The Divine Nine Dragon Cauldron 888

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 888 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

DND.888 – ป่าปีศาจร้าง
ไม่ช้าไม่นานซือหยูก็ได้พบกับแม่นางหลิง นางยังคงเยือกเย็นและสง่างามเช่นเคย นางมองดูซือหยูด้วยดวงตาอันงดงาม นางมิได้เห็นใบหน้าอันชัดเจนของเขา นางบอกได้แค่ว่าเขาคือชายหนุ่ม
“ท่านนายน้อยมาจากเมืองเทียนหยาหรือไม่?”
แม่นางหลิงถามซือหยูอย่างยิ่งใหญ่คำถามของนางมิได้ดูแปลก เพราะคนที่ขอพบนางโดยเฉพาะมักจะไม่ใช่คนแปลกหน้าในเมืองเทียนหยา
ซือหยูนั่งลงเงียบๆและตอบกลับด้วยคำถาม
“แม่นางหลิงสนใจตัวข้ามากกว่าจะซื้อขายสมบัติภูติงั้นรึ?”
แม่นางหลิงบอกได้เลยว่าอีกฝ่ายไม่อยากจะพูดคุยเล็กน้อยกับนางนางจึงกล่าว
“ขออภัยที่ต้องพูดตรงๆตามปกติจะมีเพียงอสูรเนรมิตรเท่านั้นที่จะมีสมบัติภูติได้ ข้าจึงกังวลถึงที่มาของมัน ข้าจึงต้องถาม”
นางกังวลว่าซือหยูอาจจะขโมยสมบัติภูติมาและทำให้อสูรเนรมิตรผู้เป็นเจ้าของโกรธเข้าถ้าเป็นเช่นนั้น นางก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย!
“ข้าบังเอิญเจอมัน”
ซือหยูพูดอย่างเฉยเมย
แม่นางหลิงพูดไม่ออกนางคิด…สมบัติภูติจะบังเอิญเจอได้ง่ายๆงั้นรึ?
เมื่อคิดครู่หนึ่งแม่นางหลิวกล่าว
“ย่อมได้ถ้าเป็นโรงประมูลทั่วไปก็คงไม่กล้ารับสมบัติภูติที่ไม่รู้ที่มา แต่ข้ามีเส้นสายที่จะช่วยท่านแอบประมูลมันได้ ถ้าเชื่อใจข้า ท่านแสดงส่วนของสมบัติภูติให้ข้าดู เราค่อยตกลงกัน…”
“มันไม่ใช่แค่ส่วนของสมบัติภูติ”
ซือหยูส่ายหน้า
แม่นางหลิงตาเป็นประกายถ้าหากไม่ใช่ส่วนของสมบัติ มันก็น่าจะเป็นต้นแบบสมบัติภูติ
สมบัติภูตินั้นมีราคาสูงจนน่าตกใจและถ้าหากนางช่วยเขาประมูลได้ ค่าธรรมเนียมที่นางได้จากการแลกเปลี่ยนก็ย่อมยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน!
“จริงๆแล้ว…มันคือสมบัติภูติแบบสมบูรณ์”
ซือหยูวางแหวนมิติลงบนโต๊ะอย่างสุขุม
นางสังเกตว่าซือหยูไม่ได้แตะต้องมันเองดูเหมือนว่าแค่ตัวแหวนเองก็แข็งแกร่งอยู่แล้ว มันอาจจะอันตรายก็ได้! แม่นางหลิงแปลกใจที่เห็นว่าเขาระวังระวังเช่นนี้ นางกระพริบตามองแหวนและส่งพลังชีวิตเข้าไปดูสมบัติที่อยู่ภายใน
จากนั้นหลังจากหลอมพลังดวงวิญญาณเข้าไปด้วย สิ่งที่เห็นในแหวนมิติก็ชัดเจนขึ้นมาก กงล้อรูปทรงพิลึกวางอยู่ในแหวนอย่างเงียบเชียบ
ภาพลางแล่นผ่านจิตใจแม่นางหลิงเพราะสิ่งที่นางเห็นนั้นดูคุ้นราวกับเคยเห็นมาก่อนและจู่ๆกงล้อก็ปล่อยคลื่นพลังอสูรออกมา พลังวิญญาณที่นางส่งเข้าไปถูกทำลายตั้งแต่ก่อนที่นางจะได้ตอบสนอง!
“อ๊าาาา!”
แม่นางหลิงโยนแหวนมิติทิ้งราวกับถูกสายฟ้าฟาด!นางเรียกพลังชีวิตออกมาป้องกันระหว่างตัวนางกับแหวน
ความทุกข์ทรมานบนใบหน้าปรากฏชัดเสี้ยววิญญาณของนางถูกทำลายไป นางหน้าซีดราวกับกระดาษ
นางตกใจและหวาดกลัว
“นั่น…นั่นมันสมบัติภูติวิถีอสูรสูงสุดจักรบิน! ไม่อยากจะเชื่อว่าท่านเอาของแบบนี้มา!”
จักรบินรึ?ซือหยูจดจำเอาไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อกงล้อทมิฬชิ้นนี้
เมื่อองครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้าล้มเหลวในการตามหาซือหยูทั้งถ้าได้ต่อสู้ครั้งใหญ่กับสตรีอสูรเนรมิตรคนหนึ่ง สุดท้ายนางก็บาดเจ็บอย่างรุนแรงจากภาพฉายของราชาเขตกลางที่องครักษ์แสงกระจ่างเรียกออกมา
ขณะที่นางเกือบตายนางก็เกือบจะทำให้ซือหยูตายไปด้วย! เคราะห์ดีที่ซือหยูมีวิธีหนีจากองครักษ์แสงกระจ่าง
ซือหยูยังรักษาบาดแผลให้นางในหลังจากนั้นแต่เพื่อเป็นการล้างแค้น เขาได้ชิงสมบัติภูติที่มีพลังอสูรนอันน่าตกใจของนางมาด้วย มันได้กลายเป็นแหล่งหลักในการหาแก้วของซือหยูจนถึงตอนนี้ เพราะว่าราชาของสมบัติภูตินั้นสูงจนไม่อยากจะเชื่อ
ซือหยูเลิกคิ้วเขาเก็บแหวนในทันทีที่เห็นสีหน้าของแม่นางหลิง
“ถ้าเจ้าไม่อยากจะรับและซื้อขายกันข้าก็จะไปแล้ว”
ดูเหมือนว่าตัวตนของเจ้าของจักรบินจะสำคัญมากนางดูไม่สนใจเลยว่าเขาจะขายมันหรือไม่!
“ช้าก่อนขะ…ข้าต้องคิดดูก่อน…”
แม่นางหลิงรีบพูดขณะที่หยุดใช้พลังแต่นางก็มิอาจปิดบังความตกใจได้
ซือหยูส่ายหน้า
“ข้าไม่มีเวลารอเจ้าตัดสินใจได้เมื่อไหร่ค่อยติดต่อข้ามา”
จากนั้นซือหยูก็โยนสร้อยหยกให้นางและออกจากโรงประมูลเทียนหยาทันทีโดยไม่หยุดพักแม่นางหลิงรับสร้อยหยกสื่อสารเอาไว้ กว่านางจะหายใจเต้นแรงก็เป็นเวลานานแล้ว
นางคิด….ทำไมสมบัติภูติของอสูรเทียนฉวนถึงตกอยู่ในมือของชายหนุ่มลึกลับผู้นี้เล่า?ข้าต้องบอกเรื่องนี้กับจ้าวผา เขาเท่านั้นที่จะตัดสินใจได้…
ขณะนั้นกงซุนหวูซื่อวิ่งมาข้างในและถาม
“ท่านป้าพร้อมหรือยัง?วันเซ่นจะมาถึงแล้วนะ!”
แม่นางหลิงมองและตอบอย่างใจเย็น
“ข้าพร้อมแล้วครั้งนี้เจ้าโชคดีมาก เพราะจะต้องมีสมบัติในป่าปีศาจร้างที่ช่วยชำระร่างกายเจ้าได้แน่”
กงซุนหวูซื่อพยักหน้า..Aileen-novel
“ใช่แล้ว!ถ้าข้าหาเจอ ฤทธิ์สิ่งนั้นในร่างข้าหายไป ข้าก็จะไม่มีร่างกายสภาพนี้อีก! ข้าอยากจะเป็นหญิงสาว หญิงสาวที่สวยสุดๆไปเลย!”
ที่หอวิญญาณฟ้า
หูหวังกุยกับจ้าวเทวะชั้นกลางหลายคนยืนอยู่ในโถงใหญ่พวกเขาก้มหน้าเงียบ ต่อหน้าพวกเขาคือชายแก่ที่สวมชุดขาว
ชายแก่เหลือบมองหูกวังกุยและกล่าว
“จ้าวดินแดนมีดสวรรค์บอกเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วเจ้าไม่มีความผิด ศัตรูต่างหากที่ทำได้ดีเกินไป ข้าเข้าใจเหตุที่เจ้าล้มเหลว”
หูหวังกุยกับคนที่เหลือถอนหายใจด้วยความโล่งอกความกังวลใจหายไปช้าๆ
“จ้าวดินแดนบอกให้ข้าหาข้อมูลว่าการเตรียมเซ่นป่าปีศาจร้างไปถึงไหนแล้ว…”
ผู้เฒ่าชุดขาวพูดเสียงแข็ง
ใบหน้าหูหวังกุยเฉียบคมขึ้นเขาตอบด้วยความมั่นใจ
“โปรดให้ท่านผู้นั้นวางใจทุกอย่างพร้อมแล้ว พวกเราจ้างอาจารย์ฉินกับหลินที่เชี่ยวชาญภาษาไม้มา ไม่มีใครในเขตกลางที่เทียบเท่าพวกเขา อาจารย์สองท่านนี้จะทำให้ดินแดนมีดสวรรค์ของพวกเราได้ดินแดนของโรงประมูลเทียนหยาอีกมาก”
เขาพูดต่อ
“ครั้งนี้พวกเราเชิญพวกเขามาอีกครั้งเพราะต่อให้เป็นพวกคนจากตำหนักโลหิตหรือตำหนักเมฆาม่วงก็เทียบไม่ติด ส่วนสิบหกสำนักที่เหลือก็ไม่มีอะไรให้กังวลเช่นกัน”
ผู้เฒ่าชุดขาวพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม
“ดีมากในห้าดินแดนของเขตกลาง มีแค่ดินแดนมีดสวรรค์ของพวกเราเท่านั้นที่มีรากฐานมั่นคงในเมืองเทียนหยา เราเอาชนะดินแดนพรสวรรค์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าใครก็นับถือ จ้าวดินแดนหวังกับพวกเจ้าไว้สูง ทำดีต่อไป อย่าให้จ้าวดินแดนผิดหวัง!”
หูหวังกุยพยักหน้าอย่างภูมิใจ
“ขอบคุณท่านมากข้าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อชิงดินแดนอีกครึ่งของเขตกลางกลับมา!”
ผู้เฒ่าชุดขาวสงสัยเขาถาม
“หืม?ความมั่นใจเจ้ามาจากที่ใดกัน? พวกเราวางแผนเกินสิบปีในการยึดครึ่งหนึ่งของเมืองเทียนหยา ครั้งนี้เจ้ามีแผนอะไรกัน?”
หูหวังกุยยิ้มอย่างประหลาด
“แน่นอนยากที่ยอดฝีมือภาษาไม้ของศัตรูจะเป็นแค่เครื่องประดับ พวกมันคือของจริง แต่ถ้าหากคนของพวกมันมาที่งานเซ่นไม่ได้เล่า?”
ผู้เฒ่าชุดขาวยิ้มอย่างชั่วร้ายเมื่อได้ฟังแผนเขาเข้าใจความหมายของหูหวังกุยแล้ว

ซือหยูเปลี่ยนรูปลักษณ์มาเป็นชายแก่อีกครั้งเขากลับไปรายงานภารกิจด้วยตัวตนของซือหยูเซี่ยน ชายที่คุ้มกันหน้าประตูก็คือชายวัยกลางคนสกุลจู้คนเดิม
เมื่อเห็นการมาของซือหยูเขาไม่ได้แสดงท่าทีกระตือรือร้นเหมือนแต่ก่อน
“หมดเวลาในตำแหน่งของเจ้าแล้วรึ?”
ซือหยูพยักหน้าและยิ้ม
“ใช่แล้วหวังว่าท่านจะให้ข้าเข้าไป”
ทหารจู้พยักหน้าและเปิดผนึกให้ซือหยูเข้าสู่ด้านในเขาจ้องมองแผ่นหลังของซือหยูจนลับตา
ที่ห้องด้านในชั้นสอง…
“เจ้ารักษาคำพูดของเจ้าจริงๆที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าคุ้นเคยกับภาษาไม้มากขึ้นหรือไม่?”
รองผู้จัดการใหญ่ถามซือหยูอย่างสุภาพ
ซือหยูตอบ
“อืม…ท่านน่าจะบอกได้ว่า‘เกือบจะคุ้น’ ล่ะมั้ง!”
ความสิ้นหวังฉายผ่านแววตารองผู้จัดการใหญ่แต่เขาก็ยังคงยิ้มตอบ
“อย่างน้อยเจ้าก็พัฒนาขึ้นบ้างล่ะนะ”
“รองผู้จัดการใหญ่ท่านยังไม่คิดจะบอกเรื่องใหญ่ครั้งนี้กับข้าในตอนนี้อีกหรือ?”
ซือหยูสงสัยเรื่องนี้มาเป็นเวลานานแล้ว
รองผู้จัดการใหญ่แววตาคมกริบขึ้นมาเขาคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจ
“ข้าว่าถึงเวลาที่ต้องบอกเจ้าแล้วล่ะ”
เขาหายใจเข้าลึกและถาม
“เหตุที่ข้าให้เจ้าเข้าร่วมงานนี้ก็เพราะความเชี่ยวชาญภาษาไม้ของเจ้าเดี๋ยวเจ้าจะได้เห็น…เมืองเทียนหยากำลังจัดงานเซ่นประจำปีของป่าปีศาจร้าง ขั้นตอนนั้นเกี่ยวข้องกับภาษาไม้”
ซือหยูใจเต้นแรงเขานึกขึ้นได้ในทันที…มิใช่ว่าการเซ่นป่าปีศาจร้างถูกพูดถึงในคู่มือของเหยามู่เต๋าเหรินหรอกรึ? แล้ว…ทรายสีทองที่ซือหยูมีก็เกี่ยวข้องกับงานเซ่นอีกด้วย!
“งานเซ่นป่าปีศาจร้างที่ว่านี้กำเนิดมานานแล้วตั้งแต่เมื่อก่อน ดินแดนพรสวรรค์จัดงานนี้ทุกปี นี่เป็นสิ่งที่ต้องทำ มิเช่นนั้นจะมีผลร้ายแรงตามมา”
น้ำเสียงของรองผู้จัดการใหญ่เคร่งขรึมขึ้นขณะที่อธิบาย
ซือหยูถาม
“หากไม่จัดงานจะเกิดอะไรขึ้นหรือ?”
เขาคิด…หรือว่าจะเป็นอันตรายที่เกี่ยวข้องกับดินแดนพรสวรรค์?นี่มันแปลกจริงๆ!
“ก่อนพูดเรื่องแท่นบูชาข้าต้องอธิบายเรื่องป่าปีศาจร้างกับเจ้าก่อน ป่าปีศาจมีอาณาเขตพันลี้ ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งสามารถไปที่นั่นได้แค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น มันคือพื้นที่ต้องห้ามของมนุษญ์ในเมืองเทียนหยาและดินแดนพรสวรรค์! ไม่ว่าจะภูติ จ้าวเทวะ หรืออสูรเนรมิตรก็ไม่เคยมีชีวิตรอดกลับมาหลังจากเข้าป่าปีศาจร้าง!”
รองผู้จัดการใหญ่อธิบายพร้อมเบิกตากว้าง
ซือหยูหายใจเข้าลึก…แม้แต่อสูรเนรมิตรก็ไม่รอดรึ?ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามีสถานที่อันตรายเช่นนั้นอยู่ด้วย!
“ตามบันทึกในตำราโบราณที่ส่งผ่านมาถึงตำหนักโลหิตดูเหมือนว่าหมื่นปีก่อน จู่ๆป่าปีศาจร้างก็ผุดขึ้นมาในดินแดนจิวโจว มันยึดครองพื้นที่และไม่เคยขยับจากที่นั่นเลย…”
รองผู้จัดการใหญ่กล่าว
เขาพูดต่อ
“นับตั้งแต่ตอนนั้นในเวลานี้ของปี รากไม้น่ากลัวมากมายจะผุดขึ้นมาจากป่า มันแผ่ขยายปกคลุมพื้นที่สุดลูกหูลูกตา ไม่ว่าจะผ่านสิ่งมีชีวิตใด หรือผ่านสมบัติวิเศษใด มันจะถูกลากกลับเข้าป่าและไม่เคยหวนกลับมา!”
รองผู้จัดการใหญ่กลืนน้ำลายเสียงดังเขาหวาดกลัวเมื่อเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์
“เคยมีครั้งหนึ่งที่อสูรเนรมิตรของจิวโจวหลายคนร่วมมือกันเข้าไปที่นั่นเพื่อตรวจสอบแต่พวกเขาก็ไม่เคยกลับมา ไม่มีใครรู้ว่าคนเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
เขากลืนน้ำลายอีกครั้ง
“ต่อมาเหล่ามนุษย์ก็ได้สร้างแท่นบูชาที่ชายแดนป่าปีศาจร้าง ในเวลานี้ของปี หากมีสิ่งมีชีวิตใดที่เข้าใจภาษาไม้ปรากฏบนแท่น รากไม้จะไม่ปรากฏ นั่นทำให้ภัยพิบัติไม่เกิดขึ้นอีก”
เขาพูดต่อ
“ดังนั้นแล้วคนในดินแดนพรสวรรค์ตั้งแต่ครั้งโบราณจึงทำการเซ่นบูชาทุกปีเพื่อป้องกันภัยพิบัติ เมืองเทียนหยาที่ใกล้แท่นบูชาที่สุดต้องแบกรับภารกิจนี้ไว้บนบ่า”
ซือหยูเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วเขายังคงตกใจอยู่เลย
“ไม่มีสักคนจริงๆรึที่รอดกลับมาจากป่าปีศาจร้างได้สำเร็จ?”
“มีสิ!”
รองผู้จัดการใหญ่ตาลุกวาว
“ครั้งหนึ่งมีชายที่แข็งแกร่งถึงขีดสุด เขามีพลังต่อสู้เทียบเท่าจักรพรรดิจิวโจว เขาไปที่ป่าปีศาจร้างและตั้งรกรากอยู่ที่นั่น เขาออกมาจากที่นั่นบ้างเป็นบางครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับป่าเลย”
เขาหยุดพักหายใจและพูดต่อ
“ครั้งสุดท้ายที่เขาปรากฏตัวคือเมื่อพันปีก่อนนับจากตอนนั้นก็ไม่มีใครได้ยินเรื่องของเขาอีก ตอนนี้มันนานเกินพันปีเข้าไปแล้ว เขาคงจะตายไปแล้วล่ะ”
“คนผู้นั้นคือใครกัน?”
ซือหยูถามขณะใจเต้นแรง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Divine Nine Dragon Cauldron 888

Now you are reading The Divine Nine Dragon Cauldron Chapter 888 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

DND.888 – ป่าปีศาจร้าง
ไม่ช้าไม่นานซือหยูก็ได้พบกับแม่นางหลิง นางยังคงเยือกเย็นและสง่างามเช่นเคย นางมองดูซือหยูด้วยดวงตาอันงดงาม นางมิได้เห็นใบหน้าอันชัดเจนของเขา นางบอกได้แค่ว่าเขาคือชายหนุ่ม
“ท่านนายน้อยมาจากเมืองเทียนหยาหรือไม่?”
แม่นางหลิงถามซือหยูอย่างยิ่งใหญ่คำถามของนางมิได้ดูแปลก เพราะคนที่ขอพบนางโดยเฉพาะมักจะไม่ใช่คนแปลกหน้าในเมืองเทียนหยา
ซือหยูนั่งลงเงียบๆและตอบกลับด้วยคำถาม
“แม่นางหลิงสนใจตัวข้ามากกว่าจะซื้อขายสมบัติภูติงั้นรึ?”
แม่นางหลิงบอกได้เลยว่าอีกฝ่ายไม่อยากจะพูดคุยเล็กน้อยกับนางนางจึงกล่าว
“ขออภัยที่ต้องพูดตรงๆตามปกติจะมีเพียงอสูรเนรมิตรเท่านั้นที่จะมีสมบัติภูติได้ ข้าจึงกังวลถึงที่มาของมัน ข้าจึงต้องถาม”
นางกังวลว่าซือหยูอาจจะขโมยสมบัติภูติมาและทำให้อสูรเนรมิตรผู้เป็นเจ้าของโกรธเข้าถ้าเป็นเช่นนั้น นางก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย!
“ข้าบังเอิญเจอมัน”
ซือหยูพูดอย่างเฉยเมย
แม่นางหลิงพูดไม่ออกนางคิด…สมบัติภูติจะบังเอิญเจอได้ง่ายๆงั้นรึ?
เมื่อคิดครู่หนึ่งแม่นางหลิวกล่าว
“ย่อมได้ถ้าเป็นโรงประมูลทั่วไปก็คงไม่กล้ารับสมบัติภูติที่ไม่รู้ที่มา แต่ข้ามีเส้นสายที่จะช่วยท่านแอบประมูลมันได้ ถ้าเชื่อใจข้า ท่านแสดงส่วนของสมบัติภูติให้ข้าดู เราค่อยตกลงกัน…”
“มันไม่ใช่แค่ส่วนของสมบัติภูติ”
ซือหยูส่ายหน้า
แม่นางหลิงตาเป็นประกายถ้าหากไม่ใช่ส่วนของสมบัติ มันก็น่าจะเป็นต้นแบบสมบัติภูติ
สมบัติภูตินั้นมีราคาสูงจนน่าตกใจและถ้าหากนางช่วยเขาประมูลได้ ค่าธรรมเนียมที่นางได้จากการแลกเปลี่ยนก็ย่อมยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน!
“จริงๆแล้ว…มันคือสมบัติภูติแบบสมบูรณ์”
ซือหยูวางแหวนมิติลงบนโต๊ะอย่างสุขุม
นางสังเกตว่าซือหยูไม่ได้แตะต้องมันเองดูเหมือนว่าแค่ตัวแหวนเองก็แข็งแกร่งอยู่แล้ว มันอาจจะอันตรายก็ได้! แม่นางหลิงแปลกใจที่เห็นว่าเขาระวังระวังเช่นนี้ นางกระพริบตามองแหวนและส่งพลังชีวิตเข้าไปดูสมบัติที่อยู่ภายใน
จากนั้นหลังจากหลอมพลังดวงวิญญาณเข้าไปด้วย สิ่งที่เห็นในแหวนมิติก็ชัดเจนขึ้นมาก กงล้อรูปทรงพิลึกวางอยู่ในแหวนอย่างเงียบเชียบ
ภาพลางแล่นผ่านจิตใจแม่นางหลิงเพราะสิ่งที่นางเห็นนั้นดูคุ้นราวกับเคยเห็นมาก่อนและจู่ๆกงล้อก็ปล่อยคลื่นพลังอสูรออกมา พลังวิญญาณที่นางส่งเข้าไปถูกทำลายตั้งแต่ก่อนที่นางจะได้ตอบสนอง!
“อ๊าาาา!”
แม่นางหลิงโยนแหวนมิติทิ้งราวกับถูกสายฟ้าฟาด!นางเรียกพลังชีวิตออกมาป้องกันระหว่างตัวนางกับแหวน
ความทุกข์ทรมานบนใบหน้าปรากฏชัดเสี้ยววิญญาณของนางถูกทำลายไป นางหน้าซีดราวกับกระดาษ
นางตกใจและหวาดกลัว
“นั่น…นั่นมันสมบัติภูติวิถีอสูรสูงสุดจักรบิน! ไม่อยากจะเชื่อว่าท่านเอาของแบบนี้มา!”
จักรบินรึ?ซือหยูจดจำเอาไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อกงล้อทมิฬชิ้นนี้
เมื่อองครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้าล้มเหลวในการตามหาซือหยูทั้งถ้าได้ต่อสู้ครั้งใหญ่กับสตรีอสูรเนรมิตรคนหนึ่ง สุดท้ายนางก็บาดเจ็บอย่างรุนแรงจากภาพฉายของราชาเขตกลางที่องครักษ์แสงกระจ่างเรียกออกมา
ขณะที่นางเกือบตายนางก็เกือบจะทำให้ซือหยูตายไปด้วย! เคราะห์ดีที่ซือหยูมีวิธีหนีจากองครักษ์แสงกระจ่าง
ซือหยูยังรักษาบาดแผลให้นางในหลังจากนั้นแต่เพื่อเป็นการล้างแค้น เขาได้ชิงสมบัติภูติที่มีพลังอสูรนอันน่าตกใจของนางมาด้วย มันได้กลายเป็นแหล่งหลักในการหาแก้วของซือหยูจนถึงตอนนี้ เพราะว่าราชาของสมบัติภูตินั้นสูงจนไม่อยากจะเชื่อ
ซือหยูเลิกคิ้วเขาเก็บแหวนในทันทีที่เห็นสีหน้าของแม่นางหลิง
“ถ้าเจ้าไม่อยากจะรับและซื้อขายกันข้าก็จะไปแล้ว”
ดูเหมือนว่าตัวตนของเจ้าของจักรบินจะสำคัญมากนางดูไม่สนใจเลยว่าเขาจะขายมันหรือไม่!
“ช้าก่อนขะ…ข้าต้องคิดดูก่อน…”
แม่นางหลิงรีบพูดขณะที่หยุดใช้พลังแต่นางก็มิอาจปิดบังความตกใจได้
ซือหยูส่ายหน้า
“ข้าไม่มีเวลารอเจ้าตัดสินใจได้เมื่อไหร่ค่อยติดต่อข้ามา”
จากนั้นซือหยูก็โยนสร้อยหยกให้นางและออกจากโรงประมูลเทียนหยาทันทีโดยไม่หยุดพักแม่นางหลิงรับสร้อยหยกสื่อสารเอาไว้ กว่านางจะหายใจเต้นแรงก็เป็นเวลานานแล้ว
นางคิด….ทำไมสมบัติภูติของอสูรเทียนฉวนถึงตกอยู่ในมือของชายหนุ่มลึกลับผู้นี้เล่า?ข้าต้องบอกเรื่องนี้กับจ้าวผา เขาเท่านั้นที่จะตัดสินใจได้…
ขณะนั้นกงซุนหวูซื่อวิ่งมาข้างในและถาม
“ท่านป้าพร้อมหรือยัง?วันเซ่นจะมาถึงแล้วนะ!”
แม่นางหลิงมองและตอบอย่างใจเย็น
“ข้าพร้อมแล้วครั้งนี้เจ้าโชคดีมาก เพราะจะต้องมีสมบัติในป่าปีศาจร้างที่ช่วยชำระร่างกายเจ้าได้แน่”
กงซุนหวูซื่อพยักหน้า..Aileen-novel
“ใช่แล้ว!ถ้าข้าหาเจอ ฤทธิ์สิ่งนั้นในร่างข้าหายไป ข้าก็จะไม่มีร่างกายสภาพนี้อีก! ข้าอยากจะเป็นหญิงสาว หญิงสาวที่สวยสุดๆไปเลย!”
ที่หอวิญญาณฟ้า
หูหวังกุยกับจ้าวเทวะชั้นกลางหลายคนยืนอยู่ในโถงใหญ่พวกเขาก้มหน้าเงียบ ต่อหน้าพวกเขาคือชายแก่ที่สวมชุดขาว
ชายแก่เหลือบมองหูกวังกุยและกล่าว
“จ้าวดินแดนมีดสวรรค์บอกเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วเจ้าไม่มีความผิด ศัตรูต่างหากที่ทำได้ดีเกินไป ข้าเข้าใจเหตุที่เจ้าล้มเหลว”
หูหวังกุยกับคนที่เหลือถอนหายใจด้วยความโล่งอกความกังวลใจหายไปช้าๆ
“จ้าวดินแดนบอกให้ข้าหาข้อมูลว่าการเตรียมเซ่นป่าปีศาจร้างไปถึงไหนแล้ว…”
ผู้เฒ่าชุดขาวพูดเสียงแข็ง
ใบหน้าหูหวังกุยเฉียบคมขึ้นเขาตอบด้วยความมั่นใจ
“โปรดให้ท่านผู้นั้นวางใจทุกอย่างพร้อมแล้ว พวกเราจ้างอาจารย์ฉินกับหลินที่เชี่ยวชาญภาษาไม้มา ไม่มีใครในเขตกลางที่เทียบเท่าพวกเขา อาจารย์สองท่านนี้จะทำให้ดินแดนมีดสวรรค์ของพวกเราได้ดินแดนของโรงประมูลเทียนหยาอีกมาก”
เขาพูดต่อ
“ครั้งนี้พวกเราเชิญพวกเขามาอีกครั้งเพราะต่อให้เป็นพวกคนจากตำหนักโลหิตหรือตำหนักเมฆาม่วงก็เทียบไม่ติด ส่วนสิบหกสำนักที่เหลือก็ไม่มีอะไรให้กังวลเช่นกัน”
ผู้เฒ่าชุดขาวพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม
“ดีมากในห้าดินแดนของเขตกลาง มีแค่ดินแดนมีดสวรรค์ของพวกเราเท่านั้นที่มีรากฐานมั่นคงในเมืองเทียนหยา เราเอาชนะดินแดนพรสวรรค์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าใครก็นับถือ จ้าวดินแดนหวังกับพวกเจ้าไว้สูง ทำดีต่อไป อย่าให้จ้าวดินแดนผิดหวัง!”
หูหวังกุยพยักหน้าอย่างภูมิใจ
“ขอบคุณท่านมากข้าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อชิงดินแดนอีกครึ่งของเขตกลางกลับมา!”
ผู้เฒ่าชุดขาวสงสัยเขาถาม
“หืม?ความมั่นใจเจ้ามาจากที่ใดกัน? พวกเราวางแผนเกินสิบปีในการยึดครึ่งหนึ่งของเมืองเทียนหยา ครั้งนี้เจ้ามีแผนอะไรกัน?”
หูหวังกุยยิ้มอย่างประหลาด
“แน่นอนยากที่ยอดฝีมือภาษาไม้ของศัตรูจะเป็นแค่เครื่องประดับ พวกมันคือของจริง แต่ถ้าหากคนของพวกมันมาที่งานเซ่นไม่ได้เล่า?”
ผู้เฒ่าชุดขาวยิ้มอย่างชั่วร้ายเมื่อได้ฟังแผนเขาเข้าใจความหมายของหูหวังกุยแล้ว

ซือหยูเปลี่ยนรูปลักษณ์มาเป็นชายแก่อีกครั้งเขากลับไปรายงานภารกิจด้วยตัวตนของซือหยูเซี่ยน ชายที่คุ้มกันหน้าประตูก็คือชายวัยกลางคนสกุลจู้คนเดิม
เมื่อเห็นการมาของซือหยูเขาไม่ได้แสดงท่าทีกระตือรือร้นเหมือนแต่ก่อน
“หมดเวลาในตำแหน่งของเจ้าแล้วรึ?”
ซือหยูพยักหน้าและยิ้ม
“ใช่แล้วหวังว่าท่านจะให้ข้าเข้าไป”
ทหารจู้พยักหน้าและเปิดผนึกให้ซือหยูเข้าสู่ด้านในเขาจ้องมองแผ่นหลังของซือหยูจนลับตา
ที่ห้องด้านในชั้นสอง…
“เจ้ารักษาคำพูดของเจ้าจริงๆที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าคุ้นเคยกับภาษาไม้มากขึ้นหรือไม่?”
รองผู้จัดการใหญ่ถามซือหยูอย่างสุภาพ
ซือหยูตอบ
“อืม…ท่านน่าจะบอกได้ว่า‘เกือบจะคุ้น’ ล่ะมั้ง!”
ความสิ้นหวังฉายผ่านแววตารองผู้จัดการใหญ่แต่เขาก็ยังคงยิ้มตอบ
“อย่างน้อยเจ้าก็พัฒนาขึ้นบ้างล่ะนะ”
“รองผู้จัดการใหญ่ท่านยังไม่คิดจะบอกเรื่องใหญ่ครั้งนี้กับข้าในตอนนี้อีกหรือ?”
ซือหยูสงสัยเรื่องนี้มาเป็นเวลานานแล้ว
รองผู้จัดการใหญ่แววตาคมกริบขึ้นมาเขาคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจ
“ข้าว่าถึงเวลาที่ต้องบอกเจ้าแล้วล่ะ”
เขาหายใจเข้าลึกและถาม
“เหตุที่ข้าให้เจ้าเข้าร่วมงานนี้ก็เพราะความเชี่ยวชาญภาษาไม้ของเจ้าเดี๋ยวเจ้าจะได้เห็น…เมืองเทียนหยากำลังจัดงานเซ่นประจำปีของป่าปีศาจร้าง ขั้นตอนนั้นเกี่ยวข้องกับภาษาไม้”
ซือหยูใจเต้นแรงเขานึกขึ้นได้ในทันที…มิใช่ว่าการเซ่นป่าปีศาจร้างถูกพูดถึงในคู่มือของเหยามู่เต๋าเหรินหรอกรึ? แล้ว…ทรายสีทองที่ซือหยูมีก็เกี่ยวข้องกับงานเซ่นอีกด้วย!
“งานเซ่นป่าปีศาจร้างที่ว่านี้กำเนิดมานานแล้วตั้งแต่เมื่อก่อน ดินแดนพรสวรรค์จัดงานนี้ทุกปี นี่เป็นสิ่งที่ต้องทำ มิเช่นนั้นจะมีผลร้ายแรงตามมา”
น้ำเสียงของรองผู้จัดการใหญ่เคร่งขรึมขึ้นขณะที่อธิบาย
ซือหยูถาม
“หากไม่จัดงานจะเกิดอะไรขึ้นหรือ?”
เขาคิด…หรือว่าจะเป็นอันตรายที่เกี่ยวข้องกับดินแดนพรสวรรค์?นี่มันแปลกจริงๆ!
“ก่อนพูดเรื่องแท่นบูชาข้าต้องอธิบายเรื่องป่าปีศาจร้างกับเจ้าก่อน ป่าปีศาจมีอาณาเขตพันลี้ ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งสามารถไปที่นั่นได้แค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น มันคือพื้นที่ต้องห้ามของมนุษญ์ในเมืองเทียนหยาและดินแดนพรสวรรค์! ไม่ว่าจะภูติ จ้าวเทวะ หรืออสูรเนรมิตรก็ไม่เคยมีชีวิตรอดกลับมาหลังจากเข้าป่าปีศาจร้าง!”
รองผู้จัดการใหญ่อธิบายพร้อมเบิกตากว้าง
ซือหยูหายใจเข้าลึก…แม้แต่อสูรเนรมิตรก็ไม่รอดรึ?ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามีสถานที่อันตรายเช่นนั้นอยู่ด้วย!
“ตามบันทึกในตำราโบราณที่ส่งผ่านมาถึงตำหนักโลหิตดูเหมือนว่าหมื่นปีก่อน จู่ๆป่าปีศาจร้างก็ผุดขึ้นมาในดินแดนจิวโจว มันยึดครองพื้นที่และไม่เคยขยับจากที่นั่นเลย…”
รองผู้จัดการใหญ่กล่าว
เขาพูดต่อ
“นับตั้งแต่ตอนนั้นในเวลานี้ของปี รากไม้น่ากลัวมากมายจะผุดขึ้นมาจากป่า มันแผ่ขยายปกคลุมพื้นที่สุดลูกหูลูกตา ไม่ว่าจะผ่านสิ่งมีชีวิตใด หรือผ่านสมบัติวิเศษใด มันจะถูกลากกลับเข้าป่าและไม่เคยหวนกลับมา!”
รองผู้จัดการใหญ่กลืนน้ำลายเสียงดังเขาหวาดกลัวเมื่อเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์
“เคยมีครั้งหนึ่งที่อสูรเนรมิตรของจิวโจวหลายคนร่วมมือกันเข้าไปที่นั่นเพื่อตรวจสอบแต่พวกเขาก็ไม่เคยกลับมา ไม่มีใครรู้ว่าคนเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
เขากลืนน้ำลายอีกครั้ง
“ต่อมาเหล่ามนุษย์ก็ได้สร้างแท่นบูชาที่ชายแดนป่าปีศาจร้าง ในเวลานี้ของปี หากมีสิ่งมีชีวิตใดที่เข้าใจภาษาไม้ปรากฏบนแท่น รากไม้จะไม่ปรากฏ นั่นทำให้ภัยพิบัติไม่เกิดขึ้นอีก”
เขาพูดต่อ
“ดังนั้นแล้วคนในดินแดนพรสวรรค์ตั้งแต่ครั้งโบราณจึงทำการเซ่นบูชาทุกปีเพื่อป้องกันภัยพิบัติ เมืองเทียนหยาที่ใกล้แท่นบูชาที่สุดต้องแบกรับภารกิจนี้ไว้บนบ่า”
ซือหยูเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วเขายังคงตกใจอยู่เลย
“ไม่มีสักคนจริงๆรึที่รอดกลับมาจากป่าปีศาจร้างได้สำเร็จ?”
“มีสิ!”
รองผู้จัดการใหญ่ตาลุกวาว
“ครั้งหนึ่งมีชายที่แข็งแกร่งถึงขีดสุด เขามีพลังต่อสู้เทียบเท่าจักรพรรดิจิวโจว เขาไปที่ป่าปีศาจร้างและตั้งรกรากอยู่ที่นั่น เขาออกมาจากที่นั่นบ้างเป็นบางครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับป่าเลย”
เขาหยุดพักหายใจและพูดต่อ
“ครั้งสุดท้ายที่เขาปรากฏตัวคือเมื่อพันปีก่อนนับจากตอนนั้นก็ไม่มีใครได้ยินเรื่องของเขาอีก ตอนนี้มันนานเกินพันปีเข้าไปแล้ว เขาคงจะตายไปแล้วล่ะ”
“คนผู้นั้นคือใครกัน?”
ซือหยูถามขณะใจเต้นแรง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+