The Divine Nine Dragon Cauldron 602

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 602 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ประโยคแรกของเซี่ยจิงหยูทำให้ความหวังของซือหยูถูกบดขยี้หายไป!

 

ในใจเขาหนาวสั่นขึ้นมาทันที ถ้ามีคนบอกว่าเซี่ยจิงหยูคือกายวิญญาณโบราณ ซือหยูก็จะไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย!

 

ระดับปัญญาเหนือมนุษย์ของนางเป็นที่สังเกตไม่ใช่เฉพาะกับซือหยู แต่เซี่ยจิงหยูเองก็รับรู้ได้ นางไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา!

 

“เจ้าน่ะรึ?”

 

จางซื่อเหลียนไม่เข้าใจ

 

“เจ้าจะล่อลวงความสนใจข้าเพื่อช่วยเขาสินะ?”

 

ความรู้สึกต่อซือหยูของเซี่ยจิงหยูนั้นเป็นที่รับรู้ดีแก่จางซื่อเหลียน

 

“ข้าจะเป็นกายวิญญาณโบราณหรือไม่เจ้าก็ทดสอบได้ง่ายๆ มิเช่นนั้นเจ้าคงไม่เข้าใกล้ข้ามาตลอด เจ้าไม่ได้สงสัยมาก่อนแล้วรึ?”

 

เซี่ยจิงหยูดูเยือกเย็น

 

ยากที่จะบอกว่านางที่เป็นอสูรเนรมิตรจะมายุ่งเกี่ยวกับคนธรรมดาๆอย่างเซี่ยจิงหยู ซ้ำยังเรียกนางว่าน้องสาวอีก ถึงเซี่ยจิงหยูจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ นางก็รู้ดีอยู่แก่ใจ

 

จางซื่อเหลียนหัวเราะ

 

“หึหึ ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้คิดร้าย ข้าแค่คิดว่าเจ้างดงามมาก ข้าอยากจะพาเจ้าไปหานายท่านของข้า ข้าเชื่อว่าเจ้าจะโชคดียิ่งนักในช่วงชีวิตนี้”

 

ไม่ยากที่จะบอกว่าน้ำเสียงของจางซื่อเหลียนไม่ได้พูดถึงโชคดีอย่างที่คนทั่วๆไปคิด ที่นางพูดถึงงก็คือความงามของเซี่ยจิงหยู ไม่มีทางเลยที่บอกว่านางจะพบชะตาแบบอื่น

 

“ปล่อยเขาไป ข้าจะไปกับเจ้า”

 

เซี่ยจิงหยูพูดอย่างใจเย็น

 

จางซื่อเหลียนตกใจ

 

“เพราะมนุษย์คนนึงเนี่ยนะ? มันคุ้มกันรึ?”

 

“ข้าเต็มใจเสี่ยง…”

 

นางตอบ

 

จางซื่อเหลียนส่ายหน้าเบาๆเมื่อมองเซี่ยจิงหยูอย่างลึกซึ้ง

 

“เขาเหนือกว่าคนทั่วไปก็จริง แต่โลกนี้กว้างใหญ่นัก ต่อหน้าคนที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์จริงๆ เขามันก็แค่มนุษย์ที่ไม่น่าจดจำ ถ้าเจ้าตามข้าไปเจอโลกที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ก็จะเข้าใจเองว่าข้าพูดถึงอะไร”

 

เซี่ยจิงหยูนิ่งเงียบ ดวงตางดงามสดใสยังคงมองซือหยู ในอดีต เมื่อซือหยูเป็นเด็กบ้านนอกและตกต่ำ นางได้แอบมีความรู้สึกอันอบอุ่นต่อเขา

 

นางชอบเขามิใช่เพราะสถานะหรือพลัง และไม่ใช่ว่าเขาจะโดดเด่นกับนางหรือไม่ แต่ทั้งหมดคือความรู้สึกห่วงหาอย่างเข้มข้นที่เติบโตในตัวนางในทุกวันที่ผ่านพ้น

 

ความทรงจำที่สลักอยู่ในหัวใจนางไม่มีวันเสื่อมคลาย นางชอบเขา และนี่เป็นสิ่งเดียวที่นางรู้

 

“ปล่อยเขา ข้าจะไปกับเจ้า”

 

เซี่ยจิงหยูกรีดเอาแก่นโลหิตออกมาจากระหว่างคิ้วและดีดไปหาจางซื่อเหลียน

 

“ข้ามีความงามที่เจ้าต้องการ มีร่างวิญญาณที่เจ้าปรารถนา เขาได้รับผลจากข้า นั่นจึงเป็นเหตุให้ชางก่วนชิงเอ๋อเข้าใจทุกอย่างผิด”

 

ตอนที่ความเข้าใจผิดเกิดขึ้น นางอยู่ใกล้กับซือหยูตลอดเวลา ทั้งคู่แบ่งปันกันแม้กระทั่งฎีกาสวรรค์

 

“ได้รับผลจากตัวเจ้ารึ?”

 

จางซื่อเหลียนส่ายหน้าเบาๆ เซี่ยจิงหยูพยายามจะปกป้องเขา นางเข้าใจดี แต่นางก็หยดแก่นโลหิตลงในแผ่นหยก

 

ในดวงตานางมีความหวังที่แอบซ่อนอยู่บ้าง เซี่ยจิงหยูมั่นใจมาก

 

ซ่า

 

ภาพประหลายเกิดขึ้น เมื่อแก่นโลหิตกระทบแผ่นหยก มันถูกดูดซับเข้าไปในทันที

 

มีภาษาโบราณปรากฏบนผิวแผ่นหยก อักษรเหล่านั้นหมุนวนอยู่กลางอากาศและต่อกันเป็นคำ คำที่ดูไม่คุ้นเคยในครั้งแรกได้กลายเป็นคำที่ซือหยูเข้าใจเมื่อมารวมกัน

 

สายเลือดตระกูลสตรีเทวะ บริสุทธิ์ระดับสาม…

 

อักษรสว่างจ้าทำให้จางซื่อเหลียนตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ดวงตานางเริ่มเป็นประกาย

 

“เจ้าเป็นกายวิญญาณโบราณจริงๆ!”

 

แม้แต่อสูรเนรมิตรอย่างฮงหลวนยังมิอาจปกปิดอย่างตกใจได้เมื่อมองกายวิญญาณโบราณ! ร่างวิญญาณเป็นตัวตนในตำนานของจิวโจว มันหายากเสียยิ่งกว่าอสูรเนรมิตร!

 

แต่ละคนล้วนมีพรสวรรค์และพลังที่มิอาจบรรยาย อนาคตของคนเหล่านี้จะต้องมีพลังอย่างน้อยในระดับจ้าวเทวะ การเป็นอสูรเนรมิตรเองก็เป็นเรื่องที่ง่ายดาย!

 

เมื่อใดก็ตามที่ร่างวิญญาณโบราณปรากฏตัวในทวีปจิวโจว เมื่อนั้นก็จะเกิดความโกลาหลวุ่นวาย ทุกฝ่ายจะแข่งขันกันอย่างดุเดือดเป็นทวีคูณ

 

การได้ร่างวิญญาณโบราณไปหมายความกว่าการได้อสูรเนรมิตรมาครองล่วงหน้า ดังนั้นทุกคนจึงต้องต่อสู้แย่งชิงมาด้วยพลังทั้งหมดที่มี ร่างวิญญาณโบราณนี้ล้ำค่าเสียยิ่งกว่าแก่นแท้วิญญาณ!

 

“สายเลือดแข็งแกร่งนัก! บริสุทธิ์ระดับสาม! ไม่น่าเชื่อเลย! กู้ไทซูก็เป็นร่างวิญญาณโบราณ แต่สายเลือดของเขาแทบจะไม่ถึงครึ่งระดับ ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นจ้าวเทวะขั้นสูงตั้งแต่อายุน้อย จะมีอะไรพูดได้ยิ่งกว่านี้อีกเล่า?”

 

ฮงหลวนเป็นอสูรเนรมิตรที่บ่มเพาะมาหลายปี แม้แต่นางยังตกใจ เพราะระดับสามจะต้องเป็นร่างวิญญาณระดับสูงอย่างแน่นอน!

 

เซี่ยจิงหยูถามออกมาทันที

 

“ถ้าเช่นนั้น เจ้าจะปล่อยเขาไปได้รึยัง?”

 

ความตื่นเต้นยังคงแสดงออกบนใบหน้าจางซื่อเหลียน แต่นางก็ยังคงมีไหวพริบอยู่ นางเงียบไปครู่เดียวก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ

 

“เกรงว่าข้าจะทำอย่างที่เจ้าหวังไม่ได้หรอก! แต่ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ทำร้ายเขา”

 

จางซื่อเหลียนไม่คิดจะทำให้เซี่ยจิงหยูโกรธจนเกินไป

 

“ถึงชางก่วนชิงเอ๋อจะไม่มีประสบการณ์พอ เข็มทิศที่ใช้ตรวจสอบก็สร้างจากม่อเทียนฉวน ถ้ามันชี้มาที่เขา มันก็ต้องไม่พลาด!”

 

นางพูดเสริม

 

“ส่วนเรื่องผลของตัวเจ้าที่เจ้าพูด น้องสาวจิงหยูเอ๋ย ข้ารู้ว่าเจ้าพยายามปกป้องเขา แต่ข้าก็มีหน้าที่ของข้า”

 

หลังจากนางพูดจบ นางแตะแขนซือหยูเบาๆ มุกวิญญาณเก้าหยกเปล่งแสงจ้าจากแขนซือหยู

 

จากนั้นจางได้ปล่อยวิญญาณเข้าไป ซือหยูใจหายไปถึงก้นหุบเขา เขาโกรธจนตัวสั่น!

 

เซี่ยจิงหยูเผยตัวมาเพื่อเขาและสละตัวเพื่อเขาอีก นางทำกระทั่งเสนอร่างกายตัวเอง แต่มันก็ยังไม่พอ เซี่ยนเอ๋อจะถูกลากมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย!

 

ส่วนเขาเอง เขารู้สึกราวกับตัวเองเป็นเศษขยะไร้ค่า เขาสิ้นหวัง เขาทำอะไรไม่ได้เลย!

 

ความรู้สึกละอายใจและไร้ค่าพาซือหยูย้อนคิดกลับไปในตอนที่อยู่สำนักเซี่ยนหยู เขาคิดถึงตอนที่ชายคนนั้นแย่งคนรักไปจากเขา แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เลย! เรื่องทั้งหมดมันคล้ายกันเกินไป

 

เขายังโกรธแค้นตัวเองที่ไร้ค่า!

 

ถ้าข้าปกป้องผู้หญิงคนเดียวไม่ได้ แล้วข้าจะตอบแทนบุญคุณกับคนอื่นๆได้อย่างไร? ข้าจะต้องมองผู้หญิงของข้าถูกพาตัวไปจริงๆรึ?

 

อารมณ์ที่แปรปรวนของซือหยูทำให้หม้อเก้ามังกรสั่นไหวอย่างรุนแรง ของเหลวที่เหมือนหยดโลหิตสามหยดหยดลงมาในสายโลหิตของซือหยู

 

เสียงแสงส่องสว่างดังขึ้น ลูกตาซือหยูขยับเบาๆ เขาต้านทานการข่มพลังของอสูรเนรมิตรได้แล้ว! แต่ก็มีเพียงดวงตาที่ขยับได้

 

ไม่มีเคยสังเกตเลยว่าในดวงตาของซือหยูมีแสงสีขาวเปล่งประกายออกมา และยังมีมังกรน้ำแข็งแหวกว่ายอยู่ในดวงตาเขา!

 

หม้อเก้ามังกรสั่นอีกสองครั้ง จากนั้นมังกรขาวกับมังกรม่วงตามด้วยมังกรแดงได้กลายเป็นผลึกแก้ว!

 

ดวงตาของซือหยูเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง พลังใหม่ถือกำเนิดขึ้น! ขณะเดียวกัน จางซื่อเหลียนที่เข้าไปในมุกวิญญาณเก้าหยกก็กลับมา

 

“แปลกจริงๆ หรือขางก่วนชิงเอ๋อจะพลาด?”

 

แปลกมากที่จางซื่อเหลียนไม่พบอะไรเลย!

 

ถ้านางไม่เจอฉินเซี่ยนเอ๋อกับหลงหวูชิง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องนำมาคิด เพราะซือหยูแยกนางทั้งสองเอาไว้

 

แต่ไม่มีทางเลยที่นางจะไม่เจอตัวหวูอู๋ยี่ เพราะนางไม่ได้ถูกแยกตัวออกไปไหน! และนางก็ยังไม่เห็นสวนของเขาที่มีดินเพาะบ่มชั้นสูง…

 

จากนั้นก็มีเสียงดังมาจากในหูของซือหยู เสียงดูร้อนรน

 

“เจ้าทำอะไรลงไป? เจ้าไปยุ่งกับคนในระดับอสูรเนรมิตรรึ?”

 

นี่เป็นเสียงจากเสี้ยววิญญาณจิ้งจอกเก้าหาง!

 

นางพูดต่อ

 

“โชคดีที่ข้าใช้วิชาลวงปิดมิติทัน นางเห็นแต่ที่ว่างเปล่า ถ้าไม่อย่างนั้นเจ้ากับข้าจะลำบาก!”

 

ซือหยูโล่งใจ เขาเกือบจะลืมเรื่องตัวตนของเสี้ยววิญญาณลึกลับในตัวเขาแล้ว

 

“ผู้เฒ่าจิ้งจอกขาว ท่านจะช่วยข้าได้หรือไม่?”

 

ซือหยูถามอย่างร้อนใจ

 

จิ้งจอกเก้าหางตอบกลับ

 

“เจ้าต้องผิดหวังแล้วล่ะ ข้าเป็นแค่เสี้ยววิญญาณ แค่ปกปิดตัวเองจากนางก็เป็นขีดกำจัดของข้าแล้ว ไม่มีทางที่ข้าจะเป็นภัยต่อนางได้เลย!”

 

จิ้งจอกเก้าหางพูดจบและเงียบไป เพราะกับนาง ถ้าหากซือหยูตาย นางก็เพียงเปลี่ยนเจ้าของมุกวิญญาณเก้าหยก แต่ถ้านางตาย นางจะหายไปโดยสมบูรณ์

 

ซือหยูใจหายยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้จางซื่อเหลียนตรวจสอบเขาเสร็จแล้ว นางจะพาเซี่ยจิงหยูไปพบกับผู้เป็นนายที่นางพูดถึง

 

ด้วยความงามและร่างกายที่มีคุณสมบัติอันน่าตกใจของเซี่ยจิงหยู นางจะต้องถูกจับเป็นตัวประกัน นางจะกลายเป็นสตรีของคนคนนั้น!

 

ซือหยูกัดฟันเข้าไปในกล่องหยกที่อก วิญญาณของอาจารย์หยุนย่าสีพักอยู่ในนั้น

 

คนเดียวที่ซือหยูจะหวังพึ่งได้ก็มีเพียงอาจารย์คนนี้ของเขาเท่านั้น ตั้งแต่ที่ซือหยูเป็นศิษย์ เขาเพียงแค่ให้วิชาโอรสสวรรค์จ้องนภากับซือหยูโดยไม่รู้ที่มา

 

จากนั้นเขาก็ไม่ได้ให้แนวทางการบ่มเพาะพลังกับซือหยูอีกเลย เขายังพูดอีกว่าไม่ว่าซือหยูจะเจออันตรายแบบใด เขาจะไม่มายุ่งเกี่ยวแทนซือหยู เขาพูดไปเพื่อไม่ให้ซือหยูต้องมาหวังกับการช่วยเหลือ

 

ด้วยเงื่อนไขเช่นนี้ แม้ว่าชีวิตของซือหยูจะตกอยู่ในอันตราย หยุนย่าสีก็จะไม่ช่วยอะไร แน่นอนว่าถ้าซือหยูตายจริงๆ หยุนย่าสีก็จะออกมาฆ่าศัตรูเพื่อแก้แค้นให้กับซือหยู

 

ซือหยูจดจำเรื่องนี้ได้เสมอมา ดังนั้นไม่ว่าเขาจะเจอกับสถานการณ์แบบใด เขาก็ไม่เคยขอความช่วยเหลือ ในวันนี้ เซี่ยจิงหยูยินดีที่จะสละตัวเพื่อเขา แต่เขายังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย เขาต้องขอร้องความช่วยเหลือจากอาจารย์ เพราะนี่ไม่ใช่เพื่อตัวเขาเอง แต่เป็นเพื่อเซี่ยจิงหยู!

 

วิญญาณซือหยูเข้าไปในมิติของกล่องหยก ร่างของหยุนย่าสีที่ไม่ได้เห็นมานานนั่งสมาธิอยู่ภายใน

 

ซือหยูทักอาจารย์โดยการเรียกเบาๆ

 

“ท่านอาจารย์!”

 

หยุนย่าสีลืมตาช้าๆ แววตานั้นดูสับสน เพราะครั้งสุดท้ายที่ได้พบกัน เขาฟื้นฟูดวงวิญญาณอย่างเงียบๆและบ่มเพาะพลังมาหลายวัน เขาเพิ่งจะลืมตาขึ้นมาในวันนี้

 

“มีอะไรของเจ้า?”

 

หยุนย่าสีถาม

 

ซือหยูพบว่ายากที่จะอธิบาย เขาหยุดนิ่งไปครู่ก่อนจะพูด

 

“ได้โปรด ท่านอาจารย์ ช่วยข้าช่วยชีวิตคนคนหนึ่งด้วยเถอะ”

 

หยุนย่าสีเงียบไป เขาถอนหายใจเบาๆ

 

“ท้ายสุดเจ้าก็ผิดคำสัญญา”

 

ซือหยูละอายใจถึงที่สุดที่มิอาจช่วยนางได้ด้วยตัวเอง

 

“ได้โปรดช่วยข้าเถอะอาจารย์”

 

ซือหยูโค้งคำนับลง

 

“นางเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตข้า ข้าจะตายก็ได้ แต่ไม่ใช่นาง”

 

เซี่ยจิงหยูเคยพูดแบบเดียวกัน ข้าจะตายก็ได้ แต่ไม่ใช่กับพี่หยู! ครั้งนี้ เหตุการได้พลิกกลับไป!

 

“ถ้าหากท่านช่วยข้า ศิษย์ผู้นี้ยินดีจะทำทุกสิ่งที่อาจารย์ร้องขอ”

 

ซือหยูขอร้องอย่างจริงใจ

 

ตั้งแต่ที่เกาะเฉินยี่ ซือหยูไม่เคยขอร้องความช่วยเหลือจากใคร เขาไม่เคยตกต่ำขนาดต้องมาอ้อนวอนอย่างไร้ยางอายเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะตอนนี้เขาได้เผชิญหน้ากับอันตรายที่เขามิอาจแก้ไขได้

 

“ลุกขึ้นมา ข้าทนไม่ได้ที่ต้องมาเห็นความตกต่ำเช่นนี้”

 

หยุนย่าสีขมวดคิ้วเมื่อพูด

 

ซือหยูโล่งใจขึ้น

 

“ท่านอาจารย์จะช่วยข้าแล้วใช่ไหม?”

 

หยุนย่าสีดูเยือกเย็น

 

“ข้าเคยพูดแล้วว่าข้าจะไม่ช่วยเจ้า นี่เป็นสัญญาของข้า ไม่มีข้อยกเว้นอะไรทั้งนั้น!”

 

หยุนย่าสีแทบจะไร้หัวใจเมื่อสั่งเขา

 

“ออกไปเดี๋ยวนี้!”

 

“ท่านอาจารย์?”

 

ซือหยูตื่นตระหนก

 

แต่หยุนย่าสีก็ไม่ขยับตัว เขาสะบัดเสื้อไล่วิญญาณซือหยูออกไปจากกล่องหยก

 

หลังจากที่กลับมาที่กายเนื้อ ซือหยูผิดหวังเป็นอย่างมาก เขาได้อ้อนวอนอย่างไร้ยางอาย แต่อาจารย์ของเขาก็ไม่คิดจะช่วยแม้แต่น้อย

 

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเซี่ยจิงหยูกันเล่า? นางกำลังจะถูกพาตัวไปแล้ว และทั้งหมดก็เป็นเพราะเขา ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป นางจะกลายเป็นสตรีของคนอื่น!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด