Immortal and Martial Dual Cultivation 191 สันเทาด้วยความกลัว

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 191 สันเทาด้วยความกลัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 191 สันเทาด้วยความกลัว

 

เปรียบเทียบกับอีกฝ่ายนึงของนิกายซากศพเลื่อนไหล,พวกเขาค่อนข้างเก็บตัว พวกเขาแปลกประหลาดยิ่งกว่า เพื่อที่จะบ่มเพาะพลังเส้นทางแห่งซากศพ,คนพวกนี้จะฝังตัวเองไว้ใต้ดินเป็นเวลานับพันปี

 

เมื่อจักรพรรดิเทียนหวี่ล้างบางนิกายซากศะเลื่อนไหล,เขาได้สังหารผู้เชี่ยวชาญของฝ่ายนี้ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม,สัตว์ประหลาดเก่าแก่บางตัวที่กําลังซ่อนอยู่ใต้ดินก็หลบเลี่ยงการโจมตีของพวกเขาออกไปได้

 

แม้ว่านิกายฝ่ายนี้จะปิดตัวเงียบ,แต่เป็นเพราะทักษะบ่มเพาะพลังของพวกเขามันแปลกประหลาดจนเกินไป จึงไม่มีใครยินดีที่จะเรียนรู้เส้นทางแห่งซากศพ,และนิกายซากศะเลือนไหลก็ได้ถูกลบหายไปอย่างสมบูรณ์

 

หลังจากที่เซียวเฉินได้ฟังเรื่องเล่าของม่าเฉิน,เขาก็เต็มไปด้วยความงุนงง เขาถามขึ้น “ตามที่เจ้าเล่ามา,พวกเขาได้กลายไปเป็นซากศพที่ทรงพลัง พวกคนเหมืองที่ได้กลายเป็นซากศพในอุโมงค์เห็นชัดว่าไม่ได้มีพลังต่อสู้มากนัก เช่นนั้นทําไมถึงได้เปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นซากศพ?”

 

ม่าเฉินยิ้มบางเบา “โดยปกติ, พวกมันไม่ได้มีพลังต่อสู่มากนักเป็นเพราะร่างกายของพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งมากไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปมากมายหลังจากที่พวกเขากลายร่างเป็นซากศพ ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงคงเป็นซากศพพวกแรกที่พวกเราเจอ หลังจากที่ใช้วิธีพิเศษในการปรับแต่งพวกมัน, พวกมันก็ได้รับพลังต่อสู้มา”

 

“สําหรับคนเหมืองที่พวกเราเจอ,ดูเหมือนจะเป็นผลพลอยได้ของพวกเขา ถึงอย่างไร มันก็ไม่ได้ยากเย็นนักที่จะเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นซากศพ”

 

เซี่ยวเฉินเผยสีหน้าซีดเซียวพร้อมกับกํามือซ้ายของเขาไว้แน่น เขากล่าวขึ้น “คนพวกนี้จิตใจไม่ใช่มนุษย์ พวกเขาไม่แม้แต่จะปล่อยคนบริสุทธิ์ไป”

 

ม่าเฉินหัวเราะ “มนุษย์? คนพวกนี้ถึงเป็นกึ่งตาย,พวกเขาจะเป็นมนุษย์ได้ถึงเพียงใด? พวกเขาไม่ใช่มนุษย์มานานแล้ว มิฉะนั้น,พวกเขาคงไม่ทําให้ทั่วยุทธภพเกรี้ยวโกรธในตอนนั้น”

 

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง,ม่าเฉินก็กล่าวต่อ “ข้าสงสัยว่าผู้อาวุโสเย่ตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน พวกเราติดอยู่ที่นี่และจะเดินห้าหรือล่าถอยก็ไม่ได้ หากพวกเรากลับออกไปไม่ได้ มันก็เหมือนว่าพวกเราจะต้องตกตายอยู่ที่นี่”

 

ทางออกของเหมืองแห่งนี้ถูกเก็บเป็นความลับสุดยอด มันเป็นไปไม่ได้ที่ศิษย์ชั้นในหรือภารกิจนิกายจะรู้ได้ มีบุคคลพิเศษที่ค่อยนําคนเข้าออกสถานที่แห่งนี้ พวกเขาจะเอาคนใส่ลงในสมบัติลับก่อนที่จะเคลื่อนย้ายพวกเขามา

 

หากเกิดอะไรขึ้นกับเย่เหวินและคนอื่นๆจริง,มันก็เป็นไปได้ว่าเซี่ยวเฉินและม่าเฉินจะไม่ได้ทางกลับออกไปได้และตกตายอยู่ที่นี่ ร่างกายของพวกเขาจะต้องเปลี่ยนไปเป็นพวกซากศพเช่นกัน

 

เซียวเฉินสั่นกลัวเพียงนึกถึงมัน อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาครุ่นคิดเกี่ยวกับมันอีกครั้ง เขารู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดอะไรขึ้นกับเย่เหวิน ในตอนนั้น,ที่เขาบอกเย่เหวินว่ามีอะไรแปลกๆระหว่างมู่ซินหยาและหัวหน้าลี่,เขามีสีหน้านิ่งสงบอย่างมาก เขาแม้กระทั่งเตือนเซียวเฉินให้สนใจแต่งานของตัวเอง

 

ย้อนกลับไปตอนนั้น,เย่เหวินจะต้องบอกใบ้ว่าเขารู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มานานแล้ว เขากําลังเตือนเซียวเฉินว่าอย่าได้ไปทําให้ศัตรูรู้ตัว

 

“ปัง!”

 

เซียวเฉินต่อยเข้ากําแพงอย่างรุนแรงกําปั้นของเขาแบกน้ำหนักกว่าหนึ่งพันกิโลกรัม รูขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนกําแพงในทันทีและก้อนหินร่วงหล่นลงมาอย่างต่อเนื่อง

 

หากว่าเขารู้ถึงเรื่องนี้ล่วงหน้า เขาสามารถช่วยชีวิตเหล่าคนเหมืองเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ย้ายเหล่าคนเหมืองออกไปเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ศัตรูรู้ตัว,แผนของเขาจึงสามารถสําเร็จได้

 

เมื่อเซี่ยวเฉันคิดถึงเหล่าคนเหมือง,เขารู้สึกว่ามันไม่ได้คุ้มค่ากันเลย เขานึกถึงฉากที่หัวหน้าเขาอ้อนวอนเขา,ให้ช่วยเหลือเหล่าคนเหมืองที่กําลังจะสิ้นสุดวาระงาน

 

คนเหล่านี้สามารถกลับออกไปได้อย่างปลอดภัยในสิ้นเดือนนี้ พวกเขาสามารถออกไปจากเหมืองนรกที่ไม่มีวันสิ้นสุดและได้กลับไปพบหน้าครอบครัวของพวกเขาอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตาม, พวกมันได้กลายเป็นภาพลวงตาที่เลือนลางไปหมดสิ้น เขาคิดว่าจากการทุ่มทุนลงแรงของพวกเขา,เขาควรจะสามารถให้พวกเขากลับออกไปได้อย่างปลอดภัย ท้ายที่สุด,เขาจะต้องสังหารเหล่าคนเหมืองที่กลายเป็นซากศพด้วยตัวของเขาเอง

 

“เย่เหวิน,ท่านมันโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”

 

ม่าเฉินพูดขึ้นอย่างตกตะลึง “ศิษย์น้องเยเจ้ากําลังทําอะไร? อย่าไปคิดมาก,ทุกอย่างจะกลายเป็นดีไปเอง ผู้อาวุโสเย่กับคนที่เหลือจะต้องหาทางจัดการพวกซากศพได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นก็จะมีทางออกไปได้”

 

“ฟุ!” ก่อนที่ม่าเฉินจะได้พูดจบ,ทันใดนั้นเซียวเฉินก็จู่โจมเซี่ยวเฉินใช้มือของเขาสับลงไปที่หลังคอของม่าเฉิน,ทําให้เขาสลบไปพร้อมกับสีหน้าตกตะลึงที่จ้องมองมาที่เซียวเฉิน

 

เซี่ยวเฉินมองไปที่ม่าเฉินที่กําลังล้มลงไปอย่างช้าๆและพูดขึ้น “ข้าขอโทษ, ข้าต้องไปตามหาคนคนนั้นและยืนยันทุกอย่าง ศิษย์พี่ม่า,เจ้าคงต้องหลับไปก่อนสักพัก”

 

หลังจากที่เซียวเฉินพูดจบ,เขาก็ขุดหลุมขึ้นมาและค่อยวางร่างของม่าเฉินลงไป จากนั้นเขาก็ใช้ดินปกปิดร่างของม่าเฉินเอาไว้

 

ด้วยระดับการบ่มเพาะพลังของม่าเฉิน,มันไม่มีปัญหาที่เขาจะหายใจได้ใต้กองดินนุ่ม ด้วยวิธีนี้,พวกซากศพจะไม่สามารถเจอตัวเขาได้เขาจะปลอดภัยในตอนที่หมดสติไป

 

หลังจากจัดการเสร็จสิ้น,เซี่ยวเฉินก็เกินตรงไปด้วยสายตาที่แน่วแน่ เย่เหวินจะต้องอยู่ตรงที่ราชันมารอสูรถูกผนึกไว้เป็นแน่

 

เซียวเฉินเคยไปมาแล้วครั้งนึง ดังนั้นเขาจึงรู้ทาง ทั้งหมดที่เขาต้องทําก็คือหากลไกที่ถูกซ่อนเอาไว้และเขาก็จะสามารถเข้าไปได้

 

หลังจากที่เซียวเฉินเดินไปไม่นานและเลี้ยวตรงมุม,ร่างอันงดงามก็ค่อยๆปรากฏขึ้น มันยากที่จะดูว่าเป็นใครในอุโมงค์ที่มืดมิด

 

อย่างไรก็ตามเซี่ยวเฉินคุ้นเคยกับคนคนนี้เป็นอย่างมาก หลังจากที่ใช้เวลากว่าครึ่งเดือนกับนาง,เซี่ยวเฉินสามารถจํานางได้เพียงมองแค่เงา-มู่ซินหยา!

 

ม่ซินหยามองมาที่เชี่ยวเฉินและยิ้มขึ้น “พี่ชายเย่…”

 

เซียวเฉินไม่อาจไปมัวพูดคุยกับนาง,เขาชักกระบี่เงาจันทร์ออกมาจากโกในทันที ในจังหวะที่กระบี่เงาจันทร์ออกมาจากฝัก,เรื่องไปด้วยประกายแสงสายฟ้า ในเวลาที่ประกายแสงลอยออก,อุโมงค์มืดมิดได้สว่างขึ้นมา

 

ทั้งสองคนสีหน้าเปลี่ยนภายใต้ประกายแสงสายฟ้า ใบหน้าของเซียวเฉินเย็นชาและไร้อารมณ์,ขณะที่ใบหน้าอันน่ารักของมู่ซินหยาดูหดหูเล็กน้อย

 

“ทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยาน,เก้าร่างแปลงมังกรสัญจร! ทักษะลับลับนิ่งหยุน,สับวายุใส!”

 

เซียวเฉินใช้ออกทักษะระดับสูงของมังกรฟ้าเมฆาทะยาน–เก้าร่างแปลงมังกรสัญจร ร่างของเซียวเฉินถูกลบหายกลายไปเป็นแสงสายฟ้า,ทิ้งเก้าภาพร่างไว้ในอากาศ

 

โดยไม่สัมผัสที่พื้น,ภาพร่างทั้งเก้าหันหน้าและเคลื่อนไปคนละทิศทาง สายลมเย็นกรรโชกเก้าสายปรากฏขึ้นภายในอุโมงค์ เซียวเฉินใช้ออกสับวายุใสอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วระดับสายฟ้า

 

หากคมกระบี่ถูกซ่อนไว้ท่ากลางสายลมเย็น, จะไม่มีพลังฉีฆ่าฟันรั่วไหลออกมา กลับกัน มันจะมองเป็นความอบอุ่นที่อ่อนโยน มันราวกับเสียงกระซิบอ่อนหวานท่ามกลางสายลมอ่อนนุ่ม

 

“ชัว!”

 

ภาพร่างทั้งเก่าผสานกลับเข้าด้วยกัน เซียวเฉินเก็บกระบี่เข้าฝักขณะที่เขายืนนิ่งเงียบอยู่ด้านหลังของมู่ซินหยา ใบหน้าของเขามีความนิ่งสงบ,ไม่ปรากฏอารมณ์แม้แต่น้อยมันเยือกเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ

 

“ฟู่ ฟิ่ว!”

 

จุดลมปราณทั้งเก้าบนหน้าอกของมู่ซินหยา ทั้งหมดมีเลือดเลือดหหลทะลักออกมาพร้อมกัน จากนั้นนางก็ล้มลงกับพื้นเสียงดังปัง

 

จุดลมปราณทั้งเก้าบนหน้าอกของนางทั้งหมดถูกซัดด้วยกระบี่ แม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญก็ตกตายได้ในพริบตา;หมดหนซึ่งหนทางรักษา

 

มู่ซินหยาตัวซีดเซียวพร้อมกับยิ้มขึ้นขมๆ “ข้าคิดไว้ว่าหลังจากที่ได้ร่วมงานด้วยกันมากว่าครึ่งเดือน,อย่างน้อยเจ้าน่าจะให้ข้าได้พูดจบก่อนที่จะสังหารข้า ข้าไม่คาดคิดว่าพี่ชายเย่จะไร้เมตตาเช่นนี้”

 

เซียวเฉินกล่าวด้วยเสียงเย็นยะเยือก “ข้าก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าภายนอกของเจ้าที่ไร้เดียสา,เจ้าจะมีจิตใจที่โหดเหี้ยม ข้าเคยคิดว่าไม่ว่าเจ้ากําลังจะทําอะไรเจ้าคงไม่ลงมือกับเหล่าคนเหมืองผู้บริสุทธิ์”

 

เซี่ยวเฉินไม่ได้คิดว่าตัวเขาเองก็เป็นคนดีแต่ปกติเขาคงไม่ทําเรื่องไร้หัวใจเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม,หญิงสาวตรงหน้าเขาได้ข้ามเส้นขีดสุดท้ายในใจของเขา

 

ในโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กใบนี้ ที่ธรรมชาติคัดสรรด้วยชัยชนะ,ศีลธรรมได้ถูกทิ้งหายไปนานมาแล้ว ผู้คนเคารพความแข็งแกร่ง,ผู้ที่มีกําปั้นใหญ่สุดเป็นคนถูกเสมอ

 

ตั้งแต่วันแรกที่เขาได้มายังโลกใบนี้ เมื่อเขาถูกดูถูกเหยียดหยามโดยคนในตระกูลเซี่ยวเขาก็ได้เข้าใจถึงหลักการนี้อย่างแจ่มชัด

 

อย่างไรก็ตาม มันมีบางสิ่งที่ต้องรักษาไว้ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปเช่นไร การสังหารผู้บริสุทธิ์โดยไม่มีเหตุผลคือเส้นสุดท้ายที่ต้องรักษาเอาไว้

มู่ซินหยาได้ข้ามเส้นสุดท้ายของเซียวเฉินไปอย่างไม่ใยดีสังหารทันทีที่เห็น!

 

หากเย่เหวินไม่มีคําอธิบายที่เหมาะสมให้กับเขา,เซี่ยวเฉินก็จะทวงความยุติธรรมให้กับเหล่าคนเหมืองทั้งหมดด้วยเช่นกัน

 

“ฟู่! ฟู่!”

 

ขณะที่เซียวเฉินกําลังเตรียมตัวที่จะจากไป,ร่างของมู่ซินหยาก็เริ่มเคลื่อนไหว เขารีบหนุดฝีเท้าและหันมามองในทันที

 

กลายร่างไปเป็นซากศพ?

 

สายตาของเซียวเฉินจ้องมองไปด้วยความสงสัย ผิวหนังของมู่ซินหยาราวกับถูกกรีดด้วยคมมีด,มันแยกออกจากกันพร้อมกับเสียง “ชัว”

 

ร่างร่างหนึ่งค่อยๆโผล่ออกมาจากผิวหนัง ร่างของนางเปล่อยเปล่า เส้นผมสีเงินบนหัวลงมาปิดแผ่นหลังของนาง,ส่องแสงสว่างในอุโมงค์มืดมิด หญิงสาวตรงหน้าของเขาช่างมองดูเหมือนกับเอลฟ์

 

ผิวของนางสีขาวราวกับหิมะ,มันช่างโดดเด่นในความมืดมิด

 

สายตาของเซี่ยวเฉินมองทะลุผ่านความมืดแต่ไม่ได้จับจ้องไปยังส่วนที่ต้องทําให้ชายทุกคนต้องเลือดออกจมูกกลับกลับ,เขาจ้องมองไปที่ใบหูของนาง

 

ใบหูคู่นั้นยาวแหลม พวกมันเหมือนกับของเอลฟ์ที่อยู่ในภาพยนตร์ นางช่างงดงามเป็นที่สุด อย่างไรก็ตาม,เอลฟ์ไม่ได้มีตัวตนอยู่ในโลกใบนี้ ใบหูคู่นั้นเป็นตัวบ่งบอกว่านางไม่ใช่มนุษย์

 

นางคือมารอสูร,หญิงสาวจากเผ่ามารอสูร

 

มู่ซินหยาโบกมือของนางและชุดคลุมยาวสีขาวก็ปรากฏขึ้น นางรีบบิกคลุมร่างกายต่อหน้าเซี่ยวเฉิน,ปกปิดส่วนสําคัญทุกจุด

 

มู่ซินหยามองมาที่เซียวเฉินและพูดขึ้น “พี่ชายเย่,มันไม่สะดวกสําหรับข้าที่จะบอกเจ้าถึงความจริง ทั่วทั้งเหมืองวิญญาณแห่งนี้ได้ตกสู่ความปั่นปวน เจ้าควรจะอยู่ที่นี่ห้ามขยับไปไหน หลังจากที่ทุกอย่างจบลง,ข้าจะพาเจ้าออกไปโ”

 

“ข้าเคยบอกไว้แล้ว,ข้าจะทําอย่างที่สุดเพื่อหาโอกาสปกป้องเจ้าเพื่อตอบแทน”

 

“ฟู่! ฟู่!”

 

หลังจากที่มู่ซินหยาพูดจบ,นางก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว,กลายเป็นแสงสีเงินวูบไหวหายไปจากสายตาของเซียวเฉิน นางรวดเร็วยิ่งกว่ามังกรฟ้าเมฆาทะยานระดับสมบูรณ์ขั้นต้นของเซี่ยวเฉินอย่างน้อยก็หนึ่งในสิบส่วน

 

เซี่ยวเฉินนิ่งอึ้งเล็กน้อย ในทันทีที่เขาฟังซ่าน,มู่ซินหยาก็หายลับไปเรียบร้อยแล้ว

 

ตาม!

 

ติดตามเส้นทางที่มู่ซินหยาผ่านไป,เซี่ยวเฉินไล่ตามนาง เขาพบว่าเส้นทางที่มู่ซินหยากําลังมุ่งหน้าไปคือที่ที่ราชันมารอสูรถูกปิดผนึกเอาไว้

 

เส้นทางเป็นเหมือนกับที่เซี่ยวเฉินจําได้แต่กลไกลับทั้งหมดถูกเปิดออกเรียบร้อยแล้ว เซี่ยวเฉินสามารถไล่ตามไปได้โดยไม่ติดจัด หลังจากนั้นครู่หนึ่งในที่สุด เขาก็มาถึงที่ถ้ำใต้ดินขนาดใหญ่

 

“ชิ! ชิ! ชิ! ชิ!”

 

ก่อนที่เขาจะได้เข้าไปใกล้,เขาสามารถได้ยินเสียงต่อสู้ดุเดือด เสียงฆ่าฟันเติมเต็มไปในอากาศและเสียงตะโกนดังออกมาอย่างต่อเนื่อง เซียวเฉินปิดซ่อนตัวและขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไปสังเกตการณ์อย่างระวัง

 

ภายในถ้ำ แม่น้ำสายนั้นดูเหมือจะเป็นเขตแดน ในฝั่งที่ราชันมารอสูรถูกผนึกเอาไว้มีมือกระบี่จากค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาถือกระบี่เอาไว้และไม่ได้เคลื่อนไหว

 

ในอีกฝั่งหนึ่งคือเหล่าซากศพฝูงใหญ่ พวกมันทั้งหมดเป็นประเทถที่ถูกปรับแต่งด้วยวิธีพิเศษ นับแบบคร่าวๆ,พวกมันน่าจะมีอย่างน้อยหนึ่งพัน

 

นอกจากนั้นยังมีซากศพที่กําลังปืนขึ้นมาจากพื้นดิน มันทําให้ถ้ำขนาดใหญ่ดูแน่นขนัด เพียงมองดูก็ลายตา

 

ที่ตรงกลางแม่น้ำเมีระดับขอบเขตนักบุญของศาลากระบี่สวรรค์กลุ่มใหญ่ พวกเขากําลังต่อสู้กับเหล่าซากศพที่พยายามจะข้ามฝั่งแม่น้ำ ฉากต่อสู้ที่ดุเดือดเกินกว่าจินตนาการของเซี่ยวเฉิน แม่น้ำสีใสถูดย้อมด้วยเลือดแดงสดไปเรียบร้อย

 

ความแข็งแกร่งของพวกซากศพมันเกินกว่าการคาดการณ์ของเซียวเฉินไปด้วยเช่นกัน แม้แต่ผู้เชียวชาญระดับขอบเขตนักบุญก็ไม่สามารถสังหารซากศพที่ปรับแต่งเป็นพิเศษได้ภายในการโจมตีครั้งเดียว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 191 สันเทาด้วยความกลัว

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 191 สันเทาด้วยความกลัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 191 สันเทาด้วยความกลัว

 

เปรียบเทียบกับอีกฝ่ายนึงของนิกายซากศพเลื่อนไหล,พวกเขาค่อนข้างเก็บตัว พวกเขาแปลกประหลาดยิ่งกว่า เพื่อที่จะบ่มเพาะพลังเส้นทางแห่งซากศพ,คนพวกนี้จะฝังตัวเองไว้ใต้ดินเป็นเวลานับพันปี

 

เมื่อจักรพรรดิเทียนหวี่ล้างบางนิกายซากศะเลื่อนไหล,เขาได้สังหารผู้เชี่ยวชาญของฝ่ายนี้ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม,สัตว์ประหลาดเก่าแก่บางตัวที่กําลังซ่อนอยู่ใต้ดินก็หลบเลี่ยงการโจมตีของพวกเขาออกไปได้

 

แม้ว่านิกายฝ่ายนี้จะปิดตัวเงียบ,แต่เป็นเพราะทักษะบ่มเพาะพลังของพวกเขามันแปลกประหลาดจนเกินไป จึงไม่มีใครยินดีที่จะเรียนรู้เส้นทางแห่งซากศพ,และนิกายซากศะเลือนไหลก็ได้ถูกลบหายไปอย่างสมบูรณ์

 

หลังจากที่เซียวเฉินได้ฟังเรื่องเล่าของม่าเฉิน,เขาก็เต็มไปด้วยความงุนงง เขาถามขึ้น “ตามที่เจ้าเล่ามา,พวกเขาได้กลายไปเป็นซากศพที่ทรงพลัง พวกคนเหมืองที่ได้กลายเป็นซากศพในอุโมงค์เห็นชัดว่าไม่ได้มีพลังต่อสู้มากนัก เช่นนั้นทําไมถึงได้เปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นซากศพ?”

 

ม่าเฉินยิ้มบางเบา “โดยปกติ, พวกมันไม่ได้มีพลังต่อสู่มากนักเป็นเพราะร่างกายของพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งมากไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปมากมายหลังจากที่พวกเขากลายร่างเป็นซากศพ ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงคงเป็นซากศพพวกแรกที่พวกเราเจอ หลังจากที่ใช้วิธีพิเศษในการปรับแต่งพวกมัน, พวกมันก็ได้รับพลังต่อสู้มา”

 

“สําหรับคนเหมืองที่พวกเราเจอ,ดูเหมือนจะเป็นผลพลอยได้ของพวกเขา ถึงอย่างไร มันก็ไม่ได้ยากเย็นนักที่จะเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นซากศพ”

 

เซี่ยวเฉินเผยสีหน้าซีดเซียวพร้อมกับกํามือซ้ายของเขาไว้แน่น เขากล่าวขึ้น “คนพวกนี้จิตใจไม่ใช่มนุษย์ พวกเขาไม่แม้แต่จะปล่อยคนบริสุทธิ์ไป”

 

ม่าเฉินหัวเราะ “มนุษย์? คนพวกนี้ถึงเป็นกึ่งตาย,พวกเขาจะเป็นมนุษย์ได้ถึงเพียงใด? พวกเขาไม่ใช่มนุษย์มานานแล้ว มิฉะนั้น,พวกเขาคงไม่ทําให้ทั่วยุทธภพเกรี้ยวโกรธในตอนนั้น”

 

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง,ม่าเฉินก็กล่าวต่อ “ข้าสงสัยว่าผู้อาวุโสเย่ตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน พวกเราติดอยู่ที่นี่และจะเดินห้าหรือล่าถอยก็ไม่ได้ หากพวกเรากลับออกไปไม่ได้ มันก็เหมือนว่าพวกเราจะต้องตกตายอยู่ที่นี่”

 

ทางออกของเหมืองแห่งนี้ถูกเก็บเป็นความลับสุดยอด มันเป็นไปไม่ได้ที่ศิษย์ชั้นในหรือภารกิจนิกายจะรู้ได้ มีบุคคลพิเศษที่ค่อยนําคนเข้าออกสถานที่แห่งนี้ พวกเขาจะเอาคนใส่ลงในสมบัติลับก่อนที่จะเคลื่อนย้ายพวกเขามา

 

หากเกิดอะไรขึ้นกับเย่เหวินและคนอื่นๆจริง,มันก็เป็นไปได้ว่าเซี่ยวเฉินและม่าเฉินจะไม่ได้ทางกลับออกไปได้และตกตายอยู่ที่นี่ ร่างกายของพวกเขาจะต้องเปลี่ยนไปเป็นพวกซากศพเช่นกัน

 

เซียวเฉินสั่นกลัวเพียงนึกถึงมัน อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาครุ่นคิดเกี่ยวกับมันอีกครั้ง เขารู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดอะไรขึ้นกับเย่เหวิน ในตอนนั้น,ที่เขาบอกเย่เหวินว่ามีอะไรแปลกๆระหว่างมู่ซินหยาและหัวหน้าลี่,เขามีสีหน้านิ่งสงบอย่างมาก เขาแม้กระทั่งเตือนเซียวเฉินให้สนใจแต่งานของตัวเอง

 

ย้อนกลับไปตอนนั้น,เย่เหวินจะต้องบอกใบ้ว่าเขารู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มานานแล้ว เขากําลังเตือนเซียวเฉินว่าอย่าได้ไปทําให้ศัตรูรู้ตัว

 

“ปัง!”

 

เซียวเฉินต่อยเข้ากําแพงอย่างรุนแรงกําปั้นของเขาแบกน้ำหนักกว่าหนึ่งพันกิโลกรัม รูขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนกําแพงในทันทีและก้อนหินร่วงหล่นลงมาอย่างต่อเนื่อง

 

หากว่าเขารู้ถึงเรื่องนี้ล่วงหน้า เขาสามารถช่วยชีวิตเหล่าคนเหมืองเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ย้ายเหล่าคนเหมืองออกไปเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ศัตรูรู้ตัว,แผนของเขาจึงสามารถสําเร็จได้

 

เมื่อเซี่ยวเฉันคิดถึงเหล่าคนเหมือง,เขารู้สึกว่ามันไม่ได้คุ้มค่ากันเลย เขานึกถึงฉากที่หัวหน้าเขาอ้อนวอนเขา,ให้ช่วยเหลือเหล่าคนเหมืองที่กําลังจะสิ้นสุดวาระงาน

 

คนเหล่านี้สามารถกลับออกไปได้อย่างปลอดภัยในสิ้นเดือนนี้ พวกเขาสามารถออกไปจากเหมืองนรกที่ไม่มีวันสิ้นสุดและได้กลับไปพบหน้าครอบครัวของพวกเขาอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตาม, พวกมันได้กลายเป็นภาพลวงตาที่เลือนลางไปหมดสิ้น เขาคิดว่าจากการทุ่มทุนลงแรงของพวกเขา,เขาควรจะสามารถให้พวกเขากลับออกไปได้อย่างปลอดภัย ท้ายที่สุด,เขาจะต้องสังหารเหล่าคนเหมืองที่กลายเป็นซากศพด้วยตัวของเขาเอง

 

“เย่เหวิน,ท่านมันโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”

 

ม่าเฉินพูดขึ้นอย่างตกตะลึง “ศิษย์น้องเยเจ้ากําลังทําอะไร? อย่าไปคิดมาก,ทุกอย่างจะกลายเป็นดีไปเอง ผู้อาวุโสเย่กับคนที่เหลือจะต้องหาทางจัดการพวกซากศพได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นก็จะมีทางออกไปได้”

 

“ฟุ!” ก่อนที่ม่าเฉินจะได้พูดจบ,ทันใดนั้นเซียวเฉินก็จู่โจมเซี่ยวเฉินใช้มือของเขาสับลงไปที่หลังคอของม่าเฉิน,ทําให้เขาสลบไปพร้อมกับสีหน้าตกตะลึงที่จ้องมองมาที่เซียวเฉิน

 

เซี่ยวเฉินมองไปที่ม่าเฉินที่กําลังล้มลงไปอย่างช้าๆและพูดขึ้น “ข้าขอโทษ, ข้าต้องไปตามหาคนคนนั้นและยืนยันทุกอย่าง ศิษย์พี่ม่า,เจ้าคงต้องหลับไปก่อนสักพัก”

 

หลังจากที่เซียวเฉินพูดจบ,เขาก็ขุดหลุมขึ้นมาและค่อยวางร่างของม่าเฉินลงไป จากนั้นเขาก็ใช้ดินปกปิดร่างของม่าเฉินเอาไว้

 

ด้วยระดับการบ่มเพาะพลังของม่าเฉิน,มันไม่มีปัญหาที่เขาจะหายใจได้ใต้กองดินนุ่ม ด้วยวิธีนี้,พวกซากศพจะไม่สามารถเจอตัวเขาได้เขาจะปลอดภัยในตอนที่หมดสติไป

 

หลังจากจัดการเสร็จสิ้น,เซี่ยวเฉินก็เกินตรงไปด้วยสายตาที่แน่วแน่ เย่เหวินจะต้องอยู่ตรงที่ราชันมารอสูรถูกผนึกไว้เป็นแน่

 

เซียวเฉินเคยไปมาแล้วครั้งนึง ดังนั้นเขาจึงรู้ทาง ทั้งหมดที่เขาต้องทําก็คือหากลไกที่ถูกซ่อนเอาไว้และเขาก็จะสามารถเข้าไปได้

 

หลังจากที่เซียวเฉินเดินไปไม่นานและเลี้ยวตรงมุม,ร่างอันงดงามก็ค่อยๆปรากฏขึ้น มันยากที่จะดูว่าเป็นใครในอุโมงค์ที่มืดมิด

 

อย่างไรก็ตามเซี่ยวเฉินคุ้นเคยกับคนคนนี้เป็นอย่างมาก หลังจากที่ใช้เวลากว่าครึ่งเดือนกับนาง,เซี่ยวเฉินสามารถจํานางได้เพียงมองแค่เงา-มู่ซินหยา!

 

ม่ซินหยามองมาที่เชี่ยวเฉินและยิ้มขึ้น “พี่ชายเย่…”

 

เซียวเฉินไม่อาจไปมัวพูดคุยกับนาง,เขาชักกระบี่เงาจันทร์ออกมาจากโกในทันที ในจังหวะที่กระบี่เงาจันทร์ออกมาจากฝัก,เรื่องไปด้วยประกายแสงสายฟ้า ในเวลาที่ประกายแสงลอยออก,อุโมงค์มืดมิดได้สว่างขึ้นมา

 

ทั้งสองคนสีหน้าเปลี่ยนภายใต้ประกายแสงสายฟ้า ใบหน้าของเซียวเฉินเย็นชาและไร้อารมณ์,ขณะที่ใบหน้าอันน่ารักของมู่ซินหยาดูหดหูเล็กน้อย

 

“ทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยาน,เก้าร่างแปลงมังกรสัญจร! ทักษะลับลับนิ่งหยุน,สับวายุใส!”

 

เซียวเฉินใช้ออกทักษะระดับสูงของมังกรฟ้าเมฆาทะยาน–เก้าร่างแปลงมังกรสัญจร ร่างของเซียวเฉินถูกลบหายกลายไปเป็นแสงสายฟ้า,ทิ้งเก้าภาพร่างไว้ในอากาศ

 

โดยไม่สัมผัสที่พื้น,ภาพร่างทั้งเก้าหันหน้าและเคลื่อนไปคนละทิศทาง สายลมเย็นกรรโชกเก้าสายปรากฏขึ้นภายในอุโมงค์ เซียวเฉินใช้ออกสับวายุใสอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วระดับสายฟ้า

 

หากคมกระบี่ถูกซ่อนไว้ท่ากลางสายลมเย็น, จะไม่มีพลังฉีฆ่าฟันรั่วไหลออกมา กลับกัน มันจะมองเป็นความอบอุ่นที่อ่อนโยน มันราวกับเสียงกระซิบอ่อนหวานท่ามกลางสายลมอ่อนนุ่ม

 

“ชัว!”

 

ภาพร่างทั้งเก่าผสานกลับเข้าด้วยกัน เซียวเฉินเก็บกระบี่เข้าฝักขณะที่เขายืนนิ่งเงียบอยู่ด้านหลังของมู่ซินหยา ใบหน้าของเขามีความนิ่งสงบ,ไม่ปรากฏอารมณ์แม้แต่น้อยมันเยือกเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ

 

“ฟู่ ฟิ่ว!”

 

จุดลมปราณทั้งเก้าบนหน้าอกของมู่ซินหยา ทั้งหมดมีเลือดเลือดหหลทะลักออกมาพร้อมกัน จากนั้นนางก็ล้มลงกับพื้นเสียงดังปัง

 

จุดลมปราณทั้งเก้าบนหน้าอกของนางทั้งหมดถูกซัดด้วยกระบี่ แม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญก็ตกตายได้ในพริบตา;หมดหนซึ่งหนทางรักษา

 

มู่ซินหยาตัวซีดเซียวพร้อมกับยิ้มขึ้นขมๆ “ข้าคิดไว้ว่าหลังจากที่ได้ร่วมงานด้วยกันมากว่าครึ่งเดือน,อย่างน้อยเจ้าน่าจะให้ข้าได้พูดจบก่อนที่จะสังหารข้า ข้าไม่คาดคิดว่าพี่ชายเย่จะไร้เมตตาเช่นนี้”

 

เซียวเฉินกล่าวด้วยเสียงเย็นยะเยือก “ข้าก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าภายนอกของเจ้าที่ไร้เดียสา,เจ้าจะมีจิตใจที่โหดเหี้ยม ข้าเคยคิดว่าไม่ว่าเจ้ากําลังจะทําอะไรเจ้าคงไม่ลงมือกับเหล่าคนเหมืองผู้บริสุทธิ์”

 

เซี่ยวเฉินไม่ได้คิดว่าตัวเขาเองก็เป็นคนดีแต่ปกติเขาคงไม่ทําเรื่องไร้หัวใจเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม,หญิงสาวตรงหน้าเขาได้ข้ามเส้นขีดสุดท้ายในใจของเขา

 

ในโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กใบนี้ ที่ธรรมชาติคัดสรรด้วยชัยชนะ,ศีลธรรมได้ถูกทิ้งหายไปนานมาแล้ว ผู้คนเคารพความแข็งแกร่ง,ผู้ที่มีกําปั้นใหญ่สุดเป็นคนถูกเสมอ

 

ตั้งแต่วันแรกที่เขาได้มายังโลกใบนี้ เมื่อเขาถูกดูถูกเหยียดหยามโดยคนในตระกูลเซี่ยวเขาก็ได้เข้าใจถึงหลักการนี้อย่างแจ่มชัด

 

อย่างไรก็ตาม มันมีบางสิ่งที่ต้องรักษาไว้ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปเช่นไร การสังหารผู้บริสุทธิ์โดยไม่มีเหตุผลคือเส้นสุดท้ายที่ต้องรักษาเอาไว้

มู่ซินหยาได้ข้ามเส้นสุดท้ายของเซียวเฉินไปอย่างไม่ใยดีสังหารทันทีที่เห็น!

 

หากเย่เหวินไม่มีคําอธิบายที่เหมาะสมให้กับเขา,เซี่ยวเฉินก็จะทวงความยุติธรรมให้กับเหล่าคนเหมืองทั้งหมดด้วยเช่นกัน

 

“ฟู่! ฟู่!”

 

ขณะที่เซียวเฉินกําลังเตรียมตัวที่จะจากไป,ร่างของมู่ซินหยาก็เริ่มเคลื่อนไหว เขารีบหนุดฝีเท้าและหันมามองในทันที

 

กลายร่างไปเป็นซากศพ?

 

สายตาของเซียวเฉินจ้องมองไปด้วยความสงสัย ผิวหนังของมู่ซินหยาราวกับถูกกรีดด้วยคมมีด,มันแยกออกจากกันพร้อมกับเสียง “ชัว”

 

ร่างร่างหนึ่งค่อยๆโผล่ออกมาจากผิวหนัง ร่างของนางเปล่อยเปล่า เส้นผมสีเงินบนหัวลงมาปิดแผ่นหลังของนาง,ส่องแสงสว่างในอุโมงค์มืดมิด หญิงสาวตรงหน้าของเขาช่างมองดูเหมือนกับเอลฟ์

 

ผิวของนางสีขาวราวกับหิมะ,มันช่างโดดเด่นในความมืดมิด

 

สายตาของเซี่ยวเฉินมองทะลุผ่านความมืดแต่ไม่ได้จับจ้องไปยังส่วนที่ต้องทําให้ชายทุกคนต้องเลือดออกจมูกกลับกลับ,เขาจ้องมองไปที่ใบหูของนาง

 

ใบหูคู่นั้นยาวแหลม พวกมันเหมือนกับของเอลฟ์ที่อยู่ในภาพยนตร์ นางช่างงดงามเป็นที่สุด อย่างไรก็ตาม,เอลฟ์ไม่ได้มีตัวตนอยู่ในโลกใบนี้ ใบหูคู่นั้นเป็นตัวบ่งบอกว่านางไม่ใช่มนุษย์

 

นางคือมารอสูร,หญิงสาวจากเผ่ามารอสูร

 

มู่ซินหยาโบกมือของนางและชุดคลุมยาวสีขาวก็ปรากฏขึ้น นางรีบบิกคลุมร่างกายต่อหน้าเซี่ยวเฉิน,ปกปิดส่วนสําคัญทุกจุด

 

มู่ซินหยามองมาที่เซียวเฉินและพูดขึ้น “พี่ชายเย่,มันไม่สะดวกสําหรับข้าที่จะบอกเจ้าถึงความจริง ทั่วทั้งเหมืองวิญญาณแห่งนี้ได้ตกสู่ความปั่นปวน เจ้าควรจะอยู่ที่นี่ห้ามขยับไปไหน หลังจากที่ทุกอย่างจบลง,ข้าจะพาเจ้าออกไปโ”

 

“ข้าเคยบอกไว้แล้ว,ข้าจะทําอย่างที่สุดเพื่อหาโอกาสปกป้องเจ้าเพื่อตอบแทน”

 

“ฟู่! ฟู่!”

 

หลังจากที่มู่ซินหยาพูดจบ,นางก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว,กลายเป็นแสงสีเงินวูบไหวหายไปจากสายตาของเซียวเฉิน นางรวดเร็วยิ่งกว่ามังกรฟ้าเมฆาทะยานระดับสมบูรณ์ขั้นต้นของเซี่ยวเฉินอย่างน้อยก็หนึ่งในสิบส่วน

 

เซี่ยวเฉินนิ่งอึ้งเล็กน้อย ในทันทีที่เขาฟังซ่าน,มู่ซินหยาก็หายลับไปเรียบร้อยแล้ว

 

ตาม!

 

ติดตามเส้นทางที่มู่ซินหยาผ่านไป,เซี่ยวเฉินไล่ตามนาง เขาพบว่าเส้นทางที่มู่ซินหยากําลังมุ่งหน้าไปคือที่ที่ราชันมารอสูรถูกปิดผนึกเอาไว้

 

เส้นทางเป็นเหมือนกับที่เซี่ยวเฉินจําได้แต่กลไกลับทั้งหมดถูกเปิดออกเรียบร้อยแล้ว เซี่ยวเฉินสามารถไล่ตามไปได้โดยไม่ติดจัด หลังจากนั้นครู่หนึ่งในที่สุด เขาก็มาถึงที่ถ้ำใต้ดินขนาดใหญ่

 

“ชิ! ชิ! ชิ! ชิ!”

 

ก่อนที่เขาจะได้เข้าไปใกล้,เขาสามารถได้ยินเสียงต่อสู้ดุเดือด เสียงฆ่าฟันเติมเต็มไปในอากาศและเสียงตะโกนดังออกมาอย่างต่อเนื่อง เซียวเฉินปิดซ่อนตัวและขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไปสังเกตการณ์อย่างระวัง

 

ภายในถ้ำ แม่น้ำสายนั้นดูเหมือจะเป็นเขตแดน ในฝั่งที่ราชันมารอสูรถูกผนึกเอาไว้มีมือกระบี่จากค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาถือกระบี่เอาไว้และไม่ได้เคลื่อนไหว

 

ในอีกฝั่งหนึ่งคือเหล่าซากศพฝูงใหญ่ พวกมันทั้งหมดเป็นประเทถที่ถูกปรับแต่งด้วยวิธีพิเศษ นับแบบคร่าวๆ,พวกมันน่าจะมีอย่างน้อยหนึ่งพัน

 

นอกจากนั้นยังมีซากศพที่กําลังปืนขึ้นมาจากพื้นดิน มันทําให้ถ้ำขนาดใหญ่ดูแน่นขนัด เพียงมองดูก็ลายตา

 

ที่ตรงกลางแม่น้ำเมีระดับขอบเขตนักบุญของศาลากระบี่สวรรค์กลุ่มใหญ่ พวกเขากําลังต่อสู้กับเหล่าซากศพที่พยายามจะข้ามฝั่งแม่น้ำ ฉากต่อสู้ที่ดุเดือดเกินกว่าจินตนาการของเซี่ยวเฉิน แม่น้ำสีใสถูดย้อมด้วยเลือดแดงสดไปเรียบร้อย

 

ความแข็งแกร่งของพวกซากศพมันเกินกว่าการคาดการณ์ของเซียวเฉินไปด้วยเช่นกัน แม้แต่ผู้เชียวชาญระดับขอบเขตนักบุญก็ไม่สามารถสังหารซากศพที่ปรับแต่งเป็นพิเศษได้ภายในการโจมตีครั้งเดียว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+