The Divine Nine Dragon Cauldron 882

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 882 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

DND.882 – เรื่องจากหลายสาเหตุ
หลังจากที่ซือหยูออกจากร้านตงหลินเหล่าจ้าวเทวะที่แอบปกป้องเขาก็ติดตามไปอย่างใกล้ชิด พวกเขาตามซือหยูไปจนแทบจะเป็นเงา
พวกคนนอกร้านตงหลินก็ตามเขาไปทันทีเช่นกันพวกเขาไม่กล้าจะชักช้า ความเคลื่อนไหวของซือหยูทำให้คนกลุ่มใหญ่สนใจและยังสับสนกับสิ่งที่ซือหยูทำ
หลังจากที่ซือหยูออกจากร้านตงหลินเขาดูไม่รีบร้อนในการไปพบกับผู้ปรุงวารีผงกลั่นดวงใจ เขาเพียงแค่มองไปตามถนนด้วยความสงสัยราวกับเด็กไร้เดียงสา หลายคนงุนงงเมื่อได้เห็น
ซึ่งแน่นอนพวกเขาไม่รู้ว่าหลังจากที่พวกเขาเคลื่อนไหวห่างจากร้านตงหลิน เงาหนึ่งก็พุ่งพรวดออกมาจากห้องของซือหยู ซึ่งนั่นก็คือตัวซือหยูเอง!
ถ้าเขาอยากจะหาโอกาสไปเขาเพลิงม่วงเพื่อปรุงโอสถเขาก็ได้แค่หวังพึ่งกิเลนน้อย เขาขอให้กิเลนน้อยหลอกเหล่าจ้าวเทวะออกไป!
เหลือภูติไม่กี่คนที่อยู่ที่นี่ซึ่งซือหยูสามารถหลบสายตาคนเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย เขาปกปิดร่องรอยของตัวเองตลอดทางและเดินทางไปจนถึงเขาเพลิงม่วง เขารีบเข้าไปและเตรียมปรุงวารีผงกลั่นดวงใจทันที
หลังจากผ่านไปสามวันหญ้าใจสลายของเขาก็เติบโตเต็มที่! เขามีมากกว่าสามสิบต้น!
มีเมล็ดห้าสิบเมล็ดบนหญ้าแต่ละต้นนั่นหมายความว่าถ้าเขารออีกห้าวัน เขาจะได้หญ้าใจสลายเพิ่มเกินกว่าห้าร้อยต้น! นับจากนี้ไป ตราบเท่าที่สวนของเขาปลูกได้ ซือหยูจะมีหญ้าใจสลายได้มากเท่าที่ต้องการ!
เมื่อคิดว่าเขาเพียงแค่ต้องใช้ร้อยต้นในการแลกเปลี่ยนกับแม่นางหลิงก็อดยิ้มไม่ได้ดินเพาะบ่มชั้นสูงไม่ต่างกับเหมืองทองของเขา เขาโชคดีมากที่ได้สืบทอดสิ่งนี้จากจิ้งจองอสูร!
ซือหยูเก็บมาเพียงสามสิบต้นและทิ้งที่เหลือให้เติบโตต่อไปเขาทำเช่นนี้เพื่อทดสอบว่าหญ้าใจสลายมีฤทธิ์แปรเปลี่ยนตามอายุหรือไม่
ตามปกติยิ่งพืชแก่เท่าใดก็ย่อมมีพลังที่ดียิ่งขึ้นไปอีก เขาคิดว่าวารีผงกลั่นดวงใจจะพัฒนาขึ้นหากหญ้าใจสลายที่ได้มีคุณภาพดีขึ้น
เพื่อทดสอบซือหยูจึงปล่อยให้วัตถุดิบบางส่วนเติบโตต่อไป เขาจะขายวารีผงกลั่นดวงใจแบบธรรมดากับผู้อื่น และเขาจะใช้โอสถที่ดีกว่ากับตัวเอง!
หลังจากเก็บวัตถุดิบจนครบซือหยูก็เริ่มปรุงวารีผงกลั่นดวงใจในห้องลับ เขาคุ้นเคยกับขั้นตอนอยู่แล้วจึงปรุงชุดแรกได้อย่างไม่ยากเย็น และมันก็ได้เป็นโอสถระดับสาม
ขณะที่ปรุงซือหยูรู้สึกว่าทักษะการควบคุมความร้อนของเขาพัฒนาขึ้น และความเข้าใจในธาตุไฟของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก นั่นเป็นเพราะการศึกษาวิชาลับห้าธาตุ
เขาสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงความร้อนแม้เพียงเล็กน้อยได้อย่างชัดเจนและมันก็แจ่มชัดในจิตใจ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เขาเชี่ยวชาญการปรุงยามากขึ้น
หลังจากลองมาหลายครั้งซือหยูพบว่าตัวเขาระบุความร้อนได้โดยไม่ต้องเพ่งสมาธิมากนัก เขาทำได้แม้กระทั่งคาดเดาว่าเพลิงจะเปลี่ยนความร้อนในเวลาใด ราวกับว่าเขาเป็นหนึ่งเดียวกับไฟ!
ในวิชาปรุงยาขั้นสูงสุดสภาวะที่คาดเดาการเปลี่ยนแปลงของเพลิงถูกเรียกว่า “สภาวะหลอมเพลิงยา” และมีเพียงแค่ปรมาจารย์นักปรุงยาเท่านั้นที่จะมีสภาวะนี้ได้
ถึงซือหยูจะเป็นแค่นักปรุงยาชั้นกลางเขาก็ใช้สภาวะนี้ได้อย่างคล่องแคล่ว มันยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก นักปรุงยาชั้นสูงหลายคนคงอิจฉาเขาอย่างมากหากรู้เรื่องนี้
ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งซือหยูศึกษาวิชาลับห้าธาตุมากเท่าใด เขาก็จะยิ่งมีสภาวะหลอมเพลิงยาที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะปรุงยาชั้นยอดได้!
การปรุงยาดำเนินต่อไปเช่นนี้ซือหยูค่อนข้างผ่อนคลายระหว่างการปรุง ในอดีต เขาต้องใช้เวลาสองชั่วยามในการปรุงวารีผงกลั่นดวงใจ แต่ครั้งนี้เขาใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น
หลังจากผ่านไปสิบชั่วยามซือหยูปรุงวารีผงกลั่นดวงใจได้ยี่สิบขวด วารีในแต่ละขวดที่เปล่งประกายนั้นเป็นภาพอันน่าจดจำ
แม้แต่ซือหยูเองก็ทึ่งกับสิ่งที่เขาทำได้ความก้าวหน้าของเขาในวิถีของนักปรุงยาเป็นที่ประจักษ์แล้ว!
รอยยิ้มเบ่งบานใบหน้าขณะที่เก็บวารีผงกลั่นดวงใจทั้งยี่สิบชุดจากนั้นเขาก็หายไปจากเขาเพลิงม่วงราวกับผี

ข้างบึงแห่งหนึ่งนอกเมืองเทียนหยาซือหยูถอดเสื้อผ้าและลงสู่บึง เขาว่ายน้ำไปอย่างสบายใจโดยไม่สนใจผู้อื่นเลย คนทุกอายุและทุกประเภทมองซือหยูผู้ว่ายน้ำอย่างเป็นสุขในบึงต่างตกใจ
“นี่น่ะรึนิสัยจริงของเจ้าของร้านซือเขาไม่มียางอายเลยหรือไงกัน?”
สตรีวัยกลางคนหน้าแดงเมื่อมองซือหยูว่ายน้ำไปมาในร่างเปลือย!นางได้แต่เหลือบมองเพราะไม่กล้ามองตรงๆ
ผู้คนอนาถใจเมื่อคุยกันถึงเรื่องนี้สิ่งที่ซือหยูทำนั้นน่าขันจนเกินไป พวกเขาต่างรู้สึกว่าเขาทำตัวเหมือนเด็ก เขาดูไม่เหมือนกับชายแก่ที่มาจากต่างโลกอีกแล้ว เขาไม่ต่างกับทารกที่ไร้ปัญญา!
กงซุนหวูซื่อที่ถูกบังคับมาที่นี่ใช้มือกอดอกแบนราบและทำแก้มป่องนางกลอกตา
“แก่แล้วยังไร้ยางอายอยู่เลยเขาทำเสียชื่อเขาอสูรของพวกเรา!”
แม่นางหลิงที่อยู่ถัดจากนางกระพริบตาไปมา
“แปลกจริง!นี่ไม่เหมือนกับนิสัยก่อนหน้าที่ข้าเห็นเลย…”
สัญชาตญาณบอกนางว่าซือหยูตรงหน้านี้ไม่ใช่คนเดียวกับชายแก่เจ้าอุบายที่คุยกับนางเมื่อวันก่อนมันมีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างทั้งสอง
“นั่นคือซือหยูเซี่ยนคนเดียวกันรึ?อืม…”
แม่นางหลิงรู้ว่าผู้ที่ปรุงวารีผงกลั่นดวงใจคือตัวซือหยูเองและนางก็รู้ด้วยว่าเขาต้องใช้กลสักอย่างอยู่แน่ นางได้แต่สงสัย ‘ซือหยูเซี่ยน’ ตรงหน้าคนนี้
แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรนางก็ไม่พบจุดที่แตกต่าง แต่ถึงอย่างนั้น ความระคายใจก็ไม่หายไปจากสมอง
“จะจริงรึ?มันไม่น่าจะเป็นไปได้? หืม…”
คนอีกคนที่นี่มีใบหน้าอับอายเขาคือเสี่ยวเหยาที่มาด้วยตัวเอง
เขางุนงงเมื่อเห็นสิ่งตรงหน้าเขาโบกมือเรียกคนของเขา
“ทำไมพวกเขาไม่ไปลากเขาออกมาเล่า?”
เหล่าจ้าวเทวะที่ปกป้องซือหยูไม่อาจทนดูได้มีสองคนพุ่งไปลากเขาขึ้นมาจากน้ำ แต่ซือหยูก็ยังคงเล่นตลกไปตลอดทาง หลังจากถูกลากออกจากน้ำ เขาก็มิได้ใส่เสื้อผ้าในทันที แต่เขามองไปที่เหล่ายอดฝีมือด้วยดวงตาสดใสและยิ้มกว้าง
ผู้หญิงหลายคนได้แต่หันหนีไปพร้อมกับหน้าแดงหลายคนพูดออกมา…
“แหวะ!ช่างสัปดนนัก!”
“ไร้ยางอายจริงๆ!ทำไมเขาไม่สวมเสื้อผ้าล่ะ?”
ซือหยูยังคงไม่ขยับไปไหนเขายืนมือไพล่หลังและมองทุกคนอย่างใจเย็น จากนั้นจู่ๆเขาก็มองเห็นกงซุนหวูซื่อ เขาตาลุกวาวและวิ่งไปหานางราวกับรู้จักกันมาก่อน
กงซุนหวูซื่อนั้นกลัวที่จะเห็นร่างเปลือยของซือหยูนางจึงเบือนหน้าหนีมานานแล้ว นางจึงไม่รู้เลยว่าซือหยูกำลังเดินไปทางนาง
กว่านางจะรู้ตัวว่ามีบางอย่างแปลกไปก็ตอนที่รู้สึกถึงลมเย็นที่แผ่นหลังจากนั้นก็มีร่างที่แข็งแกร่งกดนางลงกับพื้น
นางไม่ทันจะวังจนล้มลงไปนางร้องออกมาเบาๆเมื่อถูกกดลงกับพื้น
กงซุนหวูซื่อโมโหร้าย
“เจ้าโง่นี่ใครกั…”
แต่เมื่อนางหันไปนางก็งุนงงเมื่อเห็นชายเปลือยต่อหน้าต่อตา! ก่อนที่นางจะได้สติ ซือหยูก็กระโจนเข้าใส่นางและใช้หัวหนุนอกของนางอย่างใกล้ชิด
ถ้าหกาเป็นสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงจะดูน่ารักน่าชัง แต่เมื่อเห็นชายแก่ร่างเปลือยก็ไม่มีสิ่งใดน่ามองเลย! เขากำลังฉวยโอกาสสาวน้อยไร้เดียงสาในตอนกลางวันแสกๆ!
กงซุนหวูซื่อตัวแข็งทื่อไปทั้งร่างนางไม่อยากจะเชื่อสายตา ใบหน้าเล็กๆของนางแดงก่ำด้วยความเขินอาย นางเริ่มร้องเรียก
พอถึงตอนนั้นแม่นางหลิงจึงได้ยินเสียงร้องนางหันไปและบินเข้ามาด้วยความโกรธแค้น
“ไอ้แก่บ้ากาม!ข้าจะฆ่าเจ้า!”
นางโมโหเมื่อเห็นหลานสาวถูกชายแก่ล่วงเกินต่อหน้านางและต่อหน้าทุกคน!
ซือหยูตอบสนองอย่างรวดเร็วหลังจากเขาใช้หัวดุนอกของกงซุนหวูซื่อเป็นครั้งสุดท้าย เขาก็หลบการโจมตีของแม่นางหลิง เขาจึงยืนขึ้นและทำใบหน้าดุดัน มันดูไม่มีเหตุผลเลย มันดูเหมือนว่าเขากำลังถามว่าทำไมนางจึงรังแกเขา
เมื่อได้เห็นว่าซือหยูไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปแต่กลับมองนางด้วยความโกรธแม่นางหลิงก็แทบเป็นบ้าเพราะความแค้น นางจ้องมองเขาอย่างดุร้าย
“เจ้ามันหน้าด้านไอ้แก่เอ้ย! ข้าจะฆ่าเจ้า ต่อให้ข้าจะต้องแหกข้อตกลงก็เถอะ!”
ขณะนั้นกงซุนหวูซื่อที่หวาดกลัวยืนขึ้น นางยังไม่ฟื้นคืนจากประสบการณ์อันน่าขนลุกเมื่อครู่
นางมิอาจขยับตัวนางได้แต่ยืนตัวสั่น นางทั้งโกรธแค้นและสั่นกลัว
นางไม่เคยเจอกับสถานการณ์บ้าๆเช่นนี้มาก่อน!ต่อให้นางดูเหมือนกับเด็กสาวบริสุทธิ์อายุสิบขวบ อายุนางก็เลยสิบแปดปีไปแล้ว นี่คืออายุที่สตรีย่อมอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว!
ด้วยเหตุที่เกิดขึ้นและด้วยกลิ่นบุรุษที่ยังคลอเคลียอกของนาง ทั้งหมดทำให้จิตในนางสับสน นางเหม่อลอยและรู้สึกแปลกอย่างมาก เห็นได้ชัดว่านางกำลังตกตะลึงและหวาดกลัวอยู่
“มันไม่ได้นุ่มเลยแต่มันก็ไม่ได้แข็งเกินไปเหมือนกัน…”
ไม่รู้ว่าซือหยูไม่เห็นสีหน้าโมโหของแม่นางหลิงหรือไม่เห็นว่ากงซุนหวูซื่อกำลังจะบ้าคลั่งเขาชี้ไปที่หน้าอกของกงซุนหวูซื่อและพูดแบบนั้นออกมา!
ผู้คนระเบิดเสียงหัวเราะกงซุนหวูซื่อยังคงมีร่างกายของเด็กสาว และอกของนางก็แบนราบราวกับทุ่งหญ้า!
เมื่อได้ฟังเช่นนี้แม่นางหลิงบินไปด้วยความแค้น กงซุนหวูซื่อร้องดังกว่าเดิม
“อ๊าา!เจ้าต้องตาย! กล้าดียังไงมาพูดเรื่องหน้าอกข้า? ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”
กงซุนหวูซื่อตะโกนทั้งน้ำตาอกเล็กๆของนางมักจะเป็นปมด้อยของนางอยู่เสมอ นางอ่อนไหวกับเรื่องนี้มากอยู่แล้ว
ถึงนางจะแก่นแก้วและชอบเล่นตลกกับผู้คนนางก็มักจะปฏิบัติกับผู้คนอย่างดีด้วยเช่นกัน แม้ซือหยูจะก่อเรื่องให้นางถึงสองครั้ง นางก็ยังแอบช่วยเขา
ครั้งแรกคือตอนทดสอบประจำฤดูตอนที่เฉาฉิงเฟิงชี้ให้ตรวจสอบร่างกายของซือหยูโดยเจ้าตำหนักนอก นางได้ขอให้ผู้เฒ่าหลานหยุดมัน ซือหยูจึงผ่านวิกฤติมาได้ ครั้งที่สองคือตอนที่ป้าหลิงของนางไปหาเขา กงซุนหวูซื่อบอกให้นางไม่หาเรื่องเขาเพราะทั้งคู่มาจากเขาอสูรเหมือนกัน
ทั้งสองมิได้มีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและซือหยูก็ดับร่างเงาบนขั้นห้าสิบของนางไป ซึ่งนั่นคือการทำลายแผนการของนาง แต่นางก็แค่ไม่สนใจเพราะคิดว่านางกับเขามาจากเขาอสูร
เพราะเรื่องนี้นางจึวไม่เคยทะเลาะกับเขา นางกลับช่วยเขาถึงสองครั้งสองครา! บอกได้เลยว่านางใจดีกว่าที่ซือหยูสมควรได้รับไปมาก
นี่จึงเป็นเหตุให้นางตกใจที่เขาจะตอบแทนน้ำใจนางด้วยความชั่วช้าและทำแบบนี้กับนางต่อหน้าทุกคน!กงซุนหวูซื่อรู้สึกขยะแขยงและชิงชังซือหยูเป็นครั้งแรก
ซือหยูเงยหน้าอย่างภูมิใจราวกับว่าเขาไม่หวาดกลัวสายตาของผู้ใดเลยนั่นทำให้พวกนางโกรธแค้นยิ่งกว่าเดิม
เสี่ยวเหยาคิดว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้วเขาจึงเหลือบมองคนของเขาเพื่อสั่งให้พวกเขารีบไปปกป้องซือหยู
กงซุนหวูซื่อกำหมัดด้วยใบหน้าเคร่งเครียดที่มักจะไม่ปรากฏบนใบหน้านางความโกรธแค้นของนางหายไปโดยส่วนมาก นางใจเย็นลงช้าๆ
“ไร้เหตุผลนัก…”
หลังจากพูดจบนางก็หันกลับและเดินผ่านผู้คนใด
“ทำไมเจ้าไม่แก้แค้นเล่า?ต่อให้เสี่ยวเหยาจะขวางเรา ข้าก็มั่นใจว่ามันต้องชดใช้!”
แม่นางหลิงถามอย่างเยือกเย็น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Divine Nine Dragon Cauldron 882

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 882 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

DND.882 – เรื่องจากหลายสาเหตุ
หลังจากที่ซือหยูออกจากร้านตงหลินเหล่าจ้าวเทวะที่แอบปกป้องเขาก็ติดตามไปอย่างใกล้ชิด พวกเขาตามซือหยูไปจนแทบจะเป็นเงา
พวกคนนอกร้านตงหลินก็ตามเขาไปทันทีเช่นกันพวกเขาไม่กล้าจะชักช้า ความเคลื่อนไหวของซือหยูทำให้คนกลุ่มใหญ่สนใจและยังสับสนกับสิ่งที่ซือหยูทำ
หลังจากที่ซือหยูออกจากร้านตงหลินเขาดูไม่รีบร้อนในการไปพบกับผู้ปรุงวารีผงกลั่นดวงใจ เขาเพียงแค่มองไปตามถนนด้วยความสงสัยราวกับเด็กไร้เดียงสา หลายคนงุนงงเมื่อได้เห็น
ซึ่งแน่นอนพวกเขาไม่รู้ว่าหลังจากที่พวกเขาเคลื่อนไหวห่างจากร้านตงหลิน เงาหนึ่งก็พุ่งพรวดออกมาจากห้องของซือหยู ซึ่งนั่นก็คือตัวซือหยูเอง!
ถ้าเขาอยากจะหาโอกาสไปเขาเพลิงม่วงเพื่อปรุงโอสถเขาก็ได้แค่หวังพึ่งกิเลนน้อย เขาขอให้กิเลนน้อยหลอกเหล่าจ้าวเทวะออกไป!
เหลือภูติไม่กี่คนที่อยู่ที่นี่ซึ่งซือหยูสามารถหลบสายตาคนเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย เขาปกปิดร่องรอยของตัวเองตลอดทางและเดินทางไปจนถึงเขาเพลิงม่วง เขารีบเข้าไปและเตรียมปรุงวารีผงกลั่นดวงใจทันที
หลังจากผ่านไปสามวันหญ้าใจสลายของเขาก็เติบโตเต็มที่! เขามีมากกว่าสามสิบต้น!
มีเมล็ดห้าสิบเมล็ดบนหญ้าแต่ละต้นนั่นหมายความว่าถ้าเขารออีกห้าวัน เขาจะได้หญ้าใจสลายเพิ่มเกินกว่าห้าร้อยต้น! นับจากนี้ไป ตราบเท่าที่สวนของเขาปลูกได้ ซือหยูจะมีหญ้าใจสลายได้มากเท่าที่ต้องการ!
เมื่อคิดว่าเขาเพียงแค่ต้องใช้ร้อยต้นในการแลกเปลี่ยนกับแม่นางหลิงก็อดยิ้มไม่ได้ดินเพาะบ่มชั้นสูงไม่ต่างกับเหมืองทองของเขา เขาโชคดีมากที่ได้สืบทอดสิ่งนี้จากจิ้งจองอสูร!
ซือหยูเก็บมาเพียงสามสิบต้นและทิ้งที่เหลือให้เติบโตต่อไปเขาทำเช่นนี้เพื่อทดสอบว่าหญ้าใจสลายมีฤทธิ์แปรเปลี่ยนตามอายุหรือไม่
ตามปกติยิ่งพืชแก่เท่าใดก็ย่อมมีพลังที่ดียิ่งขึ้นไปอีก เขาคิดว่าวารีผงกลั่นดวงใจจะพัฒนาขึ้นหากหญ้าใจสลายที่ได้มีคุณภาพดีขึ้น
เพื่อทดสอบซือหยูจึงปล่อยให้วัตถุดิบบางส่วนเติบโตต่อไป เขาจะขายวารีผงกลั่นดวงใจแบบธรรมดากับผู้อื่น และเขาจะใช้โอสถที่ดีกว่ากับตัวเอง!
หลังจากเก็บวัตถุดิบจนครบซือหยูก็เริ่มปรุงวารีผงกลั่นดวงใจในห้องลับ เขาคุ้นเคยกับขั้นตอนอยู่แล้วจึงปรุงชุดแรกได้อย่างไม่ยากเย็น และมันก็ได้เป็นโอสถระดับสาม
ขณะที่ปรุงซือหยูรู้สึกว่าทักษะการควบคุมความร้อนของเขาพัฒนาขึ้น และความเข้าใจในธาตุไฟของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก นั่นเป็นเพราะการศึกษาวิชาลับห้าธาตุ
เขาสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงความร้อนแม้เพียงเล็กน้อยได้อย่างชัดเจนและมันก็แจ่มชัดในจิตใจ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เขาเชี่ยวชาญการปรุงยามากขึ้น
หลังจากลองมาหลายครั้งซือหยูพบว่าตัวเขาระบุความร้อนได้โดยไม่ต้องเพ่งสมาธิมากนัก เขาทำได้แม้กระทั่งคาดเดาว่าเพลิงจะเปลี่ยนความร้อนในเวลาใด ราวกับว่าเขาเป็นหนึ่งเดียวกับไฟ!
ในวิชาปรุงยาขั้นสูงสุดสภาวะที่คาดเดาการเปลี่ยนแปลงของเพลิงถูกเรียกว่า “สภาวะหลอมเพลิงยา” และมีเพียงแค่ปรมาจารย์นักปรุงยาเท่านั้นที่จะมีสภาวะนี้ได้
ถึงซือหยูจะเป็นแค่นักปรุงยาชั้นกลางเขาก็ใช้สภาวะนี้ได้อย่างคล่องแคล่ว มันยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก นักปรุงยาชั้นสูงหลายคนคงอิจฉาเขาอย่างมากหากรู้เรื่องนี้
ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งซือหยูศึกษาวิชาลับห้าธาตุมากเท่าใด เขาก็จะยิ่งมีสภาวะหลอมเพลิงยาที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะปรุงยาชั้นยอดได้!
การปรุงยาดำเนินต่อไปเช่นนี้ซือหยูค่อนข้างผ่อนคลายระหว่างการปรุง ในอดีต เขาต้องใช้เวลาสองชั่วยามในการปรุงวารีผงกลั่นดวงใจ แต่ครั้งนี้เขาใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น
หลังจากผ่านไปสิบชั่วยามซือหยูปรุงวารีผงกลั่นดวงใจได้ยี่สิบขวด วารีในแต่ละขวดที่เปล่งประกายนั้นเป็นภาพอันน่าจดจำ
แม้แต่ซือหยูเองก็ทึ่งกับสิ่งที่เขาทำได้ความก้าวหน้าของเขาในวิถีของนักปรุงยาเป็นที่ประจักษ์แล้ว!
รอยยิ้มเบ่งบานใบหน้าขณะที่เก็บวารีผงกลั่นดวงใจทั้งยี่สิบชุดจากนั้นเขาก็หายไปจากเขาเพลิงม่วงราวกับผี

ข้างบึงแห่งหนึ่งนอกเมืองเทียนหยาซือหยูถอดเสื้อผ้าและลงสู่บึง เขาว่ายน้ำไปอย่างสบายใจโดยไม่สนใจผู้อื่นเลย คนทุกอายุและทุกประเภทมองซือหยูผู้ว่ายน้ำอย่างเป็นสุขในบึงต่างตกใจ
“นี่น่ะรึนิสัยจริงของเจ้าของร้านซือเขาไม่มียางอายเลยหรือไงกัน?”
สตรีวัยกลางคนหน้าแดงเมื่อมองซือหยูว่ายน้ำไปมาในร่างเปลือย!นางได้แต่เหลือบมองเพราะไม่กล้ามองตรงๆ
ผู้คนอนาถใจเมื่อคุยกันถึงเรื่องนี้สิ่งที่ซือหยูทำนั้นน่าขันจนเกินไป พวกเขาต่างรู้สึกว่าเขาทำตัวเหมือนเด็ก เขาดูไม่เหมือนกับชายแก่ที่มาจากต่างโลกอีกแล้ว เขาไม่ต่างกับทารกที่ไร้ปัญญา!
กงซุนหวูซื่อที่ถูกบังคับมาที่นี่ใช้มือกอดอกแบนราบและทำแก้มป่องนางกลอกตา
“แก่แล้วยังไร้ยางอายอยู่เลยเขาทำเสียชื่อเขาอสูรของพวกเรา!”
แม่นางหลิงที่อยู่ถัดจากนางกระพริบตาไปมา
“แปลกจริง!นี่ไม่เหมือนกับนิสัยก่อนหน้าที่ข้าเห็นเลย…”
สัญชาตญาณบอกนางว่าซือหยูตรงหน้านี้ไม่ใช่คนเดียวกับชายแก่เจ้าอุบายที่คุยกับนางเมื่อวันก่อนมันมีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างทั้งสอง
“นั่นคือซือหยูเซี่ยนคนเดียวกันรึ?อืม…”
แม่นางหลิงรู้ว่าผู้ที่ปรุงวารีผงกลั่นดวงใจคือตัวซือหยูเองและนางก็รู้ด้วยว่าเขาต้องใช้กลสักอย่างอยู่แน่ นางได้แต่สงสัย ‘ซือหยูเซี่ยน’ ตรงหน้าคนนี้
แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรนางก็ไม่พบจุดที่แตกต่าง แต่ถึงอย่างนั้น ความระคายใจก็ไม่หายไปจากสมอง
“จะจริงรึ?มันไม่น่าจะเป็นไปได้? หืม…”
คนอีกคนที่นี่มีใบหน้าอับอายเขาคือเสี่ยวเหยาที่มาด้วยตัวเอง
เขางุนงงเมื่อเห็นสิ่งตรงหน้าเขาโบกมือเรียกคนของเขา
“ทำไมพวกเขาไม่ไปลากเขาออกมาเล่า?”
เหล่าจ้าวเทวะที่ปกป้องซือหยูไม่อาจทนดูได้มีสองคนพุ่งไปลากเขาขึ้นมาจากน้ำ แต่ซือหยูก็ยังคงเล่นตลกไปตลอดทาง หลังจากถูกลากออกจากน้ำ เขาก็มิได้ใส่เสื้อผ้าในทันที แต่เขามองไปที่เหล่ายอดฝีมือด้วยดวงตาสดใสและยิ้มกว้าง
ผู้หญิงหลายคนได้แต่หันหนีไปพร้อมกับหน้าแดงหลายคนพูดออกมา…
“แหวะ!ช่างสัปดนนัก!”
“ไร้ยางอายจริงๆ!ทำไมเขาไม่สวมเสื้อผ้าล่ะ?”
ซือหยูยังคงไม่ขยับไปไหนเขายืนมือไพล่หลังและมองทุกคนอย่างใจเย็น จากนั้นจู่ๆเขาก็มองเห็นกงซุนหวูซื่อ เขาตาลุกวาวและวิ่งไปหานางราวกับรู้จักกันมาก่อน
กงซุนหวูซื่อนั้นกลัวที่จะเห็นร่างเปลือยของซือหยูนางจึงเบือนหน้าหนีมานานแล้ว นางจึงไม่รู้เลยว่าซือหยูกำลังเดินไปทางนาง
กว่านางจะรู้ตัวว่ามีบางอย่างแปลกไปก็ตอนที่รู้สึกถึงลมเย็นที่แผ่นหลังจากนั้นก็มีร่างที่แข็งแกร่งกดนางลงกับพื้น
นางไม่ทันจะวังจนล้มลงไปนางร้องออกมาเบาๆเมื่อถูกกดลงกับพื้น
กงซุนหวูซื่อโมโหร้าย
“เจ้าโง่นี่ใครกั…”
แต่เมื่อนางหันไปนางก็งุนงงเมื่อเห็นชายเปลือยต่อหน้าต่อตา! ก่อนที่นางจะได้สติ ซือหยูก็กระโจนเข้าใส่นางและใช้หัวหนุนอกของนางอย่างใกล้ชิด
ถ้าหกาเป็นสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงจะดูน่ารักน่าชัง แต่เมื่อเห็นชายแก่ร่างเปลือยก็ไม่มีสิ่งใดน่ามองเลย! เขากำลังฉวยโอกาสสาวน้อยไร้เดียงสาในตอนกลางวันแสกๆ!
กงซุนหวูซื่อตัวแข็งทื่อไปทั้งร่างนางไม่อยากจะเชื่อสายตา ใบหน้าเล็กๆของนางแดงก่ำด้วยความเขินอาย นางเริ่มร้องเรียก
พอถึงตอนนั้นแม่นางหลิงจึงได้ยินเสียงร้องนางหันไปและบินเข้ามาด้วยความโกรธแค้น
“ไอ้แก่บ้ากาม!ข้าจะฆ่าเจ้า!”
นางโมโหเมื่อเห็นหลานสาวถูกชายแก่ล่วงเกินต่อหน้านางและต่อหน้าทุกคน!
ซือหยูตอบสนองอย่างรวดเร็วหลังจากเขาใช้หัวดุนอกของกงซุนหวูซื่อเป็นครั้งสุดท้าย เขาก็หลบการโจมตีของแม่นางหลิง เขาจึงยืนขึ้นและทำใบหน้าดุดัน มันดูไม่มีเหตุผลเลย มันดูเหมือนว่าเขากำลังถามว่าทำไมนางจึงรังแกเขา
เมื่อได้เห็นว่าซือหยูไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปแต่กลับมองนางด้วยความโกรธแม่นางหลิงก็แทบเป็นบ้าเพราะความแค้น นางจ้องมองเขาอย่างดุร้าย
“เจ้ามันหน้าด้านไอ้แก่เอ้ย! ข้าจะฆ่าเจ้า ต่อให้ข้าจะต้องแหกข้อตกลงก็เถอะ!”
ขณะนั้นกงซุนหวูซื่อที่หวาดกลัวยืนขึ้น นางยังไม่ฟื้นคืนจากประสบการณ์อันน่าขนลุกเมื่อครู่
นางมิอาจขยับตัวนางได้แต่ยืนตัวสั่น นางทั้งโกรธแค้นและสั่นกลัว
นางไม่เคยเจอกับสถานการณ์บ้าๆเช่นนี้มาก่อน!ต่อให้นางดูเหมือนกับเด็กสาวบริสุทธิ์อายุสิบขวบ อายุนางก็เลยสิบแปดปีไปแล้ว นี่คืออายุที่สตรีย่อมอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว!
ด้วยเหตุที่เกิดขึ้นและด้วยกลิ่นบุรุษที่ยังคลอเคลียอกของนาง ทั้งหมดทำให้จิตในนางสับสน นางเหม่อลอยและรู้สึกแปลกอย่างมาก เห็นได้ชัดว่านางกำลังตกตะลึงและหวาดกลัวอยู่
“มันไม่ได้นุ่มเลยแต่มันก็ไม่ได้แข็งเกินไปเหมือนกัน…”
ไม่รู้ว่าซือหยูไม่เห็นสีหน้าโมโหของแม่นางหลิงหรือไม่เห็นว่ากงซุนหวูซื่อกำลังจะบ้าคลั่งเขาชี้ไปที่หน้าอกของกงซุนหวูซื่อและพูดแบบนั้นออกมา!
ผู้คนระเบิดเสียงหัวเราะกงซุนหวูซื่อยังคงมีร่างกายของเด็กสาว และอกของนางก็แบนราบราวกับทุ่งหญ้า!
เมื่อได้ฟังเช่นนี้แม่นางหลิงบินไปด้วยความแค้น กงซุนหวูซื่อร้องดังกว่าเดิม
“อ๊าา!เจ้าต้องตาย! กล้าดียังไงมาพูดเรื่องหน้าอกข้า? ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”
กงซุนหวูซื่อตะโกนทั้งน้ำตาอกเล็กๆของนางมักจะเป็นปมด้อยของนางอยู่เสมอ นางอ่อนไหวกับเรื่องนี้มากอยู่แล้ว
ถึงนางจะแก่นแก้วและชอบเล่นตลกกับผู้คนนางก็มักจะปฏิบัติกับผู้คนอย่างดีด้วยเช่นกัน แม้ซือหยูจะก่อเรื่องให้นางถึงสองครั้ง นางก็ยังแอบช่วยเขา
ครั้งแรกคือตอนทดสอบประจำฤดูตอนที่เฉาฉิงเฟิงชี้ให้ตรวจสอบร่างกายของซือหยูโดยเจ้าตำหนักนอก นางได้ขอให้ผู้เฒ่าหลานหยุดมัน ซือหยูจึงผ่านวิกฤติมาได้ ครั้งที่สองคือตอนที่ป้าหลิงของนางไปหาเขา กงซุนหวูซื่อบอกให้นางไม่หาเรื่องเขาเพราะทั้งคู่มาจากเขาอสูรเหมือนกัน
ทั้งสองมิได้มีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและซือหยูก็ดับร่างเงาบนขั้นห้าสิบของนางไป ซึ่งนั่นคือการทำลายแผนการของนาง แต่นางก็แค่ไม่สนใจเพราะคิดว่านางกับเขามาจากเขาอสูร
เพราะเรื่องนี้นางจึวไม่เคยทะเลาะกับเขา นางกลับช่วยเขาถึงสองครั้งสองครา! บอกได้เลยว่านางใจดีกว่าที่ซือหยูสมควรได้รับไปมาก
นี่จึงเป็นเหตุให้นางตกใจที่เขาจะตอบแทนน้ำใจนางด้วยความชั่วช้าและทำแบบนี้กับนางต่อหน้าทุกคน!กงซุนหวูซื่อรู้สึกขยะแขยงและชิงชังซือหยูเป็นครั้งแรก
ซือหยูเงยหน้าอย่างภูมิใจราวกับว่าเขาไม่หวาดกลัวสายตาของผู้ใดเลยนั่นทำให้พวกนางโกรธแค้นยิ่งกว่าเดิม
เสี่ยวเหยาคิดว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้วเขาจึงเหลือบมองคนของเขาเพื่อสั่งให้พวกเขารีบไปปกป้องซือหยู
กงซุนหวูซื่อกำหมัดด้วยใบหน้าเคร่งเครียดที่มักจะไม่ปรากฏบนใบหน้านางความโกรธแค้นของนางหายไปโดยส่วนมาก นางใจเย็นลงช้าๆ
“ไร้เหตุผลนัก…”
หลังจากพูดจบนางก็หันกลับและเดินผ่านผู้คนใด
“ทำไมเจ้าไม่แก้แค้นเล่า?ต่อให้เสี่ยวเหยาจะขวางเรา ข้าก็มั่นใจว่ามันต้องชดใช้!”
แม่นางหลิงถามอย่างเยือกเย็น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+