The Divine Nine Dragon Cauldron 381

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 381 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฟึ่บ–

 

เนตรสวรรค์เปล่งแสงจ้า มันปะทุแสงสีม่วงและแสงเทพกระจ่างออกมา

 

เมื่แสงเทพปะทุ ท้องนภาและธรณีสั่นสะเทือน สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในระยะสามหมื่นลี้ล้มลงกับพื้นราวกับว่าวิหารสวรรค์ที่เพิ่งหายไปนั้นได้กลับมา

 

คนทั้งหมดในดินแดนวิหคเพลิงตกตะลึง นี่คือฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ที่ซือหยูได้รับมาจากการฝ่าฝืนบัญชาสวรรค์!

 

นี่มันอยู่ในขอบเขตของมนุษย์งั้นรึ? มันแทบจะเทียบได้กับความพิโรธจากสวรรค์เลย!

 

ฟึ่บ–

 

แสงเทพแล่นผ่านระยะแสนศอก มันไม่สนใจห้วงเวลา และเป็นเวลาเดียวกับที่เฉินคงกำลังจะหนีเข้าไปในหน้ากากนิรันดร์ เขาถูกแสงเทพนั้นส่องทะลุ รวมถึงสมบัติเทพด้วย

 

ฟึ่บ–

 

การปะทะกันที่ทุกคนคาดหวังมิได้เกิดขึ้น แสงเทพกลับทะลวงผ่านหน้ากากนิรันดร์!

 

“อ๊ากก! ไม่นะ!”

 

เสียงกรีดร้องดังมาจากภายในหน้ากากนิรันดร์ จากนั้นพื้นที่โดยรอบก็สั่นสะเทือน แสงเทพที่พุ่งเข้าใส่หน้ากากนิรันดร์สาดส่องออกมา

 

ไม่นานแสงเทพก็ทะลวงร่างที่พุ่งไปทางขอบนภา เห็นได้ชัดว่านั่นคือเฉินคงที่หนีเข้าไปในมิติของหน้ากาก แต่อกของเขาถูกเจาะทะลุด้วยแสงเทพทั้งสอง โลหิตพุ่งออกมา ร่างของเขาโอบล้อมด้วยเพลิงสีม่วงและสีข่าว เขากำลังถูกเผาอย่างโหดร้าย

 

ความเจ็บปวดสุดขั้วทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเฉินคงบิดเบี้ยว ใบหน้าของเขาในตอนนี้ดูน่ากลัว

 

“หยินหยู หยุดเดี๋ยวนี้!”

 

เฉินคงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

 

ซือหยูไม่สนใจคำพูดของเขา

 

ก่อนหน้านี้ที่เฉินคงอยากจะฆ่าซือหยู เขาเคยออมมืองั้นรึ? ต่อหน้าศัตรู ซือหยูไม่เคยปรานี

 

ซือหยูยกมือขึ้นและดีดนิ้ว

 

เป๊าะ—

 

เฉินคงกระแทกลงกับพื้น เขากลายเป็นเถ้าถ่านกระจายไปบนนภา เสียงกรีดร้องของเขาหายไป

 

หน้ากากตกลงกับพื้นเสียงดังกังวาลเมื่อเสียเจ้าของไป

 

แกร๊ง—

 

รอบๆเงียบกริบ! พวกเขามองเถ้าถ่านที่พัดปลิวไปตามแรงลม! นั่นถือเถ้าถ่านของเฉินคง!

 

แม้ว่าเขาจะหนีเข้าไปในมิติของสมบัติเทพ เขาก็มิอาจหนีพลังจากเนตรสวรรค์ไปได้

 

เขาคือหนึ่งในผู้คุมสวรรค์แห่งทวีป และชีวิตของเขาก็เหือดหายไปด้วยเนตรสวรรอย่างเงียบเชียบ…และง่ายดาย!

 

แววตาอันเป็นประกายของเจ้าวิหคเพลิงเต็มไปด้วยความกลัว ความรู้สึกหวาดกลัวที่นางไม่เคยพานพบมาหลายปีได้เกิดขึ้น ความตายของเฉินคงเป็นเครื่องเตือนใจอย่างดีว่าแม้นางจะเป็นอำมฤตระดับห้า นั่นก็ไม่ได้หมายความว่านางจะได้อยู่ค้ำฟ้า ยังมีคนมากมายในจักรวาลแห่งนี้ที่สังหารคนอย่างพวกนางได้ อย่างเช่น…หยินหยู!

 

เฉินคงได้ตายและหายลับไปจากโลก ชื่อเสียงของเขากลายเป็นหมอกควัน ตำนานที่เคยไร้เทียมทานในอดีตแห่งทวีปนั้นต้องมาลงเอยเช่นนี้

 

ในการต่อสู้ครั้งใหญ่แห่งทวีปที่ตำนานแห่งยุคสองคนได้เข้าปะทะกันท่ามกลางสักขีพยานหมื่นคน เรื่องราวจบลงด้วยความตายของเฉินคง ราชาคนใหม่ถือกำเนิด! หยินหยูจะกลายเป็นตำนานแห่งทวีปและราชาตัวจริงที่เหนือกว่าผู้คุมสวรรค์ไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น

 

เขาคือตำนานไร้เทียมทาน

 

ทั้งทวีปแห่งนี้ คนในรุ่นเดียววกับเขาไม่มีใครอื่นที่จะสู้กับเขาได้ แม้ว่าจะเป็นผู้คุมสวรรค์ก็ต้องถูกเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าของราชาผู้นี้

 

วันและคืนครั้งนี้เป็นช่วงที่เหล่าคนดูมิอาจลืมเลือนไปได้ ไม่ว่าพวกเขาจะใช้ชีวิตไปอีกกี่ปี — แม้ว่าจะกลายเป็นผู้เฒ่าเรี่ยวแรงรวยริน — พวกเขาก็จะไม่ลืมการประลองในวันนี้ ไม่ลืมการถือกำเนิดของตำนานราชาที่พวกเขาเห็นด้วยตาตัวเอง

 

พรึ่บ–

 

ซือหยูยื่นมือคว้าความว่างเปล่า หน้ากากนิรันดร์ปรากฏขึ้นในฝ่ามือ สีทองแดงอย่างเรียบง่ายและร่องรอยแสดงถึงห้วงเวลาที่ผ่านพ้น และยังมีความผันผวนของมิติที่เห็นได้เล็กน้อย

 

“สิ่งนี้เป็นของข้า…”

 

ซือหยูพูด

 

เขาทำราวกับว่าในตอนนี้ไม่มีใครอื่นอยู่รอบๆและเก็บหน้ากากนิรันดร์ไว้กับตัว ไม่มีใครโต้แย้งการกระทำของเขา ไม่มีใครคิดชิงหน้ากากนิรันดร์เช่นกัน แม้ว่ามันจะเป็นสมบัติเทพระดับกลางที่มาจากบรรพบุรุษของขุมกำลังใหญ่แห่งทวีปก็ตาม!

 

แม้แต่จ้าววิหคเพลิงก็ลังเลและเลิกคิดหยุดซือหยู สำหรับนาง หน้ากากนิรันดร์นั้นเป็นสมบัติเทพที่ยิ่งใหญ่ หากมีมันก็จะมีเหลือแค่ไม่กี่คนที่ทำให้นางบาดเจ็บได้ แต่จะมีประโยชน์อะไรหากนางได้มันมา? ต่อหนา้เนตรสวรรค์ หน้ากากนิรันดร์ไม่ต่างอะไรกับขยะ

 

ซือหยูเดินไปหยุดที่หน้าที่นั่งเมฆาหิมะ เขาอยู่ห่างจากมันเพียงร้อยศอก แค่ร้อยศอกเท่านั้น! หลังจากที่ผ่านความเป็นความตายมาหลายครั้ง ในที่สุดเขาก็อยู่ห่างจากมันแค่ร้อยศอก

 

“โปรดออกมาเถอะ”

 

เขาไร้อารมณ์ ดวงตาแดงก่ำนั้นเยือกเย็นไร้จิตใจ เขาเพียงแค่อยากจะพบเซี่ยนเอ๋อเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อทำให้ทุกสิ่งชัดเจนและสะบั้นความสัมพันธ์ระหว่างกัน

 

เหล่าคนดูทั้งหมื่นคนคุยกันอย่างเคร่งเครียดและจ้องมองเหตุการณ์สุดท้าย หยินหยูได้ต่อต้านสวรรค์และต่อสู้ด้วยชีวิต ทั้งหมดก็เพื่อเฟิงเซี่ยน และตอนนี้ทุกอย่างได้จบลงไปแล้ว เฟิงเซี่ยนจะติดตามเขาไปนับแต่นี้หรือปฏิเสธเขาอย่างเดิม แล้วทั้งสองจะกลายเป็นคนแปลกหน้าในโลกใบนี้หรือไม่?

 

สายตาของสตรีนับไม่ถ้วนมีแต่ความริษยา แม้แต่จ้าววิหคเพลิงที่เป็นอาจารย์ของเฟิงเซี่ยนเองก็มิอาจฝังความริษยาออกไปจากจิตใจได้

 

ในชีวิตของทุกคน พวกนางจะมีคู่ครองได้เพียงหนึ่ง ดังนั้นใครกันที่พวกนางจะปรารถนา? ชายหนุ่มที่มีพรสวรรค์และกล้าที่จะต่อกรสวรรค์เพื่อเอาตัวรอดในยามสิ้นหวัง และเขาก็ยังไม่หันหลังกลับ ทั้งหมดที่ทำไปก็เพื่อให้ได้พบกับนาง คนรักเช่นนี้ สตรีใดกันจะไม่ริษยาได้ลง? และในหัวใจของพวกนาง เฟิงเซี่ยนอาจจะไม่คู่ควรพอที่จะได้บุรุษเช่นนี้มาครองเสียด้วยซ้ำ

 

“แม้เจ้าจะชนะ…”

 

“ข้าก็ไม่คิดจะแต่งงานกับเจ้า โปรดไปซะ”

 

แม้คำพูดจะเรียบเฉิย แต่มันก็เด็ดเดี่ยวอย่างไม่น่าเชื่อ นางปฏิเสธซือหยู!

“ไร้หัวใจนัก!”

 

ซงหลวนอุทานออกมา

 

สายตาของเจียงมู่เฟยเต็มไปด้วยความริษยา

 

“ข้าคิดเหมือนเจ้า! หยินหยูไม่สนใจชีวิตตัวเอง ทั้งยังขัดต่อบัญชาสวรรค์ ทั้งหมดก็เพื่อได้พบนาง แต่นางกลับพูดเช่นนั้น”

 

หญิงสาวหลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถ้าหยินหยูแต่งงานกับเฟิงเซี่ยนจริงๆ พวกนางก็คงจะรู้สึกว่างเปล่า

 

จ้าววิหคเพลิงพูดอย่างไม่สนใจ

 

“เฟิงเอ๋อ เฉินคงตายไปแล้ว แม้หยินหยูจะทำขนาดนั้นเพื่อเจ้า เจ้าก็ยังปฏิเสธเขารึ? ทำไมกัน?”

 

รังสีอันบริสุทธิ์แผ่ออกจากที่นั่งเมฆาหิมะ นางราวกับนางไม้สูงสุดที่สง่างาม เห็นได้ชัดว่านางไม่คิดจะพูดเล่น

 

“ท่านอาจารย์ ข้าเข้าใจว่าท่านหยินหยูมีความรู้สึกลึกซึ้งกับข้า…”

 

“แต่ข้าก็มิอาจยอมรับกับคนที่ข้าไม่ชอบ ท่านหยินหยู โปรดหาคนอื่นเถอะ”

 

แม้คำพูดนางจะอ่อนโยน มันก็แสดงถึงความรู้สึกที่ไม่ยินดี ราวกับว่านางเป็นคนที่ยืนเหนือผู้อื่น

 

“ข้าแค่ปรารถนาจะพบหน้าเจ้า”

 

ซือหยูพูดเป็นครั้งสุดท้าย

 

เสียงอันสง่างามดังมาจากที่นั่งเมฆาหิมะ

 

“ข้าไม่ได้รักเจ้า จำเป็นอะไรที่ต้องพบกัน? โปรดไปเถอะท่าน”

 

นางไม่เต็มใจแม้จะพบหน้าเขารึ?

 

เจียงมู่เฟยขมวดคิ้ว

 

“คนอะไรกัน นางหยิ่งผยองนัก! ถ้าอยากจะปฏิเสธหยินหยูแล้วทำไมถึงออกมาปฏิเสธให้เห็นหน้าไม่ได้เล่า? ทำไมนางจะต้องนั่งอยู่ในที่นั่งนั่นอยู่เช่นนั้น! เพราะนั่งอยู่ในนั้นนางเลยคิดว่าจะปฏิเสธตำนานราชาได้อย่างภาคภูมิใจงั้นเรอะ!”

 

ซงหลวนขมวดคิ้วและไม่พอใจเช่นกัน

 

“หยินหยูรู้สึกอย่างลึกซึ้งถึงเพียงนั้น แต่ทำไมเขาถึงตกหลุมรักสตรีเช่นนี้กัน? ไม่คุ้มกับเวลาที่เขาเสียไปเลย”

 

คนที่มีความคิดลึกซึ้งตระหนักว่าเฟิงเซี่ยนนั้นตั้งใจสงวนตัวเอาไว้ นางไม่คิดจะออกมาแม้ว่าตำนานราชาจะอ้อนวอนนางอย่างเป็นมิตรต่อหน้ายอดฝีมือในทวีป เห็นได้เลยว่านางกำลังจงใจทำ นั่นก็เพื่อให้แน่ใจว่านามของนางจะเป็นที่ร่ำลือยิ่งขึ้น

 

แม้ว่าซือหยูจะเอาชนะยอดฝีมือของทวีปตอนเหนือจนหมด เขาก็มิอาจทำให้เฟิงเซี่ยนมาเจอเขาได้ หากเรื่องนี้เป็นที่รับรู้ เฟิงเซี่ยนก็จะสูงส่งยิ่งกว่าเดิม

 

จ้าววิหคเพลิงรู้ถึงความตั้งใจของศิษย์นางและขมวดคิ้ว แต่ซือหยูเคลื่อนไหวก่อนที่นางจะได้ตำหนิศิษย์ของตัวเอง

 

ปั้ง–

 

ซือหยูยกฝ่ามือซัดเข้าใส่ที่นั่งเมฆาหิมะ ที่นั่งอันสง่างามแตกเป็นเสี่ยง อาชามีเขาที่เล็มหญ้าอยู่ข้างๆถอยหนีด้วยความกลัว

 

ไม่มีคิดว่าซือหยูจะทำเช่นนั้น ในที่นั่งเมฆาหิมะ ร่างอันงดงามกำลังตกใจและเกือบจะตกลงกับพื้นอย่างน่าอาย!

 

ทุกคนมองด้วยความตกใจ นางสวมชุดขาวราวหิมะ ผมสีดำยาวนั้นสยายอยู่กับแผ่นหลังและลอยอย่างเบาบางด้านหลังของนาง รูปหน้าของนางนั้นราวกับถูกสลักออกมา แววตานางสดใส ริมฝีปากแดงราวกับกลีบกุหลาบ

 

ผิวของนางขาวราวกับหิมะ โครงสร้างร่างกายนั้นราวกับหยกงาม แม้แต่เงาของนางก็สวยงาม ไม่ว่าจะมองนางมุมไหนก็ไม่มีที่ว่างให้กังขาในความงดงามอย่างมากของนางเลย

 

รังสีอันบริสุทธิ์ผุดผ่องออกมาจากสตรีเช่นนางที่งดงามราวกับเทพี คนที่มองนางรู้สึกราวกับว่านางเป็นสิ่งอื่นที่เหนือกว่ามนุษย์ ราวกับว่านางคือเทพีระดับสูงที่ถูกขับออกจากสวรรค์ เมื่อนางปรากฏตัวมายังโลกก็ทำให้สตรีทุกคนด้อยกว่าในทันที เฟิงเซี่ยนสวยงามจนเกินไป — จนนางดูไม่เหมือนกับสตรีของโลกมนุษย์

 

เฟิงเซี่ยนรีบจัดท่ายืน แววตานั้นเย็นชา

 

“ท่านหยินหยู ทำไมท่านถึงบังคับให้ข้าต้องทำในสิ่งที่ไม่เต็มใจเล่า? ชิงสุกก่อนห่ามมิใช่เรื่องดี ท่านควรจะเข้าใจ”

 

นางพูดและเดินผ่านซือหยูโดยไม่มองเขาแม้แต่น้อย

 

ขาทั้งสองข้างที่ราวกับดอกบัวหยุดลงเล็กน้อย นางหันหลังให้กับซือหยู

 

“ท่านหยินหยู…”

 

“ข้าขอยอมรับความรู้สึกเป็นมิตรของท่าน แต่ก็น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้รักท่าน ข้า—”

 

ปั่ก ปั่ก ปั่ก—

 

แต่นางกลับได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินออกไปไกลจากนาง ซือหยูเดินไปหาจ้าววิหคเพลิง ความโศกเศร้าและสายตาสับสนนั้นเป็นประกาย!

 

“ท่านจ้าวคณะ…”

 

“เซี่ยนเอ๋ออยู่ไหน? เซี่ยนเอ๋อที่ข้าตามหาอยู่ที่ไหน?”

 

คำพูดของซือหยูเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสุขที่หายไปกลับมาดังเดิมอีกครั้ง เฟิงเซี่ยนไม่ใช่เซี่ยนเอ๋อ!

 

นางไม่ใช่เซี่ยนเอ๋ออย่างแน่นอน! ซือหยูรู้สึกละอายใจและโทษตัวเองที่ไม่แม้แต่จะคิดให้ดี แต่เขาควรจะคาดเอาไว้แล้วว่าเฟิงเซี่ยนไม่ใช่เซี่ยนเอ๋อ เขากล้าไปสงสัยว่าเซี่ยนเอ๋อจะเปลี่ยนใจไปรักชอบกับชายอื่นได้ยังไง?

 

จ้าววิหคเพลิงสับสน

 

“เซี่ยนเอ๋อ…ไม่ใช่ว่าเฟิงเซี่ยนที่เซี่ยนเอ๋อที่เจ้าตามหาอยู่หรอกรึ?”

 

ทุกคนเบิกตากว้าง คนคนนี้…สตรีผู้นี้ที่หยินหยูฝ่าฟันความยากลำบากเอาความเป็นความตายเข้าแลกหลายต่อหลายครั้ง…มิใช่เฟิงเซี่ยนหรอกรึ?

 

เฟิงเซี่ยนกระทืบเท้ากับพื้น ใบหน้าเรียบเฉยของนางเคร่งเครียดเล็กน้อย

 

ผู้คนทั้งหมื่นคนเงียบกริบ เรื่องอันคาดไม่ถึงทำให้พวกเขาตกใจ

 

ซือหยูส่ายหน้า

 

“ไม่ คนที่ข้าอยากจะเจอคือเซี่ยนเอ๋อ ฉินเซี่ยนเอ๋อ!”

 

ตอนนี้ซือหยูเข้าใจแล้ว เฉินคงเรียกเฟิงเซี่ยนว่า “เซี่ยนเอ๋อ” เพื่อแสดงว่านางคือคนรักของเขา ส่วน “เซี่ยนเอ๋อ” ของซือหยูคือชื่อตัวของฉินเซี่ยนเอ๋อ เขาคิดมาตลอดว่าเฟิงเซี่ยนคือนามของฉินเซี่ยนเอ๋อในคณะวิหคเพลิง แต่ตอนนี้มันชัดเจนแล้วว่าเซี่ยนเอ๋อคนนี้คือเฟิงเซี่ยน ความเข้าใจผิดนี้ทำให้ซือหยูหน้าแดงด้วยความเขินอาย

 

เหล่าผู้คนนับหมื่นไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ฉินเซี่ยนเอ๋อรึ? นางเป็นใครกัน? แม้แต่เหล่าศิษย์ในคณะวิหคเพลิงก็ตกใจเช่นกัน พวกนางไม่เคยได้ยินถึงสตรีที่ชื่อเซี่ยนเอ๋อในคณะวิหคเพลิงเลย

 

มีแค่จ้าววิหคเพลิงเท่านั้นที่ลืมตากว้างอย่างเข้าใจ สายตาของนางระมัดระวัง นางพูดอย่างเคร่งเครียด

 

“เจ้าเป็นใคร?”

 

เหตุผลที่แท้จริงก็คือ…หยินหยูรู้เรื่องเซี่ยนเอ๋อได้ยังไง?

 

ซือหยูหยิบกล่องหยกที่มีขนวิหคเพลิงออกมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด