Immortal and Martial Dual Cultivation 272 กำปั้นใหญ่เป็นฝ่ายถูก

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 272 กำปั้นใหญ่เป็นฝ่ายถูก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 272 กำปั้นใหญ่เป็นฝ่ายถูก ท้ายที่สุด,พวกเขาถึงกับทำตัวเป็นผู้ถูกกระทำ,ถามหาเซียวเฉินกับหลิวสุยเฟิงถึงคำอธิบายหากพวกเขาทั้งสองไม่มีคำอธิบายที่เหมาะสม,เช่นนั้นพวกมันก็จะลงมือนี่มันไม่ต่างไปจากปล้นจี้กันซึ่งหน้า,ไม่มีมนุษยธรรมแม้แต่น้อย,ไร้ซึ่งเหตุผล อย่างไรก็ตามเซียวเฉินได้เรียนรู้มาแล้วว่าอย่าไปคาดหวังกับการใช้เหตุผลแก้ปัญหาในโลกใบนี้ผู้คนใช้ชีวิตดั่งมดปลวกในโลกใบนี้กำปั้นใหญ่เป็นฝ่ายถูก ในจังหวะนี้,ตระกูลชรือถือกำปั้นใหญ่กว่า,ดังนั้น,พวกเขาอยู่ฝ่ายถูกผู้บ่มเพาะพลังที่เห็นเหตุการณ์ยืนรายล้อมนิ่งเงียบไม่มีใครพูดจาไม่มีใครออกเสียงฝ่ายเซียวเฉินและหลิวสุยเฟิงนี่เป็นตัวอย่างทั่วไปของโลกใบนี้ เซี่ยวเฉินมีสีหน้านิ่งสงบอย่างไม่น่าเชื่อพร้อมกับกล่าวออกไปทีละคำอย่างชัดเจน” ข้าเป็นคนทำร้ายชรือเฟิงหากเจ้าอยากจะโจมตีข้าเช่นนั้นก็เชิญตราบใดที่เจ้าไม่เกรงกลัวที่จะเชื้อเชิญหายนะมาสู่ตระกูลหรือของเจ้าก็เข้ามา! ” เป็นเรื่องง่ายที่จะใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้แต่อย่างไรก็ตามมีไม่กี่คนนักที่ใช้ชีวิตได้อย่างมีเกีย เซี่ยวเฉินมักมีความคิดเห็นที่ว่าผู้บ่มเพาะพลังไม่จำเป็นต้องเผยความเฉลียวฉลาดออกมาแต่อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องมีจิตวิญญาณไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร,จิตวิญญาณไม่อาจจางหายไป นี่เป็นหลักการที่ว่าอย่าได้หยิ่งผยองแต่ต้องมีความภาคภูมิใจ หากเชี่ยวเฉินลดตัวเองลงไปปั้นคำอธิบายและกล่าวขออภัย,ด้วยสถานะของศาบากระบี่สวรรค์,ตระกูลชรือจะไม่กล้าทำอะไรพวกเขาทั้งสอง แต่อย่างไรก็ตาม,หากเป็นเช่นนั้นจะเกิดเป็นแบบอย่างขึ้นมาทำให้เกิดขึ้นต่อไปซ้ำๆในที่สุด,พวกเขาก็จะสูญเสียจิตวิญญาณในฐานะผู้บ่มเพาะพลังของพวกเขาไป เมื่อผู้บ่มเพาะพลังที่มากความสามารถสูญเสียซึ่งจิตวิญญาณ,ไม่สำคัญว่าเขาจะเคยมีพรสวรรค์สูงส่งแค่ไหน,เขาจะไม่มีทางปีนขึ้นไปสู่สุดสูงสุดแห่งการบ่มเพาะพลังตลอดกาล ในตอนนี้เซี่ยวเฉินไม่ได้ปิดซ่อนความประกายแสงของตัวเขากระแสพลังของเขายิ่งเจิดจ้าและสว่างไสว,กำลังเผยเจตนาฆ่าฟันออกมาทั่วทั้งร่างของเขาราวกับเป็นกระบี่ล้ำค่าที่ยังไม่ถูกชักออกมา ” กระบี่ล้ำค่านี่” เฉียบคมเป็นอย่างยิ่งมันทะลวงผ่านชั้นอากาศและเชือดเฉือนจิตวิญญาณของพวกเขา ทันใดนั้น,หมู่เมฆอันไร้ขอบเขตเริ่มปั่นป่วนขึ้นบนท้องฟ้ามีเสียงคึกโครมดึงลงมาจากสวรรค์;พลังของสายฟ้าได้ก่อตัวขึ้น ” เกิดอะไรขึ้น? ทำไมท้องฟ้าถึงได้กลายเป็นมีดมัว? ” ทันใดนั้นเอง,ผู้บ่มเพาะพลังโดยรอบพบว่าหมู่เมฆมืดมัวเหนือหัวของพวกเขาได้เข้ามาบดบังแสงอาทิตย์ท้องฟ้าพลันเปลี่ยนเป็นมืดมน ” นี่มันสภาวะแห่งสายฟ้าข้าไม่คาดคิดว่าเจ้าหมอนี้จะบรรจุสภาวะแห่งสายฟ้าได้ลึกล้ำถึงขั้นนี้ตั้งแต่อายุยังน้อยเขาสามารถดึงพลังแห่งสายฟ้าออกมาใช้ได้แล้ว” ” นี่เป็นสัญญาณของระดับสมบูรณ์ขั้นต้นข้าเคยพบเห็นเช่นนี้จากระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นปราศจากความสามารถในการเข้าใจในระดับที่เพียงพอ,ไม่มีผู้ใดบรรลุถึงมันได้” ” อย่างไรก็ตามถึงแม้จะด้วยสภาวะแห่งสายฟ้าระดับสมบูรณ์ขั้นต้นของเขาเขายังคงไม่อาจต่อกรกับผู้อาวุโสสี่แห่งตระกูลชรอได้ชายชราผู้นี้ได้ขึ้นมาถึง ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดมานานหลายปีแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ,มันก็หาได้ยากที่ในระดับขอบเขตนักบุญจะมาต่อกรกับเขาได้” เมื่อผู้อาวุโสสี่ตระกูลชรือได้เห็นเซียวเฉินพร้อมกับกระแสพลังที่พุ่งพล่านของเขาเขารู้สึกว่านี่เป็นสองที่เขาไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป สำหรับการจัดการกับรุ่นเยาว์ที่มาจากขุมอำนาจใหญ่,เหล่ารุ่นอาวุโสได้มีความเข้าใจโดยทั่วกันตราบใดที่ไม่มีใครตกตาย,พวกเขาจะไม่เคลื่อนไหว เดิมที่ตระกูลชรือไม่ได้มีแผนจะลงมืออะไรอย่างไรก็ตาม,พวกเขาได้ยินมาว่าชรือเฟิงถูกเตะกระเด็นออกมาจากศาลาหลับไหลโดยคนของศาบากระบี่สวรรค์ ในฐานะหนึ่งในสามตระกูลชั้นสูง,ผู้นำตระกูลชรือรู้สึกเสียหน้าหากข่าวลือนี้กระจายออกไป,มันจะส่วผลกระทบร้ายแรงกับชื่อเสียงของตระกูลชรือในเมืองซีเหอ ดังนั้นเขาได้มอบหมายให้ผู้อาวุโสสี่นำกลุ่มมารชจัดการกับเรื่อวนี้เรื่องนี้จะคลี่คลายตราบใดที่เซียวเฉินยินดียอมรับความผิดและกล่าวขออภัย อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสสี่แห่งตระกูลชรือไม่คาดคิดว่าเซี่ยวเฉินนั้นจะมีนิสัยแข็งกร้าวเช่นนี้เซียวเฉินไม่ยินยอมสร้างข้อแก้ตัวและยังท้าทายเขาต่อหน้าของทุกคนนี่มันทำให้เขาขึ้นหน้าก็ยากถอยกลับก็ลำบากใจ,เขาไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร ผ่านไปครู่หนึ่งผู้อาวุโสสี่แห่งตระกูลชรือรู้ว่าหากเขายอมถอย,พวกเขาจะต้องเสียหน้าอย่างแท้จริง ผู้อาวุโสสี่ตระกูลชรือได้ตัดสินใจแะลกล่าวด้วยเสียงเย็น” เป็นแค่ผู้เยาว์ตัวกระจ้อยและยังกล้าพูดจาอาจหาญเจ้าช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำข้าจะสั่งสอนเจ้าเองในวันนี้” ผู้อาวุโสสีโบกมือและชักกาบของเขาออกมาจากนั้นเขาก็ส่งดาบฉีเฉียบคมตรงไปที่เซียวเฉินดาบฉีเล่มนี้แหลมคมยิ่งกว่าดาบฉีทั่วไปมันตัดผ่านอากาศไปอย่างเงียบเฉียบราวกับตัดผ่าสายน้ำ เสียงสายฟ้าแตกกราวดังขึ้นในอากาศเซียวเฉินส่งกระบฉีสีม่วงที่ก่อตัวขึ้นมาจากสายฟ้าตรงไปที่ดาบฉีที่ผู้อาวุโสสี่ส่งออกมา ” แคร้ง! ” ดาบฉีและกระบี่ฉีดข้าปะทะไม่มีใครยอมใครและกดเข้าใส่กันอย่างดุเดือดสภาวะแห่งสายฟ้าที่เซียวเฉินใส่ลงไปในกระบี่ฉีวิบวับด้วยกระแสสายฟ้ารุ่งโรจน์ส่งเสียงซีซีออกมา ด้วยการพึ่งพาควรมได้เปรียบของสภาวะแห่งสายฟ้า,กระบี่ฉีของเซี่ยวเฉินสามารถเสมอกับดาบฉีที่ได้ขัดเกลามาจนถึงขีดสุด ผู้อาวุโสสี่ตระกูลชรือประหลาดใจเล็กน้อยเขายิ้มและกล่าว” ก่อนที่สภาวะจะขึ้นไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม,มันก็เป็นเพียงกระบวณการไว้แบบแผนข้าจะล้มเจ้าภายในสิบกระบวณท่า! ” หลังจากที่ผู้อาวุโสสีตระกูลชรือกล่าวจบ,เขาก้าวขึ้นหน้าเขากวาดดาบของเขาขึ้นและหนามแหลมคมผุดขึ้นมาจากพื้นพุ่งเข้าใส่เชี่ยวเฉิน หนามแหลมแต่ละอันยาวสองเมตรและคมอย่างไม่น่าเชื่อหากมันซัดโดนเซียวเฉิน,ถึงว่าว่าเขาจะไม่ได้เจ็บหนักแต่ผิวหนังของเขาจะถูกฉีกกระชากหนามศิลารวดเร็วเป็นอย่างยิ่งภายในพริบตาเดียว,มันก็เข้ามาถึงตัวเซียวเฉิน เซียวเฉินสังเกตเห็นความสูงของหนามศิลา,พวกมันสูงเพียงประมาณสองเมตรแม้ว่าหนามศิลาจะขยายออกมาไกล,หากเขาใช้ทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยาน,เขาจะสามารถกระโดดข้ามผ่านพวกมันไปได้อย่างง่ายดาย เซี่ยวเฉินกดเท้าดีดตัวจากพื้นและทะยานขึ้นไปในอากาศเขากระจายสภาวะแห่งสายฟ้าและส่งตัวเองพุ่งไปที่ผู้อาวุโสสี่ตระกูลชรือ เมื่อผู้อาวุโสสี่มองเห็นเซียวเฉินในอากาศ,เขาเผยรอยยิ้มยินดีเขากล่าว” ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องเลือกที่จะกระโดดขึ้นไปในอากาศแทนที่จะล่า
ถอย” ” ฟูฟิ้ว! ฟุฟว! ” ในจังหวะที่ผู้อาวุโสสีกช่าวจบ,หนามศิลาบนพื้นพุ่งออกมมสและส่งตัวมันลอยไปที่เซียวเฉินมันเชรวดเร็วเป็นอย่างมาก,เกือบจะเทียบเท่ากับความเร็วเสียงและพวกมันส่งเสียงหอนดังออกมาขณะที่ลอยไป เขี้ยวเฉินตกใจ,เขาไม่ได้คิดถึงการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ไม่เหลือเวลาให้เขาครุ่นคิด,เขาร้องตะโกนและภาพร่างของขุนเขาปรากฏขึ้นด้านบนก่อนที่จะผสานเข้ากับกระบี่ของเขา ” ระเบิดยอดเขาเดียวดาย! ” เซี่ยวเฉินฟันออกไปละพลังงานหมุนวนส่งตัวขึ้นไปในอากาศมันราวกับขุนเขาของจริงกำลังร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าด้วยพลังมหาศาล ” ปัง! ปัง! ปัง! ” เกิดเสียงอันดังและหนามศิลาในอากาศถูกฟันออกเป็นชิ้นชิ้นส่วนศิลาลอยวนและตกลงที่พี่นราวกับห่าฝน มีร่างหนึ่งพร้อมกับดาบพุ่งทะยานผ่านห่าฝนศิลาทุกที่ที่เขาพุ่งผ่าน,ชิ้นศิลาสลายกลายเป็นผุยผง,เติมเต็มท้องฟ้าไปด้วยฝุ่นควัน สายของเซียวเฉินเฉียบคมเมื่อเขามองเห็นฝุ่นควันลอยเต็มไปในอากาศ,กระบี่เงาจันทร์แทงออกมาราวกับเส้นสายฟ้า ” แคร้ง! ” มันดูเหมือนกับกระบี่เงาจันทร์ได้ซัดเข้ากับหินแข็งในตอนที่เซียวเฉินแทงออกมา,เขาถูกสะท้อนกลับด้วยพลังมหาศาลเขาเสียสมดุลกลางอากาศและตกลงมาที่พื้นอย่างรวดเร็ว เสียงของผู้อาวุโสสี่ตระกูลชรือดังออกมาจากกลุ่มควันเขาหัวเราะเย็นชาและกล่าวขึ้น” จิตวิญญาณยุทธของข้าได้ขึ้นไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมมันเป็นความฝันลมแรงที่เจ้าจะทำลายการป้องกันของข้าด้วยสภาวะแห่งสายฟ้าอ่อนด้อย ” ลูกศรผ่าศิลา! ” ผู้อาวุโสสี่ร้องตะโกนและเส้นศิลาสีฟ้านับไม่ถ้วนขยายออกมาจากดาบของเขาในทันทีต่อมา,เส้นสีฟ้าได้มารวมตัวกะนที่ปลายดาบของเขา เกิดเสียงนะเบิดดังขึ้นวังวนสีฟ้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่ปลายดาบจากจุดศูนย์กลางของวังวน,ก้อนศิลาสีฟ้าถูกยิงออกมาราวกับลูกศรมันพุ่งอย่างรวดเร็วตกลงมาที่เซียวเฉิน ” ชี! ชี! ชี! ” ขณะที่ลูกศรทะลวงผ่านอากาศ,มันเชส่งเสียงโซนิคบูมออกมาระเบิดในอากาศเกิดเป็นความผันผวนมากมายระลอกคลื่นมากมายปรากฏขึ้นในอากาศราวกับเป็นพื้นผิวน้ำ เซียวเฉินค่อยๆลดความสูงลงและจ้องมองไปที่ลูกศรสีฟ้าสีหน้าของเขาสงบยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ ” ปลุกเมฆานิรันดร์! ” เซียวเฉินหมุนเวียนพลังปราณและใช้สภาวะแห่งเมฆาผ่านไปครู่หนึ่ง,ผืนเมฆขนาดใหญ่เข้ามาล้อมรอบเคี้ยวเฉิน ” บูม! ” เสียงสายฟ้าดังกราวสายกระบี่ฉีม่วงเล็กเฉียบบางแหวกชั้นหมู่เมฆ,บินตรงไปที่ลูกศรสีฟ้าอย่างรวดเร็ว เส้นสายบางเฉียบเคลื่อนตัววูบไหวราวกับแสงหลากสี ในจังหวะต่อมากลายเป็นเงียบสงบ,ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อยลูกศรสีฟ้าที่ผู้อาวุโสสี่ส่งออกมายังคงทะลวงผ่านอากาศเกิดเป็นเสียงดังสนั่นพร้อมกับมุ่งหน้าเข้าไปหาเซียวเฉินมันดูราวกับในไม่ช้ามันจะซัดเข้าที่ตัวของเซียวเฉินผู้ที่ได้ลอยลงมาถึงพื้นแล้ว ผู้อาวุโสสี่สูกจมูกและกล่าวออกมา” ข้าได้คิดว่าเจ้าจะทรงพลังแท้จริงแล้วเพียงแค่พอดูได้ถึงแม้ว่าข้าจะสังหารเจ้าไป,ศาลากระบี่สวรรค์ก็ใช่ว่าจะมาตรมล้างแค้นให้เจ้า” สำหรับผู้บ่มเพาะพลังที่ยืนอยู่โดยรอบมองดูลูกศรที่ลอยใกล้เข้ามา,พวกเขาคิดว่าช่างโชคร้าย เมื่อถึงจุดนี้,เซี่ยวเฉินไร้หนทางหลบหนีแล้วเขาทำได้เพียงตั้งรับการโจมตีเต็มกำลังของระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธก็ไม่กล้าตั้งรับโดยตรงไม่ว่าเซี่ยวเฉินจะแข็งแกร่วถึงเพียงใดสำหรับระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้น,มันเป็นเรื่องโง่เง่าที่จะลองตั้งรับกระบวณท่านี้มันไม่มีทางป้องกันได้ ” ฟู่! ” ลูกศรสีฟ้าห่างจากใบหน้าของเซียวเฉินไปอีกเพียงหนึ่งเมตรสายลมจากตัวลูกศรทำให้ผมของเซี่ยวเฉินปลิวกลับหลัง เซี่ยวเฉินยกกระบี่เงาจันทร์ที่อยู่ในมือขึ้นมาและร้องตะโกน” ระเบิด! ” เส้นสายสีม่วงที่ได้จางหายไปทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้นสิ้นเสียงของเซี่ยวเฉิน,เส้นด้ายได้แผ่ขยายออกไปราวกับม่านน้ำ ลูกศรสีฟ้าตรงหน้าของเขาระเบิดออกและเติมเต็มอากาศไปด้วยชิ้นส่วนหินศิลา,ก่อนหายวับไปในอากาศ เป้าหมายสุดท้ายของเส้นด้ายคือผู้อาวุโสสีที่ลอยอยู่ในอากาศเขาไม่คาดคิดว่าเซี่ยวเฉินจะมีกระบวณท่าเช่นนี้ ” ฟู่ฟิว! ” ผู้อาวุโสสี่กระอักเลือดออกมาเต็มปากเสื้อผ้าที่หน้าอกของเขาถูกระเบิดเป็นชิ้นเกอดรูเล็กๆบนผืนศิลาสีฟ้าที่ห่อหุ้มทั่วทั้งร่างของเขาเอาไว้มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด แม้ว่าบาดแผลจะมีขนาดเล็ก,แต่กระแสไฟฟ้าบนบากแผลแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดมันส่งเสียงซีซีออกมา,พร้อมขัดขวางไม่ให้บากแผลสมานตัว กระแสไฟฟ้าสีม่วงเคลื่อนไหวอย่างสับสนไปในอากาศบางครั้ง,มีบางส่วนตกลงมาที่พื้นและระเบิดออก,เกิดเป็นหลุมลึกขึ้นมา เชี่ยวเฉินกระทืบพื้น,ร่างกายของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บเขาโบกมือและกระแสไฟฟ้าที่หลงเหลีออยู่ในอากาศมารวมตัวที่ฝ่ามือของเขา กระแสไฟฟ้าที่ไดมารวมกันเกิดเป็นลูกบอลเพลิงอัสนีที่เผาไหม้อย่างดุเดือดหลังจากนั้น,เซียวเฉินปาลูกบอลเพลิงไปที่ผู้อาวุโสสี่ ผู้อาวุโสสี่ได้รับบาดเจ็บและไม่อาจหลบได้ทันเวลาเขาทำได้เพียงโยนดาบของเขาทิ้งไปและหมุนฝ่ามือเป็นวงกลมวังวนสีฟ้าก่อตัวขึ้นมา ” ปั้ง! ” เมื่อเปลวเพลิงอัสนีปะทะกับวังวนนั้น,เชมันส่งเสียงดังกึกก้องมีพลังงานแปลกประหลาดออกมาจากวังวนและถูกดูดเข้าไปในเปลวเพลิงที่น่าหวาดกลัว ผู้อาวุโสสี่สลายวังวนบนมือของเขาก่อนที่จะร่วงลงไปบนพื้นด้วยสีหน้าซีดเซียวเลือดพุ่งออกมาจากบาดแผลที่หน้าอกของเขา ” ให้ตาย! ข้าประมาทสภาวะแห่งสายฟ้าของเจ้าเด็กน้อยเกินไปหากข้าใส่พลังปราณลงไปอีกเล็กน้อย,ข้าจะสามารถป้องกันการโจมตีเสื้อครู่ได้” ผู้อาวุโสสึกล่าวกับตัวเองรู้สึกเกลียดชังเป็นอย่างมาก

ตอนที่ 272 กำปั้นใหญ่เป็นฝ่ายถูก

ท้ายที่สุด,พวกเขาถึงกับทำตัวเป็นผู้ถูกกระทำ,ถามหาเซียวเฉินกับหลิวสุยเฟิงถึงคำอธิบายหากพวกเขาทั้งสองไม่มีคำอธิบายที่เหมาะสม,เช่นนั้นพวกมันก็จะลงมือนี่มันไม่ต่างไปจากปล้นจี้กันซึ่งหน้า,ไม่มีมนุษยธรรมแม้แต่น้อย,ไร้ซึ่งเหตุผล

อย่างไรก็ตามเซียวเฉินได้เรียนรู้มาแล้วว่าอย่าไปคาดหวังกับการใช้เหตุผลแก้ปัญหาในโลกใบนี้ผู้คนใช้ชีวิตดั่งมดปลวกในโลกใบนี้กำปั้นใหญ่เป็นฝ่ายถูก

ในจังหวะนี้,ตระกูลชรือถือกำปั้นใหญ่กว่า,ดังนั้น,พวกเขาอยู่ฝ่ายถูกผู้บ่มเพาะพลังที่เห็นเหตุการณ์ยืนรายล้อมนิ่งเงียบไม่มีใครพูดจาไม่มีใครออกเสียงฝ่ายเซียวเฉินและหลิวสุยเฟิงนี่เป็นตัวอย่างทั่วไปของโลกใบนี้

เซี่ยวเฉินมีสีหน้านิ่งสงบอย่างไม่น่าเชื่อพร้อมกับกล่าวออกไปทีละคำอย่างชัดเจน” ข้าเป็นคนทำร้ายชรือเฟิงหากเจ้าอยากจะโจมตีข้าเช่นนั้นก็เชิญตราบใดที่เจ้าไม่เกรงกลัวที่จะเชื้อเชิญหายนะมาสู่ตระกูลหรือของเจ้าก็เข้ามา! ”

เป็นเรื่องง่ายที่จะใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้แต่อย่างไรก็ตามมีไม่กี่คนนักที่ใช้ชีวิตได้อย่างมีเกีย

เซี่ยวเฉินมักมีความคิดเห็นที่ว่าผู้บ่มเพาะพลังไม่จำเป็นต้องเผยความเฉลียวฉลาดออกมาแต่อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องมีจิตวิญญาณไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร,จิตวิญญาณไม่อาจจางหายไป

นี่เป็นหลักการที่ว่าอย่าได้หยิ่งผยองแต่ต้องมีความภาคภูมิใจ

หากเชี่ยวเฉินลดตัวเองลงไปปั้นคำอธิบายและกล่าวขออภัย,ด้วยสถานะของศาบากระบี่สวรรค์,ตระกูลชรือจะไม่กล้าทำอะไรพวกเขาทั้งสอง

แต่อย่างไรก็ตาม,หากเป็นเช่นนั้นจะเกิดเป็นแบบอย่างขึ้นมาทำให้เกิดขึ้นต่อไปซ้ำๆในที่สุด,พวกเขาก็จะสูญเสียจิตวิญญาณในฐานะผู้บ่มเพาะพลังของพวกเขาไป

เมื่อผู้บ่มเพาะพลังที่มากความสามารถสูญเสียซึ่งจิตวิญญาณ,ไม่สำคัญว่าเขาจะเคยมีพรสวรรค์สูงส่งแค่ไหน,เขาจะไม่มีทางปีนขึ้นไปสู่สุดสูงสุดแห่งการบ่มเพาะพลังตลอดกาล

ในตอนนี้เซี่ยวเฉินไม่ได้ปิดซ่อนความประกายแสงของตัวเขากระแสพลังของเขายิ่งเจิดจ้าและสว่างไสว,กำลังเผยเจตนาฆ่าฟันออกมาทั่วทั้งร่างของเขาราวกับเป็นกระบี่ล้ำค่าที่ยังไม่ถูกชักออกมา

” กระบี่ล้ำค่านี่” เฉียบคมเป็นอย่างยิ่งมันทะลวงผ่านชั้นอากาศและเชือดเฉือนจิตวิญญาณของพวกเขา

ทันใดนั้น,หมู่เมฆอันไร้ขอบเขตเริ่มปั่นป่วนขึ้นบนท้องฟ้ามีเสียงคึกโครมดึงลงมาจากสวรรค์;พลังของสายฟ้าได้ก่อตัวขึ้น

” เกิดอะไรขึ้น? ทำไมท้องฟ้าถึงได้กลายเป็นมีดมัว? ”

ทันใดนั้นเอง,ผู้บ่มเพาะพลังโดยรอบพบว่าหมู่เมฆมืดมัวเหนือหัวของพวกเขาได้เข้ามาบดบังแสงอาทิตย์ท้องฟ้าพลันเปลี่ยนเป็นมืดมน

” นี่มันสภาวะแห่งสายฟ้าข้าไม่คาดคิดว่าเจ้าหมอนี้จะบรรจุสภาวะแห่งสายฟ้าได้ลึกล้ำถึงขั้นนี้ตั้งแต่อายุยังน้อยเขาสามารถดึงพลังแห่งสายฟ้าออกมาใช้ได้แล้ว”

” นี่เป็นสัญญาณของระดับสมบูรณ์ขั้นต้นข้าเคยพบเห็นเช่นนี้จากระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นปราศจากความสามารถในการเข้าใจในระดับที่เพียงพอ,ไม่มีผู้ใดบรรลุถึงมันได้”

” อย่างไรก็ตามถึงแม้จะด้วยสภาวะแห่งสายฟ้าระดับสมบูรณ์ขั้นต้นของเขาเขายังคงไม่อาจต่อกรกับผู้อาวุโสสี่แห่งตระกูลชรอได้ชายชราผู้นี้ได้ขึ้นมาถึง

ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดมานานหลายปีแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ,มันก็หาได้ยากที่ในระดับขอบเขตนักบุญจะมาต่อกรกับเขาได้”

เมื่อผู้อาวุโสสี่ตระกูลชรือได้เห็นเซียวเฉินพร้อมกับกระแสพลังที่พุ่งพล่านของเขาเขารู้สึกว่านี่เป็นสองที่เขาไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป

สำหรับการจัดการกับรุ่นเยาว์ที่มาจากขุมอำนาจใหญ่,เหล่ารุ่นอาวุโสได้มีความเข้าใจโดยทั่วกันตราบใดที่ไม่มีใครตกตาย,พวกเขาจะไม่เคลื่อนไหว

เดิมที่ตระกูลชรือไม่ได้มีแผนจะลงมืออะไรอย่างไรก็ตาม,พวกเขาได้ยินมาว่าชรือเฟิงถูกเตะกระเด็นออกมาจากศาลาหลับไหลโดยคนของศาบากระบี่สวรรค์

ในฐานะหนึ่งในสามตระกูลชั้นสูง,ผู้นำตระกูลชรือรู้สึกเสียหน้าหากข่าวลือนี้กระจายออกไป,มันจะส่วผลกระทบร้ายแรงกับชื่อเสียงของตระกูลชรือในเมืองซีเหอ

ดังนั้นเขาได้มอบหมายให้ผู้อาวุโสสี่นำกลุ่มมารชจัดการกับเรื่อวนี้เรื่องนี้จะคลี่คลายตราบใดที่เซียวเฉินยินดียอมรับความผิดและกล่าวขออภัย

อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสสี่แห่งตระกูลชรือไม่คาดคิดว่าเซี่ยวเฉินนั้นจะมีนิสัยแข็งกร้าวเช่นนี้เซียวเฉินไม่ยินยอมสร้างข้อแก้ตัวและยังท้าทายเขาต่อหน้าของทุกคนนี่มันทำให้เขาขึ้นหน้าก็ยากถอยกลับก็ลำบากใจ,เขาไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร

ผ่านไปครู่หนึ่งผู้อาวุโสสี่แห่งตระกูลชรือรู้ว่าหากเขายอมถอย,พวกเขาจะต้องเสียหน้าอย่างแท้จริง

ผู้อาวุโสสี่ตระกูลชรือได้ตัดสินใจแะลกล่าวด้วยเสียงเย็น” เป็นแค่ผู้เยาว์ตัวกระจ้อยและยังกล้าพูดจาอาจหาญเจ้าช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำข้าจะสั่งสอนเจ้าเองในวันนี้”

ผู้อาวุโสสีโบกมือและชักกาบของเขาออกมาจากนั้นเขาก็ส่งดาบฉีเฉียบคมตรงไปที่เซียวเฉินดาบฉีเล่มนี้แหลมคมยิ่งกว่าดาบฉีทั่วไปมันตัดผ่านอากาศไปอย่างเงียบเฉียบราวกับตัดผ่าสายน้ำ

เสียงสายฟ้าแตกกราวดังขึ้นในอากาศเซียวเฉินส่งกระบฉีสีม่วงที่ก่อตัวขึ้นมาจากสายฟ้าตรงไปที่ดาบฉีที่ผู้อาวุโสสี่ส่งออกมา

” แคร้ง! ”

ดาบฉีและกระบี่ฉีดข้าปะทะไม่มีใครยอมใครและกดเข้าใส่กันอย่างดุเดือดสภาวะแห่งสายฟ้าที่เซียวเฉินใส่ลงไปในกระบี่ฉีวิบวับด้วยกระแสสายฟ้ารุ่งโรจน์ส่งเสียงซีซีออกมา

ด้วยการพึ่งพาควรมได้เปรียบของสภาวะแห่งสายฟ้า,กระบี่ฉีของเซี่ยวเฉินสามารถเสมอกับดาบฉีที่ได้ขัดเกลามาจนถึงขีดสุด

ผู้อาวุโสสี่ตระกูลชรือประหลาดใจเล็กน้อยเขายิ้มและกล่าว” ก่อนที่สภาวะจะขึ้นไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม,มันก็เป็นเพียงกระบวณการไว้แบบแผนข้าจะล้มเจ้าภายในสิบกระบวณท่า! ”

หลังจากที่ผู้อาวุโสสีตระกูลชรือกล่าวจบ,เขาก้าวขึ้นหน้าเขากวาดดาบของเขาขึ้นและหนามแหลมคมผุดขึ้นมาจากพื้นพุ่งเข้าใส่เชี่ยวเฉิน

หนามแหลมแต่ละอันยาวสองเมตรและคมอย่างไม่น่าเชื่อหากมันซัดโดนเซียวเฉิน,ถึงว่าว่าเขาจะไม่ได้เจ็บหนักแต่ผิวหนังของเขาจะถูกฉีกกระชากหนามศิลารวดเร็วเป็นอย่างยิ่งภายในพริบตาเดียว,มันก็เข้ามาถึงตัวเซียวเฉิน

เซียวเฉินสังเกตเห็นความสูงของหนามศิลา,พวกมันสูงเพียงประมาณสองเมตรแม้ว่าหนามศิลาจะขยายออกมาไกล,หากเขาใช้ทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยาน,เขาจะสามารถกระโดดข้ามผ่านพวกมันไปได้อย่างง่ายดาย

เซี่ยวเฉินกดเท้าดีดตัวจากพื้นและทะยานขึ้นไปในอากาศเขากระจายสภาวะแห่งสายฟ้าและส่งตัวเองพุ่งไปที่ผู้อาวุโสสี่ตระกูลชรือ

เมื่อผู้อาวุโสสี่มองเห็นเซียวเฉินในอากาศ,เขาเผยรอยยิ้มยินดีเขากล่าว” ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องเลือกที่จะกระโดดขึ้นไปในอากาศแทนที่จะล่า
ถอย”

” ฟูฟิ้ว! ฟุฟว! ”

ในจังหวะที่ผู้อาวุโสสีกช่าวจบ,หนามศิลาบนพื้นพุ่งออกมมสและส่งตัวมันลอยไปที่เซียวเฉินมันเชรวดเร็วเป็นอย่างมาก,เกือบจะเทียบเท่ากับความเร็วเสียงและพวกมันส่งเสียงหอนดังออกมาขณะที่ลอยไป

เขี้ยวเฉินตกใจ,เขาไม่ได้คิดถึงการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ไม่เหลือเวลาให้เขาครุ่นคิด,เขาร้องตะโกนและภาพร่างของขุนเขาปรากฏขึ้นด้านบนก่อนที่จะผสานเข้ากับกระบี่ของเขา

” ระเบิดยอดเขาเดียวดาย! ”

เซี่ยวเฉินฟันออกไปละพลังงานหมุนวนส่งตัวขึ้นไปในอากาศมันราวกับขุนเขาของจริงกำลังร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าด้วยพลังมหาศาล

” ปัง! ปัง! ปัง! ”

เกิดเสียงอันดังและหนามศิลาในอากาศถูกฟันออกเป็นชิ้นชิ้นส่วนศิลาลอยวนและตกลงที่พี่นราวกับห่าฝน

มีร่างหนึ่งพร้อมกับดาบพุ่งทะยานผ่านห่าฝนศิลาทุกที่ที่เขาพุ่งผ่าน,ชิ้นศิลาสลายกลายเป็นผุยผง,เติมเต็มท้องฟ้าไปด้วยฝุ่นควัน

สายของเซียวเฉินเฉียบคมเมื่อเขามองเห็นฝุ่นควันลอยเต็มไปในอากาศ,กระบี่เงาจันทร์แทงออกมาราวกับเส้นสายฟ้า

” แคร้ง! ”

มันดูเหมือนกับกระบี่เงาจันทร์ได้ซัดเข้ากับหินแข็งในตอนที่เซียวเฉินแทงออกมา,เขาถูกสะท้อนกลับด้วยพลังมหาศาลเขาเสียสมดุลกลางอากาศและตกลงมาที่พื้นอย่างรวดเร็ว

เสียงของผู้อาวุโสสี่ตระกูลชรือดังออกมาจากกลุ่มควันเขาหัวเราะเย็นชาและกล่าวขึ้น” จิตวิญญาณยุทธของข้าได้ขึ้นไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมมันเป็นความฝันลมแรงที่เจ้าจะทำลายการป้องกันของข้าด้วยสภาวะแห่งสายฟ้าอ่อนด้อย

” ลูกศรผ่าศิลา! ”

ผู้อาวุโสสี่ร้องตะโกนและเส้นศิลาสีฟ้านับไม่ถ้วนขยายออกมาจากดาบของเขาในทันทีต่อมา,เส้นสีฟ้าได้มารวมตัวกะนที่ปลายดาบของเขา

เกิดเสียงนะเบิดดังขึ้นวังวนสีฟ้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่ปลายดาบจากจุดศูนย์กลางของวังวน,ก้อนศิลาสีฟ้าถูกยิงออกมาราวกับลูกศรมันพุ่งอย่างรวดเร็วตกลงมาที่เซียวเฉิน

” ชี! ชี! ชี! ”

ขณะที่ลูกศรทะลวงผ่านอากาศ,มันเชส่งเสียงโซนิคบูมออกมาระเบิดในอากาศเกิดเป็นความผันผวนมากมายระลอกคลื่นมากมายปรากฏขึ้นในอากาศราวกับเป็นพื้นผิวน้ำ

เซียวเฉินค่อยๆลดความสูงลงและจ้องมองไปที่ลูกศรสีฟ้าสีหน้าของเขาสงบยิ่งกว่าก่อนหน้านี้

” ปลุกเมฆานิรันดร์! ”

เซียวเฉินหมุนเวียนพลังปราณและใช้สภาวะแห่งเมฆาผ่านไปครู่หนึ่ง,ผืนเมฆขนาดใหญ่เข้ามาล้อมรอบเคี้ยวเฉิน

” บูม! ” เสียงสายฟ้าดังกราวสายกระบี่ฉีม่วงเล็กเฉียบบางแหวกชั้นหมู่เมฆ,บินตรงไปที่ลูกศรสีฟ้าอย่างรวดเร็ว

เส้นสายบางเฉียบเคลื่อนตัววูบไหวราวกับแสงหลากสี

ในจังหวะต่อมากลายเป็นเงียบสงบ,ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อยลูกศรสีฟ้าที่ผู้อาวุโสสี่ส่งออกมายังคงทะลวงผ่านอากาศเกิดเป็นเสียงดังสนั่นพร้อมกับมุ่งหน้าเข้าไปหาเซียวเฉินมันดูราวกับในไม่ช้ามันจะซัดเข้าที่ตัวของเซียวเฉินผู้ที่ได้ลอยลงมาถึงพื้นแล้ว

ผู้อาวุโสสี่สูกจมูกและกล่าวออกมา” ข้าได้คิดว่าเจ้าจะทรงพลังแท้จริงแล้วเพียงแค่พอดูได้ถึงแม้ว่าข้าจะสังหารเจ้าไป,ศาลากระบี่สวรรค์ก็ใช่ว่าจะมาตรมล้างแค้นให้เจ้า”

สำหรับผู้บ่มเพาะพลังที่ยืนอยู่โดยรอบมองดูลูกศรที่ลอยใกล้เข้ามา,พวกเขาคิดว่าช่างโชคร้าย

เมื่อถึงจุดนี้,เซี่ยวเฉินไร้หนทางหลบหนีแล้วเขาทำได้เพียงตั้งรับการโจมตีเต็มกำลังของระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด

นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธก็ไม่กล้าตั้งรับโดยตรงไม่ว่าเซี่ยวเฉินจะแข็งแกร่วถึงเพียงใดสำหรับระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้น,มันเป็นเรื่องโง่เง่าที่จะลองตั้งรับกระบวณท่านี้มันไม่มีทางป้องกันได้

” ฟู่! ”

ลูกศรสีฟ้าห่างจากใบหน้าของเซียวเฉินไปอีกเพียงหนึ่งเมตรสายลมจากตัวลูกศรทำให้ผมของเซี่ยวเฉินปลิวกลับหลัง

เซี่ยวเฉินยกกระบี่เงาจันทร์ที่อยู่ในมือขึ้นมาและร้องตะโกน” ระเบิด! ”

เส้นสายสีม่วงที่ได้จางหายไปทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้นสิ้นเสียงของเซี่ยวเฉิน,เส้นด้ายได้แผ่ขยายออกไปราวกับม่านน้ำ

ลูกศรสีฟ้าตรงหน้าของเขาระเบิดออกและเติมเต็มอากาศไปด้วยชิ้นส่วนหินศิลา,ก่อนหายวับไปในอากาศ

เป้าหมายสุดท้ายของเส้นด้ายคือผู้อาวุโสสีที่ลอยอยู่ในอากาศเขาไม่คาดคิดว่าเซี่ยวเฉินจะมีกระบวณท่าเช่นนี้

” ฟู่ฟิว! ”

ผู้อาวุโสสี่กระอักเลือดออกมาเต็มปากเสื้อผ้าที่หน้าอกของเขาถูกระเบิดเป็นชิ้นเกอดรูเล็กๆบนผืนศิลาสีฟ้าที่ห่อหุ้มทั่วทั้งร่างของเขาเอาไว้มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด

แม้ว่าบาดแผลจะมีขนาดเล็ก,แต่กระแสไฟฟ้าบนบากแผลแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดมันส่งเสียงซีซีออกมา,พร้อมขัดขวางไม่ให้บากแผลสมานตัว

กระแสไฟฟ้าสีม่วงเคลื่อนไหวอย่างสับสนไปในอากาศบางครั้ง,มีบางส่วนตกลงมาที่พื้นและระเบิดออก,เกิดเป็นหลุมลึกขึ้นมา

เชี่ยวเฉินกระทืบพื้น,ร่างกายของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บเขาโบกมือและกระแสไฟฟ้าที่หลงเหลีออยู่ในอากาศมารวมตัวที่ฝ่ามือของเขา

กระแสไฟฟ้าที่ไดมารวมกันเกิดเป็นลูกบอลเพลิงอัสนีที่เผาไหม้อย่างดุเดือดหลังจากนั้น,เซียวเฉินปาลูกบอลเพลิงไปที่ผู้อาวุโสสี่

ผู้อาวุโสสี่ได้รับบาดเจ็บและไม่อาจหลบได้ทันเวลาเขาทำได้เพียงโยนดาบของเขาทิ้งไปและหมุนฝ่ามือเป็นวงกลมวังวนสีฟ้าก่อตัวขึ้นมา

” ปั้ง! ”

เมื่อเปลวเพลิงอัสนีปะทะกับวังวนนั้น,เชมันส่งเสียงดังกึกก้องมีพลังงานแปลกประหลาดออกมาจากวังวนและถูกดูดเข้าไปในเปลวเพลิงที่น่าหวาดกลัว

ผู้อาวุโสสี่สลายวังวนบนมือของเขาก่อนที่จะร่วงลงไปบนพื้นด้วยสีหน้าซีดเซียวเลือดพุ่งออกมาจากบาดแผลที่หน้าอกของเขา

” ให้ตาย! ข้าประมาทสภาวะแห่งสายฟ้าของเจ้าเด็กน้อยเกินไปหากข้าใส่พลังปราณลงไปอีกเล็กน้อย,ข้าจะสามารถป้องกันการโจมตีเสื้อครู่ได้” ผู้อาวุโสสึกล่าวกับตัวเองรู้สึกเกลียดชังเป็นอย่างมาก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 272 กำปั้นใหญ่เป็นฝ่ายถูก

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 272 กำปั้นใหญ่เป็นฝ่ายถูก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 272 กำปั้นใหญ่เป็นฝ่ายถูก ท้ายที่สุด,พวกเขาถึงกับทำตัวเป็นผู้ถูกกระทำ,ถามหาเซียวเฉินกับหลิวสุยเฟิงถึงคำอธิบายหากพวกเขาทั้งสองไม่มีคำอธิบายที่เหมาะสม,เช่นนั้นพวกมันก็จะลงมือนี่มันไม่ต่างไปจากปล้นจี้กันซึ่งหน้า,ไม่มีมนุษยธรรมแม้แต่น้อย,ไร้ซึ่งเหตุผล อย่างไรก็ตามเซียวเฉินได้เรียนรู้มาแล้วว่าอย่าไปคาดหวังกับการใช้เหตุผลแก้ปัญหาในโลกใบนี้ผู้คนใช้ชีวิตดั่งมดปลวกในโลกใบนี้กำปั้นใหญ่เป็นฝ่ายถูก ในจังหวะนี้,ตระกูลชรือถือกำปั้นใหญ่กว่า,ดังนั้น,พวกเขาอยู่ฝ่ายถูกผู้บ่มเพาะพลังที่เห็นเหตุการณ์ยืนรายล้อมนิ่งเงียบไม่มีใครพูดจาไม่มีใครออกเสียงฝ่ายเซียวเฉินและหลิวสุยเฟิงนี่เป็นตัวอย่างทั่วไปของโลกใบนี้ เซี่ยวเฉินมีสีหน้านิ่งสงบอย่างไม่น่าเชื่อพร้อมกับกล่าวออกไปทีละคำอย่างชัดเจน” ข้าเป็นคนทำร้ายชรือเฟิงหากเจ้าอยากจะโจมตีข้าเช่นนั้นก็เชิญตราบใดที่เจ้าไม่เกรงกลัวที่จะเชื้อเชิญหายนะมาสู่ตระกูลหรือของเจ้าก็เข้ามา! ” เป็นเรื่องง่ายที่จะใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้แต่อย่างไรก็ตามมีไม่กี่คนนักที่ใช้ชีวิตได้อย่างมีเกีย เซี่ยวเฉินมักมีความคิดเห็นที่ว่าผู้บ่มเพาะพลังไม่จำเป็นต้องเผยความเฉลียวฉลาดออกมาแต่อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องมีจิตวิญญาณไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร,จิตวิญญาณไม่อาจจางหายไป นี่เป็นหลักการที่ว่าอย่าได้หยิ่งผยองแต่ต้องมีความภาคภูมิใจ หากเชี่ยวเฉินลดตัวเองลงไปปั้นคำอธิบายและกล่าวขออภัย,ด้วยสถานะของศาบากระบี่สวรรค์,ตระกูลชรือจะไม่กล้าทำอะไรพวกเขาทั้งสอง แต่อย่างไรก็ตาม,หากเป็นเช่นนั้นจะเกิดเป็นแบบอย่างขึ้นมาทำให้เกิดขึ้นต่อไปซ้ำๆในที่สุด,พวกเขาก็จะสูญเสียจิตวิญญาณในฐานะผู้บ่มเพาะพลังของพวกเขาไป เมื่อผู้บ่มเพาะพลังที่มากความสามารถสูญเสียซึ่งจิตวิญญาณ,ไม่สำคัญว่าเขาจะเคยมีพรสวรรค์สูงส่งแค่ไหน,เขาจะไม่มีทางปีนขึ้นไปสู่สุดสูงสุดแห่งการบ่มเพาะพลังตลอดกาล ในตอนนี้เซี่ยวเฉินไม่ได้ปิดซ่อนความประกายแสงของตัวเขากระแสพลังของเขายิ่งเจิดจ้าและสว่างไสว,กำลังเผยเจตนาฆ่าฟันออกมาทั่วทั้งร่างของเขาราวกับเป็นกระบี่ล้ำค่าที่ยังไม่ถูกชักออกมา ” กระบี่ล้ำค่านี่” เฉียบคมเป็นอย่างยิ่งมันทะลวงผ่านชั้นอากาศและเชือดเฉือนจิตวิญญาณของพวกเขา ทันใดนั้น,หมู่เมฆอันไร้ขอบเขตเริ่มปั่นป่วนขึ้นบนท้องฟ้ามีเสียงคึกโครมดึงลงมาจากสวรรค์;พลังของสายฟ้าได้ก่อตัวขึ้น ” เกิดอะไรขึ้น? ทำไมท้องฟ้าถึงได้กลายเป็นมีดมัว? ” ทันใดนั้นเอง,ผู้บ่มเพาะพลังโดยรอบพบว่าหมู่เมฆมืดมัวเหนือหัวของพวกเขาได้เข้ามาบดบังแสงอาทิตย์ท้องฟ้าพลันเปลี่ยนเป็นมืดมน ” นี่มันสภาวะแห่งสายฟ้าข้าไม่คาดคิดว่าเจ้าหมอนี้จะบรรจุสภาวะแห่งสายฟ้าได้ลึกล้ำถึงขั้นนี้ตั้งแต่อายุยังน้อยเขาสามารถดึงพลังแห่งสายฟ้าออกมาใช้ได้แล้ว” ” นี่เป็นสัญญาณของระดับสมบูรณ์ขั้นต้นข้าเคยพบเห็นเช่นนี้จากระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นปราศจากความสามารถในการเข้าใจในระดับที่เพียงพอ,ไม่มีผู้ใดบรรลุถึงมันได้” ” อย่างไรก็ตามถึงแม้จะด้วยสภาวะแห่งสายฟ้าระดับสมบูรณ์ขั้นต้นของเขาเขายังคงไม่อาจต่อกรกับผู้อาวุโสสี่แห่งตระกูลชรอได้ชายชราผู้นี้ได้ขึ้นมาถึง ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดมานานหลายปีแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ,มันก็หาได้ยากที่ในระดับขอบเขตนักบุญจะมาต่อกรกับเขาได้” เมื่อผู้อาวุโสสี่ตระกูลชรือได้เห็นเซียวเฉินพร้อมกับกระแสพลังที่พุ่งพล่านของเขาเขารู้สึกว่านี่เป็นสองที่เขาไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป สำหรับการจัดการกับรุ่นเยาว์ที่มาจากขุมอำนาจใหญ่,เหล่ารุ่นอาวุโสได้มีความเข้าใจโดยทั่วกันตราบใดที่ไม่มีใครตกตาย,พวกเขาจะไม่เคลื่อนไหว เดิมที่ตระกูลชรือไม่ได้มีแผนจะลงมืออะไรอย่างไรก็ตาม,พวกเขาได้ยินมาว่าชรือเฟิงถูกเตะกระเด็นออกมาจากศาลาหลับไหลโดยคนของศาบากระบี่สวรรค์ ในฐานะหนึ่งในสามตระกูลชั้นสูง,ผู้นำตระกูลชรือรู้สึกเสียหน้าหากข่าวลือนี้กระจายออกไป,มันจะส่วผลกระทบร้ายแรงกับชื่อเสียงของตระกูลชรือในเมืองซีเหอ ดังนั้นเขาได้มอบหมายให้ผู้อาวุโสสี่นำกลุ่มมารชจัดการกับเรื่อวนี้เรื่องนี้จะคลี่คลายตราบใดที่เซียวเฉินยินดียอมรับความผิดและกล่าวขออภัย อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสสี่แห่งตระกูลชรือไม่คาดคิดว่าเซี่ยวเฉินนั้นจะมีนิสัยแข็งกร้าวเช่นนี้เซียวเฉินไม่ยินยอมสร้างข้อแก้ตัวและยังท้าทายเขาต่อหน้าของทุกคนนี่มันทำให้เขาขึ้นหน้าก็ยากถอยกลับก็ลำบากใจ,เขาไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร ผ่านไปครู่หนึ่งผู้อาวุโสสี่แห่งตระกูลชรือรู้ว่าหากเขายอมถอย,พวกเขาจะต้องเสียหน้าอย่างแท้จริง ผู้อาวุโสสี่ตระกูลชรือได้ตัดสินใจแะลกล่าวด้วยเสียงเย็น” เป็นแค่ผู้เยาว์ตัวกระจ้อยและยังกล้าพูดจาอาจหาญเจ้าช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำข้าจะสั่งสอนเจ้าเองในวันนี้” ผู้อาวุโสสีโบกมือและชักกาบของเขาออกมาจากนั้นเขาก็ส่งดาบฉีเฉียบคมตรงไปที่เซียวเฉินดาบฉีเล่มนี้แหลมคมยิ่งกว่าดาบฉีทั่วไปมันตัดผ่านอากาศไปอย่างเงียบเฉียบราวกับตัดผ่าสายน้ำ เสียงสายฟ้าแตกกราวดังขึ้นในอากาศเซียวเฉินส่งกระบฉีสีม่วงที่ก่อตัวขึ้นมาจากสายฟ้าตรงไปที่ดาบฉีที่ผู้อาวุโสสี่ส่งออกมา ” แคร้ง! ” ดาบฉีและกระบี่ฉีดข้าปะทะไม่มีใครยอมใครและกดเข้าใส่กันอย่างดุเดือดสภาวะแห่งสายฟ้าที่เซียวเฉินใส่ลงไปในกระบี่ฉีวิบวับด้วยกระแสสายฟ้ารุ่งโรจน์ส่งเสียงซีซีออกมา ด้วยการพึ่งพาควรมได้เปรียบของสภาวะแห่งสายฟ้า,กระบี่ฉีของเซี่ยวเฉินสามารถเสมอกับดาบฉีที่ได้ขัดเกลามาจนถึงขีดสุด ผู้อาวุโสสี่ตระกูลชรือประหลาดใจเล็กน้อยเขายิ้มและกล่าว” ก่อนที่สภาวะจะขึ้นไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม,มันก็เป็นเพียงกระบวณการไว้แบบแผนข้าจะล้มเจ้าภายในสิบกระบวณท่า! ” หลังจากที่ผู้อาวุโสสีตระกูลชรือกล่าวจบ,เขาก้าวขึ้นหน้าเขากวาดดาบของเขาขึ้นและหนามแหลมคมผุดขึ้นมาจากพื้นพุ่งเข้าใส่เชี่ยวเฉิน หนามแหลมแต่ละอันยาวสองเมตรและคมอย่างไม่น่าเชื่อหากมันซัดโดนเซียวเฉิน,ถึงว่าว่าเขาจะไม่ได้เจ็บหนักแต่ผิวหนังของเขาจะถูกฉีกกระชากหนามศิลารวดเร็วเป็นอย่างยิ่งภายในพริบตาเดียว,มันก็เข้ามาถึงตัวเซียวเฉิน เซียวเฉินสังเกตเห็นความสูงของหนามศิลา,พวกมันสูงเพียงประมาณสองเมตรแม้ว่าหนามศิลาจะขยายออกมาไกล,หากเขาใช้ทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยาน,เขาจะสามารถกระโดดข้ามผ่านพวกมันไปได้อย่างง่ายดาย เซี่ยวเฉินกดเท้าดีดตัวจากพื้นและทะยานขึ้นไปในอากาศเขากระจายสภาวะแห่งสายฟ้าและส่งตัวเองพุ่งไปที่ผู้อาวุโสสี่ตระกูลชรือ เมื่อผู้อาวุโสสี่มองเห็นเซียวเฉินในอากาศ,เขาเผยรอยยิ้มยินดีเขากล่าว” ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องเลือกที่จะกระโดดขึ้นไปในอากาศแทนที่จะล่า
ถอย” ” ฟูฟิ้ว! ฟุฟว! ” ในจังหวะที่ผู้อาวุโสสีกช่าวจบ,หนามศิลาบนพื้นพุ่งออกมมสและส่งตัวมันลอยไปที่เซียวเฉินมันเชรวดเร็วเป็นอย่างมาก,เกือบจะเทียบเท่ากับความเร็วเสียงและพวกมันส่งเสียงหอนดังออกมาขณะที่ลอยไป เขี้ยวเฉินตกใจ,เขาไม่ได้คิดถึงการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ไม่เหลือเวลาให้เขาครุ่นคิด,เขาร้องตะโกนและภาพร่างของขุนเขาปรากฏขึ้นด้านบนก่อนที่จะผสานเข้ากับกระบี่ของเขา ” ระเบิดยอดเขาเดียวดาย! ” เซี่ยวเฉินฟันออกไปละพลังงานหมุนวนส่งตัวขึ้นไปในอากาศมันราวกับขุนเขาของจริงกำลังร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าด้วยพลังมหาศาล ” ปัง! ปัง! ปัง! ” เกิดเสียงอันดังและหนามศิลาในอากาศถูกฟันออกเป็นชิ้นชิ้นส่วนศิลาลอยวนและตกลงที่พี่นราวกับห่าฝน มีร่างหนึ่งพร้อมกับดาบพุ่งทะยานผ่านห่าฝนศิลาทุกที่ที่เขาพุ่งผ่าน,ชิ้นศิลาสลายกลายเป็นผุยผง,เติมเต็มท้องฟ้าไปด้วยฝุ่นควัน สายของเซียวเฉินเฉียบคมเมื่อเขามองเห็นฝุ่นควันลอยเต็มไปในอากาศ,กระบี่เงาจันทร์แทงออกมาราวกับเส้นสายฟ้า ” แคร้ง! ” มันดูเหมือนกับกระบี่เงาจันทร์ได้ซัดเข้ากับหินแข็งในตอนที่เซียวเฉินแทงออกมา,เขาถูกสะท้อนกลับด้วยพลังมหาศาลเขาเสียสมดุลกลางอากาศและตกลงมาที่พื้นอย่างรวดเร็ว เสียงของผู้อาวุโสสี่ตระกูลชรือดังออกมาจากกลุ่มควันเขาหัวเราะเย็นชาและกล่าวขึ้น” จิตวิญญาณยุทธของข้าได้ขึ้นไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมมันเป็นความฝันลมแรงที่เจ้าจะทำลายการป้องกันของข้าด้วยสภาวะแห่งสายฟ้าอ่อนด้อย ” ลูกศรผ่าศิลา! ” ผู้อาวุโสสี่ร้องตะโกนและเส้นศิลาสีฟ้านับไม่ถ้วนขยายออกมาจากดาบของเขาในทันทีต่อมา,เส้นสีฟ้าได้มารวมตัวกะนที่ปลายดาบของเขา เกิดเสียงนะเบิดดังขึ้นวังวนสีฟ้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่ปลายดาบจากจุดศูนย์กลางของวังวน,ก้อนศิลาสีฟ้าถูกยิงออกมาราวกับลูกศรมันพุ่งอย่างรวดเร็วตกลงมาที่เซียวเฉิน ” ชี! ชี! ชี! ” ขณะที่ลูกศรทะลวงผ่านอากาศ,มันเชส่งเสียงโซนิคบูมออกมาระเบิดในอากาศเกิดเป็นความผันผวนมากมายระลอกคลื่นมากมายปรากฏขึ้นในอากาศราวกับเป็นพื้นผิวน้ำ เซียวเฉินค่อยๆลดความสูงลงและจ้องมองไปที่ลูกศรสีฟ้าสีหน้าของเขาสงบยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ ” ปลุกเมฆานิรันดร์! ” เซียวเฉินหมุนเวียนพลังปราณและใช้สภาวะแห่งเมฆาผ่านไปครู่หนึ่ง,ผืนเมฆขนาดใหญ่เข้ามาล้อมรอบเคี้ยวเฉิน ” บูม! ” เสียงสายฟ้าดังกราวสายกระบี่ฉีม่วงเล็กเฉียบบางแหวกชั้นหมู่เมฆ,บินตรงไปที่ลูกศรสีฟ้าอย่างรวดเร็ว เส้นสายบางเฉียบเคลื่อนตัววูบไหวราวกับแสงหลากสี ในจังหวะต่อมากลายเป็นเงียบสงบ,ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อยลูกศรสีฟ้าที่ผู้อาวุโสสี่ส่งออกมายังคงทะลวงผ่านอากาศเกิดเป็นเสียงดังสนั่นพร้อมกับมุ่งหน้าเข้าไปหาเซียวเฉินมันดูราวกับในไม่ช้ามันจะซัดเข้าที่ตัวของเซียวเฉินผู้ที่ได้ลอยลงมาถึงพื้นแล้ว ผู้อาวุโสสี่สูกจมูกและกล่าวออกมา” ข้าได้คิดว่าเจ้าจะทรงพลังแท้จริงแล้วเพียงแค่พอดูได้ถึงแม้ว่าข้าจะสังหารเจ้าไป,ศาลากระบี่สวรรค์ก็ใช่ว่าจะมาตรมล้างแค้นให้เจ้า” สำหรับผู้บ่มเพาะพลังที่ยืนอยู่โดยรอบมองดูลูกศรที่ลอยใกล้เข้ามา,พวกเขาคิดว่าช่างโชคร้าย เมื่อถึงจุดนี้,เซี่ยวเฉินไร้หนทางหลบหนีแล้วเขาทำได้เพียงตั้งรับการโจมตีเต็มกำลังของระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธก็ไม่กล้าตั้งรับโดยตรงไม่ว่าเซี่ยวเฉินจะแข็งแกร่วถึงเพียงใดสำหรับระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้น,มันเป็นเรื่องโง่เง่าที่จะลองตั้งรับกระบวณท่านี้มันไม่มีทางป้องกันได้ ” ฟู่! ” ลูกศรสีฟ้าห่างจากใบหน้าของเซียวเฉินไปอีกเพียงหนึ่งเมตรสายลมจากตัวลูกศรทำให้ผมของเซี่ยวเฉินปลิวกลับหลัง เซี่ยวเฉินยกกระบี่เงาจันทร์ที่อยู่ในมือขึ้นมาและร้องตะโกน” ระเบิด! ” เส้นสายสีม่วงที่ได้จางหายไปทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้นสิ้นเสียงของเซี่ยวเฉิน,เส้นด้ายได้แผ่ขยายออกไปราวกับม่านน้ำ ลูกศรสีฟ้าตรงหน้าของเขาระเบิดออกและเติมเต็มอากาศไปด้วยชิ้นส่วนหินศิลา,ก่อนหายวับไปในอากาศ เป้าหมายสุดท้ายของเส้นด้ายคือผู้อาวุโสสีที่ลอยอยู่ในอากาศเขาไม่คาดคิดว่าเซี่ยวเฉินจะมีกระบวณท่าเช่นนี้ ” ฟู่ฟิว! ” ผู้อาวุโสสี่กระอักเลือดออกมาเต็มปากเสื้อผ้าที่หน้าอกของเขาถูกระเบิดเป็นชิ้นเกอดรูเล็กๆบนผืนศิลาสีฟ้าที่ห่อหุ้มทั่วทั้งร่างของเขาเอาไว้มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด แม้ว่าบาดแผลจะมีขนาดเล็ก,แต่กระแสไฟฟ้าบนบากแผลแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดมันส่งเสียงซีซีออกมา,พร้อมขัดขวางไม่ให้บากแผลสมานตัว กระแสไฟฟ้าสีม่วงเคลื่อนไหวอย่างสับสนไปในอากาศบางครั้ง,มีบางส่วนตกลงมาที่พื้นและระเบิดออก,เกิดเป็นหลุมลึกขึ้นมา เชี่ยวเฉินกระทืบพื้น,ร่างกายของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บเขาโบกมือและกระแสไฟฟ้าที่หลงเหลีออยู่ในอากาศมารวมตัวที่ฝ่ามือของเขา กระแสไฟฟ้าที่ไดมารวมกันเกิดเป็นลูกบอลเพลิงอัสนีที่เผาไหม้อย่างดุเดือดหลังจากนั้น,เซียวเฉินปาลูกบอลเพลิงไปที่ผู้อาวุโสสี่ ผู้อาวุโสสี่ได้รับบาดเจ็บและไม่อาจหลบได้ทันเวลาเขาทำได้เพียงโยนดาบของเขาทิ้งไปและหมุนฝ่ามือเป็นวงกลมวังวนสีฟ้าก่อตัวขึ้นมา ” ปั้ง! ” เมื่อเปลวเพลิงอัสนีปะทะกับวังวนนั้น,เชมันส่งเสียงดังกึกก้องมีพลังงานแปลกประหลาดออกมาจากวังวนและถูกดูดเข้าไปในเปลวเพลิงที่น่าหวาดกลัว ผู้อาวุโสสี่สลายวังวนบนมือของเขาก่อนที่จะร่วงลงไปบนพื้นด้วยสีหน้าซีดเซียวเลือดพุ่งออกมาจากบาดแผลที่หน้าอกของเขา ” ให้ตาย! ข้าประมาทสภาวะแห่งสายฟ้าของเจ้าเด็กน้อยเกินไปหากข้าใส่พลังปราณลงไปอีกเล็กน้อย,ข้าจะสามารถป้องกันการโจมตีเสื้อครู่ได้” ผู้อาวุโสสึกล่าวกับตัวเองรู้สึกเกลียดชังเป็นอย่างมาก

ตอนที่ 272 กำปั้นใหญ่เป็นฝ่ายถูก

ท้ายที่สุด,พวกเขาถึงกับทำตัวเป็นผู้ถูกกระทำ,ถามหาเซียวเฉินกับหลิวสุยเฟิงถึงคำอธิบายหากพวกเขาทั้งสองไม่มีคำอธิบายที่เหมาะสม,เช่นนั้นพวกมันก็จะลงมือนี่มันไม่ต่างไปจากปล้นจี้กันซึ่งหน้า,ไม่มีมนุษยธรรมแม้แต่น้อย,ไร้ซึ่งเหตุผล

อย่างไรก็ตามเซียวเฉินได้เรียนรู้มาแล้วว่าอย่าไปคาดหวังกับการใช้เหตุผลแก้ปัญหาในโลกใบนี้ผู้คนใช้ชีวิตดั่งมดปลวกในโลกใบนี้กำปั้นใหญ่เป็นฝ่ายถูก

ในจังหวะนี้,ตระกูลชรือถือกำปั้นใหญ่กว่า,ดังนั้น,พวกเขาอยู่ฝ่ายถูกผู้บ่มเพาะพลังที่เห็นเหตุการณ์ยืนรายล้อมนิ่งเงียบไม่มีใครพูดจาไม่มีใครออกเสียงฝ่ายเซียวเฉินและหลิวสุยเฟิงนี่เป็นตัวอย่างทั่วไปของโลกใบนี้

เซี่ยวเฉินมีสีหน้านิ่งสงบอย่างไม่น่าเชื่อพร้อมกับกล่าวออกไปทีละคำอย่างชัดเจน” ข้าเป็นคนทำร้ายชรือเฟิงหากเจ้าอยากจะโจมตีข้าเช่นนั้นก็เชิญตราบใดที่เจ้าไม่เกรงกลัวที่จะเชื้อเชิญหายนะมาสู่ตระกูลหรือของเจ้าก็เข้ามา! ”

เป็นเรื่องง่ายที่จะใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้แต่อย่างไรก็ตามมีไม่กี่คนนักที่ใช้ชีวิตได้อย่างมีเกีย

เซี่ยวเฉินมักมีความคิดเห็นที่ว่าผู้บ่มเพาะพลังไม่จำเป็นต้องเผยความเฉลียวฉลาดออกมาแต่อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องมีจิตวิญญาณไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร,จิตวิญญาณไม่อาจจางหายไป

นี่เป็นหลักการที่ว่าอย่าได้หยิ่งผยองแต่ต้องมีความภาคภูมิใจ

หากเชี่ยวเฉินลดตัวเองลงไปปั้นคำอธิบายและกล่าวขออภัย,ด้วยสถานะของศาบากระบี่สวรรค์,ตระกูลชรือจะไม่กล้าทำอะไรพวกเขาทั้งสอง

แต่อย่างไรก็ตาม,หากเป็นเช่นนั้นจะเกิดเป็นแบบอย่างขึ้นมาทำให้เกิดขึ้นต่อไปซ้ำๆในที่สุด,พวกเขาก็จะสูญเสียจิตวิญญาณในฐานะผู้บ่มเพาะพลังของพวกเขาไป

เมื่อผู้บ่มเพาะพลังที่มากความสามารถสูญเสียซึ่งจิตวิญญาณ,ไม่สำคัญว่าเขาจะเคยมีพรสวรรค์สูงส่งแค่ไหน,เขาจะไม่มีทางปีนขึ้นไปสู่สุดสูงสุดแห่งการบ่มเพาะพลังตลอดกาล

ในตอนนี้เซี่ยวเฉินไม่ได้ปิดซ่อนความประกายแสงของตัวเขากระแสพลังของเขายิ่งเจิดจ้าและสว่างไสว,กำลังเผยเจตนาฆ่าฟันออกมาทั่วทั้งร่างของเขาราวกับเป็นกระบี่ล้ำค่าที่ยังไม่ถูกชักออกมา

” กระบี่ล้ำค่านี่” เฉียบคมเป็นอย่างยิ่งมันทะลวงผ่านชั้นอากาศและเชือดเฉือนจิตวิญญาณของพวกเขา

ทันใดนั้น,หมู่เมฆอันไร้ขอบเขตเริ่มปั่นป่วนขึ้นบนท้องฟ้ามีเสียงคึกโครมดึงลงมาจากสวรรค์;พลังของสายฟ้าได้ก่อตัวขึ้น

” เกิดอะไรขึ้น? ทำไมท้องฟ้าถึงได้กลายเป็นมีดมัว? ”

ทันใดนั้นเอง,ผู้บ่มเพาะพลังโดยรอบพบว่าหมู่เมฆมืดมัวเหนือหัวของพวกเขาได้เข้ามาบดบังแสงอาทิตย์ท้องฟ้าพลันเปลี่ยนเป็นมืดมน

” นี่มันสภาวะแห่งสายฟ้าข้าไม่คาดคิดว่าเจ้าหมอนี้จะบรรจุสภาวะแห่งสายฟ้าได้ลึกล้ำถึงขั้นนี้ตั้งแต่อายุยังน้อยเขาสามารถดึงพลังแห่งสายฟ้าออกมาใช้ได้แล้ว”

” นี่เป็นสัญญาณของระดับสมบูรณ์ขั้นต้นข้าเคยพบเห็นเช่นนี้จากระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นปราศจากความสามารถในการเข้าใจในระดับที่เพียงพอ,ไม่มีผู้ใดบรรลุถึงมันได้”

” อย่างไรก็ตามถึงแม้จะด้วยสภาวะแห่งสายฟ้าระดับสมบูรณ์ขั้นต้นของเขาเขายังคงไม่อาจต่อกรกับผู้อาวุโสสี่แห่งตระกูลชรอได้ชายชราผู้นี้ได้ขึ้นมาถึง

ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดมานานหลายปีแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ,มันก็หาได้ยากที่ในระดับขอบเขตนักบุญจะมาต่อกรกับเขาได้”

เมื่อผู้อาวุโสสี่ตระกูลชรือได้เห็นเซียวเฉินพร้อมกับกระแสพลังที่พุ่งพล่านของเขาเขารู้สึกว่านี่เป็นสองที่เขาไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป

สำหรับการจัดการกับรุ่นเยาว์ที่มาจากขุมอำนาจใหญ่,เหล่ารุ่นอาวุโสได้มีความเข้าใจโดยทั่วกันตราบใดที่ไม่มีใครตกตาย,พวกเขาจะไม่เคลื่อนไหว

เดิมที่ตระกูลชรือไม่ได้มีแผนจะลงมืออะไรอย่างไรก็ตาม,พวกเขาได้ยินมาว่าชรือเฟิงถูกเตะกระเด็นออกมาจากศาลาหลับไหลโดยคนของศาบากระบี่สวรรค์

ในฐานะหนึ่งในสามตระกูลชั้นสูง,ผู้นำตระกูลชรือรู้สึกเสียหน้าหากข่าวลือนี้กระจายออกไป,มันจะส่วผลกระทบร้ายแรงกับชื่อเสียงของตระกูลชรือในเมืองซีเหอ

ดังนั้นเขาได้มอบหมายให้ผู้อาวุโสสี่นำกลุ่มมารชจัดการกับเรื่อวนี้เรื่องนี้จะคลี่คลายตราบใดที่เซียวเฉินยินดียอมรับความผิดและกล่าวขออภัย

อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสสี่แห่งตระกูลชรือไม่คาดคิดว่าเซี่ยวเฉินนั้นจะมีนิสัยแข็งกร้าวเช่นนี้เซียวเฉินไม่ยินยอมสร้างข้อแก้ตัวและยังท้าทายเขาต่อหน้าของทุกคนนี่มันทำให้เขาขึ้นหน้าก็ยากถอยกลับก็ลำบากใจ,เขาไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร

ผ่านไปครู่หนึ่งผู้อาวุโสสี่แห่งตระกูลชรือรู้ว่าหากเขายอมถอย,พวกเขาจะต้องเสียหน้าอย่างแท้จริง

ผู้อาวุโสสี่ตระกูลชรือได้ตัดสินใจแะลกล่าวด้วยเสียงเย็น” เป็นแค่ผู้เยาว์ตัวกระจ้อยและยังกล้าพูดจาอาจหาญเจ้าช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำข้าจะสั่งสอนเจ้าเองในวันนี้”

ผู้อาวุโสสีโบกมือและชักกาบของเขาออกมาจากนั้นเขาก็ส่งดาบฉีเฉียบคมตรงไปที่เซียวเฉินดาบฉีเล่มนี้แหลมคมยิ่งกว่าดาบฉีทั่วไปมันตัดผ่านอากาศไปอย่างเงียบเฉียบราวกับตัดผ่าสายน้ำ

เสียงสายฟ้าแตกกราวดังขึ้นในอากาศเซียวเฉินส่งกระบฉีสีม่วงที่ก่อตัวขึ้นมาจากสายฟ้าตรงไปที่ดาบฉีที่ผู้อาวุโสสี่ส่งออกมา

” แคร้ง! ”

ดาบฉีและกระบี่ฉีดข้าปะทะไม่มีใครยอมใครและกดเข้าใส่กันอย่างดุเดือดสภาวะแห่งสายฟ้าที่เซียวเฉินใส่ลงไปในกระบี่ฉีวิบวับด้วยกระแสสายฟ้ารุ่งโรจน์ส่งเสียงซีซีออกมา

ด้วยการพึ่งพาควรมได้เปรียบของสภาวะแห่งสายฟ้า,กระบี่ฉีของเซี่ยวเฉินสามารถเสมอกับดาบฉีที่ได้ขัดเกลามาจนถึงขีดสุด

ผู้อาวุโสสี่ตระกูลชรือประหลาดใจเล็กน้อยเขายิ้มและกล่าว” ก่อนที่สภาวะจะขึ้นไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม,มันก็เป็นเพียงกระบวณการไว้แบบแผนข้าจะล้มเจ้าภายในสิบกระบวณท่า! ”

หลังจากที่ผู้อาวุโสสีตระกูลชรือกล่าวจบ,เขาก้าวขึ้นหน้าเขากวาดดาบของเขาขึ้นและหนามแหลมคมผุดขึ้นมาจากพื้นพุ่งเข้าใส่เชี่ยวเฉิน

หนามแหลมแต่ละอันยาวสองเมตรและคมอย่างไม่น่าเชื่อหากมันซัดโดนเซียวเฉิน,ถึงว่าว่าเขาจะไม่ได้เจ็บหนักแต่ผิวหนังของเขาจะถูกฉีกกระชากหนามศิลารวดเร็วเป็นอย่างยิ่งภายในพริบตาเดียว,มันก็เข้ามาถึงตัวเซียวเฉิน

เซียวเฉินสังเกตเห็นความสูงของหนามศิลา,พวกมันสูงเพียงประมาณสองเมตรแม้ว่าหนามศิลาจะขยายออกมาไกล,หากเขาใช้ทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยาน,เขาจะสามารถกระโดดข้ามผ่านพวกมันไปได้อย่างง่ายดาย

เซี่ยวเฉินกดเท้าดีดตัวจากพื้นและทะยานขึ้นไปในอากาศเขากระจายสภาวะแห่งสายฟ้าและส่งตัวเองพุ่งไปที่ผู้อาวุโสสี่ตระกูลชรือ

เมื่อผู้อาวุโสสี่มองเห็นเซียวเฉินในอากาศ,เขาเผยรอยยิ้มยินดีเขากล่าว” ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องเลือกที่จะกระโดดขึ้นไปในอากาศแทนที่จะล่า
ถอย”

” ฟูฟิ้ว! ฟุฟว! ”

ในจังหวะที่ผู้อาวุโสสีกช่าวจบ,หนามศิลาบนพื้นพุ่งออกมมสและส่งตัวมันลอยไปที่เซียวเฉินมันเชรวดเร็วเป็นอย่างมาก,เกือบจะเทียบเท่ากับความเร็วเสียงและพวกมันส่งเสียงหอนดังออกมาขณะที่ลอยไป

เขี้ยวเฉินตกใจ,เขาไม่ได้คิดถึงการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ไม่เหลือเวลาให้เขาครุ่นคิด,เขาร้องตะโกนและภาพร่างของขุนเขาปรากฏขึ้นด้านบนก่อนที่จะผสานเข้ากับกระบี่ของเขา

” ระเบิดยอดเขาเดียวดาย! ”

เซี่ยวเฉินฟันออกไปละพลังงานหมุนวนส่งตัวขึ้นไปในอากาศมันราวกับขุนเขาของจริงกำลังร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าด้วยพลังมหาศาล

” ปัง! ปัง! ปัง! ”

เกิดเสียงอันดังและหนามศิลาในอากาศถูกฟันออกเป็นชิ้นชิ้นส่วนศิลาลอยวนและตกลงที่พี่นราวกับห่าฝน

มีร่างหนึ่งพร้อมกับดาบพุ่งทะยานผ่านห่าฝนศิลาทุกที่ที่เขาพุ่งผ่าน,ชิ้นศิลาสลายกลายเป็นผุยผง,เติมเต็มท้องฟ้าไปด้วยฝุ่นควัน

สายของเซียวเฉินเฉียบคมเมื่อเขามองเห็นฝุ่นควันลอยเต็มไปในอากาศ,กระบี่เงาจันทร์แทงออกมาราวกับเส้นสายฟ้า

” แคร้ง! ”

มันดูเหมือนกับกระบี่เงาจันทร์ได้ซัดเข้ากับหินแข็งในตอนที่เซียวเฉินแทงออกมา,เขาถูกสะท้อนกลับด้วยพลังมหาศาลเขาเสียสมดุลกลางอากาศและตกลงมาที่พื้นอย่างรวดเร็ว

เสียงของผู้อาวุโสสี่ตระกูลชรือดังออกมาจากกลุ่มควันเขาหัวเราะเย็นชาและกล่าวขึ้น” จิตวิญญาณยุทธของข้าได้ขึ้นไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมมันเป็นความฝันลมแรงที่เจ้าจะทำลายการป้องกันของข้าด้วยสภาวะแห่งสายฟ้าอ่อนด้อย

” ลูกศรผ่าศิลา! ”

ผู้อาวุโสสี่ร้องตะโกนและเส้นศิลาสีฟ้านับไม่ถ้วนขยายออกมาจากดาบของเขาในทันทีต่อมา,เส้นสีฟ้าได้มารวมตัวกะนที่ปลายดาบของเขา

เกิดเสียงนะเบิดดังขึ้นวังวนสีฟ้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่ปลายดาบจากจุดศูนย์กลางของวังวน,ก้อนศิลาสีฟ้าถูกยิงออกมาราวกับลูกศรมันพุ่งอย่างรวดเร็วตกลงมาที่เซียวเฉิน

” ชี! ชี! ชี! ”

ขณะที่ลูกศรทะลวงผ่านอากาศ,มันเชส่งเสียงโซนิคบูมออกมาระเบิดในอากาศเกิดเป็นความผันผวนมากมายระลอกคลื่นมากมายปรากฏขึ้นในอากาศราวกับเป็นพื้นผิวน้ำ

เซียวเฉินค่อยๆลดความสูงลงและจ้องมองไปที่ลูกศรสีฟ้าสีหน้าของเขาสงบยิ่งกว่าก่อนหน้านี้

” ปลุกเมฆานิรันดร์! ”

เซียวเฉินหมุนเวียนพลังปราณและใช้สภาวะแห่งเมฆาผ่านไปครู่หนึ่ง,ผืนเมฆขนาดใหญ่เข้ามาล้อมรอบเคี้ยวเฉิน

” บูม! ” เสียงสายฟ้าดังกราวสายกระบี่ฉีม่วงเล็กเฉียบบางแหวกชั้นหมู่เมฆ,บินตรงไปที่ลูกศรสีฟ้าอย่างรวดเร็ว

เส้นสายบางเฉียบเคลื่อนตัววูบไหวราวกับแสงหลากสี

ในจังหวะต่อมากลายเป็นเงียบสงบ,ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อยลูกศรสีฟ้าที่ผู้อาวุโสสี่ส่งออกมายังคงทะลวงผ่านอากาศเกิดเป็นเสียงดังสนั่นพร้อมกับมุ่งหน้าเข้าไปหาเซียวเฉินมันดูราวกับในไม่ช้ามันจะซัดเข้าที่ตัวของเซียวเฉินผู้ที่ได้ลอยลงมาถึงพื้นแล้ว

ผู้อาวุโสสี่สูกจมูกและกล่าวออกมา” ข้าได้คิดว่าเจ้าจะทรงพลังแท้จริงแล้วเพียงแค่พอดูได้ถึงแม้ว่าข้าจะสังหารเจ้าไป,ศาลากระบี่สวรรค์ก็ใช่ว่าจะมาตรมล้างแค้นให้เจ้า”

สำหรับผู้บ่มเพาะพลังที่ยืนอยู่โดยรอบมองดูลูกศรที่ลอยใกล้เข้ามา,พวกเขาคิดว่าช่างโชคร้าย

เมื่อถึงจุดนี้,เซี่ยวเฉินไร้หนทางหลบหนีแล้วเขาทำได้เพียงตั้งรับการโจมตีเต็มกำลังของระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด

นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธก็ไม่กล้าตั้งรับโดยตรงไม่ว่าเซี่ยวเฉินจะแข็งแกร่วถึงเพียงใดสำหรับระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้น,มันเป็นเรื่องโง่เง่าที่จะลองตั้งรับกระบวณท่านี้มันไม่มีทางป้องกันได้

” ฟู่! ”

ลูกศรสีฟ้าห่างจากใบหน้าของเซียวเฉินไปอีกเพียงหนึ่งเมตรสายลมจากตัวลูกศรทำให้ผมของเซี่ยวเฉินปลิวกลับหลัง

เซี่ยวเฉินยกกระบี่เงาจันทร์ที่อยู่ในมือขึ้นมาและร้องตะโกน” ระเบิด! ”

เส้นสายสีม่วงที่ได้จางหายไปทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้นสิ้นเสียงของเซี่ยวเฉิน,เส้นด้ายได้แผ่ขยายออกไปราวกับม่านน้ำ

ลูกศรสีฟ้าตรงหน้าของเขาระเบิดออกและเติมเต็มอากาศไปด้วยชิ้นส่วนหินศิลา,ก่อนหายวับไปในอากาศ

เป้าหมายสุดท้ายของเส้นด้ายคือผู้อาวุโสสีที่ลอยอยู่ในอากาศเขาไม่คาดคิดว่าเซี่ยวเฉินจะมีกระบวณท่าเช่นนี้

” ฟู่ฟิว! ”

ผู้อาวุโสสี่กระอักเลือดออกมาเต็มปากเสื้อผ้าที่หน้าอกของเขาถูกระเบิดเป็นชิ้นเกอดรูเล็กๆบนผืนศิลาสีฟ้าที่ห่อหุ้มทั่วทั้งร่างของเขาเอาไว้มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด

แม้ว่าบาดแผลจะมีขนาดเล็ก,แต่กระแสไฟฟ้าบนบากแผลแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดมันส่งเสียงซีซีออกมา,พร้อมขัดขวางไม่ให้บากแผลสมานตัว

กระแสไฟฟ้าสีม่วงเคลื่อนไหวอย่างสับสนไปในอากาศบางครั้ง,มีบางส่วนตกลงมาที่พื้นและระเบิดออก,เกิดเป็นหลุมลึกขึ้นมา

เชี่ยวเฉินกระทืบพื้น,ร่างกายของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บเขาโบกมือและกระแสไฟฟ้าที่หลงเหลีออยู่ในอากาศมารวมตัวที่ฝ่ามือของเขา

กระแสไฟฟ้าที่ไดมารวมกันเกิดเป็นลูกบอลเพลิงอัสนีที่เผาไหม้อย่างดุเดือดหลังจากนั้น,เซียวเฉินปาลูกบอลเพลิงไปที่ผู้อาวุโสสี่

ผู้อาวุโสสี่ได้รับบาดเจ็บและไม่อาจหลบได้ทันเวลาเขาทำได้เพียงโยนดาบของเขาทิ้งไปและหมุนฝ่ามือเป็นวงกลมวังวนสีฟ้าก่อตัวขึ้นมา

” ปั้ง! ”

เมื่อเปลวเพลิงอัสนีปะทะกับวังวนนั้น,เชมันส่งเสียงดังกึกก้องมีพลังงานแปลกประหลาดออกมาจากวังวนและถูกดูดเข้าไปในเปลวเพลิงที่น่าหวาดกลัว

ผู้อาวุโสสี่สลายวังวนบนมือของเขาก่อนที่จะร่วงลงไปบนพื้นด้วยสีหน้าซีดเซียวเลือดพุ่งออกมาจากบาดแผลที่หน้าอกของเขา

” ให้ตาย! ข้าประมาทสภาวะแห่งสายฟ้าของเจ้าเด็กน้อยเกินไปหากข้าใส่พลังปราณลงไปอีกเล็กน้อย,ข้าจะสามารถป้องกันการโจมตีเสื้อครู่ได้” ผู้อาวุโสสึกล่าวกับตัวเองรู้สึกเกลียดชังเป็นอย่างมาก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+