The Divine Nine Dragon Cauldron 495

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 495 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ดวงตาของพวกซือหยูสั่นระริก เขาเห็นมนุษย์ที่ห่มกายด้วยหมอกโลหิตค่อยๆเดินมาช้าๆ!

 

เขาคือชายหนุ่มในชุดสีเงิน เขามีเส้นผมยาวสีแดงฉานที่พัดปลิวไปมา ดวงตา จมูก ปาก และใบหูทั้งสองดูเหมือนจะถูกสลักมาจากคมมีด เขาตัวสูงกว่าคนทั่วไป ร่างกายแผ่พลังที่อันตรายออกมา

 

ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือไม่มีสัญญาณชีพออกมาจากตัวเขาเลย! ดวงตาโลหิตของเขาคมกริบอย่างไม่เหมือนผู้ใด

 

ลู่จือยี่แปลกใจและสับสน

 

“หุ่นเชิดรึ?”

 

ชายผมสีเงินต่อหน้าพวกเขาคือ…หุ่นเชิดงั้นรึ?

 

หุ่นเชิดสีเงินที่ดูเหมือนจริงผู้ยิ้มเยาะมองดูทุกคนตรงหน้า จากนั้นก็พูดด้วยความขบขัน

 

“น่าสนใจ สองคนจากตระกูลกุย จ้าวเทวะอีกหนึ่ง แล้วก็…ฮ่าๆๆๆ เจอกันอีกแล้ว หนูน้อย”

 

เขามองไปที่ซือหยู!

 

ซือหยูตกตะลึง พวกเขาเคยพบกันตั้งแต่เมื่อไหร่?

 

“อะไรกัน? เจ้าลืมไปแล้วรึว่าหนีออกมาจากท้องข้าน่ะ?”

 

เขาหัวเราะเยาะ

 

ซือหยูตัวสั่น

 

“เจ้าคือ…ทุ่งหญ้าซากศพ…”

 

หรือว่าหุ่นเชิดนี้จะเป็นสัตว์ประหลาดจากทุ่งหญ้าซากศพจริงๆ?

 

“จำได้แล้วสินะ…”

 

เขายืนมือไพล่หลัง

 

“เช่นนั้นก็ง่ายขึ้นกับข้า สิ่งที่เจ้าเอาไป จงคืนมันมาให้ข้า”

 

ของของเขา? มุกวิญญาณเก้าหยก!

 

ในตอนนั้น เวทยักย้ายสั่นสะเทือน มันถูกใช้งานแล้ว ถ้ากระโดดเข้าไปในเวท พวกเขาจะถูกย้ายไปที่ชั้นแปดของกระโจมเทพทันที

 

“ยู่จาง เว่ยกัง พวกเจ้าสองคนไปก่อน!”

 

ลู่จือยี่บอกทั้งสองคน นางถือไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ไว้ในมือ นางจ้องมองมีดของหุ่นเชิด หลังจากที่หยุดพูดไปชั่วครู่ เสียงของนางดูอ่อนโยนขึ้น

 

“หนุ่มน้อย เจ้าก็ไปด้วย ข้าจะถ่วงเวลาเอง”

 

คำพูดสุดท้ายนั้นพูดกับซือหยูเพราะนางยังไม่รู้จักชื่อของเขา

 

ซือหยูลังเลก่อนจะค่อยๆถอยไปหาเวทยักย้าย

 

“ถนอมตัวด้วย อย่าฝืนตัวเองล่ะ”

 

ไป่ฉีกับอีกสองคนยืนหลังลู่จือยี่

 

“ฮ่าๆๆ…!”

 

หุ่นเชิดหัวเราะ

 

“เจ้าคิดว่าจะหนีไปโดยที่ข้าไม่ยอมได้รึ?”

 

หุ่นเชิดผายมือ ทะเลโลหิตทอดยาวล้านลี้กลายเป็นแม่น้ำเชียวกราก แม่น้ำนั้นหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของหุ่นเชิดอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายของเขาราวกับหลุมไร้ขอบเขต แค่เพียงสามอึดใจ ทะเลโลหิตที่ทอดยาวล้านลี้นั้นก็ถูกดูดกลืนเข้าสู่ร่างของเขา

 

ผืนธรณีแลนภาหวนคืนสู่ภาวะปกติ สถานที่ที่ทะเลโลหิตไหลผ่านล้วนผุพังแห้งแล้ง ทุกชีวิตในระยะถูกดูดกลืนไปจนหมด

 

หุ่นเชิดสีหน้าพอใจ

 

“ในที่สุดข้าก็ได้ส่วนหนึ่งของพลังคืนมาแล้ว ถึงพลังจากพวกยาชูกำลังจะธรรมดา แต่มันก็มีอยู่มากทีเดียว”

 

ร่างกายของเขามีพลังไร้เทียมทาน นี่คือขั้นต่อมาของขอบเขตภูติ!

 

ลู่จือยี่สีหน้าหม่นหมองแต่นางก็แกว่งมืออย่างไม่ลังเล แสงสีท่องสาดส่องนภาซัดเข้าใส่หุ่นเชิด แต่เขาก็ยังคงยิ้มอย่างไร้กังวล มือนั้นยังคงไพล่หลังอยู่ตามเดิม

 

แกร๊ง แกร๊ง—

 

เมื่อแสงสีทองปะทะกับเขา เสื้อผ้าสีเงินในร่างกายขยับเล็กน้อยและแสงสีทองก็ถูกสะท้อนออกไป!

 

“ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์รึ?”

 

“ไผ่นี่สูญหายไปแล้วตั้งแต่ยุคของข้า ตกใจจริงๆที่ได้เห็นมันอีก แต่ก็น่าเสียดาย ถ้าเจ้าใช้ไผ่เทวะนี้ในสภาพที่เจ้ามีพลังเต็มที่ข้าก็อาจจะต้องกลัวอยู่บ้าง แต่ในตอนนี้น่ะรึ…”

 

ลู่จือยี่ใจหาย พลังนั้นทำอะไรกับเสื้อผ้าเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ! ชุดสีเงินของหุ่นเชิดนั้นแปลกประหลาดอย่างมาก! การโจมตีเมื่อครู่เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดที่จะใช้ได้ในกระโจมเทพสวรรค์ แต่มันก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้เลย หุ่นเชิดนี้แข็งแกร่งเกินไปที่นางจะต่อกรได้ในสภาพนี้

 

“ทุกคน! หนีไปเร็ว!”

 

นางสั่ง

 

ทุกคนรวมถึงลู่จือยี่บินไปยังเวทยักย้าย แสงโลหิตจากเวทยักย้ายเปล่งประกายล้อมรอบพวกเขาทุกคน

 

ที่อีกด้านของเวทยักย้ายนั้นถูกทำลายไปแล้ว ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับโลหิตที่อยู่ในเวทยักย้ายห้าภูติเท่านั้นว่าจะส่งพวกเขาไปได้หรือไม่

 

หุ่นเชิดหัวเราะเหยียดหยาม

 

“ก็อยากที่ข้าบอก ถ้าพวกเจ้าคิดจะหนี พวกเจ้าก็ต้องผ่านข้าไปก่อน!”

 

ทันใดนั้นก็มีด้ายโลหิตหลายล้านเส้นออกมาจากร่างและก่อตัวเป็นอสรพิษยาวเข้ากระแทกกับเวทยักย้ายเสียงดัง

 

ลู่จือยี่เบิกตากว้าง นางใช้วิชาลับอย่างต่อเนื่องไปสี่ครั้ง และมันกำลังจะถึงขีดจำกัดของนาง แต่นางไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ฝืนใช้วิชาลับอีกครั้ง!

 

ลู่จือยี่ฝืนใช้พลัง แสงสีทองเปล่งประกาย ร่างกายของนางถึงขีดจำกัดแล้ว!

 

แสงสีทองซัดใส่อสรพิษตัวยาว!

 

ฟึ่บ–

 

อสรพิษขาดท่อน ด้ายโลหิตถูกทำลายไม่เหลือสิ่งใด แต่เมื่อผ่าอสรพิษได้ครึ่งทาง แสงสีทองก็ถูกสะท้อนออกไป แสงสีเงินเปล่งประกายจากด้ายโลหิตเพื่อก่อตัวอสรพิษขึ้นใหม่จากด้ายสีเงิน!

 

ด้ายโลหิตนั้นเป็นเพียงเปลือกนอกของอสรพิษ ภายในของมันทำจากด้ายสีเงิน! อสรพิษสีเงินขู่ด้วยความตกใจ แต่มันก็ยังพุ่งเข้ามาอีก!

 

ปั้ง–

 

ลู่จือยี่กระเด็นออกไป นางกระอักเลือดออกมาอย่างน่ากลัว

 

นางฝืนใช้วิชาลับติดต่อกันห้าครั้ง ร่างกายของนางอ่อนแออย่างมาก ด้วยการโจมตีเช่นนี้ ดวงตาของนางมืดบอด นางเกือบจะหมดสติไปแล้ว!

 

ซือหยูขมวดคิ้ว เขาออกแรงที่ปลายเท้าเพื่อบินขึ้นรับร่างของลู่จือยี่ แต่เมื่อเขาลงมือก็มีอีกคนทำตามเช่นกัน เขาคือเว่ยกังผู้เป็นผู้เป็นหลานชายของลู่จือยี่

 

ด้วยมุมการเคลื่อนไหว ซือหยูรับลู่จือยี่ได้ก่อนขณะที่เว่ยกังคว้าน้ำเหลว เมื่อเขาเห็นลู่จือยี่ในอ้อมแขนซือหยูก็โกรธแค้นขึ้นมาเล็กน้อย แต่ในตอนนั้นอสรพิษสีเงินก็จู่โจมเข้ามาอีก!

 

ทุกคนในเวทยักย้ายกระเด็นลอยออกไป เวทนั้นพังทลายไปครึ่งส่วนพร้อมกับแรงสั่นสะเทือน!

 

เมื่อทุกคนตั้งตัวได้ก็มองเวทที่ถูกทำลาย ความหวังเดียวในการหลบหนีของพวกเขาจากไปแล้ว!

 

ดวงตาของลู่จือยี่แทบจะหลุดออกจากเบ้าเมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น

 

“ไม่นะ!”

 

นางตะโกน ราวกับว่านางตกใจอย่างหนัก นางสิ้นสติไปทั้งอย่างนั้น

 

เพื่อที่จะใช้เวทยักย้าย นางไม่ลังเลที่จะยอมเจ็บตัว นางเกือบจะทำสำเร็จอยู่แล้ว แต่ในท้ายสุดนางก็ล้มเหลว!

 

ทุกคนเงียบกริบ เมื่อไม่มีเวทยักย้าย สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็มีแต่การถูกหุ่นเชิดสังหาร ความสิ้นหวังปกคลุมจิตใจ

 

หุ่นเชิดหัวเราะออกมา

 

“มีเกียรติแล้วกับการที่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของข้า…พวกเจ้าจะตายอย่างเป็นอิสระจากความโศกเศร้า…”

 

แต่ในตอนนั้นเองหุ่นเชิดก็ขมวดคิ้วเมื่อมองดูซือหยู

 

“ทำอะไรของเจ้า?”

 

ชั้นโลหิตปรากฏบนผิวร่างของซือหยู พลังอันชั่วร้ายค่อยๆปะทุออกมา นี่คือสายเลือดปีศาจของซือหยู!

 

และที่ใต้เท้าของพวกเขาที่เป็นเวทที่ถูกทำลาย มันหมุนวนอย่างต่อเนื่องจนเกิดวายุเล็กๆเมื่อสายโลหิตปีศาจปรากฏออกมา และพลังมิติก็เอ่อล้นออกมาจากตรงกลางด้วย ซือหยูแบกลู่จือยี่กระโดดเข้าไปยังวายุนั้นอย่างไม่ลังเล

 

ร่างของเขาหายไป และพลังของเขาก็หายไปจากชั้นเจ็ดของกระโจมเทพ!

 

พลังสายโลหิตปีศาจส่วนเล็กๆได้หลอมรวมกับโลหิตของคนตายที่ซือหยูเห็นโซ่ทมิฬในครั้งแรก เขาตั้งใจจะเฝ้าระวังไว้ล่วงหน้าโดยการทำลายเวทยักย้ายถ้าเขาต้องการ เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์จะลงเอยเช่นนี้ ในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด เขาได้ส่งพลังสายโลหิตปีศาจเข้าไป!

 

แม้ว่าเวทจะถูกทำลาย มันก็ทำงานได้สำเร็จ เส้นทางมิติเปิดออก ส่วนสายโลหิตปีศาจก็ผสมอยู่กับเส้นทางมิติในความควบคุมของเขา เขาเผยตำแหน่งที่เส้นทางจะพาไปได้ในที่สุด

 

หลังจากที่ได้สติ โจวฉีหมิงกับคนที่เหลือดีใจและหนีไปยังวายุตามซือหยู

 

กว่าที่หุ่นเชิดจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนก็เข้าไปในวายุมิติแล้ว จิตสังหารบนใบหน้าของเขาปะปนกับความโกรธแค้นอย่างบ้าคลั่ง

 

“บัดซบ…”

 

“เจ้าทำลายแผนการใหญ่ของข้า!”

 

เขาไม่คิดว่าซือหยูจะยังมีวิชาลับซุกซ่อนอยู่อีก! เมื่อเห็นว่าเส้นทางมิติกำลังจะปิด หุ่นเชิดก็กระโดดเข้าไปในนั้นอย่างไม่ลังเลเช่นกัน

 

******

 

ฟ้าดินหมุนวน ซือหยูรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่ใต้เท้า

 

เขารีบปล่อยพลังวิญญาณออกมาแต่พลังวิญญาณทั้งหมดในร่างกายเขาก็หายไปจนหมด เขาไม่เหลือพลังวิญญาณแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว! เมื่อเขาลืมตาก็พบว่าเขาอยู่บนท้องฟ้า หิมะขาวล่องลอย เขากำลังร่วงหล่นไปเบื้องล่าง เขาอยู่สูงกว่าพื้นดินมากกว่าแสนศอก!

 

การตกลงไปที่ความสูงระดับนี้จะทำให้เขาตายอย่างแน่นอน แต่ปัญหาก็คือเขาเองก็กำลังแบกร่างของผู้หญิงไร้สติอยู่ด้วย! ด้วยน้ำหนักของทั้งสองรวมกัน พวกเขายิ่งตกลงสู่เบื้องล่างด้วยความเร็วที่มากยิ่งกว่าเดิม!

 

ซือหยูอยากจะนำสมบัติจากแหวนมิติออกมาแต่ก็พบว่าแหวนมิติหายไป! เขามองดูแขนตัวเองและยังพบอีกว่ามุกวิญญาณเก้าหยกก็หายไปด้วย!

 

เขาร้อนใจอย่างมาก มันเกิดอะไรขึ้น? เขาเพียงแค่ใช้เวทยักย้ายไม่ผิดแน่ แล้วทำไมพลังวิญญาณกับสิ่งของของเขาทั้งหมดถึงหายไปเล่า? เขากำลังตกอยู่ในอันตราย!

 

เมื่อเห็นว่าพื้นดินใกล้เข้ามาทุกทีๆ เขาจะจบลงตรงนี้ทั้งๆที่ผ่านอันตรายมามากมายงั้นรึ? เขาตกลงจากที่สูงและตายอย่างไร้เหตุผลน่ะรึ?

 

แต่เมื่อเขากำลังจะตกพื้น ความเร็วในการตกก็ช้าลงมาก มีพลังหนุนที่มองไม่เห็นมารับทั้งสองให้ค่อยๆตกลงช้าๆ

 

ซือหยูฟื้นคืนจากความตื่นตระหนก เขามองสิ่งรอบข้างทันที แต่ที่เขาพบก็มีเพียงแค่ทุ่งหิมะกว้างใหญ่ไพศาล! มีเกล็ดหิมะใหญ่และเยือกเย็นพัดปลิวตามลม และมันก็หนาวเย็นลึกจนถึงกระดูก

 

เขาเริ่มตัวสั่นเมื่อตั้งสติได้ เขาพบว่าแม้แต่ร่างกายตัวเองก็ตกไปอยู่ในสภาพของคนปกติธรรมดา! เขาเริ่มอ่อนแอลงจากความเหนื่อยล้าเพียงเพราะแค่แบกลู่จือยี่

 

ยังพอทนได้หากฐานพลังกับสมบัติของเขาหายไป แต่แม้กระทั่งร่างกายของเขาก็กลับกลายเป็นคนธรรมดา เขาไม่รู้เลยว่ากำลังเจอกบัอะไร ลู่จือยี่ในอ้อมแขนตัวสั่นระริก ริมฝีปากของนางขาดสีของโลหิตไป นางคว้าชุดของซือหยูแน่นโดยที่ยังไม่ได้สติ ร่างกายของนางกลับกลายเป็นแบบคนธรรมดาเช่นเดียวกัน! สถานที่นี้มันอะไรกันแน่ถึงได้ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพนี้?

 

แต่เขาไม่มีเวลาจะที่จะสงสัยได้ในตอนนี้ ความหนาวเย็นถึงกระดูกกำลังลดความร้อนในร่างกาย ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาจะแข็งตายในดินแดนหิมะแห่งนี้

 

ซือหยูมองรอบๆและเห็นกระท่อมกลางพายุหิมะ เขารีบเดินไปโดยแบกลู่จือยี่ไว้ในอ้อมแขน กระท่อมนั้นดูเหมือนจะถูกทิ้งร้างไว้นานแล้ว แต่มันก็ยังเป็นที่หลบภัยจากพายุหิมะได้

 

ซือหยูเข้าสู่กระท่อมและปิดประตูด้วยความดีใจ เขามองรอบๆและพบว่ากระท่อมมีโต๊ะหินและฟืนอยู่ด้วย ใกล้ๆนั้นมีหินสองก้อน…มันคือหินที่ใช้จุดไฟ!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด