The Divine Nine Dragon Cauldron 465

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 465 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซือหยูส่ายหน้าอย่างเยือกเย็น

 

“ชีวิตเจ้าอยู่ในมือข้า ไม่ต้องพูดถึงสมบัติเจ้าเลย! ช่างเถอะ ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตั้งแต่ตอนนี้ เจ้าจะได้ไม่เป็นปัญหาอีก ข้าจะคิดหาทางจัดการกับสมบัติของเจ้าทีหลัง”

 

เมื่อเห็นว่าซือหยูกำลังจะลงมืออีกครั้ง ดวงตาของชายหนุ่มผมขาวสั่นระริก

 

“เดี๋ยวสิ! ข้าจะให้เจ้า แต่เจ้าต้องสัญญาว่าจะไม่ฆ่าข้า!”

 

ซือหยูหยุดคิดและพยักหน้าอย่างไม่แสแย

 

“ย่อมได้ แต่ถ้าเจ้าคิดจะทำอะไรแผลงๆ ข้าจะไม่ปรานี”

 

“เจ้ารักษาสัญญาก็ดีแล้ว! ข้าแค่อยากมีชีวิตรอดเท่านั้น!”

 

ชายหนุ่มผมขาวไม่พอใจอย่างมาก เขาหยิบเอาร่มวิเศษสุริยาม่วงออกมา โลหิตซึมออกมาจากสมบัติชิ้นนั้น

 

ร่มวิเศษสุริยาม่วงส่งเสียงร้องและกลับมาในสถานะไร้ผู้ถือครอง ชายหนุ่มผมขาวยกมือโยนมันให้กับซือหยู

 

ซือหยูตาลุกวาว เขาไม่รับร่มในทันที เขากลับสะบัดมือปัดร่มไปอีกทางในระยะพันศอก

 

ชายหนุ่มผมขาวชักสีหน้า

 

“ทำอะไรของเจ้า?”

 

ซือหยูตอบกลับด้วยสายตาเยือกเย็น

 

“เจ้า! มัน! รน! หา! ที่! ตาย!”

 

ซือหยูสะบัดดัชนีอีกครั้ง พลังวิญญาณพุ่งใส่ร่มวิเศษที่อยู่ห่างออกไปพันลี้ ชั้นของเหลวสีดำพุ่งออกมาจากภายในร่มวิเศษ

 

มันคือน้ำพิษที่น่ากลัว! เมื่อมันออกมา ทุ่งหญ้าในระยะหลายหมื่นศอกได้กลายเป็นสีดำสนิทในทันที! ทุ่งหญ้าเขียวขจีถูกกัดกร่อนไปอย่างรวดเร็ว มันกลายเป็นของเหนวหนืดๆสีดำ

 

ส่วนบนพื้นที่อยู่ล่างร่มวิเศษนั้นเกิดหลุมยักษ์จากการกัดกร่อน! ด้วยพิษที่รุนแรงเช่นนี้ ถ้าซือหยูสัมผัสมันด้วยมือ เขาก็คงจะกลายเป็นก้อนเนื้อในไม่นาน!

 

เมื่อชายหนุ่มผมขาวถอนร่องรอยของตนในร่ม เขาก็แอบใส่หยดพิษลงในร่มวิเศษสุริยาม่วงเข้าไปพร้อมกัน เขาคิดว่าไม่มีใครรู้ว่าเขาทำอะไร แต่เขาไม่รู้เลยว่าเนตรวิญญาณนั้นมองได้ทุกสิ่ง การกระทำเล็กน้อยใดๆก็มิอาจรอดพ้นสายตาของซือหยู

 

ชายหนุ่มผมขาวหน้าซีดเผือด เขารีบถอยไปอย่างรวดเร็ว เขาตะโกนเสียงดัง

 

“ให้โอกาสข้าอีกครั้งเถอะ ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว…”

 

“ข้าให้โอกาสเจ้าไปแล้ว!!”

 

ใบหน้าซือหยูเยือกเย็นราวน้ำแข็ง เขาประสานมือ กระบวนท่าเก้าหยินหยางถูกใช้อย่างสมบูรณ์

 

แสงเงาเติมเต็มนภาเป็นดั่งแหยักษ์ที่ไร้ช่องโหว่

 

ฟึ่บ–

 

ชายหนุ่มผมขาวถูกเฉือนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ซือหยูยกมือยิงลูกไฟเผาร่างของเขาจนเป็นเถ้าถ่าน

 

จากนั้นเขาก็ใช้ไฟเผาร่มวิเศษสุริยาม่วงเพื่อเผาพิษที่หลงเหลือจนหมดสิ้น จากนั้นเขาก็รับมันมาไว้ในมือ

 

พร้อมกันนั้นซือหยูยังเรียกเรือบินเทวะออกมาและวางกังต้าเหล่ยกับฉินจิวหยางไว้ภายใน จากนั้นเขาก็ควบคุมเรือบินเตรียมจะบินขึ้นฟ้าอย่างไม่ลังเล

 

แต่ในตอนนั้นเองก็มีรังสีพลังอันน่ากลัวพุ่งเข้ามาจากระยะไกล พลังนั้นแข็งแกร่งจนเทียบได้กับพลังของทูตพันธนาการภูติ ซือหยูเห็นศีรษะที่มีเส้นผมสีโลหิต!

 

ซื่อหลิงที่เป็นหัวหน้ากลุ่มของคนที่เขากำลังต่อสู้นั้นกำลังแบกหญิงสาวไร้สติเข้ามา นางคือยู่จางที่สามารถรับมือกับพลังของภูติได้!

 

แม้แต่คนที่แข็งแกร่งเช่นนางก็พ่ายแพ้เพราะซื่อหลิงจนไม่รู้ว่านางเป็นหรือตาย! และซื่อหลิงในตอนนี้ยังโกรธแค้นเป็นอย่างมาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารไร้ขอบเขต เขาบินเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง

 

พรึ่บ–

 

เขามาถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว เขามองไปที่พื้นและพบกับโครงกระดูกที่เพิ่งจะถูกเผา และยังเรือบินที่มีซือหยูอยู่ภายใน ตาของเขาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า

 

“เจ้าฆ่าซื่อหยาง!”

 

ซื่อหลิงร้องคำราม ดวงตาซีดของเขาจ้องมองซือหยูราวกับจะกลืนกิน!

 

ซือหยูเย็นจนตัวสั่น ความรู้สึกที่ได้จากซื่อหลิงนั้นแตกต่างจากคนอื่นโดยสิ้นเชิง! ซือหยูมองตาเขาและตัวสั่นด้วยความกลัว ราวกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตน่ากลัวที่ไม่ได้เป็นมนุษย์

 

ฮึก—

 

ในตอนนั้นเอง กังต้าเหล่ยกับฉินจิวหยางร่างกระตุกขึ้นมา นั่นเป็นเพราะชายหนุ่มผมขาวที่ตายไปจึงทำให้ทั้งสองฟื้นตัวจากพลังที่กัดกิน

 

พวกเขามองดูรอบๆด้วยความสับสน แม้ว่าชายหนุ่มผมขาวจะตายไปแล้ว ซื่อหลิงที่แข็งแกร่งมากก็ปรากฏตัวขึ้นเผชิญหน้ากับซือหยูจากระยะไกล

 

พวกเขารีบลุกขึ้นและใบหน้าเคร่งเครียดอย่างมาก

 

“น้องหิมะทมิฬ ชายผมขาวไปไหนแล้วเล่า?”

 

กังต้าเหล่ยมองดูรอบๆด้วยความระวัง วิชาลับของชายหนุ่มผมขาวนั้นแปลกและไร้เหตุผลอย่างมาก มันทำให้คนหมดสติไปอย่างลึกล้ำยากที่จะตื่น

 

และการรับมือกับซื่อหลิงผู้นี้ก็อันตรายมากอยู่แล้ว ถ้าชายหนุ่มผมขาวแอบซ่อนตัวอยู่ มันจะอันตรายอีกแค่ไหนกัน?

 

ซือหยูสีหน้าเคร่งเครียดอย่างมาก เนตรวิญญาณของเขาจับจ้องไปที่ซื่อหลิง เขาไม่กล้าจะละสายตาแม้แต่ครั้งเดียว

 

“มันถูกฆ่าไปแล้ว”

 

อะไรนะ? ถูกฆ่าไปแล้วรึ?

 

กังต้าเหล่ยกับฉินจิวหยางอ้าปากค้าง ดูจากคนที่นี่ คนที่จะสังหารชายหนุ่มผมขาวได้ก็มีแต่ซือหยูเท่านั้น!

 

ก่อนที่พวกเขาจะหมดสติ พวกเขาเห็นว่าชายหนุ่มผมขาวนั้นอ่อนแอกว่าเดิมไปมากเมื่อใช้วิชาลับ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนธรรมดาจะสังหารเขาได้!

 

ซือหยูซุกซ่อนพลังไว้อีกเท่าใดกัน? ซือหยูตาลุกวาว เขาวางมือลงบนเรือบินเทวะ เขาบังคับเรือให้บินหนี

 

ซือหยูใช้ความเร็วจนถึงจุดสูงสุด ความเร็วของมันเทียบได้กับขอบเขตภูติ แต่ที่แปลกก็คือเรือรบนั้นกลับหัวบินกลับไปอีกครั้ง!

 

มันหลุดการควบคุม! ไม่สิ มีคนอื่นกำลังควบคุมมัน!

 

“โลหิตข้าก็อยู่ในเรือนั่น!”

 

ซื่อหลิงพุ่งเข้าไป เสียงของเขาราวกับดังก้องมาจากนรก

 

กังต้าเหล่ยสีหน้าเคร่งเครียด

 

“เราต้องออกไปเท่านั้น เราเอาตัวรอดจากทูตพันธนาการภูติมาได้ เราจะตายด้วยมือของมันอีกงั้นเรอะ?”

 

ซือหยูชักสีหน้า เขาปรบมือเปลี่ยนเรือบินเทวะให้มีขนาดเล็กและเก็บมันเอาไว้ในคันฉ่องจักรวาลเพื่อป้องกันไม่ให้ซื่อหลิงได้ควบคุมเรืออีก

 

“เอาเลย!”

 

ฉินจิวหยางใช้คำสาปเชื่อมต่อซื่อหลิงกับเขา

 

ฉินจิวหยางกัดฟันเมื่อสัมผัสได้ว่าศัตรูนั้นแข็งแกร่งอย่างผิดปกติ

 

“ข้าจะถ่วงเวลามัน เจ้าสองคนโจมตีด้วยทุกสิ่งที่มีซะ!”

 

ฉินจิวหยางใช้มือหนึ่งข้างสร้างผนึกพลังและในมืออีกข้างดึงปิ่นปักผมออกมา เขาใช้ปิ่นเจาะที่เท้าของตัวเองอย่างโหดร้าย

 

ร่างกายของซื่อหลิงที่กำลังพุ่งเข้ามาหยุดลงในทันที ขาขวาของเขาราวกับถูกปักติดไว้กับพื้นและขยับไม่ได้ เขาเห็นกังต้าเหล่ยกำลังคำรามด้วยความโกรธแค้น เสียงคำรามนั้นมาจากสายโลหิตมังกรที่ดูไม่ใช่เสียงของมนุษย์เลย

 

ร่างกายใหญ่ยักษ์ปะทะกับซื่อหลิงอย่างจัง ซือหยูเรียกร่างเทียมออกมาปล่อยการโจมตีจากต้นกำเนิดทั้งสองธาตุ

 

การโจมตีจากกังต้าเหล่ยและซือหยูเกิดขึ้นพร้อมกันโดยมุ่งเป้าไปยังซื่อหลิงที่มิอาจขยับตัวได้แม้แต่น้อย!

 

เขาไม่แม้แต่จะใช้พลังวิญญาณปกป้องตัวเองได้ เพียงแค่ร่างกายที่มี…เขาจะรับการโจมตีอันน่ากลัวจากคนสองคนได้รึ?

 

ปั้ง–

 

แต่สีหน้าซือหยูก็เปลี่ยนไปมาก ทั้งการโจมตีของเขากับกังต้าเหล่ยนั้นไม่ต่างอะไรกับหมัดของคนธรรมดาที่ชกใส่แผ่นเหล็ก การโจมตีของพวกเขาทำได้แค่ทำลายเสื้อผ้าและทำให้เกิดหยาบโลหิตเล็กน้อยบนชั้นผิวเขาเท่านั้น!

 

จากนั้นยู่จางก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นรุนแรง นางคืนสติตื่นขึ้นมา จากนั้นนางก็รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางตะโกนร้องด้วยความกลัว

 

“หนีเร็ว!! ร่างกายเขาอยู่ในระดับของขอบเขตภูติ!”

 

“หึหึหึหึ…”

 

ซื่อหลิงหัวเราะเบาๆ

 

เสียงหัวเราะนั้นทรงพลังและเยือกเย็น

 

“รู้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว!”

ร่างของซื่อหลิงที่ถูกแช่แข็งสั่นสะเทือน!

 

อั่ก–

 

ฉินจิวหยางต้องรับการโจมตีที่ตามมา เอากระอักเลือดออกมา นิ้วนางของเขาหักดังลั่น เขาตัวสั่นอย่างรุนแรง ซือหยูกับกังต้าเหล่ยกระเด็นไปดั่งก้อนหิน พวกเขากระแทกกับพื้นที่ห่างออกไปหลายพันศอก

 

ซือหยูตกตะลึง ร่างกายของขอบเขตภูติ!

 

“แยกกันหนี!”

 

ซือหยูตะโกนอย่างรวดเร็ว เป็นไปไม่ได้เลยที่การโจมตีของพวกเขาจะมีผลกับขอบเขตภูติ และคนที่ซื่อหลิงอยากจะไล่ตามก็คือซือหยู!

 

ถ้าพวกเขาหนีไปทั้งอย่างนี้ กังต้าเหล่ยกับฉินจิวหยางก็อาจจะหนีได้สำเร็จ ทั้งสามพุ่งไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน

 

แต่ซื่อหลิงนั้นหัวเราะอย่างชั่วร้าย เขายิ้มจนเผยให้เห็นฟันขาวที่เรียงกันอย่างงดงาม เขาไล่ล่าฉินจิวหยางเป็นคนแรก!

 

ทุกคนอ้าปากค้าง ฉินจิวหยางที่หนีไปไกลหมื่นศอกเพียงเห็นบางสิ่งที่เลือนลางจากด้านหน้า เขาแทบจะไม่เห็นเงาเส้นผมสีแดงที่ปรากฏและหายลับไปในเวลาต่อมา จากนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างมากที่ลำตัว

 

พละกำลังที่น่ากลัวทำให้เขากระเด็นออกไป! กังต้าเหล่ยนั้นหันกลับไปมองด้วยความตกตะลึง

 

“ตอนที่เจ้าหนี เจ้ายังมีเวลาหันไปมองดูอีกเรอะ?”

 

จู่ๆกังต้าเหล่ยก็ได้ยินเสียงของอีกฝ่าย!

 

ซื่อหลิงที่เห็นว่ายังอยู่หน้าฉินจิวหยางนั้นกลับปรากฏตัวที่หน้ากังต้าเหล่ย หมัดใหญ่พุ่งเข้ามา

 

กังต้าเหล่ยกระเด็นออกไปเหมือนกับกระสุนปืนใหญ่!

 

ปั้ง–

 

ฉินจิวหยางกับต้าเหล่ยกระเด็นพร้อมกัน พวกเขาปะทะกันเองอย่างรุนแรง ส่วนในจุดที่ปะทะกันก็คือจุดที่ทั้งคู่เริ่มหลบหนีก่อนหน้านี้!

 

ซือหยูหันไปมองสิ่งที่เกิดขึ้นและอ้าปากค้าง! เขาเห็นร่างของซื่อหลิงปรากฏต่อหน้าฉินจิวหยางกับกังต้าเหล่ยแทบจะพร้อมกัน และทั้งสองก็ยังกระเด็นกลับมายังตำแหน่งเดิม!

 

นั่นไม่ใช่เพราะซื่อหลิงชำนาญในวิชาร่างเทียม แต่นั่นเป็นเพราะว่าเขาเร็วเกินไป! เขาไปหาฉินจิวหยางก่อนและซัดลูกเตะ จากนั้นเขาจึงพุ่งไปที่หน้ากังต้าเหล่ยอย่างรวดเร็ว! การเคลื่อนไหวเหนือมนุษย์เช่นนี้ทำให้ซือหยูหวาดกลัวและอัศจรรย์ใจ!

 

ซื่อหลิงยิ้มเยาะ เขามองซือหยูอย่างเย็นชา

 

“ต่อไปก็เป็นเจ้า!”

 

ร่างของเขาหายไปทันที! ซือหยูตัวสั่น เขาใช้เนตรวิญญาณเพื่อมองดูรอบๆ

 

เขามองเห็นทุกสิ่งด้วยเนตรวิญญาณ คลื่นอากาศที่บิดเบี้ยวกับเงาปรากฏขึ้นมา เนตรวิญญาณนั้นมองผ่านทุกสิ่งอยู่เสมอ แต่ในครั้งนี้เขากลับมองเห็นแต่เพียงอากาศที่บิดเบี้ยวและไม่เห็นร่างกายของอีกฝ่าย

 

ความเร็วของซื่อหลิงน่ากลัวเกินไป มันเหนือจินตนาการของเขา! เพียงพริบตาเงาร่างนั้นก็ตามทันซือหยู หมัดใหญ่ที่มีพลังอันน่าตกใจปะทะกับร่างกายของเขา

 

ปั้ง–

 

หมัดปะทะกับเกราะราชาศิลานิรันดร์ เสียงดังลั่นดังขึ้นมา ซือหยูกระเด็นไปราวกับกระสุนปืนใหญ่

 

แต่เมื่อเขากระเด็น มีดเล่มหนึ่งก็พุ่งออกมาแทงซื่อหลิงอย่างป่าเถื่อน ซื่อหยิงไม่คิดเลยว่าซือหยูจะเห็นเส้นทางของเขาได้อย่างชัดเจน เขาจึงไม่ทันระวัง เขาถูกแทงด้วยมีดเกล็ดทองคำ

 

แกร๊ง แกร๊ง–

 

แต่มีดเกล็ดของคำที่เป็นสมบัติเทพอันคมกริบกลับทำได้แค่สร้างสะเก็ดไฟบนร่างของอีกฝ่าย! ซือหยูแอบเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจ ร่างกายของขอบเขตภูติมันน่ากลัวเพียงใดกัน?

 

ซื่อหลิงนั้นฉาบใบหน้าด้วยจิตสังหารที่ลึกล้ำยิ่งกว่าเดิม เขาพุ่งเข้าใส่ซือหยูที่กำลังกระเด็นจากนั้นจึงใช้สันมือแทนคมมีดซัดใส่ซือหยู ด้วยร่างกายของภูติ ซือหยูต้องตายในทันทีอย่างแน่นอน!

 

ซือหยูตาเป็นประกาย เขาขยับมือและก็มีสายฟ้าอันน่ากลัวออกมาจากคันฉ่องจักรวาล เขาจะออมมือไม่ได้อีกแล้ว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด