานจิตที่แข็งแกร่งที่กําลังตรวจสอบเขาได้ในทันทีสัมผัสวิญญาณอันแข็งแกร่งเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่แหลมคมและตัดพลังงานจิตนั้นลงในทันที

จากนั้นสัมผัสวิญญาณก็รีบเปลี่ยนรูปเป็นเกราะป้องกัน,ขัดขวางไม่ให้พลังงานจิตเข้ามาตรวจสอบเขาเป็นครั้งที่สองในเวลาเดียวกัน,สัมผัสวิญญาณก็ขยายออกไปในทิศทางที่พบังงานจิตนั้นออกมา,พยายามมองหาผู้ที่มาตรวจสอบเขา

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา,มันรวดเร็วจนน่าตกใจ

อย่างไรก็ตาม อีกฝ่าตัดขาดพลังงานจิตนี้ทิ้งไป ทําให้เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะติดตามร่องรอยสัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินหมุนวนอยู่ในอากาศอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถอนกลับมาอย่างช่วยไม่ได้อย่างไรก็ตาม,เกราะป้องกันได้ตั้งขึ้นมาแล้ว

เซียวเฉินมองกวาดผ่านฝูงชน เขารู้สึกสงสัย: ใครเป็นคนที่ตรวจสอบเขา?

พลังงานจิตที่แข็งแกร่งเมื่อครู่นี้แตกต่างจากระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธทั่วไป มีเพียงครึ่งการสู่ระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธหรือสูงกว่าที่จะมีความสามารถระดับนี้

ครึ่งก้าวสู่ระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธหรือระดับที่สูงกว่าเป็นตัวตนที่เซียวเฉินไม่อาจไปขัดใจได้ในตอนนี้: ไม่มีความจําเป็นที่จะต้องตามหาว่าเขาคือใคร

ข้าเพียงต้องระวังตัว เซียวเฉินถอนสายตากลับมาและเมินเฉยไป

อีกฝ่ายหนึ่ง,ฟงซวนที่ได้เห็นการตอบสนองที่รวดเร็วและพลังงานจิตอันแข็งแกร่งของเซี่ยวเฉิน,เขาตกตะลึงไร้คําพูด

ฟงซวนไม่คาดคิดว่าอีกใยจะตอบสนองได้รวดเร็วเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ตาม,เขารู้แล้วว่าทําไมเจตนารมณ์แห่งดาบของหลานชายของเขาถึงไม่อาจควบคุมได้

“ฟงเซ็น,ระวังตัวหากเจ้าเผชิญหน้ากับเขา คนผู้นี้ปิดซ่อนความแข็งแกร่งในสภาวะแห่งการฆ่าล้างเจตจํานงแห่งดาบของเจ้ามาถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น มันรู้สึกถึงภัยคุกคามเป็นเหตุให้มันปกป้องเจ้าโดยอัตโนมัติ”

ฟงซวนยอธิบายให้ฟังเชินฟังทุกรายละเอียด

เดิมที่เขาตั้งใจจะสังเกตการณ์ต่ออีกสักเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม การตอบสนองของเซียวเฉินรวดเร็วเกินไป นอกจากนั้น พลังงานจิตของเขายังรวดเร็วอย่าน่าประหลาดเป็นผลให้สิ่งเดียวที่ฟงซวนพบก็คือสภาวะแห่งการฆ่าล่าง

ขณะที่พวกเขากําลังรอคอยการมาถึงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์,ฝูงชนที่โต๊ะน้ําชาก็เริ่มพูดคุยกัน

ถึงอย่างไร มันก็หายากที่จะมีอัจฉริยะมากมายมารวมตัวกันเช่นนี้ การพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาในการบ่มเพาะพลังของพวกเขาเป็นประโยชน์ให้กับทุกคน

ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง,ดวงตะวันสีแดงพลันปรากฎขึ้นหมื่นหมตรบนท้องฟ้า

เมื่อผู้คนมองขึ้นไปและสังเกตอย่างละเอียด,พวกเขาพบส่ามันไม่ใช่ดวงอาทิตย์มันเป็นวิหคเพลิงสีแดงตัวมหึมา

ขนทุกเส้นบนตัวของวิหคมีเปลวเพลิงสีแดง:พวกมันร้อนและรุ่งโรจน์อย่างไร้ขอบเขตกล่าวสั้นๆคือมันดูราวกับดวงอาทิตย์

อณหภูมิภายในลานฝึกฝนเพิ่มขึ้นในทันที มันราวกับอากาศถูกเผาจนเดือดแห้งเป็นผลทําให้หายใจไม่สบายปอด

“ซี่!”

เสียงร้องอันไพเราะดังสะท้อนบนท้องฟ้า วิหคสีแดงขมิ้นสยายปีก,และอํานาจแห่งสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์โบราณแผ่ขยายออกไปทั่วลานฝึกฝน

ผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งรู้สึกถึงแรงกดดัน จิตวิญญาณยุทธภายในร่างของพวกเขารู้สึกร้อนรนพวกมันหวาดกลัวออกมาจากก้นบึงของจิตใจ

พลังปราณของพวกเขาปั่นป่วนและสะบัดไปรอบอย่างไร้การควบคุม,สร้างความเจ็บปวดในเส้นปราณของพวกเขา

ผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดรีบเร่งพยายามระงับปราณที่ปั่นป่วนในร่างของพวกเขาและสงบจิตใจลง,พยายามควบคุมจิตวิญญาณยุทธที่บ้าคลั่งของพวกเขา

“ฟู!”

วิหคสีเพลิงแดงกระพือปีกของมันและถอนกระแสพลังของมันกลับ ทันใดนั้น,ฝูงชนรู้สึกกดดันลดลง,ความรู้สึกไม่สบายก็หายไปพวกเขาผ่อนคลายลงหลังจากนั้น

“นี่คือสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์, วิหคสีชาด ช่างเป็นแรงกดดันที่น่าหวาดกลัว โชคดี,ที่มันเป็นเวลาเพียงชั่วครู่มิฉะนั้นหากมันกินเวลานานกว่านี้ข้าจะไม่อาจควบคุมจิตวิญญาณยุทธของข้าได้”

“ก่อนการต่อสู้,พลังปราณของพวกเขากลายเป็นปั่นป่วน,และจิตวิญญาณยุทธก็ไม่อาจควบคุมหากเขาประมือกับคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์,พวกเราจะพ่ายแพ้ภายในกระบวณท่าเดียว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+