The Divine Nine Dragon Cauldron 935 – ทิ้งเมิ่งเถียน

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 935 - ทิ้งเมิ่งเถียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

DND.
  คนที่อยู่ตรงหน้าของเขาคือชายวัยกลางคนใบหน้าเศร้าหมองดุดันจิตสังหารชั่วร้ายแสดงให้เห็นในแววตา
  “ไอ้ปีศาจ!”
  ชายวัยกลางคนพูดอย่างกระหายเลือด
  “เจ้าฆ่าลูกชายข้าแล้วยังจัดการคนรุ่นหลังในตระกูลข้าอีกเจ้าติดค้างโลหิตของข้า! เจ้าไม่คิดจะชดใช้สักหน่อยเรอะ?”
  ชายตรงหน้าเขาคือเจ้าตระกูลเฉา!เขาคือผู้นำตระกูลที่ทรงอำนาจที่สุดในดินแดนพรสวรรค์นอกจากสำนักต่างๆ!
  ไม่แปลกใจเลยที่เขาอยากจะควบคุมนายหญิงซือถูเขามักจะต้องการความงามของนายหญิงซือถูมาตั้งแต่อายุยังน้อย และเขายังสังหารสามีของนายหญิงซือถูไปด้วย!
  และยิ่งไม่แปลกที่เขาจะต้องปลอมตัวเพราะถ้าหากดินแดนพรสวรรค์รู้ ตระกูลเฉาจะถูกทำลายล้าง
  “ข้าไม่เคยติดหนี้ผู้ใดแต่หนี้เดียวที่ข้าไม่เคยชดใช้ก็คือหนี้เลือด!”
  ซือหยูพูดเขาไม่เคยสังหารผู้บริสุทธิ์ เขาไม่เคยเสียใจ
  “ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้ในวันนี้แหละ!”
  เมื่อเผยใบหน้าเจ้าตระกูลเฉาไม่ทนการมีอยู่ของซือหยูอีกต่อไป เขากู่ร้องพุ่งพรวดเข้าหาดั่งเงา
  แต่น่าเสียดายที่มิติกำลังปั่นป่วนวุ่นวายคลื่นพลังมิติพุ่งมาด้านหน้าพาเจ้าตระกูลเฉาไปยังอีกทิศทาง! เจ้าตระกูลเฉาโกรธแค้นและเริ่มพุ่งเข้าไปต่อด้วยตาแดงก่ำ เขาดูราวกับคนคลั่ง!
  อสูรจันทร์ม่วงขมวดคิ้วแน่นแต่แรกเขามั่นใจว่าจะกำจัดซือหยูได้ เขาจึงปรากฏตัวออกมา แต่เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะคุมตัวซือหยูไม่ได้แม้จะผ่านมาเนิ่นนานเช่นนี้!
  “อย่ามาอวดดีให้มากนัก!”
  เขาตะโกนและเข้าร่วมวงการตามฆ่าซือหยู
  กลับกันซือหยูใช้เนตรวิญญาณมองดูทิศทางของมิติ เขาบอกได้อย่างชัดเจนว่ามิติที่ใดจะปั่นป่วน ดังนั้นเขาจึงหลบหนีได้อย่างง่ายดายและพาตัวเองไปยังจุดอื่น
  แต่เขาก็รู้ว่านี่เป็นเพียงวิธีชั่วคราวในการรับถือซือหยูได้แต่ปล่อยให้ตัวเองถูกไล่ตามต่อไป
  ซือหยูเคลื่อนไปด้านหน้าเพื่อหลบเจ้าตระกูลเฉากับอสูรจันทร์ม่วงนั้นไล่ตามอย่างร้อนรนมาโดยตลอ ดระยะห่างระหว่างพวกเขาไม่เคยไกลกัน
  พวกเขาไล่ล่ากันไปอย่างนั้นทั้งวันสุดท้ายอสูรจันทร์ม่วงก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง
  เขาพูด
  “เจ้าเด็กนั่นแปลกนัก!มันเป็นแค่ภูติระดับหก แต่พลังของมันแม้แต่ภูติระดับเก้าก็เทียบไม่ได้!”
  หากเป็นภาวะปกติถ้าภูติระดับเก้าถูกตามล่าทั้งวันแบบนี้ พลังชีวิตจะหายไปเป็นจำนวนมาก แต่ซือหยูยังกลับดูมีเรี่ยวแรง!
  “ถ้าอย่างนั้น…พวกเราก็จำเป็นต้องฆ่ามันให้ตาย!”
  เจ้าตระกูลเฉาจ้องมองซือหยูไม่วางตาเขาอยากจะสังหารซือหยูเสียให้ได้
  พวกเขาเดินทางข้ามดินแดนมากมายมาตลอดวันและอยู่ในชายแดนของดินแดนพรสวรรค์กับเขตกลางเวลานี้พวกเขาอยู่ใกล้กับเมืองเทียนหยา
  ยิ่งไปไกลในมิติโกลาหลเท่าใดพวกเขาก็ยิ่งตกตะลึงมากเท่านั้นนั่นก็เพราะว่าขนาดของพื้นที่ที่โกลาหลนั้นกว้างจนแทบไม่อยากเชื่อ!
  และไม่ใช่พวกเขาที่ได้รับผลกระทบเหล่าสิ่งมีชีวิตอื่นก็ติดอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ พวกมันมิอาจบินหรือขยับผ่านได้ บางคนเป็นคนตระกูลซือถูที่เข้ามาที่นี่โดยบังเอิญ
  ยังมีกลุ่มวิหคที่หลงทางอยู่ด้วยเช่นกันทุกสิ่งได้รับผลกระทบจากมิติโกลาหลนี้
  อสูรจันทร์ม่วงกับเจ้าตระกูลเฉาถูกมิติโกลาหลล้อมอีกครั้งพวกเขาถูกพลังย้ายมายังพื้นที่ที่ไม่รู้จัก พวกเขาชินชากับเรื่องแบบนี้แล้ว พวกเขาจึงมองไปยังทิศทางของซือหยูและไล่ตามต่อไปไม่ให้คลาดสายตา
  และโชคดีเป็นอย่างมากที่การถูกเคลื่อนย้ายในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาคลาดกับซือหยูแต่ห่างกับซือหยูเพียงยี่สิบศอกเท่านั้น!
  เมื่อเห็นทั้งสองซือหยูใจหาย แต่โชคดีที่เขาเตรียมตัวไว้แล้ว เขาไม่ลังเลและใช้คุกเทวะห้าธาตุเพื่อปล่อยคลื่นห้าชีพจรออกมาป้องกันตัวเอง
  ปั้ง…
  คลื่นที่เหินเข้ามาปกป้องตัวซือหยูถูกเจ้าตระกูเฉากับอสูรจันทร์ม่วงซัดเข้าอย่างจังฝ่ามือของอสูรจันทร์ม่วงทำอะไรไม่ได้เลย ส่วนเจ้าตระกูลเฉาก็ทำได้คลื่นสะเทือนเล็กน้อย แต่มันก็ถูกป้องกันได้ในท้ายสุด
  “นั่นมันเกราะอะไรกัน?”
  เจ้าตระกูลเฉาพูดออกมาทั้งสองตกใจ
  ซือหยูตาเป็นประกายแสงสีเขียวเปล่งจากแขน จากนั้นเมิ่งเถียนที่หมดสติก็ถูกซือหยูใช้พลังปลุกทันที!
  เมื่อเมิ่งเถียนลืมตาสิ่งแรกที่ได้เห็นก็คือภาพเจ้าตระกูลเฉากับอสูรจันทร์ม่วงโจมตีคลื่นวารีอย่างบ้าคลั่ง
  “ชีวิตเจ้าอยู่ในมือข้าแต่พวกมันก็ลงมือโดยไม่สนใจ พวกมันทิ้งเจ้า! นี่คือสิ่งที่เจ้ากำลังเจอ…”
  ซือหยูอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเมิ่งเถียนอย่างใจเย็น
  เมิ่งเถียนมองภาพตรงหน้าและตระหนักได้ทันทีว่าเจ้าตระกูลเฉากับอสูรจันทร์ม่วงทิ้งเขาแล้วดังนั้นถ้าซือหยูตาย เขาก็จะถูกฆ่าปิดปากเช่นกัน!
  “เจ้าอยากรอดข้าก็เหมือนเจ้า …เจ้ากับข้ามีเป้าหมายเดียวกัน…”
  ซือหยูพูด
  เมิ่งเถียนใจหาย
  “เจ้าอยากให้ข้าโต้กลับเรอะ?”
  เมื่อวันก่อนเขายังเป็นฝ่ายเดียวกับอสูรจันทร์ม่วงและเจ้าตระกูลเฉาอยู่เลย มันเป็นยาที่ยากจะกลืนลงคอไปได้
  “ทำไมเล่า?เจ้าสงสารพวกมัน แต่พวกมันทำแบบที่เจ้าคิดหรือไม่?”
  ซือหยูถาม
  “แล้วเราก็แค่ต้องป้องกันมันเจ้าไม่ต้องฆ่าพวกมัน!”
  เมื่อได้ฟังเมิ่งเถียนคิดหนัก แม้ว่าเขาจะรับใช้นายคนเดียวกัน เขาก็ไม่จำเป็นต้องยอมทิ้งชีวิต
  ความป่าเถื่อนเริ่มฉายผ่านแววตาเมิ่งเถียนกล่าว
  “เจ้าอยากให้ข้าทำอะไร?เจ้าคงไม่ปล่อยข้าสินะ?”
  ซือหยูส่ายหน้าซึ่งไม่แปลก ถ้าหากปล่อยตัวเมิ่งเถียนไป เขาจะเข้าร่วมกับฝ่ายเจ้าตระกูลเฉาอีกครั้ง จากนั้นก็จะควบคุมฝูงวิหคมาจู่โจมเขา
  “ใช้วิชาฝึกสัตว์อสูรของเจ้าเรียกกลุ่มสัตว์อสูรที่กระจายไปกลับมาถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย…”
  ซือหยูบอก
  เมิ่งเถียนยอมทำตามแผน
  “ย่อมได้!”
  เมื่อพูดจบเขาเรียกขลุ่ยสีม่วงออกมาอีกครั้ง เขาเริ่มบรรเลงบทเพลง เสียงขลุ่ยดังก้องกังวาลโดยไม่สนใจมิติโกลาหล มันดังไปถึงทุกทิศทาง.ไอลีนโนเวล.
  เหล่าวิหคที่ไร้ผู้นำกลับมามีผู้นำอีกครั้งมันกรีดร้องตามเสียงขลุ่ยมาอย่างรวดเร็ว
  วิหคจ้าวเทวะระดับสามตัวหนึ่งพุ่งถลาลมเข้ามาในทันทีมันเข้าจู่โจมใส่อสูรจันทร์ม่วงก่อน…
  “เมิ่งเถียนกล้าดียังไงมาทำร้ายข้า? ท่านกระดูกโลหิตไม่มีวันอภัยให้เจ้าแน่!”
  อสูรจันทร์ม่วงสังหารวิหคที่เข้ามาและต่อว่าเมิ่งเถียนต่อไป
  “อย่ายอมให้มันบงการเจ้า!”
  เมิ่งเถียนเป่าขลุ่ยและถอนหายใจแรง
  “ถ้าข้าไม่ทำอะไรเจ้าตอนนี้ข้าก็ต้องรอให้คนข้างหลังฆ่าข้าสินะ? ถอยไปซะ มิเช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน! พวกเจ้ารู้พลังของวิหคเหล่านี้ดี! หากรวมฝูงได้เมื่อไหร่ แม้แต่วิญญาณเจ้าก็หนีไม่พ้น!”
  เจ้าตระกูลเฉาดูลังเลแต่เขาก็จ้องมองซือหยูอยู่
  “ขอโทษด้วยแต่นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะล้างแค้นให้ลูกข้า!”
  “อสูรจันทร์ม่วงเข้าไปพร้อมกันเลย! เกราะมันต้องใช้พลังมาก มันจะหมดพลังแล้ว!”
  เจ้าตระกูลเฉาเห็นว่าเกราะของซือหยูอ่อนกำลังลง
  อสูรจันทร์ม่วงเองก็ไม่เมตตาซือหยูเช่นกันเขารวมพลังกับเจ้าตระกูลเฉา
  ซือหยูใจหายมันเป็นอย่างที่เจ้าตระกูลเฉาพูด คลื่นห้าชีพจรนั้นใช้พลังจำนวนมากไปแล้ว เขารักษาเกราะได้อีกไม่นาน
  เรื่องดีคือฝูงวิหคกำลังมารวมตัวกันหลังจากได้ยินเสียงขลุ่ยตอนนี้มันรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่แล้ว
  “ล้อมเจ้าตระกูลเฉาก่อน!”
  ซือหยูตะโกนเมื่อจ้องมองอสูรจันทร์ม่วง
  แท้จริงแล้วซือหยูกลัวอสูรจันทร์ม่วงมากกว่าเจ้าตระกูลเฉานั่นก็เพราะเขาคือหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ตัวตนของซือหยู
  ถ้าหากเขารู้ว่าซือหยูเซี่ยนตรงหน้าคือซือหยูซือหยูก็จะไม่มีทางปกปิดตัวตนได้อีกต่อไป! ดังนั้นเขาจึงมีภัยต่อซือหยูมากกว่าเจ้าตระกูลเฉา
  ส่วนเจ้าตระกูลเฉานั้นซือหยูมีหลายวิธีที่จะสังหาร ถึงแม้ว่าจะต้องเปลืองแรงไปบ้าง แต่อย่างไรเขาก็ต้องจัดการอสูรจันทร์ม่วงก่อน!
  ในตอนนั้นเหล่าวิหคบุกเข้าไปจากทั่วทั้งฟ้า มันล้อมเจ้าตระกูลเฉาเอาไว้ เจ้าตระกูลเฉาไม่กล้าประมาทกับวิหคเหล่านี้แม้ตัวเองจะเป็นจ้าวเทวะระดับหก
  เขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะทำลายคลื่นห้าชีพจรและรับมือกับพวกวิหคแทนซือหยูกระโดดไปพร้อมกับคลื่นห้าชีพจรตรงไปหาอสูรจันทร์ม่วง
  เมื่อปีกโบกสะบัดซือหยูเพิ่มความเร็วขึ้นราวกับระเบิด เขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่เท่ากับอสูรจันทร์ม่วง อสูรจันทร์ม่วงมองตามและขมวดคิ้ว
  เขารู้ว่าเกราะป้องกันของซือหยูทำลายได้ยากและเขายังมีกลเม็ดซ่อนเอาไว้อีกมาก เขาค่อนข้างมีภัย
  ถ้าหากต่อสู้ตัวต่อตัวเขารู้ว่าเขาทำอะไรซือหยูไม่ได้เลย แต่ซือหยูสามารถเอาชีวิตเขาได้! ความคิดเช่นนี้ทำให้เขาไม่พอใจ และเขาก็หนีไปโดยไม่พูดสักคำเดียว เขาพยายามจะเข้าใกล้เจ้าตระกูลเฉาเพื่อร่วมมือกันต้านทาน
  แต่ซือหยูย่อมไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นซือหยูสะบัดแขนเรียกมุกบาดาลพุ่งไปทางอสูรจันทร์ม่วง
  อสูรจันทร์ม่วงเคยเจออันตรายของมุกบาดาลาแล้วเขาจึงรีบถอยด้วยความสะพรึงกลัว ลำแสงสีม่วงเองก็พุ่งออกมาจากหน้าผาก
  ซือหยูหลบลำแสงจากนั้นเขาก็เรียกเส้นไหมที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าซัดไปทางกะโหลกของอสูรจันทร์ม่วง
  อสูรจันทร์ม่วงสัมผัสอันตรายได้และรีบเรียกกระบี่สีม่วงเล่มเล็กออกมากระบี่นี้มีพลังวิญญาณแผ่ออกมาอย่างน่าตกใจ มันแตกต่างจากสมบัติวิญญาณธรรมดาๆ
  นี่คือสมบัติวิญญาณชั้นแนวหน้าที่มีเพลิงอันแข็งแกร่งอยู่พวกที่ต่ำกว่าจ้าวเทวะระดับห้าไม่มีทางทนเพลิงนี้ได้แน่นอน
  “กระบี่กลืนฟ้าดิน!”
  อสูรจันทร์ม่วงตะโกน
  เขาเป็นปรมาจารย์กระบี่เมื่อซัดกระบี่หนึ่งครั้ง เงากระบี่จะซ้อนทับกันมาพร้อมกับเพลิงอันไร้ขอบเขต
  แม้ว่าวิชากระบี่ของเขาจะไม่เทียบเท่าระดับของปิงหวูชิงมันก็อ่อนด้อยกว่าไม่มาก เพลิงอันน่ากลัวนี้ก็มีพลังมากด้วย
  ซือหยูไม่ถอยแต่พุ่งไปข้างหน้าเขาดีดนิ้ว เพลิงที่พุ่งเข้ามากระจายไปทั่วฟ้า มันไม่ทำตามคำสั่งของอสูรจันทร์ม่วงและหนีหายจากตัวซือหยูไป จากนั้นเพลิงก็ดับมอด
  เมื่อเพลิงดับหมดแล้วพลังกระบี่ที่เหลือจึงทำอะไรคลื่นวารีของซือหยูไม่ได้อีก แต่ในภาพที่อสูรจันทร์ม่วงเห็นนั้นเหมือนกับซือหยูบุกเข้ามาจากทะเลเพลิงแต่เพลิงก็ตกอยู่ในการควบคุมของเขาและดับมอดไปเอง การต่อสู้อันแปลกประหลาดเช่นนี้ทำให้เขาตกตะลึงอีกครั้ง
  “เพลงกระบี่คลั่งนภา!”
  “กระบี่กระชากโลกา!”
  “กระบี่ทลายหยินหยาง!”
  เขาใช้วิชากระบี่พร้อมกันถึงเก้าวิชาแต่ละวิชานั้นแข็งแกร่งตระการตายิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ซือหยูก็ยังคงรุดหน้ามาเรื่อยๆ อสูรจันทร์ม่วงมิอาจออมมือ เจ้าตระกูลเฉาที่จัดการกับวิหคอยู่เพิ่งจะหันมามอง
  เขาชักสีหน้าและตะโกน
  “หนีเร็ว!อย่าไปสู้กับมัน มันสำเร็จเพลิงประสานใจแล้ว! กระบี่เพลิงม่วงทำอะไรมันไม่ได้!”
  “อะไรนะ?เพลิงประสานใจเรอะ? นั่นมันระดับหลังจากทะลวงม่านพลังวิถีเพลิง!”
  อสูรจันทร์ม่วงงุนงงเขาเพิ่งจะรู้ถึงความลึกล้ำและความน่ากลัวของซือหยู
  เขาคิด…ภาพใต้รูปลักษณ์ธรรมดานี้มีพรสวรรค์อะไรซ่อนอยู่กันแน่?
  เมื่อรู้ว่าวิชาใช้ไม่ได้ผลอสูรจันทร์ม่วงจึงกัดฟันหนี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Divine Nine Dragon Cauldron 935 – ทิ้งเมิ่งเถียน

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 935 - ทิ้งเมิ่งเถียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

DND.
  คนที่อยู่ตรงหน้าของเขาคือชายวัยกลางคนใบหน้าเศร้าหมองดุดันจิตสังหารชั่วร้ายแสดงให้เห็นในแววตา
  “ไอ้ปีศาจ!”
  ชายวัยกลางคนพูดอย่างกระหายเลือด
  “เจ้าฆ่าลูกชายข้าแล้วยังจัดการคนรุ่นหลังในตระกูลข้าอีกเจ้าติดค้างโลหิตของข้า! เจ้าไม่คิดจะชดใช้สักหน่อยเรอะ?”
  ชายตรงหน้าเขาคือเจ้าตระกูลเฉา!เขาคือผู้นำตระกูลที่ทรงอำนาจที่สุดในดินแดนพรสวรรค์นอกจากสำนักต่างๆ!
  ไม่แปลกใจเลยที่เขาอยากจะควบคุมนายหญิงซือถูเขามักจะต้องการความงามของนายหญิงซือถูมาตั้งแต่อายุยังน้อย และเขายังสังหารสามีของนายหญิงซือถูไปด้วย!
  และยิ่งไม่แปลกที่เขาจะต้องปลอมตัวเพราะถ้าหากดินแดนพรสวรรค์รู้ ตระกูลเฉาจะถูกทำลายล้าง
  “ข้าไม่เคยติดหนี้ผู้ใดแต่หนี้เดียวที่ข้าไม่เคยชดใช้ก็คือหนี้เลือด!”
  ซือหยูพูดเขาไม่เคยสังหารผู้บริสุทธิ์ เขาไม่เคยเสียใจ
  “ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้ในวันนี้แหละ!”
  เมื่อเผยใบหน้าเจ้าตระกูลเฉาไม่ทนการมีอยู่ของซือหยูอีกต่อไป เขากู่ร้องพุ่งพรวดเข้าหาดั่งเงา
  แต่น่าเสียดายที่มิติกำลังปั่นป่วนวุ่นวายคลื่นพลังมิติพุ่งมาด้านหน้าพาเจ้าตระกูลเฉาไปยังอีกทิศทาง! เจ้าตระกูลเฉาโกรธแค้นและเริ่มพุ่งเข้าไปต่อด้วยตาแดงก่ำ เขาดูราวกับคนคลั่ง!
  อสูรจันทร์ม่วงขมวดคิ้วแน่นแต่แรกเขามั่นใจว่าจะกำจัดซือหยูได้ เขาจึงปรากฏตัวออกมา แต่เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะคุมตัวซือหยูไม่ได้แม้จะผ่านมาเนิ่นนานเช่นนี้!
  “อย่ามาอวดดีให้มากนัก!”
  เขาตะโกนและเข้าร่วมวงการตามฆ่าซือหยู
  กลับกันซือหยูใช้เนตรวิญญาณมองดูทิศทางของมิติ เขาบอกได้อย่างชัดเจนว่ามิติที่ใดจะปั่นป่วน ดังนั้นเขาจึงหลบหนีได้อย่างง่ายดายและพาตัวเองไปยังจุดอื่น
  แต่เขาก็รู้ว่านี่เป็นเพียงวิธีชั่วคราวในการรับถือซือหยูได้แต่ปล่อยให้ตัวเองถูกไล่ตามต่อไป
  ซือหยูเคลื่อนไปด้านหน้าเพื่อหลบเจ้าตระกูลเฉากับอสูรจันทร์ม่วงนั้นไล่ตามอย่างร้อนรนมาโดยตลอ ดระยะห่างระหว่างพวกเขาไม่เคยไกลกัน
  พวกเขาไล่ล่ากันไปอย่างนั้นทั้งวันสุดท้ายอสูรจันทร์ม่วงก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง
  เขาพูด
  “เจ้าเด็กนั่นแปลกนัก!มันเป็นแค่ภูติระดับหก แต่พลังของมันแม้แต่ภูติระดับเก้าก็เทียบไม่ได้!”
  หากเป็นภาวะปกติถ้าภูติระดับเก้าถูกตามล่าทั้งวันแบบนี้ พลังชีวิตจะหายไปเป็นจำนวนมาก แต่ซือหยูยังกลับดูมีเรี่ยวแรง!
  “ถ้าอย่างนั้น…พวกเราก็จำเป็นต้องฆ่ามันให้ตาย!”
  เจ้าตระกูลเฉาจ้องมองซือหยูไม่วางตาเขาอยากจะสังหารซือหยูเสียให้ได้
  พวกเขาเดินทางข้ามดินแดนมากมายมาตลอดวันและอยู่ในชายแดนของดินแดนพรสวรรค์กับเขตกลางเวลานี้พวกเขาอยู่ใกล้กับเมืองเทียนหยา
  ยิ่งไปไกลในมิติโกลาหลเท่าใดพวกเขาก็ยิ่งตกตะลึงมากเท่านั้นนั่นก็เพราะว่าขนาดของพื้นที่ที่โกลาหลนั้นกว้างจนแทบไม่อยากเชื่อ!
  และไม่ใช่พวกเขาที่ได้รับผลกระทบเหล่าสิ่งมีชีวิตอื่นก็ติดอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ พวกมันมิอาจบินหรือขยับผ่านได้ บางคนเป็นคนตระกูลซือถูที่เข้ามาที่นี่โดยบังเอิญ
  ยังมีกลุ่มวิหคที่หลงทางอยู่ด้วยเช่นกันทุกสิ่งได้รับผลกระทบจากมิติโกลาหลนี้
  อสูรจันทร์ม่วงกับเจ้าตระกูลเฉาถูกมิติโกลาหลล้อมอีกครั้งพวกเขาถูกพลังย้ายมายังพื้นที่ที่ไม่รู้จัก พวกเขาชินชากับเรื่องแบบนี้แล้ว พวกเขาจึงมองไปยังทิศทางของซือหยูและไล่ตามต่อไปไม่ให้คลาดสายตา
  และโชคดีเป็นอย่างมากที่การถูกเคลื่อนย้ายในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาคลาดกับซือหยูแต่ห่างกับซือหยูเพียงยี่สิบศอกเท่านั้น!
  เมื่อเห็นทั้งสองซือหยูใจหาย แต่โชคดีที่เขาเตรียมตัวไว้แล้ว เขาไม่ลังเลและใช้คุกเทวะห้าธาตุเพื่อปล่อยคลื่นห้าชีพจรออกมาป้องกันตัวเอง
  ปั้ง…
  คลื่นที่เหินเข้ามาปกป้องตัวซือหยูถูกเจ้าตระกูเฉากับอสูรจันทร์ม่วงซัดเข้าอย่างจังฝ่ามือของอสูรจันทร์ม่วงทำอะไรไม่ได้เลย ส่วนเจ้าตระกูลเฉาก็ทำได้คลื่นสะเทือนเล็กน้อย แต่มันก็ถูกป้องกันได้ในท้ายสุด
  “นั่นมันเกราะอะไรกัน?”
  เจ้าตระกูลเฉาพูดออกมาทั้งสองตกใจ
  ซือหยูตาเป็นประกายแสงสีเขียวเปล่งจากแขน จากนั้นเมิ่งเถียนที่หมดสติก็ถูกซือหยูใช้พลังปลุกทันที!
  เมื่อเมิ่งเถียนลืมตาสิ่งแรกที่ได้เห็นก็คือภาพเจ้าตระกูลเฉากับอสูรจันทร์ม่วงโจมตีคลื่นวารีอย่างบ้าคลั่ง
  “ชีวิตเจ้าอยู่ในมือข้าแต่พวกมันก็ลงมือโดยไม่สนใจ พวกมันทิ้งเจ้า! นี่คือสิ่งที่เจ้ากำลังเจอ…”
  ซือหยูอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเมิ่งเถียนอย่างใจเย็น
  เมิ่งเถียนมองภาพตรงหน้าและตระหนักได้ทันทีว่าเจ้าตระกูลเฉากับอสูรจันทร์ม่วงทิ้งเขาแล้วดังนั้นถ้าซือหยูตาย เขาก็จะถูกฆ่าปิดปากเช่นกัน!
  “เจ้าอยากรอดข้าก็เหมือนเจ้า …เจ้ากับข้ามีเป้าหมายเดียวกัน…”
  ซือหยูพูด
  เมิ่งเถียนใจหาย
  “เจ้าอยากให้ข้าโต้กลับเรอะ?”
  เมื่อวันก่อนเขายังเป็นฝ่ายเดียวกับอสูรจันทร์ม่วงและเจ้าตระกูลเฉาอยู่เลย มันเป็นยาที่ยากจะกลืนลงคอไปได้
  “ทำไมเล่า?เจ้าสงสารพวกมัน แต่พวกมันทำแบบที่เจ้าคิดหรือไม่?”
  ซือหยูถาม
  “แล้วเราก็แค่ต้องป้องกันมันเจ้าไม่ต้องฆ่าพวกมัน!”
  เมื่อได้ฟังเมิ่งเถียนคิดหนัก แม้ว่าเขาจะรับใช้นายคนเดียวกัน เขาก็ไม่จำเป็นต้องยอมทิ้งชีวิต
  ความป่าเถื่อนเริ่มฉายผ่านแววตาเมิ่งเถียนกล่าว
  “เจ้าอยากให้ข้าทำอะไร?เจ้าคงไม่ปล่อยข้าสินะ?”
  ซือหยูส่ายหน้าซึ่งไม่แปลก ถ้าหากปล่อยตัวเมิ่งเถียนไป เขาจะเข้าร่วมกับฝ่ายเจ้าตระกูลเฉาอีกครั้ง จากนั้นก็จะควบคุมฝูงวิหคมาจู่โจมเขา
  “ใช้วิชาฝึกสัตว์อสูรของเจ้าเรียกกลุ่มสัตว์อสูรที่กระจายไปกลับมาถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย…”
  ซือหยูบอก
  เมิ่งเถียนยอมทำตามแผน
  “ย่อมได้!”
  เมื่อพูดจบเขาเรียกขลุ่ยสีม่วงออกมาอีกครั้ง เขาเริ่มบรรเลงบทเพลง เสียงขลุ่ยดังก้องกังวาลโดยไม่สนใจมิติโกลาหล มันดังไปถึงทุกทิศทาง.ไอลีนโนเวล.
  เหล่าวิหคที่ไร้ผู้นำกลับมามีผู้นำอีกครั้งมันกรีดร้องตามเสียงขลุ่ยมาอย่างรวดเร็ว
  วิหคจ้าวเทวะระดับสามตัวหนึ่งพุ่งถลาลมเข้ามาในทันทีมันเข้าจู่โจมใส่อสูรจันทร์ม่วงก่อน…
  “เมิ่งเถียนกล้าดียังไงมาทำร้ายข้า? ท่านกระดูกโลหิตไม่มีวันอภัยให้เจ้าแน่!”
  อสูรจันทร์ม่วงสังหารวิหคที่เข้ามาและต่อว่าเมิ่งเถียนต่อไป
  “อย่ายอมให้มันบงการเจ้า!”
  เมิ่งเถียนเป่าขลุ่ยและถอนหายใจแรง
  “ถ้าข้าไม่ทำอะไรเจ้าตอนนี้ข้าก็ต้องรอให้คนข้างหลังฆ่าข้าสินะ? ถอยไปซะ มิเช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน! พวกเจ้ารู้พลังของวิหคเหล่านี้ดี! หากรวมฝูงได้เมื่อไหร่ แม้แต่วิญญาณเจ้าก็หนีไม่พ้น!”
  เจ้าตระกูลเฉาดูลังเลแต่เขาก็จ้องมองซือหยูอยู่
  “ขอโทษด้วยแต่นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะล้างแค้นให้ลูกข้า!”
  “อสูรจันทร์ม่วงเข้าไปพร้อมกันเลย! เกราะมันต้องใช้พลังมาก มันจะหมดพลังแล้ว!”
  เจ้าตระกูลเฉาเห็นว่าเกราะของซือหยูอ่อนกำลังลง
  อสูรจันทร์ม่วงเองก็ไม่เมตตาซือหยูเช่นกันเขารวมพลังกับเจ้าตระกูลเฉา
  ซือหยูใจหายมันเป็นอย่างที่เจ้าตระกูลเฉาพูด คลื่นห้าชีพจรนั้นใช้พลังจำนวนมากไปแล้ว เขารักษาเกราะได้อีกไม่นาน
  เรื่องดีคือฝูงวิหคกำลังมารวมตัวกันหลังจากได้ยินเสียงขลุ่ยตอนนี้มันรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่แล้ว
  “ล้อมเจ้าตระกูลเฉาก่อน!”
  ซือหยูตะโกนเมื่อจ้องมองอสูรจันทร์ม่วง
  แท้จริงแล้วซือหยูกลัวอสูรจันทร์ม่วงมากกว่าเจ้าตระกูลเฉานั่นก็เพราะเขาคือหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ตัวตนของซือหยู
  ถ้าหากเขารู้ว่าซือหยูเซี่ยนตรงหน้าคือซือหยูซือหยูก็จะไม่มีทางปกปิดตัวตนได้อีกต่อไป! ดังนั้นเขาจึงมีภัยต่อซือหยูมากกว่าเจ้าตระกูลเฉา
  ส่วนเจ้าตระกูลเฉานั้นซือหยูมีหลายวิธีที่จะสังหาร ถึงแม้ว่าจะต้องเปลืองแรงไปบ้าง แต่อย่างไรเขาก็ต้องจัดการอสูรจันทร์ม่วงก่อน!
  ในตอนนั้นเหล่าวิหคบุกเข้าไปจากทั่วทั้งฟ้า มันล้อมเจ้าตระกูลเฉาเอาไว้ เจ้าตระกูลเฉาไม่กล้าประมาทกับวิหคเหล่านี้แม้ตัวเองจะเป็นจ้าวเทวะระดับหก
  เขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะทำลายคลื่นห้าชีพจรและรับมือกับพวกวิหคแทนซือหยูกระโดดไปพร้อมกับคลื่นห้าชีพจรตรงไปหาอสูรจันทร์ม่วง
  เมื่อปีกโบกสะบัดซือหยูเพิ่มความเร็วขึ้นราวกับระเบิด เขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่เท่ากับอสูรจันทร์ม่วง อสูรจันทร์ม่วงมองตามและขมวดคิ้ว
  เขารู้ว่าเกราะป้องกันของซือหยูทำลายได้ยากและเขายังมีกลเม็ดซ่อนเอาไว้อีกมาก เขาค่อนข้างมีภัย
  ถ้าหากต่อสู้ตัวต่อตัวเขารู้ว่าเขาทำอะไรซือหยูไม่ได้เลย แต่ซือหยูสามารถเอาชีวิตเขาได้! ความคิดเช่นนี้ทำให้เขาไม่พอใจ และเขาก็หนีไปโดยไม่พูดสักคำเดียว เขาพยายามจะเข้าใกล้เจ้าตระกูลเฉาเพื่อร่วมมือกันต้านทาน
  แต่ซือหยูย่อมไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นซือหยูสะบัดแขนเรียกมุกบาดาลพุ่งไปทางอสูรจันทร์ม่วง
  อสูรจันทร์ม่วงเคยเจออันตรายของมุกบาดาลาแล้วเขาจึงรีบถอยด้วยความสะพรึงกลัว ลำแสงสีม่วงเองก็พุ่งออกมาจากหน้าผาก
  ซือหยูหลบลำแสงจากนั้นเขาก็เรียกเส้นไหมที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าซัดไปทางกะโหลกของอสูรจันทร์ม่วง
  อสูรจันทร์ม่วงสัมผัสอันตรายได้และรีบเรียกกระบี่สีม่วงเล่มเล็กออกมากระบี่นี้มีพลังวิญญาณแผ่ออกมาอย่างน่าตกใจ มันแตกต่างจากสมบัติวิญญาณธรรมดาๆ
  นี่คือสมบัติวิญญาณชั้นแนวหน้าที่มีเพลิงอันแข็งแกร่งอยู่พวกที่ต่ำกว่าจ้าวเทวะระดับห้าไม่มีทางทนเพลิงนี้ได้แน่นอน
  “กระบี่กลืนฟ้าดิน!”
  อสูรจันทร์ม่วงตะโกน
  เขาเป็นปรมาจารย์กระบี่เมื่อซัดกระบี่หนึ่งครั้ง เงากระบี่จะซ้อนทับกันมาพร้อมกับเพลิงอันไร้ขอบเขต
  แม้ว่าวิชากระบี่ของเขาจะไม่เทียบเท่าระดับของปิงหวูชิงมันก็อ่อนด้อยกว่าไม่มาก เพลิงอันน่ากลัวนี้ก็มีพลังมากด้วย
  ซือหยูไม่ถอยแต่พุ่งไปข้างหน้าเขาดีดนิ้ว เพลิงที่พุ่งเข้ามากระจายไปทั่วฟ้า มันไม่ทำตามคำสั่งของอสูรจันทร์ม่วงและหนีหายจากตัวซือหยูไป จากนั้นเพลิงก็ดับมอด
  เมื่อเพลิงดับหมดแล้วพลังกระบี่ที่เหลือจึงทำอะไรคลื่นวารีของซือหยูไม่ได้อีก แต่ในภาพที่อสูรจันทร์ม่วงเห็นนั้นเหมือนกับซือหยูบุกเข้ามาจากทะเลเพลิงแต่เพลิงก็ตกอยู่ในการควบคุมของเขาและดับมอดไปเอง การต่อสู้อันแปลกประหลาดเช่นนี้ทำให้เขาตกตะลึงอีกครั้ง
  “เพลงกระบี่คลั่งนภา!”
  “กระบี่กระชากโลกา!”
  “กระบี่ทลายหยินหยาง!”
  เขาใช้วิชากระบี่พร้อมกันถึงเก้าวิชาแต่ละวิชานั้นแข็งแกร่งตระการตายิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ซือหยูก็ยังคงรุดหน้ามาเรื่อยๆ อสูรจันทร์ม่วงมิอาจออมมือ เจ้าตระกูลเฉาที่จัดการกับวิหคอยู่เพิ่งจะหันมามอง
  เขาชักสีหน้าและตะโกน
  “หนีเร็ว!อย่าไปสู้กับมัน มันสำเร็จเพลิงประสานใจแล้ว! กระบี่เพลิงม่วงทำอะไรมันไม่ได้!”
  “อะไรนะ?เพลิงประสานใจเรอะ? นั่นมันระดับหลังจากทะลวงม่านพลังวิถีเพลิง!”
  อสูรจันทร์ม่วงงุนงงเขาเพิ่งจะรู้ถึงความลึกล้ำและความน่ากลัวของซือหยู
  เขาคิด…ภาพใต้รูปลักษณ์ธรรมดานี้มีพรสวรรค์อะไรซ่อนอยู่กันแน่?
  เมื่อรู้ว่าวิชาใช้ไม่ได้ผลอสูรจันทร์ม่วงจึงกัดฟันหนี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Divine Nine Dragon Cauldron 935 – ทิ้งเมิ่งเถียน

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 935 - ทิ้งเมิ่งเถียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

DND.
  คนที่อยู่ตรงหน้าของเขาคือชายวัยกลางคนใบหน้าเศร้าหมองดุดันจิตสังหารชั่วร้ายแสดงให้เห็นในแววตา
  “ไอ้ปีศาจ!”
  ชายวัยกลางคนพูดอย่างกระหายเลือด
  “เจ้าฆ่าลูกชายข้าแล้วยังจัดการคนรุ่นหลังในตระกูลข้าอีกเจ้าติดค้างโลหิตของข้า! เจ้าไม่คิดจะชดใช้สักหน่อยเรอะ?”
  ชายตรงหน้าเขาคือเจ้าตระกูลเฉา!เขาคือผู้นำตระกูลที่ทรงอำนาจที่สุดในดินแดนพรสวรรค์นอกจากสำนักต่างๆ!
  ไม่แปลกใจเลยที่เขาอยากจะควบคุมนายหญิงซือถูเขามักจะต้องการความงามของนายหญิงซือถูมาตั้งแต่อายุยังน้อย และเขายังสังหารสามีของนายหญิงซือถูไปด้วย!
  และยิ่งไม่แปลกที่เขาจะต้องปลอมตัวเพราะถ้าหากดินแดนพรสวรรค์รู้ ตระกูลเฉาจะถูกทำลายล้าง
  “ข้าไม่เคยติดหนี้ผู้ใดแต่หนี้เดียวที่ข้าไม่เคยชดใช้ก็คือหนี้เลือด!”
  ซือหยูพูดเขาไม่เคยสังหารผู้บริสุทธิ์ เขาไม่เคยเสียใจ
  “ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้ในวันนี้แหละ!”
  เมื่อเผยใบหน้าเจ้าตระกูลเฉาไม่ทนการมีอยู่ของซือหยูอีกต่อไป เขากู่ร้องพุ่งพรวดเข้าหาดั่งเงา
  แต่น่าเสียดายที่มิติกำลังปั่นป่วนวุ่นวายคลื่นพลังมิติพุ่งมาด้านหน้าพาเจ้าตระกูลเฉาไปยังอีกทิศทาง! เจ้าตระกูลเฉาโกรธแค้นและเริ่มพุ่งเข้าไปต่อด้วยตาแดงก่ำ เขาดูราวกับคนคลั่ง!
  อสูรจันทร์ม่วงขมวดคิ้วแน่นแต่แรกเขามั่นใจว่าจะกำจัดซือหยูได้ เขาจึงปรากฏตัวออกมา แต่เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะคุมตัวซือหยูไม่ได้แม้จะผ่านมาเนิ่นนานเช่นนี้!
  “อย่ามาอวดดีให้มากนัก!”
  เขาตะโกนและเข้าร่วมวงการตามฆ่าซือหยู
  กลับกันซือหยูใช้เนตรวิญญาณมองดูทิศทางของมิติ เขาบอกได้อย่างชัดเจนว่ามิติที่ใดจะปั่นป่วน ดังนั้นเขาจึงหลบหนีได้อย่างง่ายดายและพาตัวเองไปยังจุดอื่น
  แต่เขาก็รู้ว่านี่เป็นเพียงวิธีชั่วคราวในการรับถือซือหยูได้แต่ปล่อยให้ตัวเองถูกไล่ตามต่อไป
  ซือหยูเคลื่อนไปด้านหน้าเพื่อหลบเจ้าตระกูลเฉากับอสูรจันทร์ม่วงนั้นไล่ตามอย่างร้อนรนมาโดยตลอ ดระยะห่างระหว่างพวกเขาไม่เคยไกลกัน
  พวกเขาไล่ล่ากันไปอย่างนั้นทั้งวันสุดท้ายอสูรจันทร์ม่วงก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง
  เขาพูด
  “เจ้าเด็กนั่นแปลกนัก!มันเป็นแค่ภูติระดับหก แต่พลังของมันแม้แต่ภูติระดับเก้าก็เทียบไม่ได้!”
  หากเป็นภาวะปกติถ้าภูติระดับเก้าถูกตามล่าทั้งวันแบบนี้ พลังชีวิตจะหายไปเป็นจำนวนมาก แต่ซือหยูยังกลับดูมีเรี่ยวแรง!
  “ถ้าอย่างนั้น…พวกเราก็จำเป็นต้องฆ่ามันให้ตาย!”
  เจ้าตระกูลเฉาจ้องมองซือหยูไม่วางตาเขาอยากจะสังหารซือหยูเสียให้ได้
  พวกเขาเดินทางข้ามดินแดนมากมายมาตลอดวันและอยู่ในชายแดนของดินแดนพรสวรรค์กับเขตกลางเวลานี้พวกเขาอยู่ใกล้กับเมืองเทียนหยา
  ยิ่งไปไกลในมิติโกลาหลเท่าใดพวกเขาก็ยิ่งตกตะลึงมากเท่านั้นนั่นก็เพราะว่าขนาดของพื้นที่ที่โกลาหลนั้นกว้างจนแทบไม่อยากเชื่อ!
  และไม่ใช่พวกเขาที่ได้รับผลกระทบเหล่าสิ่งมีชีวิตอื่นก็ติดอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ พวกมันมิอาจบินหรือขยับผ่านได้ บางคนเป็นคนตระกูลซือถูที่เข้ามาที่นี่โดยบังเอิญ
  ยังมีกลุ่มวิหคที่หลงทางอยู่ด้วยเช่นกันทุกสิ่งได้รับผลกระทบจากมิติโกลาหลนี้
  อสูรจันทร์ม่วงกับเจ้าตระกูลเฉาถูกมิติโกลาหลล้อมอีกครั้งพวกเขาถูกพลังย้ายมายังพื้นที่ที่ไม่รู้จัก พวกเขาชินชากับเรื่องแบบนี้แล้ว พวกเขาจึงมองไปยังทิศทางของซือหยูและไล่ตามต่อไปไม่ให้คลาดสายตา
  และโชคดีเป็นอย่างมากที่การถูกเคลื่อนย้ายในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาคลาดกับซือหยูแต่ห่างกับซือหยูเพียงยี่สิบศอกเท่านั้น!
  เมื่อเห็นทั้งสองซือหยูใจหาย แต่โชคดีที่เขาเตรียมตัวไว้แล้ว เขาไม่ลังเลและใช้คุกเทวะห้าธาตุเพื่อปล่อยคลื่นห้าชีพจรออกมาป้องกันตัวเอง
  ปั้ง…
  คลื่นที่เหินเข้ามาปกป้องตัวซือหยูถูกเจ้าตระกูเฉากับอสูรจันทร์ม่วงซัดเข้าอย่างจังฝ่ามือของอสูรจันทร์ม่วงทำอะไรไม่ได้เลย ส่วนเจ้าตระกูลเฉาก็ทำได้คลื่นสะเทือนเล็กน้อย แต่มันก็ถูกป้องกันได้ในท้ายสุด
  “นั่นมันเกราะอะไรกัน?”
  เจ้าตระกูลเฉาพูดออกมาทั้งสองตกใจ
  ซือหยูตาเป็นประกายแสงสีเขียวเปล่งจากแขน จากนั้นเมิ่งเถียนที่หมดสติก็ถูกซือหยูใช้พลังปลุกทันที!
  เมื่อเมิ่งเถียนลืมตาสิ่งแรกที่ได้เห็นก็คือภาพเจ้าตระกูลเฉากับอสูรจันทร์ม่วงโจมตีคลื่นวารีอย่างบ้าคลั่ง
  “ชีวิตเจ้าอยู่ในมือข้าแต่พวกมันก็ลงมือโดยไม่สนใจ พวกมันทิ้งเจ้า! นี่คือสิ่งที่เจ้ากำลังเจอ…”
  ซือหยูอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเมิ่งเถียนอย่างใจเย็น
  เมิ่งเถียนมองภาพตรงหน้าและตระหนักได้ทันทีว่าเจ้าตระกูลเฉากับอสูรจันทร์ม่วงทิ้งเขาแล้วดังนั้นถ้าซือหยูตาย เขาก็จะถูกฆ่าปิดปากเช่นกัน!
  “เจ้าอยากรอดข้าก็เหมือนเจ้า …เจ้ากับข้ามีเป้าหมายเดียวกัน…”
  ซือหยูพูด
  เมิ่งเถียนใจหาย
  “เจ้าอยากให้ข้าโต้กลับเรอะ?”
  เมื่อวันก่อนเขายังเป็นฝ่ายเดียวกับอสูรจันทร์ม่วงและเจ้าตระกูลเฉาอยู่เลย มันเป็นยาที่ยากจะกลืนลงคอไปได้
  “ทำไมเล่า?เจ้าสงสารพวกมัน แต่พวกมันทำแบบที่เจ้าคิดหรือไม่?”
  ซือหยูถาม
  “แล้วเราก็แค่ต้องป้องกันมันเจ้าไม่ต้องฆ่าพวกมัน!”
  เมื่อได้ฟังเมิ่งเถียนคิดหนัก แม้ว่าเขาจะรับใช้นายคนเดียวกัน เขาก็ไม่จำเป็นต้องยอมทิ้งชีวิต
  ความป่าเถื่อนเริ่มฉายผ่านแววตาเมิ่งเถียนกล่าว
  “เจ้าอยากให้ข้าทำอะไร?เจ้าคงไม่ปล่อยข้าสินะ?”
  ซือหยูส่ายหน้าซึ่งไม่แปลก ถ้าหากปล่อยตัวเมิ่งเถียนไป เขาจะเข้าร่วมกับฝ่ายเจ้าตระกูลเฉาอีกครั้ง จากนั้นก็จะควบคุมฝูงวิหคมาจู่โจมเขา
  “ใช้วิชาฝึกสัตว์อสูรของเจ้าเรียกกลุ่มสัตว์อสูรที่กระจายไปกลับมาถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย…”
  ซือหยูบอก
  เมิ่งเถียนยอมทำตามแผน
  “ย่อมได้!”
  เมื่อพูดจบเขาเรียกขลุ่ยสีม่วงออกมาอีกครั้ง เขาเริ่มบรรเลงบทเพลง เสียงขลุ่ยดังก้องกังวาลโดยไม่สนใจมิติโกลาหล มันดังไปถึงทุกทิศทาง.ไอลีนโนเวล.
  เหล่าวิหคที่ไร้ผู้นำกลับมามีผู้นำอีกครั้งมันกรีดร้องตามเสียงขลุ่ยมาอย่างรวดเร็ว
  วิหคจ้าวเทวะระดับสามตัวหนึ่งพุ่งถลาลมเข้ามาในทันทีมันเข้าจู่โจมใส่อสูรจันทร์ม่วงก่อน…
  “เมิ่งเถียนกล้าดียังไงมาทำร้ายข้า? ท่านกระดูกโลหิตไม่มีวันอภัยให้เจ้าแน่!”
  อสูรจันทร์ม่วงสังหารวิหคที่เข้ามาและต่อว่าเมิ่งเถียนต่อไป
  “อย่ายอมให้มันบงการเจ้า!”
  เมิ่งเถียนเป่าขลุ่ยและถอนหายใจแรง
  “ถ้าข้าไม่ทำอะไรเจ้าตอนนี้ข้าก็ต้องรอให้คนข้างหลังฆ่าข้าสินะ? ถอยไปซะ มิเช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน! พวกเจ้ารู้พลังของวิหคเหล่านี้ดี! หากรวมฝูงได้เมื่อไหร่ แม้แต่วิญญาณเจ้าก็หนีไม่พ้น!”
  เจ้าตระกูลเฉาดูลังเลแต่เขาก็จ้องมองซือหยูอยู่
  “ขอโทษด้วยแต่นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะล้างแค้นให้ลูกข้า!”
  “อสูรจันทร์ม่วงเข้าไปพร้อมกันเลย! เกราะมันต้องใช้พลังมาก มันจะหมดพลังแล้ว!”
  เจ้าตระกูลเฉาเห็นว่าเกราะของซือหยูอ่อนกำลังลง
  อสูรจันทร์ม่วงเองก็ไม่เมตตาซือหยูเช่นกันเขารวมพลังกับเจ้าตระกูลเฉา
  ซือหยูใจหายมันเป็นอย่างที่เจ้าตระกูลเฉาพูด คลื่นห้าชีพจรนั้นใช้พลังจำนวนมากไปแล้ว เขารักษาเกราะได้อีกไม่นาน
  เรื่องดีคือฝูงวิหคกำลังมารวมตัวกันหลังจากได้ยินเสียงขลุ่ยตอนนี้มันรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่แล้ว
  “ล้อมเจ้าตระกูลเฉาก่อน!”
  ซือหยูตะโกนเมื่อจ้องมองอสูรจันทร์ม่วง
  แท้จริงแล้วซือหยูกลัวอสูรจันทร์ม่วงมากกว่าเจ้าตระกูลเฉานั่นก็เพราะเขาคือหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ตัวตนของซือหยู
  ถ้าหากเขารู้ว่าซือหยูเซี่ยนตรงหน้าคือซือหยูซือหยูก็จะไม่มีทางปกปิดตัวตนได้อีกต่อไป! ดังนั้นเขาจึงมีภัยต่อซือหยูมากกว่าเจ้าตระกูลเฉา
  ส่วนเจ้าตระกูลเฉานั้นซือหยูมีหลายวิธีที่จะสังหาร ถึงแม้ว่าจะต้องเปลืองแรงไปบ้าง แต่อย่างไรเขาก็ต้องจัดการอสูรจันทร์ม่วงก่อน!
  ในตอนนั้นเหล่าวิหคบุกเข้าไปจากทั่วทั้งฟ้า มันล้อมเจ้าตระกูลเฉาเอาไว้ เจ้าตระกูลเฉาไม่กล้าประมาทกับวิหคเหล่านี้แม้ตัวเองจะเป็นจ้าวเทวะระดับหก
  เขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะทำลายคลื่นห้าชีพจรและรับมือกับพวกวิหคแทนซือหยูกระโดดไปพร้อมกับคลื่นห้าชีพจรตรงไปหาอสูรจันทร์ม่วง
  เมื่อปีกโบกสะบัดซือหยูเพิ่มความเร็วขึ้นราวกับระเบิด เขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่เท่ากับอสูรจันทร์ม่วง อสูรจันทร์ม่วงมองตามและขมวดคิ้ว
  เขารู้ว่าเกราะป้องกันของซือหยูทำลายได้ยากและเขายังมีกลเม็ดซ่อนเอาไว้อีกมาก เขาค่อนข้างมีภัย
  ถ้าหากต่อสู้ตัวต่อตัวเขารู้ว่าเขาทำอะไรซือหยูไม่ได้เลย แต่ซือหยูสามารถเอาชีวิตเขาได้! ความคิดเช่นนี้ทำให้เขาไม่พอใจ และเขาก็หนีไปโดยไม่พูดสักคำเดียว เขาพยายามจะเข้าใกล้เจ้าตระกูลเฉาเพื่อร่วมมือกันต้านทาน
  แต่ซือหยูย่อมไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นซือหยูสะบัดแขนเรียกมุกบาดาลพุ่งไปทางอสูรจันทร์ม่วง
  อสูรจันทร์ม่วงเคยเจออันตรายของมุกบาดาลาแล้วเขาจึงรีบถอยด้วยความสะพรึงกลัว ลำแสงสีม่วงเองก็พุ่งออกมาจากหน้าผาก
  ซือหยูหลบลำแสงจากนั้นเขาก็เรียกเส้นไหมที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าซัดไปทางกะโหลกของอสูรจันทร์ม่วง
  อสูรจันทร์ม่วงสัมผัสอันตรายได้และรีบเรียกกระบี่สีม่วงเล่มเล็กออกมากระบี่นี้มีพลังวิญญาณแผ่ออกมาอย่างน่าตกใจ มันแตกต่างจากสมบัติวิญญาณธรรมดาๆ
  นี่คือสมบัติวิญญาณชั้นแนวหน้าที่มีเพลิงอันแข็งแกร่งอยู่พวกที่ต่ำกว่าจ้าวเทวะระดับห้าไม่มีทางทนเพลิงนี้ได้แน่นอน
  “กระบี่กลืนฟ้าดิน!”
  อสูรจันทร์ม่วงตะโกน
  เขาเป็นปรมาจารย์กระบี่เมื่อซัดกระบี่หนึ่งครั้ง เงากระบี่จะซ้อนทับกันมาพร้อมกับเพลิงอันไร้ขอบเขต
  แม้ว่าวิชากระบี่ของเขาจะไม่เทียบเท่าระดับของปิงหวูชิงมันก็อ่อนด้อยกว่าไม่มาก เพลิงอันน่ากลัวนี้ก็มีพลังมากด้วย
  ซือหยูไม่ถอยแต่พุ่งไปข้างหน้าเขาดีดนิ้ว เพลิงที่พุ่งเข้ามากระจายไปทั่วฟ้า มันไม่ทำตามคำสั่งของอสูรจันทร์ม่วงและหนีหายจากตัวซือหยูไป จากนั้นเพลิงก็ดับมอด
  เมื่อเพลิงดับหมดแล้วพลังกระบี่ที่เหลือจึงทำอะไรคลื่นวารีของซือหยูไม่ได้อีก แต่ในภาพที่อสูรจันทร์ม่วงเห็นนั้นเหมือนกับซือหยูบุกเข้ามาจากทะเลเพลิงแต่เพลิงก็ตกอยู่ในการควบคุมของเขาและดับมอดไปเอง การต่อสู้อันแปลกประหลาดเช่นนี้ทำให้เขาตกตะลึงอีกครั้ง
  “เพลงกระบี่คลั่งนภา!”
  “กระบี่กระชากโลกา!”
  “กระบี่ทลายหยินหยาง!”
  เขาใช้วิชากระบี่พร้อมกันถึงเก้าวิชาแต่ละวิชานั้นแข็งแกร่งตระการตายิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ซือหยูก็ยังคงรุดหน้ามาเรื่อยๆ อสูรจันทร์ม่วงมิอาจออมมือ เจ้าตระกูลเฉาที่จัดการกับวิหคอยู่เพิ่งจะหันมามอง
  เขาชักสีหน้าและตะโกน
  “หนีเร็ว!อย่าไปสู้กับมัน มันสำเร็จเพลิงประสานใจแล้ว! กระบี่เพลิงม่วงทำอะไรมันไม่ได้!”
  “อะไรนะ?เพลิงประสานใจเรอะ? นั่นมันระดับหลังจากทะลวงม่านพลังวิถีเพลิง!”
  อสูรจันทร์ม่วงงุนงงเขาเพิ่งจะรู้ถึงความลึกล้ำและความน่ากลัวของซือหยู
  เขาคิด…ภาพใต้รูปลักษณ์ธรรมดานี้มีพรสวรรค์อะไรซ่อนอยู่กันแน่?
  เมื่อรู้ว่าวิชาใช้ไม่ได้ผลอสูรจันทร์ม่วงจึงกัดฟันหนี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Divine Nine Dragon Cauldron 935 – ทิ้งเมิ่งเถียน

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 935 - ทิ้งเมิ่งเถียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

DND.
  คนที่อยู่ตรงหน้าของเขาคือชายวัยกลางคนใบหน้าเศร้าหมองดุดันจิตสังหารชั่วร้ายแสดงให้เห็นในแววตา
  “ไอ้ปีศาจ!”
  ชายวัยกลางคนพูดอย่างกระหายเลือด
  “เจ้าฆ่าลูกชายข้าแล้วยังจัดการคนรุ่นหลังในตระกูลข้าอีกเจ้าติดค้างโลหิตของข้า! เจ้าไม่คิดจะชดใช้สักหน่อยเรอะ?”
  ชายตรงหน้าเขาคือเจ้าตระกูลเฉา!เขาคือผู้นำตระกูลที่ทรงอำนาจที่สุดในดินแดนพรสวรรค์นอกจากสำนักต่างๆ!
  ไม่แปลกใจเลยที่เขาอยากจะควบคุมนายหญิงซือถูเขามักจะต้องการความงามของนายหญิงซือถูมาตั้งแต่อายุยังน้อย และเขายังสังหารสามีของนายหญิงซือถูไปด้วย!
  และยิ่งไม่แปลกที่เขาจะต้องปลอมตัวเพราะถ้าหากดินแดนพรสวรรค์รู้ ตระกูลเฉาจะถูกทำลายล้าง
  “ข้าไม่เคยติดหนี้ผู้ใดแต่หนี้เดียวที่ข้าไม่เคยชดใช้ก็คือหนี้เลือด!”
  ซือหยูพูดเขาไม่เคยสังหารผู้บริสุทธิ์ เขาไม่เคยเสียใจ
  “ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้ในวันนี้แหละ!”
  เมื่อเผยใบหน้าเจ้าตระกูลเฉาไม่ทนการมีอยู่ของซือหยูอีกต่อไป เขากู่ร้องพุ่งพรวดเข้าหาดั่งเงา
  แต่น่าเสียดายที่มิติกำลังปั่นป่วนวุ่นวายคลื่นพลังมิติพุ่งมาด้านหน้าพาเจ้าตระกูลเฉาไปยังอีกทิศทาง! เจ้าตระกูลเฉาโกรธแค้นและเริ่มพุ่งเข้าไปต่อด้วยตาแดงก่ำ เขาดูราวกับคนคลั่ง!
  อสูรจันทร์ม่วงขมวดคิ้วแน่นแต่แรกเขามั่นใจว่าจะกำจัดซือหยูได้ เขาจึงปรากฏตัวออกมา แต่เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะคุมตัวซือหยูไม่ได้แม้จะผ่านมาเนิ่นนานเช่นนี้!
  “อย่ามาอวดดีให้มากนัก!”
  เขาตะโกนและเข้าร่วมวงการตามฆ่าซือหยู
  กลับกันซือหยูใช้เนตรวิญญาณมองดูทิศทางของมิติ เขาบอกได้อย่างชัดเจนว่ามิติที่ใดจะปั่นป่วน ดังนั้นเขาจึงหลบหนีได้อย่างง่ายดายและพาตัวเองไปยังจุดอื่น
  แต่เขาก็รู้ว่านี่เป็นเพียงวิธีชั่วคราวในการรับถือซือหยูได้แต่ปล่อยให้ตัวเองถูกไล่ตามต่อไป
  ซือหยูเคลื่อนไปด้านหน้าเพื่อหลบเจ้าตระกูลเฉากับอสูรจันทร์ม่วงนั้นไล่ตามอย่างร้อนรนมาโดยตลอ ดระยะห่างระหว่างพวกเขาไม่เคยไกลกัน
  พวกเขาไล่ล่ากันไปอย่างนั้นทั้งวันสุดท้ายอสูรจันทร์ม่วงก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง
  เขาพูด
  “เจ้าเด็กนั่นแปลกนัก!มันเป็นแค่ภูติระดับหก แต่พลังของมันแม้แต่ภูติระดับเก้าก็เทียบไม่ได้!”
  หากเป็นภาวะปกติถ้าภูติระดับเก้าถูกตามล่าทั้งวันแบบนี้ พลังชีวิตจะหายไปเป็นจำนวนมาก แต่ซือหยูยังกลับดูมีเรี่ยวแรง!
  “ถ้าอย่างนั้น…พวกเราก็จำเป็นต้องฆ่ามันให้ตาย!”
  เจ้าตระกูลเฉาจ้องมองซือหยูไม่วางตาเขาอยากจะสังหารซือหยูเสียให้ได้
  พวกเขาเดินทางข้ามดินแดนมากมายมาตลอดวันและอยู่ในชายแดนของดินแดนพรสวรรค์กับเขตกลางเวลานี้พวกเขาอยู่ใกล้กับเมืองเทียนหยา
  ยิ่งไปไกลในมิติโกลาหลเท่าใดพวกเขาก็ยิ่งตกตะลึงมากเท่านั้นนั่นก็เพราะว่าขนาดของพื้นที่ที่โกลาหลนั้นกว้างจนแทบไม่อยากเชื่อ!
  และไม่ใช่พวกเขาที่ได้รับผลกระทบเหล่าสิ่งมีชีวิตอื่นก็ติดอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ พวกมันมิอาจบินหรือขยับผ่านได้ บางคนเป็นคนตระกูลซือถูที่เข้ามาที่นี่โดยบังเอิญ
  ยังมีกลุ่มวิหคที่หลงทางอยู่ด้วยเช่นกันทุกสิ่งได้รับผลกระทบจากมิติโกลาหลนี้
  อสูรจันทร์ม่วงกับเจ้าตระกูลเฉาถูกมิติโกลาหลล้อมอีกครั้งพวกเขาถูกพลังย้ายมายังพื้นที่ที่ไม่รู้จัก พวกเขาชินชากับเรื่องแบบนี้แล้ว พวกเขาจึงมองไปยังทิศทางของซือหยูและไล่ตามต่อไปไม่ให้คลาดสายตา
  และโชคดีเป็นอย่างมากที่การถูกเคลื่อนย้ายในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาคลาดกับซือหยูแต่ห่างกับซือหยูเพียงยี่สิบศอกเท่านั้น!
  เมื่อเห็นทั้งสองซือหยูใจหาย แต่โชคดีที่เขาเตรียมตัวไว้แล้ว เขาไม่ลังเลและใช้คุกเทวะห้าธาตุเพื่อปล่อยคลื่นห้าชีพจรออกมาป้องกันตัวเอง
  ปั้ง…
  คลื่นที่เหินเข้ามาปกป้องตัวซือหยูถูกเจ้าตระกูเฉากับอสูรจันทร์ม่วงซัดเข้าอย่างจังฝ่ามือของอสูรจันทร์ม่วงทำอะไรไม่ได้เลย ส่วนเจ้าตระกูลเฉาก็ทำได้คลื่นสะเทือนเล็กน้อย แต่มันก็ถูกป้องกันได้ในท้ายสุด
  “นั่นมันเกราะอะไรกัน?”
  เจ้าตระกูลเฉาพูดออกมาทั้งสองตกใจ
  ซือหยูตาเป็นประกายแสงสีเขียวเปล่งจากแขน จากนั้นเมิ่งเถียนที่หมดสติก็ถูกซือหยูใช้พลังปลุกทันที!
  เมื่อเมิ่งเถียนลืมตาสิ่งแรกที่ได้เห็นก็คือภาพเจ้าตระกูลเฉากับอสูรจันทร์ม่วงโจมตีคลื่นวารีอย่างบ้าคลั่ง
  “ชีวิตเจ้าอยู่ในมือข้าแต่พวกมันก็ลงมือโดยไม่สนใจ พวกมันทิ้งเจ้า! นี่คือสิ่งที่เจ้ากำลังเจอ…”
  ซือหยูอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเมิ่งเถียนอย่างใจเย็น
  เมิ่งเถียนมองภาพตรงหน้าและตระหนักได้ทันทีว่าเจ้าตระกูลเฉากับอสูรจันทร์ม่วงทิ้งเขาแล้วดังนั้นถ้าซือหยูตาย เขาก็จะถูกฆ่าปิดปากเช่นกัน!
  “เจ้าอยากรอดข้าก็เหมือนเจ้า …เจ้ากับข้ามีเป้าหมายเดียวกัน…”
  ซือหยูพูด
  เมิ่งเถียนใจหาย
  “เจ้าอยากให้ข้าโต้กลับเรอะ?”
  เมื่อวันก่อนเขายังเป็นฝ่ายเดียวกับอสูรจันทร์ม่วงและเจ้าตระกูลเฉาอยู่เลย มันเป็นยาที่ยากจะกลืนลงคอไปได้
  “ทำไมเล่า?เจ้าสงสารพวกมัน แต่พวกมันทำแบบที่เจ้าคิดหรือไม่?”
  ซือหยูถาม
  “แล้วเราก็แค่ต้องป้องกันมันเจ้าไม่ต้องฆ่าพวกมัน!”
  เมื่อได้ฟังเมิ่งเถียนคิดหนัก แม้ว่าเขาจะรับใช้นายคนเดียวกัน เขาก็ไม่จำเป็นต้องยอมทิ้งชีวิต
  ความป่าเถื่อนเริ่มฉายผ่านแววตาเมิ่งเถียนกล่าว
  “เจ้าอยากให้ข้าทำอะไร?เจ้าคงไม่ปล่อยข้าสินะ?”
  ซือหยูส่ายหน้าซึ่งไม่แปลก ถ้าหากปล่อยตัวเมิ่งเถียนไป เขาจะเข้าร่วมกับฝ่ายเจ้าตระกูลเฉาอีกครั้ง จากนั้นก็จะควบคุมฝูงวิหคมาจู่โจมเขา
  “ใช้วิชาฝึกสัตว์อสูรของเจ้าเรียกกลุ่มสัตว์อสูรที่กระจายไปกลับมาถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย…”
  ซือหยูบอก
  เมิ่งเถียนยอมทำตามแผน
  “ย่อมได้!”
  เมื่อพูดจบเขาเรียกขลุ่ยสีม่วงออกมาอีกครั้ง เขาเริ่มบรรเลงบทเพลง เสียงขลุ่ยดังก้องกังวาลโดยไม่สนใจมิติโกลาหล มันดังไปถึงทุกทิศทาง.ไอลีนโนเวล.
  เหล่าวิหคที่ไร้ผู้นำกลับมามีผู้นำอีกครั้งมันกรีดร้องตามเสียงขลุ่ยมาอย่างรวดเร็ว
  วิหคจ้าวเทวะระดับสามตัวหนึ่งพุ่งถลาลมเข้ามาในทันทีมันเข้าจู่โจมใส่อสูรจันทร์ม่วงก่อน…
  “เมิ่งเถียนกล้าดียังไงมาทำร้ายข้า? ท่านกระดูกโลหิตไม่มีวันอภัยให้เจ้าแน่!”
  อสูรจันทร์ม่วงสังหารวิหคที่เข้ามาและต่อว่าเมิ่งเถียนต่อไป
  “อย่ายอมให้มันบงการเจ้า!”
  เมิ่งเถียนเป่าขลุ่ยและถอนหายใจแรง
  “ถ้าข้าไม่ทำอะไรเจ้าตอนนี้ข้าก็ต้องรอให้คนข้างหลังฆ่าข้าสินะ? ถอยไปซะ มิเช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน! พวกเจ้ารู้พลังของวิหคเหล่านี้ดี! หากรวมฝูงได้เมื่อไหร่ แม้แต่วิญญาณเจ้าก็หนีไม่พ้น!”
  เจ้าตระกูลเฉาดูลังเลแต่เขาก็จ้องมองซือหยูอยู่
  “ขอโทษด้วยแต่นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะล้างแค้นให้ลูกข้า!”
  “อสูรจันทร์ม่วงเข้าไปพร้อมกันเลย! เกราะมันต้องใช้พลังมาก มันจะหมดพลังแล้ว!”
  เจ้าตระกูลเฉาเห็นว่าเกราะของซือหยูอ่อนกำลังลง
  อสูรจันทร์ม่วงเองก็ไม่เมตตาซือหยูเช่นกันเขารวมพลังกับเจ้าตระกูลเฉา
  ซือหยูใจหายมันเป็นอย่างที่เจ้าตระกูลเฉาพูด คลื่นห้าชีพจรนั้นใช้พลังจำนวนมากไปแล้ว เขารักษาเกราะได้อีกไม่นาน
  เรื่องดีคือฝูงวิหคกำลังมารวมตัวกันหลังจากได้ยินเสียงขลุ่ยตอนนี้มันรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่แล้ว
  “ล้อมเจ้าตระกูลเฉาก่อน!”
  ซือหยูตะโกนเมื่อจ้องมองอสูรจันทร์ม่วง
  แท้จริงแล้วซือหยูกลัวอสูรจันทร์ม่วงมากกว่าเจ้าตระกูลเฉานั่นก็เพราะเขาคือหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ตัวตนของซือหยู
  ถ้าหากเขารู้ว่าซือหยูเซี่ยนตรงหน้าคือซือหยูซือหยูก็จะไม่มีทางปกปิดตัวตนได้อีกต่อไป! ดังนั้นเขาจึงมีภัยต่อซือหยูมากกว่าเจ้าตระกูลเฉา
  ส่วนเจ้าตระกูลเฉานั้นซือหยูมีหลายวิธีที่จะสังหาร ถึงแม้ว่าจะต้องเปลืองแรงไปบ้าง แต่อย่างไรเขาก็ต้องจัดการอสูรจันทร์ม่วงก่อน!
  ในตอนนั้นเหล่าวิหคบุกเข้าไปจากทั่วทั้งฟ้า มันล้อมเจ้าตระกูลเฉาเอาไว้ เจ้าตระกูลเฉาไม่กล้าประมาทกับวิหคเหล่านี้แม้ตัวเองจะเป็นจ้าวเทวะระดับหก
  เขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะทำลายคลื่นห้าชีพจรและรับมือกับพวกวิหคแทนซือหยูกระโดดไปพร้อมกับคลื่นห้าชีพจรตรงไปหาอสูรจันทร์ม่วง
  เมื่อปีกโบกสะบัดซือหยูเพิ่มความเร็วขึ้นราวกับระเบิด เขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่เท่ากับอสูรจันทร์ม่วง อสูรจันทร์ม่วงมองตามและขมวดคิ้ว
  เขารู้ว่าเกราะป้องกันของซือหยูทำลายได้ยากและเขายังมีกลเม็ดซ่อนเอาไว้อีกมาก เขาค่อนข้างมีภัย
  ถ้าหากต่อสู้ตัวต่อตัวเขารู้ว่าเขาทำอะไรซือหยูไม่ได้เลย แต่ซือหยูสามารถเอาชีวิตเขาได้! ความคิดเช่นนี้ทำให้เขาไม่พอใจ และเขาก็หนีไปโดยไม่พูดสักคำเดียว เขาพยายามจะเข้าใกล้เจ้าตระกูลเฉาเพื่อร่วมมือกันต้านทาน
  แต่ซือหยูย่อมไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นซือหยูสะบัดแขนเรียกมุกบาดาลพุ่งไปทางอสูรจันทร์ม่วง
  อสูรจันทร์ม่วงเคยเจออันตรายของมุกบาดาลาแล้วเขาจึงรีบถอยด้วยความสะพรึงกลัว ลำแสงสีม่วงเองก็พุ่งออกมาจากหน้าผาก
  ซือหยูหลบลำแสงจากนั้นเขาก็เรียกเส้นไหมที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าซัดไปทางกะโหลกของอสูรจันทร์ม่วง
  อสูรจันทร์ม่วงสัมผัสอันตรายได้และรีบเรียกกระบี่สีม่วงเล่มเล็กออกมากระบี่นี้มีพลังวิญญาณแผ่ออกมาอย่างน่าตกใจ มันแตกต่างจากสมบัติวิญญาณธรรมดาๆ
  นี่คือสมบัติวิญญาณชั้นแนวหน้าที่มีเพลิงอันแข็งแกร่งอยู่พวกที่ต่ำกว่าจ้าวเทวะระดับห้าไม่มีทางทนเพลิงนี้ได้แน่นอน
  “กระบี่กลืนฟ้าดิน!”
  อสูรจันทร์ม่วงตะโกน
  เขาเป็นปรมาจารย์กระบี่เมื่อซัดกระบี่หนึ่งครั้ง เงากระบี่จะซ้อนทับกันมาพร้อมกับเพลิงอันไร้ขอบเขต
  แม้ว่าวิชากระบี่ของเขาจะไม่เทียบเท่าระดับของปิงหวูชิงมันก็อ่อนด้อยกว่าไม่มาก เพลิงอันน่ากลัวนี้ก็มีพลังมากด้วย
  ซือหยูไม่ถอยแต่พุ่งไปข้างหน้าเขาดีดนิ้ว เพลิงที่พุ่งเข้ามากระจายไปทั่วฟ้า มันไม่ทำตามคำสั่งของอสูรจันทร์ม่วงและหนีหายจากตัวซือหยูไป จากนั้นเพลิงก็ดับมอด
  เมื่อเพลิงดับหมดแล้วพลังกระบี่ที่เหลือจึงทำอะไรคลื่นวารีของซือหยูไม่ได้อีก แต่ในภาพที่อสูรจันทร์ม่วงเห็นนั้นเหมือนกับซือหยูบุกเข้ามาจากทะเลเพลิงแต่เพลิงก็ตกอยู่ในการควบคุมของเขาและดับมอดไปเอง การต่อสู้อันแปลกประหลาดเช่นนี้ทำให้เขาตกตะลึงอีกครั้ง
  “เพลงกระบี่คลั่งนภา!”
  “กระบี่กระชากโลกา!”
  “กระบี่ทลายหยินหยาง!”
  เขาใช้วิชากระบี่พร้อมกันถึงเก้าวิชาแต่ละวิชานั้นแข็งแกร่งตระการตายิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ซือหยูก็ยังคงรุดหน้ามาเรื่อยๆ อสูรจันทร์ม่วงมิอาจออมมือ เจ้าตระกูลเฉาที่จัดการกับวิหคอยู่เพิ่งจะหันมามอง
  เขาชักสีหน้าและตะโกน
  “หนีเร็ว!อย่าไปสู้กับมัน มันสำเร็จเพลิงประสานใจแล้ว! กระบี่เพลิงม่วงทำอะไรมันไม่ได้!”
  “อะไรนะ?เพลิงประสานใจเรอะ? นั่นมันระดับหลังจากทะลวงม่านพลังวิถีเพลิง!”
  อสูรจันทร์ม่วงงุนงงเขาเพิ่งจะรู้ถึงความลึกล้ำและความน่ากลัวของซือหยู
  เขาคิด…ภาพใต้รูปลักษณ์ธรรมดานี้มีพรสวรรค์อะไรซ่อนอยู่กันแน่?
  เมื่อรู้ว่าวิชาใช้ไม่ได้ผลอสูรจันทร์ม่วงจึงกัดฟันหนี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+